2209 ข้อความ
- 1 คนสงสัยหัวใจวายอย่างกะทันหันในโรงละครสิงคโปร์ แพทย์และผู้ช่วยในสิงคโปร์ตบข้อศอกภายในของผู้ป่วยและเขาหายดีหลังจากประมาณ 2 นาทีหัวใจวายอย่างกะทันหันในโรงละครสิงคโปร์ แพทย์และผู้ช่วยในสิงคโปร์ตบข้อศอกภายในของผู้ป่วยและเขาหายดีหลังจากประมาณ 2 นาที วิดีโอนี้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อให้ความสนใจกับผู้ป่วยหัวใจและวิธีการรับมือกับอาการหัวใจวายที่มักเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน หลายคนกลายเป็นคนไร้ประโยชน์และตายระหว่างทางไปโรงพยาบาล โปรดจำไว้ว่า: 1. โดยการตบข้อศอกด้านในของมือซ้ายตามที่แสดงในวิดีโอ จะช่วยกระตุ้นจุดเสริมความดัน 3 จุดรอบด้านซ้ายที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและปอด 2. การตบจะช่วยเร่งการไหลเวียนโลหิต ทำให้บุคคลรู้สึกอบอุ่นและหยุดเหงื่อออก คุณต้องรู้ว่าหัวใจวายเกิดจากการอุดตันของการไหลเวียนโลหิต โดยการตบและตบข้อศอกด้านในของมือ คุณสามารถเพิ่มอุณหภูมิร่างกาย หลีกเลี่ยงการรวมตัว และอำนวยความสะดวกในการไหลเวียนโลหิต จากนั้นพาคนไปโรงพยาบาลทันที ดีที่จะตบด้านในของข้อศอกซ้ายทุกวัน เนื่องจากสามารถป้องกันโรคหัวใจใด ๆ และลดการเกิดโรคหัวใจวายได้ ต้องแบ่งปันกับทุกการติดต่อ ความพยายามเล็ก ๆ น้อย ๆ สามารถช่วยชีวิตคนได้👇Mrs.Doubt• 2 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยขณะนี้มีการหลอกลวงทางเทคโนโลยีขั้นสูงที่เรียกว่า SIM SWAP FRAUD มันทำงานอย่างไร? 1. การหลอกลวงแบบใหม่ที่เรียกว่า SIM SWAP เริ่มต้นดังนี้... เครือข่ายโทรศัพท์ของคุณจะว่างเปล่า / ไม่มีสัญญาณ / Zero Bar และหลังจากนั้นไม่นาน คุณจะได้รับสาย 2. ผู้โทรจะแจ้งให้คุณทราบว่าเขากำลังโทรจากบริษัทโทรศัพท์มือถือของคุณ โดยขึ้นอยู่กับเครือข่ายของคุณและแจ้งว่ามีปัญหาในเครือข่ายมือถือของคุณ 3. เขา / เธอจะแนะนำให้คุณกด 1 บนโทรศัพท์ของคุณเพื่อเชื่อมต่อเครือข่ายอีกครั้ง *โปรด*...ในขั้นตอนนี้ ไม่ต้องกดอะไร แค่วางสาย หรือ วางสาย หากคุณกด 1 เครือข่ายจะปรากฏขึ้นทันทีและในชั่วพริบตา * โทรศัพท์ของคุณจะว่างเปล่าอีกครั้ง (Zero Bar) และด้วยการกระทำนั้นโทรศัพท์ของคุณจะถูกแฮ็กแล้ว * ในไม่กี่วินาที พวกเขาจะทำให้บัญชีธนาคารของคุณว่างเปล่า และคุณจะไม่ได้รับการแจ้งเตือนใด ๆ.. เกี่ยวกับเรื่องนี้ จะปรากฏราวกับว่าสายของคุณถูกตัดการเชื่อมต่อโดยไม่มีเครือข่าย ในขณะที่ซิมของคุณถูก เปลี่ยน อันตรายที่นี่คือคุณจะไม่ได้รับการแจ้งเตือนการทำธุรกรรมใดๆ ระวังกันให้มาก โปรดแชร์เพื่อให้ผู้คนจำนวนมากได้รู้ กลลวง! นี้ผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสมุนไพรขันทองพยาบาท" ใช้รักษาโรคมะเร็งจากกรณีที่มีการแชร์สรรพคุณของสมุนไพรขันทองพยาบาท ว่าสามารถใช้รักษาโรคมะเร็งได้ ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทางวิชาการพบว่าขันทองพยาบาทไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคมะเร็ง และไม่สามารถนำมาใช้รักษามะเร็งได้ ซึ่งปัจจุบันการรักษาโรคมะเร็งหลัก ๆ มี 3 วิธี ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด และรังสีรักษา โดยผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ สำหรับสมุนไพรขันทองพยาบาท (Suregada multiflora) เป็นพืชที่ถูกนำมาใช้ในตำหรับยาสมุนไพรพื้นบ้านมีกลุ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น อัลคาลอยด์ ซาโปนิน ฟลาโวนอยด์ เป็นต้น และจากผลการศึกษาวิจัยระดับเซลล์ในห้องปฏิบัติการ พบว่าสารนี้อาจมีส่วนในการยับยั้งเซลล์มะเร็งในหลอดทดลอง แต่ผลดังกล่าวเป็นเพียงงานวิจัยเบื้องต้น และยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าขันทองพยาบาทช่วยรักษาโรคมะเร็งในมนุษย์ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าวstd47981• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! หัวไชเท้าผสมน้ำผึ้งรักษาโรคริดสีดวงทวารตามที่มีข้อความข่าวสารถูกเผยแพร่เกี่ยวกับผู้บริหาร ก.ล.ต. เป็นสมาชิกทีมผู้ดูแลโทเคนดิจิทัลนั้น ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีที่มีโฆษณาเรื่องผู้บริหาร ก.ล.ต. เป็นสมาชิกทีมผู้ดูแลโทเคนดิจิทัล ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้ตรวจสอบและชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ด้วยมีการเผยแพร่ภาพผู้บริหาร ก.ล.ต. พร้อมด้วยโลโก้ สำนักงาน ก.ล.ต. และอ้างว่า เป็นสมาชิกทีมผู้ดูแลโทเคนดิจิทัลนั้นไม่ได้มาจากหน่วยงานแต่อย่างใด ทั้งนี้ มีคำแนะนำเกี่ยวกับจุดสังเกตที่ต้องระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ 6 ข้อดังนี้ 1. เสนอผลตอบแทนสูงเกินจริง เร่งรัดให้ตัดสินใจลงทุน 2. คำโฆษณาชักชวนว่า ไม่มีความรู้ก็ลงทุนได้ 3. อ้างสัญลักษณ์ ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือสมาคมที่เกี่ยวกับการลงทุน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ 4. แอบอ้างรูปดารา คนดัง หรือผู้บริหารบริษัทขนาดใหญ่ 5. ชื่อผู้รับโอนใช้ชื่อบัญชีส่วนตัว 6. ปลอมแปลงใบอนุญาต/อ้างชื่อ/ตั้งชื่อให้ใกล้เคียงบริษัทที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานรัฐผู้บริโภคเฝ้าระวังแอคปลอมstd47606• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! สรรพสามิตเตรียมแผนปฏิรูปโครงสร้างภาษีใหม่mobile-menu Logo ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย Anti-Fake News Center Thailand searchiconmobile จำนวนผู้เข้าชม 15,588,591 ข่าวปลอม นโยบายรัฐบาล-ข่าวสาร ข่าวปลอม อย่าแชร์! สรรพสามิตเตรียมแผนปฏิรูปโครงสร้างภาษีใหม่ 3 กรกฎาคม 2023 | 10:30 Facebook Twitter Link Youtube ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลบนสื่อโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับเรื่องสรรพสามิตเตรียมแผนปฏิรูปโครงสร้างภาษีใหม่ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง พบว่าข้อมูลที่ปรากฏนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากกรณีที่มีผู้โพสต์เฟซบุ๊กโดยระบุว่า สรรพสามิตเตรียมแผนปฏิรูปโครงสร้างภาษีใหม่ ทางกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า กรมฯ ไม่มีนโยบายในการปฏิรูปโครงสร้างภาษีใหม่แต่อย่างใด ซึ่งนโยบายการจัดเก็บภาษีนั้น กรมฯ จะมุ่งเน้นการจัดทำนโยบายสำหรับสินค้า หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับ ESG/BCG โดยจะมีการกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตให้ชัดเจน จากนั้นจึงจะกำหนดอัตราภาษี ทั้งนี้ หากสินค้า หรือบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่มีผลกระทบต่อสังคม และมีธรรมาภิบาล จะถูกจัดเก็บภาษีในอัตราที่ต่ำ หรืออาจจะไม่ถูกจัดเก็บภาษีเลย แต่ถ้าเป็นสินค้าที่ทำลายสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล จะมีหลักการในการจัดเก็บภาษีให้สูงขึ้น ซึ่งstd47601• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยแม่สิตางศุ์ บัวทอง หยุดส้มได้จริงหรอ?ต้นฉบับของมุกส้มหยุดนี้ เป็นเรื่องลี้ลับของแม่ ‘สิตางศุ์ บัวทอง’ เน็ตไอดอลสาวรุ่นใหญ่ วัย 58 เจ้าของวลีเด็ด “สะบัดต่อไม่รอแล้วนะ” ที่เคยไปเป็นแขกรับเชิญเล่าประสบการณ์หลอนของเธอผ่านรายการ “อังคารคลุมโปง” จากคลื่น 94 EFM เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเธอได้เคยเล่าว่า ตัวเองเกิดในคืนวันที่มีพายุเข้าแหลมตะลุมพุก ภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ทำให้รู้สึกว่าตนเองเกิดมาพร้อมสัมผัสที่หกและได้เจอเรื่องลี้ลับเกิดขึ้นมากมายในวัยเด็ก เรื่องราวส้มหยุดนี้กลับมาเป็น Talk of the town อีกครั้ง จนได้รับเชิญไปให้สัมภาษณ์ถึงตำนานนี้ในรายการทีวีแทบทุกสถานี รวมไปถึงรายการ “โหนกระแส” ทางช่อง 3HD ดำเนินรายการโดยคุณ “หนุ่ม กรรชัย” ก็ขอท้าพิสูจน์ตำนานส้มหยุดนี้ด้วยมือตัวเอง แม้ว่าจะยังไม่มีใครพิสูจน์เรื่องลี้ลับนี้ได้ แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องราวที่สร้างความสนุกสนาน สร้างรอยยิ้ม คลายบรรยากาศความตึงเครียดในภาวะแบบนี้ได้ไม่น้อยมีมล้อเลียนstd47893• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยครีมขาวใสภายใน3วันภก.สมชาย ปรีชาทวีกิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า หัวเชื้อผิวขาวตัวดังกล่าวจากการตรวจสอบพบว่ามีความผิดเข้าข่ายการโฆษณาเกินจริง ในกรณีที่มีการเขียนข้อความว่า สามารถทำให้ผิวขาวขึ้นโดยสามารถเปลี่ยนสภาพผิวได้จากเดิมอย่างผิดปกติ จากผิวดำกลายเป็นขาว และที่มีข้อความว่าสามารถขาวขึ้นได้ภายใน 3 วัน หรือ 7 วัน ถือว่าเป็นการโฆษณาเกินจริงอย่างแน่นอน เนื่องจากปกติแล้วไม่สามารถยับยั้งหรือเปลี่ยนแปลงการผลิต เม็ดสีเมลานิน จึงไม่สามารถทําให้สีผิวเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ รวมถึงเน็ตไอดอลชื่อดังที่มีรูปในการโฆษณาก็อาจจะมีความผิดฐานโฆษณาเกินจริงได้เช่นกัน ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ของเราอยู่ระหว่างดำเนินการแจ้งไปยังผู้โพสต์เพื่อระงับโฆษณาและดำเนินการแจ้งความผิด ซึ่งโฆษณามีความผิด ฐานเกินความจริงหรือก่อให้เกิดความไม่ยุติธรรมกับผู้บริโภค โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาทนอกจากนี้จะมีการตรวจสอบไปยังบริษัทผู้ผลิตว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโฆษณาหรือไม่ด้วยstd48002• 2 ปีที่แล้ว2 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัย#ค่าจัดการศพ#ค่าจัดการศพ ราชกิจจาฯ ประกาศให้ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ตาย ทายาท ได้ 30000บาท จาก พม.สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เสียชีวิตทุกสาเหตุ ได้ทุกคนที่เป็นคนไทย คนกรุงเทพ รับที่สำนักงานเขต คนต่างจังหวัดรับที่ว่าการอำเภอ ภายใน 6 เดือน ให้ทายาทนำหลักฐานของผู้ตาย คือ 1. ใบมรณบัตร ผู้ตาย 2. ทะเบียนบ้าน ผู้ตาย 3. บัตร ปชช. ผู้ตาย 4. บัตร ปชช. ผู้รับ 5. ทะเบียนบ้าน ผู้รับ ไปยื่นเรื่องขอรับเงินดังกล่าวในเวลาราชการ ช่วยกระจายข่าวไป ให้ชาวบ้านทั่วไปได้ทราบด้วยครับผู้บริโภคเฝ้าระวังabdazaaq1• 2 ปีที่แล้วmeter: false2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเข้าเว็บไชต์ ค้นหาแปลงที่ดิน( https://Landsmaps.dol.go.th/) เพื่อเชคข้อมูลที่ดิน อันนี้จริงไหมท่านที่มีที่ดิน บ้าน หรือ อาคารพาณิชย์ แต่ซื้อไว้นานแล้ว ไม่ได้ไปดู จนลืมไปว่า มันอยู่ที่ใดแน่ หากอยากรู้ว่า ที่ดินแปลงนั้น ว่า อยู่ตรงไหน สามารถนำเลขที่โฉนด อำเภอ จังหวัด มากรอกใส่ เพื่อตรวจดูตำแหน่งที่ดินจากโฉนดที่ดิน ได้ง่ายๆ บนเว็บไชต์ของกรมที่ดิน ซึ่งตอนนี้ทางกรมที่ดินก็ได้อัปเดตหน้าตาของเว็บไซต์ใหม่ สวยงาม ใช้งานง่ายมากขึ้น โดย 1. เข้าเว็บไชต์ ค้นหาแปลงที่ดิน( https://Landsmaps.dol.go.th/) 2. กดเลือกและกรอกข้อมูลจังหวัด อำเภอ และ เลขที่ โฉนดของที่ดินที่สนใจ ด้านซ้ายบนของเว็บ 3. กด"ค้นหา" ก็เป็นอันเรียบร้อย สิ่งที่เราดูได้จากระบบ เกี่ยวกับแปลงที่ดิน ตำแหน่งของที่ดิน รูปร่างแปลงที่ดิน (เส้นสีแดง) ขนาดแปลงของที่ดิน (ไร่, งาน, ตารางวา) ราคาประเมินจากกรมธนารักษ์ (บางแปลงอาจไม่ขึ้นราคาประเมิน สามารถตรวจสอบราคาประเมินที่กรมธนารักษ์อีกครั้ง)Mrs.Doubt• 3 ปีที่แล้วmeter: mostly-true--middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข่าว รพ.สรรพสิทธิ์จะสร้างตึก 7 ชั้น บนพื้นที่ 12 ไร่ จริงหรือไม่จากที่มีข่าวปรากฎทางเพจ Ubon Now ว่า โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานี มีแผนจะสร้างตึกปฐมภูมิ 7 ชั้น มีการพัฒนาพื้นที่ราชพัสดุ 12 ไร่ โดยเคลียร์พื้นที่ด้านทิศเหนือของอาคารที่พัก 4 ชั้น ถ.บูรพาใน เพื่อที่จะดำเนินการก่อสร้าง อยู่แผนพัฒนาระยะที่ 3 นั้น ( https://www.facebook.com/yourubonratchathani/posts/3016485401943572 ) นพ.มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้เปิดเผยกับ UbonConnect ว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างไร อาจมีการพูดในที่ประชุมถึงการพัฒนาพื้นที่ต่อจากอาคารที่พักโรงพยาบาล แต่เป็นการเพียงแนวคิด และยังไม่มีการคิดไปถึงตึกปฐมภูมิ 7 ชั้น หรือพื้นที่ 12 ไร่ ก็ไม่เป็นความจริง แต่อย่างใด ไม่ทราบว่าได้รับข้อมูลคลาดเคลื่อนมาจากที่ใด หรือมีวัตถุประสงค์ใด ขอให้สื่อได้ช่วยกันแก้ข่าวนี้ด้วย 15-11-64 ( https://www.facebook.com/UbonConnect/posts/4748218388551343 )ภาคอีสานสุชัย เจริญมุขยนันท• 4 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยไก่แต่ละตัวได้รับอะนาโบลิกสเตียรอยด์ ยาปฏิชีวนะ และฮอร์โมนการเจริญเติบโต 3 โด๊สทุกวันเป็นเวลา 30 วัน ก่อให้เป็นมะเร็ง จริงหรือไม่ไก่แต่ละตัวได้รับอะนาโบลิกสเตียรอยด์ ยาปฏิชีวนะ และฮอร์โมนการเจริญเติบโต 3 โด๊สทุกวันเป็นเวลา 30 วัน และผลที่ได้ก็ทำให้พวกเขาอ้วนเท่านั้น หลังจากนั้นไก่เหล่านี้จะต้องขายภายใน 30 ถึง 40 วัน หากไม่ทำเช่นนี้ ไก่เหล่านี้จะถูกทิ้งระเบิดตายด้วยส่วนผสมที่เป็นพิษที่กล่าวถึงข้างต้น เมื่อกินไก่เหล่านี้ ผลที่ตามมาสำหรับผู้บริโภคไม่เพียงแต่น่าตกใจ แต่ยังเป็นหายนะอีกด้วย เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ ครอบครัว และคนงานไม่เคยกินไก่เหล่านี้เพราะพวกเขาตระหนักดีถึงเรื่องนี้ พูดง่ายๆ คือ ไก่เหล่านี้เป็นเซลล์มะเร็ง ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกวิทยาทุกคนตระหนักถึงสถานการณ์นี้ คุณรู้หรือไม่? หนึ่งในสี่ของคนเป็นมะเร็ง โปรดตรวจสอบกับแพทย์ของคุณ! ! โปรดดูวิดีโอด้านบนโดยไม่ลบ นี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก คาดว่าจะแพร่กระจายไปยังกลุ่มอื่นๆ ของคุณAbd Zaaq• 4 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสรุป คือ 1. รัฐบาลให้เงิน 600 ล้าน กับ บ.สยามไบโอตั้งโรงงานผลิตวัคซีนแอสตร้า เพื่อส่งให้บริษัทแม่ที่อังกฤษ ไม่ใช่ผลิตให้คนไทย ประเทศไทยไม่มีพันธะผูกพันใดๆ กับบริษัทสยามไบโอ 2. รัฐบาลไทยต้องติดต่อซื้อวัคซีนแอสตร้าจากบริษัทแม่ ไม่สามารถสั่งจาก บ.ไบโอได้ จะได้ช้าหรือเร็วอยู่ที่คิวลำดับการสั่งในแต่ละประเทศ 3. ทำไมรัฐบาลไทยต้องให้เงิน บริษัทสยามไบโอ 600 ล้าน เพื่อผลิตวัคซีนเพื่อขาย เงินนี้เป็นเงินภาษีคนไทยนะ 4. แรกๆที่ธนาธรออกมาแฉ รัฐบาลตอบโต้ว่าที่ให้เงินสนันสนุน เพราะคนไทยจะได้วัคซีนเป็นประเทศแรกๆของโลก 5. รัฐบาลบอกเป็นวัคซีนของคนไทย เป็นความภูมิใจของคนไทย 6. วันนี้ทำไมถึงออกมารูปแบบนี้ ถือเป็นบ. เอกชน แรกของไทยมั้ยที่รัฐบาลให้เงินอุดหนุนทำธุรกิจวัคซีนโควิดไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 2 คนสงสัยสถานการณ์ ล่าสุด หลังจากประชุมบอร์ด ที่ มหิดลฯ วันนี้ นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา ซึ่งเป็นผู้แลนโยายด้านโควิด โดยตรงของประเทศ 1. ตัวเลข 2,000 จะอยู่กับเราไปอีก ประมาณ 15 วัน เป็นอย่างน้อย 2. ถ้าไม่มีคลัสเตอร์ใหญ่เพิ่มขึ้น ก็ ตึงมือ จนจะรับไม่ได้อยู่แล้ว ถ้ามี ก็ ตัวใครตัวมัน 3. ให้ระวังความสะอาดขั้นสูงสุด โดยเฉพาะการสั่งอาหารโดย grab 4. ตัวเลขติดเชื้อ 65% ติดจากคนในบ้าน 5. สามี ภรรยา ถ้ามีห้องแยก ควรแยกกันนอนอย่างน้อย 2 เดือน 6. ห้ามคนเข้าบ้าน เด็ดขาด ไม่ว่า จะไว้ใจแค่ไหนก็ตาม 7. ควรฉีดวัคซีน (อันนี้ เราคุยกันแล้ว ว่า หมอก็พูดแบบนี้ 8. วัคซีนกำลังเร่งเต็มที่ให้เข้ามา ซึ่งก็คือ sinovac กับ astra 9. ต้องตัดใจจริงๆ ห้ามประมาทเด็ดขาดในทุกๆ เรื่องโควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเรียน ผู้บังคับบัญชา ด้วยนายสถาปัตย์ สุวรรณมณี ได้ไปตรวจคัดกรองโควิด – 19 เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 64 เวลา 10.30 น. ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัด แล้วพบว่าติดเชื้อ เมื่อวันที่29 เม.ย. 64 เวลา 18.20 น. อำเภอจึงได้ดำเนินการ ดังนี้ 1. นายสถาปัตย์ สุวรรณมณี ขณะนี้เข้ารับการรักษาตัว ที่รพ.มหาราช 2. วันที่ 30 เม.ย. ปิดสำนักทะเบียนอำเภอเมืองฯ เพื่อทำความสะอาด ยกเว้น ศูนย์ราชการสะดวก เซ็นทรัลพลาซ่าฯ ยังเปิดให้บริการปกติ 3. วันที่ 30 เม.ย. เวลา 10.00 น. อำเภอฯได้ประสานมูลนิธิพุทธธรรม 31 นครราชสีมา มาฉีดพ่นฆ่าเชื้อโรค ณ อาคารที่ว่าการอำเภอฯ ทั้ง 2 อาคาร 4. ให้บุคลากรผู้ที่สัมผัสใกล้ชิด (กลุ่มเสี่ยงสูง) ไปตรวจหาเชื้อแล้ว ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัด และให้กักตัว 14 วัน 5. ประชาสัมพันธ์ให้กำนัน ผญบ แจ้งผู้ที่มาติดต่องานทะเบียนตั้งแต่ 19 -24 เม.ย. ไปตรวจหาเชื้อ 6. ให้ปิดบริการสำนักทะเบียนทั่วไป ตั้งแต่วันที่ 1 – 14 พค. ทั้งนี้ หากได้ไทม์ไลน์ของนายสถาปัตย์ ฯ แล้ว จักได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบโควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยปลดล็อก กัญชา-กัญชง ทุกส่วน เว้นช่อดอก พ้นยาเสพติดประเภท 5แล้ว จริงหรือ“พืชกัญชาและกัญชงถูกระบุไว้ใน พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ซึ่งเป็นตัวกฎหมายแม่ ว่าเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 โดยเนื้อหาความในประกาศที่จะออกโดยรัฐมนตรีว่าการ สธ. เร็วๆ นี้ คือ เรื่องการไม่จัดในส่วนของ 1.เปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่ง ก้าน รากและใบซึ่งไม่มียอดหรือช่อดอกติดมาด้วย 2.เมล็ดกัญชง น้ำมันจากเมล็ดกัญชง หรือสารสกัดจากเมล็ดกัญชง 3.สารสกัดที่มีแคนนาบิสไอออน (CBD) ไฮโดรแคนนาบินอล (THC) ไม่เกินร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนัก ไม่เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการนำส่วนของพืชเหล่านี้ไปใช้เพื่อทำผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอางหรืออาหารได้ แต่มีข้อแม้ที่สำคัญว่าสิ่งเหล่านี้ จะต้องเป็นการได้รับอนุญาตผลิต ปลูกจากในประเทศเท่านั้นanonymous• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเช่น สุนัขเข้าอุทยานจริงหรือคะนายกันฐกิตฐ์ ทิพย์ทองพูน อาสาสมัครช่างภาพเขาใหญ่ กล่าวว่า ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวได้รับภาพมาจากกลุ่มนักอนุรักษ์บนเขาใหญ่ ที่ไปเจอเมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยที่เห็นและถ่ายภาพได้มีหมาอย่างน้อย 3 ตัวที่พบนักท่องเที่ยวแอบลักลอบนำขึ้นไปบนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ทั้งที่มีระเบียบบังคับอยู่แล้วว่าห้ามนำสัตว์เลี้ยงทุกชนิดขึ้นไป เพราะเสี่ยงต่อการเกิดโรคจากสัตว์บ้านสู่สัตว์ป่า สัตวแพทย์ ระบุว่าการนำสัตว์เลี้ยงขึ้นไปอุทยาน เช่น หากไปถ่ายมูลไว้ และมีสัตว์ป่ามากิน อาจเสี่ยงจะติดโรคจากสัตว์เลี้ยง และทำให้สัตว์ป่ามีสุขภาพอ่อนแอ ตามพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติแล้ว ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท จริงหรือคะanonymous• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจริงหรือ ประเทศเยอรมนี ยังไม่อณุญาติให้ประชาชนเดินทางออกนอกเขตอียู จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคมศกนี้กระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนีประกาศว่า เยอรมนีขยายเวลาประกาศเตือนการเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ไปจนถึงวันที่ 31 ส.ค.นี้ ซึ่งไม่รวมถึงการเดินทางไปยังประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ประเทศในกลุ่มเชงเก้น และสหราชอาณาจักร กระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนี ระบุว่า ไม่มีหลักเกณฑ์และกระบวนการประสานงานร่วมกันระหว่างเยอรมนีกับประเทศที่ 3 ซึ่งอยู่นอกกลุ่ม EU หรือเขตเชงเก้น ดังนั้น เยอรมนีจึงไม่สามารถอนุญาตให้มีการเดินทางแบบไม่จำกัดได้naydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยอย. ยกเลิกเลขสารบบอาหาร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ตราชูจ์ Choo'j Diet supplementaryสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เพิกถอนเลขสารบบอาหารของผลิตภัณฑ์ ตราชูจ์ Choo'j Diet supplementary ในช่วงปี พ.ศ.2561 ข้อมูลนี้ส่งถึงมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เพื่อเผยแพร่ต่อประชาชน มีรายละเอียด ดังนี้ ชื่ออาหารบนฉลาก: ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ตราชูจ์ Choo'j Diet supplementary กรณีความผิด/สาเหตุที่ต้องยกเลิก: อาหารไม่บริสุทธิ์ เนื่องจากตรวจพบยาแผนปัจจุบัน Sibutramine (ยาลดน้ำหนัก) ข้อมูลสถานประกอบการ: บริษัท ชาร์แมซ ซี.เค. คอสเมด จำกัด (จ.ปทุมธานี)(ใบอนุญาตที่ 13-1-22459) ที่ตั้งสถานประกอบการ: ที่ตั้งสถานประกอบการ: บ้านเลขที่ 55/4 หมู่ 3 ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12150 เลขสารบบอาหารที่ถูกยกเลิก: 13-1-22459-5-0005 คำสั่งยกเลิก เลขสารบบอาหาร/ลงวันที่: คำสั่ง อย. ที่ 238/2561 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2561 อ้างอิงจากเอกสารสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา: https://drive.google.com/open?id=1dZAqXAtvIHw1UPBlLaol19JLC2balkgTลดความอ้วนอย. เพิกถอนnaruemonjoy• 5 ปีที่แล้วmeter: true2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยอย. ยกเลิกเลขสารบบอาหาร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ตรา วี-รัส V-Ras Dietary Supplement Product สูตร SDสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เพิกถอนเลขสารบบอาหารของผลิตภัณฑ์ ตรา วี-รัส V-Ras Dietary Supplement Product สูตร SD ในช่วงปี พ.ศ.2561 ข้อมูลนี้ส่งถึงมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เพื่อเผยแพร่ต่อประชาชน มีรายละเอียด ดังนี้ ชื่ออาหารบนฉลาก:ตรา วี-รัส V-Ras Dietary Supplement Product สูตร SD กรณีความผิด/สาเหตุที่ต้องยกเลิก: อาหารไม่บริสุทธิ์ เนื่องจากตรวจพบยาแผนปัจจุบัน Sibutramine (ยาลดน้ำหนัก) ข้อมูลสถานประกอบการ:บริษัท ชาร์แมซ ซี.เค. คอสเมด จำกัด (จ.ปทุมธานี)(ใบอนุญาตที่ 13-1-22459) ที่ตั้งสถานประกอบการ: บ้านเลขที่ 55/4 หมู่ 3 ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12150 เลขสารบบอาหารที่ถูกยกเลิก: 13-1-22459-5-0004 คำสั่งยกเลิก เลขสารบบอาหาร/ลงวันที่: คำสั่ง อย. ที่ 238/2561 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2561 อ้างอิงจากเอกสารสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา: https://drive.google.com/open?id=1dZAqXAtvIHw1UPBlLaol19JLC2balkgTอย. เพิกถอนnaruemonjoy• 5 ปีที่แล้วmeter: true3 ความเห็น
- 1 คนสงสัยนพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ฟาวิพิราเวียร์ ยาโควิดที่จะล้มรัฐบาลประยุทธ์ได้ ยาฟาวิพิราเวียร์ เป็นยาสำคัญที่ใช้รักษาโรคโควิด วันนี้เช้ายาตัวนี้ขาดแคลนอย่างหนัก น้องแพทย์ที่โรงพยาบาลได้ขอเบิกยานี้เพื่อใช้กับผู้ป่วยที่จะนะ ทราบว่า ที่คลังโรงพยาบาลหาดใหญ่ที่เป็นจุดสำรองยาของจังหวัดสงขลาเหลือเพียง 150 เม็ด ดีที่รัฐบาลสั่งยามาจากญี่ปุ่นทันเวลา 2 ล้านเม็ด เล่นเอาใจหายใจคว่ำ ซึ่งเชื่อว่า หากอัตราการใช้เป็นเช่นปัจจุบัน 2 ล้านเม็ดนี้ก็ใช้ได้ไม่เกิน 3 เดือน ยาฟาวิพิราเวียร์ ในผู้ป่วยโควิด 1 คน จะต้องใช้คนละ 50 เม็ด คือวันแรกทาน 9 เม็ด ทุก 12 ชั่วโมง และอีก 4 วันถัดมาทาน 4 เม็ดทุก 12 ชั่วโมง ดังนั้นยา 2 ล้านเม็ดก็จะใช้ได้กับผู้ป่วย 40,000 คนเท่านั้น ไม่ได้มากมายในสถานการณ์การระบาดเช่นนี้ ประเด็นของยาฟาวิพิราเวียร์ที่อาจเป็นเหตุให้รัฐบาลสะดุดขาตนเองจนรัฐบาลล้มได้ก็คือ เรื่อง การผูกขาดยาจากการขอจดสิทธิบัตรยาของบริษัทเจ้าของยาจากประเทศญี่ปุ่น บริษัทญี่ปุ่นเป็นผู้ผลิตยาตัวนี้ ยานี้ไม่มีสิทธิบัตรยาตั้งต้นในประเทศไทย แต่บริษัทมายื่นขอจดสิทธิบัตรรูปแบบเม็ดเล็กของยาฟาวิพิราเวียร์ต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งคำขอสิทธิบัตรลักษณะนี้ ไม่มีทั้งความใหม่และนวัตกรรมที่สูงขึ้น จึงไม่สมควรได้รับสิทธิบัตร แต่กรมทรัพย์สินทางปัญญาก็ยึกยักไม่ยอมปฏิเสธคำขอนี้ไปเสียที ทั้งที่ภาควิชาการได้เคยไปยื่นข้อมูล ระบุเหตุที่ควรปฏิเสธตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 แล้ว อีกทั้งองค์การเภสัชกรรมมีความพร้อมในการผลิตได้ยื่นขอขึ้นทะเบียนยาเบื้องต้นกับสำนักงานคณะกรรมอาหารและยา (อย.) ไปแล้วด้วย รัฐบาลควรประกาศสนับสนุนองค์การเภสัชกรรมให้เร่งผลิตยาตัวนี้อย่างเป็นทางการ หากกรมทรัพย์สินทางปัญญาไม่ปฏิเสธคำขอนี้ โอกาสที่จะถูกฟ้องในอนาคตก็มี ฉะนั้นรัฐบาลจึงควรแสดงความกล้าหาญทางการเมืองหนุนหลังองค์การเภสัชกรรมผลิตยาเพื่อประชาชน และควรมีนโยบายชัดเจนไปที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาให้ทำหน้าที่เพื่อช่วยสู้ภัยโควิด ปฏิเสธคำขอสิทธิบัตรยาฟาวิพิราเวียร์เสีย ราคายาฟาวิพิราเวียร์ ปัจจุบันราคาเม็ดละ 150 บาท ต้องใช้ 50 เม็ดต่อคนก็คิดเป็นค่ายาคนละ 7,500 บาท หากองค์การเภสัชกรรมผลิตเองได้ ค่ายาก็จะลดลงได้ครึ่งหนึ่ง ทั้งประหยัดงบประมาณ และเรามีความมั่นคงทางยา ไม่ดีตรงไหน ภาวะการขาดแคลนยาฟาวิพิราเวียร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น เส้นยาแดงผ่าแปดมากๆ สถานการณ์โควิดก็จะยังหลอกหลอนประเทศไทยไปอีกถึงปีหน้า การออกประกาศสนับสนุนให้องค์การเภสัชกรรมเป็นผู้ผลิตยาฟาวิพิราเวียร์อย่างเป็นทางการ คือคำตอบที่ใช่ ซึ่งไม่ยาก เพราะรัฐบาลได้รวบโอนอำนาจจากกระทรวงต่างๆมาไว้ที่นายกรัฐมนตรีหมดแล้ว จึงต้องการความกล้าหาญทางการเมืองนิดหน่อยจากนายกรัฐมนตรีเท่านั้นเอง หากอนาคตมีการระบาดหนักจนยาขาดแคลน คนป่วยตายเพราะไม่มียารักษา คงไม่ใช่แค่หมอไม่ทน แต่คนไทยคงไม่ทนด้วย รัฐบาลจะล่มเพราะโควิดอย่างแน่นอน Cr. เพจ ชมรมแพทย์ชนบท https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=971918113346983&id=206100476595421โควิด 2019วัคซีนโควิดไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัวmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยอาการบอกเหตุและการรับมือ เมื่อผู้หญิงหัวใจวาย ประสบการณ์จริงจากพยาบาลชำนาญการ ========================== พวกเราคงเคยดูหนังและมีบทของคนหัวใจวายในบางฉากที่ดาราผู้ชายเอามือกุมหน้าอก ปวดจนมีอาการหน้าบูดเบี้ยว เหงื่อออกแล้วก็ล้มลงกองบนพื้น (สูตรนี้ตลอด ) ดิฉันจะบอกว่าอาการหัวใจวายในผู้หญิงนั้นแตกต่างออกไปดังเรื่องจริงต่อไปนี้ “เวลา 22.30 น. ฉันกำลังนั่งเล่นอย่างสบายใจกับแมวคู่ใจ พร้อมกับอ่านหนังสือเพลินๆพร้อมกับขำๆกับเนื้อหาในหนังสือ จู่ๆฉันก็รู้สึกจุกเสียดแน่นท้อง(อาการคล้ายมีก้อนอาหารขนาดใหญ่ไปกระจุกตัวขวางหลอดอาหารอยู่)ทั้งๆที่ฉันไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่ 17.00 น. สักพักอาการค่อยเบาลงก็มีอาการใหม่เหมือนสันหลังและกระดูกหน้าอกถูกบิดเป็นเกลียวจากล่างขึ้นบนจนขึ้นไปถึงคอหอย กรามและขากรรไกร ตอนนี้ฉันไม่รู้สึกแค่เอ๊ะอีกแล้ว รู้แน่แล้วว่าเพราะเคยอ่านมาว่าอาการปวดเกร็งบริเวณขากรรไกรเป็นสัญญาณบอกเหตุหัวใจขาดเลือด ฉันภาวนาในใจนึกถึงพระเจ้า”โปรดช่วยลูกด้วยลูกกำลังหัวใจวาย” ฉันโยนแมวออกไปจากตักย่ำเท้าลงกับพื้นเพื่อจะเดินไปโทรศัพธ์แต่แล้วฉันก็ล้มลงกองกับพื้น ฉันใช้ความพยายามยึดเก้าอี้เพื่อพยุงตัวขึ้นไปโทรศัพธ์เรียกรถพยาบาลฉุกเฉิน ค่อยๆเล่าอาการว่าฉันสงสัยว่าหัวใจวายเพราะมีแรงกดบริเวณหน้าอกและแผ่ขยายไปบริเวณขากรรไกร และกราม เจ้าหน้าที่ปลายสายบอกฉันให้ค่อยพยุงตัวเองไปที่หน้าประตู ปลดกลอนประตูแล้วนอนราบแถวๆใกล้ประตู ฉันทำตามคำแนะนำแล้วก็หมดสติไป รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็เห็นหมอพาฉันออกมาจากเปลพยาบาล หมอถามฉันว่า”ทานยาอะไรมาไหม?” ฉันไม่มีแรงตอบคำถาม ไม่มีกระทั่งสัมปชัญญะที่จะทบทวนหาคำตอบ และม่อยหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าหมอโรคหัวใจและทีมได้ขยายหลอดเลือดหัวใจด้านขวาด้วยบอลลูน(บางคนเรียกว่าStent)ผ่านทางเส้นเลือดแดงที่แขนเสร็จแล้ว ฉันลองลำดับเหตูการณ์ดูแล้ว พบว่า กว่าที่ฉันจะสามารถโทรศัพธ์ตามรถพยาบาลได้ไม่น่าจะต่ำกว่า20-30นาที นับว่ายังเป็นโชคดีของฉันที่บ้านฉันอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมากนัก จากเหตุการณ์นี้ฉันจึงอยากแชร์กับทุกท่านถึงนาทีวิกฤติว่าควารทำอย่างไร จึงจะปลอดภัย 1. จำเอาไว้ว่าอาการหัวใจวายของผู้หญิงนั้นแตกต่างไปจากอาการที่เกิดขึ้นกับผู้ชาย อย่ารอจนกระทั่งมีอาการขากรรไกรแข็ง ปวดบริเวณกระดูกสันอก ทันทีที่มีอาการจุกเสียดท้องอย่างแรงไม่มีปี่มีขลุ่ยทั้งๆที่ไม่ได้ทานอะไรเลยนั่นแหละสํญญาณบอกเหตุเริ่มแล้ว หลายๆคนคิดไปว่ามีอาการกรดไหลย้อน อาหารไม่ย่อย กินยาแล้วก็ไปนอนพัก คาดว่าประเดี๋ยวอาการก็ทุเลา...แต่เธอก็หลับไม่ตื่นอีกเลย 2. ฉันยังพอมีสติโทรเรียกรถพยาบาล แต่จะดีไปกว่านั้นหากฉันรีบทานแอสไพรินสักเม็ดระหว่างรอรถพยาบาล แต่อย่าได้คิดขับรถไปเองเป็นอันขาด และอย่าได้ให้สามีขี้ตื่น ขับรถให้เพราะเขาอาจไม่มีสติพอจะพาคุณไปถึงโรงพยาบาล อาจขับลงข้างทางเสียก่อน ให้เรียกรถพยาบาลเท่านั้นเพราะบนรถจะมีถังอ็อกซิเจนและเครื่องปั้มหัวใจ 3. อย่าเขาข้างตัวเองว่าคงไม่ใช่หัวใจวายหรอกน่า คลอเรสโตรอลของฉันก็ปกติดีออก เพราะมีงานวิจัยมากมายชี้ตรงกันว่าระดับคลอเรสโตรอลสูงๆไม่ได้สัมพันธ์ใดๆกับอาการหัวใจวาย แต่อาการหัวใจวายสัมพันธ์กับความเครียดต่อเนื่อง และการอักเสบเรื้อรังในร่างกายทำใหกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนและสารคัดหลั่งที่เป็นพิษต่อเส้นเลือดหัวใจ ดังนั้นหากต้องสะดุ้งตื่นกลางดึก ด้วยอาการปวดเกร็งบริเวณกรามและขากรรไกรให้รีบทำตามที่แนะนำทันทีเพราะคุณเหลือเวลาไม่มากนัก https://www.facebook.com/419951058051062/posts/2204633902916093/ไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยTheir strategy is to in the Thai Parliament then vote, and eventually take control in the Thailand politic. More donations from Saudi Arabia or other Muslim nations can easily put the greedy Thai politicians in their pockets. They will also marry non-Muslims to gain more Muslim populations. สิ้นแล้วประเทศไทย 3 (ตอนยึดไทยด้วยกฎหมาย) ณ พ.ศ.2550 เป็นต้นมา คนมุสสิมในไทยเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง และมีการขยายประชากรไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว ยิ่งเมื่อ 3 ปีให้หลังนี้ มีการนำเข้าชาวโรฮิงญา คนปากี และชาวอาหรับเข้าไทยไปซ่อนไว้ในภาคเหนือเต็มพื้นที่ไปหมด จากนั้นทางการก็จัดประชุมตำรวจทั่วภาคเหนือที่เชียงรายและเชียงใหม่ กำหนดวิธีปฏิบัติต่อคนมุสสิมต่างชาติที่เข้ามาทั้งหมด ขณะเดียวกันกรมการปกครอง ซึ่งตอนนี้คนมุสสิมเป็นอธิบดี ก็เร่งออกบัตรประชาชน ให้คนเหล่านั้นโดยด่วน โดยการสวมบัตรคนไทย ที่เขาไปหลอกเอาชื่อ ที่อยู่ ทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชนมาเตรียมไว้แล้วตั้งแต่ 3 ปีที่ผ่านมา โดยอ้างว่าจะมีเงินมาให้ฟรีๆคนละ 1 ล้านบาท ใครอยากได้ให้เอาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้านมาจองไว้ พร้อมเงิน 300 - 500 บาท ต่อคน บัตรประชาชนของคนที่ถูกหลอกเหล่านี้แหละ ต่อไปจะถูกสวมชื่อเป็นของคนมุสสิมทั้งหมด ซึ่งทุกวันนี้ ก็เห็นกันเยอะขึ้น บัตรประชาชนหน้าเป็นแขก หนวดเครารุงรัง แต่ชื่อเป็นไทย มีแทบทุกจังหวัดแล้ว และเมื่อต้นปี 62 นี้ นายอำเภอที่ระนอง ึถูกศาลพิพากษาจำคุกฐานสวมบัตรประชาชนให้โรฮิงญามาแล้วเป็นตัวอย่าง ส่วนภาคเหนือ ภาคอีสาน ยังไม่มีใครร้องเรียน เพราะวิธีการแบบนี้ ปัจจุบันคนมุสสิมจึงอ้างว่า ขณะนี้คนมุสสิมในไทย ไม่ใช่ 3 % แล้วนะ แต่เกิน 10 % แล้ว เรื่องทั้งหลายเริ่มชัดเจนขึ้นตั้งแต่ปี 2559 เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ผ่าน พรบ.ให้พิธีฮัจย์ไปสังกัดกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ทำให้ต่อไปทุกอำเภอต้องมี กองกิจการฮัจย์ ประจำอยู่ทุกแห่ง คิดดูว่า ถ้าแต่ละอำเภอ ต้องมีคนมุสสิม ประจำอยู่แห่งละ 5 คนจะใช้งบประมาณอีกเท่าไร ซึ่งงานแต่เดิมมีแค่ส่งคนไปฮัจย์ แต่ต่อไปจะมีงานเพิ่มมาถึง 9 อย่าง เช่น จัดส่งนักศึกษามุสสิมเข้าเรียนฟรี ตามมหาวิทยาลัยของรัฐ และต่างประเทศ เป็นต้น ในขณะเดียวกัน พรบ. บริหารองค์กรศาสนาอิสลๅม 2540 ก็ให้อำนาจคณะกรรมการอิสลๅม แห่งประเทศไทย เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ จังหวัดไหนมีมัสยิดครบ 3 แห่งแล้ว ให้ตั้งคณะกรรมการอิสลๅมเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าในจังหวัดนั้นๆเลย 9 - 30 คน ถ้ายังไม่มี ให้คณะกรรมการอิสลๅมกลางเป็นที่ปรึกษาแทนไปก่อน เพราะแบบนี้ไง จึงทำให้มีการเร่งสร้างมัสยิดทั่วประเทศ และมีชาวพุฑธออกมาต่อต้านกันใหญ่ คิดดูว่า ผู้ว่าคนเดียว แต่อิสลๅม 9-30 คน นั่งล้อมจะทำอะไรได้ นโยบายก็ต้องส่งเสริมอิสลๅมล้วนๆ งานนี้ แต่สิ่งเป็นรากแก้วให้อิสลๅมมั่นคงนั้น ไม่ใช่แค่กฎหมาย แต่เป็นยุทธศาสตร์ฮาลาล ซึ่งรัฐบาลประยุทธ์ได้อนุมัติเงินกว่า 7,900 ล้าน และก่อนหน้านี้ 2,900 ล้านให้หน่วยงานรัฐรณรงค์ และบังคับให้ทุกบริษัทที่ผลิตสินค้า ประเภทอาหาร ยา เครื่องสำอาง และเครื่องอุปโภคทุกชนิด ต้องติดและเสียเงินค่าฮาลาล ให้กับคณะกรรมการอิสลๅมกลาง และอิสลๅมประจำจังหวัด ซึ่งเงินเหล่านี้ (ตอนนี้ยังผิดกฎหมายอยู่) เป็นเม็ดเงินมหาศาลในแต่ละปี โดยที่คนมุสสิมไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แต่สามารถเก็บเงินค่าฮาลาล ได้ทุกบริษัทในประเทศไทย และต่อไปมีแผนให้เกษตรกรทุกพื้นที่ต้องติดฮาลาล ในการทำนา ทำไร่ ทำสวน ทุกแห่งด้วย รวมไปถึงการขนส่งทุกชนิด ต้องเสียเงินค่าขนส่งฮาลาล ที่ได้ยินกันว่า โลจิสติกส์ฮาลาล โรงพยาบาลฮาลาล โรงแรมฮาลาล ประกันภัยฮาลาล สรุปว่า ทุกอย่างต้องเสียฮาลาลทั้งหมด เงินค่าฮาลาลเหล่านี้จะมากกว่า เงินภาษีที่รัฐเก็บได้ แต่ละปี และใช้กันเฉพาะให้กลุ่มคนมุสสิม คิดดูว่าถ้ายุทธศาสตร์นี้ได้ผลเต็มรูปแบบ คนมุสสิมจะเก็บเงินภาษีฮาลาลจากคนไทยทั้งประเทศได้มากกว่า 2 ล้านล้านบาทต่อปี 35 = 70,000 ล้าน ยอมรับเฉพาะส่วนที่เก็บจากสินค้าส่งออก แต่ไม่พูดถึงที่เก็บจากสินค้าในไทย)(ขณะนี้คาดว่า ได้กว่า3 แสนล้านบาทต่อปี แต่เขายอมรับเพียง 70,000 ล้านบาทต่อปี (2,000 ล้าน US /ปี แล้วเงินเถื่อนๆ เหล่านี้จะซื้ออะไรได้บ้างในประเทศนี้ อย่าว่าแต่ซื้อข้าราชการเลย ซื้อประเทศไทยทั้งหมดก็ยังเหลือเฟือ เพราะเก็บได้ทุกปีไม่มีหมด และตอนนี้ก็กำลังกว้านซื้อกันขนานใหญ่ ในอีกยุทธศาสตร์หนึ่ง คือ การส่งนักศึกษามุสสิมเข้าเรียนฟรีในสถานศึกษาของรัฐทั้งใน และต่างประเทศ ด้วยงบประมาณของรัฐฟรี ไม่เฉพาะสาขาวิชาทั่วไป แม้แต่นายร้อยทหาร นายร้อยตำรวจ สาขาแพทย์ศาสตร์ ก็ให้สิทธิพิเศษแก่นักศึกษามุสสิมเข้าฟรีได้ ที่เห็นประจักษ์ที่สุด คือ คนที่เรียกตัวเองว่า หมอ แต่ไม่เคยได้รักษาคนเลย เช่น หมอ แมะno หมอแว ฯลฯ คนเหล่านี้ได้ช่องทางพิเศษแบบนี้ แต่ศักยภาพไม่มีจึงไม่กล้ารักษาใคร และ ไม่มีโรงพยาบาลไหนรับให้เป็นหมอจริงๆ นโยบายนี้ เริ่มมาตั้งแต่สมัยเปรม ปี2513-14 เรียกว่า นโยบายช้างอารี จนถึงปัจจุบัน และมีหน่วยงานรัฐทั้งสิ้น 22 หน่วยงานในการดูแลตลอดจบการศึกษา หลังจบแล้วก็มีหน่วยงานส่งต่อจนเข้าทำงานในหน่วยงานรัฐได้สำเร็จ และกันหน่วยงานพิเศษรอไว้ให้คนมุสสิมเหล่านี้ด้วย ในกระทรวงหลักๆ ดังนั้น เราจึงเห็นว่าทุกสถานที่ราชการ มีคนมุสสิมคุมหัวไปแทรกอยู่ทุกแห่ง สิ่งที่แย่ที่สุด คือ เข้าไปแทรกอยู่ในสำนักงานพระพุฑธศาสนาทั้งส่วนกลาง และต่างจังหวัด หรือแม้แต่มหาวิทยาลัยพุฑธโลก และที่แย่หนักเข้าไปอีก ปี 57 และ 59 นี้ รัฐบาลประยุทธ์ออกกฎกระทรวงให้สำนักพุฑธส่งข้อมูลภายในออกไปยังหน่วยราชการอื่น จึงไม่เหลืออะไรเป็นความลับของตัวเองเลย จากนั้นสภาปฏิรูปประเทศ(สปท) ออกมาระบุต้องรื้อถอนวัด 37,000 แห่งทั่วประเทศ เป็นต้นเหตุให้มีการเล่นงานพระสงฆ์กันขนานใหญ่อยู่ทุกวันนี้ นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายอิสลๅมอีกนับ 10 ฉบับ ที่จะทยอยบังคับใช้ทั่วประเทศ ถ้าสถานการณ์ เป็นไปอยู่แบบนี้ คนไทยทุกคนให้สำนึกเลยว่า พวกคุณเสียชาติเกิดจริงๆ ที่ไม่สามารถรักษามรดกที่บรรพบุรุษรักษาไว้ให้ อย่างน่าละอายใจยิ่ง : 18 พ.ค.62 คนส่งมา -----------ข่าวการเมืองภาคใต้ผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยท่านผู้นี้คือ ประธานาธิบดีรัสเซีย เกิดที่นครเลนินกราด (เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก) เมื่อ 7 ตุลาคม 1952 ( พ.ศ.2495) วลาดีมีร์ วลาดีมีโรวิช ปูติน บุตรของนายวลาดีมีร์ สปีรีโตโนวิช ปูติน (ช่างขาพิการในโรงงานเหล็กตู้รถไฟ) กับนางมาเรีย อีวานอฟนา ปูติน (คนกวาดถนน รับจ้างขนขนมปัง ยามเฝ้าร้าน และทำงานทุกอย่างที่มีคนจ้าง) เกิดตอนแม่อายุ 41 ปี ครอบครัวนี้บุตรชาย 3 คน คนโตตายตอนอายุ 2 เดือน คนที่สองตายเพราะโรคคอตีบ คนที่ 3 ร่างกายผอมแห้งแรงน้อยไม่สมบูรณ์ เรียนหนังสือไม่เก่ง แต่ก็สามารถพัฒนาตัวเองจนกลายมาเป็นประธานาธิบดีสหพันธรัฐรัสเซีย เป็นผู้อพยบรุ่นที่ 3 มาจากมณฑลซันตง สาธารณรัฐประชาชนจีน คุณปู่ของปูติน ชื่อ หลัวผู่ถิง หรือมีชื่อรัสเซียว่า "สะพีลีตง ปูติน" ในช่วงปลายราชวงศ์ชิง ได้ติดตามเพื่อนบ้านย้ายจากมณฑลซันตง ไปตั้งรกรากที่เมืองซี ซื่อ มณฑลเฮยหลงเจียง วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย "วลาดิเมียร์ ปูติน" เกิดวันที่ 7 ตุลาคม ปี ค.ศ. 1952 (พ.ศ.2495) ที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เป็นผู้อพยบรุ่นที่ 3 มาจากมณฑลซันตง สาธารณรัฐประชาชนจีน คุณปู่ของปูติน ชื่อ หลัวผู่ถิง หรือมีชื่อรัสเซียว่า "สะพีลีตง ปูติน" ในช่วงปลายราชวงศ์ชิง ได้ติดตามเพื่อนบ้านย้ายจากมณฑลซันตง ไปตั้งรกรากที่เมืองซีซื่อ มณฑลเฮยหลงเจียง https://www.newtv.co.th/m/news/?id=20622 เพราะ "รองเท้า" คู่นั้น ที่เปลี่ยนโชคชะตาของโลกใบนี้ พ่อของสหายเก่าแก่คนหนึ่งเล่าเรื่องเก่าๆ ให้ฟังนานมากแล้วว่า ... ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาของสงครามโลกครั้งที่ 2 นาซีเยอรมันยึดนครเลนินกราด (เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก) ไว้หลายเดือนแล้ว ชาวเมืองอดอยากล้มตาย ทั้งจากสงคราม โรคระบาด และขาดอาหาร บ้านของพ่ออยู่กลางเมืองในสมรภูมิรบพอดี ต้องคอยหลบกระสุนกับระเบิดเกือบตลอด 24 ชั่วโมง แต่ถึงกระนั้นจะอยู่แต่ในบ้านก็ไม่ได้ จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตออกไปหาอาหารมาประทังชีวิต พ่อเองก็เป็นทหาร แต่ถูกระเบิดบาดเจ็บที่ขาจนทุพพลภาพ วันหนึ่งในขณะที่พ่อรอแม่กลับบ้าน คิดว่า อย่างน้อยมีขนมปังติดมือมาสักปอนด์ก็ยังดี เพราะนอกจากลูกชาย คนโตที่เสียชีวิตไปแล้ว ที่บ้านยังมีลูกชายเล็กๆ อีกคนหนึ่งที่ตั้งตารออาหารจากแม่ รอแล้วรอเล่าแม่ก็ไม่กลับมาสักที เสียงปืนต่อสู้อากาศยาน เสียงระเบิด เสียงปืนของการต่อสู้ภาคพื้นดินรัวถี่ยิบ เป็นเวลานานกว่าเสียงเหล่านั้นจะเงียบลง แต่แม่ก็ยังไม่กลับบ้าน แม่อาจหลบระเบิดอยู่ที่ไหนสักแห่ง เสียงรถทหาร เสียงไซเรนจากรถพยาบาล การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ ทันใดนั้นมีรถบรรทุกคันหนึ่งที่ขนศพคนที่ตายจากการโจมตีของนาซีเยอรมัน สุมๆ กันมาจอดตรงหน้าพอดี เพื่อจะรีบนำไปฝังในหลุมฝังศพรวมที่นอกเมือง พ่อมองดูศพเหล่านั้นโดยปราศจากความรู้สึกใดๆ มันมีแต่ความชาชินที่เห็นภาพแบบนี้ทุกๆ วัน ได้แต่คิดว่าเมื่อไรสงครามจะยุติเสียที บ้านเกิดของพ่อและที่อยู่ของครอบครัวจะได้สงบสุขสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ขณะที่คิดคำนึงอยู่นี้ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็น "รองเท้า"...มันช่างเหมือนกับรองเท้าที่พ่อซื้อให้แม่เสียเหลือเกิน ด้วยความสงสัยจึงขออนุญาตทหารที่คุมรถขึ้นไปดูศพที่สวมรองเท้าคู่นั้น ภายในรถที่มีศพกองสุมกันอยู่จำนวนมาก พ่อจับตามองรองเท้าคู่นั้นไว้ มือก็เลื่อนขยับศพอื่นๆ ที่ทับศพล่างสุดที่สวมรองเท้าคู่นั้นออก และแล้วพ่อก็มองเห็นแม่...พ่อรีบบอกทหารที่ขับรถว่า ศพนั้นคือภรรยาของเขา และขอนำศพภรรยาไปฝังเอง ซึ่งทหารก็เข้ามาช่วยยกร่างของแม่ลงมา และสังเกตเห็นว่าแม่ยังหายใจอยู่ แม้จะอ่อนแรงเต็มทีก็ตาม พ่อพยายามจะรีบนำแม่ส่งโรงพยาบาล แต่ทหารคนนั้นเตือนพ่อว่าแม่บาดเจ็บสาหัสมาก ถ้าเคลื่อนย้ายไปโรงพยาบาลอาจเป็นอันตราย ให้รอรถพยาบาลดีกว่า ซึ่งกว่ารถพยาบาลจะมาถึงพ่อบอกว่ามันนานมาก และนาทีนั้นพ่อไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว นอกจากอธิษฐานขอพรพระเจ้า ในที่สุดแม่ที่อดทนต่ออาการหนักหนาสาหัสผ่านการรักษาอยู่นานหลายเดือนจนหายเป็นปกติ ในระหว่างนั้นก็มีข่าวร้ายมาถึงครอบครัวนี้อีก คือลูกชายคนโตเสียชีวิต ส่วนลูกชายคนเล็กที่ถูกแยกจากพ่อแม่ไปเลี้ยงในศูนย์อภิบาลเด็กเล็กป่วยด้วยโรคคอตีบเสียชีวิตไปแล้วเช่นเดียวกัน ศพถูกนำไปฝังในหลุมศพรวมชานเมืองเลนินกราด พอสงครามยุติ ครอบครัวนี้เหลือกันอยู่แค่ 3 คน พ่อ แม่ และยาย เท่านี้เองจริงๆ ญาติพี่น้องอื่นๆ ตายหมดไม่เหลือสักคนเดียว สามีภรรยากลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ตอนนั้นแม่ซึ่งมีอายุ 43 ปีแล้วเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา ลูกหลงมาเกิดทดแทนลูกสองคนที่ครอบครัวนี้เสียไประหว่างสงคราม วันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ.1952 ลูกชายคนสุดท้องที่เป็นลูกคนเดียวของครอบครัวนี้ก็ถือกำเนิดขึ้นมา ใครจะคิดว่าอีกหลายสิบปีต่อมาเด็กชายคนนี้จะเติบโตขึ้นกลายเป็นประธานาธิบดีของประเทศที่มีดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลที่สุดในโลก เป็นประธานาธิบดีที่มีอิทธิพลต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างมหาศาล ใครจะคิด...ว่า "รองเท้า" คู่นั้น จะมีผลเปลี่ยนโชคชะตาของโลกใบนี้ข่าวการเมืองมีมไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเริ่มมีคุณหมอหลายท่านแสดงความเห็นว่า วัคซีนหลักปัจจุบันที่รัฐบาลจัดให้ประชาชนจะมีความปลอดภัยมากกว่าวัคซีนไฟเซอร์ และ โมเดอนน่า ในระยะยาว ลองอ่านบทความของคุณหมอท่านหนึ่งครับ พวกบินไปฉีด Pfizer หรือ Moderna หรือกำลังจะไป ต้องอ่าน mRNA สามารถสร้าง PROTEIN เพี้ยนที่คุมไม่ได้นะครับ คนไทยโชคดีได้ SINOVAC ปลอดภัย และ ASTRAZENECA ปลอดภัยมาก สำหรับคนมีอายุและโรคประจำตัว ********** ...ความน่ากลัวของวัคซีนที่ใช้ mRNA - Pfizer & Moderna...ตั้งใจอ่านนิดหนึ่งจะเข้าใจครับ... mRNA vaccine ฉบับอ่านง่าย (for dummies) ที่มาของบทความนี้ก็คือ พอเขียนเรื่องประวัติศาสตร์ได้แล้ว ก็เลยอยากรู้ว่าจะเขียนแนวอื่นได้ไหม เผอิญท่านรองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ Phichet Banyati เคยชวนว่าให้เขียนเรื่อง mRNA vaccine สิ เลยน่าจะลองดู จะเห็นว่าปัจจุบันวัคซีนโควิดมีการผลิตหลายรูปแบบมาก ไม่ว่าจะใช้เชื้อตาย (Sinovac), ชิ้นส่วนของไวรัส (Aztra) แต่อันที่เป็นที่ฮือฮามากที่สุดก็น่าจะเป็น mRNA เทคนิค แล้วจริงๆ มันคืออะไรเหรอ ?!?! นักเรียนสายวิทย์คงทราบมาตั้งแต่สมัยเรียนชีววิทยา ม.ปลายแล้ว (ถ้าจำได้) ว่าส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของร่างกายก็คือโปรตีน ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนทางกายวิภาคหรือสรีรวิทยาของร่างกายก็ต้องมีโปรตีนเกี่ยวข้องด้วยทั้งสิ้น คราวนี้โปรตีนสร้างจากอะไร มันก็มีสูตรของมัน คือ "DNA สร้าง RNA สร้าง โปรตีน" (ดูภาพด้านล่าง ) อันนี้คือแบบแผนที่แน่นอน และไม่มีการเปลี่ยนแปลงชั่วนิรันดร์ สำหรับสิ่งมีชีวิตทั้งหลายนะครับ สรุปก็คือโปรตีนที่เราต้องการจะถูกสร้างมาจาก RNA ต้นแบบ ซึ่งมี 3 ชนิด แต่ที่สำคัญมากก็คือ mRNA หลักการของ mRNA วัคซีนก็คือ ใส่ mRNA ที่สร้างโปรตีนของไวรัสโควิด (ซึ่งอันนี้เราสามารถรู้ได้อยู่แล้วจากการถอดรหัสพันธุกรรมของไวรัส เหมือนเราทำขนมแหละครับ mRNA คือสูตรขนม เราก็สร้างโปรตีนคือตัวขนมออกมาได้) เข้าไปในร่างกาย เมื่อเซลล์ของร่างกายรับ mRNA นี้เข้ามาก็จะสร้างโปรตีนที่รูปร่างหน้าตาเหมือนตัวไวรัสออกมา (คิดง่ายๆ mRNA คือสูตรขนม เซลล์ของร่างกายมีวัตถุดิบเช่นแป้ง น้ำตาล ฯลฯ อยู่แล้ว เมื่อเซลล์ของร่างกายมีสูตรขนมก็ใช้วัตถุดิบผลิตเป็นขนมขึ้นมา) แต่เท่านี้ยังไม่จบ เมื่อร่างกายสร้างไวรัสจำลองออกมาแล้ว ไวรัสจำลองเหล่านี้ก็จะไปกระตุ้นภูมิต้านทานของร่างกาย ทำให้สร้างสารทางภูมิคุ้มกันออกมา (ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติเพราะสิ่งเหล่านี้ไม่เคยมีอยู่ในร่างกายมาก่อน เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมพวกนี้เกิดขึ้นมาร่างกายก็ย่อมสร้างภูมิคุ้มกันมาต่อต้าน ซึ่งเป็นกลไกในการปกป้องร่างกายตามธรรมชาติ) และภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นนี้ก็จะปกป้องเราเมื่อมีการติดเชื้อโควิดไวรัสจริงเข้ามา (ก็แน่ล่ะ เพราะอาศัยสูตรขนมเดียวกัน คือลอก mRNA มานิ) ฟังดูตามหลักการแล้วก็น่าจะดีเนอะ แต่คราวนี้ปัญหามันอยู่ที่ว่า 1. ไม่เคยมีวัคซีนที่ผลิตโดยเทคนิคนี้ขึ้นมาก่อนในโลก ดังนั้นก็เหมือนขนมที่ไม่เคยมีใครผลิตมาก่อน ใช้วัตถุดิบแปลกใหม่ที่เพิ่งคิดค้นขึ้น เรากินแล้วจะมีปัญหาอะไรไหม ? 2. ปกติการสร้างโปรตีนของร่างกาย มันจะมีระบบควบคุมต่างๆเพื่อไม่ให้การสร้างโปรตีนผิดเพี้ยนไป (เหมือนคอยควบคุมไม่ให้ขนมผิดสูตร) แต่คราวนี้ mRNA ตัวนี้ไม่ใช่ของร่างกาย แต่เป็นของที่ฉีดเข้ามา (จาก Pfizer, Moderna คงคุ้นชื่อเนอะ) ระบบควบคุมคุณภาพเหล่านี้จะไปจับความผิดพลาดได้ไหม (เหมือนคุณมีโปรแกรมแอนตี้ไวรัสในคอม แต่ถ้าไวรัสแปลกๆเข้ามา มันอาจจะตามไม่ทันถ้าไม่อัพเดท หรือถ้าเปรียบเทียบกับทำขนม แทนที่จะหยิบน้ำตาลมาใส่ ดันไปหยิบเกลือโดยไม่รู้ตัวเพราะมันเป็นเกล็ดขาวๆ เหมือนกันก็จะได้ขนมรสชาติแปลกประหลาดออกมา) 3. มันมีโรคทางระบบประสาทหลายโรค ที่ปัจจุบันยอมรับแล้วว่าเกิดจากโปรตีนที่ผิดเพี้ยนในร่างกาย (เรียกว่า misfolded protein) เช่น อัลไซเมอร์, พาร์คินสัน, ALS (ใครดูหนังเรื่อง the theory of everything หรือรู้จักอัจฉริยะฟิสิกส์ Stephen Hawking ก็โรคนั้นแหละครับที่เขาเป็น) ดังนั้นถ้าจากเหตุผลในข้อ 2 แล้วมีโปรตีนผิดเพี้ยนต่างๆเกิดขึ้นมาในอนาคต เราจะเป็นโรคเหล่านี้ไหม ? ก็ไม่มีใครบอกได้ เหตุผลที่เอาเทคนิคนี้มาใช้ผลิตวัคซีนโควิดเพราะว่าวิธีนี้สามารถสร้างวัคซีนขึ้นมาในปริมาณมากโดยใช้เวลาไม่นาน เหมาะกับภาวะเร่งด่วนแบบที่เราเจอวิกฤตในปัจจุบัน แต่ด้วยเหตุผลทางด้านบนจึงมีนักวิทยาศาสตร์หลายคนตั้งข้อกังขาและไม่สบายใจเกี่ยวกับ mRNA วัคซีนที่ใช้กันเยอะในเมืองนอกตอนนี้ อย่างไรก็ตามมันเป็นแค่ทฤษฎีนะครับ คงต้องรอเก็บข้อมูลในอนาคตต่อไป เพิ่มเติม : ด้านล่างสำหรับเด็กสายวิทย์นะครับ ไม่ใช่สายวิทย์ผ่านไปได้เลย เพราะใช้ศัพท์ฟุ่มเฟือยเยอะ ประเด็นที่น่ากังวลของ mRNA vaccine คือ 1. ไม่เคยมี mRNA vaccine ใช้มาก่อนเลยในโลกนี้ 2. จะเอาวัคซีนเข้าร่างกาย RNA ต้อง stable มาก และต้องให้เซลล์มัน uptake เข้าไป และสร้างไวรัสจำลองขึ้นมา ร่างกายถึงสร้าง immunity จะคุม stability ยังไงให้มั่นใจ 3. วิธีการใส่ mRNA เข้าไปในร่างกาย ถ้าจะให้เข้าเซลล์ได้มีประสิทธิภาพจริงก็ไม่สามารถฉีดไปแบบฉีดยาธรรมดา มันต้องใช้ Gene gun หรือ electroporation ซึ่งเขาก็ปรับปรุงโดยใช้ nanoparticle มาหุ้ม แล้วทำให้เข้าเซลล์ง่ายขึ้นโดยใช้การฉีดแบบวัคซีนธรรมดาได้ แต่ยังไม่รู้ว่า nanoparticle เหล่านี้จะมีผลข้างเคียงใดๆในระยะสั้นหรือระยะยาว ไหม {ตอนนี้ Moderna vaccine เจอบวมแดงที่แขนมากหลังฉีดหลายราย เป็นพวก hypersensitivity type 4 (หรืออาจจะ type 3 ในบางคนแบบ Arthus reaction) อาจถึงขนาดเป็นตุ่มน้ำพอง ไม่ทราบว่าจะจาก nanoparticle พวกนี้ไหม } 4. มีโอกาสที่ mRNA มันจะสร้างโปรตีนอื่นที่ผิดเพี้ยนขึ้นมา ถ้าดันเป็น misfolded protein คนไข้มีสิทธิ์เป็น Alzheimer's หรือโรค neurodegenerative disease อื่นๆได้ แค่ฉีดให้มันเข้าไปในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วเซลล์รับมันเข้าไปข้างใน และสร้างโปรตีนไวรัสจำลองออกมานี้ก็ยากแล้ว และยังไม่รู้เลยว่าพอมันอยู่ในเซลล์แล้วจะพลาดไปสร้างโปรตีนอะไรประหลาดๆออกมาไหม มันเหมือนเรารับ foreign genetic material อันนึงเข้าไปในร่างกายและไม่รู้จะควบคุมได้แค่ไหน... Pfizer ดันไปทะลึ่งยุ่งกับตัดเปลี่ยน DNA จะเป็นซอมบี้เต็มไปหมด Cr: นพ.พิเชษฐ์ บัญญัติ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์โควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยCovid-19: Alert Code Red - We are under attack! เรากำลังโดน Wave#2 โจมตีแบบ Full-Scale ครับ เตือนภัยระดับสูงมากนะครับ เวลาได้หมดลงแล้ว มันชัดแล้วว่าเรากำลังโดนโจมตีแบบ Exponential จาก Wave#2 ซึ่งถ้าเราทุกคนยังไม่ทำอะไรที่เข้มงวดขึ้นกว่านี้อย่างมากถึงมากที่สุด อีกไม่เกิน 1 เดือน เราจะเผชิญกับหายนะทางเศรษฐกิจและสุขภาพ ในแบบที่ยากยิ่งแก่การจินตนาการครับ ต้องย้ำนะครับ ตั้งแต่จบ WW2 มา นี่คือสถานการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดบนโลกนี้ และรวมถึงในประเทศนี้ด้วยครับ ก้าวข้ามเส้นอันตราย: เราได้ก้าวข้ามสถานการณ์ในระดับเดียวกับเมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2020 ของ Wave#1 มาแล้ว ตอนนั้นผู้ติดเชื้อสะสม 599 โดยมี %Increase ระดับ 20% เราตัดสินใจ Lockdown เข้มงวดทั้นที และจบได้ภายใน 56 วัน ณ วันนี้ Wave#2 เฉพาะแค่ติดเชื้อในประเทศไม่รวมแรงงานต่างด้าว ก้าวข้ามเส้นนั้นมาแล้ว โดยแตะระดับ 603 คน ที่ %Increase สูงถึง 28.57% ซึ่งร้ายแรงมากและแสดงถึงการโจมตีแบบ Exponential ในรูปแบบของ Wave#2 แบบเดียวกับที่ Virus เข้าโจมตียุโรป ความล้มเหลวของ Soft Lockdown ในยุโรป และความพ่ายแพ้ของเยอรมนี: ยุโรปโดยเฉพาะเยอรมนีเคยชนะ Wave#1 มาอย่างมั่นใจ เมื่อ Wave#2 มาถึงจึงใช้การต่อสู้ที่เบาลงโดยใช้แค่ Soft Lockdown สุดท้าย EURO5 เข้าสู่หลักล้านกันทั่วหน้า พร้อมกับผู้เสียชีวิตจำนวนมากภายในเวลาไม่ถึงสองเดือน เยอรมนีถูกโจมตีแบบแทบไม่ทันตั้งตัว ตัวเลขวิ่งจาก 400,000 ไปเป็น 1,000,000 ภายในเวลาแค่ 35 วัน และผู้เสียชีวิตจาก 9,000 ของ Wave#1 กลายมาเป็น 31,000 เยอรมนีสูญเสีย 20,000 ชีวิตในเวลาแค่ 2 เดือน ทั้งๆที่เป็นประเทศที่เตรียมตัวมาพร้อมมากๆ ไทย กับ Soft Lockdown ที่ไม่เป็นผล: นับตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. ผ่านมาแล้ว 11 วัน เราทยอยทำ Soft Lockdown ทีและพื้นที่ และตัวเลข %Increase ก็ยังไม่ลดลงไปต่ำกว่า 30% อย่างมีนัยยะสำคัญ ผมคิดว่าตัวเลขได้บอกเราชัดเจนว่า "หมดเวลาแล้ว" แต่ต้องกราบเรียนทีมงานสาธารณสุขทุกท่านครับว่าไม่มีเหตุผลใดที่เราจะต้องเสียใจกับ Soft Lockdown ที่ไม่ได้ผล เพราะมันไม่เคยได้ผลเลยเมื่อเผชิญหน้ากับ Wave#2 ไม่ว่าจะในยุโรป ญี่ปุ่น เมียนมาร์ หรือมาเลเซีย ทุกประเทศทำไปได้แค่จุดนึง ระบบสาธารณสุขล่ม ก็ต้องกลืนเลือดแล้ว Full-Scale Lockdown ครับ ผมว่าเราได้พยายามเต็มที่อย่างดีที่สุดแล้วครับ มองตัวเลขไปข้างหน้า ถ้า %Incrase ยังเป็น 30% และข่าวร้าย: ผมทำกราฟของ %Increase และ Total Case มาให้ดูนะครับ ของไทยที่ไม่รวมแรงงานต่างด้าวคือสีม่วง เส้นสีม่วงประคือเส้นพยากรณ์ถ้าเรายังไม่ทำอะไรที่ดีกว่านี้ สีเขียวคือไทยที่รวมแรงงานต่างด้าว และสีแดงคือเมียนมาร์ ส่วนสีเหลืองคือดานัง ซึ่งเราไม่ต้องมองแล้วครับเราไม่มีทางทำได้แล้ว ข่าวร้ายที่ 1: กราฟเราตอนนี้ แย่กว่า Wave#2 ของเมียนมาร์ครับ %Increase พอๆกัน แต่เราเปิดที่ตัวเลขสูงกว่ามาก และเมียนมาร์หลังจากนี้กราฟจะลดลงเพราะเขาทำ Hyper Lockdown ที่ย่างกุ้งครับ ข่าวร้ายที่ 2: เราเข้าสู่ Exponential ที่จุดพุ่งขึ้นชันแล้วครับ Golden Period ได้ผ่านไปแล้ว ข่าวร้ายที่ 3 ตัวเลขที่เราจะเห็น ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป: กรณี Wave#2 ไม่รวมแรงงานต่างด้าว 1 ม.ค. ตัวเลขระดับ 1,400 คน 8 ม.ค. ตัวเลขระดับ 10,000 คน 16 ม.ค. ตัวเลขระดับ 100,000 คน 31 ม.ค. ตัวเลขระดับ 1,000,000 คน ผมคิดว่า ไม่มีทางที่เราจะหยุดไวรัสตัวนี้ได้ด้วย Soft Lockdown ยุโรปลองมาแล้ว สุดท้ายก็ต้องไป Lockdown ที่ตัวเลขหลักล้าน เพราะสู้ไม่ไหวจริงๆ และเสียหายหนักมาก หลายคนอาจจะคิดว่าพอติดไปเยอะๆเดี๋ยวตัวเลขต่อวันมันจะอิ่มตัว ก็ลองกัน แล้วสุดท้ายมันก็ขึ้นไปได้เรื่อยๆเป็นวันละหมื่น หลายหมื่น เป็นแสน จนต้องยอมแพ้ เตรียมพร้อมครับ สำหรับการเจ็บแต่จบ: ผมคิดว่า รัฐบาลกำลังชั่งใจว่าจะ Lockdown ก่อนหรือหลังปีใหม่นะครับ ผมคิดว่าพวกเราทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงมันได้แน่นอน ทุกท่านที่เดินทางไปเที่ยวปีใหม่ ฉลองกันในที่ต่างๆ ผมแนะนำแบบนี้ครับ 1. ดื่มด่ำกับมันให้เต็มที่ อย่างมีสติ เพื่อเตรียมพลังใจสำหรับ Stay Home 2. หลังปีใหม่เดินทางไปที่ที่ท่านคิดว่าจะอยู่ที่นั่นอีก 3 เดือน 3. ทำธุระสำคัญ หาหมอ ตัดผม ซื้อของที่จะทำให้การอยู่บ้านมีความสุข 4. เมื่อจะออกจากโรงแรม จะออกจากร้านอาหาร ช่วยกันทิปให้มากๆ พนักงานเหล่านั้น พวกเขาจะลำบากไปอีกหลายเดือน เราจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเขาไปอีกนาน 5. Work From Home ทันทีหลังปีใหม่ มีคนจำนวนมากที่ยังไงก็ต้องเดินทางไปทำงาน การ WFH ของท่านจะช่วยลดความเสี่ยงของคนที่เขาไม่มีทางเลือก 6. ส่งกำลังใจให้ทีมงานสาธารณสุขของเรามากๆ พวกเขาคือด่านหน้า และศึกนี้หนักหนาสาหัสอย่างยิ่ง แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยตั้งแต่เราตั้งโรงเรียนแพทย์มาครับ ผมอยากจะย้ำอีกครั้งครับว่า แม้เราจะไม่มีทาง Save ปีใหม่ วันเด็ก และตรุษจีนได้แล้ว แต่ผมเชื่อว่า เรายัง Save สงกรานต์ปีหน้าได้อยู่ เรายังไม่สายเกินไปที่จะหยุด Virus ตัวนี้ครับ ช่วยกันครับ อยู่บ้าน WFH ดูแลกันและกัน ส่งกำลังใจผู้คนที่ต่อสู้ แล้วอีก 3 เดือนเราจะเตรียมออกมาฉลองปีใหม่ด้วยกันครับ "สงกรานต์" ปีใหม่ไทยของพวกเราครับ #Saveสงกรานต์โควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ