1 คนสงสัย
ไม่น่าเชื่อถือ! ป.ป.ช.ตีตกข้อเสนอขอกันตัวพยาน 'ผู้ถูกกล่าวหารายสำคัญ' คดีแอร์บัส 10 ลำ
หลังจากที่ผู้ถูกกล่าวหารายนี้ ได้แจ้งขอความประสงค์ขอให้ ป.ป.ช.กันตัวเองเป็นพยาน โดยแจ้งว่ามีข้อมูลสำคัญ แต่กลับไม่มีและให้การไม่เหมือนกันกับตอนเป็นพยาน ขัดกับพยานปากอื่น กรรมการ ป.ป.ช.เลยไม่เชื่อถือ ตีตกข้อเสนอขอกันตัวเป็นพยานดังกล่าวไป

สำหรับคดีนี้ สำนักข่าวอิศรา รายงานข่าวไปแล้วว่า ในช่วงเดือน ธ.ค.2565 ที่ผ่านมา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหานายทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายพิเชษฐ สถิรชวาล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมช.คมนาคม ,นายทนง พิทยะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ บมจ.การบินไทย และนายกนก อภิรดี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย ในความผิดฐานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีการจัดซื้อเครื่องบินแอร์บัสแบบ A340-500 และแบบ A340-600 จำนวน 10 ลำ ในช่วงปี 2546-2547 ทำให้ บมจ.การบินไทย ได้รับความเสียหาย
ชลิษา ล่องวัด
 •  1 ปีที่แล้ว
0 ความเห็น
ช่วยระบุหมวดหมู่ของข้อความนี้ให้หน่อย
เลือกให้น้อยที่สุด (ถ้าเป็นไปได้)

ยังไม่มีใครตอบ

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    กัมพูชาเคลม ทิม พิธา เป็นคนเขมร พร้อมโชว์หลักฐานยืนยัน
    แต่ดูเหมือนว่านอกจากกระแสว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เมืองไทย จะไม่ได้แค่ฟีเวอร์เพียงในประเทศเท่านั้น กลับมีสื่อต่างชาติมากมายบินลัดฟ้ามาทำข่าว จนหลายประเทศทั่วโลกแห่จับตาว่า ถ้าหากได้เป็นรัฐบาลจะสามารถทำงานด้วยความโปร่งใส และตรงไปตรงมาหรือไม่ ล่าสุดโซเชียลฝั่งกัมพูชา ก็ดูท่าจะสนใจการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของประเทศไทยเช่นกัน โดยรอบนี้มีชาวเน็ตรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์บอกว่า ‘ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ มีเชื้อสายเป็นคนเขมร พร้อมกับแนบหลักฐานรูปในอินตาแกรมของ “ทิม พิธา” ที่เคยโพสต์ไว้ตั้งแต่ปี 2558  พร้อมเขียนข้อความแปลไทยได้ว่า “การเมืองไทยจะขึ้นๆ ลงๆ ก็ยังไม่พ้นเลือดคนพระตะบอง ในการเลือกตั้งเมื่อวานนี้ พิธา ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้คะแนนสูงที่ 1 อาจเป็นผู้สืบทอดสายเลือดมารดา (ตามภาพ IG ของ Tim Pita ที่โพสต์พร้อมรูปถ่ายของโรงเรียนเก่าพระตะบอง ในปี 2559 คุณยายของเขาเคยอาศัยอยู่ในบ้านนี้เกือบศตวรรษ)” “ขณะเดียวกัน พรรคประชาธิปัตย์ยังมีเหลนของ ควง อภัยวงค์ ที่ได้ลงสมัครชิงตำแหน่งในกรุงเทพฯ แต่ล้มเหลว นายควง อภัยวงค์ เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าแผ่นดินเจ้าฟ้าคฑาธร ชุ่ม อภัยวงศ์ กษัตริย์องค์สุดท้ายของแห่งพระตะบอง นายควง อภัยวงศ์ ผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ที่เก่าแก่ที่สุดของไทย และยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 3 สมัยอีกด้วย”
    zxsr
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ก้าวไกลเผย "พิธา" ไม่รู้ประวัติ "พี่ต้นบอดี้การ์ด" เคยต้องคดี
    อดีต ผบก.ป. "พล.ต.ต.สุพิศาล" แกนนำพรรคก้าวไกล เผย "พิธา" ไม่รู้ประวัติ "พี่ต้นบอดี้การ์ด" เคยต้องคดีอ้างเป็นตร.อุ้มรีดทรัพย์ ยอมรับกระทบภาพลักษณ์ "พิธา" ยืนยันพรรคพร้อมให้โอกาสทุกคนเท่าเทียมกัน วันนี้ (25 ก.ค.2566) จากกรณีที่มีกระแสสังคมตั้งคำถามถึง "ผู้กองต้น" บอดี้การ์ดประจำตัว นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าเคยถูกดำเนินคดีอ้างเป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติดแล้วขูดรีดทรัพย์เหยื่อเจ้าของร้านขายของชำ ซึ่งขณะนั้น พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ดำรงตำแหน่ง ผบก.ป. เป็นผู้แถลงผลการจับกุม โดยปัจจุบันเป็นหนึ่งในแกนนำพรรคก้าวไกลคนสำคัญ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ อดีต ผบก.ป. และเป็นแกนนำพรรคก้าวไกล ที่บ้านพักใน จ.ราชบุรี ก่อนได้รับการเปิดเผยว่า เมื่อปี 2554 ตนได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้แถลงผลการจับกุม ผู้กองต้น หรือ พร้อมพวกรวม 3 คน ก่อเหตุอุ้มเหยื่อเจ้าของร้านขายของชำไปทำร้ายร่างกายและปล้นทรัพย์ มีทองรูปพรรณ ทั้งสร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวน และเงินสด 60,000 บาท รวมทรัพย์สิน 276,800 บาท ก่อนปล่อยตัวและข่มขู่ให้ผู้เสียหายโอนเงินให้อีก โดยศาลพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 12 ปี แต่ได้รับการลดหย่อนโทษและถูกปล่อยตัวมาเมื่อปี 2560 หลังจากนั้นได้มีการเปลี่ยนชื่ออยู่หลายครั้ง และเข้าทำงานเป็นพนักงานบริษัทรักษาความปลอดภัยประมาณปี 2562
    std46598
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    "กิตติพงษ์ กิตยารักษ์" ลาออกกรรมการบอร์ด ปตท. แบบฟ้าผ่า โดยเผยว่าสาเหตุการลาออกคือ "เนื่องจากมีภารกิจอื่น" . สำหรับสาเหตุการลาออกที่มีการแจ้งในข่าวประชาสัมพันธ์ว่า "เนื่องจากมีภารกิจอื่น" แต่มีการตั้งข้อสังเกตุ เป็นการลาออกก่อนวาระอย่างกระทันหัน และโดยปกติการลาออกของประธานคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่เป็นบริษัทระหว่างประเทศ แบบ ปตท. เป็นเรื่องใหญ่ ที่ต้องทำอย่างรอบคอบ ไม่ส่งสัญญาณผิด ที่กระทบกับภาพลักษณ์บริษัท และอาจทำให้มีการตีความว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นใน ปตท. รายงานข่าวแจ้งว่า ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ประธานกรรมการตรวจสอบและกรรมการอิสระ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ลาออกจากกรรมการบอร์ด ปตท. เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ใน ปตท. เพราะแทบไม่มีเหตุผลใดจะต้องลาออกช่วงเวลานี้ ทั้งนี้ ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ ได้รับแต่งตั้งเข้ามาดำรงตำแหน่งบอร์ด ในฐานะ "กรรมการอิสระ" เมื่อปี 2558 และได้รับเป็นประธานกรรมการตรวจสอบ ซึ่งช่วงที่เข้าไปใน ปตท.นั้น ก็เป็นรัฐบาล คสช. ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งก็ยังเป็นนายกฯ อยู่ในปัจจุบัน แมัจะเปลี่ยนเป็นรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งแล้วก็ตาม อย่างไรก็ตาม ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สื่อที่เกาะติดปัญหาทุจริตในปตท.ทราบกันดีว่า ในฐานะประธานกรรมการตรวจสอบ ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ มีผลงานเป็นประจักษ์ด้านการตรวจสอบทุจริต ตามคำประกาศวาระแห่งชาติปราบทุจริตของรัฐบาล เพราะได้สะสางปมทุจริตเรื่องใหญ่ๆ ที่คาใจสังคมและผู้ถือหุ้นไปได้หลายเรื่อง นอกจากนี้ ส่วนสำคัญในการดึงองค์กรตรวจสอบมืออาชีพ และผู้สอบบัญชีระดับ big four ของโลก (บริษัท Deloitte Touche Tohmatsu) เข้าไปทำ forensic investigation จนสามารถเปิดโปงหลักฐานที่ชัดเจน ของขบวนการโกงปาล์มอินโดฯ กระทั่งส่งสำนวนให้ ป.ป.ชไต่สวนต่อได้สำเร็จ แต่ส่งไปนานถึง 4 ปี คดียังไม่คืบหน้า สำหรับคดี "ปาล์มอินโดฯ" เป็นกรณีของ บริษัท พีทีที กรีนเอเนอร์ยี่ฯ หรือ PTT.GE. บริษัทลูกของ ปตท. ถูกกล่าวหาว่าลงทุนปลูกปาล์มน้ำมันที่ประเทศอินโดนีเซีย แต่พบความไม่ชอบมาพากลในการลงทุน และมีการจ่ายค่านายหน้าแพงเกินจริงกว่า 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา นอกจากนั้น ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ ยังมีส่วนสำคัญในการร่วมมือกับประธานตรวจสอบ บริษัทโกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC จนสามารถเปิดโปงขบวนการโกงทั้งระหว่างบริษัทในเครือ ปตท. ด้วยกันเอง และโยงใยสู่เครือข่ายภายนอก จากกรณีสต๊อกน้ำมันปาล์มในคลังคู่ค้าสูญหาย ส่อว่าจะเป็น "สต็อกลม" ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในกระบวนการดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญากับผู้เกี่ยวข้อง สำหรับ ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ มีประวัติการทำงานเป็นที่ยอมรับในเรื่อง "มือสะอาด" และความตรงไปตรงมา อีกทั้ง ในอดีตเคยเป็นอัยการ และข้ามฟากมาเป็นผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม เป็นอธิบดีหลายกรม ก่อนขึ้นเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม ดำรงตำแหน่งยาวนานหลายปี นอกจากนี้ เคยมีบทบาทมากในคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มี ดร.คณิต ณ นคร เป็นประธาน โดยช่วงหลัง ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ มาบุกงานที่สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย หรือ TIJ เน้นการทำงานร่วมกับต่างประเทศและสหประชาชาติ ขณะเดียวกัน ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ ยังปรากฏชื่อเป็นแคนดิเดต "นายกฯคนกลาง" แทบทุกครั้งที่มีวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย ฉะนั้นการลาออกจาก ปตท. แบบ "ฟ้าผ่า" ครั้งนี้ จึงทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถาม ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นใน ปตท.
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    หนังสือเวียนครับพี่น้องแล้วต้องส่งต่อ ไม่ส่งต่อแล้วระบอบทักษิณยังเกาะกินเรื้อรัง ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลที่หลายคนคงยังไม่รู้ อ่านเสร็จแล้วโปรดส่งต่อ เพื่อเปิดโปงออกไปให้มากที่สุด..... ขอบคุณ อจ.ประพจน์ ท่ีส่งเนื้อความนี้มาแชร์ คล้ายมีทิศทางเดียวกับเนื้อความนี้: "ถาม...ทำไมวงจรอุบาทว์อาจหมุนกลับมาได้อีก" "คำตอบอยู่ข้างล่างนี้ ซึ่งเป็นสาเหตุส่วนหนึ่ง" ๑. ตระกูลชิน ยึดองคาพยพ รัฐวิสาหกิจเบ็ดเสร็จ ขุมสมบัติหลาย แสนล้านของชาติ ได้ถูกแบ่งขายครั้งแรกในน้ำมือรัฐบาลพี่ชาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ คือ ปตท. และหากมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค ไม...่ร้องต่อศาลปกครอง กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ......... " เตรียมขาย กฟผ. " จนศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษา........ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2549 ให้เพิกถอนพระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจสิทธิ และประโยชน์ของบริษัท กฟผ.จำกัด (มหาชน) พ.ศ.2548 และหากพี่ชาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังอยู่ในอำนาจป่านนี้สมบัติชาติคงถูกขายกินหมดแล้ว ๒. กระนั้นก็ตาม เมื่อมาถึงยุค น.ส.ยิ่งลักษณ์เรืองอำนาจ ก็เข้ามาทำพฤติกรรมเดิมๆ สูบกินรัฐวิสาหกิจอีกครั้งภายใต้ระบบโครงสร้างความเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ ก็ได้ค่าเบี้ยประชุม โบนัส และเงินตอบแทน ตลอดจนการจัดซื้อจัดจ้าง จากงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ ที่ระดับและอำนาจการตรวจสอบจะอ่อนด้อยกว่่า กระทรวง กรมต่างๆ ซ้ำร้ายกว่านั้น รัฐวิสาหกิจ ที่แปรรูปเป็นเอกชน ผลตอบแทนกรรมการ ตลอดจนการตรวจสอบจากรัฐในการบริหารงบลงทุนต่างๆ และการสนองตอบนโยบายสาธารณะ ก็ยิ่งน้อยลง ยกตัวอย่าง ปตท.ที่แปรรูปไป ยังเล่นแร่แปรธาตุดูดกินด้วย การถ่ายโอนผลประโยชน์ ทรัพย์สิน การลงทุนผ่านบริษัทลูกปตท. ที่อยู่นอกเขตการตรวจสอบภายใต้อำนาจรัฐออกไปเรื่อยๆ เงินไหลออกไป บริษัทลูก ทำให้บริษัทแม่ผลประกอบการไม่ดี แต่การตรวจสอบบริษัทลูกหรือบริษัทที่ ปตท.ร่วมทุน กลับยิ่งยากขึ้น และมาวันนี้ ยุคน้องสาว พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ก็มีพฤติกรรมไม่ต่างกัน แต่คราวนี้ขยายวงกว้างกว่ามาก เกือบจะทุกรัฐวิสาหกิจ ทั้งด้านพลังงานสาธารณูปโภคและธนาคาร ที่เริ่มด้วย (1) การตั้งคนในธุรกิจตนเองมาเป็นกรรมการหวังกระทำบางอย่างหรือไม่ นอกจากนี้ยังต่างตอบแทนผู้ภักดีกล้าหาญด้วย (2) การแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ. คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับ_กรรมการและพนักงาน รัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....ให้คุณสมบัติต่ำลงและมีการเปิดช่องให้ผู้มาดำรงตำแหน่งมีผลประโยชน์ทับซ้อนได้ แล้วแต่ รมว.คลัง จะพิจารณายกเว้น และ (3) การรวบเอาที่ดินของรัฐวิสาหกิจมาจัดสรรเองใหม่ พร้อมหลักฐานการจัดตั้งองค์กรใหม่มาจัดการเรื่องนี้โดยเฉพาะ โดย (1) ตั้งคนใกล้ชิดเป็นกรรมการเกรดเอ รายชื่อต่อไปนี้ (อย่าได้ปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ธุรกิจครอบครัวชินวัตร) - การท่าเรือแห่งประเทศไทย มีพล.ร.อ.เกียรติศักดิ์ ดามาพงศ์ พี่ชายต่างมารดาของคุณหญิง พจมาน ชินวัตร เป็นกรรมการและมีน้องรักพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างพล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นประธานกรรมการ - การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ตั้งนายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล รองกก.ผู้อำนวยการบริษัท ไทยคม จำกัด(มหาชน) และนายสุนทร ทรัพย์ตันติกุล ทนายความพ.ต.ท. ทักษิณ เป็นกรรมการไปคุมคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ก็ตั้ง ดร.นงลักษณ์ พินัยนิติศาสตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านการตลาด บมจ.ไทยคม ธุรกิจครอบครัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นประธานคณะกรรมการ - บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด ขุมสมบัติอีกแห่งที่ตั้ง น.ต.ศิธา ทิวารี อดีต สส.ไทยรักไทย และเพื่อนสนิทพานทองแท้ ไปเป็นประธานกรรมการ ส่วนนายธานินทร์ อังสุวรังษี กรรมการอิสระ มาจากผู้บริหารบริษัทแคปปิตอลโอเค และบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ลูกน้องธุรกิจครอบครัว น.ส.ยิ่งลักษณ์และยังได้เป็น กก.ผู้จัดการ ธนาคารอิสลามฯ ก่อนจะมีคดี แล้วต้องเปลี่ยนตัวไม่นานนี้ - นอกจากนี้ยังตั้ง นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อัยการอาวุโสเป็นกรรมการ แต่พอไปดู เหตุใดน.ส.ยิ่งลักษณ์ ถึงใจป้ำตั้งนายธนพิชญ์ เป็น กรรมการรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง ได้แก่ บ.ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน), บ. ขนส่ง จำกัด และการท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้รับค่าตอบแทนรวมทั้งหมด 1,348,825.81 บาท อัยการอาวุโสท่านนี้มีประวัติอย่างไร เป็นอัยการที่รับผิดชอบคดีทุจริต จัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ ที่ไม่ยอมสั่งฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและพวกรวม 25 คน ในคดีซีทีเอ็กซ์ และสั่งไม่ฟ้องคดี การอนุมัติเงินกู้ธนาคารกรุงไทย ให้ บริษัทเอกชน เช่น กลุ่มเครือกฤษดามหานคร วงเงินหลายร้อยล้านบาท ทั้งที่คตส.และป.ป.ช.ตั้งข้อหา นี่หรือไม่คือสาเหตุ -ขณะที่นายวัฒนา เตียงกูล ทนายความพรรคเพื่อไทย ก็เปลี่ยนเป็นมารับเงินเดือนในบอร์ดทอท. แทน - ในขณะที่ปตท.นอกจากจะตั้ง เบญจา หลุยเจริญ ที่ช่วยให้คดีขายหุ้นชินคอร์ป ไม่ต้องเสียภาษีสมัยเป็นรองอธิบดีกรมสรรพากร ก่อนไปเป็นประธานกรุงไทย และเป็น รมช.คลัง - ก็ยังตั้ง อัยการคนเก่งอย่างนาย จุลสิงห์ วสันตสิงห์ ผู้สั่งไม่ฟ้องคดีเลี่ยงภาษีของครอบครัวชินวัตร - ในเหตุผลเดียวกัน ก็ยังพ่วงนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ผู้เร่งดำเนินการคืนพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้เป็นกรรมการ - แต่ก็ยังไม่น่าสนใจเท่าการส่งนาย วรุณเทพ วัชราภรณ์ ผู้บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ฯ จำกัด (มหาชน) ลูกน้องตนเองในธุรกิจครอบครัว มานั่งกุมขุมทรัพย์ที่ปตท. ส่วนบริษัทลูกของปตท. อย่าง บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด ก็มีคำสั่งให้ นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ทนายความไทยรักไทย ไปคุม คณะกรรมการสลากกินแบ่งรับาล นายวีรภัทร ศรีไชยา ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณในคดีเลี่ยงภาษี 1.2 หมื่นล้านบาท ของพานทองแท้ และพินทองทา ชินวัตร และเป็นทนายความพรรคเพื่อไทย ที่ยื่นคำร้องขอให้ตุลาการทั้ง 8 คน เพิกถอนมติรับคำร้องและคำสั่งที่ให้รัฐสภารอการดำเนินการลงมติวาระ 3 ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และ ตั้ง พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เพื่อนสนิท พ.ต.ท.ทักษิณ - ที่น่าตะลึงพึงเพริดคือ การตั้ง พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร อดีตหัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นกรรมการและผู้อำนวยการกองสลาก ถามว่า หน่วยงานนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเจ้าของหรือ ?? ธนาคารกรุงไทย ที่นอกจากจะตั้ง นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ เป็นกรรมการแล้ว ยังตั้งลูกน้องในเครือชินคอร์ป อย่าง นางอรุณภรณ์ ลิ่มสกุล ที่ใครๆก็รู้ว่าคือ ผู้บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และ นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ที่มีอีกตำแหน่งในฐานะ กรรมการ บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น - ธนาคารออมสิน นอกจากจะตั้ง ดร.นงลักษณ์ พินัยนิติศาสตร์ ผู้บริหารระดับสูง ไทยคม อย่างที่กล่าวแล้ว ยังตั้งนายชัยธวัช เสาวพนธ์ กรรมการบริษัท วินโคสท์อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) ให้ไปเป็นกรรมการออมสินเพื่อหวังทำอะไร - องค์การเภสัชกรรมเหตุใด จึงตั้งเอานายสมชัย โกวิทเจริญกุล พี่เขยนายกฯเอง (สามี นางมณฑาทิพย์ โกวิทเจริญกุล (ชินวัตร) กรรมการ และ ผู้ถือหุ้น บริษัท เอ็มลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ธุรกิจในครอบครัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ - แต่ที่น่าสนใจคือ นายสมชัย โกวิทเจริญกุล คือ ผู้ถือหุ้นในบริษัท ฮัวถอ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจนำเข้าอุปกรณ์การแพทย์ จากประเทศจีน จึงน่าคิดว่าตั้งให้เข้าไปทำอะไรในองค์การเภสัชกรรม ?? - การประปานครหลวง ตั้ง นายเอกราช ช่างเหลา ที่เคยถูกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) สั่งอายัดเงิน และ การทำธุรกรรมการเงินในช่วงชุมนุมคนเสื้อแดงปี 2553 เนื่องจากศอฉ.เชื่อว่า เป็นท่อน้ำเลี้ยงกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะพบเงินหมุนเวียนในบัญชีร่วม 1,200 ล้านบาท - ขณะที่การประปาส่วนภูมิภาค ตั้ง พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ แกนนำนปช.และกลุ่มคนเสื้อแดงผู้ถูกออกหมายจับในคดีก่อความวุ่นวายปี’53 ไปนั่งคุม - นอกจากนี้ยังตั้ง นางอัมพร นิติสิริ ที่เป็นภรรยา ของ นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม ไปเป็นกรรมการคุมการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ทั้งหมดกระทำภายใต้อำนาจ น.ส.ยิ่งลักษณ์เองโดยตรง ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ประธานคณะกรรมการนโยบายทุนรัฐวิสาหกิจ (กนท.) - และล่าสุดประธานคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ แม้จะมอบให้ใครดูแล แต่ด้วยตามกฎหมายการกำกับรัฐวิสาหกิจทุกฉบับ ก็สั่งให้มาเคาะครั้งสุดท้ายบนโต๊ะครม.ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้บริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั่งที่หัวโต๊ะ ขณะที่ การกระทำตาม (2) การแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจฯ และ. 3) การจัดตั้งองค์กรใหม่มาจัดการเรื่อง อสังหาริมทรัพย์รัฐวิสาหกิจ นั้นจะได้กล่าวเจาะในตอนต่อไป หมดประเทศหรือยัง..........? เขาเป็นเจ้าของประเทศหรือ ? คุณ.....ยินยอม.....หรือ......? ลุกขึ้นเถิด...พี่น้องไทย.... อย่าให้....ชีวิตสูญเปล่า.... รักชาติ....แผ่นดินของเรา.. เหมือนดังพงศ์เผ่า......... ต้นตระกูลไทย........... ! .................. อ่านจบก็เข้าใจได้หรือยังครับ ว่าทำไมจึงต้องมีขบวนการ "ล้ม เจ้า"..เพื่อเข้ายึด "อำนาจใหม่"..ล้มล้างเจ้าทิ้งไป แล้ว เข้ายึดครองสร้างอำนาจใหม่ ภายใต้ระบบ "ประธานาธิบดี" ผู้มีอำนาจสูงสุด (ทีนี้ล่ะ..ได้สิ้นชาติทันตาเห็น) ...ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ก็จะต้องตกไปสู่มือของผู้มีอำนาจใหม่ที่จะทำเพื่อพวกพ้องและบริวาลตนเท่านั้น ประวัติศาสตร์กษัตริย์นักรบ ก็จะหายไปสิ้น เหลือแต่ประวัติใหม่ของโจรปล้นบัลลังก์ ที่นั่งเทียนเขียนอุปโหลกเรื่องดีให้เลวร้าย เรื่องเลวร้ายที่พวกมันทำฉิบหาย ให้ดูดี ตื่นนะ..พี่น้องไทย อย่าปล่อยให้ไฟไหม้ประเทศ กษัตริย์..ทำให้ชาติ นักการเมือง..ทำให้โคตร ของพวกมัน เปิดโปง ออกไปให้มากที่สุด.....หนังสือเวียนครับพี่น้องแล้วต้องส่งต่อ ไม่ส่งต่อแล้วระบอบทักษิณยังเกาะกินเรื้อรัง ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลที่หลายคนคงยังไม่รู้ อ่านเสร็จแล้วโปรดส่งต่อ เพื่อเปิดโปงออกไปให้มากที่สุด..... ขอบคุณ อจ.ประพจน์ ท่ีส่งเนื้อความนี้มาแชร์ คล้ายมีทิศทางเดียวกับเนื้อความนี้: "ถาม...ทำไมวงจรอุบาทว์อาจหมุนกลับมาได้อีก" "คำตอบอยู่ข้างล่างนี้ ซึ่งเป็นสาเหตุส่วนหนึ่ง" ๑. ตระกูลชิน ยึดองคาพยพ รัฐวิสาหกิจเบ็ดเสร็จ ขุมสมบัติหลาย แสนล้านของชาติ ได้ถูกแบ่งขายครั้งแรกในน้ำมือรัฐบาลพี่ชาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ คือ ปตท. และหากมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค ไม...่ร้องต่อศาลปกครอง กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ......... " เตรียมขาย กฟผ. " จนศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษา........ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2549 ให้เพิกถอนพระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจสิทธิ และประโยชน์ของบริษัท กฟผ.จำกัด (มหาชน) พ.ศ.2548 และหากพี่ชาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังอยู่ในอำนาจป่านนี้สมบัติชาติคงถูกขายกินหมดแล้ว ๒. กระนั้นก็ตาม เมื่อมาถึงยุค น.ส.ยิ่งลักษณ์เรืองอำนาจ ก็เข้ามาทำพฤติกรรมเดิมๆ สูบกินรัฐวิสาหกิจอีกครั้งภายใต้ระบบโครงสร้างความเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ ก็ได้ค่าเบี้ยประชุม โบนัส และเงินตอบแทน ตลอดจนการจัดซื้อจัดจ้าง จากงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ ที่ระดับและอำนาจการตรวจสอบจะอ่อนด้อยกว่่า กระทรวง กรมต่างๆ ซ้ำร้ายกว่านั้น รัฐวิสาหกิจ ที่แปรรูปเป็นเอกชน ผลตอบแทนกรรมการ ตลอดจนการตรวจสอบจากรัฐในการบริหารงบลงทุนต่างๆ และการสนองตอบนโยบายสาธารณะ ก็ยิ่งน้อยลง ยกตัวอย่าง ปตท.ที่แปรรูปไป ยังเล่นแร่แปรธาตุดูดกินด้วย การถ่ายโอนผลประโยชน์ ทรัพย์สิน การลงทุนผ่านบริษัทลูกปตท. ที่อยู่นอกเขตการตรวจสอบภายใต้อำนาจรัฐออกไปเรื่อยๆ เงินไหลออกไป บริษัทลูก ทำให้บริษัทแม่ผลประกอบการไม่ดี แต่การตรวจสอบบริษัทลูกหรือบริษัทที่ ปตท.ร่วมทุน กลับยิ่งยากขึ้น และมาวันนี้ ยุคน้องสาว พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ก็มีพฤติกรรมไม่ต่างกัน แต่คราวนี้ขยายวงกว้างกว่ามาก เกือบจะทุกรัฐวิสาหกิจ ทั้งด้านพลังงานสาธารณูปโภคและธนาคาร ที่เริ่มด้วย (1) การตั้งคนในธุรกิจตนเองมาเป็นกรรมการหวังกระทำบางอย่างหรือไม่ นอกจากนี้ยังต่างตอบแทนผู้ภักดีกล้าหาญด้วย (2) การแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ. คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับ_กรรมการและพนักงาน รัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....ให้คุณสมบัติต่ำลงและมีการเปิดช่องให้ผู้มาดำรงตำแหน่งมีผลประโยชน์ทับซ้อนได้ แล้วแต่ รมว.คลัง จะพิจารณายกเว้น
    ไม่ระบุชื่อ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    #SAVEปลัดกระทรวงมหาดไทย คนไทยรู้ทันเล่ห์กล "กบฏมุสลิม" อย่าให้คนดีต้องถูกทำลาย จากการประโคมข่าวของสื่อกระแสหลัก ในการประชุมทางไกลภายในของฝ่ายข้าราชการประจำ กระทรวงมหาดไทย (27 ธ.ค. 2565) ซึ่งในการประชุมมิได้มีการอนุญาตให้นำคลิปทั้งหมดหรือบางส่วน ไปเผยแพร่ต่อสาธารณชนแต่อย่างใดนั้น ปรากฏว่ามีการแอบถ่ายคลิป และตัดต่อเอาเฉพาะถ้อยคำบางส่วน ของปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อสร้างความเสื่อมเสีย โดยเฉพาะประเด็นที่พาดพิงถึงสถาบันการศึกษา อย่างเช่น คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยสยาม เป็นต้น นับตั้งแต่ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ เข้าดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย (พ.ศ. 2564) เป็นต้นมา เกิดการปฏิรูปครั้งใหญ่ขึ้นในกระทรวงมหาดไทย มีการนำ "พระพลังแผ่นดิน" ของในหลวงรัชกาลที่ 10 มอบให้แก่ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด (ซึ่งกว่าครึ่งเป็นมุสลิมเชื้อสายมลายู) เพื่อนำไปประดิษฐานในจวนผู้ว่าฯ และเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า "แผ่นดินนี้คือ แผ่นดินแห่งพุทธศาสนา" ปลัดสุทธิพงษ์ ได้แต่งตั้งพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 2 รูป ให้เป็นที่ปรึกษา (ตาม พ.ร.บ.อิสลาม 2540 "คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย" เป็นที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยตำแหน่ง) ปลัดสุทธิพงษ์ ได้นำผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าฯ ปลัดจังหวัด นายอำเภอ ปลัดอำเภอ นายก อ.บ.จ. นายก อ.บ.ต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฟังปาฐกถาธรรม และรับมอบนโยบาย ให้ผู้นำการปกครองทำนุบำรุงพุทธศาสนาในจังหวัดของตน และขับเคลื่อนงานของพุทธศาสนาอย่างเต็มกำลัง มีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง ในกระทรวงมหาดไทยครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อสกัดอิทธิพลของ "มุสลิมเชื้อสายมลายู" ซึ่งแทรกซึมไปเกือบทุกหน่วยงาน ในกระทรวงมหาดไทย นับตั้งแต่สมัย นายอารีย์ วงศ์อารยะ เป็นปลัดกระทรวง และนายวันมูฮัมหมัดนอร์ มะทา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (ซึ่งได้นำพระพุทธรูป ออกจากห้องทำงานของรัฐมนตรี) เป็นต้นมา เป็นที่ทราบกันดีว่า ใครคุมกระทรวงมหาดไทยได้ ก็คุมการปกครองทั่วทั้งประเทศไทยได้ ก่อนหน้านี้มีความพยายามที่จะทำลาย นายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ (ข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2557) นายอำเภอรือเสาะ จ.นราธิวาส (ซึ่งควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เป็นอันดับ 1 ของจังหวัด) ด้วยข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรม ถูกสั่งย้ายให้ไปรักษาการ นายอำเภอบางขัน จ.นครศรีธรรมราช แต่เมื่อคณะกรรมการสอบสวนฯ ระบุว่า นายวิชาญเป็นผู้บริสุทธิ์ จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็น นายอำเภอเมือง จ.สงขลา ท่ามกลางกระแสต่อต้านจากมุสลิมเชื้อสายมลายู ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และได้รับแต่งตั้งให้เป็นปลัดจังหวัดสตูลในปัจจุบัน การแอบถ่ายคลิป และตัดต่อเฉพาะถ้อยคำบางส่วน จากการประชุมภายในของหน่วยงานราชการของรัฐ แล้วนำออกเผยแพร่สู่สาธารณะ นับเป็นความพยายามของ "มุสลิมเชื้อสายมลายู" ซึ่งไม่พอใจนโยบายของปลัดสุทธิพงษ์ และต้องการที่จะทำลายท่าน โดยใช้สื่อกระแสหลัก (ซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลของตนเอง) เป็นเครื่องมือ การกระทำดังกล่าว ย่อมทำให้ผู้ฟังภายนอก ซึ่งไม่ได้อยู่ในที่ประชุม และไม่ได้ฟังการประชุมทั้งหมด เข้าใจผิดได้ง่าย นับเป็นเจตนาที่มุ่งทำลายโดยตรง และเป็นวิธีการที่ไม่อาจยอมรับได้ แม้ว่าถ้อยคำที่ถูกตัดต่อและเผยแพร่นั้น จะฟังดูไม่เหมาะสม แต่เมื่อเทียบกับนโยบายและผลงานของปลัดสุทธิพงษ์แล้ว ไม่อาจเปรียบเทียบกันได้ และการปฏิรูปครั้งใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นในกระทรวงมหาดไทยนั้น ย่อมสั่นสะเทือน "กบฏมุสลิม" เป็นอย่างยิ่ง จึงไม่น่าแปลกใจ ที่จะมีความพยายามทำลาย ปลัดกระทรวงมหาดไทยคนนี้ ในเวลานี้ ชาวพุทธไทยทุกท่าน ควรจะออกมาปกป้อง ท่านปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยการส่งต่อข้อความ (#saveปลัดกระทรวงมหาดไทย) ให้มากที่สุด กรุณาแชร์ต่อ
    ไม่ระบุชื่อ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false