2209 ข้อความ
- 1 คนสงสัยนักวิชาการแนะ ทำบุญอย่าปล่อย ปลาดุก ลงในแม่น้ำลำคลอง จริงหรือดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบนิเวศน้ำจืด เตือนว่าทำบุญอย่าปล่อย "ปลาดุก" ชี้ปลาดุกส่วนใหญ่ เป็นปลาดุกบิ๊กอุย กินพืชและสัตว์น้ำ กินปลาเล็กไม่เลือก ตั้งสมมติฐานชี้ภาพ กระทบระบบนิเวศ ปัจจุบันมีผู้นิยมนำปลาดุกบิ๊กอุย ไปปล่อยในแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อทำบุญ แต่การกระทำดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในพื้นที่นั้นๆ โดยปลาดุก กินอาหารวันละ 5% ของน้ำหนักตัว โดยกินทั้งพืชและสัตว์ ปริมาณที่เท่าๆ กัน ซึ่งปลาดุกที่ปล่อยจะมีน้ำหนักประมาณ 3 ตัว ต่อ 1 กิโลกรัม และจะถูกนำไปปล่อยลงแหล่งน้ำที่สมบูรณ์มีอาหารให้กิน ยกตัวอย่าง หากต้องการปล่อยปลาดุก 1,000 กิโลกรัม คิดเป็นปลาดุกประมาณ 3,000 ตัว ปลาดุก 1,000 กิโลกรัม จะกินอาหารวันละ 50 กิโลกรัม ในอาหาร 50 กิโลกรัมนี้เป็นสัตว์ครึ่งหนึ่ง ดังนั้น คิดเป็นสัตว์น้ำหนักรวม 25 กิโลกรัม หรือ 25,000 กรัม ปลาดุกตัวขนาดนี้ สัตว์น้ำท้องถิ่นอย่าง ลูกปลาบู่ ลูกปลาตะโกก ลูกปลาตะเพียน ปลาซิว กุ้งฝอย และหอยขม ที่กินได้พอดีๆ คำ จะตัวประมาณ 2-3 เซนติเมตร ก็จะหนักไม่เกิน 5 กรัม ดังนั้น ปลาดุก 3,000 ตัว ที่ปล่อยไปนี้ ถ้าต้องการมีชีวิตที่ดี ก็ต้องกินสัตว์น้ำอื่นๆ ไปวันละ 5,000 ตัว หรือปีละ 1,800,000 ชีวิตanonymous• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยคลัสเตอร์ปาร์ตี้! บุคลากรแพทย์ติดโควิดนับสิบ แนะ 6 ข้อ ก่อนไปงานเลี้ยงคลัสเตอร์ปาร์ตี้! บุคลากรแพทย์ติดโควิดนับสิบ แนะ 6 ข้อ ก่อนไปงานเลี้ยง ข่าว 27 มิถุนายน 2565 เวลา 8:07 น. โดย รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย …สถานการณ์ระบาดของไทย จากข้อมูล Worldometer เช้านี้พบว่า จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 8 ของโลก และอันดับ 2 ของเอเชีย แม้ สธ. ไทยจะปรับระบบรายงานตั้งแต่ 1 พ.ค.จนทำให้จำนวนที่รายงานนั้นลดลงไปมากก็ตาม แม้จะฉีดวัคซีนไปมากน้อยเพียงใด แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า จะมีโอกาสติดเชื้อได้ ป่วยได้ และเป็น Long COVID ได้ ความเสี่ยงในการติดเชื้อ แพร่เชื้อ จนป่วยต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล จะยิ่งมากเป็นเงาตามตัว หากประเทศนั้นๆ เปิดเสรีการใช้ชีวิต โดยคนในสังคมไม่ได้ระมัดระวังป้องกันตัวอย่างดีพอ เช่น ไม่ใส่หน้ากากระหว่างการใช้ชีวิตประจำวัน เฮฮาปาร์ตี้กันสุดเหวี่ยง ฯลฯ ก็จะพบว่าการระบาดในระลอกหลังก็จะทำให้ติดเชื้อ และป่วยมากขึ้นกว่าเดิมได้ แม้จะมีอัตราฉีดวัคซีนครอบคลุมสูงก็ตาม >> ขอนำสิ่งที่ตนเองปฏิบัติอยู่ในชีวิตประจำวันเวลาต้องไปงานที่มีคนจำนวนมาก มาแชร์ให้พิจารณาตามความเหมาะสม 1. ประเมินดูว่างานนี้จำเป็นต้องไปหรือไม่? 2. หากต้องไป หรืออยากไปมาก ก็วางแผนให้ดีว่าจะทำอะไรบ้าง โดยดูรายละเอียดของงานที่จะไป หากเป็นไปได้ก็เลือกงานที่มีคนน้อย และมีมาตรการรักษาความสะอาดและตรวจคัดกรองก่อนเข้าร่วมงาน 3. จัดเวลาเผื่อ โดยกินอาหารมื้อนั้นให้เรียบร้อยที่บ้าน หรือที่ร้านโปร่งโล่งใกล้สถานที่ที่จัดงาน เพื่อจะได้เลี่ยงการ (เปิดหน้ากาก) กินดื่มที่ไม่จำเป็นระหว่างเข้าร่วมงานที่มีคนจำนวนมาก 4. ในงาน พบปะผู้คน - พูดคุยทักทายได้ โดยใส่หน้ากากเสมอ! - พยายามเลี่ยงการสัมผัสตัวคนอื่น - หากสัมผัสกันจับมือกันกอดกัน ก็ใส่หน้ากากและล้างมือทุกครั้ง ! 5. หากเป็นงานสัมมนายาวนานเป็นวัน - ครอบคลุมการกินดื่มหลายมื้อ หากนำอาหารมาแยกกินได้ก็จะดี - แต่หากกินดื่มรวมกัน ก็กินดื่มโดยใช้เวลาสั้นๆ - ระหว่างกินดื่มจะไม่พูดคุย หากจะพูดคุยก็ ใส่หน้ากากก่อนเสมอ - ล้างมือด้วยเจล หรือสเปรย์แอลกอฮอล์.ทุกครั้งหลังจับอุปกรณ์หรือภาชนะต่างๆ ของสาธารณะ 6. หลังกลับจากงาน คอยสังเกตอาการของตนเองว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ และติดตามข่าวคราวจากกลุ่มผู้ไปร่วมงานด้วยว่ามีปัญหาการเจ็บป่วยไม่สบายหลังจากไปร่วมงานหรือไม่ จะได้จัดการได้ตั้งแต่เนิ่นๆ COVID-19 ไม่ใช่หวัดธรรมดา ไม่กระจอก ติดเชื้อไม่จบ แค่ชิลๆ แล้วหาย แต่..ป่วยได้ ตายได้ แม้จะฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม ที่สำคัญคือ เรื่องภาวะผิดปกติระยะ..ยาว อย่าง Long COVID การป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อย่อมดีที่สุด. ความใส่ใจด้านสุขภาพ การป้องกันตัวเอง จะเป็นตัวกำหนดความเสี่ยงของเราและคนใกล้ชิด เพื่อจะได้ปลอดภัยไปด้วยกัน . . ****ต้องเน้นย้ำว่าพฤติกรรมการป้องกันตัวนั้นจำเป็นอย่างยิ่ง สถานการณ์ระบาดช่วงนี้เพิ่มขึ้นมากหากสังเกตคนรอบตัวที่ติดเชื้อ โดยจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้รายงานเข้าสู่ระบบ . . “ การใส่หน้ากาก ” เสมอเวลาตะลอนนอกบ้าน เป็นหัวใจสำคัญที่จะลดความเสี่ยง ย้ำอีกครั้งว่าจำเป็นมากโควิด 2019Mrs.Doubt• 3 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยCyber warfare สรุปสถานการณ์โดยรวมของสงครามไซเบอร์ยุคใหม่ (#สงครามที่ไม่มีควันปืน) วันที่ 30 มกราคม 2025 เวลา 23:30 น. ในคืนวันส่งท้ายปีเก่าของจีน ทั่วประเทศกำลังเฉลิมฉลองด้วยความสุขสงบ ในช่วงเวลานี้ กลุ่มเซิร์ฟเวอร์เครือข่ายของ #DeepSeek ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของจีน ถูก #โจมตีทางไซเบอร์อย่างรุนแรง ทันทีที่ถูกโจมตี สัญญาณเตือนภัยจากศูนย์ตอบสนองความปลอดภัยของ 360 จีนและ Huawei ของจีนได้ถูกส่งสัญญาณไปเตือนเครือข่ายของ #กองทัพไซเบอร์จีน และ #กลุ่มแฮ็กเกอร์แดงจีน อย่างไม่หยุด การโจมตีทางไซเบอร์ครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นตอนตี 3 ด้วยความถี่สูงสุดถึง 800,000 ครั้งต่อวินาที นี่ไม่ใช่การโจมตีทางไซเบอร์ทั่วไป และผู้โจมตีก็ไม่ใช่แฮ็กเกอร์ทั่วไป ในการตอบสนองต่อการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน กลุ่มเครือข่าย DeepSeek และระบบความปลอดภัยเครือข่ายของจีนได้ตอบสนองทันที กำลังป้องกันเครือข่ายต่าง ๆ ได้รวบรวมอย่างรวดเร็ว เมื่อการโจมตีถึงจุดสูงสุดในนาทีที่ 37 ผู้บริหารระดับสูงของ 360 ได้รวมกลุ่มแฮ็กเกอร์แดงเพื่อต่อสู้ในเวลากลางคืน ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของ Huawei Cloud ได้เปิดตัวระบบล้างข้อมูลทราฟฟิก และได้ติดตั้งชิปที่พัฒนาขึ้นใหม่ในเซิร์ฟเวอร์ จากนั้น 360 ได้เปิดตัวระบบป้องกัน #Tianqiong เพื่อสกัดกั้น ผู้เชี่ยวชาญเครือข่ายได้ถอดรหัสซอร์สโค้ดของการโจมตี กำลังต่างๆ รวมใจกันต่อสู้อย่างดุเดือดในเวลาอันจำกัด เมื่อการโจมตีดำเนินไปถึงชั่วโมงที่ 24 ระบบป้องกันไม่สามารถทนต่อการโจมตีที่รุนแรงได้และล้มเหลว 3 ครั้ง วิศวกรได้ใช้วิธีแยกทางกายภาพเพื่อยึดเวลา 30 วินาทีเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกทำลาย ในช่วงเวลานี้ โปรแกรมเมอร์ D และ C ทำงานติดต่อกันหลายสิบชั่วโมง จนร่างกายอ่อนเพลียและมีไข้สูง แต่มือซ้ายยังคงได้รับสารน้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ ในขณะที่มือขวายังคงพิมพ์คีย์บอร์ด ทีมชิปของ Huawei ไม่ได้หลับตาเป็นเวลา 48 ชั่วโมง เพื่อพัฒนาชิปป้องกันเครือข่ายที่จำเป็นอย่างต่อเนื่อง ผู้เชี่ยวชาญเครือข่าย 32 คนจาก 7 บริษัทในห้องปฏิบัติการคลาวด์ได้ต่อสู้ที่แนวหน้า โดยทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดโดยไม่สนใจอาหารและการนอน อุปกรณ์ DOS "Taishan Cloud" ถูกส่งถึงเขต Xixi ในหางโจวในเวลากลางคืนเพื่อตอบสนองความต้องการป้องกัน วิศวกรเร้าเตอร์ "New H3C" ได้ออกแบบโมเดลป้องกันหลายชั้น เซิร์ฟเวอร์เกม "NetEase Leihuo" ถูกเปลี่ยนเป็นโหนดแคชข้อมูลชั่วคราว "DingTalk" เปิดช่องทางการสื่อสารฉุกเฉิน "Cainiao Network" ได้บริจาคอัลกอริธึมการจัดส่งโลจิสติกส์ "Alibaba Cloud" ได้จัดสรรทรัพยากรการคำนวณตามความต้องการ ระบบจดจำอัจฉริยะของ "Dahua" สามารถจับผู้ใช้ที่มีประสิทธิภาพได้ 0.00017% ผู้เชี่ยวชาญเครือข่ายจีนทุกคนที่เข้าร่วมการต่อต้านต่างจดจ่ออยู่ที่หน้าจอ เพื่อติดตามและค้นหาข้อมูลโค้ด เสียงคีย์บอร์ดดังขึ้นไม่หยุดทั้งวันทั้งคืน ในตอนตี 3 ของวันถัดมา 360 ได้ล็อกคุณลักษณะของแหล่งที่มาของการโจมตี ผู้เชี่ยวชาญเครือข่ายของ Huawei ได้เริ่มติดตามที่อยู่ IP ของแฮ็กเกอร์ จากหางโจวของจีนไปยังสหรัฐอเมริกา จากเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกาไปยังแคลิฟอร์เนีย จากแคลิฟอร์เนียไปยังนิวยอร์ก และจากนิวยอร์กไปยังวอชิงตัน ในที่สุดก็ล็อกไปยังกลุ่มเซิร์ฟเวอร์ในอาคารหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาในวอชิงตัน การโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ครั้งนี้ถูกวางแผนและดำเนินการโดยสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหลักฐานที่ชัดเจน เป้าหมายของพวกเขาคือการทำลายระบบเครือข่ายของจีนในช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิของจีน ทำลายเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ก้าวหน้าของ DeepSeek ของจีน และก่อกวนช่วงเวลาที่มีความสุขและสงบสุขของเทศกาลฤดูใบไม้ผลิของจีน หลังจากล็อกเป้าหมายแล้ว การตอบโต้ทางเครือข่ายที่ข้ามเวลาและดุเดือดได้เริ่มต้นขึ้น แฮ็กเกอร์แดงของจีนมีความเชี่ยวชาญและแม่นยำในการควบคุม พวกเขาได้ทำลายระบบป้องกันเครือข่ายของหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาในทันที ทำให้กลุ่มเซิร์ฟเวอร์ของสหรัฐอเมริกาพังทลายและเข้าสู่ภาวะหยุดชะงักทั่วทั้งเครือข่าย และยังทำลายฐานสนับสนุนหลังบ้านของสหรัฐอเมริกา ทำให้ระบบเครือข่ายของสหรัฐอเมริกาวุ่นวาย หลังจาก 93 ชั่วโมง สงครามที่ไม่มีควันปืนนี้สิ้นสุดลงด้วยการลดลงอย่างรวดเร็วของทราฟฟิกการโจมตีของสหรัฐอเมริกาเหลือ 2.8% ซึ่งบ่งชี้ว่าการโจมตีทางไซเบอร์ที่สหรัฐอเมริกาเริ่มต้นขึ้นล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง และได้รับความเสียหายอย่างหนัก จีนประสบความสำเร็จในการปกป้องฐานอุตสาหกรรมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ วันนี้กลุ่มแฮ็กเกอร์แดงของจีนประกาศว่าในอีกสองวันข้างหน้าพวกเขาจะเริ่มต้นการตอบโต้ทางเครือข่ายอย่างเต็มรูปแบบต่อระบบเครือข่ายของสหรัฐอเมริกา เพื่อตอบแทนการกระทำของสหรัฐอเมริกาด้วยวิธีการเดียวกัน และสอนบทเรียนที่รุนแรงให้กับการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีเจตนาร้ายของสหรัฐอเมริกา ในการตอบสนองต่อการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ของสหรัฐอเมริกาต่อจีน กลุ่มแฮ็กเกอร์รัสเซียที่มีทักษะสูงได้เสนอความช่วยเหลือทันทีที่จีนต้องการ วันนี้พวกเขาได้ประณามการโจมตีทางไซเบอร์ของสหรัฐอเมริกาว่าไม่สามารถยอมรับได้ และประกาศว่าจะเข้าร่วมการตอบโต้ทางเครือข่ายต่อสหรัฐอเมริกา สหรัฐอเมริกาได้เริ่มต้นการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ครั้งนี้ด้วยเหตุผลที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น หลังจากทรัมป์ขึ้นสู่อำนาจ เขายังคงดำเนินนโยบายกดดันต่อจีนและทั่วโลก โดยเฉพาะในด้านโดรน หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของจีนต่อไป สงครามยังคงต้องดำเนินต่อไป แต่เป็น #สงครามที่ไม่มีควันปืน ต้องติดตามอย่ากระพริบตาเป็นอันขาด !!!ข่าวการเมืองมีม เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 5 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเช็คตัวเองว่ามี 4 อาการที่เป็นสัญญานเตือนของร่างกาย ว่า มีโอกาสตายได้ ภายใน 1~ 10 ปีนี้แล้วแต่อาการมาก-น้อย - นักวิทยาศาสตร์ เผยก่อนเสียชีวิต ภายในเวลาไม่เกิน 10 ปี ร่างกาย จะส่ง 4 สัญญาณเตือนภัยล่วงหน้า - เรื่องนี้ ศึกษา มาจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน British Medical Journal วารสารการแพทย์อังกฤษ ที่ทำงานวิจัยในกลุ่มข้าราชการที่สูงอายุมากกว่า 65 ปี ถึง 6,000 คน (แรกเริ่ม ศึกษามาจากข้าราชการอายุ 35 ปี มากกว่า 10,000 คน จนภายหลัง ผ่านมา 35 ปี เหลือ 6,000 คน) ได้ผลว่า ประมาณ 1 -10 ปีก่อนเสียชีวิต ร่างกายจะส่งคำเตือนหลายอย่าง การจับสัญญาณเหล่านี้อย่างทันท่วงที และ แก้ไข 4 ตัวชี้วัดดังกล่าวได้ ก็สามารถชะลอความชราและ มีอายุที่ยืนยาวออกไปได้ - โดยนักวิทยาศาสตร์ได้พบ 4 ตัวชี้วัด ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการมีอายุยืนยาว หรือ อายุสั้นลง ได้แก่ - 1. ความเร็วในการเดิน - นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเลสเตอร์ ในสหราชอาณาจักรติดตามผู้คนจำนวนมาก เป็นเวลา 7 ปี และพบว่า (โดยไม่คำนึงถึงดัชนีมวลกาย) คนที่เดินเร็วขึ้นก็จะมีอายุยืนยาวขึ้นเช่นกัน เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่เดินช้า คนที่เดินเร็วจะมีอายุยืนยาวกว่าโดยเฉลี่ย 15-20 ปี - เนื่องจาก “การเดินเร็ว” จะตรงตามข้อกำหนดพื้นฐานในการออกกำลังกายอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด การทำงานของหัวใจและปอด การเดินต้องใช้การประสานงานของกระดูก กล้ามเนื้อ ระบบประสาท ฯลฯ - คนปกติ ควรรักษาความเร็วในการเดินไว้ที่ 0.9 เมตร/วินาที หากความเร็วต่ำกว่า 0.6 เมตร/วินาที แสดงว่ากล้ามเนื้อลีบอย่างรุนแรง หากสังเกตเห็นว่าความเร็วในการเดินลดลงมากเกินไป โอกาสเสียชีวิตภายใน 1 ~10 ปีข้างหน้า มีสูง ต้องรีบแก้ไขด้วยการฝึกเดินให้เร็วขึ้น อาจฝึกเดินช้า/สลับเดินเร็ว รอบละ 2-3 นาที เพียง 10 รอบ ก็เดินได้ 20~30 นาที ต่อวัน สัปดาห์ลั 5 วัน ก็เพียงพอสำหรับผู้สูงอายุแล้ว - 2. ความสามารถในการนั่งและยืน - ความสามารถในการนั่งและยืน สามารถช่วยทดสอบความยืดหยุ่นของเอ็นแขนขาส่วนล่าง และสุขภาพของข้อเข่าได้ ผู้ที่มีความยืดหยุ่นของเอ็นที่ดี และ ข้อต่อที่แข็งแรง จะมีโอกาสมีชีวิตที่ยืนยาวมากกว่า 10 ปี - เพื่อทดสอบความสามารถในการลุก/นั่ง สามารถเลือกเก้าอี้ที่ไม่มีที่วางแขน นั่งบนเก้าอี้โดยวางเท้าบนพื้น ใช้ 2 มือกอดอก จากนั้นลองยืนขึ้นจากเก้าอี้ แล้วนั่ง ภายในเวลา 30 วินาที โดยไม่ใช้มือช่วยเหลือ ~ ผู้ชาย ควรลุกนั่ง ได้มากกว่า 14 ครั้ง ~ ผู้หญิง ควรลุกนั่ง ได้มากกว่า 12 ครั้ง ถ้าลุกนั่งได้น้อยกว่า จำนวนดังกล่าว แสดงว่า กล้ามเนื้อสะโพก และ ขา อ่อนแรง ข้อเข่าไม่ดี มีโอกาสเสียชีวิตได้ภายใน 1~10 ปี ถ้าต้องการมีอายุยืนยาวมากกว่า 10 ปี ต้องพยายามลุก/นั่ง ให้ได้มากกว่า อัตราดังกล่าวข้างต้น (ข้าพเจ้า อายุ 78 ปี ทดสอบลุกนั่ง ได้ 26 ครั้ง ภายใน 30 วินาที แต่ก็ต้องไม่ประมาท เพราะ สังขารเริ่มเสื่อมถอยลงไปค่อนข้างมาก) - 3. แรงบีบมือที่ดี - ในทางการแพทย์ ความแข็งแรงของแรงบีบที่มือ ยังเป็นการวัดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยรวมของบุคคลอีกด้วย สามารถสะท้อนถึงคุณภาพของหัวใจได้ในระดับหนึ่ง โดยคนที่มีหัวใจทำงานปกติก็มีความแข็งแรงของแรงบีบมือที่ดีเช่นกัน - โดยปกติแล้ว ความแข็งแรงของแรงบีบมือจะวัดด้วยเครื่องวัดแรงบีบมือ (Hand Grip Dynamometer) จากข้อมูลของนักวิจัย ความแข็งแรงของแรงบีบในผู้สูงอายุคือ สำหรับผู้หญิง ต้องได้ผลวัดอย่างน้อย 18.5 กก. และ สำหรับผู้ชายคือ 28.5 กก. ถ้าไม่มีเครื่องวัด ก็พยายามฝึกให้มีแรงบีบมือมากๆไว้ก่อน เริ่มจากฝึก กำแบ บ่อยๆ จากนั้น ฝึกออกแรงกำบีบสิ่งของให้แน่น แล้วปล่อย กำบีบแล้วปล่อย ความแข็งแรงกล้ามเนื้อของแรงบีบที่มือก็จะสูงมากขึ้น โอกาสอายุยืนเกิน 10 ปี ก็จะมีมากขึ้น - 4. กิจวัตรประจำวันต้องทำได้ด้วยตัวเอง ได้แก่ : การแต่งตัว นุ่งกางเกง ไม่ลืมรูดซิป ไม่ลืมร้อยหูกางเกง/เข็มขัด เข้าห้องน้ำไม่ลืมกดราด ทำอาหาร ไปตลาด ก้มใส่ถุงเท้า/รองเท้าและ ทำกิจกรรมอื่นๆ ที่นั่งยองๆแล้วลุกขึ้นได้ไม่หน้ามืด หากทำได้ด้วยตัวเอง…โอกาสมีอายุเกิน 10 ปี จะมีมากขึ้น หากพบว่า การทำสิ่งเหล่านี้ กลายเป็นเรื่องยาก แสดงว่ามวลกล้ามเนื้อในร่างกาย ลดลงไปมาก โอกาสเสียชีวิตภายใน 1~10 ปี มีสูง Cr. หมอเฉพาะทางบาทเดียว https://youtu.be/R1ehX4adCog? ให้รีบแก้ไขด่วนด้วยการ 1.ออกกำลังกายให้เหงื่อออก 2.หยุดนํ้าตาลอุตสาหกรรม 3.หยุดอาหารเสริม เพราะอาจทำร้ายร่างกายมากกว่าจะเป็นประโยชน์(ให้แพทย์สั่งดีกว่า) 4.เลิกนอนดึก(ต้องหลับก่อน 23:00 น.)สุขภาพผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย📍พาราเซตามอล ยาพิษสามัญประจำบ้าน Paracetamol Common Household Poisonous Medicine คนไทยเกือบทุกคน รู้จักยาแก้ปวดลดไข้ ชื่อ พาราเซตามอล และเข้าใจว่า เป็นยาที่ใช้รักษาโรคได้ เพราะเวลามีไข้ กินแล้วไข้หาย พอมีไข้อีกก็กินอีก จนกลายเป็นความเชื่อว่า เวลามีไข้ต้องกินยาพาราเซตามอล ปัญหาที่คนไทยไม่รู้ก็คือ ยาพาราเซตามอล มีไว้แค่บรรเทาอาการ ไม่ได้ช่วยให้โรคหาย และยังเป็นยาที่มีอันตราย แม้กินเพียงไม่กี่เม็ด ก็อาจก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อตับ และไตได้อย่างรุนแรง ขนาดสูงสุดของ ยาพาราเซตามอล ที่เคยเป็นที่ยอมรับ คือไม่เกิน 2000- 3000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเท่ากับ พาราเซตามอลขนาด 500 มิลลิกรัม 4-6 เม็ด เนื่องจากเป็นยาที่มีฤทธิ์อ่อน คนส่วนใหญ่ จึงนิยมกินพาราเซตามอลครั้งละสองเม็ด และความที่เป็นยาออกฤทธิ์สั้น จำเป็นต้องกินกันบ่อย ๆ ทุก 4-6 ชั่วโมง ทำให้มีโอกาสที่คนไข้จะได้รับยาในขนาดที่เป็นพิษได้สูง ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีรายงานต่อเนื่อง ถึงการรับประทานยาพาราเซตามอล ในขนาดที่เข้าใจว่าปลอดภัย แต่ลงเอยด้วยการที่ผู้ป่วยเสียชีวิต ส่งผลให้ องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา ได้สั่งยกเลิก พาราเซตามอล ในขนาด 500 มก และให้ขายเพียงขนาด 325 มก เท่านั้น ยาที่แพทย์ใช้รักษาพิษของพาราเซตามอล มีชื่อว่า N-acetyl cysteine หรือ แนค (NAC) ในประเทศไทย แนค (NAC) ได้ถูกจดทะเบียนเป็นยาละลายเสมหะ ที่มีชื่อทางการค้าว่า Fluimucil, Naclong, หรือ Flemex AC OD ขนาดที่ใช้คือ 600 มิลลิกรัม ต่อวัน เนื่องจากเป็นยาที่แทบจะไม่มีผลข้างเคียง จึงสามารถกินต่อเนื่องได้ทุกวัน แม้ในคนที่ไม่มีเสมหะก็ตาม ผู้เขียน จึงขอแนะนำให้คนทุกคน เลี่ยงการใช้ยาพาราเซตามอล โดยไม่จำเป็น ถ้ามีไข้ควรเลือกวิธีเช็ดตัวลดไข้ แต่หากจำเป็นต้องใช้ยาพารา ก็ควรกินแนค (NAC) ร่วมด้วย เวลาที่คนไข้ที่มีไข้ และมาโรงพยาบาลด้วยปัญหาตับอักเสบ แพทย์ส่วนใหญ่ จะคิดถึงแต่โรคติดเชื้อที่ทำให้เกิดภาวะตับอักเสบ และไม่ได้คิดว่า ตับอักเสบนั้น อาจเป็นผลจากยาพาราเซตามอล ตัวอย่างเช่น คนที่เป็นโรคไข้เลือดออก คนไข้เหล่านี้จะมีไข้สูงตลอดวัน หลังจากการกินยาพาราเซตามอล ไข้ก็ลดลงไม่มาก สักพักไข้ก็กลับมาสูงอีก ทำให้คนไข้ต้องใช้ยาพาราเซตามอลอยู่เรื่อย ๆ โดยไม่ได้ตระหนักว่า ในคนที่เป็นโรคไข้เลือดออก และตับมีการทำงานที่บกพร่องอยู่แล้ว การใช้ยาพาราเซตามอล แม้เพียงเล็กน้อย อาจทำให้เกิดภาวะตับอักเสบรุนแรงมากขึ้นถึงขั้นเสียชีวิต ผู้เขียนเคยได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยอายุ 16 ปี รายหนึ่ง ที่มาโรงพยาบาลด้วยโรคไข้เลือดออก มีระดับเอนซัยม์ตับสูงมาก (SGPT > 4000) และอยู่ในสภาพไม่รู้สึกตัว ญาติได้รับแจ้งไปว่าเด็กคงไม่รอดชีวิต หลังจากที่ผู้เขียนไปดูในตอนดึก ก็ได้สั่งการรักษาด้วยการใช้ แนค (NAC) ขนาดสูงหยดทางหลอดเลือด วันรุ่งขึ้น ระดับเอนซัยม์ตับก็ลดลงเกือบ 10 เท่า เด็กเริ่มรู้สึกตัว และกลับบ้านได้ใน 3 วันต่อมา ไม่เพียงแต่ ยาพาราเซตามอล จะมีพิษต่อตับ แต่ยังมีพิษต่อไตอีกด้วย ผู้เขียนมีคนไข้ทีมาด้วยปัญหาไตวายโดยไม่ทราบสาเหตุ พอซักประวัติก็ทราบว่า คนไข้กินพาราเซตามอลวันละ 1-2 เม็ด เกือบทุกวัน บางรายก็บอกว่า ปวดศีรษะ พอตรวจดูก็พบว่าเป็นความดันโลหิตสูง เมื่อได้ยาลดความดัน อาการปวดศีรษะก็หาย มีอยู่รายหนึ่งที่กินพาราเซตามอลทุกวัน เพราะกินแล้วไม่ปวดไม่เมื่อย ทำงานได้ดี เลยเข้าใจผิดว่าเป็นยาชูกำลัง กินได้ทุกวัน ลงท้ายก็กลายเป็นโรคไตวายเรื้อรัง ผู้เขียนเคยได้รักษาคนไข้ตั้งครรภ์ 26 สัปดาห์ ที่มาโรงพยาบาลด้วยอาการ ไม่มีปัสสาวะมา 3 วัน ซักประวัติพบว่า ผู้ป่วยมีปัญหาปวดน่องอย่างรุนแรง จึงไปคลินิก ได้ยาฉีดแก้ปวด วันละเข็มติดต่อกันสามวัน หลังจากนั้น ปัสสาวะลดลงจนกระทั่งไม่มีปัสสาวะออก ผู้เขียนจึงได้ให้ NAC ขนาดสูงเข้าทางหลอดเลือด และตามด้วยการล้างไต ภายหลังการล้างไตได้ 3 ชั่วโมง ผู้ป่วยก็เริ่มมีปัสสาวะออกมาเรื่อย ๆ จำนวนมาก และการทำงานของไตก็กลับสู่สภาพปกติ และคลอดบุตรเป็นปกติในสองเดือนถัดมา ขอย้ำว่า พาราเซตามอล ไม่ใช่ยาวิเศษ แต่เป็นยาที่มีพิษ ไม่ควรคิดว่า จะกินเท่าไรก็มีอันตราย หรือคิดว่า ทุกครั้งที่เป็นไข้ จำเป็นต้องกินยาพาราเซตามอล แนะนำว่าการเช็ดตัวลดไข้ จะปลอดภัยกว่าการใช้ยา เพราะการกินยาพาราเซตามอลพร่ำเพื่อ เพราะเข้าใจว่าช่วยให้หายจากโรค อาจส่งผลให้เราหายไปจากโลกแทนได้ครับ ดร.นพ. พัฒนา เต็งอำนวย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์โรคไตผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยรัฐบาลญี่ปุ่นให้ประชาชนทิ้งไมโครเวฟ ไม่เช่นนั้นจะถูกปรับและจำคุกรัฐบาลญี่ปุ่นได้ตัดสินใจที่จะทิ้งเตาอบไมโครเวฟทั้งหมดในประเทศภายในสิ้นปีนี้และประชาชนและองค์กรที่ไม่สามารถตอบสนองต่อคำขอทั้งหมดจะถูกปรับและถูกจำคุก ญี่ปุ่นสั่งห้ามใช้เตาไมโครเวฟเนื่องจากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยฮิโรชิมาพวกเขาพบว่าคลื่นวิทยุทำให้เกิดความเสียหายต่อสุขภาพของประชาชนในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาการใช้เตาไมโครเวฟเป็นอันตรายยิ่งกว่าสหรัฐอเมริกาในฮิโรชิมาและกันยายน 1945 ระเบิดปรมาณูหล่นจากนางาซากิ ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องแสดงให้เห็นว่าอาหารที่อุ่นในเตาไมโครเวฟนั้นมีรังสีที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ดังนั้นโรงงานไมโครเวฟขนาดใหญ่ทั้งหมดที่ผลิตผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในญี่ปุ่นกำลังจะปิด เกาหลีใต้ออกแถลงการณ์: ในปี 2021 การผลิตเตาอบไมโครเวฟกำลังจะหยุดลง จีนยังวางแผนที่จะห้ามเทคโนโลยีนี้ในปี 2566 การประชุมเกี่ยวกับการป้องกันโรคมะเร็งถูกจัดขึ้นที่ศูนย์บำบัดโรคมะเร็งของ Kashira ที่ประชุมสรุปว่าควรหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้: น้ำมันสำเร็จรูป 2. นมจากสัตว์ (แนะนำนมถั่วเหลือง) 3. อาหารแปรรูปก้อน (เครื่องเทศซุปไก่เช่นแม็กกี้และชอบ) 4. โซดา (32 น้ำตาลต่อลิตร) 5. น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ 6. อาหารร้อนไมโครเวฟ 7. การทำแมมโมแกรมไม่ได้เกิดขึ้นก่อนที่ทารกจะคลอดยกเว้น echocardiography 8. ชุดชั้นในชุดชั้นในแน่นมาก 9. แอลกอฮอล์ 10. ละลายอาหารแช่แข็งและทำให้เย็นลง 11. ดื่มน้ำขวดพลาสติกจากตู้เย็น 12. ยาคุมกำเนิด มันเปลี่ยนระบบฮอร์โมนเพศหญิงและทำให้เกิดโรคมะเร็ง 13. ยาดับกลิ่นพิเศษที่ใช้หลังการโกนหนวดนั้นเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งได้ง่าย 14. น้ำตาลทรายขาวทุกชนิด (เซลล์มะเร็งมีแนวโน้มที่จะเติบโตภายใต้การบำรุงของน้ำตาล) ผู้ป่วยโรคมะเร็งควรหลีกเลี่ยงน้ำตาลให้ได้มากที่สุด ที่ประชุมแนะนำว่าควรเพิ่มอาหารประจำวัน: 1. ผัก 2. ใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาล 3. โปรตีนจากผัก (ถั่วแทนเนื้อสัตว์) 4. ดื่มน้ำสองแก้วที่มีอุณหภูมิของร่างกายเท่ากันในขณะท้องว่างก่อนแปรงฟัน 5. อาหารควรอุ่น แต่ไม่สูงเกินไป 6. น้ำว่านหางจระเข้ + ขิง + ผักชีฝรั่ง + ขึ้นฉ่าย + myristin เราแนะนำให้ผสมในขณะท้องว่าง 7. ดื่มน้ำแครอททุกวัน 8. มะเขือเทศกระเทียมหัวหอมและเนื้อสัตว์ บันทึก : วิทยาลัยแพทย์อเมริกันค้นพบสาเหตุของโรคมะเร็ง 1. อย่าดื่มชากาแฟหรือเครื่องดื่มร้อน ๆ ในถ้วยพลาสติก 2. อย่ากินอาหารร้อนที่ห่อด้วยกระดาษหรือถุงพลาสติก (เช่นมันฝรั่งทอด) 3. อย่ากินอาหารในกล่องพลาสติกหรืออาหารไมโครเวฟ เราควรให้ความสนใจกับประเด็นต่อไปนี้: เมื่อพลาสติกสัมผัสกับอุณหภูมิสูงสารเคมีที่ผลิตอาจทำให้เกิดมะเร็ง 52 ชนิด ดังนั้นคุณต้องหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลมทุกชนิดเช่นโคล่า, เป๊ปซี่, AV, แฟนต้าและน้ำผลไม้เข้มข้นอื่น ๆ 4 กินสับปะรดสด ๆ แต่อย่าดื่มน้ำสับปะรดผสมกับโคล่าเครื่องดื่มผสมนี้ถึงแก่ชีวิต 5 ใช้หูซ้ายเพื่อรับโทรศัพท์และใช้ชุดหูฟังในปริมาณที่พอเหมาะ 6 อย่าทานยาด้วยน้ำเย็น 7. อย่ากินอาหารที่ย่อยไม่ได้หลังจาก 7 โมงเช้า 8. ดื่มน้ำให้มากขึ้นในตอนเช้าและดื่มน้ำน้อยลงในเวลากลางคืน 9. อย่าอยู่ในตำแหน่งแนวนอนทันทีหลังจากรับประทานอาหาร (นอน / นอนหลับ) 10. เมื่อโทรศัพท์ของคุณใกล้จะหมดอย่าหยิบโทรศัพท์ของคุณเพราะรังสีของโทรศัพท์นั้นแข็งแกร่งกว่าทีวีเต็ม 1,000 เท่า แบ่งปันบทความนี้กับคนที่คุณรัก (วรว.อ่านและเริ่มส่ง 13.35น. 18กุมภาพันธ์ 2564)มะเร็งMrs.Doubt• 4 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเหลือเชื่อ! แค่เอาเท้าไปแช่ลงในเกลือ ผลที่ได้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังไม่สามารถอธิบายได้ สำหรับคนรักสุขภาพ!!! เทรนด์ยอดฮิตที่กำลังมาแรงในตอนนี้นอกจากการออกกำลังกายแล้วนั้นคือ “แช่เท้าด้วยเกลือ” ที่ใครก็สามารถทำได้แบบไม่ต้องเสียเงินเข้าสปาเลย แถมได้ประโยชน์มากมายเกิดคาด!! “เท้า” เป็นอวัยวะที่เราใช้งานหนักมาก เพราะไหนจะต้องแบกรับน้ำหนักเราที่มีหลายสิบโลแล้ว เรายังต้องอาศัยเท้าในการเดินหรือทำกิจกรรมอีกมากมายในแต่ละวัน แน่นอนว่าต้องมความเหมื่อยล้าบ้าง โดยเฉพาะสาวๆ ที่ชอบสวมใส่รองเท้าที่มีส้นสูงๆ วันนี้เราจึงขอหยิบยกวิธีการดูแลสุขภาพเท้ามาฝาก นั้นคือ การแช่เท้าด้วยเกลือ ที่สำคัญไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย แถมไม่ต้องเสียเงินเสียทองมากมายเพื่อไปทำสปารเท้า การแช่เท้าในน้ำเกลือกลายเป็นอีกหนึ่งวิธีที่คนไทยกำลังพูดถึง และให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมากในขณะนี้ ว่าแต่ทำแล้วจะช่วยอะไรบ้าง และต้องทำอย่างไรนั้นไปชมกันเลย!!! ประโยชน์ของการแช่เท้าด้วยเกลือ 1. ช่วยดึงสิ่งที่ตกค้างในร่างกายออก 2. ช่วยดึงพลังงานลบที่เกิดจากอารมณ์ออก 3. ช่วยดึงประจุพลังงานลบ ซึ่งเป็นพลังงานไม่ดี ออกจากร่างกาย 4. หลังจากที่ดึงพลังงานลบออกจากร่างกายแล้วเราก็ใช้วิธีการรักษาได้ตามปกติ ทั้งนี้วิธีการนี้จะเป็นการช่วยดึงพลังงานลบออกจากร่างกาย ก่อนการรักษา ทำให้รักษาได้ง่ายขึ้น 5. เมื่อแช่เท้าด้วยเกลือ บ่อยๆ ร่างกายจึงไม่มีพลังงานลบที่ก่อโรคหลงเหลืออยู่อีก และนี่เองจึงทำให้สุขภาพของเราดีขึ้น วิธีการแช่เท้าด้วยเกลือ 1. นำกะละมังขนาดที่สามารถวางเท้าแช่ได้-ใส่น้ำลงไปให้ท่วมตาตุ่มจะเป็นน้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดาก็ได้ 2. ใส่เกลือทะเล (ที่เป็นเกลือแบบเม็ด) ลงไปประมาณ 1 กำมือ 3. เอาเท้าเหยียบเกลือที่ยังไม่ละลาย 4. ทำจิตใจให้สงบ หรือเปิดเพลงบรรเลงเบาๆ นั่งอยู่ประมาณ 15-20 นาที 5. หลังจากนั้นให้ล้างเท้าด้วยน้ำเปล่า การแช่เท้าด้วยเกลือนั้นคนปกติ สามารถทำได้ทำอาทิตย์ละครั้ง ส่วนคนป่วย ทำได้ทุกวันก่อนนอน หากผู้ใดที่ธาตุในร่างกายไม่สมดุล มีอาการหนาว สั่น ให้ใช้น้ำอุ่นในการแช่เท้า สำหรับคนที่ร้อนก็ให้ใช้น้ำเย็นแช่ค่ะ การแช่เท้าเป็นวิธีปฏิบัติที่ถูกถ่ายทอดกันมาอย่างยาวนาน ตามหลักทฤษฎีการแพทย์ทางเลือกสาขา Reflexology โดยมีความเชื่อกันว่าเท้า มีจุดสัมผัส ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการทำงานของอวัยวะต่างๆ ทั่วทั้งร่างกาย เพราะฉะนั้นวิธีกรการผ่อนคลาย ด้วยการแช่เท้าลงในน้ำร้อน จึงเป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยกระตุ้นจุดสัมผัสเหล่านี้ด้วยพลังงานความร้อน ทางด้างผลงานการวิจัยของ นายแพทย์ วิลเลียม วินเทอร์วิตซ์ จากประเทศออสเตรีย มีความคิดเห็นว่า ประสาทรับสัมผัสที่ผิวหนังจะมีวงจรประสาทเชื่อมต่อกัน กับกล้ามเนื้อ รวมถึงอวัยวะต่างๆ ที่อยู่ภายในร่างกาย และเมื่อความร้อน มาสัมผัสกับผิวหนัง มันก็จะส่งสัญญาณไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการทำงานของอวัยวะที่อยู่ห่างไกลได้ ทั้งนี้การแช่เท้า ไม่ว่าจะเป็นน้ำเกลือหรือน้ำอุ่นหรือไม่ก็ตาม ยังมีข้อดีอีกหลายอย่างดังนี้! 1. ลดอาการปวดบวมที่เท้าแล้ว 2. ลดอาการปวดท้อง 3. กระตุ้นความต้านทานของร่างกาย 4. ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น 5. ป้องกันอาการมือเท้าเย็นโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว 6. ลดอาการอักเสบของจมูกและลำคอ 7. ช่วยให้อาการปวดหัวหรือปวดประจำเดือนลดลง 8. ลดอาการคั่งของเลือดที่ส่วนอื่นๆ 9. ทำให้นอนหลับง่ายตลอดคืน เป็นต้น ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : เบ็ดเตล็ดไอเดีย ชื่นชอบข่าวนี้ อยากแชร์ต่อให้เพื่อนๆผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยรายงานอาฟเตอร์ช็อก เหตุการณ์แผ่นดินไหว 28 มีนาคม 2568 เกิดแผ่นดินไหว จุดศูนย์กลางอยู่บริเวณประเทศเมียนมาร์ อาฟเตอร์ช็อก ครั้งที่ 1 เวลา 13.32 น. ขนาด 7.1 ครั้งที่ 2 เวลา 13.45 น. ขนาด 5.5 ครั้งที่ 3 เวลา 14.24 น. ขนาด 4.0 ครั้งที่ 4 เวลา 14.37 น. ขนาด 5.2 ครั้งที่ 5 เวลา 14.42 น. ขนาด 3.9 ครั้งที่ 6 เวลา 14.57 น. ขนาด 4.7 ครั้งที่ 7 เวลา 15.21 น. ขนาด 4.0 ครั้งที่ 8 เวลา 15.45 น. ขนาด 3.7 ครั้งที่ 9 เวลา 15.52 น. ขนาด 3.8 และยังสามารถเกิดอาฟเตอร์ช็อคขึ้นได้อีก ขอให้ทุกท่านติดตามข่าวจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด #กรมอุตุนิยมวิทยา #ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม #แผ่นดินไหวไม่ระบุชื่อ• 3 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจริงหรือไม่เพจธนาคารออมสิน ปล่อยสินเชื่อออนไลน์ผ่านเพจชื่อ mymo savingเพจ "mymo saving" มีการประกาศการปล่อยสินเชื่อออนไลน์ให้วงเงินสูงสุด 500,000 บาท ผ่อนเริ่มต้นเพียง 1,080 บาท/เดือน จากการสัมภาษณ์ คุณสุรีรัตน์ ไชยศิลา ผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาเสริมไทยคอมเพล็กซ์ จังหวัดมหาสารคาม ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อดังกล่าวว่า ธนาคารออมสินเคยมีโครงการสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน mymo เพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 โดยเน้นสนับสนุนด้านการเงินให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ แต่โครงการดังกล่าวได้สิ้นสุดลงและวงเงินเต็มเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันธนาคารไม่มีการให้บริการสินเชื่อผ่านช่องทางอื่นๆ นอกจากแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ที่เป็นทางการของธนาคารเท่านั้น ธนาคารยืนยันว่าไม่มีการปล่อยสินเชื่อผ่านเพจดังกล่าว และโครงการสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน mymo ได้ยุติลงแล้วหลังจากช่วงโควิด-19 อย่าหลงเชื่อเด็ดขาด ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังได้ให้คำแนะนำในการป้องกันมิจฉาชีพออนไลน์ไว้ดังนี้ 1. ธนาคารออมสินไม่มีการส่งข้อความหรือส่งลิงก์การกู้เงินผ่านแอปพลิเคชันใดๆ 2. หากได้รับข้อความหรือพบเพจที่น่าสงสัย อย่าคลิกลิงก์และไม่แอดไลน์สมัครใช้บริการ ไม่กรอกข้อมูลส่วนบุคคลและไม่แชร์ต่อเด็ดขาด 3. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คอลเซ็นเตอร์ โทร. 1115 หรือ ธนาคารสาขาใกล้บ้าน 4. ติดตามข่าวสารจากช่องทางที่เชื่อถือได้ของธนาคารเพื่อป้องกันการถูกหลอก 5. ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการหลอกลวงออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ธนาคารออมสิน แหล่งข้อมูล (https://www.gsb.or.th/services/ธนาคารออมสิน-ขอแจ้งเตือ/)ภาคอีสานการเงินแอคปลอมmintsiri02• 8 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยราชตฤณมัยสมาคมฯพลิกโฉม“หนองจอก” ผุดสนามม้าแห่งใหม่ 3,000ไร่ ดันราคาที่ดินพุ่ง 4 เท่า จากไร่ละ 9 แสนขยับเป็น 3-4 ล้านบาทต่อไร่ .ราชตฤณมัยสมาคมฯอยู่ระหว่างรวบรวมที่ดินซึ่งอยู่บริเวณเขตหนองจอก ย่านมิตรไมตรี ซึ่งเป็นพื้นที่โล่งว่าง และ บริเวณถัดจากสถานีตำรวจนครบาลราชกระบังเขตลาดลาดกระบัง จำนวน2000ไร่ . พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พื้นที่สีม่วง(ที่ดินประเภทอุตสาหกรรม) สามารถพัฒนาเชิงพาณิชย์ขึ้นตึกสูงได้ โดยราคาที่ดินที่กำหนดไว้9แสนบาทต่อไร่ แต่เนื่องจากมีข่าวแพร่สะพัดออกไป ส่งผลให้ราคาที่ดินขยับขึ้นเป็นไร่ละ3-4ล้านบาทหรือประมาณ4เท่า และมีแนวโน้มจะขยับขึ้นขึ้นอีกคาดว่าอีก2เดือนข้างหนาจะทราบชัดเจน ว่าแบบและแปลงที่ดินเป็นแบบใดและอยู่บริเวณไหน ความคืบหน้า สำหรับโครงการจะเป็น สปอร์ตคลับ สูง 789 ชั้นประกอบด้วย โรงแรม5ดาว ศูนย์การค้า มีสนามเลี้ยงม้า และสนามม้า สวนสาธารณะ ถอดแบบสนามม้านางเลิ้ง . "จะพัฒนา เน้นนวัตกรรม คล้ายสนามรังนกที่จีน และ การแสดง สนามเลี้ยงม้า แข่งม้าโรงแรม5ดาวห้าง กสิโนถูกกฎหมาย เน้นวัสดุรักษ์โลก . 📌อ่านข่าวเพิ่มเติมในคอมเมนต์ไม่ระบุชื่อ• 9 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัย"ยาลดน้ำหนัก" อันตรายอย่างไรและเหมาะกับใคร?อ.พญ.ประพิมพ์พร ฉัตรานุกูลชัย ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “ยาลดน้ำหนัก” นั้นมีอยู่จริงและถูกใช้ในทางการแพทย์ แต่ต้องควบคุมการใช้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะถือเป็นยาที่ “มีผลข้างเคียงอันตราย” รวมถึงต้องเลือกคนไข้ที่จะใช้ยาเหล่านี้ให้ถูกต้องด้วย สารที่เรามักพบในยาลดน้ำหนักและมีอันตรายได้แก่ 1. “ไซบูทรามีน” 2. “ยาในกลุ่มแอมเฟตามีน” 3. “ยาระบาย บิสซาโคดิลและยาขับปัสสาวะ ฟูโรซีไมด์” โดยทั่วไปแล้วยาลดน้ำหนักมีไว้ใช้สำหรับคนที่เป็น “โรคอ้วน”หรือคนที่ควบคุมอาหาร ออกกำลังกายแล้วไม่เห็นผลลดความอ้วนstd48395• 2 ปีที่แล้ว
- 24 คนสงสัยอย่าเชื่อ! รักษา "มะเร็งระยะสุดท้าย" ด้วยการดื่มน้ำปั่นผักจิงจูฉ่ายกรณีที่มีผู้โพสต์แนะนำผู้ที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายให้รักษาด้วยการดื่มน้ำปั่นผักจิงจูฉ่าย ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าผักจิงจูฉ่ายช่วยรักษามะเร็งระยะสุดท้ายในมนุษย์ได้ โดยผักจิงจูฉ่าย (Artemisia lactiflora) เป็นพืชท้องถิ่นของประเทศจีนนิยมนำมาใช้ปรุงอาหารอุดมไปด้วยวิตามิน ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น สารเบต้าแคโรทีน ไรโบฟลาวิน และแอสคอบิกแอซิด ซึ่งมีส่วนช่วยในการชะลอความเสื่อมของเซลล์ และช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตามงานวิจัยที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่อยู่ในระดับห้องทดลอง และปัจจุบันการรักษาโรคมะเร็งหลัก ๆ มี 3 วิธี ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด และรังสีรักษา ซึ่งทั้งนี้การรับฟังข้อมูลที่ไม่ผ่านการพิจารณาหรือตรวจสอบข้อเท็จจริง อาจทำให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อนและอาจลดโอกาสการรักษาทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน อีกทั้งควรศึกษารายละเอียดด้านสรรพคุณ ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา และวิธีการใช้สมุนไพรอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์มะเร็งยาสมุนไพรstd46699• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัย#คนที่ใช้แก้สต้องอ่าน พลาดนิดเดียว ตาย 3 ศพ หมดบ้าน (!)(อย่า) อันตรายถึงชีวิต (ล้ม) (ชี้) #คนที่ใช้แก้สต้องอ่าน พลาดนิดเดียว ตาย 3 ศพ หมดบ้าน (!) สามีภรรยาคู่หนึ่งกลับเข้าบ้านประมาณเที่ยงคืน หลังอาหารเย็นที่ร้านอาหาร @กลิ่นแก้สในบ้าน!! สามีรีบไปที่ห้องครัวเพื่อหากลิ่นที่แรงกว่าเดิม *จิตใต้สำนึกบอกให้เขาเปิดไฟ แล้วห้องครัวก็ระเบิด!! สามีเสียชีวิตทันที!! ส่วนภรรยาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล 90% ของแผล ไหม้!! พบเฟอร์นิเจอร์ของพวกเขา ตกอยู่ห่างจากบ้าน 100 เมตร ซึ่งหมายความว่า การระเบิดของแก๊ส มีพลังมากกว่าระเบิด!! *บทเรียนที่ต้องเรียนรู้ จากเหตุการณ์อันน่าสยดสยองนี้ คือ.. *👉เมื่อได้กลิ่นแก๊ส (no)ห้ามเปิดไฟ! แต่ให้เปิดประตูและหน้าต่างทุกบาน อย่างเงียบๆ ช้าๆ (=)เพื่อไม่ให้เกิดประกายไฟ 👉 ถอดเรกกูเลเตอร์ บนถังแก๊ส และ(no)อย่าเปิดไฟ! จนกว่ากลิ่นแก๊สจะหมดลง นอกจากนี้ (no)อย่าเปิดตู้เย็น! เพราะจะทำให้เกิดการระเบิด และ(no)ไม่ควรเปิดพัดลมดูดอากาศ เพราะมีประจุไฟฟ้า เพียงแค่เปิดประตูและหน้าต่างก็พอ (อย่า)อย่ากดโทรศัพท์มือถือเด็ดขาด ถ้า ทำได้ เปิดประตูออกมาด้านนอก ปิดโทรศัพท์ก่อน ป้องกันคนโทรเข้า (@)คุณไม่ควรอ่านข่าวนี้คนเดียว (@)แชร์ให้มากที่สุด* ขอขอบคุณ.. อธิบดีกรมป้องกันพลเรือนผู้บริโภคเฝ้าระวังMrs.Doubt• 3 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 2 คนสงสัย(อย่า) อันตรายถึงชีวิต (ล้ม) (ชี้) #คนที่ใช้แก้สต้องอ่าน พลาดนิดเดียว ตาย 3 ศพ หมดบ้าน (!) สามีภรรยาคู่หนึ่งกลับเข้าบ้านประมาณเที่ยงคืน หลังอาหารเย็นที่ร้านอาหาร @กลิ่นแก้สในบ้าน!! สามีรีบไปที่ห้องครัวเพื่อหากลิ่นที่แรงกว่าเดิม *จิตใต้สำนึกบอกให้เขาเปิดไฟ แล้วห้องครัวก็ระเบิด!! สามีเสียชีวิตทันที!! ส่วนภรรยาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล 90% ของแผล ไหม้!! พบเฟอร์นิเจอร์ของพวกเขา ตกอยู่ห่างจากบ้าน 100 เมตร ซึ่งหมายความว่า การระเบิดของแก๊ส มีพลังมากกว่าระเบิด!! *บทเรียนที่ต้องเรียนรู้ จากเหตุการณ์อันน่าสยดสยองนี้ คือ.. *👉เมื่อได้กลิ่นแก๊ส (no)ห้ามเปิดไฟ! แต่ให้เปิดประตูและหน้าต่างทุกบาน อย่างเงียบๆ ช้าๆ (=)เพื่อไม่ให้เกิดประกายไฟ *👉 ถอดเรกกูเลเตอร์ บนถังแก๊ส และ(no)อย่าเปิดไฟ! จนกว่ากลิ่นแก๊สจะหมดลง* นอกจากนี้ (no)อย่าเปิดตู้เย็น! เพราะจะทำให้เกิดการระเบิด และ(no)ไม่ควรเปิดพัดลมดูดอากาศ เพราะมีประจุไฟฟ้า เพียงแค่เปิดประตูและหน้าต่างก็พอ (อย่า)อย่ากดโทรศัพท์มือถือเด็ดขาด ถ้า ทำได้ เปิดประตูออกมาด้านนอก ปิดโทรศัพท์ก่อน ป้องกันคนโทรเข้า (@)คุณไม่ควรอ่านข่าวนี้คนเดียว (@)แชร์ให้มากที่สุด* ขอขอบคุณ.. อธิบดีกรมป้องกันพลเรือนผู้บริโภคเฝ้าระวังMrs.Doubt• 3 ปีที่แล้วmeter: middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยวิธีตรวจสอบว่าคนที่ทักแชทมาขอยืมเงินเรานั้นเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม ทำยังไงนะ📌วิธีตรวจสอบว่าคนที่ทักแชทมาขอยืมเงินเรานั้นเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม ทำยังไงนะ 1. ให้ตรวจสอบโปรไฟล์ หรือประวัติการสนทนา เพราะหากเป็นคนที่เรารู้จัก และเคยพูดคุยด้วยย่อมมีประวัติอยู่ หรือบางครั้งตรวจสอบโปรไฟล์และประวัติสนทนาแล้วไม่แน่ใจ ให้ลองค้นหาชื่อเพื่อนของเราในระบบดูว่ามี Account ซ้ำกันหรือเปล่า เพราะอาจจะมีบางอันเป็นของจริงและบางอันเป็นของปลอมได้ 2. ต้องยืนยันตัวตน โดยก่อนที่เราจะโดนเงินให้เพื่อนก็ต้องแน่ในว่าเป็นเพื่อนเราจริง ด้วยการโทรศัพท์หา ผ่านเบอร์โทร หรือ การเปิดกล้องดูหน้าตาเพื่อน เสียก่อน ซึ่งหากคนที่ทักมาขอยืมเงินเป็นเพื่อนเราจริง ก็ต้องยินยมให้ยืนยันตัวตน 3. เบอร์บัญชีธนาคารที่ให้มา ถ้าไม่ได้เป็นบัญชีของเพื่อนเรา หรือคนที่ทักมาหาเรา ก็ยิ่งต้องตรวจสอบ อย่าเพิ่งรีบโอน 😟แต่ถ้าหาเผลอโอนเงินไปให้กับมิจฉาชีพแล้ว ให้เก็บหลักฐานการโอนเงิน รวมถึงข้อความสนทนาดังกล่าวไปแจ้งความกับตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปชุมพล ศรีสมบัติ• 3 ปีที่แล้วmeter: true3 ความเห็น
- 1 คนสงสัยCOVID-19: ญี่ปุ่นประกาศปิดประเทศ ป้องกัน "โอไมครอน" เริ่มเที่ยงคืนนี้ สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น วันนี้ (29 พ.ย. 64) ว่านายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ แถลงระงับการเข้าเมืองของชาวต่างชาติจากทุกประเทศ จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน โดยจะมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่เที่ยงคืนนี้ จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ยกเว้นเหตุผลด้านมนุษยธรรม หรือความจำเป็นเร่งด่วน ส่วนพลเมืองญี่ปุ่นยังสามารถกลับเข้าประเทศได้ แต่ต้องกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดเตรียมไว้ให้ มาตรการที่ออกมา ทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่สองต่อจากอิสราเอล ที่ใช้มาตรการขั้นสูงสุด ป้องกันโควิดสายพันธุ์ใหม่ แม้จะเพิ่งประกาศผ่อนคลายมาตรควบคุมพรมแดนและลดเวลากักตัวได้เพียง 3 สัปดาห์ #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #ญี่ปุ่น #ปิดประเทศไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยต้มน้ำขิง กินทั้งวัน และ กินฟ้าทะลายโจร 3 เวลา ครั้งละ 5 เม็ด ดื่มน้ำมะนาว ผสมน้ำอุ่น เช้าเย็น กินอาหารสมุนไพรไทย รักษาโควิดได้*** ข่าวดีจาก คุณทิพวรรณ ปิ่นภิบาล นักร้องชื่อดัง เล่าเรื่องจริง..... ครอบครัวที่เธอรู้จักดี สามีติดโควิดจากที่ทำงาน อย่างไม่รู้ตัว พลอยรับเคราะห์ทั้งบ้าน มี ภรรยา พ่อตา แม่ยาย เครียดจนไม่ต้องบรรยาย ติดต่อรพ. บางแห่งก็เต็มให้รอ ในที่สุดคว้ายาไทยตามที่ได้ยินมา ช่วยตัวเอง และ ทำตัวตามที่ได้ยินมา ว่า โควิด กลัวของร้อน และ น้ำมะนาว เธอตั้งสติ ต้มน้ำขิง กินทั้งวัน และ กินฟ้าทะลายโจร 3 เวลา ครั้งละ 5 เม็ด ดื่มน้ำมะนาว ผสมน้ำอุ่น เช้าเย็น กินอาหารสมุนไพรไทย แบบกินแล้ว เหงื่อแตก-เหงื่อแตน พอ 5 วันผ่านไป ตรวจใหม่ ผลออกมาเป็น ลบ ไชโย กันทั้งบ้าน พร้อมเล่าเรื่องจริง ให้ทุกคนที่เป็น หรือเสี่ยง ทำตามนี้ืเป็นบุญ เป็นวิทยาทานโควิด 2019Mrs.Doubt• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยจริงไหม รัฐประกาศให้ประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนเป็นเขตโรคติดต่ออันตรายประเทศไทยมีความเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะเกิดการติดต่อของโรคโควิด19ที่มากับผู้เดินทางซึ่งมาจากกลุ่มประเทศที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทย หรือประเทศที่มีพรมแดนติดกับกลุ่มประเทศดังกล่าว ซึ่งมีสถานการณ์การระบาดอย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้การเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคโควิด 19 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยคำแนะนำของคณะกรรมการ ด้านวิชาการ จึงเห็นสมควรประกาศกำหนดให้ท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เกิดการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 เป็นเขต ติดโรคติดต่ออันตราย ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ประกอบด้วย 5 ประเทศ ดังนี้ 1.มาเลเซีย 2.ราชอาณาจักรกัมพูชา 3.สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 4.สาธารณรัฐอินโดนีเซีย 5.สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่าโควิด 2019Supinya Klangnarong• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเปิดตัว BKK HELP อำนวยความสะดวกผู้บริจาคสิ่งของ ให้ลงทะเบียนล่วงหน้า ลดความแออัดเสี่ยงโควิดกรุงเทพมหานครจัดทำระบบ BKK HELP สำหรับอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่มีความประสงค์จะแจกอาหารหรือสิ่งของด้วยตนเอง โดยมีวิธีการเข้าใช้ระบบดังนี้ 1. เข้าไปที่เว็บไซต์ http://bkkhelp.bangkok.go.th/ และเลือกจุดแจกสิ่งของ จาก 71 จุดที่จัดไว้ โดยแต่ละจุดจะมีรายละเอียดว่ามีผู้แจ้งความประสงค์ไว้แล้วในช่วงเวลาใดบ้าง และมีหมายเลขโทรศัพท์ผู้ประสานงานของแต่ละจุดในพื้นที่เพื่อให้ผู้บริจาคดำเนินการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ได้โดยตรง 2. โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตามหมายเลขโทรศัพท์ที่ปรากฏในระบบ ชี้แจงรายละเอียด และทำการนัดหมายล่วงหน้า จากนั้นรอรับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ 3. อัปเดตจุดบริจาคลงเว็บไซต์ 4. นำสิ่งของหรืออาหารมาบริจาคแจกจ่าย โดยสำนักงานเขตในพื้นที่จะจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก อาทิ มีการตรวจวัดอุณหภูมิ มีบริการแอลกอฮอล์เจลสำหรับล้างมือ มีการจัดระเบียบเว้นระยะห่างทางกายภาพ (Physical Distancing) โดยจัดพื้นที่นั่งรอ พื้นที่นั่งทาน และพื้นที่สำหรับทิ้งขยะ พร้อมแนะนำวิธีการแจกของอย่างถูกต้องปลอดภัยทั้งผู้แจกและผู้รับ ทั้งนี้ วิธีการแจกสิ่งของด้วยตนเองผ่านระบบ BKK HELP นั้น ทำให้ผู้แจกและผู้รับสามารถนัดหมายได้ล่วงหน้า แก้ปัญหาความแออัดในการรับสิ่งของหรืออาหาร สามารถป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อได้อย่างมีมาตรฐาน อีกทั้งยังเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่มารับบริจาคได้ตามความประสงค์ของผู้บริจาคด้วย สำหรับจุดแจกสิ่งของ 71 จุด รายละเอียดตาม LINK ด้านล่างโควิด 2019anonymous• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ช่วงโควิดระบาด อันตรายหรือไม่?ถึงแม้ไม่มีหลักฐานแน่ชัดเรื่องการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก เนื่องจากไม่พบเชื้อโควิดในน้ำคร่ำ เลือดจากสายสะดือ และจากน้ำนมแม่ ในรายงานจากประเทศจีนจาก 33 รายมีพบเด็กทารกติดเชื้อโควิดอยู่ 3 รายมีอาการไม่รุนแรง ผู้เชี่ยวชาญคิดว่าน่าจะติดจากการปนเปื้อนสัมผัสหลังเกิดมากกว่า ส่วนการให้นมนั้นสามารถให้ได้ตามปกติ แต่ต้องป้องกันในเรื่องการแพร่กระจายของละอองฝอย สตรีมีครรภ์หรือแม่เด็กอ่อนต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ อยู่บ้านควรใช้ภาชนะส่วนตัว รับประทานอาหารปรุงสุกและสะอาด ออกนอกบ้านต้องป้องกันตัวเป็นอย่างดีตามที่สื่อได้ประชาสัมพันธ์อยู่ตลอดเวลา เช่น เลี่ยงที่แออัด เว้นระยะห่าง 2 เมตร ใส่หน้ากากอนามัยและ face shield เพื่อป้องกันเอามือจับใบหน้าของตัวเอง และต้องล้างมืออยู่เสมอโควิด 2019anonymous• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย"จิงจูฉ่าย" เป็นผัก มหัศจรรย์ สามารถใช้รักษามะเร็งได้ !"จิงจูฉ่าย" เป็นผัก มหัศจรรย์ สามารถใช้รักษามะเร็งได้ ! ———————————— “ผม..นิกกี้ อิทธิเกษม KU37 อดีตนายกสมาคมม.เกษตรฯแห่งอเมริกา จะขอเล่าประสบการณ์ที่เคยสัมผัสมากับตัวเองเมื่อปี 2007 เพื่อเป็นcaseตัวอย่างและเป็นทางออกให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งหลาย ผมมีร้านอาหารอยู่ในเขต N.Hooywood วันหนึ่งกลางปี 2007 ผมได้มีโอกาสเจอลูกศิษย์เก่าที่เคยมาเรียนแจกไพ่ที่ร้าน ถามทุกข์สุขกันไปมา ถึงได้รู้ว่าเขาเคยเป็นมะเร็งที่คอ 1 ครั้ง,มะเร็งที่ต่อมลูกหมาก 1 ครั้ง ปัจจุบันหายเป็นปลิดทิ้ง รวมทั้งพี่น้องญาติอีก8คนที่เป็นมะเร็งภายในเวลา5 ปี ทุกคนหายหมด ผมจึงเกิดความกระตือรือร้นที่จะถามว่า มีวิธีรักษากันอย่างไร? วันนั้นคุณแม่เขามาด้วยจึงอธิบายให้ฟังว่า "ฉันมีต้นจิงจูฉ่ายอยู่ในสวนหลังบ้านเยอะ ปกติก็จะใส่ในแกงจืดให้ลูกๆกินเป็นประจำ เพราะคนจีนบอกต่อๆกันมาถึงสรรพคุณช่วยฟอกเลือดและขับสารพิษออกจากร่างกายทำ ให้ลูกๆไม่ค่อยเป็นอะไร วันหนึ่งลูกฉันไปตรวจหมอกลับมา บอกว่าเป็นมะเร็ง อีก 2 เดือนต้องไปฉายแสง ฉันจึงลองเอาจิงจูฉ่าย1กำมือมาตำ จะได้น้ำออกมาแก้ว(เล็ก)หนึ่ง ให้เขากินตอนเช้าทุกวัน 2 เดือน ถัดมาไปตรวจหมอ หมอถามไปทำอะไรมา ทุกอย่างปกติหมด มะเร็งได้หายไปแล้ว" หลังจากคุยกันพักหนึ่ง ผมก็ได้ข้อสรุปออกมาว่า คน8คนเป็นมะเร็งในที่ต่างกัน กินน้ำจิงจูฮวยฉ่าย 2-3 เดือน ทุกคนหายหมด(ไม่มีใครต้องทำคีโมเลย) ผมจึงเกิดความเชื่อถือขึ้นมาระดับหนึ่ง ก่อนหน้านั้น พี่สะใภ้ผม 2 คน (ปี2006) เป็นมะเร็งที่เต้านม,มดลูก คนหนึ่งต้องทำคีโม ใช้วิธี"นั่งสมาธิ"ทุกวัน 8 เดือน หายเป็นปกติ ต่อมาผมได้ต้นจิงจูฉ่ายมา1 ต้น จากคุณแม่ของลูกศิษย์ จึงรีบนำมาเพาะขยาย ปลายปี 2008 ผมได้รู้ว่าแม่ค้าที่เช่าที่ในร้านผมคนหนึ่งเป็นมะเร็งเต้านมขั้น 3 หน้าคล้ำ เดินตัวแข็งแล้ว ผมรีบเชิญมานั่งคุยเล่าเรื่องจิงจูฉ่ายให้ฟังและเรื่องพี่สะใภ้นั่งสมาธิ ก็เลยแนะนำให้ทำ 2 อย่างควบคู่กันไป เชื่อไหมว่า 3 เดือนถัดไป หายเป็นปลิดทิ้ง (ผมให้เขาไปเพียง1ต้นไปปลูกและ เด็ดใบทานเลยวันละ1ใบ เพราะมีน้อย ก็ยังได้ผล) ปี 2009 ผมมีต้นจิงจูฉ่ายมากขึ้นและแจกจ่ายให้กับคนรู้จักหลายคน ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่าง 3 เดือน ทุกคนอาการดีขึ้นหมด ถ้าเราอยากช่วยผู้ที่เรารักและห่วงใยซึ่งกำลังเผชิญกับโรคร้ายนี้ ผมแนะนำวิธีนี้ ถ้าคุณต้องทำคีโมก็ทำไป กินใบจิงจูฉ่ายและนั่งสมาธิผมว่าคุณมีโอกาสหาย ผมพยายามหาข้อมูลเพิ่มเติม พบว่าผักชนิดนี้ แพมย์จีนโบราณเรียกว่า"ยาเย็น"เป็น"หยิน"ช่วยฟอกเลือด,ขับสารพิษ..ฆ่าเชื้อ ไวรัสทุกชนิด.. เพื่อนku37 คนหนึ่งลองให้ลูกกิน เนื้องอกที่คอก็ยุบลง เนื่องจากที่ LA.เรามีน้อยมาก ถ้าเกิดใครต้องการมากๆ (จริงๆต้องทานวันละ1กำ )ลองคุยกับคุณน้อยที่สวนคุณน้อย จ.เชียงใหม่ เขาขายกก.ละ 35 บาท ใครเป็นมะเร็งลองดูซิครับ ทานแล้วยังไงก็ไม่มีผลข้างเคียง แต่ คุณมีโอกาสหายครับ. ใครที่เคยสั่ง "เกาเหลาเลือดหมู" มาทาน เคยสงสัยกันไหมว่า ในชามเกาเหลาของเราจะมีผักสีเขียวชนิดหนึ่ง ที่ไม่ใช่ผักกาดหอม ขึ้นฉ่าย หรือใบตำลึงใส่ชามมาด้วย หลายคนไม่ทราบว่าเจ้าผักชนิดนี้มีชื่อเรียกว่าอะไร แล้วมีสรรพคุณอย่างไร เอ้า...ใครที่ไม่รู้ ตามกระปุกดอทคอมมาเลยค่ะ เจ้าผักชนิดนี้เรียกว่า "จิงจูฉ่าย" ค่ะ หรือที่ชาวต่างชาติเรียกว่า "เซเลอรี่" (Celery) เป็นผักสมุนไพรชนิดหนึ่งของจีน มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Apium graveolens L. ลักษณะต้น "จิงจูฉ่าย" จะเป็นกอคล้ายใบบัวบก สามารถเจริญงอกงามได้ดีในที่ที่มีแสงแดดรำไร ชื้น ดินโปร่งแต่ไม่แฉะ ชอบอากาศเย็นมากกว่าอากาศร้อน คุณค่าทางโภชนาการของ "จิงจูฉ่าย" มีไม่น้อยทีเดียวค่ะ เพราะ "จิงจูฉ่าย" 100 กรัม ให้พลังงาน 392 กิโลแคลอรี ประกอบด้วยสารอาหารนานาชนิด คือ โปรตีน, ไขมัน, คาร์โบไฮเดรต, เส้นใย, แคลเซียม, เหล็ก, ฟอสฟอรัส, วิตามินเอ, วิตามินบี6, วิตามินซี และวิตามินอี มาที่สรรพคุณทางยากันบ้างดีกว่า จุดเด่นของ "จิงจูฉ่าย" คือมีกลิ่นหอม คล้าย ๆ กับตั้งโอ๋ ยิ่งโดนความร้อนจะยิ่งหอม และยิ่งเพิ่มสรรพคุณมากขึ้น โดยกลิ่นหอมของ "จิงจูฉ่าย" มาจากน้ำมันหอมระเหยที่มีอยู่ในลำต้นและใบนั่นเอง ประกอบด้วยสารไลโมนีน ซิลนีน และสารกลัยโคไซด์ที่มีชื่อว่า อะปิอิน ซึ่ง สารเหล่านี้มีสรรพคุณช่วยปรับสมดุลความดันโลหิต จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเรื่องความดัน แถมยังช่วยขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ด้วย ส่วนต้นสด และเมล็ดของ "จิงจูฉ่าย" มีโซเดียมต่ำ จึงดีต่อผู้ป่วยโรคไต นอกจากนี้ ในทางการแพทย์เชื่อว่า "จิงจูฉ่าย" เป็นยาเย็น จึงช่วยบำรุงปอด ช่วยฟอกเลือด เลือดลมหมุนเวียนได้สะดวก คนจีนจึงนิยมนำผักชนิดนี้มาปรุงเป็นอาหารรับประทานในหน้าหนาว เพื่อช่วยในเรื่องการไหลเวียนของโลหิต ปรับสมดุลให้ร่างกายได้ดีนั่นเอง ส่วนที่หลายคนสงสัยว่า ทำไมเราจึงมักเห็น "จิงจูฉ่าย" อยู่ในเกาเหลาเลือดหมู นั่นก็เพราะ "จิงจูฉ่าย" มีสรรพคุณช่วยดับกลิ่นคาวเลือดได้ดีด้วยค่ะ แต่จริง ๆ แล้ว "จิงจูฉ่าย" ไม่ได้ใช้ทำอาหารได้เพียงแค่ต้มเลือดหมูเท่านั้นนะ เพราะอาหารประเภทแกงจืดทั้งหลาย หรือผัดผัก ผัดฉ่าก็สามารถใช้ "จิงจูฉ่าย" เป็นส่วนผสมที่ลงตัวน่ารับประทานไม่แพ้กันจิงจูฉ่าย ในรูปแบบชา คัดวัตถุดิบใบจิงจูฉ่ายคุณภาพ ปลอดสาร ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน สะอาดปลอดภัย ไม่มีสารปนเปื้อน รสชาติหอมหวานไม่ขม ดื่มง่าย โดยกระบวนการหมัก นวดอย่างพิถีพิถัน และอบด้วยไฟอ่อนเพื่อให้คงคุณค่าทางโภชนาการ และสรรพคุณทางยา ชาจิงจูฉ่ายจึงมีประโยชน์มากมาย และเนื่องจากเป็๋นสมุนไพรจึงไม่มีผลข้างเคียง ในกรณีที่บริโภคเป็นปริมาณมากอยกได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากเพื่อนในเวปค่ะLiked By: PinKen มะเร็งระยะสุดท้าย 2 ปี ไม่เข้ารับรักษา ค่ามะเร็งล…: https://youtu.be/uITAm2Gi5mQมะเร็งยาสมุนไพรMrs.Doubt• 4 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสรุปสาระ ตากับสูงวัย โดย พญ.เตือนใจ วงศ์วรเศรษฐ์ (จักษุแพทย์) 18 เม.ย.66 โรคตาของ สว. 1. การหย่อนคล้อยรอบตา ถ้าหนังตาตกจนมาบังรูม่านตา อาจมีปัญหาเรื่องการมองเห็น แก้ไขโดยผ่าตัดดึงกล้ามเนื้อตาที่เปลือกตา ไม่ใช่แค่ตัดหนังตาทำตา2ชั้น 2. ต้อกระจก (เลนส์ตาขุ่น) ทุกคนจะเป็นเพราะ ความเสื่อมของเซล (เริ่มเสื่อมอายุ 50-90 ขึ้นไป) (*)การผ่าต้อกระจก คือ การใส่เลนส์เทียมแทนเลนส์ที่ขุ่น วิทยาการก้าวหน้าทุกวัน เลนส์มีหลายแบบควรปรึกษาหมอตา คนที่เปลี่ยนเลนส์ต้อกระจกแล้ว ต่อมาอาจมองไม่ชัด เพราะถุงรองรับเลนส์อาจขุ่น ไปให้หมอทำ Laser จะใสเป็นปกติ 3. ต้อหิน : การเสียของประสาทตาปัจจัยเสี่ยงคือความดันตาสูง แต่ก็มีต้อหินแบบความดันตาปกติ คนที่มุมตาแคบอาจเป็นต้อหินแบบเฉียบพลัน มีอาการปวด คลื่นไส้ มองไม่เห็น การแก้ไข ต้องไปหาหมอตา 4. วุ้นนัยตาเสื่อม เกิดแทบทุกคน อายุมาก ของเหลวในวุ้นตาตกตะกอน (*)วุ้นตาเสื่อม ถ้าพบแสงเหมือนแฟลช.. แว๊บ.. แว๊บ.. ต้องรีบพบหมอตาด่วน อาจต้องรักษาโดยทำ Laserถ้ามีประสาทตาฉีกขาด ถ้าไม่รักษาจะเป็นหายนะของตา น้ำในวุ้นตาจะเซาะไปทำให้ประสาทตาหลุดร่อน Laser เอาไม่อยู่ การมองเห็นอาจเสียไป 5. ตาแห้ง (Dry eye) ใส่คอนแทคเลนส์นานมาก ไม่เปลี่ยนมาใส่แว่นตาเลย อาการ : มีการระคายเคือง อักเสบ น้ำตาไหล : รักษาไม่หายขาด เพียงชะลอ 6. เบาหวาน ตามองไม่เห็นเพราะเส้นเลือดที่ผิดปกติ แตกง่าย การมองเห็นเสีย (*)เส้นเลือดผิดปกติที่ตา อาจมีที่ไต และหัวใจด้วย (*)คนที่เป็นเบาหวานต้องคุมความดัน คลอเรสตอรอลด้วย 7. แว่นสายตา สำหรับสายตาสูงวัยปกติจะเริ่มใส่แว่นสายตาสูงวัยเมื่ออายุ 39-45 ปี หลายคนมีแว่น 2 อัน สำหรับอ่านหนังสือ และดูไกล บางคนแก้ปัญหาโดยทำแว่น Progressive เพื่อจะไม่ต้องใส่ ๆ ถอด ๆ แว่น บางคนใส่แว่น progressive ไม่ได้ ใส่แล้ว.. งง.. งง.. ( ปจบ. เทคโนโลยี่พัฒนา.. ปัญหาใส่แว่นแล้ว.. งง.. งง.. ไม่ค่อยมีละ) 8. "แว่นกันแดด" สำคัญมาก ต้องเลือกที่กันแสง UV ได้ 100 % (ร้านแว่นจะมีเครื่องวัด )แว่นกันแดดควรมีราคา 160 บาท หรือ 500 บาทขึ้นไป แว่นแบรนด์เนม เช่น Ray Ban & ยี่ห้ออื่น ๆ ผลิตเพื่อป้องกันสายตาอยู่แล้ว (*)แว่นกันแดดปลอม คือ แว่นที่ย้อมสีดำ ใส่แล้ว ทำให้ม่านตาขยาย แสง UV เข้าตามากขึ้น ทำให้เป็นต้อเนื้อ ต้อกระจก และตาแห้ง "แว่นสายตา" สามารถทำเป็น "แว่นกันแดด" ได้การเคลือบสีเลนส์ เคลือบกัน UV เพื่อความสบายตา (*)แว่นสีเทา สบายตามาก (*)แว่นสีเหลือง ใส่กลางคืนชัดเจนมาก เป็นแว่นส่องสัตว์ (*)ข้อควรระวัง 1. "การนวดตา".. ไม่ดี จะทำให้เลนส์ตาหลุด 2. การถูมือ 2 ข้างเร็ว ๆ แล้วเอามาอังที่ตา (แบบชี่กง).. ดี เป็นการเพิ่มๆพลังให้(ดวงตา) 3. คนที่มีลูกหลานเล่นแบตมินตัน หรือ กอล์ฟ ควรให้ใส่แว่นตา ป้องกันลูกแบตฯ หรือลูกกอล์ฟมาอัดตา ทำให้ตาแตก เลือดออกในตา เลนส์หลุด อาจเป็นต้อหินได้ "ดวงตา.. เปิดโลกกว้าง".. ตรวจตาอย่างน้อย 1 ปี/ครั้งไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้ว
- 2 คนสงสัยส่งกลับตามคำแนะนำนะครับ ¤¤¤¤¤¤¤ ♥ โภชนาการบำบัด ♥ ~~~~~~~~~~~~~~~ ■ ใครที่มีเพื่อนรัก! ช่วยกันส่งกันต่อๆไป ความรู้ใหม่ โภชนาการบำบัดโรค ♥ 1. ดื่มน้ำร้อน ปลอดทุกโรค ♥ 2. กินไข่ลวกวันละ 2 ฟอง ใส่พริกไทยดำที่ตำเองหนึ่งช้อนชาจะห่างไกลจากอัลไซเมอร์ ไม่ต้องไปหาหมอ ♥ 3. หยุดกินน้ำตาลทราย เพราะเป็นสาเหตุในการก่อให้เกิดโรคต่างๆ ♥ 4. กินทุเรียน ช่วยรักษาโรคมะเร็ง และแก่ช้า ♥ 5. กินแตงโม ช่วยแก้เลือดอุดตัน ลิ่มเลือด และช่วยบำรุงเลือด ถ้าเป็นผู้ชาย จะทำให้สมรรถภาพทางเพศแข็งแรง ♥ 6. สตรีกินสับปะรด ช่วยกระช้บช่องคลอด ♥ 7. กินกล้วยไข่ ช่วยบำรุง ตับ ไต ผิว ตา กระดูก (เหมาะสำหรับคนทำงานหน้าคอมส์) ทำให้หน้าอกโตด้วย ♥ 8. กล้วยน้ำว้า นำไปเผาทั้งเปลือก ช่วยรักษา อาการปวดหัว ตัวร้อน และเบาหวาน ♥ 9. กล้วยหอม เด็กถ้ากินจะช่วยให้มีความจำดี และสตรีวัยทองช่วยปรับฮอร์โมน ให้กินกับน้ำมะพร้าวอ่อนจะดีมาก ช่วยรักษาโรคฮันจิสัน (สตรีถ้ากินมากจะเซ็กส์จัดนะ) ♥ 10. น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ใช้กิน และนวดหน้า นวดร่างกายทำให้ดูอ่อนกว่าวัย รักษาฝ้า กระ ดีมาก เพราะน้ำมันมะพร้าวเป็นสารตั้งต้นของเครื่องสำอางค์ทุกชนิด ♥ 11. กินน้ำมันหมูดีที่สุด เพราะช่วยซ่อม สร้างเนื้อเยื่อ ที่เหลือขับทิ้งได้ ไม่เหมือนน้ำมันพืช ที่ผ่านกรรมวิธีที่มีสารเคมีตกค้างมากมาย เป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวแน่นอน ♥ 12. กินหอมแดง หอมหัวใหญ่ กระเทียม และตามด้วยมะนาวฝานบางๆทั้งเปลือก 2-3 ชิ้น เพื่อดับกลิ่น เพื่อลดไขมันตัวร้ายในหลอดเลือด ดีกว่ากินยาลดไขมัน ซึ่งมีผลข้างเคียงที่อันตรายมาก ▪▪▪▪▪▪▪▪▪ ★ ส่งต่อเป็นวิทยาทานนะครับ ■ ใครคือเพื่อน 18 คน ที่คุณจะไม่สามารถลืมได้เลยในชีวิต ส่งให้แค่ 18 คน แล้วคอยดูว่า คุณเองจะได้รับกลับมาเท่าไหร่ เริ่มส่งได้เลยนะครับ! อย่าลืมส่งให้เพื่อนคนพิเศษของคุณ (รวมถึงส่งกลับมาให้ข้าพเจ้าด้วย ถ้าข้าพเจ้าเป็นคนพิเศษ) กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่ารักมากๆ เลยนะ ถ้าคุณหรือกลุ่มได้รับกลับมา อย่างน้อย 5 คน ลองดูเลยสุขภาพมะเร็งไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย∆ ด่วน..!!! และสำคัญ..!! ∆ ผู้มีรถ.. ** ต้องอ่าน..!!! 😧😲😟😦😖😤😴😆😅🎯👻 ตอนนี้มันเล่นทั้งชายหญิงเลยนะ เคยประสบเหตุนี้แล้วกับตัวเอง ที่ถนนมเหศักดิ์ ซึ่งเชื่อม ถนนสาธรกับถนนสีลมเป็นเวลากลางวันระหว่างที่รถผมหยุดรอไฟเขียว มีชาย 2 คนเดินมาข้างหลัง ทั้งคู่กระตุกประตูหลัง คนละข้าง โชคดีที่ประตูล๊อก 1 ใน 2 คนนั้นพยายามดึงแรงขึ้นอีก แล้วทั้งคู่ก็เดินเร็วผ่านรถผม แล้วปนไปในฝูงชน เดี๋ยวนี้ เหตุร้ายเกิดได้ตลอด ไม่ว่ามืดหรือสว่าง เราคงต้องระวังอย่าเผลอเชียวละ 😀😷😖😦😟🎆🌺🌺🎯🎇🌀 เหตุการณ์ที่ 1 ดิฉันจะมีนิสัยเมื่อขึ้นรถแล้วต้องกดเซ็นทรัลล๊อคทั้งก่อนสตาร์ทเครื่อง และก่อนดับเครื่อง มีรถเก๋งคันหนึ่งสีเงิน มีคนสองคนเดินลงมาจากรถแล้วก็เดินมาอย่างสุภาพ ขณะที่กำลังจัดของอยู่ เพลินๆก็ได้ยิน เสียงตึ๊กจากข้างหลัง ก็ตกใจรู้สึกตัวว่ามีคนพยายามเปิดประตูหลังของรถ แต่เพราะรถล๊อคพวกมันก็เดินกลับไปขึ้นรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คิดว่าเหลือเชื่อจริงๆ กลางวันแสกๆแท้ๆ ถ้าหากบังเอิญรถไม่ได้ล๊อค ไม่กล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยากจะให้ทุกคนมีนิสัย ขึ้นรถต้องล๊อครถพวกผู้ร้ายมักจะลงมือจากเบาะหลัง เพราะจะควบคุมสถานการณ์ได้ง่าย 🎈😅😋🌷🎯🌺😆😅😋😖😦 เหตุการณ์ที่ 2 หลังจาก จ่ายเงินค่าจอดรถเลี้ยวออกจากโรงพยาบาล ก็จอดติดไฟแดง ขณะนั้น ( ยังไม่ ถึง 3 นาที ระบบล๊อคอัตโนมัติคงยังไม่ทำ งาน ) ชายหนุ่ม สองคนก็เข้ามานั่งที่เบาะหลังของรถ โชคดีที่พ่อแม่ของผมไหวตัวเร็วมาก รีบถอดเข็มขัดนิรภัย ดับเครื่อง ดึงกุญแจออกแล้วออกมายืนนอกรถโดยเร็ว คนทั้งสองคนนั้นก็ยังนั่งอยู่ในรถหน้าตาเฉย จนกระทั่งคุณแม่ของผมตะโกนใส่พวกเขาว่า พวกเรายังมีเพื่อนฝูงอยู่ในโรงพยาบาลอีกเยอะ จะให้ เรียกพวกเขาลงมาคุยกับพวกแกไหม ? พวกเขาจึงออกมาจากรถแล้วบอกว่าขอโทษขึ้นผิดคัน(นี่มันปล้นกันชัดๆ ) แล้วรถคันข้างหลัง ( มีคนอยู่ในรถสองคน ) ก็ขับมารับพวกเขาจากไป น่ากลัวที่สุด 🌀😧😆😲😷😤😴😖🎯🌺💟 เหตุการณ์ที่ 3 ตอนจอดติดไฟแดง รถของผมอยู่ห่างจากทางแยกประมาณคันที่สามหรือสี่ สักครู่ หนึ่ง จู่ ๆ ก็มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจอดอยู่ท้ายรถผม บนรถมีชายหนุ่มอายุ ประมาณ 20 กว่า สองคน แล้วที่น่าสงสัยก็คือ พวกเขาพยายามมองเข้ามาในรถของผม ผมจึงจ้องพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง พอไฟเขียวก็ออกรถพร้อมมัน ผมบังเอิญได้ยินหนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า "รถมันล๊อคหมด" แล้วก็ขับเลยไป 🎇🎆🌀🎯🌺💟🌷🎈🎇🎈🎆 ขอให้ช่วยกัน Forward มากๆ ทั้งชายทั้งหญิงนะครับ ตำรวจเคยบอกว่ามักจะพบผู้หญิงถูกลอกคราบ ข่มขืน และถ่ายรูปแบล็คเมลล์ ตบทรัพย์มากราย ส่วนมากถูกยาสลบ ส่งแค่คนสองคนก็ได้บุญมากแล้วครับผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเจ้าหน้าที่คอรัปชั่นหญิงที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จีน ถูกตัดสินโทษประหารชีวิต บ่ายวันที่ 5 เมษายน 2020 “จางซิ่วผิง”ผู้อำนวยการปราบคอรัปชั่นศูนย์กลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ถูกตัดสินโทษประหารชีวิต ปฏิบัติทันที เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน นายสีจิ้นผิงกล่าวว่า “เจ้าหน้าที่รัฐคนนี้ไม่กำจัด คือโชคร้ายของประเทศจีน” จางซิ่วผิง เป็นคนอำเภอซานอิน มณฑลเจียงซี วุฒิการศึกษา ศาสตราจารย์วิชาปรัชญา ตำแหน่ง ผู้อำนวยการปราบคอรัปชั่นศูนย์กลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน เลขาธิการคณะกรรมการวินัยพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประธานคณะกรรมการประจำ กรรมการแห่งคณะกรรมการพรรคสถาบันเศรษฐกิจมหาวิทยาลัยชิงหัว สมาชิกสำรองของคณะกรรมการกลางชุดที่ 18 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เนื่องจากในระหว่างปราบคอรัปชั่น จางซิ่วผิงได้ขายรายชื่อเจ้าหน้าที่รัฐที่คอรัปชั่นในราคาสูง ถูกอีกฝ่ายร้องเรียน เรื่องแตกจึงหอบทรัพย์สินก้อนใหญ่หลบหนี ทางการมีคำสั่งจับกุมลับ เช้าตรู่ 1 นาฬิกาของวันที่ 1 เมษายน โดยคำสั่งของคณะกรรมการวินัยศูนย์กลางพรรค เจ้าหน้าที่ตำรวจพิเศษ 2,300 นายแยกแยกย้ายกันปฏิบัติหน้าที่ แบ่งกำลังเป็น 4 สาย ในที่สุด ผู้ต้องหาถูกจับได้ที่ห้องใต้ดินอันเป็นโกดังเก็บรถหรู ในขณะทำการตรวจค้นทรัพย์สินนั้น ได้พบเงินสดจำนวนมากในบ้านพักหรูแห่งหนึ่งในปักกิ่ง เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาถึง 28 ชั่วโมงจึงตรวจนับเสร็จ เป็นเงินหยวนมูลค่า 45,000 ล้านหยวนจีน และในห้องนิรภัยภายในบ้านพักหรูยังพบทองคำน้ำหนัก 8 ตัน สามีลูกสาวมีบ้านและที่ดิน 76 แห่ง ในชั้นใต้ดินซึ่งเป็นโกดังเก็บรถหรู พบรถหรรูจำนวนมาก แต่ละคัน ล้วนมีมูลค่าเป็นล้าน 10 ล้าน นอกจากนี้ยังพบ เครื่องบินเฮลิคคอปเตอร์ 1 ลำ กระเป๋าแบรนด์เนม เครื่องประดับ ภาพวาด นาฬิกาหรู จำนวนนับไม่ถ้วน กองเป็นภูเขาเลากา จากการพิสูจน์ทราบ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบสถานที่เก็บเงินแห่งหนึ่งตรงรอยต่อ 3 มณฑล คือกวางตุ้ง กวางสี และหูหนาน เป็นอภิมหาบ้านพักที่สร้างแบบหลังอิงภูเขา ความเลิศหรูเทียบได้กับโรงแรม 5 ดาว เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจค้นไปถึงชั้นใต้ดินชั้นที่ 3 ต่างก็ตะลึงพึงเพริดเมื่อเห็นธนบัตรเป็นมัดๆ กองเต็มไปหมด เมื่อตรวจนับแล้ว มีมูลค่าทั้งหมด 164,800 ล้านหยวน ภาพเขียนหายาก วัตถุโบราณ 923 ชิ้น ต้องใช้รถขนธนบัตร 27 คัน และรถบรรทุกขนาดใหญ่ขนภาพเขียนและวัตถุโบราณ 15 คัน นี่เพียงแค่แห่งเดียวที่ตำรวจตรวจพบ ยังมีจุดซ่อนทรัพย์กระจายอยู่ใน 11 มณฑล ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบค้นต่อไป การปราบคอรัปชั่นของรัฐนับวันเข้มข้น วันเวลาเสพสุขของพวกคอรัปชั่นโกงกินใกล้ถึงวันอวสานแล้ว เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐคนหนึ่งได้โค้งคำนับกล่าวด้วนน้ำตาคลอว่า เกิดเรื่องแบบนี้ มาจากความผิดพลาดในการปฏิบัติหน้าที่ของเรา เรามีความละอาจใจต่อประชาชน การที่ฝ่ายนำเราไม่สามารถตรวจพบพวกคอรัปชั่นโกงกินในเร็ววัน คือการทำผิดต่อรัฐและต่อพรรค ณ ที่นี่ ผมขอกล่าวคำขอโทษประชาชนทั้งประเทศ ทำให้พวกท่านต้องรับทุกข์ เราพยายามพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของประชาชนตลอดเวลา เสริมพลังในการปราบปรามคอรัปชั่น หวังว่าประชาชนจะสนับสนุนพวกเรา ขอคำยืนยันต่อพวกเรา การสนับสนุนของประชาชน จึงเป็นพลังขับเคลื่อนที่ใหญ่ที่สุดของพวกเราไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้ว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ