เลิกโกหกเรื่องแลนด์บริดจ์กันได้แล้ว
โดย สิริอัญญา
วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน 2566
ความคิดในการขุดคลองกระหรือคลองไทยมีมาช้านาน อย่างน้อยที่สุดก็ตั้งแต่ต้นรัตนโกสินทร์ มีการยกเรื่องขึ้นว่ากล่าวเรื่องคลองไทยถึง 27 ครั้ง แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะมีปัญหาเกี่ยวเนื่องเป็นอันมาก โดยเฉพาะเรื่องมลภาวะอันเป็นพิษ และที่จะส่งผลกระทบต่อท้องทะเลทั้งสองฝั่ง รวมทั้งผลกระทบต่อราษฎรทั่วทั้งภาคใต้ กระทั่งอาหารการกินจากสองฟากมหาสมุทร
จากเรื่องของคลองกระหรือคลองไทยก็มาถึงเรื่อง Southern Seaboard ซึ่งพูดให้เข้าใจโดยง่ายก็คือการกำหนดพื้นที่พัฒนาบางพื้นที่ของฝั่งทะเลภาคใต้ด้านใดด้านหนึ่งหรือเชื่อมถึงกันทั้งสองด้าน เพื่อให้เป็นเขตพื้นที่อุตสาหกรรมและการส่งออก
แต่ในที่สุดเรื่อง Southern Seaboard ก็ไม่ได้ไปถึงไหน เพราะรัฐบาลตั้งแต่ยุครัฐบาลชาติชาย ไม่เอาด้วยกับแนวความคิดเรื่อง Southern Seaboard และมาตั้งโครงการ Eastern Seaboard ขึ้นในภาคตะวันออกแทน กระทั่งได้ทุ่มการลงทุนส่วนใหญ่ของประเทศไปในพื้นที่นั้น และได้ยกระดับเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ EEC ในปัจจุบันนี้
EEC มีเขตพื้นที่สามจังหวัดในภาคตะวันออก คือชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่ด้านในของอ่าวไทยด้านตะวันออกติดกับกัมพูชา แค่กำหนดพื้นที่นี้ผู้มีปัญญาก็ย่อมเห็นได้แล้วว่าได้วางความสมดุลของภูมิยุทธศาสตร์การพัฒนาไว้โดยถูกต้องสมดุลหรือไม่
ดังนั้น Eastern Seaboard จึงไม่ได้ส่งผลดีใด ๆ ต่อการพัฒนาภูมิภาคอื่นใดของประเทศไทยเลย มาถึงวันนี้กว่า 30 ปีแล้ว Eastern Seaboard ก็ยังคงเป็นเช่นที่เห็นอยู่นั่นเอง
มาจนถึงปลายรัฐบาล คสช. จู่ๆ ก็มีการโหมประโคมกระแสสนั่นลั่นเลื่อนถึงเรื่องโครงการแลนด์บริดจ์ในพื้นที่ภาคใต้บริเวณระนอง ชุมพร แล้วโหมกระแสความเลอเลิศและอาณาประโยชน์ที่จะบังเกิดแก่ชาติบ้านเมืองและประชาชนทุกหมู่เหล่าอย่างครึกครื้นและแพร่หลาย
กระทั่งใครไม่เห็นด้วยก็จะกลายเป็นคนเลวคนชั่วของบ้านเมืองไปเสียแล้ว ทั้ง ๆ ที่คนจำนวนมากก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าแลนด์บริดจ์นั้นคืออะไร พอยกปัญหานี้ขึ้นกล่าวก็ถกเถียงหาข้อยุติกันไม่ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ นี่คือความเลวร้ายของสิ่งที่เรียกว่า IO หรือปฏิบัติการจิตวิทยาสงครามที่นำมาใช้กับประชาชน จนเกิดความแตกแยกแตกสามัคคีทั่วทั้งประเทศ เป็นอาเพศใหญ่ในบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้
ต้องย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าสิ่งที่เรียกว่าแลนด์บริดจ์ดังกล่าวนั้นคือการสร้างทางรถไฟเชื่อมฝั่งทะเลอันดามันกับฝั่งอ่าวไทย ตั้งแต่บริเวณจังหวัดระนองด้านทะเลอันดามัน มายังฝั่งอ่าวไทยที่ชุมพร พูดง่าย ๆ ก็คือจะมีการสร้างทางรถไฟเชื่อมสองฝั่งทะเลในบริเวณเขตพื้นที่แดนต่อแดนของภาคใต้และภาคกลาง ตรงจุดจังหวัดระนองและชุมพรซึ่งเป็นพื้นที่เล็ก รวมกันแล้วสู้จังหวัดนครศรีธรรมราชหรือสงขลาหรือสุราษฎร์ธานีเพียงจังหวัดเดียวยังไม่ได้
ทางรถไฟที่จะสร้างเชื่อมนี้ก็มีระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตรเศษ ใช้ระยะเวลาวิ่งก็ราว 1.5-2 ชั่วโมง โดยมีท่าเรืออยู่ทั้งสองฝั่ง คือมีท่าเรืออยู่ที่ระนองเพื่อเป็นที่จอดเรือด้านทะเลอันดามัน และมีท่าเรืออยู่ที่ชุมพรเพื่อเป็นที่จอดเรือด้านอ่าวไทย และท่าเรือดังกล่าวนี้ก็คือท่าเรือขนส่งสินค้า
ทั้งหมดนี้แหละที่เรียกว่าแลนด์บริดจ์ ไม่ใช่การตั้งโรงกลั่นน้ำมัน หรือคลังน้ำมัน หรือสถานีขนถ่ายสินค้า
การสร้างแลนด์บริดจ์ก็เพื่อใช้เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าจากเรือขนส่งสินค้าที่มาจากด้านตะวันตก เพื่อไปยังด้านตะวันออก เพื่อจะไม่ต้องไปอ้อมที่ช่องแคบมะละกา ซึ่งจะใช้เวลามากกว่าประมาณ 30 ชั่วโมง หรือสองวันครึ่ง แต่ปัจจุบันนี้ความเร็วของเรืออาจใช้เวลาเพียง 18 ชั่วโมงเท่านั้น
การขนส่งสินค้าทางทะเลในอดีตนั้นจะใช้เรือขนส่งระวางขับน้ำ 10,000 ตัน 30,000 ตัน 50,000 ตัน และ 100,000 ตัน แต่ปัจจุบันนี้เรือขนส่งสินค้าจะมีระวางขับน้ำตั้งแต่ 100,000 ตัน 300,000 ตัน 500,000 ตัน และ 1,000,000 ตัน เพื่อขนส่งสินค้ามากขึ้นและต้นทุนถูกลง
ประมาณการขนส่งใช้ตู้คอนเทนเนอร์อยู่ที่เรือระวาง 100,000 ตัน บรรทุกได้ 10,000 ตู้ หรือเฉลี่ยตู้คอนเทนเนอร์ละ 10 ตัน ดังนั้นถ้าเฉลี่ยเรือระวางขับน้ำ 100,000 ตัน วันละ 10 ลำท่าจะเข้ามาเทียบท่าก็จะมีการขนส่งถึง 1,000,000 ตัน หรือ 100,000 ตู้คอนเทนเนอร์
ถ้าการขนส่งผ่านช่องแคบมะละกา เรือที่ขนส่งลำใดก็ขนส่งสินค้าทางช่องแคบมะละกาไปส่งที่ปลายทาง ก็ใช้เรือลำเดียวขนส่งไปที่ปลายทางโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาขนถ่ายและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการขนถ่ายใด ๆ
แต่ถ้าหากเป็นแลนด์บริดจ์ บรรดาเรือที่ขนส่งสินค้ามาเทียบท่าที่ท่าเรือระนอง ก็ต้องขนถ่ายสรรพสินค้าทั้งหลายลงที่ท่าเรือ เพื่อขึ้นรถไฟไปส่งที่ท่าเรือชุมพรด้านอ่าวไทย แล้วขนลงเรือที่ท่าเรือชุมพรอีกต่อหนึ่งเพื่อไปส่งสินค้ายังปลายทาง จะต้องยกของขึ้นลงสองรอบ จะต้องใช้เรือขนส่งสองลำ
และเมื่อของลงจากเรือแล้ว รถไฟก็ต้องบรรทุกไปยังอีกท่าเรือหนึ่ง ตรงนี้ก็จะมีปัญหาอีก เพราะรถไฟแต่ละขบวนซึ่งประเทศไทยใช้ระบบรางกว้าง 1 เมตร จะขนส่งสินค้าได้ขบวนละราว 500 ตู้คอนเทนเนอร์ ดังนั้นเรือสินค้าแต่ละลำกว่าจะขนสินค้าไปท่าเรือชุมพรหมดจะใช้เวลากี่วันก็ไม่รู้ และเรือที่รอรับที่ท่าเรือชุมพรก็ต้องรอรับสินค้าจนเต็มเรือก่อนจึงจะไปส่งยังที่หมายปลายทางได้
นี่คือความฉิบหายแห่งชาติที่จะเกิดขึ้นจากการหลอกลวงไม่พูดความจริงกัน
มีการโกหกว่าประเทศไทยจะโชติช่วงชัชวาลจากการสร้างแลนด์บริดจ์ เพราะซาอุดิอาระเบียจะมาตั้งโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ เนื่องจากมีคำยืนยันชัดเจนว่าซาอุดิอาระเบียไม่มีโครงการจะมาตั้งโรงกลั่นน้ำมันที่นี่เลย
และเหตุผลสามัญที่ไม่ควรใช้โกหกคนไทยก็คือประเทศผู้ผลิตน้ำมันทั้งหลายในโลกเขาจะตั้งโรงกลั่นน้ำมันในประเทศตัวเอง เช่น ซาอุดิอาระเบียและอิหร่านก็ตั้งโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศตัวเองทั้งสิ้น
ข้อสำคัญ คนโกหกยกเมฆไม่รู้ความจริงว่าซาอุดิอาระเบียมีโรงกลั่นน้ำมันขนาดยักษ์แล้วถึง 6 โรง มีพลังการผลิตเหลือเฟือ นอกจากเขาไม่มีนโยบายไปตั้งโรงกลั่นนอกประเทศแล้ว ยังไม่มีความจำเป็นต้องสร้างโรงกลั่นเพิ่มอีกด้วย
ดังนั้นเหตุผลเรื่องโรงกลั่นจึงเป็นเรื่องเหลวไหล
นอกนั้นยังโกหกต่อไปว่าถ้าทำแลนด์บริดจ์ สองข้างทางรถไฟจะเจริญรุ่งเรือง ไม่ต้องดูเหตุผลอื่น ขอให้เราทั้งหลายไปนั่งรถไฟดูว่าสองข้างทางรถไฟมีโรงงานอุตสาหกรรม มีพื้นที่ค้าขายอะไรบ้าง ก็ตอบได้ว่ามีแต่ทุ่งนา ไม่มีการทำธุรกิจใด ๆ แล้วยังมาโกหกกันหน้าซื่อตาใสอีก.
โดย สิริอัญญา
วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน 2566
ความคิดในการขุดคลองกระหรือคลองไทยมีมาช้านาน อย่างน้อยที่สุดก็ตั้งแต่ต้นรัตนโกสินทร์ มีการยกเรื่องขึ้นว่ากล่าวเรื่องคลองไทยถึง 27 ครั้ง แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะมีปัญหาเกี่ยวเนื่องเป็นอันมาก โดยเฉพาะเรื่องมลภาวะอันเป็นพิษ และที่จะส่งผลกระทบต่อท้องทะเลทั้งสองฝั่ง รวมทั้งผลกระทบต่อราษฎรทั่วทั้งภาคใต้ กระทั่งอาหารการกินจากสองฟากมหาสมุทร
จากเรื่องของคลองกระหรือคลองไทยก็มาถึงเรื่อง Southern Seaboard ซึ่งพูดให้เข้าใจโดยง่ายก็คือการกำหนดพื้นที่พัฒนาบางพื้นที่ของฝั่งทะเลภาคใต้ด้านใดด้านหนึ่งหรือเชื่อมถึงกันทั้งสองด้าน เพื่อให้เป็นเขตพื้นที่อุตสาหกรรมและการส่งออก
แต่ในที่สุดเรื่อง Southern Seaboard ก็ไม่ได้ไปถึงไหน เพราะรัฐบาลตั้งแต่ยุครัฐบาลชาติชาย ไม่เอาด้วยกับแนวความคิดเรื่อง Southern Seaboard และมาตั้งโครงการ Eastern Seaboard ขึ้นในภาคตะวันออกแทน กระทั่งได้ทุ่มการลงทุนส่วนใหญ่ของประเทศไปในพื้นที่นั้น และได้ยกระดับเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ EEC ในปัจจุบันนี้
EEC มีเขตพื้นที่สามจังหวัดในภาคตะวันออก คือชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่ด้านในของอ่าวไทยด้านตะวันออกติดกับกัมพูชา แค่กำหนดพื้นที่นี้ผู้มีปัญญาก็ย่อมเห็นได้แล้วว่าได้วางความสมดุลของภูมิยุทธศาสตร์การพัฒนาไว้โดยถูกต้องสมดุลหรือไม่
ดังนั้น Eastern Seaboard จึงไม่ได้ส่งผลดีใด ๆ ต่อการพัฒนาภูมิภาคอื่นใดของประเทศไทยเลย มาถึงวันนี้กว่า 30 ปีแล้ว Eastern Seaboard ก็ยังคงเป็นเช่นที่เห็นอยู่นั่นเอง
มาจนถึงปลายรัฐบาล คสช. จู่ๆ ก็มีการโหมประโคมกระแสสนั่นลั่นเลื่อนถึงเรื่องโครงการแลนด์บริดจ์ในพื้นที่ภาคใต้บริเวณระนอง ชุมพร แล้วโหมกระแสความเลอเลิศและอาณาประโยชน์ที่จะบังเกิดแก่ชาติบ้านเมืองและประชาชนทุกหมู่เหล่าอย่างครึกครื้นและแพร่หลาย
กระทั่งใครไม่เห็นด้วยก็จะกลายเป็นคนเลวคนชั่วของบ้านเมืองไปเสียแล้ว ทั้ง ๆ ที่คนจำนวนมากก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าแลนด์บริดจ์นั้นคืออะไร พอยกปัญหานี้ขึ้นกล่าวก็ถกเถียงหาข้อยุติกันไม่ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ นี่คือความเลวร้ายของสิ่งที่เรียกว่า IO หรือปฏิบัติการจิตวิทยาสงครามที่นำมาใช้กับประชาชน จนเกิดความแตกแยกแตกสามัคคีทั่วทั้งประเทศ เป็นอาเพศใหญ่ในบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้
ต้องย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าสิ่งที่เรียกว่าแลนด์บริดจ์ดังกล่าวนั้นคือการสร้างทางรถไฟเชื่อมฝั่งทะเลอันดามันกับฝั่งอ่าวไทย ตั้งแต่บริเวณจังหวัดระนองด้านทะเลอันดามัน มายังฝั่งอ่าวไทยที่ชุมพร พูดง่าย ๆ ก็คือจะมีการสร้างทางรถไฟเชื่อมสองฝั่งทะเลในบริเวณเขตพื้นที่แดนต่อแดนของภาคใต้และภาคกลาง ตรงจุดจังหวัดระนองและชุมพรซึ่งเป็นพื้นที่เล็ก รวมกันแล้วสู้จังหวัดนครศรีธรรมราชหรือสงขลาหรือสุราษฎร์ธานีเพียงจังหวัดเดียวยังไม่ได้
ทางรถไฟที่จะสร้างเชื่อมนี้ก็มีระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตรเศษ ใช้ระยะเวลาวิ่งก็ราว 1.5-2 ชั่วโมง โดยมีท่าเรืออยู่ทั้งสองฝั่ง คือมีท่าเรืออยู่ที่ระนองเพื่อเป็นที่จอดเรือด้านทะเลอันดามัน และมีท่าเรืออยู่ที่ชุมพรเพื่อเป็นที่จอดเรือด้านอ่าวไทย และท่าเรือดังกล่าวนี้ก็คือท่าเรือขนส่งสินค้า
ทั้งหมดนี้แหละที่เรียกว่าแลนด์บริดจ์ ไม่ใช่การตั้งโรงกลั่นน้ำมัน หรือคลังน้ำมัน หรือสถานีขนถ่ายสินค้า
การสร้างแลนด์บริดจ์ก็เพื่อใช้เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าจากเรือขนส่งสินค้าที่มาจากด้านตะวันตก เพื่อไปยังด้านตะวันออก เพื่อจะไม่ต้องไปอ้อมที่ช่องแคบมะละกา ซึ่งจะใช้เวลามากกว่าประมาณ 30 ชั่วโมง หรือสองวันครึ่ง แต่ปัจจุบันนี้ความเร็วของเรืออาจใช้เวลาเพียง 18 ชั่วโมงเท่านั้น
การขนส่งสินค้าทางทะเลในอดีตนั้นจะใช้เรือขนส่งระวางขับน้ำ 10,000 ตัน 30,000 ตัน 50,000 ตัน และ 100,000 ตัน แต่ปัจจุบันนี้เรือขนส่งสินค้าจะมีระวางขับน้ำตั้งแต่ 100,000 ตัน 300,000 ตัน 500,000 ตัน และ 1,000,000 ตัน เพื่อขนส่งสินค้ามากขึ้นและต้นทุนถูกลง
ประมาณการขนส่งใช้ตู้คอนเทนเนอร์อยู่ที่เรือระวาง 100,000 ตัน บรรทุกได้ 10,000 ตู้ หรือเฉลี่ยตู้คอนเทนเนอร์ละ 10 ตัน ดังนั้นถ้าเฉลี่ยเรือระวางขับน้ำ 100,000 ตัน วันละ 10 ลำท่าจะเข้ามาเทียบท่าก็จะมีการขนส่งถึง 1,000,000 ตัน หรือ 100,000 ตู้คอนเทนเนอร์
ถ้าการขนส่งผ่านช่องแคบมะละกา เรือที่ขนส่งลำใดก็ขนส่งสินค้าทางช่องแคบมะละกาไปส่งที่ปลายทาง ก็ใช้เรือลำเดียวขนส่งไปที่ปลายทางโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาขนถ่ายและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการขนถ่ายใด ๆ
แต่ถ้าหากเป็นแลนด์บริดจ์ บรรดาเรือที่ขนส่งสินค้ามาเทียบท่าที่ท่าเรือระนอง ก็ต้องขนถ่ายสรรพสินค้าทั้งหลายลงที่ท่าเรือ เพื่อขึ้นรถไฟไปส่งที่ท่าเรือชุมพรด้านอ่าวไทย แล้วขนลงเรือที่ท่าเรือชุมพรอีกต่อหนึ่งเพื่อไปส่งสินค้ายังปลายทาง จะต้องยกของขึ้นลงสองรอบ จะต้องใช้เรือขนส่งสองลำ
และเมื่อของลงจากเรือแล้ว รถไฟก็ต้องบรรทุกไปยังอีกท่าเรือหนึ่ง ตรงนี้ก็จะมีปัญหาอีก เพราะรถไฟแต่ละขบวนซึ่งประเทศไทยใช้ระบบรางกว้าง 1 เมตร จะขนส่งสินค้าได้ขบวนละราว 500 ตู้คอนเทนเนอร์ ดังนั้นเรือสินค้าแต่ละลำกว่าจะขนสินค้าไปท่าเรือชุมพรหมดจะใช้เวลากี่วันก็ไม่รู้ และเรือที่รอรับที่ท่าเรือชุมพรก็ต้องรอรับสินค้าจนเต็มเรือก่อนจึงจะไปส่งยังที่หมายปลายทางได้
นี่คือความฉิบหายแห่งชาติที่จะเกิดขึ้นจากการหลอกลวงไม่พูดความจริงกัน
มีการโกหกว่าประเทศไทยจะโชติช่วงชัชวาลจากการสร้างแลนด์บริดจ์ เพราะซาอุดิอาระเบียจะมาตั้งโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ เนื่องจากมีคำยืนยันชัดเจนว่าซาอุดิอาระเบียไม่มีโครงการจะมาตั้งโรงกลั่นน้ำมันที่นี่เลย
และเหตุผลสามัญที่ไม่ควรใช้โกหกคนไทยก็คือประเทศผู้ผลิตน้ำมันทั้งหลายในโลกเขาจะตั้งโรงกลั่นน้ำมันในประเทศตัวเอง เช่น ซาอุดิอาระเบียและอิหร่านก็ตั้งโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศตัวเองทั้งสิ้น
ข้อสำคัญ คนโกหกยกเมฆไม่รู้ความจริงว่าซาอุดิอาระเบียมีโรงกลั่นน้ำมันขนาดยักษ์แล้วถึง 6 โรง มีพลังการผลิตเหลือเฟือ นอกจากเขาไม่มีนโยบายไปตั้งโรงกลั่นนอกประเทศแล้ว ยังไม่มีความจำเป็นต้องสร้างโรงกลั่นเพิ่มอีกด้วย
ดังนั้นเหตุผลเรื่องโรงกลั่นจึงเป็นเรื่องเหลวไหล
นอกนั้นยังโกหกต่อไปว่าถ้าทำแลนด์บริดจ์ สองข้างทางรถไฟจะเจริญรุ่งเรือง ไม่ต้องดูเหตุผลอื่น ขอให้เราทั้งหลายไปนั่งรถไฟดูว่าสองข้างทางรถไฟมีโรงงานอุตสาหกรรม มีพื้นที่ค้าขายอะไรบ้าง ก็ตอบได้ว่ามีแต่ทุ่งนา ไม่มีการทำธุรกิจใด ๆ แล้วยังมาโกหกกันหน้าซื่อตาใสอีก.