1002 ข้อความ
- 1 คนสงสัยสุดช็อค ธนาคารโลกประจานเศรษฐกิจไทยกำลังเจ๊งทั้งระบบเพราะรัฐบาลโกง ยอดคนอดตาย พุ่งเกินครึ่งของประชากรหรือราว 40 ล้านคน (57%) คนไทยรายได้ต่ำกว่า 150 บาท/วัน เพิ่มขึ้น 100% ตัวเลขหนี้ประเทศพุ่งทะลุเพดานสูงสุดในรอบ 18 ปี รวม 13 ล้านล้านบาท สูงแตะ 88-90% ต่อจีดีพี การคลังถังแตก-คนจนไม่มีจะกิน รัฐบาลกู้มือเติบ 7 ล้านล้านบาท ผลาญงบประมาณต่อท่อน้ำเลี้ยงคอร์รัปชั่น . [[[ เจ๊งทั้งประเทศ ]]] . ธนาคารโลก (World Bank) [1] เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจไทยในสภาวะวิกฤติ ผู้มีรายได้น้อย/คนไม่มีรายได้พุ่ง 40 ล้านคน หรือเกือบเท่ากับ 2 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ จากการขอรับสิทธิ์ช่วยเหลือช่วงโควิดจากรัฐบาล คอร์รัปชั่นรัฐบาลประยุทธ์ ถูกสื่อต่างชาติ รายงานผลการประเมิน ว่า ไทยเป็นประเทศที่มีการคอรัปชั่น โกงกิน เป็นอับดับที่ 1 ของโลก ฉุดประเทศถอยหลัง เศรษฐกิจพุ่งดิ่งลงเหว การคลังถังแตก-คนจนไม่มีจะกิน สอดคล้องกับตัวเลขคนจนที่พุ่งสูงขึ้น 100% โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าวันละ 150 บาท (ครึ่งนึงของค่าแรงขั้นต่ำ) มีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 4.7 ล้านคน เป็น 9.7 ล้านคนในปัจจุบัน นอกจากนี้ธนาคารโลกยังงัดตัวเลขตอกย้ำความเน่าเฟะในยุคลุงตู่อีกด้วยว่า อัตราความยากจนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7.2 ปี 2558 เป็นร้อยละ 9.8 ปี 2561 สวนทางกับการเติบโตของเศรษฐกิจ ทั้งที่รัฐบาลไทยกู้เงินมือเติบ 1.9 ล้านล้านบาท ถือว่ามากสุดในภูมิภาคอาเซียน คิดเป็น 13% ของ GDP แต่ผลทีได้คือเศรษฐกิจเจ๊งมากสุดในเอเชีย กระตุ้นเศรษฐกิจได้แค่ 6 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 4% ของ GDP และทำเงินหายไป 1.3 ล้านล้านบาท . [[[ หนี้ท่วมทะลุเพดาน ]]] . ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ รัฐบาลที่สร้างหนี้มากสุดในประวัติศาสตร์ แต่เศรษฐกิจไทยก็เจ๊งมากสุดในประวัติศาสตร์เช่นกัน ตัวเลขหนี้ล้นเพดานเติบโตพุ่งพรวดไปพ้อมกับความเหลื่อมล้ำ ตอกย้ำเศรษฐกิจลิเกหลวงที่ใช้ระบบเอื้อศักดินาแล้วปล่อยปลาเล็กปลาน้อยตายเรียบ ตัวเลขหนี้ครัวเรือนของประเทศพุ่งสูงแตะ 88-90% ต่อจีดีพี สูงสุดในรอบ 18 ปี สอดคล้องกับปัญหาเศรษฐกิจพังจากฐานราก คนไทยชักหน้าไม่ถึงหลัง รายได้เท่าเดิมแต่หนี้สินเพิ่มขึ้น . ไทยเหลื่อมล้ำพุ่งรอบ 10 ปี รวยจนห่างกันสูงสุด 20 เท่า หนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีเพิ่มทะลุ 80% คนจนมีโอกาสเรียน ป.ตรีแค่ 3% เมื่อพิจารณาในส่วนของผู้ที่มีรายได้มากที่สุดแตกต่างจากผู้ที่มีรายได้น้อยสุดกว่า 20 เท่า โดยมีกลุ่มคนชนชั้นกลางอยู่ประมาณ 35% สะท้อนถึงการกระจุกตัวของรายได้ในกลุ่มบน และการแบ่งปันผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ทั่วถึงไปสู่คนกลุ่มล่าง แม้ดูจะดีขึ้นจากปี 2550-2561 แต่จำนวนคนยากจนในปี 2560-2563 มีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่าจำนวนคนจนจะเพิ่มขึ้นมาในช่วง 3 ปีหลัง . [[[ โกง-จน-เจ๊ง]]] . ธนาคารโลกระบุถึงสาเหตุหลักที่เศรษฐกิจไทยถดถอย คือ ปัญหาการคอร์รัปชั่นของภาครัฐบาล [3] ซึ่งเป็นอันดับที่ 1 ในโลก นำไปสู่ ‘ความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุน’ ซึ่งเป็นปัญหาการขับเคลื่อนจีดีพีตามหลักเศรษฐศาสตร์ โดยเฉพาะปัญหาธรรมาภิบาล หรือการทุจริต มีปัญหาทั้งภาคราชการและฝ่ายการเมือง นำไปสู่ปัญหาเกี่ยวเนื่องที่ไทยกำลังเผชิญ คือ การโกงงบประมาณ ความเหลื่อมล้ำ หรือการบังคับใช้กฎหมายสองมาตรฐาน . ‘ผู้นำบ้าอำนาจ’ คือเหตุผลที่ธนาคารโลกประจานไทยว่าเป็นต้นตอของการคอร์รัปชั่นในยุครัฐบาลประยุทธ์ เนื่องจากคนที่เข้ามามีอำนาจและมีหน้าที่ทางการเมืองไม่สามารถประนีประนอม (compromise) และหาจุดร่วมกันได้เพื่อนำพาประเทศให้ดีขึ้นได้ตามนโยบายที่ตนวางไว้ ผลคือในสายตาต่างประเทศ ประเทศเรามีปัญหาสนามแข่งขันที่ไม่ตรงหรือเอียง (Unlevel Playing Field) ระหว่างบริษัทไทยขนาดเล็ก บริษัทต่างชาติ เทียบกับบริษัทไทยขนาดใหญ่ . เห็นได้จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ การจัดซื้อจัดจ้าง การให้สัมปทานสิทธิในการใช้ประโยชน์ทรัพยากรที่จัดสรรโดยรัฐมักจะไม่มีบริษัทที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศในธุรกิจนั้นๆ เข้าแข่งขัน ผู้ได้สัมปทานจะเป็นบริษัทใหญ่ของประเทศกับบริษัทแนวร่วมต่างชาติที่จัดตั้งขึ้น ผลคืออำนาจทางเศรษฐกิจของบริษัทใหญ่นับวันจะมากขึ้น ผลวิจัยของธนาคารแห่งประเทศไทยปี 2562 ชี้ว่า บริษัทขนาดใหญ่ 5% แรกของประเทศมีสัดส่วนรายรับสะสมสูงถึง 85% ของรายรับทั้งหมด มีส่วนแบ่งยอดขายมากถึง 46% และสัดส่วนกำไรกว่า 60% อำนาจทางธุรกิจแบบนี้ไม่จูงใจให้ผู้เล่นรายใหม่เข้าแข่งขัน ขณะที่ผู้บริโภคเสียประโยชน์ . อ้างอิง [1] https://www.posttoday.com/finance-stock/news/639770 [2] https://www.matichon.co.th/economy/news_2359806 [3] https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/910375ข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้วmeter: middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสุดช็อค! “ธนาคารโลก”ประจานเศรษฐกิจไทย กำลังเจ๊งทั้งระบบเพราะ รัฐบาลโกงยอดคนอดตาย พุ่งเกินครึ่งของประชากร 27 พฤศจิกายน 2564 ราว 40 ล้านคน (57%) คนไทยรายได้ต่ำกว่า 150 บาท/วัน เพิ่มขึ้น 100% ตัวเลขหนี้ประเทศพุ่งทะลุเพดานสูงสุดในรอบ 18 ปี รวม 13 ล้านล้านบาท สูงแตะ 88-90% ต่อจีดีพี การคลังถังแตก-คนจนไม่มีจะกิน รัฐบาลกู้มือเติบ 7 ล้านล้านบาท ผลาญงบประมาณต่อท่อน้ำเลี้ยงคอร์รัปชั่น ⚫️เจ๊งทั้งประเทศ ธนาคารโลก (World Bank) เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจไทยในสภาวะวิกฤติ ผู้มีรายได้น้อย/คนไม่มีรายได้พุ่ง 40 ล้านคน หรือเกือบเท่ากับ 2 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ จากการขอรับสิทธิ์ช่วยเหลือช่วงโควิดจากรัฐบาล คอร์รัปชั่นรัฐบาลประยุทธ์ ถูกสื่อต่างชาติ รายงานผลการประเมิน ว่า ไทยเป็นประเทศที่มีการคอรัปชั่น โกงกิน เป็นอับดับที่ 1 ของโลก ฉุดประเทศถอยหลัง เศรษฐกิจพุ่งดิ่งลงเหว การคลังถังแตก-คนจนไม่มีจะกิน สอดคล้องกับตัวเลขคนจนที่พุ่งสูงขึ้น 100% โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าวันละ 150 บาท (ครึ่งนึงของค่าแรงขั้นต่ำ) มีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 4.7 ล้านคน เป็น 9.7 ล้านคนในปัจจุบัน นอกจากนี้ธนาคารโลกยังงัดตัวเลขตอกย้ำความเน่าเฟะในยุคลุงตู่อีกด้วยว่า อัตราความยากจนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7.2 ปี 2558 เป็นร้อยละ 9.8 ปี 2561 สวนทางกับการเติบโตของเศรษฐกิจ ทั้งที่รัฐบาลไทยกู้เงินมือเติบ 1.9 ล้านล้านบาท ถือว่ามากสุดในภูมิภาคอาเซียน คิดเป็น 13% ของ GDP แต่ผลทีได้คือเศรษฐกิจเจ๊งมากสุดในเอเชีย กระตุ้นเศรษฐกิจได้แค่ 6 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 4% ของ GDP และทำเงินหายไป 1.3 ล้านล้านบาท ⚫️หนี้ท่วมทะลุเพดาน ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ รัฐบาลที่สร้างหนี้มากสุดในประวัติศาสตร์ แต่เศรษฐกิจไทยก็เจ๊งมากสุดในประวัติศาสตร์เช่นกัน ตัวเลขหนี้ล้นเพดานเติบโตพุ่งพรวดไปพ้อมกับความเหลื่อมล้ำ ตอกย้ำเศรษฐกิจลิเกหลวงที่ใช้ระบบเอื้อศักดินาแล้วปล่อยปลาเล็กปลาน้อยตายเรียบ ตัวเลขหนี้ครัวเรือนของประเทศพุ่งสูงแตะ 88-90% ต่อจีดีพี สูงสุดในรอบ 18 ปี สอดคล้องกับปัญหาเศรษฐกิจพังจากฐานราก คนไทยชักหน้าไม่ถึงหลัง รายได้เท่าเดิมแต่หนี้สินเพิ่มขึ้น ไทยเหลื่อมล้ำพุ่งรอบ 10 ปี รวยจนห่างกันสูงสุด 20 เท่า หนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีเพิ่มทะลุ 80% คนจนมีโอกาสเรียน ป.ตรีแค่ 3% เมื่อพิจารณาในส่วนของผู้ที่มีรายได้มากที่สุดแตกต่างจากผู้ที่มีรายได้น้อยสุดกว่า 20 เท่า โดยมีกลุ่มคนชนชั้นกลางอยู่ประมาณ 35% สะท้อนถึงการกระจุกตัวของรายได้ในกลุ่มบน และการแบ่งปันผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ทั่วถึงไปสู่คนกลุ่มล่าง แม้ดูจะดีขึ้นจากปี 2550-2561 แต่จำนวนคนยากจนในปี 2560-2563 มีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่าจำนวนคนจนจะเพิ่มขึ้นมาในช่วง 3 ปีหลัง ⚫️โกง-จน-เจ๊ง ธนาคารโลกระบุถึงสาเหตุหลักที่เศรษฐกิจไทยถดถอย คือ ปัญหาการคอร์รัปชั่นของภาครัฐบาล [3] ซึ่งเป็นอันดับที่ 1 ในโลก นำไปสู่ ‘ความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุน’ ซึ่งเป็นปัญหาการขับเคลื่อนจีดีพีตามหลักเศรษฐศาสตร์ โดยเฉพาะปัญหาธรรมาภิบาล หรือการทุจริต มีปัญหาทั้งภาคราชการและฝ่ายการเมือง นำไปสู่ปัญหาเกี่ยวเนื่องที่ไทยกำลังเผชิญ คือ การโกงงบประมาณ ความเหลื่อมล้ำ หรือการบังคับใช้กฎหมายสองมาตรฐาน ‘ผู้นำบ้าอำนาจ’ คือเหตุผลที่ธนาคารโลกประจานไทยว่าเป็นต้นตอของการคอร์รัปชั่นในยุครัฐบาลประยุทธ์ เนื่องจากคนที่เข้ามามีอำนาจและมีหน้าที่ทางการเมืองไม่สามารถประนีประนอม (compromise) และหาจุดร่วมกันได้เพื่อนำพาประเทศให้ดีขึ้นได้ตามนโยบายที่ตนวางไว้ ผลคือในสายตาต่างประเทศ ประเทศเรามีปัญหาสนามแข่งขันที่ไม่ตรงหรือเอียง (Unlevel Playing Field) ระหว่างบริษัทไทยขนาดเล็ก บริษัทต่างชาติ เทียบกับบริษัทไทยขนาดใหญ่ เห็นได้จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ การจัดซื้อจัดจ้าง การให้สัมปทานสิทธิในการใช้ประโยชน์ทรัพยากรที่จัดสรรโดยรัฐมักจะไม่มีบริษัทที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศในธุรกิจนั้นๆ เข้าแข่งขัน ผู้ได้สัมปทานจะเป็นบริษัทใหญ่ของประเทศกับบริษัทแนวร่วมต่างชาติที่จัดตั้งขึ้น ผลคืออำนาจทางเศรษฐกิจของบริษัทใหญ่นับวันจะมากขึ้น ผลวิจัยของธนาคารแห่งประเทศไทยปี 2562 ชี้ว่า บริษัทขนาดใหญ่ 5% แรกของประเทศมีสัดส่วนรายรับสะสมสูงถึง 85% ของรายรับทั้งหมด มีส่วนแบ่งยอดขายมากถึง 46% และสัดส่วนกำไรกว่า 60% อำนาจทางธุรกิจแบบนี้ไม่จูงใจให้ผู้เล่นรายใหม่เข้าแข่งขัน ขณะที่ผู้บริโภคเสียประโยชน์ข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยDr. กัป บอกว่า ไม่มีใคร?? ตายเพราะมะเร็ง ยกเว้นความสะเพร่า : 1. ขั้นตอนแรกคือ การหยุดน้ำตาลทั้งหมด >> ถ้าไม่มีน้ำตาล ในร่างกายของคุณ >> เซลล์มะเร็ง ก็จะตาย อย่างเป็นธรรมชาติ 2. ผสมผลไม้ มะนาว ทั้งหมด กับน้ำร้อนสักแก้ว แล้วดื่มมัน ประมาณ 3 เดือน #มะเร็งจะแพ้ การวิจัย โดยวิทยาลัย maryland ของยาบอกว่า #มันดีกว่าการรักษาด้วยคีโม 3. ขั้นตอนที่ 3 คือ การดื่มน้ำมันมะพร้าวอินทรีย์ 3 ช้อน เช้าและกลางคืน >> มะเร็งจะหายไป คุณสามารถเลือก 1 ใน 2 การรักษานี้ หลังจาก หลีกเลี่ยงน้ำตาล ความไม่รู้ ไม่ใช่ข้ออ้าง ; ฉันได้แชร์ข้อมูลนี้ มานานกว่า 5 ปี บางทีตอนนี้ เพิ่งมาถึงคุณ แต่มันยังช้ากว่าไม่เคยให้ทุกคนรอบตัวคุณรู้ " ดร. guruprasad reddy b v รัฐการแพทย์ ของมหาวิทยาลัยมอสโก ประเทศรัสเซีย อ้อนวอนทุกคน ที่ได้รับข้อมูลนี้ เพื่อส่งต่อ ให้กับอีก 10 คน >> แน่นอน!! อย่างน้อย 1 ชีวิต จะได้รับการบันทึกไว้ ^^ 🙋ฉันได้ทำส่วนของฉัน แล้วหวังว่า คุณจะสามารถช่วยได้ โดยการทำส่วนของคุณ ขอบคุณ 🙏 1. การดื่มน้ำมะนาว สามารถป้องกันมะเร็งได้ แต่จำไว้ว่า อย่า!! เพิ่มน้ำตาล >> น้ำมะนาวร้อน มีประโยชน์กว่า น้ำมะนาวเย็นๆ 2. หั่นเป็นแพ 5 ชิ้น แล้วแช่ด้วยน้ำร้อนสักแก้ว 30 นาที แล้วดื่ม 3. มันสำปะหลังสด แต่ต้องต้มด้วย เปิดหม้อวิตามิน b17 อยู่บนมันสำปะหลัง ที่สามารถปิดเซลล์มะเร็งได้ 🌿>> บ่อยครั้ง มื้อเย็นสามารถเพิ่มความเป็นไปได้ ของมะเร็งลำไส้ : มะเร็งกระเพาะอาหาร 🌿>> อย่า!! ดื่มชา ในช่วงประจำเดือน 🌿>> ลดการดื่มนมถั่วเหลือง ไม่ควรเพิ่มน้ำตาล หรือไข่ ในนมถั่วเหลือง 👉>> ไม่กินมะเขือเทศ ตอนท้องว่าง 👉>> ดื่มน้ำเปล่าสักแก้ว ทุกเช้า ก่อนอาหาร เพื่อป้องกันนิ่ว 💥>> งด!! อาหาร 3 ชั่วโมง ก่อนนอน 💥>> หลีกเลี่ยงสุรา เพราะไม่มีประสิทธิภาพ ทางโภชนาการ แต่สามารถทำให้เกิดโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูงได้ ‼️>> อย่า!! กินขนมปัง ในขณะที่มันร้อนจาก เตาอบ หรือเครื่องปิ้งขนมปัง ‼️>> ไม่ชาร์จมือถือหรืออุปกรณ์ใดๆ?? ที่อยู่ข้างๆคุณ ในขณะที่คุณหลับ 🙋>> ดื่มน้ำเปล่า 10 แก้ว ทุกวัน : ป้องกันมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้ 🙋>> ดื่มน้ำเพิ่ม ระหว่างวัน ลดตอนกลางคืน 🔥>> อย่า!! ดื่มกาแฟ มากกว่า 2 แก้วต่อวัน เพราะมันสามารถทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ และกระเพาะอาหารได้ 🔥>> กินอาหารที่เลี่ยนเล็กน้อย หรือหลีกเลี่ยงมัน เพราะใช้เวลา 5-7 ชั่วโมง ในการย่อย ทั้งยังทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย ✨>> หลัง 5 โมงเย็น กินให้น้อยลง ✨>> อาหาร 6 ชนิด ที่ทำให้คุณมีความสุข : กล้วย, ส้มบาหลี, ผักโขม, ฟักทอง, พีช 😭>> นอนไม่ถึง 8 ชั่วโมงต่อวัน ส่งผลให้มีการทำงานของสมองเสื่อมสภาพ .. พยายามพักผ่อน เพราะจะทำให้เราเด็กลง 🥰#น้ำมะนาวที่ไม่มีน้ำตาลสามารถดูแลสุขภาพของคุณและทำให้คุณรู้สึกสดชื่น 📌 #น้ำมะนาวร้อนฆ่าเซลล์มะเร็ง >> แช่มะนาวชิ้นเท่าๆกัน 3 ชิ้นกับน้ำร้อน ดื่มเป็นประจำทุกวัน .. anti-oxsidan #รสชาติขมในน้ำมะนาวร้อนเป็นสารที่ดีที่สุดในการฆ่าเซลล์มะเร็ง #น้ำมะนาวเย็นประกอบด้วยวิตามินซีเท่านั้นซึ่งมันไม่ช่วยป้องกันมะเร็ง #น้ำมะนาวร้อนสามารถควบคุมการเติบโตของเนื้องอกมะเร็งได้ การทดสอบทางคลินิก ได้พิสูจน์แล้วว่า น้ำมะนาวร้อน ทำงานได้ดี เพื่อยับยั้งเซลล์มะเร็ง การรักษาด้วยน้ำมะนาว(ร้อน) จะทำลายเซลล์ที่ชั่วร้าย เท่านั้น แต่ไม่มีผลต่อเซลล์ที่ดี ต่อไป .. กรด citric และมะนาว polyphenol ในน้ำมะนาว ช่วยลดความดันสูง การป้องกันการเกิดลิ่มเลือด และป้องกันการแข็งตัวของเลือด ไม่ว่า คุณจะยุ่งแค่ไหน?? โปรดหาเวลาอ่านสิ่งนี้ แล้วบอกให้คนอื่นกระจายความรัก❤️ให้กับคนอื่นๆด้วย * ความสวยงาม ของการแบ่งปัน * Cr.อ่านเจอแล้วนำมาฝาก #ขอบคุณเจ้าของบทความไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยวันนี้ "หนังสือพิมพ์เดอะซัน" ของอังกฤษเผยแพร่จดหมายเปิดผนึกของบิลเกตส์ จดหมายฉบับนี้ได้รับการให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และถูกส่งต่อจากคนในวงกว้าง คนทั้งหลายต่างกล่าวขานชื่นชมว่าบิลเกตส์เป็นผู้เปี่ยมสติสัมปชัญญะอย่างแท้จริง ******************************************** ต่อไปนี้คือ จดหมายเปิดผนึกของบิลเกตส์: ฉันเชื่ออย่างสนิทใจว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีจุดประสงค์ทางจิตใจอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าเราจะคิดว่ามันดีหรือไม่ดีก็ตาม ในขณะที่ฉันได้นั่งคิดอย่างมีสติรอบคอบ ฉันจึงอยากจะขอร่วมแบ่งปันเสียงสะท้อนจากใจของฉันให้กับท่านทั้งหลาย ว่าแท้จริงไวรัสโคโรน่าได้ทำอะไรกับพวกเราไปบ้าง 1)ไวรัสนี้ได้มาเตือนบอกเราทั้งหลาย ว่ามนุษย์ทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน ไม่ว่าวัฒนธรรม ศาสนา อาชีพ สภาพการณ์เศรษฐกิจของเราจะต่างกันอย่างไร หรือต่อให้เป็นคนที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งก็ตาม ในสายตาของไวรัสแล้วเราทุกคนล้วนเสมอภาคเท่ากัน เราทุกคนก็ควรปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยความเสมอภาคเช่นกัน ถ้าคุณไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูดมา คุณก็ไปถามทอมแฮ็งค์ดู 2)ไวรัสนี้ได้มาเตือนเรา ว่าชะตากรรมของเราทุกคนล้วนเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน สิ่งที่ส่งผลต่อคน ๆ หนึ่งก็สามารถส่งผลต่ออีกคนเช่นเดียวกัน ไวรัสยังเตือนเรา พรมแดนเท็จที่เราสร้างไว้นั้นมันไร้ค่าเสียจริง เพราะไวรัสไม่ต้องใช้หนังสือเดินทางก็ข้ามระหว่างประเทศได้ 3)ไวรัสเตือนสติเราว่า สุขภาพที่ดีมีค่าแค่ไหน แต่เรากลับละเลยสุขภาพนี้ ไปกินอาหารขยะทั้งหลาย ดื่มน้ำที่ปนเปื้อนสารเคมีต่างๆ ถ้าเราไม่ดูแลตนเอง แน่นอนว่าเราต้องเจ็บป่วย 4) ไวรัสเตือนเราว่า ชีวิตนั้นทุกข์และแสนสั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราควรทำคืออะไร โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ป่วยแล้ว. จุดมุ่งหมายของชีวิตไม่ได้อยู่ที่การซื้อกระดาษชำระแบบม้วน 5)ไวรัสเตือนเราว่า สังคมของเราเห็นวัตถุกลายเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก เมื่อเราประสบกับปัญหาความยากลำบาก เราเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ความต้องการพื้นฐานของเราคือ อาหาร น้ำและยา มากกว่าสินค้าฟุ่มเฟือยที่ไม่ได้มีมูลค่าอะไรเลย 6)ไวรัสเตือนเราว่า ครอบครัวมีความสำคัญเพียงใด แต่เรากลับมองข้ามจุดนี้ไปแล้ว ไวรัสบังคับให้เรากลับไปบ้านของเรา ดังนั้น เราจึงสามารถสร้างบ้านให้เป็นครอบครัว และสร้างสายสัมพันธ์ที่เข้มแข็งในครอบครัว 7)ไวรัสเตือนเราว่า งานที่แท้จริงของเราไม่ใช่งานที่เรากำลังรับจ้างอยู่นั้น แน่นอนว่าเราต้องทำงาน แต่ทว่าตามพระประสงค์ของพระเจ้าในการสร้างเรามา ไม่ใช่เพื่อให้เรามาทำงาน งานที่แท้จริงของเราทุกคน คือการดูแลซึ่งกันและกัน ปกป้องคุ้มครองซึ่งกันและกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อประโยชน์ร่วมกัน 8)ไวรัสเตือนเราว่า เราอย่าได้สำคัญตัวเองยิ่งใหญ่ หยิ่งผยอง ไวรัสยังเตือนเราด้วยว่า ไม่ว่าคุณจะคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่เพียงใด ไม่ว่าคนอื่นจะคิดว่าคุณยิ่งใหญ่เพียงใด ไวรัสขนาดเล็กๆเพียงแค่นิดเดียว ก็สามารถทำให้โลกทั้งใบหยุดนิ่งได้ทันที 9)ไวรัสเตือนเราว่า อิสรภาพอยู่ในมือของเราเอง เราสามารถเลือกที่จะร่วมมือและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เลือกที่จะแบ่งปันให้ และสนับสนุนซึ่งกันและกัน หรือเราสามารถเลือกที่จะเห็นแก่ตัว กักตุนเสบียงเพื่อดูแลแค่เฉพาะตัวเองเท่านั้น มีเพียงในยามยากลำบาก เราจึงสามารถมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของคนๆหนึ่งได้ 10) ไวรัสเตือนเราว่า เราสามารถอดทน หรือตื่นตระหนกได้ เรายังสามารถเข้าใจได้ว่าสถานการณ์เช่นนี้ เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในประวัติศาสตร์มาแล้ว แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านไป เราอาจตื่นตระหนก คิดว่าวันสิ้นโลกมาถึงแล้ว จนส่งผลทำร้ายตัวเราเอง 11)ไวรัสเตือนเราว่า การแพร่ระบาดของไวรัสเป็นทั้งจุดจบและจุดเริ่มต้น เวลานี้เราสามารถไตร่ตรองและทำความเข้าใจได้แล้ว เรียนรู้รับเอาบทเรียนจากความผิดพลาดนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเวียนว่าย และอาจจะดำเนินเช่นนี้ต่อไป จนกว่าเราได้รับบทเรียนทั้งหมด 12)ไวรัสเตือนเราว่าโลกของเรากำลังป่วย ไวรัสยังเตือนเราด้วยว่า เราต้องดูว่าผืนป่าหายไปเร็วแค่ไหน นอกจากนี้คุณต้องดูความเร็วที่กระดาษชำระม้วนหนึ่งหายไปจากชั้นวางว่าเร็วแค่ไหน เราทุกคนต่างป่วยกันหมดแล้ว เพราะครอบครัวของเราป่วย(โลกคือครอบครัวของเรา) 13)ไวรัสเตือนเราว่า ความยากลำบากมักจะผ่านไปได้เสมอ แล้วจากนั้นทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นมา ชีวิตเป็นวัฏจักรวนเวียน ตอนนี้เป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งในวัฏจักรเท่านั้น เราไม่ต้องตกใจ โรคระบาดจะผ่านไปได้แน่นอน 14)หลายคนคิดว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าเป็นหายนะ แต่ฉันคิดว่านี่จะเป็นการ "แก้ไขข้อผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด"โควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: false3 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข้อความนี้ พระเทพฯ ทรงให้สัมภาษณ์ จริงหรือไม่ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึงพ่ออยู่หัว ร.9 พระเทพฯ ทรงกล่าวให้สัมภาษณ์ 1. จากนี้ไปประเทศไทยของเราจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีก อาจมีหลายสิ่งเปลี่ยนไป รอยต่อของคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่อาจชัดเจนขึ้น มันคือการเปลี่ยนผ่านในวันที่พ่อไม่อยู่ ทุกคนมีสิทธิ์เสียใจ และควรเสียใจ ทุกคนมีสิทธิ์กลัว และควรกลัว แต่จงตระหนัก เตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงด้วยสติปัญญา 2. พ่อคือตัวแทนของความพอเพียง เป็นต้นฉบับของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในวันที่ประเทศไทยกำลังถูกปั่นด้วยกระแสความโลภ จงหยิบภูมิปัญญาของท่านมาใช้ให้เกิดประโยชน์ จดจำหลอดยาสีฟันของท่านไว้ จดจำการแต่งกายที่เรียบง่ายของท่านไว้ อะไรที่ประหยัดได้จงประหยัด อะไรที่พึ่งพาตนเองได้จงพึ่งพา อะไรที่แบ่งปันได้จงแบ่งปัน เมื่อยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้แล้ว เราจะพึ่งพาผู้อื่นน้อยลง 3. พ่อเป็นผู้มีความเพียรดุจพระมหาชนก ท่านเป็นผู้ว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรโดยไม่เคยถามว่าเมื่อไหร่จะถึงฝั่ง ความคิดเช่นนี้ทำให้ท่านทำงานที่ยิ่งใหญ่ได้ ฝากถึงคนไทย อย่าทำงานด้วยตัณหา อย่าขับเคลื่อนชีวิตด้วยความอยากมี อยากได้ อยากเป็น อย่าให้อำนาจวัตถุบังตาจนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี จงขับเคลื่อนชีวิตและการงานด้วยฉันทะ ความรัก ความเมตตา ด้วยประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เหมือนที่พ่อเคยทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง 4. พ่อยืนเคียงข้างคนยากจนเสมอ คนจนอยู่ที่ไหนท่านก็อยู่ที่นั้น ท่านเดินทางบุกป่าฝ่าดงไปเยี่ยมพวกเขาถึงบ้าน เป็นพระราชาผู้อยู่ง่าย กินง่าย ไม่ยึดติดความหรูหรา เมื่อพ่อไม่อยู่แล้ว เราอย่าหลงลืมปณิธานข้อนี้ อย่าทอดทิ้งคนยากจน จงหยิบยื่นโอกาสให้ผู้ด้อยกว่า อย่าใช้ช่องว่างกฎหมายซ้ำเติมและเอาเปรียบผู้อื่น 5. ไม่มีท่าน เราจะมานั่งทะเลาะกันเหมือนในอดีตไม่ได้ เพราะไม่มีใครที่จะมาห้ามเราได้ ไม่มีใครอีกแล้วที่เราจะเกรงใจ รับฟังเหมือนที่เคยรับฟังท่าน ถ้าทุกฝ่ายไม่คิดถึงข้อนี้ให้มาก ถ้ายังเอาแต่ความคิดตนเป็นใหญ่ ประเทศไทยที่เรารัก ย่อมตกอยู่ในฐานะอันตราย เมื่อพ่อไม่อยู่แล้ว จงรักและถนอมน้ำใจกันให้มากกว่าที่ผ่านมา 6. สิ่งที่พ่อทิ้งไว้ ไม่ใช่เพียงอิฐ หิน ปูน ทราย แต่เป็นความรู้ขั้นปรีชาญาณ เราอาจรักษาร่างกายท่านไว้ไม่ได้ เพราะนั่นคือกฎธรรมชาติ แต่เราสามารถรักษาภูมิปัญญาของท่านไว้ได้ จงค้นคว้าข้อมูลทางเทคนิคต่างๆ ฝนเทียมเกิดได้อย่างไร กังหันน้ำชัยพัฒนาคืออะไร มันมีความน่าทึ่งยังไงในมิติทางวิศวกรรม การเพาะปลูกโดยไม่พึ่งสารเคมีทำได้อย่างไร การพัฒนาดิน รักษาน้ำ ชุบชีวิตป่าเป็นอย่างไร ทำไมท่านไม่สนับสนุนให้ปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำไมท่านจึงส่งเสริมให้ชาวบ้านรู้จักการห่มดิน ท่านเคยสร้างรากฐานอันใดไว้ให้วงการเกษตรกรรมของชาติ สิ่งเหล่านี้ควรสนับสนุนให้มีการร่ำเรียนกันเป็นระบบ ในโรงเรียน มหาวิทยาลัย ถ้าเราทำเช่นนี้ได้ภูมิปัญญาที่ท่านคิดค้นมาหลายสิบปีจะไม่สูญหายไปจากสังคมไทย 7. จากนี้ไปจะมีคนอีกมาก ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง อาจมีคนที่ไม่เข้าใจท่านออกมาพูดในสิ่งที่เราไม่ชอบ จงใช้สติ อดทน ไม่โต้ตอบ เหมือนที่ท่านได้กระทำมาชั่วชีวิต พระพุทธเจ้าตรัสไว้เสมอ ไม่เคยมีสันติภาพใด เกิดจากความรุนแรงและคำด่าทอ 8. พ่อเป็นผู้ค้ำชูศาสนาโดยแท้จริง ไม่ใช่ด้วยคำพูด หรือแค่เม็ดเงินบริจาค แต่ท่านคือผู้พิสูจน์ธรรมะด้วยกายใจ ในฐานะผู้ปฏิบัติธรรม ท่านคือนักภาวนาที่หาตัวจับยาก เป็นผู้มีอานาปานสติเป็นวิหารธรรม ทำไมพ่อทำงานหนัก แต่ยังมีเวลาภาวนา ทำไมเราทำงานน้อยกว่าท่าน แต่เรากลับอ้างว่าเราไม่มีเวลา สิ่งนี้ต้องคิดให้มาก เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเอง 9. พ่อคือครูผู้ยิ่งใหญ่ที่สอนด้วยชีวิตและการกระทำ ชีวิตคือธรรมะ และธรรมะก็คือชีวิตที่ตั้งอยู่ในความธรรมดาที่เกิดขึ้นกับเราทุกคน พ่อกำลังบอกเราว่า จงดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท ทำให้ดีที่สุดในวันนี้ จะไม่ต้องติดค้างเสียใจในภายหลัง 10. แม้วันนี้พ่อจะไม่อยู่ แต่ขอให้ชาวไทยจงวางใจว่า สถานที่ที่ท่านเดินทางไปนั้น น่าอยู่และงดงามกว่านี้หลายเท่า ท่านคือพระโพธิสัตว์ผู้ผ่านมาสร้างแสงสว่าง การเกิดของท่านในชาตินี้เป็นการเกิดที่สมศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ และเราทั้งหลายควรภูมิใจไปกับท่าน ท่านคงไม่อยากให้เราคนไทยถูกทับถมด้วยทะเลแห่งความเศร้า อย่าทิ้งหน้าที่ อย่าทิ้งการงาน และสิ่งต่างๆ ที่รับผิดชอบอยู่ จงตั้งสติให้มั่นคง เป็นกำลังสมาธิ เป็นความสว่างเบิกบาน เพื่อน้อมส่งท่านสู่สวรรค์คาลัย ด้วยหัวใจแห่งความรักของเราชาวไทยทุกคน… อ่านจบ อดไม่ได้ที่จะแชร์ต่อ เพราะเป็นประโยชน์มากๆ ควรจดจำให้ขึ้นใจ..ทิ้งไม่ได้แม้แต่ข้อเดียว..เลยคัดลอกมาให้ทุกท่านได้อ่านด้วยกัน นะคะ.. เขียนด้วยความรัก สำนึก และบูชาตลอดไป อ่านแล้วน้ำตาไหล 😭 😭โควิด 2019วัคซีนโควิดผู้บริโภคเฝ้าระวังMrs.Doubt• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยทำไม ฝ่ายค้านจึงเร่งให้นายกลุงตู่ ลาออก? มาอ่านความจริง ที่คุณแพทได้กรุณาเมนท์บอกในเฟสผม ซึ่งคุณแพท ก็เชียร์ให้ผมนำมาโพสท์ ผมเห็นดีเห็นงามด้วย จึงปรารถนาประกาศให้โลกรู้ไปพร้อมกัน 🇹🇭 Pat Titaree @@@: อยากให้ทุกท่านอ่านบทความนี้ ++++++++++++++++++++++++++++ #ทำไม ฝ่ายแค้น ถึงเร่งรีบกันนัก กับจะโค่นล้ม #รัฐบาลลุงตู่ ลงให้ได้โดยเร็ววัน เพราะว่า #ถ้าปล่อยให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไปอีก 4 ปี สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย คือ.- 1. โครงการ EEC หรือ โครงการพัฒนาเศรษฐกิจด้านตะวันออก นับแสนๆล้าน สำเร็จลงด้วยดี จะบังเกิดผลทำให้เศรษฐกิจมหภาคเติบโตแบบยั่งยืน ทั้งการลงทุน การจ้างงาน การผลิต การส่งสินค้าออก ที่มีระบบ 5G รองรับสนับสนุน ที่เป็นผลงานของรัฐบาลที่ทั่วโลกยอมรับ 2. โครงการ สนามบินอู่ตระเภา นับแสนล้าน เกิดขี้นสำเร็จ จะเกิดการจ้างงานทั้งระบบ ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพิ่มขึ้นอีกมากมายตามมา เป็นผลงานชั้นดีอีกโครงการหนึ่ง 3. โครงการ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง สุวรรณภมิ อู่ตระเภา สำเร็จ จะเกิดระบบ ขนส่งทางรางที่รวดเร็ว บริการนักท่องเที่ยว หรือ ผู้เดินทาง ได้สะดวกสะบาย มีผลที่ตามมา คือ ธุรกิจตามเส้นทางนี้จะเกิดขึ้นอีกมากมาย 4. รถไฟฟ้า เกือบทุกเส้นทาง ทุกสี ในกรุงเทพฯและปริมนฑล จะเสร็จเกือบหมด จะทำให้ การขนส่งทางราง การเดินทางของประชาชน สะดวกสะบาย รวดเร็ว ทุกเส้นทาง ลดภาวะฝุ่นมลพิษลงได้สำเร็จ เป็นผลงานที่โด่ดเด่นของ ลุงตู่ ที่เป็นผู้เริ่มต้นเมื่อ 4 ปี ที่ผ่านมา 5. สถานีกลางบางซื่อ ผลงานชิ้นเอกอีกโครงการหนึ่ง ที่เป็นชุมทางของรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าสีต่างๆ บางสายเชื่อมต่อโดยตรง เป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่มากแห่งหนึ่งในโลก ที่ออกแบบสวยงามทันสมัย มีธุรกิจบริการพร้อม ทั้งโรงแรม ศูนย์การค้า และการบริการอื่นๆเกิดขึ้นมากมายอีกโครงการหนึ่ง 6. ระบบรถไฟทางคู่ จะเกิดขึ้นเกือบทุกเส้นทาง ทั่วประเทศไทย 7. ทางมอเตอร์เวย์ สายสำคัญๆ เช่น บางปะอิน-นครราชสีมา, บางใหญ่-กาญจนบุรี, นครปฐม-ชะอำ และ เส้นทางใหม่ๆที่จะเกิดขี้นอีก จะเป็นผลงานที่เป็นรูปธรรมที่เกิดขึ้นจริง 8. การขุดบ่อน้ำบาดาลแก้ภัยแล้ง ทั่วประเทศจะสำเร็จภายในต้นปีหน้านี้ ที่ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาไม่เคยคิดจะทำ ภัยแล้วจะทุเลาลง ประชาชนจะเห็นผลงานกับตัวเอง 9. รัฐบาลพล.อ.ปนะยุทธ์ จันทร์โอชา มีความจงรักภักดีปกป้องสถาบันสูงสุด ฝ่ายแค้นต้องโค่นลุ่งตู่ลงให้ได้โดยไว,... #เพราะลุงตู่คือเสาหลักค้ำยันปกป้องสถาบันไม่ใหัใครโค่นล้มได้ !!!?,... แค่คิด ก็จะเกิด #อิจฉาทิฐิ อยากเอามาทำต่อเป็นผลงานตัวเอง เพราะปล่อยให้ รัฐบาลลุงตู่ บริหารต่อไป ผลงานที่เกิดขึ้น ฝ่ายแค้น จะเสียหน้าที่ #ผลงานไม่มีดีแต่ด่า #รัฐบาลมือสะอาดต้องด่าว่าเผด็จการ #เป็นอีแอบอยู่เบื้องหลังเด็กๆ : #ลุงตู่คือนายกสองแผ่นดิน ปกป้ององค์ภูมินทร์ ค้ำฟ้า ท้อไม่ได้ เพื่อชาติเพื่อประชา เพื่อพระมหาราชา คู่ฟ้าไทย #นี่คือคำตอบทำไมไล่ลุงตู่,... เพราะขืนอยู่ยาวไป คงไม่ไหว ฝ่ายแค้น ไส้แห้ง จนใกล้ตาย #จึงสุมหัวกันไล่ลุงตู่เอยยยย 🇹🇭 คนทั้งโลก ทั้งรู้ทั้งเห็น ผลงานของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ทั้งที่เสร็จแล้ว และที่กำลังจะแล้วเสร็จ ซึ่งล้วนก่อเกิดเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประเทศไทย ท่านใดที่อยากให้นายกลาออก ผมว่า ท่านควรไปล้างสิ่งสกปรกในใจของท่านออกก่อนดีกว่า เพราะจิตใจของท่าน ไม่รับรู้ความดีที่เป็นจริงที่เกิดขึ้นเลย นอกจากอคติ หรือผลประโยชน์ที่ท่านจะไม่ได้รับ ไม่ใช่ผลประโยชน์ส่วนรวมของคนไทยทั้งชาติ และอีกอย่าง ที่ผมปลงใจเชื่ออย่างสนิทใจว่า ท่านเป็นคนดี เพราะทั้งในหลวงรัชกาลที่ ๙และ ๑๐ ทรงโปรดท่านมาก เพราะท่านเป็นคนดี ซื่อสัตย์ และรักประเทศชาติมากที่สุด คนไทยส่วนใหญ่ทั้งประเทศเห็นด้วยในความจริงนี้ ที่จัดการเรื่องป้องกันไวรัสโควิดในประเทศดีที่สุดในโลก ทั้งแจกเงินให้ไปใช้ แจกเงินให้ไปเที่ยว ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ล่าสุด บัตรทองรักษาได้ทุกโรงพยาบาล เริ่ม ๑ พ.ย.นี้ ท่านนายกลุงตู่ คือ คนที่ในหลวงรัก คนที่รักในหลวง ความดีปรากฏ คนชั่วจึงอิจฉา อย่างนี้นี่เอง ขอขอบพระคุณ คุณแพท มา ณ โอกาสนี้ อีกครั้งครับ 🇹🇭 #ปกป้องสถาบันชาติศาสน์กษัตริย์ #ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ #ปกป้องพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา #SAVETHAILAND △ 〇 ☐ข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยTHE HAND STEEPLE’จากท่ามือเสริมบุคลิกผู้นำ สู่ทฤษฎีสมคบคิดเชื่อมโยง‘อิลลูมินาติ’นี่ไม่บังเอิญหรอกนะ ดูกันชัดๆ สัญลักษณ์ลับการแทรกแซงของแยงกี้ มันคือสัญลักษณ์สมาคมลับอิลลูมินาติผู้กุมอำนาจสูงสุดอยู่เบื้องหลังการเมืองการปกครองของโลก โดยมุ่งดำเนินการในทางลับเพื่อก่อตั้ง ‘ระเบียบโลกใหม่’ โดยการแทรกแซงชีวิตประจำวัน การเมือง การปกครอง ของชาติที่เป็นเป้าหมาย” โพสต์หนึ่งที่ถูกแชร์ในพื้นที่สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) เป็นข้อความข้างต้นพร้อมกับรูปของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่เพิ่งชนะเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 โดยเป็นรูปที่ พิธา ถ่ายกับผู้ที่มาร่วมฟังปราศรัยของพรรคก้าวไกลสักเวทีหนึ่ง แต่ถูกนำมาตั้งข้อสังเกตจากผู้โพสต์ว่า หัวหน้าพรรคก้าวไกลทำท่ามือที่ดูเหมือนกับเป็น “รหัสลับ” ขององค์กรลับอย่าง “อิลลูมินาติ (Illuminati)” ซึ่งมักจะถูกกล่าวถึงเสมอในทฤษฎีสมคบคิดว่ามีองค์กรลับที่บงการทั้งโลกอยู่เบื้องหลัง ภาพดังกล่าวยังมีการเปรียบเทียบกับผู้นำอีกหลายชาติ อาทิ อังเกลา แมร์เคิล อดีตนายกรัฐมนตรีเยอรมนี , โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา , เรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ประธานาธิบดีตุรกี เป็นต้น ที่เคยทำท่ามือแบบเดียวกัน บางภาพมีการนำภาพ “Eye of Providence” ที่อยู่ในธนบัตร 1 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมักถูกผู้ที่เชื่อใน “ทฤษฎีสมคบคิด (Conspiracy Theory)” อ้างว่าเป็นสัญลักษณ์ขององค์กรอิลลูมินาติ ไปใส่ประกบรวมอยู่ด้วยเพื่อจะบอกกับผุ้รับสารว่า บรรดาผู้นำชาติต่างๆ ล้วนแต่เป็นสมาชิกหรือทำงานให้กับองค์กรนี้ รายงานพิเศษเรื่อง “The Eye of Providence: The symbol with a secret meaning?” ของสำนักข่าว BBC เมื่อปี 2563 อธิบายที่มาที่ไปของสัญลักษณ์ Eye of Providence (หรืออีกชื่อหนึ่งคือ All-Seeing Eye of God) ว่า เดิมที Eye of Providence เป็นสัญลักษณ์ของชาวคริสต์ และตัวอย่างแรกสุดของการใช้สามารถพบได้ในศิลปะทางศาสนาในยุคเรอเนซองส์เพื่อเป็นตัวแทนของพระเจ้า ตัวอย่างแรกคือภาพวาด Supper at Emmaus ผลงานของ Pontormo ศิลปินชาวอิตาลี ในปี ค.ศ.1525 (พ.ศ.2068) หรือเมื่อเกือบ 500 ปีก่อน แม้ว่าสัญลักษณ์จะถูกวาดในภายหลัง บางทีอาจจะเป็นในช่วงทศวรรษที่ 1600s (พ.ศ.2143-2152) นอกจากนั้นยังมีหนังสือชื่อ Iconologia ถูกเผยแพร่ครั้งแรกในปี ค.ศ.1593 (พ.ศ.2136) ในการพิมพ์ครั้งต่อๆ มา Eye of Providence ถูกรวมไว้เป็นคุณลักษณะของการแสดงตัวตนของ “Divine Providence” ซึ่งก็คือ “ความเมตตากรุณาของพระเจ้า” ตามชื่อของสัญลักษณ์และการใช้ในช่วงแรก สัญลักษณ์นี้ถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่อเป็นเครื่องหมายของการที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเฝ้ามองมนุษยชาติด้วยความเมตตาstd47964• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยยาเขียวตราใบโพธิ์ ป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้จริงหรือ?ยาเขียวตราใบโพธิ์ ป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้จริงหรือ? . ได้รับข่าวจากชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านสวาย ตำบลสวาย อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ โดยวิธีการสัมภาษณ์ให้เล่าเรื่องยาเขียวตราใบโพธิ์ สามารถป้องกันเชื้อไวรัสโควิด – 19 (ให้ข้อมูลเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2564) . จึงทำการตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงจากเว็บไซต์ https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/156 ยาเขียวซึ่งไม่พบว่าการรับประทานยาเขียวตราใบโพธิ์สามารถป้องกันเชื้อไวรัสโควิด -19 ได้ . จากการสัมภาษณ์นางสาวสุวรรณา ชะฏาทอง ชาวบ้านในหมู่บ้านสวาย ตำบลสวาย อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ ปรากฏว่าไม่เคยเชื่อว่ายาเขียวตราใบโพธิ์สามารถป้องกันเชื้อไวรัส โควิด-19 ได้ (ข้อมูลเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 )และจากการสัมภาษณ์นายอนุวรรตน์ แสงแพ็ง นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษที่เป็นเยาวชนในหมู่บ้าน ปรากฏว่าเคยได้ยินข่าวนี้มานาน แต่ก็ไม่ได้เชื่อว่ายาเขียวตราใบโพธิ์สามารถป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ (ข้อมูลเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2564) . ดังนั้นยาเขียวตราใบโพธิ์ ป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้จริงหรือ? ไม่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ เพราะว่า สรรพคุณที่แท้จริงของยาเขียวตราใบโพธิ์ คือ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ เป็นไข้ ปวดหัวตัวร้อน ถอนพิษไข้หรืออกหัดอิสุกอิใส ไม่ได้มีสรรพคุณในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่อย่างใด . เครือข่าย : มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษยาสมุนไพรอีสานโคแฟค• 3 ปีที่แล้วmeter: false2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยพลัง! สิทธิผู้บริโภค อาวุธลับปราบลวงถ้าบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง รับรองว่าจับได้ ปราบได้อย่างเด็ดขาดแน่นอน” มลฤดี โพธิ์อินทร์ นักวิชาการด้านอาหารยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ สภาองค์กรของผู้บริโภค ยืนยัน แต่ปัญหาสำคัญมีว่า ทุกหน่วยงานก็ออกกฎหมายมาควบคุมเรื่องการโฆษณาเกินจริงจน “ผู้บริโภค” เกิดความสับสนว่าเมื่อเกิดเจอกับ “โฆษณาเกินจริง” แล้ว หน่วยงานไหนจะเป็นคนดูแลหลัก หน่วยงานไหนจะปราบปรามเป็นหลัก ผู้บริโภคจะไปที่ไหน? เท่าที่ติดตามในเรื่องนี้พุ่งเป้าไปที่ “สิทธิผู้บริโภค”...ก็คือการโฆษณามีผลต่อผู้บริโภค การโฆษณาถือว่าเป็นส่วนหนึ่งให้กับผู้บริโภคเพื่อตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าหรือบริการ “การโฆษณาถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา เราอาจจะมองว่าสัญญาต้องไปเซ็นเอกสาร แต่การโฆษณาที่โฆษณาออกมาถือเป็นสัญญาที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจ ผู้บริโภคควรได้รับการคุ้มครองเกี่ยวกับการโฆษณาเพื่อไม่ให้เกิดการละเมิดสิทธิผู้บริโภค จึงมีการออกกฎหมายต่างๆมาเพื่อควบคุม”std47989• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยพิธา ดวงตกมีชะตาต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ“หมอดูโหราศาสตร์” ฟันธง “พิธา” ดวงแตก ไร้เกณฑ์นั่งนายกฯ เหตุ ลิดรอนสถาบันกษัตริย์ ลดอำนาจทหาร จึงเป็นปฏิปักษ์ต่อสองเสาหลักของดวงเมือง เตือน ! หากดื้อดึงถึง 18 ต.ค.66 อาจถึงขั้นต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ ชี้ “อาจารย์ฟลุค” หมอดูโหราศาสตร์ไทย เจ้าของช่อง “Flukepat smile” ซึ่งมียอดผู้ติดตามกว่า 2. 8 แสนคน จริงๆ แล้วดวงของนายพิธา นั้นหากเป็นนายกรัฐมนตรี จะเป็นนายกฯ ที่เข้มแข็งมาก เนื่องจากเมื่อครั้งเริ่มต้นกรุงรัตนโกสิทร์ได้ทำการฝังเสาหลักเมืองเพื่อผูกดวงเมืองในวันอาทิตย์ที่ 21 เม.ย.std47617• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยยาลดน้ำหนักNature Dream Lemon Balm Booster Pillเน้นส่วนผสมที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ที่ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันที่กินเข้าไปในแต่ละวัน กินก่อนมื้ออาหารก็จะช่วยให้ระบบเผาผลาญดีขึ้น ช่วยยับยั้งการสะสมของไขมันใหม่และส่งผลให้ร่างกายมีการสะสมไขมันน้อยลง ที่สำคัญตัวนี้ยังดีต่อระบบลำไส้ด้วยนะคะ เพราะช่วยดีท็อกซ์ ช่วยลดอาการท้องผูก แน่นท้องได้ดีเลยทีเดียวลดความอ้วนnattikasaunsawatsuga• 3 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยยาลดน้ำหนักCHAME' Sye Sมีส่วนผสมอย่าง Chitosan ที่สกัดจากเห็ดเข็มทอง มาช่วยลดการดูดซึมแป้งและน้ำตาลในมื้ออาหาร มี Mango Juice Powder ที่ช่วยลดความอยากอาหารทำให้ไม่รู้สึกหิวระหว่างวัน ทั้งยังช่วยเผาผลาญไขมันใหม่ ช่วยสลายไขมันชนิดไม่ดีจากร่างกายด้วยลดความอ้วนnattikasaunsawatsuga• 3 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยยาลดน้ำหนักDHC Diet Powerช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนักจากแบรนด์ดังของญี่ปุ่น อย่าง DHC นั่นเองค่ะ ใครที่เป็นสาวกอาหารเสริมของแบรนด์นี้อยู่แล้วต้องไม่พลาดเลย โดยอาหารเสริมตัวนี้เค้าจะเน้นเรื่องการเผาผลาญไขมันเป็นหลักเลยค่ะ โดยมีส่วนผสมของวิตามินที่ช่วยในการลดน้ำหนักถึง 10 ชนิด ที่จะช่วยลดไขมันในร่างกายได้แบบเร่งด่วน เหมาะกับคนที่รักการกินอาหารประเภทมันๆ ทอดๆลดความอ้วนnattikasaunsawatsuga• 3 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยยาลดน้ำหนักVISTRA L-Carnitineตัว VISTRA L-Carnitine นี้ จะช่วยเร่งการเผาผลาญพลังงานส่วนเกินในร่างกายเพื่อเปลี่ยนเป็นมวลกล้ามเนื้อ กระตุ้นการหลั่ง Growth Hormone ซึ่งช่วยลดการสะสมของไขมันใหม่และดึงไขมันเก่ามาใช้ ทั้งนี้ยังเหมาะกับคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำอีกด้วยนะคะ เพราะเค้าจะช่วยซ่อมแซมเซลล์กล้ามเนื้อที่บาดเจ็บหลังการออกกำลังกาย ช่วยลดอาการอ่อนล้าที่เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อขณะออกกำลังกายได้ด้วยลดความอ้วนnattikasaunsawatsuga• 3 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยยาลดน้ำหนักJEJUVITA XS Capsuleมีสารสกัดเด่นๆ อย่าง Chitosan ที่สกัดจากเห็ดเข็มทอง มาช่วยดักจับไขมัน ลดไขมันส่วนเกิน มีสารสกัด L-Carnitine L-Tartrate ที่มาช่วยเร่งการเผาผลาญ หยิบไขมันไปเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ดีสุดๆ นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจากชาเขียว สารสกัดจากมังคุด สารสกัดจากเมล็ดกาแฟไม่คั่ว และสารสกัดจากผลส้มแขก รวมถึงสารสกัดอีกหลากหลายชนิดใส่มาในแคปซูลเดียวอีกด้วย ถือว่าเป็นสารสกัดที่รวบรวมมาเพื่อช่วยกู้ร่างพังของเราให้ปังลดความอ้วนnattikasaunsawatsuga• 3 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยยาลดความอ้วนสาเหตุหลักของการมีน้ำหนักเพิ่มคือร่างกายสามารถเผาผลาญได้ช้า จึงทำให้เกิดการสะสมไขมันในร่างกาย เม็ดฟู่ EFFERIN pantip จึงถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยเพิ่มการทำงานของระบบเผาผลาญให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทำให้ร่างกายของคุณดูดซึมสารสกัดไปใช้ได้ง่ายด้วยการละลายเม็ดฟู่ในน้ำแล้วดื่ม โดยช่วยสนับสนุนให้การออกกำลังกายของคุณดันเอาพลังงานจากไขมันมาใช้มากขึ้น อีกทั้ง EFFERIN ยังเป็นเม็ดฟู่ที่ได้มาจากสารสกัดธรรมชาติเข้มข้น 100% จึงทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานได้เป็นอย่างดี แต่ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ต่อร่างกายเหมือนการทานยาลดน้ำหนักลดความอ้วนpocky18b• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอ้ะ เพิ่งเห็นข่าวนี้ สื่อยักษ์ใหญ่ของโลก Nikkei จัดอันดับประเทศที่จะฟื้นตัวจาก COVID-19 "ไทยแลนด์" ได้อันดับที่ 119 จาก 120 ประเทศ โดยวัดจาก 1.ความสามารถในการบริหารจัดการการระบาด 2.ความสามารถในการกระจายวัคซีน 3.ความสามารถในการเคลื่อนที่ทางสังคม ไม่น่าเชื่อว่าเพราะความโลภ ไม่รู้จักพอของคนแค่ไม่กี่คน นำพาประเทศมาถึงจุดๆนี้ได้ ลิงค์ข่าว https://asia.nikkei.com/Spotlight/The-Big-Story/Nikkei-COVID-19-Recovery-Indexไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย#ฐานทัพสหรัฐ ในไทย ฉบับอ่านง่าย คุณ @Don Plooksawasd เขียนบทความน่าสนใจมาให้อ่านกันเกี่ยวกับกระแสข่าวที่ส่งกันตามไลน์ว่าประเทศไทยกำลังจะได้อเมริกามาตั้งฐานทัพแล้ว หลังจากเอาฮากันไปแล้ว บทความนี้จะมาดูกันแบบจริงจังว่าที่ลือ ๆ กันนั้นมันมีมูลความจริงแค่ไหน ---------------- TLDR สำหรับโควต้า 7 บรรทัด: โอกาสในปัจจุบันยังต่ำมาก เพราะจากประวัติศาสตร์แล้วการที่ไทยจะเชิญสหรัฐฯมาตั้งฐานทัพมีปัจจัยหลัก 3 ประการคือ 1. ทั้งสองประเทศต้องเห็นภัยคุกคามร่วมกัน 2. ภัยคุกคามนั้นสูงจนรัฐไทยมองว่าอาจเป็นภัยต่อสถาบันหลักชาติ, ศาสนา, พระมหากษัตริย์ 3. ทางสหรัฐฯต้องมองเห็นประโยชน์ในแง่ภูมิศาสตร์และยุทธศาสตร์ของการมาตั้งฐานทัพในไทยด้วย ปัจจัยเหล่านี้เป็นจริงในยุคสงครามเวียดนาม แต่ไม่เป็นจริงในปัจจุบัน แม้รัฐบาลจะเปลี่ยนเป็นก้าวไกลหรือรัฐบาลจากพรรคประชาธิปไตยอื่นก็ตาม ---------------- แรกเริ่มฐานทัพสหรัฐฯในไทย ไทยเชิญสหรัฐฯมาตั้งฐานทัพในช่วงปี 1961 สมัยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่มองการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์และแนวคิดเศรษฐกิจคอมมิวนิสต์ว่าเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประกอบกับสหรัฐฯในยุคนั้นดำเนินนโยบายให้การสนับสนุนประเทศที่ถูกคุกคามจากภัยคอมมิวนิสต์ ฐานทัพสหรัฐฯแห่งแรกในไทยคือดอนเมือง จากนั้นเพื่อรองรับบทบาทที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯในเวียดนามก็ผุดฐานทัพใหม่ๆ ในภาคอีสานเพื่อรองรับการภารกิจต่าง ๆ เช่นการสอดแนมและทิ้งระเบิด ซึ่งเที่ยวบินกว่า 80% บินออกจากฐานในไทย ฐานทัพที่สหรัฐฯใช้ปฎิบัติการทั้ง 7 ฐานถือว่าเป็นของรัฐบาลไทย ผู้บัญชาการฐานทัพเป็นนายทหารไทย แต่สหรัฐฯให้เงินสนับสนุนด้านต่างๆ รวมถึงการเวนคืนที่ดินเพิ่มเติม นอกจากตั้งฐานทัพตามคำเชิญแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯยังวางรากฐานในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถาบันหลักของชาติในการต่อต้านคอมมิวนิสต์ เช่นการจัดตั้งตำรวจตระเวณชายแดน, การให้ความสนับสนุนสถาบันศาสนาผ่าน Asia Foundation, รวมถึงความสัมพันธุ์อันดีเยี่ยมระหว่างราชวงศ์ไทยและสหรัฐฯ ซึ่งนอกจากการมาเยือนในระดับประธานาธิบดีจากทั้ง Johnson และ Nixon ยังมีการเสด็จเยี่ยมทหารสหรัฐฯในไทยจากทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชการที่ 9 และสมเด็จพระบรมราชินินาถ ---------------- ปิดม่าน ความทรหดในสนามรบของเวียดนามเหนือบวกกับกระแสต่อต้านสงครามเวียดนามที่สูงขึ้นในสหรัฐฯ ทำให้หลังจากการลงนามสัญญาปารีสในปี 1973 แล้วรัฐบาล Nixon เริ่มลดกำลังทหารในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงในไทยลง ซึ่งสอดคล้องพอดีกับสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยที่เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516(1973) ขับไล่รัฐบาลจอมพล ถนอม พร้อมกับแสดงถึงความไม่พอใจขอสาธารณชนต่อสถานะของสหรัฐฯที่ถูกมองว่าเป็นนั่งร้านสนับสนุนรัฐบาลไทยด้วย เมื่อรัฐบาลเสนีย์ ปราโมทย์ ชนะการเลือกตั้งในปี 1975 จึงเปลี่ยนโยบายการต่างประเทศให้เป็นมิตรกับคอมมิวนิสต์จีนมากขึ้นเพื่อปักกิ่งลดการสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์ในประเทศไทยลง นับเป็นยุทธวิธีที่เห็นโอกาสที่เกิดจากการแตกหักในโลกคอมมิวนิสต์ระหว่างจีนกับสหภาพโซเวียต โดยสหรัฐฯเองก็ส่งประธานาธิบดี Nixon ไปเยือนจีนก่อนหน้าตั้งแต่ปี 1972 เพื่อเพิ่มสัมพันธ์เช่นกัน ไทยวางตัวเป็นอิสระบนเวทีโลกมากขึ้นเพื่อลดภาพการเป็นตัวแทนสหรัฐฯในภูมิภาค สหรัฐฯถูกขอให้ถอนทหารจากฐานทัพต่างๆ ภายในปี 1976 ซึ่งสหรัฐฯตกลงถอนทหารภายในเวลาที่กำหนดรวมถึงยกสิ่งปลูกสร้างและยุทโธปกรณ์ที่ขนย้ายลำบากให้กับทางการไทย แต่วิธีการบริหารภัยคุกคามคอมมิวนิสต์ของรัฐบาลเสนีย์ถูกกลุ่มอนุรักษ์นิยมในประเทศบางส่วนมองว่าอ่อนปวกเปียกและมีความชะล่าใจมากเกินไป มีความพยายามเรียกร้องให้สหรัฐฯชะลอแผนถอนทหารลงแต่ไม่เป็นผล ซึ่งความกระวนกระวายนี้เป็นหนึ่งในปัจจัยที่นำไปสู่เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 (1976) ในเวลาต่อมา ในตอนนั้นแม้สหรัฐฯจะถอนกำลังจากไทยไปหมดแล้วตั้งแต่มิถุนายน 1976 แต่ก็เป็นชาติแรกที่ไทยเข้าหาเพื่อให้สนับสนุนด้านภาพพจน์ของรัฐบาลที่เสียหายจากเหตุการณ์สังหารหมู่ในธรรมศาสตร์และรัฐประหารที่ตามมา ในทศวรรษต่อ ๆ มา สหรัฐฯ-ไทย ยังมีความร่วมมือหลายด้าน เช่น ด้านข่าวกรองแลกกับการใช้สถานที่ใทยสำหรับหน่วยงาน NSA, การฝึกทหารร่วมกัน และการขายอาวุธทันสมัยอย่าง F-16 ----------------- ถ้าเราย้อนกลับไปดูปัจจัยทั้ง 3 ประการข้างต้นจะเข้ามาและจากไปของฐานทัพสหรัฐฯในช่วงสงครามเย็น 1. ทั้งสองประเทศต้องเห็นภัยคุกคามร่วมกัน: สหรัฐฯและไทยเห็นคอมมิวนิสต์เป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศ แต่พอเข้ายุค 70s สหรัฐฯไม่ได้มองการลงมาต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ในเอเซียว่าเป็นเรื่องคุ้มตค่า 2. ภัยคุกคามนั้นสูงจนรัฐไทยมองว่าอาจเป็นภัยต่อสถาบันหลักชาติ, ศาสนา, พระมหากษัตริย์: ประเด็นนี้จริงในยุค 60 แต่ภายหลังปี 1973 ยุทธวิธีทางการทูตใหม่ ๆ ของรัฐบาลเสนีย์ที่อาศัยการแตกกันของ จีน-โซเวียต ทำให้การมีอยู่ของฐานทัพเป็นเรื่องไม่จำเป็น 3. ทางสหรัฐฯต้องมองเห็นประโยชน์ในแง่ภูมิศาสตร์และยุทธศาสตร์ของการมาตั้งฐานทัพในไทยด้วย: การทิ้งระเบิดทางยุทธวิธีในเวียดนาม ต้องอาศัยฐานบินในประเทศไทย เมื่อสงครามเวีดนามจบ จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้ฐานในไทยอีก ------------------- เข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ถ้าเราเอาปัจจัยสามข้อที่ว่ามากาง เทียบกับบริบทความขัดแย้งในเอเซียในปัจจุบัน จะพบว่าโอกาสการเชิญสหรัฐฯมาตั้งฐานทัพในไทยมีโอกาสความเป็นไปได้ต่ำ 1. ทั้งสองประเทศต้องเห็นภัยคุกคามร่วมกันหรือไม่? ปัจจัยที่จะเกิดสงครามครั้งใหม่ระหว่างจีนและสหรัฐฯคือประเด็นความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ระหว่างจีนและบางชาติใน ASEAN รวมถึงกรณีไต้หวัน ซึ่งในเรื่องนี้ไทยไม่มีส่วนได้เสีย กับพื้นที่ในทะเลจีนใต้เลย ขณะเดียวกันชาติ ASEAN เช่นเวียดนามและฟิลิปินส์ที่เพิ่มระดับความเป็นมิตรกับสหรัฐฯเป็นพิเศษในหลายปีที่ผ่านมาเพราะขัดแย้งกับจีนในเรื่องผลประโยชน์ทะเลจีนใต้ทั้งสิ้น กระทั่งประเทศเหล่านี้ก็มองความขัดแย้งของตัวกับจีนแยกกับประเด็นไต้หวัน 2. ภัยคุกคามนั้นสูงจนรัฐไทยมองว่าอาจเป็นภัยต่อสถาบันหลักชาติ, ศาสนา, พระมหากษัตริย์หรือไม่? ประเทศไทยไม่ได้มองจีนเป็นภัยคุกคามด้วยซ้ำ กระทั่งพรรคการเมืองฝั่งประชาธิปไตยอย่าง #ก้าวไกล หรือ #เพื่อไทย ก็มองผลประโยชน์ด้านการค้าและการท่องเที่ยวกับจีนเป็นหลัก ยังไม่มีคำพูดจากผู้สมัครพรรคการเมืองคนไหนเลยที่บอกว่าไทยต้องลดระดับความสัมพันธ์กับจีนหรือสหรัฐฯ การยกตัวอย่างกรณี รัสเซีย-ยูเครน ก็เป็นการเทียบที่ไม่เข้าท่า เพราะในขณะที่รัสเซียมีมายาคติเชื่อว่าประเทศตนเองจะเป็นจักรวรรดิยิ่งใหญ่ในยูเรเซียได้ต้องมียูเครนเป็นบริวาร ไทยไม่ได้ถูกมองแบบนั้นในจินตนาการของทั้งจีนหรือสหรัฐฯ ถ้าเทียบในบริบท รัสเซีย-ยูเครน ไต้หวันต่างหากที่พอจะเข้าข่าย เพราะการยึดไต้หวันคือการปิดฉากสงครามกลางเมืองจีนอย่างสมบูรณ์ 3. ทางสหรัฐฯมองเห็นประโยชน์ในแง่ภูมิศาสตร์และยุทธศาสตร์ของการมาตั้งฐานทัพในไทยไหม? ถ้าเราดูแผน Army 2030, Marine 2030 ซึ่งเป็นการออกแบบกำลังของสหรัฐฯในยุคทศวรรษหน้า จะเห็นว่าไทยไม่ได้อยู่ในแผนการวางกำลังเลยเพราะภูมิศาสตร์ประเทศอยู่ห่างจากสนามรบในทะเลจีนใต้ค่อนข้างมาก คนละเรื่องกับสมัยสงครามเวียดนามที่อยู่แทบจะติดกับพื้นที่การรบ รายงาน U.S. Ground Forces in the Indo-Pacific: Background and Issues for Congress ที่ทำโดยสภาคองเกรสเมื่อปีที่แล้ว มีพูดถึงแผน Army 2030 กับ Marine 2030 ไม่ได้พูดถึงความเป็นไปได้ในการตั้งฐานทัพในไทย แต่มีการระบุเรื่องย้ายหน่วย Marine 3rd Expeditionary Force จากโอกินาว่าไปเกาะกวม รายงาน Indo-Pacific Deterrence and the Quad in 2030 ที่จัดทำโดยเพนตากอนในปี 2021 มีการพิจารณาเรื่องการตั้งฐานทัพใหม่ ๆ ให้กระจายไปตามเกาะต่างๆ ของมหาสมุทร Pacific เพื่อลดอันตรายจากการโจมตีจากจีน รวมถึงระบุแนวทางการตั้งฐานทัพร่วมกับพันธมิตร QUAD (สหรัฐฯ-อินเดีย-ออสเตรเลีย-ญี่ปุ่น) โดยมีเกาะ Nicobar ในทะเลอันดามัน ซึ่งมีประโยชน์ในการสกัดกั้นเส้นทางขนถ่ายน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซียไปยังจีน และฐานทัพในออสเตรเลียเพราะอยู่นอกระยะทำการ 4,000 กิโลเมตรของขีปนาวุธ DF-26 อาวุธใหม่ ๆ ที่สหรัฐฯทำการวิจัยอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ Hypersonic, จรวด PrSM Inc 4 พิสัย 1,000 กิโลเมตรที่ใช้กับ HIMARS, เรือดำน้ำนิวเคลียร์ที่สร้างให้ออสเตรเลียร่วมกับกลุ่ม AUKUS รวมถึงอาวุธพิสัยไกลปล่อยเป็นฝูงได้จากเครื่องบินขนส่ง C-130 ชี้ไปยังแผนยุทธศาสตร์ที่มีศูนย์กลางเป็นมหาสมทุรแปซิฟิก, การหยุดยั้งการข้ามช่องแคบไต้หวันและการปิดเส้นทางเดินเรือทางทะเลจีนเป็นหลักโดยไม่พึ่งพาฐานทัพที่อยู่ในระยะโจมตีจากจีนมากเกินไป สหรัฐฯสามารถสกัดกั้นจีนได้มีประสิทธิภาพกว่า ด้วยความช่วยเหลือของประเทศเป็นมิตรอย่างฟิลิปินส์และเวียดนามที่มองจีนเป็นภัยคุกคามจากกรณีทะเลจีนใต้ รวมถึงมีภูมิศาสตร์ที่อยู่ใกล้กับแนวรบพอดี ------------------ ด้วยปัจจัยทั้งสามอย่างแล้วเราจึงสรุปได้ว่าความเป็นไปได้ที่ไทยจะเชิญสหรัฐฯมาตั้งฐานทัพมีต่ำมาก แต่ทุกอย่างก็เป็นไปได้ ผู้เล่นในภูมิภาคไม่ได้มีเพียงไทยหรือสหรัฐฯเท่านั้น การเคลื่อนไหวของจีนและประเทศอื่นๆ ใน ASEAN สามารถส่งผลให้ปัจจัยข้อ 1,2 เปลี่ยนไป เช่นหากจีนต้องการกดดันให้แน่ใจว่าไทยจะวางเฉยด้วยการขยายฐานทัพเรือในกัมพูชา, สนับสนุนท่าทีของกัมพูชาให้ก้าวร้าวกับไทยมากขึ้น หรือใช้พม่ากดดันไทยผ่านทะเลอันดามัน การประเมินภัยคุกคามของไทยก็อาจเปลี่ยนไปและเป็นปัจจัยให้เชิญสหรัฐฯเข้ามาตั้งฐานทัพได้เช่นกัน ในอนาคตที่ไม่แน่นอนการวางยุทธศาสตร์และการจัดซื้ออาวุธของประเทศจึงควรมีภาพที่ชัดเจนว่าจะสงครามจะเกิดอย่างไร, ที่ไหน และบทบาทของไทยเพื่อป้องกันการเกิดสงครามคืออะไร หากเกิดสงครามคืออะไร? ในฐานะประชาชน เราไม่ควรตื่นตูมกับข่าวประเภทนี้แต่ควรพยายามเข้าใจบริบทในอดีตและเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างไม่ใช้อารมณ์ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อผู้ที่มีเป้าหมายทางการเมืองได้https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0EW5mpomMTGW6KpnPN7DaixNzTukfdL3M3AZ3t5CVx7AXWveWGChjAsyCxXgvjRG6l&id=100047386231809&sfnsn=mo&mibextid=jf9HGSข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอย่าแชร์! กรมศุลกากร ขายเครื่องวัดอุณหภูมิ เป็นข่าวปลอมจากกรณีที่มีเพจใช้ชื่อกรมศุลกากร ขายเครื่องวัดอุณหภูมิ โดยระบุว่า ศุลกากรสนามบินกรุงเทพยึดปืนวัดอุณหภูมิจำนวนมาก ตอนนี้ขายต่ำกว่าราคาตลาดในเวลาปัจจุบัน ทางกรมศุลกากรได้ชี้แจงถึงประเด็นนี้ว่า ไม่เป็นความจริง โดยได้แจงรายละเอียดเป็น 3 ประเด็น ได้แก่ 1. การประกาศขายเครื่องวัดอุณหภูมิตามเพจดังกล่าว ไม่ใช่เครื่องวัดอุณหภูมิที่กรมศุลกากรได้ทำการยึดไว้แต่อย่างใด เนื่องจากการดำเนินงานในปัจจุบัน เมื่อกรมศุลกากรตรวจยึดเครื่องวัดอุณหภูมิไว้แล้ว จะต้องส่งมอบให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ (ศบค.) ของรัฐบาล โดยไม่มีการจำหน่ายตามสื่อออนไลน์ 2. ภาพที่ทางเพจดังกล่าวได้นำมาใช้นั้น ไม่ใช่ภาพจากกรมศุลกากร 3. เพจดังกล่าว ไม่ได้เป็นสื่อภายใต้การกำกับดูแลของกรมศุลกากร และมีการนำตราสัญลักษณ์ (โลโก้) ของโครงการที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานของกรมศุลกากรไปใช้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และหาผลประโยชน์ทางธุรกิจซึ่งถือเป็นการหลอกลวงประชาชนโควิด 2019naydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยตร.เตือนภัยมิจฉาชีพปลอมเว็บไซต์รับแจ้งความออนไลน์ลวงว่าสามารถนำเงินกลับคืนมาได้วันที่ 27 ส.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่ สอท.พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. กล่าวว่าได้รับรายงานจากระบบศูนย์บริหารการแจ้งความออนไลน์ พบผู้เสียหายหลายรายแจ้งความออนไลน์ว่าก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายได้ถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้โอนเงินในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการถูกหลอกลวงให้ซื้อสินค้าหรือบริการออนไลน์ การถูกหลอกลวงให้กู้เงิน การถูกหลอกลวงให้ลงทุน หรือการถูกหลอกลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันควบคุมโทรศัพท์ ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ผู้เสียหายจึงได้ใช้คำว่า “ แจ้งความออนไลน์ ” เป็นคีย์เวิร์ด (Keyword) ในการสืบค้นข้อมูลผ่านเว็บไซต์ค้นหา (Search Engine Site) ยอดนิยมต่างๆ เช่น Google.com, Bing.com เป็นต้นชุมพล ศรีสมบัติ• 2 ปีที่แล้วmeter: mostly-false--middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยออมสินปล่อยเงินกู้มิจฉาชีพอ้างปล่อยเงินกู้ ห้ามหลงเชื่อSasikan Mueankaeo• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยปัสสาวะดื่มแล้วรักษาโรคได้จริงหรือไม่มีเว็บหนึ่งบอกว่าปัสสาวะนั้นสามารถดื่มได้และรักษาโรคได้ แต่บางเว็บบอกว่าไม่สามารถรักษาได้อาย• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยโจรไซเบอร์ ปั่นข่าวปลอมออมสินปล่อยสินเชื่อปลอดดอกเบี้ยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ออกโรงเตือนประชาชนระวังโจรไซเบอร์ หลังข่าวปลอมสัปดาห์ล่าสุด ประชาชนแห่สนใจเรื่องการกู้เงินออนไลน์ให้วงเงินสูง ปลอดดอกเบี้ย หลังมิจฉาชีพปลอมตัวเป็นธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อเงินกู้ฉุกเฉิน ขณะที่ข่าวปลอมครม. อนุมัติถอนเงินชราภาพได้ก่อน 30% กดรับสิทธิ์ผ่านลิงก์ ขึ้นแท่นข่าวปลอมที่คนสนใจสุงสุด ย้ำ! ต้องมีสติ ตรวจสอบข้อมูลให้ครบทุกด้าน อย่าหลงเชื่อจนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ดร.เวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และโฆษกกระทรวงฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ กล่าวถึง ผลการมอร์นิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 12 – 18 พฤษภาคม 2566 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 3,189,887ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 274 ข้อความ ทั้งนี้ช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social listening จำนวน 240 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 34 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 189 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 85 เรื่องผู้บริโภคเฝ้าระวังแอคปลอมstd48423• 2 ปีที่แล้ว
- 3 คนสงสัยกินกัญชารักษาโรคเบาหวานคนที่ใช้ “กัญชา” ช่วยลดความเสี่ยงโรคเบาหวานไปได้ 2.7 เท่าตัว หรือ 270% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ใช้กัญชา และคนที่เป็นโรคเบาหวานจะเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งมากกว่าคนที่ไม่เป็นโรคเบาหวาน กัญชา จะมีบทบาทสำคัญในการลดหรือเลิกบุหรี่และเหล้า ซึ่งเหล้าและบุหรี่เป็นยาเสพติดตัวจริง และเป็นสาเหตุที่ก่อมะเร็งตัวจริงstd47611• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยดีอีเอส เผย “เฟคนิวส์” รอบสัปดาห์ ข่าวปลอมนโยบายรัฐบาลขึ้นอันดับ 1นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานโฆษกกระทรวงดีอีเอส กล่าวถึง ผลการมอร์นิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 5-11 พฤษภาคม 2566 ว่า พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 3,214,246 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 222 ข้อความ ทั้งนี้ ช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social listening จำนวน 195 ข้อความ ตามด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 27 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 145 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 76 เรื่อง ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มนโยบายรัฐบาล รองลงมากลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพPrimrata Armawan• 2 ปีที่แล้ว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ