(2461 ข้อความ)
- 1 คนสงสัยยาบดน้ำหนักโทษยาลดน้ำหนักสำหรับสาวๆแล้ว การมีหุ่นดีนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเลยใช่ไหมคะ แต่ก็มีสาวๆหลายคนเลือกใช้ทางลัดในการลดน้ำหนัก โดยการเลือกใช้ยาลดความอ้วนสำหรับ.. โทษของยาลดความอ้วน เป็นความเสี่ยงของคนที่กำลังคิดจะกินยาลดความอ้วน หรือได้กินยาลดความอ้วนไปแล้ว ในส่วนของการมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น มีไขมันส่วนเกิน หรือ “กำลังอ้วน” ถ้าไม่ลดความอ้วนตั้งแต่รู้ตัว ก็จะทำให้การลดน้ำหนักเพื่อลดความอ้วนเป็นเรื่องที่ยากขึ้น ความอ้วนเป็นโรคที่มีอาการเรื้อรังไม่สามารถหายได้ภายใน 3 วัน 7 วัน เหมือนไข้หวัด การกินยาลดความอ้วนก็ไม่ใช่ทางออกที่ดี และยังมีโทษยาลดความอ้วนมากมาย นอกจากจะได้เป็นโรคอ้วนแล้ว… ยังจะได้รับโรคแทรกซ้อนที่มากมาย เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคต้อหิน โรคไขมันในเลือดสูง ล้วนแต่เป็นโรคที่อันตรายที่มาพร้อมกับความอ้วน วันนี้พรีมาแคร์เลยอยากเตือนสาวๆที่ ตัดสินใจใช้ยาลดความอ้วนมาฝากคะลดความอ้วนdiazp121phoenix• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยยาลดน้ำหนัก 1เดือน 15โล s factorเป็นยาลดน้ำหนักที่ไม่มีสารเคมี แต่ใช้สมุนไพรสารมารถลดน้ำหนักได้ 15 กิโลกรัม ใน 4สัปดาห์ความสวยความงามลดความอ้วนยาสมุนไพรPYU 7 AKASEKI_• 5 ปีที่แล้ว2 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยองค์การอาหารและยา เตือน ผลิตภัณฑ์ “KE ONE” ลวงผ่านสื่ออ้างลดความอ้วน จริงหรือคะเภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รับเรื่องร้องเรียนขอให้ตรวจสอบโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “KE ONE” ซึ่งมีการโฆษณาชวนเชื่อลดความอ้วนทางเว็บไซต์ จากการตรวจสอบพบเว็บไซต์ http://asia-tribune.com/thnews/keone/?uclick=mylprn3y แสดงภาพโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร KE ONEโดยมีการอ้างชื่อนักศึกษาหญิงชาวไทยเสนอสุดยอดความคิดให้ผู้เชี่ยวชาญวิจัยทดลองยาจนสำเร็จ และมีข้อความโฆษณา เช่น “นวัตกรรมการลดน้ำหนัก ลด 15 กก. ใน 1 อาทิตย์ ...กระตุ้นการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ ลดความอยากอาหาร กำจัดไขมันใต้ผิวหนังส่วนเกินได้ถึง 500 กรัมต่อคืน” ลวงใช่มั๊ยคะanonymous• 6 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยTheir strategy is to in the Thai Parliament then vote, and eventually take control in the Thailand politic. More donations from Saudi Arabia or other Muslim nations can easily put the greedy Thai politicians in their pockets. They will also marry non-Muslims to gain more Muslim populations. สิ้นแล้วประเทศไทย 3 (ตอนยึดไทยด้วยกฎหมาย) ณ พ.ศ.2550 เป็นต้นมา คนมุสสิมในไทยเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง และมีการขยายประชากรไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว ยิ่งเมื่อ 3 ปีให้หลังนี้ มีการนำเข้าชาวโรฮิงญา คนปากี และชาวอาหรับเข้าไทยไปซ่อนไว้ในภาคเหนือเต็มพื้นที่ไปหมด จากนั้นทางการก็จัดประชุมตำรวจทั่วภาคเหนือที่เชียงรายและเชียงใหม่ กำหนดวิธีปฏิบัติต่อคนมุสสิมต่างชาติที่เข้ามาทั้งหมด ขณะเดียวกันกรมการปกครอง ซึ่งตอนนี้คนมุสสิมเป็นอธิบดี ก็เร่งออกบัตรประชาชน ให้คนเหล่านั้นโดยด่วน โดยการสวมบัตรคนไทย ที่เขาไปหลอกเอาชื่อ ที่อยู่ ทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชนมาเตรียมไว้แล้วตั้งแต่ 3 ปีที่ผ่านมา โดยอ้างว่าจะมีเงินมาให้ฟรีๆคนละ 1 ล้านบาท ใครอยากได้ให้เอาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้านมาจองไว้ พร้อมเงิน 300 - 500 บาท ต่อคน บัตรประชาชนของคนที่ถูกหลอกเหล่านี้แหละ ต่อไปจะถูกสวมชื่อเป็นของคนมุสสิมทั้งหมด ซึ่งทุกวันนี้ ก็เห็นกันเยอะขึ้น บัตรประชาชนหน้าเป็นแขก หนวดเครารุงรัง แต่ชื่อเป็นไทย มีแทบทุกจังหวัดแล้ว และเมื่อต้นปี 62 นี้ นายอำเภอที่ระนอง ึถูกศาลพิพากษาจำคุกฐานสวมบัตรประชาชนให้โรฮิงญามาแล้วเป็นตัวอย่าง ส่วนภาคเหนือ ภาคอีสาน ยังไม่มีใครร้องเรียน เพราะวิธีการแบบนี้ ปัจจุบันคนมุสสิมจึงอ้างว่า ขณะนี้คนมุสสิมในไทย ไม่ใช่ 3 % แล้วนะ แต่เกิน 10 % แล้ว เรื่องทั้งหลายเริ่มชัดเจนขึ้นตั้งแต่ปี 2559 เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ผ่าน พรบ.ให้พิธีฮัจย์ไปสังกัดกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ทำให้ต่อไปทุกอำเภอต้องมี กองกิจการฮัจย์ ประจำอยู่ทุกแห่ง คิดดูว่า ถ้าแต่ละอำเภอ ต้องมีคนมุสสิม ประจำอยู่แห่งละ 5 คนจะใช้งบประมาณอีกเท่าไร ซึ่งงานแต่เดิมมีแค่ส่งคนไปฮัจย์ แต่ต่อไปจะมีงานเพิ่มมาถึง 9 อย่าง เช่น จัดส่งนักศึกษามุสสิมเข้าเรียนฟรี ตามมหาวิทยาลัยของรัฐ และต่างประเทศ เป็นต้น ในขณะเดียวกัน พรบ. บริหารองค์กรศาสนาอิสลๅม 2540 ก็ให้อำนาจคณะกรรมการอิสลๅม แห่งประเทศไทย เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ จังหวัดไหนมีมัสยิดครบ 3 แห่งแล้ว ให้ตั้งคณะกรรมการอิสลๅมเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าในจังหวัดนั้นๆเลย 9 - 30 คน ถ้ายังไม่มี ให้คณะกรรมการอิสลๅมกลางเป็นที่ปรึกษาแทนไปก่อน เพราะแบบนี้ไง จึงทำให้มีการเร่งสร้างมัสยิดทั่วประเทศ และมีชาวพุฑธออกมาต่อต้านกันใหญ่ คิดดูว่า ผู้ว่าคนเดียว แต่อิสลๅม 9-30 คน นั่งล้อมจะทำอะไรได้ นโยบายก็ต้องส่งเสริมอิสลๅมล้วนๆ งานนี้ แต่สิ่งเป็นรากแก้วให้อิสลๅมมั่นคงนั้น ไม่ใช่แค่กฎหมาย แต่เป็นยุทธศาสตร์ฮาลาล ซึ่งรัฐบาลประยุทธ์ได้อนุมัติเงินกว่า 7,900 ล้าน และก่อนหน้านี้ 2,900 ล้านให้หน่วยงานรัฐรณรงค์ และบังคับให้ทุกบริษัทที่ผลิตสินค้า ประเภทอาหาร ยา เครื่องสำอาง และเครื่องอุปโภคทุกชนิด ต้องติดและเสียเงินค่าฮาลาล ให้กับคณะกรรมการอิสลๅมกลาง และอิสลๅมประจำจังหวัด ซึ่งเงินเหล่านี้ (ตอนนี้ยังผิดกฎหมายอยู่) เป็นเม็ดเงินมหาศาลในแต่ละปี โดยที่คนมุสสิมไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แต่สามารถเก็บเงินค่าฮาลาล ได้ทุกบริษัทในประเทศไทย และต่อไปมีแผนให้เกษตรกรทุกพื้นที่ต้องติดฮาลาล ในการทำนา ทำไร่ ทำสวน ทุกแห่งด้วย รวมไปถึงการขนส่งทุกชนิด ต้องเสียเงินค่าขนส่งฮาลาล ที่ได้ยินกันว่า โลจิสติกส์ฮาลาล โรงพยาบาลฮาลาล โรงแรมฮาลาล ประกันภัยฮาลาล สรุปว่า ทุกอย่างต้องเสียฮาลาลทั้งหมด เงินค่าฮาลาลเหล่านี้จะมากกว่า เงินภาษีที่รัฐเก็บได้ แต่ละปี และใช้กันเฉพาะให้กลุ่มคนมุสสิม คิดดูว่าถ้ายุทธศาสตร์นี้ได้ผลเต็มรูปแบบ คนมุสสิมจะเก็บเงินภาษีฮาลาลจากคนไทยทั้งประเทศได้มากกว่า 2 ล้านล้านบาทต่อปี 35 = 70,000 ล้าน ยอมรับเฉพาะส่วนที่เก็บจากสินค้าส่งออก แต่ไม่พูดถึงที่เก็บจากสินค้าในไทย)(ขณะนี้คาดว่า ได้กว่า3 แสนล้านบาทต่อปี แต่เขายอมรับเพียง 70,000 ล้านบาทต่อปี (2,000 ล้าน US /ปี แล้วเงินเถื่อนๆ เหล่านี้จะซื้ออะไรได้บ้างในประเทศนี้ อย่าว่าแต่ซื้อข้าราชการเลย ซื้อประเทศไทยทั้งหมดก็ยังเหลือเฟือ เพราะเก็บได้ทุกปีไม่มีหมด และตอนนี้ก็กำลังกว้านซื้อกันขนานใหญ่ ในอีกยุทธศาสตร์หนึ่ง คือ การส่งนักศึกษามุสสิมเข้าเรียนฟรีในสถานศึกษาของรัฐทั้งใน และต่างประเทศ ด้วยงบประมาณของรัฐฟรี ไม่เฉพาะสาขาวิชาทั่วไป แม้แต่นายร้อยทหาร นายร้อยตำรวจ สาขาแพทย์ศาสตร์ ก็ให้สิทธิพิเศษแก่นักศึกษามุสสิมเข้าฟรีได้ ที่เห็นประจักษ์ที่สุด คือ คนที่เรียกตัวเองว่า หมอ แต่ไม่เคยได้รักษาคนเลย เช่น หมอ แมะno หมอแว ฯลฯ คนเหล่านี้ได้ช่องทางพิเศษแบบนี้ แต่ศักยภาพไม่มีจึงไม่กล้ารักษาใคร และ ไม่มีโรงพยาบาลไหนรับให้เป็นหมอจริงๆ นโยบายนี้ เริ่มมาตั้งแต่สมัยเปรม ปี2513-14 เรียกว่า นโยบายช้างอารี จนถึงปัจจุบัน และมีหน่วยงานรัฐทั้งสิ้น 22 หน่วยงานในการดูแลตลอดจบการศึกษา หลังจบแล้วก็มีหน่วยงานส่งต่อจนเข้าทำงานในหน่วยงานรัฐได้สำเร็จ และกันหน่วยงานพิเศษรอไว้ให้คนมุสสิมเหล่านี้ด้วย ในกระทรวงหลักๆ ดังนั้น เราจึงเห็นว่าทุกสถานที่ราชการ มีคนมุสสิมคุมหัวไปแทรกอยู่ทุกแห่ง สิ่งที่แย่ที่สุด คือ เข้าไปแทรกอยู่ในสำนักงานพระพุฑธศาสนาทั้งส่วนกลาง และต่างจังหวัด หรือแม้แต่มหาวิทยาลัยพุฑธโลก และที่แย่หนักเข้าไปอีก ปี 57 และ 59 นี้ รัฐบาลประยุทธ์ออกกฎกระทรวงให้สำนักพุฑธส่งข้อมูลภายในออกไปยังหน่วยราชการอื่น จึงไม่เหลืออะไรเป็นความลับของตัวเองเลย จากนั้นสภาปฏิรูปประเทศ(สปท) ออกมาระบุต้องรื้อถอนวัด 37,000 แห่งทั่วประเทศ เป็นต้นเหตุให้มีการเล่นงานพระสงฆ์กันขนานใหญ่อยู่ทุกวันนี้ นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายอิสลๅมอีกนับ 10 ฉบับ ที่จะทยอยบังคับใช้ทั่วประเทศ ถ้าสถานการณ์ เป็นไปอยู่แบบนี้ คนไทยทุกคนให้สำนึกเลยว่า พวกคุณเสียชาติเกิดจริงๆ ที่ไม่สามารถรักษามรดกที่บรรพบุรุษรักษาไว้ให้ อย่างน่าละอายใจยิ่ง : 18 พ.ค.62 คนส่งมา -----------ข่าวการเมืองภาคใต้ผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย#วิถีปัจจุบัน ของ ดร.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล บุคลิกภาพอย่างผมมันเข้ากันไม่ได้กับเศรษฐกิจฟองสบู่ ... มันเข้าไม่ได้กับระบบที่แข่งขันเอารัดเอาเปรียบ เพราะเราเชื่อเรื่องความสมถะสำรวม เชื่อเรื่องแบ่งปันช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เพราะฉะนั้น ... จึงเกิดสภาพที่เรารู้สึกถูกกดดันและถูกตามล่าตามล้าง รู้สึกแปลกแยก โดดเดี่ยว คิดอะไรไม่เหมือนเพื่อนพ้องคนรอบข้าง ไม่ว่าเราจะอยู่ตรงไหน เหมือนกับว่า เราไม่เคยพบกับการต้อนรับที่ดี เราเข้ากับเขาไม่ได้ สิ่งเหล่านี้ ... นำพาผมมาถึงจุดที่รู้สึกเหนื่อยล้าหมดแรงอย่างยิ่ง กระทั่งนำไปสู่ชีวิตส่วนตัวที่ล้มเหลว ::::::::::::::: หลัง ๒๕๔๐ ไม่นาน ... ผมกับภรรยาได้แยกทางเดินกัน แม้เราจะไม่ได้โกรธเกลียดกัน และเพียงเปลี่ยนความสัมพันธ์จากคู่ครองมาเป็นเพื่อน แต่มันก็สั่นคลอนความรู้สึกนึกคิดของผมอย่างถึงราก ตอนนั้น ผมเริ่มเข้าสู่วัย ๕๐ กว่าแล้ว ... ผมต้องถามตัวเอง ว่าจะยืนต้านกระแสหลักในสังคมแบบที่ผ่านมา แล้วสะสมความเจ็บปวดขมขื่นต่อไป หรือ ควรเปลี่ยนมุมมองและพฤติกรรมเสียใหม่ เพื่อให้มีชีวิตอยู่ได้ มีหนทางไหนบ้าง ที่เราไม่ต้องทุกข์ทรมานขนาดนี้ ... ขณะเดียวกัน ก็ไม่ต้องยอมเป็นส่วนหนึ่งของโลกที่เราไม่เห็นด้วย ในช่วงนี้ ... ผมได้ลงลึก สำรวจวิจารณ์ตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย และในที่สุดก็ค้นพบว่า #มีอะไรบางอย่าง_ไม่ถูก_ในวิธีคิดของผมเอง ::::::::::::::: ประการที่หนึ่ง : ที่ผ่านมา ผมยึดถือในการต่อสู้ และมองโลกเป็นความขัดแย้ง มากเกินไป ที่ทางธรรมะเขาเรียกว่า ทวินิยม (Dualism) เห็นว่า ทุกอย่างดำรงอยู่เป็นคู่ มีดีมีชั่ว มีขาว มีดำ แล้วก็ ไปยืนเลือกข้างใดข้างหนึ่งอยู่ตลอดเวลา ต่อสู้กันมาก ก็เหนื่อยมาก ตัวผมเอง ทั้งถูกทำร้าย และทำร้ายผู้อื่น มาอย่างต่อเนื่อง ประการที่สอง : ผมเริ่มมองเห็นว่า อะไรหลายๆอย่างที่ผมยึดถือ เป็นเรื่องที่ผมคิดไปเอง เป็นอัตวิสัย ที่โลกเขายังไม่พร้อมจะเห็นด้วย เราพยายามเอาตัวเองไปบังคับโลก เมื่อไม่ได้ดังใจ ก็ผิดหวังเศร้าโศก แล้วยังโดนเขาตอบโต้มาแรงๆ เพราะฉะนั้น `เหตุแห่งทุกข์´ จึงอยู่ในอัตตาของเราเอง ไม่ว่าจะเรียกมันว่า ... อุดมคติ หรือ อุดมการณ์ อะไรก็ตาม การวิจารณ์ตัวเองในลักษณะนี้ ได้พาผม ย้ายความคิดจากทางโลกมาสู่ทางธรรมมากขึ้น แบบรู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้าง ::::::::::::::: แต่ นั่นยังไม่มีผลเปลี่ยนแปลง เท่ากับประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ ที่เกิดขึ้นระยะนั้น ประสบการณ์ดังกล่าว มีพลังมากกว่าเหตุผลและความคิดใดๆ พูดให้ชัดขึ้นก็คือ ความเจ็บปวด กับชีวิตมาก ทำให้ผมใช้วิธี ตัดตัวเองออกจากอดีตและอนาคต #ทำให้ผมอยู่กับปัจจุบันขณะ ซึ่ง ถ้าพูดในภาษาธรรมเวลานี้ ผมรู้แล้วว่ามันคือ ... สมาธิ แต่ตอนนั้น ผมไม่รู้ว่าคืออะไร รู้แต่ว่าสบายใจ โปร่งโล่งไปหมด อยู่กับปัจจุบันขณะ มันทำให้เรา ปลดแอกตัวเรา ออกจากภาระทางจิต ที่เราแบกมาตลอดว่า เราเป็นใคร มาจากไหน เคยผ่านอะไรมาบ้าง ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เราปลดออกหมด เรียกว่า #ปลดแอกจากอัตตา ::::::::::::::: ในตอนแรก ... ผมทำสิ่งนี้ไป เพื่อหาทางดับทุกข์ด้วยตัวเอง โดยไม่มีทฤษฎีอะไรชี้นำ แต่ว่า ทำแล้ว รู้สึกว่ามันช่วยให้อยู่รอดในช่วงที่เราอาจจะอยู่ไม่รอด ... ก็เลยยึดไว้เป็นแนวทาง #พอไม่คิดว่าตัวเองเป็นใคร #ความรู้สึกทุกข์ร้อนมันหายไปมาก ข้อแรก ... ไม่เดือดร้อนว่า คนอื่นจะมองเราอย่างไร ข้อสอง ... ไม่มีความเห็นว่าโลกและชีวิต ควรจะเป็นอย่างไร เราไม่มีข้อเรียกร้อง ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น เช่นเดียวกับการที่เรา ไม่เอาอดีตมากลุ้ม และไม่เอาอนาคตมากังวล มันทำให้เรา ไม่มีสิ่งที่ผิดหวัง ไม่มีสิ่งที่เสียใจ ผมทำอย่างนี้อยู่พักใหญ่ ทีแรกก็เหมือนกับหลอกตัวเอง ด้วยการปิดกั้นความทุกข์โศก ไม่ให้มันเข้ามาในห้วงนึก แต่ พอทำไปมากขึ้น ปรากฏว่า มันเกิดการเปลี่ยนแปลงทางจิตขึ้นมา โดยไม่ได้คาดฝัน คือตื่นขึ้นมาวันหนึ่ง ผมรู้สึกมีความสุขอย่างไม่มีเหตุมีผล ผมรู้สึกได้ว่า ความสุขมันมาจากข้างใน มันอยู่ในตัวผม เป็นความปลื้มปีติอะไรบางอย่าง ที่ไม่เกี่ยวกับโลกภายนอกเลย #เรื่องราวทุกข์โศกที่เคยมีมาดูเหมือนจะหายไปหมด ::::::::::::::: จากนั้น ความรู้สึกที่ผมมีต่อโลกรอบๆตัว ก็เปลี่ยนไปด้วย ผมเริ่มไปนับญาติกับต้นไม้ จิ้งจก นก หนู กระรอก ผมพูดกับพวกเขา เหมือนเป็นคนด้วยกัน ทำร้ายเขาแบบเดิมๆ ไม่ได้ กระทั่งมด ผมก็ไม่ฆ่า จิ้งจกตกไปในโถส้วม ก็คอยช่วย มดมาขึ้นชามอาหารที่ผมให้หมา ผมต้องเคาะออก ไม่เอาน้ำราดลงไป ทั้งหมดนี้ มันเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ มันรู้สึกขึ้นมาเองว่า ไม่อยากทำร้ายชีวิตใดๆ ผมแปลกใจมาก เพราะว่าเดิม เป็นคนที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมาเยอะ เป็นคนที่ทำบาปมาเยอะมาก วันดีคืนดี พบตัวเอง มีจิตใจแบบนี้ มันอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน ว่าเป็นไปได้อย่างไร ::::::::::::::: แล้วที่สำคัญก็คือ #ในความเบิกบานจากข้างในนี้ #ผมเลิกรู้สึกพ่ายแพ้ขมขื่นกับชีวิตโดยสิ้นเชิง ผมไม่รู้สึกว่า ตัวเองมีอะไรน่าสงสาร ไม่ทุกข์ร้อน ที่เคยแพ้สงครามปฏิวัติ หรือมีปัญหาส่วนตัวอะไรทั้งสิ้น เป็นครั้งแรก ... ที่ผมมองอดีตของตัวเองได้ทุกเรื่อง ด้วยความรู้สึกนิ่งเฉย สิ่งเหล่านี้ มันทำให้ผมค้นพบว่า ... ชีวิตทุกข์สุข ขึ้นอยู่กับมุมมองมากทีเดียว และบ่อยครั้ง เรามักเอาความคิดสารพัดไปปรุงแต่งมัน จนรกรุงรังไปหมด กระทั่ง หาแก่นแท้ไม่เจอ บางคน ยึดติดเงื่อนไขภายนอก โดยเฉพาะเงื่อนไขทางวัตถุและการชื่นชมของสังคม ก็หลับหูหลับตาหาแต่วัตถุและการยอมรับของคนอื่น บางคน อย่างผม ไม่ยึดถือวัตถุ มากเท่ากับยึดติดในอุดมคติต่างๆ ก็ทำให้เกิด อารมณ์ทางลบสูงมาก เราจะต้านทุกอย่าง ที่ไม่เป็นไปตามคิด ผูกตัวเองไว้กับตัวความคิด แล้วหลงความคิด จิตใจก็มีแต่ว้าวุ่น ฟุ้งซ่าน ทะเลาะเบาะแว้ง ทุกข์ร้อนอยู่ตลอดเวลา ::::::::::::::: ท้ายที่สุดแล้ว ... ผมคิดว่าชีวิตที่จะให้ความสงบแก่คุณได้ #คือชีวิตที่ไม่มีจุดหมายกดทับ #ไม่มีอุดมคติเป็นเครื่องร้อยรัด #แต่เป็นชีวิตที่มีมรรควิถี ผมเคยเขียนว่า ... แต่ละก้าวที่คุณก้าวไป มันสำคัญกว่าจุดหมาย คุณเป็นหนึ่งเดียวกับ ก้าวนั้นหรือเปล่า ถ้าคุณเป็นหนึ่งเดียวกับก้าวนั้น วันนี้ คุณพบตัวเองแล้ว แต่ละนาทีที่ผ่านไป ก็ครบถ้วนแล้ว แต่ ถ้าคุณขัดแย้งกับปัจจุบันขณะของคุณอยู่ตลอดเวลา ตัวทำอย่างหนึ่ง ใจอยากทำอีกอย่างหนึ่ง คุณจะมีแต่ความทุกข์ ... นั่นคือชีวิตของคนในโลกปัจจุบัน? #จากนิตยสารปาจารยสาร (ฉบับที่ 2 ปีที่ 31 ตุลาคม-พฤศจิกายน 2549 ) วิถีธรรมวิถีทาง ของ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล #ข้อมูลเพิ่มเติมจากWikipedia ท่านเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ด้านเรื่องสั้น สารคดี นวนิยาย กวีนิพนธ์ เป็นอดีตผู้นำนักศึกษาในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เป็นนักเขียน "รางวัลศรีบูรพา" ในปี พ.ศ. 2546 เคยเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 โดยมีชื่อจัดตั้งว่า "สหายไท" ในช่วง พ.ศ. 2518 - พ.ศ. 2523 ขอคัดลอกมานำเสนอ เพื่อเป็นมุมมองสำหรับผู้ที่กำลังค้นหาคำตอบให้กับตนเอง ด้วยประสบการณ์ตรงจากนักต่อสู้ทางการเมือง ผู้ที่ถือว่ามีความปราดเปรื่องท่านหนึ่ง ว่าที่สุดแล้ว สิ่งที่ท่านได้ค้นพบและเป็นความจริงแท้ คืออะไร? ไพโรจน์ จีรบุณย์ สถาปนิก เพื่อสังคม 17 ตค 2563ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว. กลาโหม สมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อย่างเป็นทางการ อาสานำพาประเทศไทยไปต่อ ท่ามกลางมวลชนสมาชิกพรรคที่มาร่วมงานที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่พรรคอ้างว่า มีมากกว่าเรือนหมื่นคน การประชุมใหญ่วิสามัญของพรรค รทสช. ครั้งที่ 1/2566 วันนี้ (9 ม.ค.) พล.อ. ประยุทธ์ เดินทางมาถึงที่ประชุมด้วยรถเบนซ์สีดำส่วนตัว ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชน ก่อนลงนามสมัครเข้าเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการ พร้อมเปลี่ยนเสื้อแจ็คเก็ตสีขาว คาดแถบธงชาติของพรรค รทสช. "เป็นครั้งแรกในชีวิตของผมในการสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมือง" พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวตอนต้น และยอมรับว่า "ตื้นตันใจ และไม่เคยตื่นเต้นกับอะไรมาก่อน" เช่นวันนี้std46461• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยยาลดความอ้วนกินแล้วปวดหัวตั๋งหน้าติ๋ม จิ๋มหลงไหล• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยข่าวลึกปมลับ : บิ๊กตู่ลุยเต็มสูบ เปิดคิวยุบสภาต่อจากนี้ ให้จับตา บิ๊กตู่ อาจมีตำแหน่งการเมืองในพรรครวมไทยสร้างชาติ ตามมาแน่นอน อาจไม่ได้มีตำแหน่งแบบเป็นทางการ ตามพรบ.พรรคการเมือง แต่เป็นลักษณะตำแหน่งลอย แต่มีอำนาจเต็ม กำหนดทิศทางพรรคได้ เช่นประธานพรรค หรือประธานที่ปรึกษาพรรค เป็นต้น ความเคลื่อนไหวอีกหนึ่งเรื่องใหญ่ ที่ต้องติดตามคือการใช้อำนาจที่มีแค่นายกรัฐมนตรีคนเดียวเท่านั้นที่มีอำนาจนี้คือ การยุบสภาฯ ซึ่งถึงตอนนี้ ทุกฝ่ายในแวดวงการเมืองเชื่อว่า พลเอกประยุทธ์คงยุบสภาฯแน่นอน ไม่อยู่จนครบเทอม ไปถึง 23 มีนาคม เพียงแต่ว่าจะยุบช่วงไหนเท่านั้น จะยุบในช่วงก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ 28 กุมภาพันธุ์ หรือจะยุบหลังจากนั้น คือช่วง 1-23 มีนาคม ที่ผลของการยุบก่อนหรือหลัง 28 กุมภาพันธุ์ ก็จะทำให้ การเลือกตั้งเกิดขึ้นก่อนหรือหลังวันสงกรานต์ แต่กระแสเสียงการเมือง ส่วนใหญ่ประเมินว่าน่าจะยุบสภาหลัง 28 กุมภาพันธ์ เพื่อให้ไปจัดเลือกตั้งหลังสงกรานต์ ทฤษฏีความเชื่อดังกล่าว ยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้นเมื่อ ปรากฏว่า ในงาน เปิดตัว บิ๊กตู่เข้ารวมไทยสร้างชาติ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เจ๊โอ๋ รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ที่ไปร่วมงานด้วย และเตรียมลาออกจากส.ส.ไปอยู่กับรวมไทยสร้างชาติ ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น พร้อมกับส.ส.ประชาธิปัตย์อีกจำนวนหนึ่ง ที่ผ่านมา เจ๊โอ๋ ถือว่ารู้ข่าวอินไซด์ ของรวมไทยสร้างชาติและพลเอกประยุทธ์ ดีอยู่แล้วว่า จะตัดสินใจทางการเมืองอย่างไร ก็ให้สัมภาษณ์ในงานดังกล่าวว่า จะยังทำหน้าที่ส.ส.ต่อไป และจะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์หลังนายกฯยุบสภาฯ เพราะยังย้ายมาได้ทัน จุดนี้ยิ่งตอกย้ำว่า กลุ่มส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่จะย้ายมารวมไทยสร้างชาติ คงรู้แน่ชัดแล้วว่า บิ๊กตู่จะยุบสภาช่วงไหน จึงไม่จำเป็นต้องรีบลาออก เพราะหากยุบสภาฯ เรื่องการสังกัดพรรคการเมืองที่จะลงเลือกตั้ง ก็จะเหลือแค่ต้องสังกัดพรรคอย่างน้อย 30 วันนับถึงวันเลือกตั้ง ย่อมทันอยู่แล้วเพราะการเลือกตั้งหากยุบสภา ต้องจัดเลือกตั้งภายใน 45-60 วันเรียกได้ว่า เหลือๆ มันก็เหลือแค่คอยดูว่า พลเอกประยุทธ์ จะยุบสภาช่วงไหนเท่านั้น ในทางการเมือง เชื่อได้ว่า หาก พลเอกประยุทธ์ เห็นว่า รวมไทยสร้างชาติ พร้อมที่สุดแล้วสำหรับการลงทำศึกเลือกตั้ง ก็คงพร้อมยุบสภา แต่หากเห็นว่ายังไม่พร้อม คงพยายามลากยาวให้นานที่สุด แต่ไม่เกิน 23 มีนาคม ทีเป็นเดดไลน์สุดท้าย การกดปุ่มยุบสภา ดังกล่าว ในทางข้อกฎหมาย ก็ต้องมีองค์ประกอบรองรับด้วย ที่ก็จะมีสองปัจจัยสำคัญคือ หนึ่ง ต้องมีการโปรดเกล้าฯ ร่างพรบ.พรรคการเมืองและร่างพรบ.การเลือกตั้งส.ส. ออกมาประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว ซึ่งตอนนี้อยู่ในชั้นตอนการรอโปรดเกล้าลงมาอยู่ และสองคือ ต้องให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ 400 เขต อย่างเป็นทางการ เพราะการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น เปลี่ยนจากเลือกตั้งปี 2562 เพราะต้องมีเขตเลือกตั้งเพิ่มขึ้นมา อีก 50 เขต จากเดิมตอนปี 2562 มีแค่ 350 เขตเท่านั้น โดยมีข่าวว่า อีกไม่นาน กกต.ก็น่าจะประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งทั่วประเทศออกมาแล้ว หลังสำนักงาน กกต. ได้ส่งข้อมูลเรื่องจำนวนประชากรทั่วประเทศและจำนวนส.ส.ที่แต่ละจังหวัดจะมีในการเลือกตั้ง ให้ที่ประชุมใหญ่กกต. พิจารณาเมื่อวันจันทร์ที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา เรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง ในแต่ละจังหวัด โดยเฉพาะในจังหวัดที่แข่งขันกันสูงเช่น กรุงเทพมหานคร นครราชสีมา หลายจังหวัดในภาคใต้ และภาคกลาง ต้องบอกไว้ว่า ประกาศออกมาเมื่อไหร่ได้มีเสียงโวยวาย จากพรรคการเมืองต่างๆ ตามมาแน่นอน ทำนองว่า กกต.แบ่งเขตไม่เป็นธรรม โวยว่ามีการแยกเขตรวมเขต ที่ทำให้ บางพรรคการเมืองได้เปรียบ บางพรรคเสียเปรียบ เลยไปถึงอาจอัด กกต.ว่า แบ่งเขตเพื่อช่วยพรรครัฐบาล เรื่องแบ่งเขตเลือกตั้ง เป็นที่รู้กันในทางการเมืองสำหรับนักการเมืองที่เชี่ยวกราก เจนสนามรบ ว่านี้คือ อีกหนึ่งเทคนิคการเมือง ที่อาจทำให้บางพรรคการเมือง มีโอกาสพลิกได้ส.ส.เขต ในบางจังหวัดแบบคนคาดไม่ถึง เพราะกุมความได้เปรียบเรื่อง เขตที่ตัวเองมีฐานเสียงดี มาอยู่ในเขตเลือกตั้ง ส่วนเขตที่ตัวเองฐานเสียงไม่ดี เป็นพื้นที่ของคู่แข่งขัน ได้ถูกโยกไปไว้ในเขตอื่น ทำให้คู่แข่งฐานเสียงหายไปทันทีจากผลการแบ่งเขต เรื่องแบ่งเขตเลือกตั้ง บอกไว้ล่วงหน้า มีทัวร์ลงสำนักงานกกต. แจ้งวัฒนะ แน่นอนข่าวการเมืองstd47656• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยใส่บราทุกวัน หน้าอกจะไม่หย่อนคล้อย??ใส่บราทุกวัน หน้าอกจะไม่หย่อนคล้อย Jean-Denis Rouillon ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา ชาวฝรั่งเศส ได้ศึกษาหน้าอกของผู้หญิงหลายร้อยคนในช่วง 15 ปี และพบว่าโดยทั่วไปแล้วผู้ที่ไม่สวมเสื้อชั้นในจะมีหัวนมที่สูงขึ้นและมีตำแหน่งที่ดีกว่าผู้ที่สวมใส่ทุกวัน นอกจากนี้ยังกล่าวว่าบราไม่มีความจำเป็นต่อผู้หญิงเลย เพราะไม่สามารถป้องกันหน้าอกจากความหย่อนคล้อยตามแรงโน้มถ่วง แต่กลับยิ่งทำให้หน้าอกอ่อนแอและไม่กระชับอีกด้วยภัทรลภา ปลอดขันเงิน• 2 ปีที่แล้ว
- 4 คนสงสัยแค่แปะแผ่นนี้ก็”ผอม”ได้แผ่นแปะสะดือช่วยลดไขมันจริงหรือไม่ความสวยความงามsanukulmallika• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยห้ามโอนเงินผ่านwifiสาธารณะเสี่ยงถูกแฮ็กบัญชีในพื้นที่สาธารณะจุดนี้มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากมิจฉาชีพสามารถดัดแปลงหรือสร้างwifi เพื่อให้ผู้ใช้งานเข้าถึงได้ง่ายที่สุดและนำข้อมูลของผู้ใช้งานนั้นไปใช้ในทางที่ไม่ดีหรือทำให้เสียหายได้ผู้บริโภคเฝ้าระวังjaruwan91492• 3 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยมีคนในโลกออนไลน์โพสท์ว่า ไทยขึ้นอันดับ 1 สาธารณสุขของโลก จริงหรือคะมีโพสท์ของท่านหนึ่งในเฟสบุค โพสท์ว่า ประเทศไทยขึ้นอันดับหนึ่งของโลกจาก 195 ประเทศ จริงหรือคะข่าวการเมืองสุขภาพโควิด 2019มีมanonymous• 6 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยโควิดเป็นแล้วกลับมาเป็นอีกได้หรือไม่จากกรณีข่าวของวันที่ 9เมย ที่แพทย์ตรวจพบหญิงสาวจากจังหวัดชัยภูมิ ติดเชื้อโควิดรักษาตัวหายแล้วครบ 14 วัน เมื่อเดินทางกลับภูมิลำเนา มีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว แพทย์ตรวจซ้ำพบเจอเชื้อโควิด 19 แต่ไม่มีไข้ และกรณีของคนเกาหลี เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ในวันศุกร์ (10 เม.ย.) รายงานว่า มีคนไข้ที่คิดว่าหายดีจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) กลับมีผลตรวจออกมาเป็นบวกอีกรอบ 91 คนโควิด 2019naydoitall• 6 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยขนส่งไม่สามารถจัดส่งพัสดุของคุณได้ เนื่องจากติดต่อผู้รับไม่ได้ กรุณาตรวจสอบสถานะและยืนยันการจัดส่งใหม่อีกครั้ง www.frn-line.ccแอคปลอมไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข่าวลวงโรคมะเร็งนพ.จุมพล ยังมองทิศทางของข่าวปลอมมะเร็งในปี 2564 ว่า การจะมีสมุนไพรหรืออาหารเสริมใดๆขึ้นมาอ้างสรรพคุณรักษามะเร็งยังคงเหมือนเดิม แต่วิธีการจูงใจให้ผู้หลงเชื่อเสียเงินซื้อในปัจจุบันมีรูปแบบการโน้มน้าวที่เปลี่ยนไปจากอดีตที่ผ่านมามะเร็งstd48135• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผลิตภัณฑ์ ทรีดี พรีเมียม พลัส ทูธเพสท์เป็นยาสีฟันอวดอ้างเกินความจริงว่าจัดการหินปูน ฟันเหลือง กลิ่นปาก ร้อนในและคราบบุหรี่กาแฟ ได้std48083• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยโรคมะเร็ง” ที่สุดแห่งข่าวปลอม การหลอกลวงที่เล่นกับความหวัง9 เดือนที่ผ่านมา กับการตรวจสอบข้อมูลข่าวปลอมที่ถูกนำมาแชร์บนโลกออนไลน์ของเว็บไซต์ “ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมโรคมะเร็ง” หรือ Anti Fake Cancer News (AFCN) ซึ่งสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ ตั้งขึ้นมาเพื่อทำงานเชิงรุกบนโซเชียลมีเดีย ประสานกับศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม Anti Fake News Center (AFNC) ประเทศไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้รับการตอบรับจากสังคมเป็นอย่างมาก มีประสิทธิผลเป็นที่น่าพอใจ เพราะในหลายๆประเด็นเมื่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งออกมาให้ความชัดเจน ก็สามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับชาวบ้านได้ในทันทีstd48064• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยดร.ณัฎฐ์” ฟันธง “พิธา” ไม่พ้นผิดปมหุ้นสื่อ ตัดสินคดีต้องยึดหลักข้อกม. ซัดกองเชียร์ดูความเป็นจริง ไม่มีใครเขากลั่นแกล้งดร.ณัฎฐ์" ฟันธง "พิธา" ไม่พ้นผิดปมหุ้นสื่อ ตัดสินคดีต้องยึดหลักข้อกม. ซัดกองเชียร์ดูความเป็นจริง ไม่มีใครเขากลั่นแกล้ง จากกรณีที่รายการข่าวสามมิติ ทางช่อง 3 ได้เปิดเผยคลิปส่วนหนึ่งของการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี ประจำปี 2566 จนในเวลาต่อมา มีการวิพากษ์วิจารณ์มาก โดยต่อมา ทางด้านนายคิมห์ สิริทวีชัย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทอินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามในหนังสือถึง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ถึงประเด็นที่สังคมกำลังวิพาก์วิจารณ์ในขณะนี้ ระบุว่าทางบริษัทได้รับทราบข้อมูล และได้ให้ทางคณะกรรมการและฝ่ายจัดการของไอทีวี ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าวที่เกิดขึ้นและหากมีประเด็นใด ๆ ที่จะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ทางไอทีวีจะดำเนินการให้เร็วที่สุดนั้นstd46239• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสล็อตแตกดีแตกตริงรองรับทุกบริการ คลิก >> https://bit.ly/3NldSCystd48297• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยไม่น่าเชื่อถือ! ป.ป.ช.ตีตกข้อเสนอขอกันตัวพยาน 'ผู้ถูกกล่าวหารายสำคัญ' คดีแอร์บัส 10 ลำหลังจากที่ผู้ถูกกล่าวหารายนี้ ได้แจ้งขอความประสงค์ขอให้ ป.ป.ช.กันตัวเองเป็นพยาน โดยแจ้งว่ามีข้อมูลสำคัญ แต่กลับไม่มีและให้การไม่เหมือนกันกับตอนเป็นพยาน ขัดกับพยานปากอื่น กรรมการ ป.ป.ช.เลยไม่เชื่อถือ ตีตกข้อเสนอขอกันตัวเป็นพยานดังกล่าวไป สำหรับคดีนี้ สำนักข่าวอิศรา รายงานข่าวไปแล้วว่า ในช่วงเดือน ธ.ค.2565 ที่ผ่านมา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหานายทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายพิเชษฐ สถิรชวาล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมช.คมนาคม ,นายทนง พิทยะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ บมจ.การบินไทย และนายกนก อภิรดี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย ในความผิดฐานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีการจัดซื้อเครื่องบินแอร์บัสแบบ A340-500 และแบบ A340-600 จำนวน 10 ลำ ในช่วงปี 2546-2547 ทำให้ บมจ.การบินไทย ได้รับความเสียหายชลิษา ล่องวัด• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเลิกโกหกเรื่องแลนด์บริดจ์กันได้แล้ว โดย สิริอัญญา วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน 2566 ความคิดในการขุดคลองกระหรือคลองไทยมีมาช้านาน อย่างน้อยที่สุดก็ตั้งแต่ต้นรัตนโกสินทร์ มีการยกเรื่องขึ้นว่ากล่าวเรื่องคลองไทยถึง 27 ครั้ง แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะมีปัญหาเกี่ยวเนื่องเป็นอันมาก โดยเฉพาะเรื่องมลภาวะอันเป็นพิษ และที่จะส่งผลกระทบต่อท้องทะเลทั้งสองฝั่ง รวมทั้งผลกระทบต่อราษฎรทั่วทั้งภาคใต้ กระทั่งอาหารการกินจากสองฟากมหาสมุทร จากเรื่องของคลองกระหรือคลองไทยก็มาถึงเรื่อง Southern Seaboard ซึ่งพูดให้เข้าใจโดยง่ายก็คือการกำหนดพื้นที่พัฒนาบางพื้นที่ของฝั่งทะเลภาคใต้ด้านใดด้านหนึ่งหรือเชื่อมถึงกันทั้งสองด้าน เพื่อให้เป็นเขตพื้นที่อุตสาหกรรมและการส่งออก แต่ในที่สุดเรื่อง Southern Seaboard ก็ไม่ได้ไปถึงไหน เพราะรัฐบาลตั้งแต่ยุครัฐบาลชาติชาย ไม่เอาด้วยกับแนวความคิดเรื่อง Southern Seaboard และมาตั้งโครงการ Eastern Seaboard ขึ้นในภาคตะวันออกแทน กระทั่งได้ทุ่มการลงทุนส่วนใหญ่ของประเทศไปในพื้นที่นั้น และได้ยกระดับเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ EEC ในปัจจุบันนี้ EEC มีเขตพื้นที่สามจังหวัดในภาคตะวันออก คือชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่ด้านในของอ่าวไทยด้านตะวันออกติดกับกัมพูชา แค่กำหนดพื้นที่นี้ผู้มีปัญญาก็ย่อมเห็นได้แล้วว่าได้วางความสมดุลของภูมิยุทธศาสตร์การพัฒนาไว้โดยถูกต้องสมดุลหรือไม่ ดังนั้น Eastern Seaboard จึงไม่ได้ส่งผลดีใด ๆ ต่อการพัฒนาภูมิภาคอื่นใดของประเทศไทยเลย มาถึงวันนี้กว่า 30 ปีแล้ว Eastern Seaboard ก็ยังคงเป็นเช่นที่เห็นอยู่นั่นเอง มาจนถึงปลายรัฐบาล คสช. จู่ๆ ก็มีการโหมประโคมกระแสสนั่นลั่นเลื่อนถึงเรื่องโครงการแลนด์บริดจ์ในพื้นที่ภาคใต้บริเวณระนอง ชุมพร แล้วโหมกระแสความเลอเลิศและอาณาประโยชน์ที่จะบังเกิดแก่ชาติบ้านเมืองและประชาชนทุกหมู่เหล่าอย่างครึกครื้นและแพร่หลาย กระทั่งใครไม่เห็นด้วยก็จะกลายเป็นคนเลวคนชั่วของบ้านเมืองไปเสียแล้ว ทั้ง ๆ ที่คนจำนวนมากก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าแลนด์บริดจ์นั้นคืออะไร พอยกปัญหานี้ขึ้นกล่าวก็ถกเถียงหาข้อยุติกันไม่ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ นี่คือความเลวร้ายของสิ่งที่เรียกว่า IO หรือปฏิบัติการจิตวิทยาสงครามที่นำมาใช้กับประชาชน จนเกิดความแตกแยกแตกสามัคคีทั่วทั้งประเทศ เป็นอาเพศใหญ่ในบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้ ต้องย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าสิ่งที่เรียกว่าแลนด์บริดจ์ดังกล่าวนั้นคือการสร้างทางรถไฟเชื่อมฝั่งทะเลอันดามันกับฝั่งอ่าวไทย ตั้งแต่บริเวณจังหวัดระนองด้านทะเลอันดามัน มายังฝั่งอ่าวไทยที่ชุมพร พูดง่าย ๆ ก็คือจะมีการสร้างทางรถไฟเชื่อมสองฝั่งทะเลในบริเวณเขตพื้นที่แดนต่อแดนของภาคใต้และภาคกลาง ตรงจุดจังหวัดระนองและชุมพรซึ่งเป็นพื้นที่เล็ก รวมกันแล้วสู้จังหวัดนครศรีธรรมราชหรือสงขลาหรือสุราษฎร์ธานีเพียงจังหวัดเดียวยังไม่ได้ ทางรถไฟที่จะสร้างเชื่อมนี้ก็มีระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตรเศษ ใช้ระยะเวลาวิ่งก็ราว 1.5-2 ชั่วโมง โดยมีท่าเรืออยู่ทั้งสองฝั่ง คือมีท่าเรืออยู่ที่ระนองเพื่อเป็นที่จอดเรือด้านทะเลอันดามัน และมีท่าเรืออยู่ที่ชุมพรเพื่อเป็นที่จอดเรือด้านอ่าวไทย และท่าเรือดังกล่าวนี้ก็คือท่าเรือขนส่งสินค้า ทั้งหมดนี้แหละที่เรียกว่าแลนด์บริดจ์ ไม่ใช่การตั้งโรงกลั่นน้ำมัน หรือคลังน้ำมัน หรือสถานีขนถ่ายสินค้า การสร้างแลนด์บริดจ์ก็เพื่อใช้เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าจากเรือขนส่งสินค้าที่มาจากด้านตะวันตก เพื่อไปยังด้านตะวันออก เพื่อจะไม่ต้องไปอ้อมที่ช่องแคบมะละกา ซึ่งจะใช้เวลามากกว่าประมาณ 30 ชั่วโมง หรือสองวันครึ่ง แต่ปัจจุบันนี้ความเร็วของเรืออาจใช้เวลาเพียง 18 ชั่วโมงเท่านั้น การขนส่งสินค้าทางทะเลในอดีตนั้นจะใช้เรือขนส่งระวางขับน้ำ 10,000 ตัน 30,000 ตัน 50,000 ตัน และ 100,000 ตัน แต่ปัจจุบันนี้เรือขนส่งสินค้าจะมีระวางขับน้ำตั้งแต่ 100,000 ตัน 300,000 ตัน 500,000 ตัน และ 1,000,000 ตัน เพื่อขนส่งสินค้ามากขึ้นและต้นทุนถูกลง ประมาณการขนส่งใช้ตู้คอนเทนเนอร์อยู่ที่เรือระวาง 100,000 ตัน บรรทุกได้ 10,000 ตู้ หรือเฉลี่ยตู้คอนเทนเนอร์ละ 10 ตัน ดังนั้นถ้าเฉลี่ยเรือระวางขับน้ำ 100,000 ตัน วันละ 10 ลำท่าจะเข้ามาเทียบท่าก็จะมีการขนส่งถึง 1,000,000 ตัน หรือ 100,000 ตู้คอนเทนเนอร์ ถ้าการขนส่งผ่านช่องแคบมะละกา เรือที่ขนส่งลำใดก็ขนส่งสินค้าทางช่องแคบมะละกาไปส่งที่ปลายทาง ก็ใช้เรือลำเดียวขนส่งไปที่ปลายทางโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาขนถ่ายและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการขนถ่ายใด ๆ แต่ถ้าหากเป็นแลนด์บริดจ์ บรรดาเรือที่ขนส่งสินค้ามาเทียบท่าที่ท่าเรือระนอง ก็ต้องขนถ่ายสรรพสินค้าทั้งหลายลงที่ท่าเรือ เพื่อขึ้นรถไฟไปส่งที่ท่าเรือชุมพรด้านอ่าวไทย แล้วขนลงเรือที่ท่าเรือชุมพรอีกต่อหนึ่งเพื่อไปส่งสินค้ายังปลายทาง จะต้องยกของขึ้นลงสองรอบ จะต้องใช้เรือขนส่งสองลำ และเมื่อของลงจากเรือแล้ว รถไฟก็ต้องบรรทุกไปยังอีกท่าเรือหนึ่ง ตรงนี้ก็จะมีปัญหาอีก เพราะรถไฟแต่ละขบวนซึ่งประเทศไทยใช้ระบบรางกว้าง 1 เมตร จะขนส่งสินค้าได้ขบวนละราว 500 ตู้คอนเทนเนอร์ ดังนั้นเรือสินค้าแต่ละลำกว่าจะขนสินค้าไปท่าเรือชุมพรหมดจะใช้เวลากี่วันก็ไม่รู้ และเรือที่รอรับที่ท่าเรือชุมพรก็ต้องรอรับสินค้าจนเต็มเรือก่อนจึงจะไปส่งยังที่หมายปลายทางได้ นี่คือความฉิบหายแห่งชาติที่จะเกิดขึ้นจากการหลอกลวงไม่พูดความจริงกัน มีการโกหกว่าประเทศไทยจะโชติช่วงชัชวาลจากการสร้างแลนด์บริดจ์ เพราะซาอุดิอาระเบียจะมาตั้งโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ เนื่องจากมีคำยืนยันชัดเจนว่าซาอุดิอาระเบียไม่มีโครงการจะมาตั้งโรงกลั่นน้ำมันที่นี่เลย และเหตุผลสามัญที่ไม่ควรใช้โกหกคนไทยก็คือประเทศผู้ผลิตน้ำมันทั้งหลายในโลกเขาจะตั้งโรงกลั่นน้ำมันในประเทศตัวเอง เช่น ซาอุดิอาระเบียและอิหร่านก็ตั้งโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศตัวเองทั้งสิ้น ข้อสำคัญ คนโกหกยกเมฆไม่รู้ความจริงว่าซาอุดิอาระเบียมีโรงกลั่นน้ำมันขนาดยักษ์แล้วถึง 6 โรง มีพลังการผลิตเหลือเฟือ นอกจากเขาไม่มีนโยบายไปตั้งโรงกลั่นนอกประเทศแล้ว ยังไม่มีความจำเป็นต้องสร้างโรงกลั่นเพิ่มอีกด้วย ดังนั้นเหตุผลเรื่องโรงกลั่นจึงเป็นเรื่องเหลวไหล นอกนั้นยังโกหกต่อไปว่าถ้าทำแลนด์บริดจ์ สองข้างทางรถไฟจะเจริญรุ่งเรือง ไม่ต้องดูเหตุผลอื่น ขอให้เราทั้งหลายไปนั่งรถไฟดูว่าสองข้างทางรถไฟมีโรงงานอุตสาหกรรม มีพื้นที่ค้าขายอะไรบ้าง ก็ตอบได้ว่ามีแต่ทุ่งนา ไม่มีการทำธุรกิจใด ๆ แล้วยังมาโกหกกันหน้าซื่อตาใสอีก.ข่าวการเมืองภาคใต้ เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยจ่อเลิกขายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 95 และE85 ดัน E20 ขึ้นแท่นน้ำมันหลัก พร้อมอัพราคาพืชเอทานอล . รถยนต์ส่วนใหญ่บนท้องถนนในประเทศไทยนิยมใช้น้ำมัน แก๊สโซฮอล์ 91 กับ 95 ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 70% ของปริมาณการใช้น้ำมันทุกประเภทในยานพาหนะ แต่อีกไม่นานเราอาจไม่ได้เติมน้ำมันประเภทนี้อีกต่อไป รวมถึงน้ำมัน E85 ด้วย เพราะมีข่าวว่ากระทรวงพลังงาน โดยเจ้ากระทรวงที่ควบต่ำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอย่างนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ เดินหน้าแผนพลังงานระยะยาวแน่! . สำหรับการยกเลิกน้ำมันทั้ง 3 ประเภทนั้น หากมองเหตุผลเบื้องต้นอย่างแรกคือ รถที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ลดลงปริมาณลงเรื่อยๆ ตามกาลเวลา รถใหม่ๆ จะใช้น้ำมัน E85 E20 หรือเติมน้ำมันได้หลากหลายประเภทอยู่แล้ว แต่เมื่อเจาะลึกลงไปดูต้นทางที่จะทำให้เกิดการยกเลิกนี้ ก็มาจากแผนบูรณาการพลังงานระยะยาว หรือ TIEB ฉบับใหม่ระหว่าง พ.ศ. 2561 - 2580 โดยมีองค์ประกอบหลักๆ 5 แผนด้วยกัน ได้แก่ - แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (Power Development Plan) - แผนอนุรักษ์พลังงาน (Energy Efficiency Plan) - แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (Alternative Energy Development Plan) - แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ (Gas Plan) - แผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ถือว่าเป็นพลังงานชนิดที่มีสัดส่วนการใช้สูงมากๆ ในภาคการขนส่ง . เบื้องต้นรองนายกผู้เป็นเจ้ากระทรวงก็ได้เห็นชอบให้คงเป้าหมายของแผนบูรณาการข้างต้นต่อไป เนื่องจากจัดทำกันมาตั้งแต่ยุคของนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตเจ้ากระทรวง พร้อมสั่งให้มีการวัดผลสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงทุกๆ ปี ตลอดระยะเวลาแผนช่วง 5 ปีที่ต้องชัดเจน โดยเฉพาะแผนบริหารจัดการน้ำมัน ด้วยกำหนดให้น้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพ B10 และ E20 กลายมาเป็นน้ำมันมาตรฐานของประเทศ และยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 แก๊สโซฮอล์ 95 และ E85 แทน . เมื่อหาเหตุผลอื่นๆ ประกอบเพิ่มเติมในการยกเลิกการใช้น้ำมันเหล่านี้ มันมีปัจจัยหนึ่งมาจาการที่ภาครัฐต้องการเข้าไปช่วยเพิ่มราคาของวัตถุดิบที่เป็นผลิตผลทางการเกษตรก็คือ มันสำปะหลัง และอ้อย เนื่องจากปัจจุบันถูกนำมาใช้ผลิตเป็นเอทานอล ในสัดส่วนประมาณ 27% ของการผลิตเอทานอลทั้งหมด . โดยก่อนหน้านี้กระทรวงพลังงานก็เคยมีการประกาศให้น้ำมันดีเซล B10 หรือน้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 10% ในทุกลิตรกลายเป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐานของประเทศเมื่อ 1 มกราคม 2563 เพื่อสนับสนุนราคาผลผลิตปาล์ม โดยปั๊มน้ำมันทุกแห่งก็จะมีเวลาปรับตัวมา 4 - 5 เดือน ในการเปลี่ยนป้ายชื่อผลิตภัณฑ์ที่ตู้จ่ายน้ำมัน จาก “ดีเซลB10” เป็น “ดีเซล” ซึ่งน้ำมันดีเซลที่ขายกันทุกวันนี้ จะถูกเปลี่ยนชื่อเรียกว่า ดีเซล B7 ให้กลายเป็นน้ำมันทางเลือกสำหรับรถเก่าและรถยุโรป น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 ก็ให้เป็นน้ำมันทางเลือกสำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ซึ่งจะเริ่มวันที่ 1 ตุลาคมนี้ . หากมีการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ น้ำมันไบโอดีเซล B10 จะช่วยดูดซับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบหรือ CPO ได้ปีละ 2.2 ล้านตัน และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ หรือ B100 ได้วันละ 6.5 ล้านลิตร . กลับมาที่การยกเลิกน้ำมันโซฮอล์ 91 กันต่อ อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า มันสร้างความสันสนงุนงงพอควรให้หมู่ประชาชนที่ต้องเจอกกับการเปลี่ยนแปลในช่วงแรกๆ แต่ไม่ใช่ประชาชนที่สับสนอย่างเดียว ทางผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันก็สับสนพอควร และปั๊มน้ำมันในบ้านเราส่วนใหญ่มีหัวจ่ายไม่มากนัก การจะเก็บสำรองน้ำมันหลายๆ ชนิดไว้ก็ล้วนเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทั้งนั้น หากรวมน้ำมันเบนซิน กับดีเซลในบ้านเรารวมๆ กันมีถึง 11 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นสูตรพรีเมียม หรือสูตรธรรมดา ให้เป็นประเภทเดียวกันในหมวดหมู่เดียวกัน ก็จะเป็นการประหยัดต้นทุนของปั๊มน้ำมัน ฉะนั้นปั๊มน้ำมันขนาดกลาง และขนาดเล็กก็จะได้ให้บริการได้ลงตัวมากขึ้น . ถัดมาคือเรื่องของแก๊สโซฮอล์ E20 ที่ถูกมองเป็นพระรองมาตลอด แม้ว่าจะเป็นน้ำมันราคาถูกกว่า ประหยัดกว่า คุณภาพตามมาตรฐาน แต่คนเลือกเติมน้อยกว่าเนื่องจากมองว่าเวลาขับขี่แล้วรู้สึกเครื่องยนต์ไม่แรง การเผาไหม้สู้น้ำมันสูตรอื่นไม่ได้ จังหวะนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญในการเดินหน้าครั้งสำคัญของวงการพลังงานไทยอีกครั้ง เพื่อส่งเสริมให้ลดประเภทน้ำมันลง และใช้ E20 เป็นน้ำมันเบนซินพื้นฐาน ด้วยการตั้งเป้าปริมาณการใช้ E20 ไม่ต่ำกว่า 50% ของความความต้องการใช้น้ำมันเบนซินภายในปี 2564 และยกมาตรฐานน้ำมันของไทยเป็นมาตรฐานยุโรป ระดับ 5 ในปี 2567 . ส่วนมาตรฐานน้ำมันยูโร คืออะไร เป็นมาตรฐานการรับมือมลพิษทางอากาศ หรือ Euro Emissions Standards เพื่อควบคุมอัตราการปล่อยมลพิษของรถยนต์ หากย้อนไปดูการกำหนดใช้ครั้งแรกที่เริ่มกันมาตั้งแต่ปี 1992 โดยรายละเอียดทางเทคนิคเบื้องต้นนั้น ข้อกำหนดของมาตรฐานยูโร 1 จะมีการระบุว่ารถยนต์ต้องเปลี่ยนไปใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแบบไร้สารตะกั่ว และให้มีอุปกรณ์เครื่องฟอกไอเสียเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) จนพัฒนามาต่อเนื่องมาเป็น ยูโร 2 ในปี 1996, ยูโร 3 ในปี 2000 ยูโร 4 ที่บ้านเราใช้กันอยู่คือการกำหนดให้รถยนต์ที่ผ่านการทดสอบจะต้องมีปริมาณการปล่อยสารมลพิษไอเสียต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ประกอบไปด้วย คาร์บอนมอนออกไซด์ต้องไม่เกิน 0.5 g/km. ไนโตรออกไซด์ต้องไม่เกิน 0.25 g/km ขณะที่ยูโร 5 จะเพิ่มความเข้มงวดขึ้นไปอีกขั้น โดยต้องลดลง 28% จากยูโร 4 . ขณะที่คุณนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานบอกไว้ว่า หากรัฐมนตรีเห็นชอบน่าจะใช้เวลาประมาณ 9 เดือนหลังจากแผนอนุมัติ โดยแบ่งเป็นช่วง 3 เดือนแรก จะทำการสนับสนุนให้ประชาชนมาเติมน้ำมัน E20 เพิ่มขึ้น ทั้งการใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาสนับสนุนด้านราคา ต่อจากนั้นช่วง 3 - 6 เดือน ก็ทำการกำหนดให้โรงกลั่นน้ำมันหยุดทำการผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 พร้อมใช้กลไกราคาให้โซฮอล์ 91 กับโซฮอล์ 95 มีราคาเท่ากัน ลดส่วนต่าง E20 ให้ถูกกว่า 95 และเมื่อครบแผนการ 9 เดือน ก็เชื่อว่าจะสามารถดันให้ E20 เป็นน้ำมันพื้นฐานได้เต็มรูปแบบ . แล้วรถยนต์รุ่นเก่าจะทำอย่างไร?...ทางแรกอาจจะเปลี่ยนไปใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ก่อน เพราะยังไม่ยกเลิก ซึ่งมีราคาสูงกว่า 91 ไม่มากนัก หากรวมๆ กับประสิทธิภาพการเผาไหม้ที่ดีขึ้นก็ถือว่ารับได้อยู่ อีกทางที่สายประหยัดสามารถเลือกได้นั่นคือ การนำรูปไปติดกล่องจูนเครื่องยนต์ให้รองรับน้ำมัน แก๊สโซฮอล์ E20 หรือ E85 แต่ต้องยอมรับว่าการจะไปติดกล่องอะไรก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นกับเครื่องยนต์ ส่งผลต่อการเสื่อมสภาพของท่อน้ำมันเร็วขึ้น ยิ่งหากถึงคราวซวยเจอช่างหรืออู่รถติดตั้งที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็ย่อมมาพร้อมค่าใช้จ่ายที่งอกมาอีกด้วย . หากทางเลือกแรกไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งการจูนกล่องเครื่องยนต์ให้รองรับ หรือเปลี่ยนน้ำมัน ยังไม่โดนใจคุณ ทางเลือกอื่นก็ยังมีให้ แต่ทางนี้ต้องเป็นคนที่ทำใจได้ตอนขายรถ เนื่องจากให้นำรถไปติดแก๊ส เพราะแก๊ส LPG NGV ใดๆ ก็ตามจะทำให้รถยนต์สุดรักของคุณราคาตกลงไปด้วย ประกอบกับความเสี่ยงจากความร้อนในการเผาไหม้ระบบแก๊ส สูงกว่าน้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็วขึ้นกว่าเดิม รถยนต์เสื่อมสภาพไวกว่าปกติ และเครื่องยนต์ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ออกแบบมาให้ทนความร้อนสูงมากนัก รวมถึงโอกาสเวลาเกิดอุบัติเหตุมักจะรุนแรงกว่า แม้อุบัติเหตุบนถนนไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ยิ่งเกิดขึ้นกับรถติดแก๊สนั้นจะยิ่งอันตราย เพราะแก๊สรั่วแล้วติดไฟได้ง่าย ด้วยคุณสมบัติการเป็นเชื้อเพลงชั้นดี ฉะนั้นต้องมองให้หลายมิติ . ยังไม่หมดเท่านี้ เพราะทางเลือกอื่นๆ ก็ยังมี ไม่ว่าจะเป็นการยกเครื่องยนต์ใหม่ ใส่เครื่องยนต์ตัวใหม่เลย ไปจนถึงหาเครื่องยนต์เก่าตามเซียงกงมาให้อู่รถจัดการให้ แต่ต้องมีความเชี่ยวชาญเสียหน่อย และทางเลือกสุดท้ายสำหรับผู้ที่มีกำลังทรัพย์อาจเลือกการเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่ ที่ตอบโจทย์มากกว่า อย่างไรก็ตามต้องคำนวนค่าใช้จ่ายที่ตามมาด้วย ดีไม่ดีอาจจะเข้าสุภาษิตที่ว่า เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายเอาได้ . ทั้งนี้ การจะเคาะเริ่มการยกเลิกเมื่อไหร่นั้น ยังต้องดูความชัดเจนจากเจ้ากระทรวงพลังงานอีกครั้งหนึ่ง ว่าจะประกาศชัดๆเมื่อใด . #น้ำมัน #แก๊สโซฮอล์ #91 #E20 #พลังงานข่าวการเมืองผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้วmeter: mostly-true--middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยช่วยแบ่งปันโพสต์นี้ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ " การกินผลไม้ในตอนท้องว่าง " สิ่งนี้จะเปิดดวงตาของคุณ! อ่านให้จบ และส่งมันให้กับรายชื่อ e-list ของคุณทั้งหมด ฉันเพียงทำมัน ! ดร. สตีเฟ่น หมาก ทำการรักษาผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายโดยวิธีการ “Un-Orthodox”และผู้ป่วยจำนวนมากฟื้นตัว ก่อนที่เขาได้ใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อกำจัดการเจ็บป่วยของผู้ป่วยของเขา เขาเชื่อในการรักษาโดยทางธรรมชาติในร่างกายต่อความเจ็บป่วย ช่วยดูบทความของเขาด้านล่าง มันเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ในการรักษาโรคมะเร็ง เมื่อเร็วๆนี้ อัตราความสำเร็จของฉันในการรักษาโรคมะเร็งคือประมาณ 80% ผู้ป่วยโรคมะเร็งไม่ควรตาย การรักษาโรคมะเร็งถูกค้นพบแล้ว – มันอยู่ในวิธีที่เรากินผลไม้ ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ ฉันขอโทษสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งหลายร้อยคน ที่ตายภายใต้การรักษาธรรมดาทั่วไป " การกินผลไม้ " เราทุกคนคิดว่าการกินผลไม้ หมายถึงเพียงแค่ การซื้อผลไม้ ตัดมัน และก็ใส่มันเข้าไปในปากของเรา มันไม่ง่ายอย่างที่คุณคิด มันสำคัญที่จะทราบวิธีการและ * เมื่อไหร่ * ที่จะกินผลไม้ วิธีที่ถูกต้องของการกินผลไม้อย่างไร? มันหมายถึง " ไม่กินผลไม้ " หลังมื้ออาหารของคุณ ! ผลไม้ควรกินในตอนท้องว่าง ถ้าคุณกินผลไม้ในตอนท้องว่าง มันจะมีบทบาทสำคัญ ในการล้างพิษในระบบของคุณ, ให้การจัดการที่ดีของพลังงาน เพื่อลดน้ำหนัก และกิจกรรมในชีวิตอื่น ๆ แก่คุณ " ผลไม้เป็นอาหารที่สำคัญที่สุด " สมมติว่า .. คุณกินสองชิ้นของขนมปัง แล้วชิ้นหนึ่งของผลไม้ ชิ้นของผลไม้ > พร้อมที่จะผ่านตรงไปสู่กระเพาะลงไปในลำไส้ > แต่มันถูกขัดขวางจากการทำเช่นนั้น เนื่องจากขนมปังถูกกินก่อนผลไม้ ในระหว่างนั้น อาหารทั้งมื้อของขนมปังและผลไม้นั้น จะเน่าเปื่อย และบูด และเปลี่ยนเป็นกรด ในนาทีที่ผลไม้เข้ามาสัมผัสกับอาหาร ในกระเพาะอาหาร และน้ำย่อย, มวลอาหารทั้งหมดเริ่มที่จะเปื่อยเน่า ดังนั้นโปรดกินผลไม้ของคุณในตอน * ท้องว่าง * หรือก่อนมื้ออาหารของคุณ! คุณเคยได้ยินคนบ่น : ทุกครั้งที่ ฉันกินแตงโม-ฉันเรอ เมื่อฉันกินทุเรียน-ท้องของฉันพองขึ้น เมื่อฉันกินกล้วย-ฉันรู้สึกเหมือนวิ่งเข้าห้องน้ำ ฯลฯ .. ฯลฯ .. จริง .. ทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าคุณกินผลไม้ตอนท้องว่าง ผลไม้ผสมกับการเน่าเปื่อยของอาหารอื่น ๆ และผลิตก๊าซ และด้วยเหตุนี้ ตัวคุณจะขยาย! ผมสีเทา, หัวล้าน, การระเบิดทางประสาท และรอยคล้ำใต้ดวงตา ทั้งหมดเหล่านี้จะ * ไม่เกิดขึ้น * ถ้าคุณกินผลไม้ตอนท้องว่าง ไม่มีสิ่งเช่นนั้นหรอก ที่ผลไม้บางอย่าง เช่นส้มและมะนาวเป็นกรด เพราะผลไม้ทั้งหมด > กลายเป็นด่างในร่างกายของเรา ตามที่ ดร.เฮอร์เบิร์ด เชลตัน ผู้ทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าคุณได้เข้าใจถ่องแท้ วิธีที่ถูกต้องของการกินผลไม้ คุณมี * ความลับ * ของความงาม อายุยืน สุขภาพ พลังงาน ความสุข และน้ำหนักที่ปกติ เมื่อคุณต้องการดื่มน้ำผลไม้ - ดื่มเพียงแค่ * น้ำผลไม้สดเท่านั้น * ไม่ใช่จากกระป๋อง แพ็ค หรือฃวด อย่าแม้แต่ .. จะดื่มน้ำผลไม้ที่ผ่านการทำให้ร้อนขึ้น อย่ากินผลไม้ปรุงสุก เพราะคุณไม่ได้รับสารอาหารทั้งหมด คุณจะได้รับรสชาติของมัน การปรุงสุก ทำลายวิตามินทั้งหมด แต่กินผลไม้ทั้งผล จะดีกว่า การดื่มน้ำผลไม้ หากคุณควรดื่มน้ำผลไม้สด ดื่มมันคำหนึ่ง โดยคำหนึ่งช้าๆ เพราะคุณต้องปล่อยให้มัน > ผสมกับน้ำลายของคุณ ก่อนที่จะกลืนกินมันลงไป คุณสามารถดำเนินต่อไป ในการกินมังสวิรัติผลไม้ 3 วัน เพื่อทำความสะอาด หรือล้างพิษในร่างกายของคุณ เพียงแต่ กินผลไม้ และดื่มน้ำผลไม้สด ตลอดทั้ง 3 วัน แล้วคุณจะต้องแปลกใจ เมื่อเพื่อนของคุณ บอกคุณว่า คุณดูเปล่งประกายอย่างไร! กีวี : เล็ก ๆ แต่ยิ่งใหญ่ นี้เป็นแหล่งที่ดีของ โพแทสเซียม, แมกนีเซียม, วิตามินอี และไฟเบอร์ ปริมาณวิตามินซีของมันคือ สองเท่าของส้ม แอปเปิ้ล : แอปเปิ้ล 1 ผล ต่อวัน ช่วยให้ห่างไกลจากแพทย์? แม้ว่าแอปเปิ้ลมีปริมาณวิตามินซีต่ำ แต่ก็มีสารต้านอนุมูลอิสระ และ flavonoids ซึ่งจะช่วยเพิ่มการทำงานของวิตามินซี จึงช่วยในการลดความเสี่ยงของ มะเร็งลำไส้ใหญ่ หัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมอง สตรอเบอร์รี่ : ผลไม้ป้องกัน สตรอเบอร์รี่มีความสามารถ ในการต้านอนุมูลอิสระสูงสุดในบรรดาผลไม้ที่สำคัญ และป้องกันร่างกายจากโรคมะเร็ง หลอดเลือดอุดตัน และอนุมูลอิสระ ส้ม : ยาที่หวานที่สุด กินส้ม 2-4 ผลต่อวัน อาจช่วยขจัดโรคหวัดออกไป, ลดคอเลสเตอรอล, ป้องกันและละลายนิ่วในไต, และลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่ แตงโม : ดับกระหายที่ยอดที่สุด ประกอบด้วยน้ำ 92% มันถูกบรรจุด้วยปริมาณ " กลูตาไธออน " จำนวนมากมาย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของเรา พวกเขายังเป็นแหล่งสำคัญของ " ไลโคปีน " อนุมูลอิสระที่ต่อสู้กับโรคมะเร็ง สารอาหารอื่นๆ ที่พบในแตงโม คือ วิตามินซี และโพแทสเซียม ฝรั่ง และมะละกอ : รางวัลสูงสุดสำหรับวิตามินซี พวกเขาเป็นผู้ชนะที่ชัดเจน สำหรับปริมาณวิตามินซีสูงของพวกเขา ฝรั่ง-ยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งจะช่วยป้องกันอาการท้องผูก มะละกอ-อุดมไปด้วยแคโรทีนๆนี้ เป็นสิ่งที่ดี สำหรับดวงตาของคุณ ################## การดื่มน้ำเย็น หรือเครื่องดื่มเย็นหลังอาหาร = มะเร็ง คุณสามารถเชื่อสิ่งนี้หรือไม่? สำหรับผู้ที่ชอบดื่มน้ำเย็น หรือเครื่องดื่มเย็น, บทความนี้เหมาะสมกับคุณ อย่างไรก็ตาม น้ำเย็น หรือเครื่องดื่มเย็น จะทำให้ของมันๆที่คุณเพิ่งจะได้กินเข้าไป-แข็งตัว จะทำให้การย่อยอาหารช้าลง ครั้งหนึ่ง “ ตะกอนนี้ ” จะทำปฏิกิริยากับกรด จะแยกตัว และถูกดูดซึมโดยลำไส้ เร็วกว่าอาหารที่เป็นของแข็งจะเรียงตัวที่ลำไส้ ในไม่ช้า จะกลายเป็นไขมัน และนำไปสู่โรคมะเร็ง! มันดีที่สุด ที่จะดื่ม น้ำซุปร้อนหรือน้ำอุ่น หลังอาหาร หมายเหตุที่สำคัญ เกี่ยวกับหัวใจวาย กระบวนการหัวใจวาย : ( สิ่งนี้ไม่ตลก! ) ผู้หญิงควรจะทราบว่า > ไม่ใช่ทุกอาการหัวใจวาย จะเป็นการเจ็บปวดที่แขนซ้าย โปรดระวังความเจ็บปวดที่รุนแรง ในแนวกราม ขากรรไกร คุณอาจจะไม่เคยเจ็บหน้าอก เป็นอันดับแรก ระหว่างในช่วงของหัวใจวาย อาการคลื่นไส้ และเหงื่อออกมาก คือ อาการทั่วไปด้วย หกสิบเปอร์เซ็นต์ ของคนที่มีอาการ " หัวใจวายขณะที่พวกเขานอนหลับ " จะไม่ตื่นขึ้นมา อาการปวดกราม สามารถให้คุณตื่นขึ้นมา จากการหลับสนิท โปรดระมัดระวังและเฝ้าระวัง ยิ่งเรารู้ เรายิ่งมีโอกาสที่ดีกว่า ที่เราสามารถอยู่รอดได้ แพทย์โรคหัวใจพูดว่า : ถ้าทุกคนที่ได้รับอีเมล์นี้ โปรดส่งมันให้กับ 10 คน คุณสามารถแน่ใจได้ว่า เราจะรักษาอย่างน้อยที่สุด หนึ่งชีวิตไว้ ดังนั้นช่วยทำ อย่างน้อยที่สุด 1 งานที่ดี ในวันนี้มะเร็งไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยขนลุกอีกครั้ง! “เดอะซิมป์สันส์” กับคำทำนายถึง “เรือดำน้ำไททัน”ได้รับการพูดถึงในโลกออนไลน์ของฝั่งต่างประเทศอย่างหนักอีกครั้ง สำหรับการ์ตูนตัวเหลืองชื่อดัง “เดอะ ซิมป์สันส์ (The Simpsons)” ที่ถูกขนานนามว่า “เดอะซิมป์สันส์ ญาณทิพย์” การ์ตูนผู้มาก่อนกาล ทำนายอนาคต ซึ่งครั้งนี้เนื้อเรื่องของการ์ตูนดังกล่าว มีความคล้ายคลึงกับ โศกนาฏกรรมการสูญหายของ “เรือดำน้ำไททัน” ที่ดำดิ่งลงไปยังก้นมหาสมุทรแอตแลนติก เพื่อสำรวจซากเรือไททานิค ก่อนที่จะขาดการติดต่อ กระทั่งหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ ออกมาแถลงข่าวยืนยันว่า ผู้ที่อยู่บนยานไททันทั้ง 5 คนเสียชีวิตแล้ว โดยพบซากชิ้นส่วนยานไททัน ซึ่งคาดว่าเกิดการระเบิดเนื่องจากแรงดันน้ำมหาศาลใต้มหาสมุทร! กลายเป็นอีกหนึ่งความสูญเสียทางทะเลที่สะเทือนใจคนทั้งโลกอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์!std48396• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยhttps://youtu.be/tctcXGpKJUo?si=LZ9unKtRV9h4KN31สุขภาพผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ
