2434 ข้อความ
- 1 คนสงสัยอย. ยกเลิก เลขสารบบอาหาร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเอ๊กซ์ไลท์สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เพิกถอนเลขสารบบอาหาร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเอ๊กซ์ไลท์ ในช่วงปี พ.ศ.2562 ข้อมูลนี้ส่งถึงมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เพื่อเผยแพร่ต่อประชาชน มีรายละเอียด ดังนี้ ชื่ออาหารบนฉลาก: เอ็กซ์ไลท์ (สารสกัดจากถั่วขาว ผสม แอล-คาร์นีทีน,สารสกัดจากชาเขียว และโครเม กรณีความผิด/สาเหตุที่ต้องยกเลิก: โฆษณาแสดงสรรพคุณ คุณประโยชน์ของอาหาร โดยยังไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. และทำให้ประชาชนหลงเชื่อได้ว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสามารถรักษาโรคได้ เข้าข่ายอันเป็นเท็จหรือเป็นการหลอกลวง ข้อมูลสถานประกอบการ: บริษัท เอฟ.ซี.พี. จำกัด (จ.ฉะเชิงเทรา) (ใบอนุญาตที่ 24-1-08040) ที่ตั้งสถานประกอบการ: บ้านเลขที่ 45 หมู่ 4 ตำบลคลองอุดมชลจร อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา 24000 เลขสารบบอาหารที่ถูกยกเลิก: 24-1-08040-1-0210 คำสั่งยกเลิก เลขสารบบอาหาร/ลงวันที่: คำสั่ง อย. ที่ 418/2562 ลงวันที่ 2 กันยายน 2562 อ้างอิงจากเอกสารสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา: https://drive.google.com/open?id=1dZAqXAtvIHw1UPBlLaol19JLC2balkgTอย. เพิกถอนnaruemonjoy• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยอย. ยกเลิก เลขสารบบอาหาร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคาร์นิทีน พลัสสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เพิกถอนเลขสารบบอาหารของ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคาร์นิทีน พลัส ในช่วงปี พ.ศ.2562 ข้อมูลนี้ส่งถึงมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เพื่อเผยแพร่ต่อประชาชน มีรายละเอียด ดังนี้ ชื่ออาหารบนฉลาก: คาร์นิทีน พลัส (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแอล-คาร์นิทีน ผสมสารสกัดจากเปลือกสนมาริไทม์ฝรั่งเศส และโครเมียม) (เครื่องหมายการค้าจดทะเบียนนูทรีมาสเตอร์) กรณีความผิด/สาเหตุที่ต้องยกเลิก: โฆษณาแสดงสรรพคุณ คุณประโยชน์ของอาหาร โดยยังไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. และทำให้ประชาชนหลงเชื่อได้ว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสามารถรักษาโรคได้ เข้าข่ายอันเป็นเท็จหรือเป็นการหลอกลวง ข้อมูลสถานประกอบการ: บริษัท เอฟ.ซี.พี. จำกัด (จ.ฉะเชิงเทรา) (ใบอนุญาตที่ 24-1-08040) ที่ตั้งสถานประกอบการ: บ้านเลขที่ 45 หมู่ 4 ตำบลคลองอุดมชลจร อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา 24000 เลขสารบบอาหารที่ถูกยกเลิก: 24-1-08040-1-0292 คำสั่งยกเลิก เลขสารบบอาหาร/ลงวันที่: คำสั่ง อย. ที่ 418/2562 ลงวันที่ 2 กันยายน 2562 อ้างอิงจากเอกสารสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา: https://drive.google.com/open?id=1dZAqXAtvIHw1UPBlLaol19JLC2balkgTอย. เพิกถอนnaruemonjoy• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจริงไหม รัฐประกาศให้ประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนเป็นเขตโรคติดต่ออันตรายประเทศไทยมีความเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะเกิดการติดต่อของโรคโควิด19ที่มากับผู้เดินทางซึ่งมาจากกลุ่มประเทศที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทย หรือประเทศที่มีพรมแดนติดกับกลุ่มประเทศดังกล่าว ซึ่งมีสถานการณ์การระบาดอย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้การเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคโควิด 19 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยคำแนะนำของคณะกรรมการ ด้านวิชาการ จึงเห็นสมควรประกาศกำหนดให้ท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เกิดการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 เป็นเขต ติดโรคติดต่ออันตราย ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ประกอบด้วย 5 ประเทศ ดังนี้ 1.มาเลเซีย 2.ราชอาณาจักรกัมพูชา 3.สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 4.สาธารณรัฐอินโดนีเซีย 5.สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่าโควิด 2019Supinya Klangnarong• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเปิดตัว BKK HELP อำนวยความสะดวกผู้บริจาคสิ่งของ ให้ลงทะเบียนล่วงหน้า ลดความแออัดเสี่ยงโควิดกรุงเทพมหานครจัดทำระบบ BKK HELP สำหรับอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่มีความประสงค์จะแจกอาหารหรือสิ่งของด้วยตนเอง โดยมีวิธีการเข้าใช้ระบบดังนี้ 1. เข้าไปที่เว็บไซต์ http://bkkhelp.bangkok.go.th/ และเลือกจุดแจกสิ่งของ จาก 71 จุดที่จัดไว้ โดยแต่ละจุดจะมีรายละเอียดว่ามีผู้แจ้งความประสงค์ไว้แล้วในช่วงเวลาใดบ้าง และมีหมายเลขโทรศัพท์ผู้ประสานงานของแต่ละจุดในพื้นที่เพื่อให้ผู้บริจาคดำเนินการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ได้โดยตรง 2. โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตามหมายเลขโทรศัพท์ที่ปรากฏในระบบ ชี้แจงรายละเอียด และทำการนัดหมายล่วงหน้า จากนั้นรอรับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ 3. อัปเดตจุดบริจาคลงเว็บไซต์ 4. นำสิ่งของหรืออาหารมาบริจาคแจกจ่าย โดยสำนักงานเขตในพื้นที่จะจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก อาทิ มีการตรวจวัดอุณหภูมิ มีบริการแอลกอฮอล์เจลสำหรับล้างมือ มีการจัดระเบียบเว้นระยะห่างทางกายภาพ (Physical Distancing) โดยจัดพื้นที่นั่งรอ พื้นที่นั่งทาน และพื้นที่สำหรับทิ้งขยะ พร้อมแนะนำวิธีการแจกของอย่างถูกต้องปลอดภัยทั้งผู้แจกและผู้รับ ทั้งนี้ วิธีการแจกสิ่งของด้วยตนเองผ่านระบบ BKK HELP นั้น ทำให้ผู้แจกและผู้รับสามารถนัดหมายได้ล่วงหน้า แก้ปัญหาความแออัดในการรับสิ่งของหรืออาหาร สามารถป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อได้อย่างมีมาตรฐาน อีกทั้งยังเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่มารับบริจาคได้ตามความประสงค์ของผู้บริจาคด้วย สำหรับจุดแจกสิ่งของ 71 จุด รายละเอียดตาม LINK ด้านล่างโควิด 2019anonymous• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ช่วงโควิดระบาด อันตรายหรือไม่?ถึงแม้ไม่มีหลักฐานแน่ชัดเรื่องการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก เนื่องจากไม่พบเชื้อโควิดในน้ำคร่ำ เลือดจากสายสะดือ และจากน้ำนมแม่ ในรายงานจากประเทศจีนจาก 33 รายมีพบเด็กทารกติดเชื้อโควิดอยู่ 3 รายมีอาการไม่รุนแรง ผู้เชี่ยวชาญคิดว่าน่าจะติดจากการปนเปื้อนสัมผัสหลังเกิดมากกว่า ส่วนการให้นมนั้นสามารถให้ได้ตามปกติ แต่ต้องป้องกันในเรื่องการแพร่กระจายของละอองฝอย สตรีมีครรภ์หรือแม่เด็กอ่อนต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ อยู่บ้านควรใช้ภาชนะส่วนตัว รับประทานอาหารปรุงสุกและสะอาด ออกนอกบ้านต้องป้องกันตัวเป็นอย่างดีตามที่สื่อได้ประชาสัมพันธ์อยู่ตลอดเวลา เช่น เลี่ยงที่แออัด เว้นระยะห่าง 2 เมตร ใส่หน้ากากอนามัยและ face shield เพื่อป้องกันเอามือจับใบหน้าของตัวเอง และต้องล้างมืออยู่เสมอโควิด 2019anonymous• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย""_____ ธุรกิจขายสินค้าโดยวิธีการสมัครสมาชิก และให้สมาชิกซื้อสินค้านั้น จะเป็นการฉ้อโกงหรือไม่ จะดูจาก ""#รายได้"" ว่า ได้มาจากอะไร ซึ่งศาลฎีกาเองก็ดูจากรายได้เช่นกัน ว่า #รายได้ที่แท้จริงนั้นมาจากอะไร โดยแบ่งรายได้ออกเป็น 3 ประเภท ประเภทที่ 1. #รายได้จากการสมัครสมาชิก ถ้ารายได้ส่วนใหญ่มาจากค่าสมัครสมาชิก และมีแนวทางการประกอบกิจการไปที่การแนะนำให้หาสมาชิกเป็นส่วนใหญ่ วิธีการแบบนี้ เข้าลักษณะแชร์ลูกโซ่ ถือว่าเป็นการฉ้อโกงประชาชนได้ #เพราะไม่ได้เน้นที่การขายสินค้าและรายได้ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากการขายสินค้า ประเภทที่ 2. #รายได้มาจากการสมัครสมาชิก และ #การบังคับซื้อสินค้า วิธีการนี้ดูเผินๆเหมือนจะเป็นการตั้งใจประกอบธุรกิจ แต่ถ้าดูให้ละเอียดจะพบว่า ไม่ได้มีเจตนาประกอบธุรกิจจริงๆ #แต่เป็นการหลอกให้ซื้อสินค้าไปเยอะๆแต่ไม่สามารถขายสินค้าได้ ฉะนั้น รายได้จริงๆของเจ้าของธุรกิจ จึงไม่ใช่ผลกำไรจากการขายสินค้าทั่วไป #แต่เป็นรายได้ที่ได้จากการให้สมาชิกต้องซื้อสินค้าจำนวนหนึ่ง [** รายได้ของธุรกิจ จะต้องได้จากการขายสินให้คนทั่วไป ไม่ใช่รายได้จากการบังคับให้สมาชิกซื้อสินค้าในจำนวน มากๆ / เรียกว่า ""รายได้หรือกำไรเทียม"" ] วิธีการแบบนี้เข้าลักษณะแชร์ลูกโซ่เช่นกัน เพราะรายได้ที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากการขายสินค้าทั่วไป #แต่เกิดจากการหลอกลวงให้สมาชิกซื้อสินค้าจำนวนมากๆ ประเภที่ 3. #รายได้มาจากการาขายสินค้าทั่วไป ธุรกิจประเภทนี้ถือเป็นธุรกิจทั่วๆไป คือ นำสินออกขาย ถ้าขายได้ก็ได้กำไร ถ้าขายไม่ได้ก็ขาดทุน โดยจะไม่มีรายได้จากค่าสมาชิก หรือรายได้จากการบังคับซื้อสินค้าในจำนวนมากๆ #ธุรกิจที่กำลังเป็นข่าวดังอยู่ในตอนนี้ เข้าลักษณะที่ 2. คือ มีสินค้าจริง แต่จะให้สมาชิกซื้อสินค้าในจำนวนมากๆ #แต่สินค้าจะขายไม่ได้ หรือจะขายได้น้อย #และถ้าไปดูรายได้ของบริษัทแม่จริงๆ ก็จะพบว่ รายได้หรือกำไร #มาจากการซื้อสินค้าของสมาชิก ส่วนสมาชิกจะนำสินค้าไปขายได้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อรายได้หรือกำไรของบริษัท ไม่ได้เกิดจากการขายสินค้าให้แก่คนทั่วไป แต่เกิดจากการซื้ของสมาชิกเอง ก็แสดงว่า #รายได้หรือกำไรของบริษัทนั้นมีขึ้นก่อนที่จะนำสินค้าออกขายให้แก่คนทั่วไปโดยสมาชิก ดู ไทมไลน์ ดังนี้ 1. ผลิตสินค้า 2.หาสมาชิก 3. ให้สมาชิกซื้อสินค้าจำนวนมาก [** รายได้ของบริษัท] 4. สมาชิกนำสินค้าที่ซื้อไปขาย จะเห็นว่า รายได้ของบริษัท #เกิดขึ้นก่อน ที่สมาชิกจะเอาสินค้าไปขาย และเป็นรายได้ที่มาจากสมาชิกเอง วิธีการที่จะหลอกสมาชิกให้มาสมัครเป็นสมาชิก และให้ซื้อสินค้าในจำนวนมากๆได้นั้น จะต้องอาศัยเครื่องมือ ที่เรียกว่า ""#ดาราหรืออินฟลูเอ็นเซอร์"" ธุรกิจพวกนี้จะให้ดาราหรืออินฟลูเอ็นเซอร์มาช่วยโปรโมทธุรกิจของตนเอง "" ........ #โดยมีวัตถุประสงค์ให้สมาชิกตัดสินใจซื้อสินค้าให้เยอะขึ้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ให้สมาชิกนำสินค้าไปขายได้ง่ายขึ้น .........."" ดู คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 2901/2547 วินิจฉัยว่า "" ..... ถ้ารายได้หรือผลกำไร มาจากค่าสมัครสมาชิก และจะได้มากขึ้นเมื่อสามารถชักชวนคนอื่นให้เข้ามาเป็นสมาชิกได้ #อันแสดงว่ารายได้หรือผลกำไรไม่ได้ขึ้นอยู่กับสินค้าหรือบริการ แต่ขึ้นอยู่กับการชักชวนหรือการหาสมาชิกให้ได้จำนวนมากๆ #และเมื่อรายได้หรือผลกำไรเกิดจากค่าสมัครสมาชิกไม่ได้เกิดจากสินค้าหรือบริการโดยตรง จึงต้องตามความหมายของบทนิยามคำว่า "กู้ยืมเงิน" และ "ผลประโยชน์ตอบแทน" ตาม พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนฯ ม. 3 จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ....." ดู คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 1172/2566 วินิจฉัยว่า "" ..... จำเลย ชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนในกิจการและธุรกิจของจำเลย #แต่จำเลยกลับไม่มีกิจการใดๆเลยที่จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนได้ตามที่จำเลยโฆษณา ดังนั้น การโฆษณาชักชวนของจำเลยจึงเป็นการหลอกลวง อันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ....."" ดู คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 326/2566 วินิจฉัยว่า "" ..... จำเลย ชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมลงทุน กับ บริษัท อ. แต่กลับพบว่า ในขณะที่จำเลยชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนนั้น บริษัท อ. #ไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทตามกฎหมาย ซึ่งการจดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทหรือไม่นั้น ถือเป็นสาระสำคัญที่ทำให้ผู้เสียหายร่วมลงทุน เมื่อจำเลยรู้อยู่แล้วว่า บริษัท อ.นั้น ยังไม่ได้จดทะเบียนตั้งบริษัท #แต่กลับปกปิดความจริงข้อนี้เอาไว้ จึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ....."" #คดีตามข่าว เส้นแบ่งว่าจะเป็นฉ้อโกงหรือไม่ ให้ดูจากรายได้ของบริษัท ว่า รายได้หรือกำไรมาจากการที่สมาชิกขายสินค้าให้แก่บุคคลทั่วไปได้ หรือเป็นรายได้หรือกำไรที่ได้มาจากการซื้อสินค้าของสมาชิกเอง ถ้ารายได้ของบริษัท ไม่ได้เกิดจากการขายสินค้าให้แก่บุคคลทั่วๆไป แต่เกิดจากการบังคับหรือหลอกลวงให้สมาชิกซื้อสินค้าในจำนวนมากๆ แบบนี้ก็จะเข้าข่ายฉ้อโกง โดยศาลจะถือว่า ""#รู้อยู่แล้วว่าสินค้าไม่สามารถขายได้"" และการใช้ดาราหรืออินฟลูเอ็นเซอร์มาโฆษณานั้น #ก็ด้วยวัตถุประสงค์ให้สมาชิกซื้อสินค้าในจำนวนมากๆ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ส่งเสริมการขายหรือช่วยให้สมาชิกขายสินค้าได้แต่อย่างใด (1) รายได้บริษัท มาจากการซื้อสินค้าของสมาชิก (2) การใช้ดารามาโฆษณา เพื่อให้สมาชิกตัดสินใจซื้อสินค้าง่ายขึ้น (3) บริษัทได้รายได้ไปก่อนที่สมาชิกจะนำสินค้าไปขาย (4) พยายามชักจูงใจให้สมาชิกซื้อสินค้ามากกว่าขายสินค้าทั่วไป (5) สมาชิกตัดสินใจซื้อสินค้าเพราะโฆษณาไม่ใช่เกิดจากการใช้จริง (6) บริษัทเน้นรายได้ที่จะไดจากสมาชิกเป็นหลัก โดยไม่สนใจว่า สมาชิกจะขายสินค้าได้หรือไม่ (7) สุดท้ายบริษัทเท่านั้นที่มีรายได้ ส่วนสมาชิกส่วนใหญ่ขาดทุน เพราะขายสินค้าไม่ได้ แต่ต้องจ่ายเงินให้บริษัทเพื่อซื้อสินค้าไป ก่อน (8) สมาชิกสนใจธุรกิจ เพราะ การโฆษณาชวนเชื่อ #ไม่ได้สนใจ #เพราะสินค้าขายดี จะเห็นว่า ธุรกิจแบบนี้ มีลักษณะที่ดูยากว่าเป็นการฉ้อโกง เพราะเขามีตัวสินค้าอยู่จริง และสินค้าเขาอาจจะดีจริงก็ได้เช่นกัน #แต่ขอให้ดูรายได้ของบริษัทว่ามาจากอะไร เพราะศาลเองก็จะดูเช่นกันว่า ถ้ามีเจตนาจะขายสินค้าหรือบริการจริงๆ ก็จะต้องเน้นไปที่การขายสินค้าหรือบริการ #และรายได้หลักก็ควรเป็นรายได้จากการขายสินค้าหรือบริการแก่บุคคลทั่วไป ไม่ใช่รายได้หลักเกิดจากการให้สมาชิกซื้อสินค้าในจำนวนมากๆ รายได้หลักเกิดการการซื้อสินค้าของสมาชิก #ก็ย่อมแสดงว่า บริษัททราบอยู่ก่อนแล้ว่าสินค้าหรือบริการ ไม่สามารถขายได้หรือถ้าขายได้ก็ทำรายได้ไม่ถึงกับที่ตนเองโฆษณา #ซึ่งในที่สุดสมาชิกก็จะขาดทุนเพราะสินค้าขายไม่ได้ อันถือว่าผิดหลักการค้าขายทั่วไป ที่จะต้อนเน้นไปที่การขายสินค้าให้แก่บุคคลทั่วไปได้ ไม่ใช่เน้นส่งเสริมให้สมาชิกซื้อสินค้าเยอะๆ _____"" #คดีโลกคดีธรรมการเงินผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 9 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผลงานวิจัยเกิดโรคมะเร็งของรัสเซีย ----- รัสเซียทำอะไรชอบเปิดเผยให้โลกรู้ทุกอย่างไม่เหมือนอเมริกาที่รู้อะไรเก็บเป็นความลับหมด แล้วมนุษย์บนโลกใบนี้จะเชื่อว่าระบอบการปกครองแบบไหนดีที่สุดของมนุษยชาติ หรือถูกอเมริกาหลอกมาตลอดว่าระบอบเขาดีสุด หรือระบอบรัสเซีย-จีนดีสุดกันแน่ ในท้ายสุดมนุษย์รุ่นต่อๆไปจะอยู่กับระบอบไหนถึงจะมีชีวิตรอดยาวนาน ไม่ใช่ผลาญทรัพย์กรธรรมชาติโลกที่ว่ายุโรปและอเมริกาผลาญจนประเทศตัวเองไม่มีอะไรเหลือ แล้วไปปล้นคนอื่นกินเข้าประเทศตัวเอง คนที่เป็นมะเร็งเสียชีวิตเพราะอะไร ผลงานวิจัยฯ ของรัสเซีย อ้างว่าเหตุผลการเสียชีวิตมิได้เกิดจากมะเร็ง ยกเว้นความสะเพร่าของผู้ป่วย เมื่อผู้ป่วยทราบว่ามีเซลล์มะเร็ง ให้รีบปฏิบัติ 1. ขั้นตอนแรกคือ การหยุดน้ำตาลทั้งหมด ถ้าไม่มีน้ำตาล ในร่างกายของคุณจำนวนมาก เซลล์มะเร็ง ก็จะตาย อย่างเป็นธรรมชาติ 2. ผสมผลไม้ มะนาว ทั้งหมด กับน้ำร้อนสักแก้ว แล้วดื่มมัน ประมาณ 3 เดือน เซลล์มะเร็งจะแพ้ การปฏิบัติดังกล่าวดีกว่าการรักษาด้วยคีโม 3. ขั้นตอนที่ 3 คือ การดื่มน้ำมันมะพร้าว อินทรีย์ 3 ช้อนโต๊ะ เช้าและกลางคืน เซลล์มะเร็งจะค่อยๆ หายไป ท่านสามารถเลือก 1 ใน 2 วิธีนี้ หลังจากหลีกเลี่ยงน้ำตาล ที่ผ่านมา ความไม่รู้ ไม่ใช่ความผิด ข้อมูลนี้เผยแพร่มานานกว่า 5 ปี ซึ่งปัจจุบันนี้ เพิ่งมาถึงคุณ แต่ที่สำคัญที่สุด มันยังช้ากว่าการที่คุณไม่เคยให้ข้อมูลนี้กับทุกคนรอบตัวคุณเพื่อได้รู้เห็นงานวิจัยของมหาวิทยาลัยมอสโก รัสเซีย ผมเห็นว่ามีประโยชน์ จึงขอให้ทุกท่านที่ได้รับข้อมูลนี้ กรุณาส่งต่อบทความนี้ให้กับคน ที่ท่านรักอีก 1 คน ผมเชื่อว่าแน่นอน! อย่างน้อย 1 ชีวิต จะได้รับประโยชน์ และจะบันทึกไว้ ส่วน ผมได้ทำในส่วนของผมแล้ว หวังว่าท่านจะสามารถช่วยเผยแพร่ โดยการทำส่วนของคุณ กล่าวคือ 1. การดื่มน้ำมะนาว สามารถป้องกันมะเร็งได้ แต่จำไว้ว่า อย่าผสมน้ำตาล น้ำมะนาวร้อน มีประโยชน์กว่า น้ำมะนาวเย็นๆ 2. หั่นเป็นแว่น 5 ชิ้น แล้วแช่ด้วยน้ำร้อนสักแก้วทิ้งไว้ 20- 30 นาที แล้วค่อยดื่ม 3. มันสำปะหลัง นำไปต้ม แต่ต้องต้มด้วย เปิดฝาหม้อวิตามิน B 17 อยู่ในมันสำปะหลัง ที่สามารถปิดเซลล์มะเร็งได้ บ่อยครั้ง การกินมื้อเย็นสามารถเพิ่มความเป็นไปได้ ของมะเร็งลำไส้ - มะเร็งกระเพาะอาหาร - ผู้หญิง อย่าดื่มชาในช่วงมีรอบเดือน และ การดื่มน้ำถั่วเหลือง นั้น ไม่ควรเพิ่มน้ำตาล หรือไข่ ในน้ำถั่วเหลือง ไม่กินมะเขือเทศ ตอนท้องว่าง ดื่มน้ำเปล่า 1 แก้ว ทุกเช้า ก่อนอาหาร เพื่อป้องกันนิ่ว ไม่กินอาหารในช่วง 3 ชั่วโมง ก่อนนอน หลีกเลี่ยงสุรา เพราะไม่มีประสิทธิภาพ ทางโภชนาการ แต่สามารถทำให้เกิดโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูงได้ อย่ากินขนมปัง ในขณะที่ร้อนจาก เตาอบ หรือเครื่องปิ้งขนมปัง ไม่ชาร์จมือถือหรืออุปกรณ์ใดๆ ที่อยู่ข้างๆ ตัวคุณ ในขณะที่คุณหลับ ดื่มน้ำเปล่าวันละ 10 แก้ว ป้องกันมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้ ให้ดื่มน้ำต่อเนื่องระหว่างวัน ลดช่วงกลางคืน และ อย่าดื่มกาแฟ มากกว่า 2 แก้วต่อวัน เพราะมันสามารถทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ และมีปัญหาต่อกระเพาะอาหารได้ กินอาหารที่เลี่ยนได้เล็กน้อย หรือหลีกเลี่ยงมัน เพราะต้องใช้เวลา 5-7 ชั่วโมงในการย่อย ทั้งยังทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย หลัง 17:00 น.กินอาหารให้น้อยลง ประการสำคัญอาหาร 6 ชนิด ที่ทำให้คุณมีความสุข ได้แก่ กล้วย, ส้มบาหลี, ผักโขม, ฟักทอง, ลูกพีช อนึ่ง การนอนไม่ถึง 8 ชั่วโมงต่อวัน ส่งผลให้มีการทำงานของสมองเสื่อมสภาพ พยายามนอนพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะจะทำให้เราอ่อนกว่าวัย อย่าลืม น้ำมะนาวที่ไม่มีน้ำตาล สามารถดูแลสุขภาพของคุณและทำให้คุณรู้สึกสดชื่น น้ำมะนาวร้อนฆ่าเซลล์มะเร็ง แช่มะนาวชิ้นเท่าๆกัน 5 ชิ้นกับน้ำร้อน ดื่มเป็นประจำทุกวัน anti-oxsidan รสชาติขมในน้ำมะนาวร้อนเป็นสารที่ดีที่สุดในการฆ่าเซลล์มะเร็ง น้ำมะนาวเย็นประกอบด้วยวิตามินซีเท่านั้น ซึ่งไม่ช่วยป้องกันมะเร็ง น้ำมะนาวร้อนสามารถควบคุมการเติบโตของเนื้องอกมะเร็งได้ การทดสอบทางคลินิก พิสูจน์แล้วว่า น้ำมะนาวร้อน ทำงานได้ดี เพื่อยับยั้งเซลล์มะเร็ง การรักษาด้วยน้ำมะนาวร้อน จะทำลายเซลล์ที่ชั่วร้าย เท่านั้น แต่ไม่มีผลกระทบต่อเซลล์ที่ดี กรด citric และมะนาว polyphenol ในน้ำมะนาว ช่วยลดความดันสูง และป้องกันการเกิดลิ่มเลือด และป้องกันการแข็งตัวของเลือด ถึงแม้ คุณจะยุ่งแค่ไหน เมื่ออ่านข้อความนี้ของผมแล้ว ช่วยถ่ายทอดให้ผู้อื่นด้วยครับ❤ การแบ่งปัน ถือเป็นวิทยาทาน ด้วยความปรารถนาดี ผศ.ดร.ศ.สำเร็จผล #มะเร็ง #โรคมะเร็ง #มะเร็งหายได้ไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสุดลำเค็ญ...ตา-ยายพิการเก็บขยะเลี้ยงหลาน 5 ชีวิต ลูกตายชาวบ้านต้องช่วยทำศพ สุโขทัย - น่าเวทนา..ตายายพิการเก็บขยะขายเลี้ยงดูหลาน 5 คน ลูกสาวเพิ่งเสียชีวิต ญาติ เพื่อนบ้าน ผู้ใหญ่บ้าน รวมถึง ส.อบต.ต้องเรี่ยไรเงินทำศพให้ บอกอดบ้างอิ่มบ้างก็อยู่กันไป มีกล้วยกินกล้วย เสื้อเก่าก็ใส่ไม่ต้องอายใคร ห่วงแต่อนาคตหลาน ครอบครัว “นายไพศาล แซ่ตั๊น” พักอาศัยบ้านเลขที่ 51/12 หมู่ 12 ต.ดงเดือย อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย ถือเป็นอีกครอบครัวหนึ่งใน อ.กงไกรลาศที่ชาวบ้านต่างเวทนากันทั่ว เพราะนอกจากนายไพศาลจะพิการขาเดินไม่ได้แล้ว ภรรยาก็ตาบอด ยังชีพด้วยเบี้ยผู้พิการ และรับซื้อของเก่าเลี้ยงหลานอีก 5 ชีวิต ล่าสุดลูกสาวคนโตเพิ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ ญาติๆ รวมทั้งผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้าน ต้องช่วยกันเรี่ยไรเงินจัดงานพิธีบำเพ็ญกุศล และฌาปนกิจไปเมื่อ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา นายไพศาลเปิดเผยว่า ตนขาพิการเดินไม่ได้ และป่วยเบาหวาน ไขมัน เส้นเลือดตีบ มานานหลายปีแล้ว ส่วนนางเย็น ภรรยาก็ตาบอด 1 ข้าง และป่วยสารพัดโรค มีลูกด้วยกัน 2 คน คือ นางกินรี อายุ 32 ปี ที่เพิ่งจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ ส่วนอีกคนเป็นลูกชายทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ โดยนางกินรีมีลูก 4 คน คือ ด.ญ.แตงกวา อายุ 14 ปี, ด.ช.โหนก, ด.ช.แฟง อายุ 13 ปี เป็นคู่แฝดกัน และ ด.ญ.ข้าวฟ่าง อายุ 8 ขวบ ส่วนลูกชายมีลูก 3 คน แต่เอามาฝากให้เลี้ยง 1 คน คือ ด.ช.ปังปอน อายุ 2 ขวบ รวมมีหลานทั้งหมด 5 คนที่ตากับยายพิการต้องช่วยกันหาเงินเลี้ยงดู นายไพศลบอกว่า มีอาชีพขี่สามล้อรับซื้อของเก่าและหาเก็บขยะขาย มีรายได้เดือนละประมาณ 1,000-1,500 บาท และได้เบี้ยผู้พิการอีกคนละ 800 บาทเอาไว้กิน ไว้ใช้ และเป็นทุนซื้อของเก่า เมื่อตอนลูกสาวยังมีชีวิตอยู่ก็จะช่วยทำงานแทนทุกอย่าง กินอยู่กันตามอัตภาพ อดบ้างอิ่มบ้าง ส่วนลูกชายก็ส่งเงินมาให้ใช้บ้างเดือนละ 1,000 บาทเพราะต้องหาเช้ากินค่ำเหมือนกัน “เกิดมาเป็นลูกหลานของเราแล้วก็ต้องดูแลกันจนถึงที่สุด แต่ก็อดห่วงพวกเขาไม่ได้ เพราะร่างกายของเราไม่รู้จะสู้ได้นานถึงเมื่อไหร่ วันนี้มีกล้วยก็กินกล้วย มีเสื้อผ้าเก่าๆ ก็สวมใส่กันไปไม่ต้องอายใคร อาชีพสุจริต แต่ก็อยากให้หลานๆ ได้มีโอกาสเรียนสูงๆ จะได้มีงานทำ ไม่ต้องลำบากเหมือนทุกวันนี้” นายไพศาลกล่าวด้วยน้ำตาคลอ สำหรับผู้ใจบุญที่ต้องการช่วยเหลือ สามารถโอนเงินมาได้ที่ธนาคารกสิกรไทย สาขากงไกรลาศ ชื่อนายไพศาล แซ่ตั๊น บัญชีเลขที่ 177-3-412258 โทรศัพท์ 09-4371-4208 หรือส่งสิ่งของจำเป็น เช่น เสื้อผ้า รองเท้า ชุดนักเรียน นมผงเด็ก ฯลฯ มายังบ้านเลขที่ 51/12 หมู่ 12 ต.ดงเดือย อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัยสุขภาพภาคเหนือไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเชื้อที่น่ากลัวที่สุด.. มิใช่โควิด .... แต่เป็นความหวาดกลัวมากกว่า.. ...* เชื้อที่น่ากลัวที่สุด.. มิใช่โควิด .... แต่เป็นความหวาดกลัวมากกว่า.. ... จำนวนผู้คนที่ล้มตายในโลกใน 3 เดือนที่ผ่านมา.. จากโควิด : 314,687 มาลาเรีย : 340,584 ฆ่าตัวตาย : 353,696 โรคเอดส์ : 240,950 สุรา : 558,471 สูบบุหรี่ : 816,498 มะเร็ง : 1,167,474 อุบัติเหตุถนน : 393,479 แล้วคุณยังคิดว่า โควิดอันตรายอยู่หรือไม่ หรือเป็นการสร้างความตระหนกโดยบริษัทยา เพื่อขายสินค้า เช่น วัสดุฆ่าเชื้อ แมส ยา หรือ รพ. มีผู้เข้าตรวจหาเชื้อเพราะเกิดจากความตระหนก..!! เป็นต้น .... อย่าตกอกตกใจจนเกินไป.. ... โพสต์นี้ต้องการลดความกลัวของคุณ จากข่าวสารที่น่ากลัวที่เผยแพร่กัน.. หากบังเอิญคุณติดเชื้อ ก็ไม่ควรตระหนก เพราะ... * 81% เป็นการติดเชื้ออ่อน ๆ * 14% เป็นการติดเชื้อปานกลาง * มีเพียง 5% เท่านั้นที่เป็นการติดเชื้อระดับรุนแรง..!! ... ซึ่งหมายความว่า แม้คุณจะติดเชื้อ แต่ก็มีโอกาสมากที่จะหาย บางคนกล่าวว่า โควิดร้ายแรงกว่าโรคซาร์ส & ไข้หวัดหมู .. แต่ * โรคซาร์ส มีอัตราการตาย 10% * ไข้หวัดหมู 28% และ * โควิดมีอัตราตายแค่ 2%..!! ยิ่งไปกว่านั้น หากพิจารณาอายุ ของคนที่ตายจากโควิด .. ปรากฏว่า อัตราคนตายที่มีอายุ ต่ำกว่า 55 ปี * มีอยู่เพียง 0.4% ซึ่งหมายความว่า ถ้าคุณมีอายุต่ำกว่า 55 และไม่ได้อยู่ที่อินเดีย ดูเสมือนคุณมีโอกาสจะ * ถูกล๊อตเตอรี่รางวัลที่ 1 โอกาสถูกเท่ากับ..1 ใน 45 ล้าน """ * หากจะต้องตาย..!! เราลองมาพิจารณาว่า ในหนึ่งวัน .. สมมุติว่าเป็นวันที่ 1 สค.64 เมื่อโควิดทำให้ คนล้มตายในโลกไปถึง 6,046 คน ... และในวันเดียวกัน มีคนล้มตายจาก... * มะเร็ง - 26,283 คน * โรคหัวใจ - 24,641 คน * เบาหวาน - 4,300 คน * ฆ่าตัวตายมีมากถึง 28 เท่าของคนที่ตายจากโควิด..!! ..... * ยุงฆ่าคน 2,740 คนทุกวัน.. * มนุษย์ฆ่ากันเอง 1,300 คนทุกวัน..!! * งูกัดคนตาย 137 คนต่อวัน * ปลาฉลามฆ่าคนตายปีละ 2 คน..!! แล้วคุณจะว่ายังไง..!! ดังนั้น คุณจึงควรจะทำกิจวัตร ประจำวันที่จะช่วยรักษาภูมิคุ้มกันของคุณ .. รักษาสุขอนามัย และ ไม่ควรอยู่อย่างตระหนก..!! ... เพียงแค่ช่วยกันแพร่.. ** ความหวัง ** มากกว่า ** ความกลัว * เชื้อที่น่ากลัวที่สุด.. มิใช่โควิด .... แต่เป็นความหวาดกลัวมากกว่า.. ... จงช่วยกันแชร์ข้อมูลเหล่านี้ เพื่อหยุดยั้งความ.. ** ตื่นตระหนกกันเถิด..** Cr: นพ.กุลชัย ฐานพงษ์Mrs.Doubt• 4 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยจริงรึเปล่าคะ โควิดไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด และเปอร์เซ็นการตายจากโควิดน้อยว่า เมื่อเทียบกับโรคอื่นๆเราลองมาพิจารณา(ที่หนึ่ง) เรื่องโควิดอย่างตรงไปตรงมา สักหน่อยนะ... ตัวเลขสถิติเหล่านี้คงทำให้ ้คุณประหลาดใจ..?? จำนวนผู้คนที่ล้มตายในโลกใน 3 เดือนที่ผ่านมา.. จากโควิด : 314,687 มาลาเรีย : 340,584 ฆ่าตัวตาย : 353,696 โรคเอดส์ : 240,950 สุรา : 558,471 สูบบุหรี่ : 816,498 มะเร็ง : 1,167,474 อุบัติเหตุถนน : 393,479 (ที่หนึ่ง)แล้วคุณยังคิดว่า โควิด อันตรายอยู่หรือไม่..?? หรือเป็นการสร้างความตระหนก โดยบริษัทยาเพื่อขายสินค้า เช่น วัสดุฆ่าเชื้อ แมส ยา หรือ รพ. มีผู้เข้าตรวจหาเชื้อ เพราะเกิดจากความตระหนก..!! เป็นต้น (ที่หนึ่ง)อย่าตกอกตกใจจนเกินไป.. โพสต์นี้ต้องการลดความกลัว ของคุณจากข่าวสารที่น่ากลัวที่ เผยแพร่กัน.. หากบังเอิญคุณติดเชื้อ ก็ไม่ควร ตระหนก เพราะ... * 81% เป็นการติดเชื้ออ่อน ๆ * 14% เป็นการติดเชื้อปานกลาง * มีเพียง 5% เท่านั้นที่เป็นการ ติดเชื้อระดับรุนแรง..!! (ที่หนึ่ง)ซึ่งหมายความว่า แม้คุณ จะติดเชื้อ แต่ก็มีโอกาสมาก ที่จะหาย บางคนกล่าวว่า โควิดร้ายแรงกว่าโรคซาร์ส & ไข้หวัดหมู..แต่โรคซาร์ส * มีอัตราการตาย 10% * ไข้หวัดหมู 28% และ * โควิดมีอัตราตายแค่ 2%..!! ยิ่งไปกว่านั้น หากพิจารณาอายุ ของคนที่ตายจากโควิด.. ปรากฏว่า อัตราคนตายที่มีอายุ ต่ำกว่า 55 ปี * มีอยู่เพียง 0.4% (ที่หนึ่ง)ซึ่งหมายความว่า ถ้าคุณ มีอายุต่ำกว่า 55 และไม่ได้อยู่ที่ อินเดีย ดูเสมือนคุณมีโอกาสจะ * ถูกล๊อตเตอรี่รางวัลที่ 1 โอกาสถูกเท่ากับ..1 ใน 45 ล้าน * หากจะต้องตาย..!! (ที่หนึ่ง)เราลองมาพิจารณาว่า ในหนึ่งวัน..สมมุติว่าเป็นวันที่ 1 พค.(ปีที่แล้ว) เมื่อโควิดทำให้ คนล้มตายในโลกไปถึง 6,046 คน (ที่หนึ่ง)และในวันเดียวกัน มีคนล้มตายจาก... * มะเร็ง - 26,283 คน * โรคหัวใจ - 24,641 คน * เบาหวาน - 4,300 คน * ฆ่าตัวตายมีมากถึง 28 เท่า ของคนที่ตายจากโควิด..!! * ยุงฆ่าคน 2,740 คนทุกวัน.. * มนุษย์ฆ่ากันเอง 1,300 คน ทุกวัน..!! * งูกัดคนตาย 137 คนต่อวัน * ปลาฉลามฆ่าคนตาย ปีละ 2 คน..!! (ที่หนึ่ง)แล้วคุณจะว่ายังไง..!! ดังนั้น คุณจึงควรจะทำกิจวัตร ประจำวันที่จะช่วยรักษา ภูมิคุ้มกันของคุณ.. รักษาสุข อนามัยและไม่ควรอยู่ ** อย่างตระหนก..!! (ที่หนึ่ง)เพียงแค่ช่วยกันแพร่.. * ความหวัง * มากกว่า * ความกลัว * * เชื้อที่น่ากลัวที่สุด..มิใช่โควิด แต่เป็นความหวาดกลัวมากกว่า.. จงช่วยกันแชร์ข้อมูลเหล่านี้ เพื่อหยุดยั้งความ.. * ตื่นตระหนกกันเถิด..*🧕🏻• 4 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยในเชิงภูมิศาสตร์และธรรมชาติ เมืองไทยเกือบไม่แพ้ประเทศแถบอบอุ่นที่พัฒนาแล้ว แต่ในเขิงสังคมและการเมือง ตอนนี้ประเทศไทยติดอันดับบ๊วยๆ แบบเขมรไม่มีผิดเลย…(หรือจะแย่กว่าเขมรก็ไม่รู้) ….นี่คือความจริง อย่างไรก็ตาม ปชช. คนไทยที่มีสติสัมปชัญญะ มีคุณธรรม อย่าพึ่งท่อนะครับ ต้องจำปล่อยวางและลองอ่านข้อเขียนเกี่ยวกับเมืองไทยในมุมหนึ่ง ของ ดร.ธรณ์ ดูว่าเผื่อจะหายเบื่อและไปพักผ่อนท่องเที่ยวในที่ซึ่งยังไม่เคยไป (ถ้ามีศักยภาพก็ไปเที่ยวเมืองนอกเปรียบเทียบกันดูด้วย) ... ------------------------------------ ระหว่าง นั่งรับลมหนาว น้อย ๆ ที่ ระเบียงหน้าบ้าน จู่ ๆ ก็คิดเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อนธรณ์ รู้ไหมครับว่า เราอยู่ในประเทศน่าเที่ยว ที่สุดแห่งหนึ่ง ในโลก... ผมมีเหตุผล รองรับตามนี้เลยครับ 1 - ประเทศไทย ทอดยาวอยู่ในแนว เหนือ/ใต้ ทำให้เรามีภูมิอากาศ หลากหลาย หน้าร้อนไปทะเล หน้าหนาว ขึ้นเหนือ/อีสาน ลองดู เพื่อนบ้านของเรา สิงคโปร์ แม้เจริญ แต่อากาศร้อน คงที่ตลอดปี หน้าหนาว อยากไปรับลมเย็นให้ขนลุก ก็ไม่รู้ทำไง ต้องบินไปประเทศอื่น สถานเดียว (ซึ่งก็มาไทย นั่นแหละ) มาเลย์ อินโดนีเซีย เป็นแบบนี้ทั้งนั้น แม้อาจขึ้นเขาไปรับลมหนาว แต่ใช่ว่า ทุกคนจะไปได้ อีกทั้ง ขึ้นไปมีแต่ หินกับต้นไม้ มันดี แต่ถ้ามีเมือง มีร้านค้า มีคาเฟ่ มันก็ดีกว่า เนอะ 🧋 เราไปเชียงใหม่ เชียงราย เชียงคาน หรืออีกหลายร้อยแห่ง ที่นั่งจิบกาแฟ กินไข่กระทะที่อุณหภูมิ สิบกว่าองศาได้ ไอฟีล กู้ดดดดดด… 2 - ประเทศเรา ต่อเนื่องเป็นแผ่นดินเดียวตลอด ลองคิดถึงประเทศเป็นเกาะ จากที่หนึ่งไปที่หนึ่ง ต้องใช้เฟอร์รี่ หรือไม่ก็เครื่องบิน ซึ่งทำได้ เพียงบางคน แค่นั้น แม้แต่ญี่ปุ่น ที่ทอดตัวแนวเหนือใต้ ยังแบ่งเป็นเกาะใหญ่หลายเกาะ คนโตเกียว จะไปเล่นน้ำทะเล อุ่น ๆ ที่โอกินาวา ก็ต้องใช้เครื่องบิน ขณะที่คนเชียงใหม่ จะไปบางแสน พัทยาก็ขับรถถึง 3 - เรามีทะเล จุดนี้คนลาว คงอิจฉา น้อย ๆ ยิ่งถ้าคิดว่า เรามีทะเล 2 ฝั่ง แม้แต่ คนเวียดนามคนเมียนมาร์ ก็อาจคิด ทะเล 2 ฝั่ง หมายถึง เที่ยวได้ตลอดปี เวียดนาม ชายฝั่งยาวไกล แต่รับลมมรสุม ด้านเดียว เมียนมาร์ ก็เช่นกัน แต่ไทย…ไม่ ช่วงนี้ แม้มีลมแรง / ฝนตกที่ภาคใต้ฝั่งตะวันตก แต่ภาคตะวันออก เริ่มสงบ หรือแม้กระทั่ง อันดามัน เริ่มเปิดให้เที่ยวกันแล้ว ครับ ในช่วงกลางปี ลมเปลี่ยนทาง เราย้ายที่ไป ประจวบ ชุมพร สุราษฎร์ ฯลฯ ได้เช่นกัน ทะเลไทย เที่ยวได้ตลอดปี เราเลือกเที่ยวได้มาตลอด จนอาจลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ หากันง่าย ๆ 4 - ประเทศเรา ไม่ใหญ่แต่หลากหลาย ไม่ต้องลงทุนเดินทาง มากมายก็เปลี่ยนอารมณ์ได้แล้ว หลาน ผมเรียนอยู่ แคนาดา ตอนนี้หนาวจัด น้องผมไปรับหนีหนาว ต้องบินไกลข้ามไปฟลอริดา ซึ่งตอนนี้ คนอเมริกาก็แห่กันไป รัสเซีย ใหญ่มหึมา แต่บินมาไทยคึ่ก ๆ เพื่อหนีความหนาว คนยุโรป อยากไปนอนอาบแดด แช่น้ำให้คลื่นซัดซู่ ๆจะไปไหนดีล่ะ ? เราอยู่เขาใหญ่ 14 องศา ขับรถไปบางแสน 3 ชั่วโมง อุณหภูมิเพิ่ม 10 องศา ไม่ใช่หากันได้ง่าย ๆ นะจ๊ะ นั่นแค่ สภาพภูมิศาสตร์ อย่างเดียว ยังไม่พูดถึงศิลปวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ที่หลากหลาย อาหารอร่อยมากมาย สายมู ก็มีที่ให้เลือกเต็มไปหมด ขอเพียง รักษาธรรมชาติที่แสนดี ศิลปวัฒนธรรมที่แสนงาม วิถีชีวิต ที่บ่งบอกถึงความเป็นไทย รักษาไว้ให้ได้ ประเทศเราจะเป็นประเทศ สุดสนุก แสนสบายในการเที่ยว ของคนไทย และเป็นประเทศ น่าเที่ยวที่สุดของคนทั้งโลก ไปอีกแสนนาน ขอบคุณ ประเทศไทย ครับ 🥰 🇹🇭 🙏🏼สภาพอากาศไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยสมุนไพรนี้ เพื่อตับและไต แก้ปวดตามข้อ ปวดหลัง ฯลฯ ได้จริงหรือสมุนไพรเพื่อตับและไต แก้ปวดตามข้อ ปวดหลัง ปวดเอว ไขมันพอกตับ แก้เบาหวานลดน้ำตาลในเลือด ช่วยปกป้องตับ บำรุงตับและไต ต้นลูกใต้ใบนอกจากนี้ ยังมีประโยชน์ต่อระบบทางเดินปัสสาวะอย่างมาก เพราะลูกใต้ใบช่วยทั้งการขับนิ่ว ขับปัสสาวะ ลดการอักเสบ ติดเชื้อ จึงกล่าวได้ว่าลูกใต้ใบเป็นสมุนไพรเพื่อตับและไตอย่างแท้จริง วิธีใช้ สามารถใช้ต้นสดล้างน้ำให้สะอาด นำมาต้มหรือชงกิน ถ้าปรุงยากันตามตำรา จะใช้ลูกใต้ใบสดทั้งห้า (คือใช้ทั้งต้นรวมใบ ดอก ลูก ลำต้น และราก) หนึ่งกำมือ (ถ้าต้นแห้งก็กะประมาณเหลือครึ่งหนึ่ง) น้ำ 3 แก้ว นำมาต้มเคี่ยวไปเรื่อยๆ ให้เหลือ 1 แก้ว กินละครั้งละ 1/2-1 แก้ว วันล 3-4 ครั้งเวลาก่อนอาหาร และสำหรับคนที่รู้จักสรรพคุณลูกใต้ใบดีก็จะรู้ว่า ลูกใต้ใบสามารถนำมาชงน้ำกินแบบน้ำชา เพื่อบำรุงร่างกาย แก้ปวดเมื่อย ปวดหลัง ปวดเอวได้ด้วย #ลูกใต้ใบ ดูน้อยลงสุขภาพยาสมุนไพรkongdet.the• 5 เดือนที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเตือนภัย! มิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล เพื่อหลอกโอนเงิน และส่งเอกสารยอดค้างชำระค่ารักษาพยาบาลไปที่บ้าน ขอให้ประชาชนทุกท่านโปรดอย่าหลงเชื่อเด็ดขาดจากกรณีตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้น ถึงเหตุการณ์ที่ผู้ป่วยได้รับเอกสารเกี่ยวกับการแจ้งยอดค้างชำระค่ารักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลสุทธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม พบว่าทางโรงพยาบาลไม่ได้มีการส่งเอกสารไปถึงบ้านผู้ป่วยแต่อย่างใด โดยจากการสัมภาษณ์ คุณกนกวรรณ ภูตลาดขาม เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โรงพยาบาลสุทธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า “ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินแจ้งว่าทางโรงพยาบาลสุทธาเวช ไม่มีนโยบายติดต่อผู้ป่วย หรือญาติผู้ป่วย เกี่ยวกับการแจ้งเอกสารการชำระค่ารักษาพยาบาลย้อนหลังไปที่บ้านของผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วย หรือขอข้อมูลส่วนตัวผ่านทางโทรศัพท์แน่นอน และทางโรงพยาบาลได้มีการออกมาเตือนประชาชนผ่านเพจ Facebook ของทางโรงพยาบาลหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว และขอให้ประชาชนทุกท่านโปรดระวังมิจฉาชีพอย่าหลงเชื่อเด็ดขาด (ข้อมูลเมื่อ 23 ส.ค.67) แนวทางรับมือเบื้องต้น - ไม่เชื่อ ไม่หลงเชื่อกลลวงของมิจฉาชีพโดยง่าย - ไม่บอก ข้อมูลทางการเงินเป็นความลับ ต้องไม่ให้ข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลส่วนตัว - ไม่โดนหลอก โรงพยาบาลสุทธาเวช ไม่มีนโยบายในการติดต่อผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยเพื่อขอให้ชำระค่ารักษาพยาบาล หรือขอข้อมูลส่วนบุคคลผ่านทางโทรศัพท์ (ข้อมูลจากเว็บไซต์ : https://www.facebook.com/share/p/Z2NoqXrmvqDXkRMf/ ) ข้อปฏิบัติ : เมื่อเสียรู้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกให้โอนเงินมาตรวจสอบ 1 .แจ้ง ตำรวจในพื้นที่เพื่อแจ้งความดำเนินคดี 2. แจ้ง สายด่วน 191 หรือ สายด่วน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โทร. 1599 ตลอด 24 ชม. (ข้อมูลจากเว็บไซต์ : https://www.royalthaipolice.go.th/)ภาคอีสานผู้บริโภคเฝ้าระวังล้อเลียนแอคปลอมpimpimpim.pd• 9 เดือนที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัวmeter: true1 ความเห็น
- 2 คนสงสัยบัญชีธนาคารของคุณสามารถว่างเปล่าได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าบัญชีธนาคารของคุณสามารถว่างเปล่าได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ขณะนี้มีการหลอกลวงทางเทคโนโลยีขั้นสูงที่เรียกว่า *SIM SWAP FRAUD* ว่ากันว่ามีผู้ได้รับผลกระทบหลายร้อยคน จู่ๆ พวกเขาก็พบว่าบัญชีธนาคารของพวกเขา *ว่างเปล่า* มันทำงานอย่างไร? 1. การหลอกลวงแบบใหม่ที่เรียกว่า SIM SWAP เริ่มต้นดังนี้... เครือข่ายโทรศัพท์ของคุณจะว่างเปล่า / ไม่มีสัญญาณ / Zero Bar และหลังจากนั้นไม่นาน คุณจะได้รับสาย 2. ผู้โทรจะแจ้งให้คุณทราบว่าเขากำลังโทรจากบริษัทโทรศัพท์มือถือของคุณ โดยขึ้นอยู่กับเครือข่ายของคุณและแจ้งว่ามีปัญหาในเครือข่ายมือถือของคุณ 3. เขา / เธอจะแนะนำให้คุณกด 1 บนโทรศัพท์ของคุณเพื่อเชื่อมต่อเครือข่ายอีกครั้ง *โปรด*...ในขั้นตอนนี้ ไม่ต้องกดอะไร แค่วางสาย หรือ *วางสาย* หากคุณกด 1 เครือข่ายจะปรากฏขึ้นทันทีและในชั่วพริบตา * โทรศัพท์ของคุณจะว่างเปล่าอีกครั้ง (Zero Bar) และด้วยการกระทำนั้นโทรศัพท์ของคุณจะถูกแฮ็กแล้ว * ในไม่กี่วินาที พวกเขาจะทำให้บัญชีธนาคารของคุณว่างเปล่า และคุณจะไม่ได้รับการแจ้งเตือนใด ๆ.. เกี่ยวกับเรื่องนี้ จะปรากฏราวกับว่าสายของคุณถูกตัดการเชื่อมต่อโดยไม่มีเครือข่าย ในขณะที่ซิมของคุณถูก *เปลี่ยน* อันตรายที่นี่คือคุณจะไม่ได้รับการแจ้งเตือนการทำธุรกรรมใดๆ ระวังกันให้มาก โปรดส่งข้อมูลนี้ไปยังผู้ติดต่อ คนที่คุณรัก และเพื่อนๆ การฉ้อโกงเพิ่มขึ้นทุกวัน ได้รับจาก *Cybersecurity Group* หลายคนได้รับผลกระทบ โปรดแชร์เพื่อให้ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือจาก *กลลวง!* นี้ผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้วmeter: middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยภัยอินเตอร์เน็ตภัยอินเทอร์เน็ต 4 กลลวง มุกเก่าที่มิจฉาชีพยังนิยม . เช็กให้ดีก่อนคลิก คิดให้ดีก่อนโดนหลอก . 1. สินค้าราคาถูก แต่ของจริงไม่ตรงปก โดนกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเด็ก วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ โดนลวงด้วยของคุณภาพดี ราคาถูก ซื้อแล้วไม่ได้ของ หรือส่งของไม่ตรงปก หรือโดนหลอกเงินเพิ่มซ้ำเพื่อให้ได้ของชิ้นนั้น . 2. เฟซบุ๊กปลอม สวมบทบาทหลอกเงิน วิธีนี้มีหลายแบบมาก ๆ ทั้งโดนแฮกเฟซบุ๊ก โทรศัพท์ เพื่อที่จะปลอมเป็นตัวบุคคลนั้น ๆ หลอกเอาเงินเพื่อน ญาติ หรือคนที่เรารู้จัก โดยจะมีการสืบข้อมูลเบื้องต้นมาแล้วพอสังเขป . 3. โรแมนซ์สแกม หลอกให้รัก หลอกลงทุน ใช้ชื่อปลอม รูปปลอม ข้อมูลปลอม มาหลอกให้รัก ส่วนมากจะมาในแอปพลิเคชันหาคู่ต่าง ๆ หรือช่องทางออนไลน์ทุกช่องทาง ระวังให้ดี! อย่าคิดลงทุน หรือโอนเงินให้ถ้ายังไม่รู้จัก ยังไม่เคยเจอตัวเป็น ๆ . 4. ใช้รูปคนอื่นมาตีสนิท แต่คิดหลอกลวง ในยุคอินเทอร์เน็ตแพร่หลาย มิจฉาชีพสามารถเข้าถึงได้ง่าย โดยจะใช้รูปบุคคลที่มีหน้าตาสวย หล่อ พิมพ์นิยมมาใช้เป็นตัวเอง ตั้งชื่อ สร้างข้อมูลปลอม หลอกคุยกัน เหยื่อเชื่อใจ แล้วขอนัดเจอในสถานที่ลับตาคน เจอแบบนี้ต้องคิดไว้ก่อนว่ามาร้ายแน่ ๆ . ที่มา : ตำรวจภูธรภาค 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ . #ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม #AntiFakeNewsCenter #AFNCThailand #ภัยอินเทอร์เน็ต #มิจฉาชีพ #ของไม่ตรงปก #โดนหลอกผู้บริโภคเฝ้าระวังแอคปลอมSpark Forme• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! ร่างกายอักเสบ ตัวร้อน เสี่ยงเส้นเลือดสมองแตกได้ตามที่มีการแชร์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นเรื่องร่างกายอักเสบ ตัวร้อน เสี่ยงเส้นเลือดสมองแตกได้ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากที่มีการให้ข้อมูลโดยระบุว่า ร่างกายอักเสบ ตัวร้อน เสี่ยงเส้นเลือดสมองแตกได้ ทางสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า โรคหลอดเลือดสมอง มี 2 ประเภทคือ สมองขาดเลือด และภาวะเลือดออกในเนื้อสมอง โดยพบโรคหลอดเลือดตีบตันมากกว่าเส้นเลือดแตกในสมอง ซึ่งภาพรวมพบภาวะสมองขาดเลือดมากกว่าเลือดออกในสมอง ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญทั้งสองภาวะนี้คือ โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง การสูบบุหรี่ โรคไต โรคภาวะอุดกั้นลมหายใจขณะนอน (OSA) เป็นต้น อาการแสดงสำคัญที่ควรรู้ และควรสังเกตอย่างสม่ำเสมอ มีดังนี้ ชา หรืออ่อนแรงที่หน้า แขน หรือขา ซีกใดซีกหนึ่งอย่างทันทีทันใด พูดลำบาก พูดไม่ได้หรือไม่ชัด หรือไม่เข้าใจคำพูดอย่างทันทีทันใด มีปัญหาการมองเห็น ตามัว หรือเห็นภาพซ้อนของตาข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้างอย่างทันทีทันใด มีอาการมึนงง เวียนศีรษะ เดินไม่ได้ เดินลำบาก เดินเซ หรือสูญเสียการทรงตัวในการยืนและเดินอย่างทันทีทันใด ปวดศีรษะรุนแรงอย่างทันทีทันใดโดยไม่ทราบสาเหตุStd47935• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย5สาเหตทำไห้คันบั้นท้ายข่าวปลอม อย่าแชร์! ❌ 5 สาเหตุทำให้เกิดอาการคันบั้นท้าย . ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อออนไลน์เรื่อง 5 สาเหตุทำให้เกิดอาการคันบั้นท้าย ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบ โดยโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ . จากกรณีที่มีผู้โพสต์คลิปบทความให้ความรู้ว่า อาการคันบั้นท้ายเกิดจาก 5 สาเหตุ ได้แก่ 1. กินอาหารเครื่องเทศเยอะ 2. การทำความสะอาดไม่ดีพอ 3. โรคผิวหนังบางชนิด 4. อาการท้องเสีย และ 5. ความเครียด ทางโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า อาการที่บทความกล่าวเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องทั้งหมดตามข้อเท็จจริงทางการแพทย์ กล่าวคืออาการคันมีสาเหตุได้หลายประการ และความเครียดอาจทำให้อาการคันจากโรคต่าง ๆ แย่ลง แต่อาการคันจากความเครียดเองนั้นพบได้น้อยกว่าจากสาเหตุอื่นมาก . ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากโรงพยาบาลราชวิถี สามารถติดตามได้ที่ www.rajavithi.go.th หรือ โทร. 02-206-2900 . บทสรุปของเรื่องนี้คือ : อาการดังกล่าวไม่ถูกต้องทั้งหมด กล่าวคืออาการคันมีสาเหตุได้หลายประการ และความเครียดอาจทำให้อาการคันจากโรคต่าง ๆ แย่ลง แต่อาการคันจากความเครียด พบได้น้อยกว่าจากสาเหตุอื่นมาก . หน่วยงานที่ตรวจสอบ : โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข . 📌 ช่องทางการติดตามและแจ้งเบาะแสข่าวปลอม . LINE : @antifakenewscenter (http://nav.cx/uyKYnsG) Website : https://www.antifakenewscenter.com/ Twitter: https://twitter.com/AFNCThailand Tiktok : @antifakenewscenter สายด่วน : ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน 1111 ต่อ 87 . #ข่าวปลอม #ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม #AntiFakeNewsCenter #AFNCThailand #ข่าวสุขภาพ #บั้นท้าย #อาการคัน #คันstd48133• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยดีเดย์ 9 มกราคม 2566 เริ่มใช้ระบบตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถต้องรู้ !! ดีเดย์ 9 มกราคม 2566 เริ่มใช้ระบบตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถ 20 ฐานความผิดตัด 1 - 4 คะแนน ค้างจ่ายค่าปรับตามใบสั่งตัดแต้มด้วย เปิดวิธีคืนคะแนน – เช็กสถานะ ช่องทางจ่ายค่าปรับจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ประชาสัมพันธ์ระบบตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถ หรือ ตัดแต้มใบขับขี่ เพื่อเสริมสร้างวินัยจราจร เป้าหมายเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 9 มกราคม 2566 • 6 เรื่องต้องรู้ 1.ขับรถต้องมีใบขับขี่ โดยผู้ขับขี่ทุกคน มี 12 คะแนน 2.ทำผิดกฎจราจร ใน 20 ฐานความผิดที่อาจก่ออุบัติเหตุ หรือไม่ชำระค่าปรับจราจร ถูกตัดคะแนนตั้งแต่ 1 – 4 คะแนน ขึ้นอยู่กับความผิด 3.หากถูกตัดคะแนนจนเหลือ 0 จะถูกพักใช้ใบขับขี่ 90 วัน 4.ฝ่าฝืนขับรถในช่วงถูกพักใบขับขี่ มีโทษจำคุก 3 เดือน และ/หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท 5.คืนคะแนนได้ ด้วยการเข้าอบรมกับกรมการขนส่งทางบก หรือรอให้ครบ 1 ปี จะได้คะแนนคืนอัตโนมัติ 6.หากถูกพักใช้ใบขับขี่เป็นครั้งที่ 3 ภายในรอบ 3 ปี อาจถูกพักใช้ใบขับขี่มากกว่า 90 วัน และหลังจากนั้น ภายใน 1 ปี หากถูกตัดคะแนนอีกจนถูกพักใช้ใบขับขี่เป็นครั้งที่ 4 อาจถูกเพิกถอนใบขับขี่ทุกประเภท “การตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถ เรายึดหลักความโปร่งใส และความเท่าเทียมกัน โดยให้โอกาสปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรม และป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ ตามมาตรฐานสากล เพื่อลดอุบัติเหตุ และสร้างความปลอดภัยให้ทุกคน” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าว #ตัดแต้มใบขับขี่ #มั่นใจทุกข่าวสารตำรวจเพื่อคุณ #policeofficial #สำนักงานตำรวจแห่งชาติMrs.Doubt• 3 ปีที่แล้วmeter: mostly-true--middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัย..สุดช็อค!!!..วงการแพทย์ ใบท่อมถีบหน้า *วัคซีนลวงโลก* หงายหลัง เหตุเกิดที่จังหวัดระนอง แม่ลูกติดโควิด แต่ผัวตรวจ 3 รอบไม่พบเชื้อ ทั้งที่กินอยู่นอนในบ้านหลังเดียวกัน เคสนี้ไม่ใช่แค่ครอบครัวเดียวนะ มีถึง 3-4 ครอบครัวแล้วที่เจอเคสแบบนี้แต่ถึงยังไงวงการแพทย์ ก็ไม่ออกมายืนยันหรอก เพราะถ้าแถลงไป วัคซีนที่สั่งมา คงขายไม่ได้ ...สิ่งที่องค์การอนามัยโลกปิดบังเราไว้ : พีชกระท่อมสามารถยับยั้งและทำลายเชื้อไวรัสโค โรน่าได้ โดยผลงานการวิจัยจาก Professor Yee T Bi หัวหน้าภาควิชาไวรัสวิทยามหาวิทยาลัย Datissin ค้นพบว่าไมทราเจนในพืชกระท่อมนั้นสามารถทำลายไวรัสได้ภายใน 0.05 วินาทีหลังจากรับประทาน และยังมีฤทธิ์ยับยั้งโรคต่างๆได้อีก 1975 โรค ....เอาละ ถึงแม้ว่าจะจริงหรือไม่ ลองกินดู วันละ1-2 ใบ ก็จะมีแต่ผลดี นะครับ... ใบกระท่อมเมื่อเคี้ยวกินเข้าไปในปาก ฤทธิ์ของยาสมุนไพรใบกระท่อมจะฆ่าเชื้อโรคโควิดทันที.... เมื่อเราดูที่ดอกระท่อมแล้ว เหมือนกับธรรมชาติบอกเราเป็นนัยยะว่าตัวเรานี้สามารถที่จะฆ่าเชื้อโรคโควิดได้นะ ดูที่ดอกกระท่อมรูปทรงเหมือนกับรูปลักษณ์ของเชื้อโรคโควิดจริงๆ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสหรัฐอเมริกามียาแบบรับประทาน เพื่อรักษาผู้ป่วยไวรัสโคโรนาข่าวดี...สำหรับคนที่ไม่อยากฉีดวัคซีนหรือมีเกิดปัญหาอื่นๆในเร็วๆนี้เพราะในไม่ช้าสหรัฐอเมริกา จะมียารับประทานสำหรับการรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เป็นยาแบบรับประทานเวลา 5 วัน ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะถูกกำจัดออกจากร่างกายอย่างสมบูรณ์และผู้ป่วยจะฟื้นตัวเต็มที่ได้ ยาชื่อ"Molnupiravir" ได้รับการพัฒนาร่วมกันโดย บริษัท ยารายใหญ่สองแห่งคือ "Rigibel" ในเยอรมนีและ "Merck" ในสหรัฐอเมริกาและประสบความสำเร็จในการทดลองทางคลินิกขั้นที่ 1 และ 2 ในมนุษย์ ผลคือ 100% โดยการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ในปัจจุบันใกล้สิ้นสุดลงและผลดีมาก หากเป็นไปได้ดีจะวางจำหน่ายในตลาดภายใน 4 ถึง 5 เดือนข้างหน้า ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาได้ด้วยตัวเองที่บ้านและหายใน 5 วันซึ่งสะดวกในการใช้มาก การรักษาไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในอนาคต ก็จะเป็นเหมือนกับการรักษาโรคหวัดในตอนนี้ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะไม่น่ากลัวอีกต่อไปแล้ว หรือ ? * นี่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในวงการวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะในวงการแพทย์ บางทีอาจเป็นไปตาม Valium, แอสไพรินและเพนิซิลลินและ Apin เป็นยาคลาสสิก4 ชนิด * https://www.wtsp.com/article/news/health/coronavirus/antiviral-drug-molnupiravir-showing-promise-in-trials-against-coronavirus/67-87f24932-8244-439a-a664-ba6aa21aac01โควิด 2019Mrs.Doubt• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยท่านใดมีเรื่องเดือดร้อนต้องการจะปรึกษาปัญหากฎหมาย ต้องการจะจัดทำนิติกรรมสัญญา อยากให้พนักงานอัยการช่วยเหลือไกล่เกลี่ยประนอมข้อพิพาทกับคู่กรณีทั้งในคดีแพ่งและคดีอาญาอันเป็นความผิดอันยอมความได้ ต้องการให้พนักงานอัยการช่วยเหลือดำเนินคดีคุ้มครองสิทธิทางศาลเช่น การขอตั้งเป็นผู้จัดการมรดก การขอตั้งเป็นผู้ปกครอง การขอรับบุตรบุญธรรม การขอให้เป็นคนสาบสูญ การขอให้เป็นคนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ การแก้ไขปัญหากองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติและอื่นๆ จะขอความช่วยเหลือกรณีได้รับความเสียหายจากการซื้อสินค้าหรือการใช้บริการในฐานะที่เป็นผู้บริโภค หรือเป็นผู้ยากจนเดือดร้อน ได้รับความเสียหายืไม่ได้รับความเป็นธรรม ต้องการให้พนักงานอัยการจัดทนายความอาสาช่วยเหลือด้านคดีต่างๆให้ สามารถติดต่อพนักงาน อัยการคุ้มครองสิทธิฯ ได้ทั่วประเทศทั้งในส่วนกลางและต่างจังหวัด 76 จังหวัด กับสาขาอีก 36 อำเภอ รวม 112 สำนักงานโดยในสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 นั้น ประชาชนไม่ต้องเดินทางออกจากบ้านไปที่สำนักงานอัยการ แต่สามารถติดต่อพนักงานอัยการได้ทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ของแต่ละสำนักงาน แต่ละภาค ที่ท่านอยู่ในพื้นที่ ดังนี้ 1. โทรศัพท์ 2. ทาง Facebook 3. ทางอีเมล 4. ทาง LINE 5. ทาง FaceTime 6. ทางระบบการประชุม Cisco webex (รายละเอียดปรากฎตามช่องทางติดต่อในภาพข้างล่างนี้) “อัยการ สคช. ช่วยได้ ให้บริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย”ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยศบค. อนุมัติ เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6 กลุ่มเข้าไทยได้แล้ว จริงหรือศบค. อนุมัติหลักการเปิดประเทศให้ต่างชาติเข้าประเทศทั้งระยะสั้นและยาว หวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ย้ำเข้มมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 1. นักกีฬาต่างชาติ ที่จะเข้าร่วมการแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ (วันที่ 6-16 ต.ค. 2563) 2. นักบินและลูกเรือบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ใน Repatriation Flight 3. ผู้ถือวีซ่าประเภทคนอยู่ชั่วคราว (Non Immigrant) ประเภทต่างๆ เน้นเฉพาะนักธุรกิจที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานในประเภทต่างๆ พร้อมแสดงสำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือนติดต่อกัน ไม่น้อยกว่า 500,000 บาท 4. ผู้ถือวีซ่าท่องเที่ยวสำหรับกลุ่ม Long Stay มีการตรวจลงตราประเภท Special Tourist Visa 5. ผู้ถือบัตร APEC Card โดยเลือกประเทศที่มีความเสี่ยงน้อย เช่น ประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศสิงคโปร์ เป็นต้น 6. ผู้ที่ประสงค์จะพำนักในประเทศไทยในระยะสั้นและระยะยาว ผู้ที่มีความต้องการที่จะพำนัก 60 วัน สามารถขอต่อได้อีก 30 วัน พร้อมแสดงสำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือนติดต่อกัน ไม่น้อยกว่า 500,000 บาทโควิด 2019anonymous• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยท่ามกลางการไม่มียา หรือวัคซีน เรามาใช้ไวตามิน C ซึ่งเป็นสารต้านไวรัส ในปริมาณสูงๆ จะไม่ดีกว่าหรือ ไวตามิน C ต้านได้อย่างไร ? ไวตามิน C เป็นสารเคมีที่พวกเราเรียกว่า Reducing agent หมายความว่า มันจะไปดีงเอาออกซิเจนออกจากโมเลกุลของไวรัส หรือยัดเยียดไฮโดรเจนให้กับไวรัส จนกระทั่ง คุณสมบัติการทำร้ายร่างกายของเราหมดไป ปัญหาคือ ทำอย่างไรเราจะกำจัดไวรัสได้ดีที่สุด คำตอบ คือ กินในปริมาณมากจนถ่ายอุจจาระเหลว ปัญหาว่า กินไวตามิน C จะเข้าไปภายในเซลล์ โดยผ่านผนังเซลล์ ได้อย่างไร เรื่องนี้เมื่อ 30 ปีนี้ มีการทดลองพบว่า ถ้ากินสารประเภท anthocyanin คือ สารสีม่วง ในมันเทศสีม่วง ในกระหล่ำปลีสีม่วง ในเปลือกชมพู่มะเหมี่ยว ไวตามิน C จะเข้าไปในเซลล์ได้ดี ยื่งกว่านั้น ธาตุสังกะสี ซี่งมีลักษณะทั้งทางกายภาพและทางอะตอมคล้ายแมคนีเซี่ยม Mg มาก เป็น catalyst ที่ดียิ่งในกระบวนการสร้าง enzyme ต้านไวรัส และกระตุ้นเซลล์ผิว epithelial tissue ให้เกิดการแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้ดี จึงทำให้หายใจสะดวก ไม่เป็นปอดบวม สรุป สนใจ 1) ไวตามิน C ปริมาณมาก 2)กิรผักผลไม้เยอะๆ 3) กินสังกะสี 4) ถูกแดด 5) ออกกำลังกาย 6) กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ อย่าไปยั่วยวนให้ไวรัสกระโดดใส่ จบไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยม.มหิดล เปิดสอนภาษาให้ฟรี จริงไหม#TravelNews : อัปสกิลเตรียมเที่ยว ! คอร์สสอน 3 ภาษาเพื่อการท่องเที่ยว เวียดนาม เมียนมาร์ กัมพูชา เรียนออนไลน์ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ . การเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศถึงแม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่จะนิยมใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร แต่ยังคงมีประชาชนในพื้นที่บางกลุ่มที่ไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกับเราได้ ดังนั้น หากเรามีความรู้พื้นฐานในภาษาของประเทศนั้นๆ อาจจะทำให้การท่องเที่ยวของเราสนุก และสื่อสารกับผู้คนในพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย . วันนี้ TravelNews มาชี้พิกัดคอร์สเรียนภาษาเพื่อนบ้านในอาเซียนของเรา ได้แก่ เวียดนาม เมียนมาร์ และกัมพูชา เรียนออนไลน์ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย จัดสอนโดย สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล . 🇻🇳 ภาษาเวียดนามเพื่อการท่องเที่ยว #ทางไปเรียน https://vcourse.ai/courses/173 . 🇲🇲 ภาษาเมียนมาเพื่อการท่องเที่ยว #ทางไปเรียน https://vcourse.ai/courses/172 . 🇰🇭 ภาษากัมพูชาเพื่อการท่องเที่ยว #ทางไปเรียน https://vcourse.ai/courses/213 . . #อัปสกิลเตรียมเที่ยว #ข่าว #News #ท่องเที่ยว #TravelMrs.Doubt• 3 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย▪︎เราต้องเดินทุกวัน ตั้งแต่ตื่นนอนไปจนถึงเข้านอน และวันหนึ่งๆ เราต้องเดินลงน้ำหนักบนขาทั้ง 2 ข้างของเราหลายชั่วโมง ●ข้อมูลจาก American Podiatric Medical Association รายงานว่า โดยเฉลี่ยมนุษย์เดินวันละ 8,000-10,000 ก้าว ซึ่งเท่ากับว่าตลอดชีวิตเราจะต้องเดินประมาณ 207,000 กิโลเมตร หรือเป็นระยะทางเท่ากับเส้นรอบวงของโลกถึง 4 รอบ ● การเดินของมนุษย์มีกลไกที่ซับซ้อนมาก ☆ไม่ใช่เพียงแค่การก้าวเท้าไปข้างหน้า ☆ แต่ต้องอาศัยการทำงานของกล้ามเนื้อหลายมัด ☆ศีรษะ ข้อกระดูกสันหลัง ข้อไหล่ ข้อสะโพก ข้อเข่า และข้อเท้า เพื่อให้ร่างกายทรงตัวอยู่ได้ ●ยิ่งเดินมาก ยิ่งทำให้ข้อเสื่อม จริงหรือ(?) ▪︎ใครว่ายิ่งเดินมาก ยิ่งทำให้ข้อเสื่อม ต้องบอกเลยว่า ความเชื่อนี้เชยไปแล้วค่ะ ● จากงานวิจัยทางการแพทย์สมัยใหม่พบว่า 🔺️การเดินหรือวิ่งอย่างถูกต้อง และต่อเนื่องจะช่วยป้องกันข้อเสื่อม 🔺️ส่วนการไม่เดินไม่วิ่ง หรือขาดการออกกำลังกายกลับเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้อเสื่อม ● เพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น 🔺️คำตอบคือ การเดินหรือวิ่งก่อให้เกิดแรงกดที่กระดูกอ่อนผิวข้อ ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายฟองน้ำคอยรับแรงกระแทกในข้อ แรงกดและปล่อยอย่างเป็นจังหวะจากการเดินและวิ่ง จะเป็นการเพิ่มการหมุนเวียนของน้ำหล่อเลี้ยงภายในข้อ ▪︎น้ำหล่อเลี้ยงภายในข้อมีความสำคัญ เพราะสารอาหารของเซลล์กระดูกอ่อนไม่มีเลือดมาเลี้ยง ▪︎จึงได้รับสารอาหารและออกซิเจนจากน้ำหล่อเลี้ยงข้อเท่านั้น ▪︎ การเคลื่อนไหวข้อที่ทำให้เกิดแรงกดที่กระดูกอ่อนอย่างเหมาะสม และสม่ำเสมอ ▪︎จึงเป็นการให้สารอาหารแก่กระดูกอ่อน กระตุ้นการสร้างและซ่อมส่วนที่สึกหรอ ช่วยลดความเสี่ยงข้อเสื่อมได้ 🔺️วันนี้หมอมีเคล็ด (ไม่) ลับของการเดิน ที่จะช่วยลดความเสื่อม และป้องกันการบาดเจ็บของข้อเข่า และกระดูกสันหลังมาฝากค่ะ (one).ปรับท่าเดินให้ถูกต้อง เพราะท่าเดินที่ถูกต้องจะช่วยให้บุคลิกดีขึ้นและดูสง่างาม โดย ● ตามองตรง ไม่ก้มศีรษะ เพราะการก้มศีรษะจะไปเพิ่มการลงน้ำหนักที่กระดูกสันหลังบริเวณคอและหลัง ทำให้มีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ และหลังตามมาได้ ●ไม่เกร็งระหว่างเดิน ผ่อนคลายตั้งแต่มือ ข้อนิ้วมือ อาจจะงอข้อศอกเล็กน้อย และก้าวเท้าให้เหมาะสม ไม่ยาว ไม่สั้นจนเกินไป จะลดอาการปวดเกร็งของเข่า และกล้ามเนื้อต้นขาได้ ● ขณะที่เดินให้ลงน้ำหนักที่ส้นเท้าก่อน ตามมาด้วยเหยียบเท้าให้เต็มฝ่าเท้า ส่วนเท้าอีกข้างให้ยกส้นเท้าขึ้นก่อนเช่นกัน จะเป็นการช่วยบริหารกล้ามเนื้อหน้าแข้ง (two)เลือกรองเท้าให้เหมาะสม ▪︎โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องเดินไกลๆ ควรเลือกรองเท้าหุ้มส้นที่สวมสบาย โดยควรลองสวมรองเท้าเดินก่อนที่จะเดินทางไกล (three)หลีกเลี่ยงการสวมรองเท้าส้นสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสวมรองเท้าที่ส้นสูงเกิน 1 นิ้วครึ่งเพราะเมื่อสวมส้นสูงจะทำให้หลังงอ และมีการโน้มตัวไปด้านหน้า ร่างกายจึงพยายามรักษาสมดุลด้วยการต้าน หรือเกร็งไม่ให้ลำตัวและแผ่นหลังเอนไปข้างหน้ามากเกินไป ส่งผลให้แนวกระดูกสันหลังช่วงล่างแอ่นมากกว่าปกติ ซึ่งจะนำมาสู่อาการปวดหลัง ● หากมีพฤติกรรมนี้เป็นเวลานานๆ ก็จะทำให้กระดูกเคลื่อนไปกดทับเส้นประสาทได้ (four).แขม่วพุงหรือแขม่วท้องเวลาเดิน เป็นการฝึกบริหารกล้ามเนื้อหลังมัดลึก ทำได้ดังนี้คือ ● ขั้นที่ 1 หายใจเข้าและออกให้สุด จำความรู้สึกไว้ว่าการหายใจเข้าและออกแบบลึกสุดๆ คิดเป็นการหายใจแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ● ขั้นที่ 2 หายใจเข้าประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ แขม่วท้องค้างไว้ นับ 1-10 แล้วหายใจออก คลายหน้าท้อง โดยขณะเกร็งหรือแขม่ว ให้ผ่อนคลายในระดับที่สามารถพูดคุยโต้ตอบกับผู้อื่นได้ ●การแขม่วพุงยังมีประโยชน์อีกมากมาย เช่น เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว ลดแรงกระทำ และช่วยกระจายแรงกระทำต่อกระดูกสันหลัง เพิ่มความมั่นคงให้กระดูกสันหลัง ป้องกันการบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุบริเวณหลังส่วนล่าง ทำให้ประสิทธิภาพการหายใจดีขึ้น กระชับหน้าท้อง ทำให้หน้าท้องแบนราบ บุคลิกภาพดี (five)ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ● คนที่น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 10 กิโลกรัม จะมีแรงกดต่อข้อเข่าเพิ่มขึ้น 40 กิโลกรัม หรือ 4 เท่าของน้ำหนักตัวทุกๆ ย่างก้าวที่เดิน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงการเกิดอาการปวดจากโรคข้อเข่าเสื่อม ●โดยน้ำหนักตัวที่เหมาะสมสำหรับชาวไทย คือ ค่าดัชนีมวลกาย ระหว่าง 19-25 กิโลกรัมต่อตารางเมตร (six)ไม่ควรหิ้วหรือถือของหนัก โดยเฉพาะของที่มีน้ำหนักมากกว่า 20 กิโลกรัม เพราะถึงแม้ว่าน้ำหนักตัวจะไม่มาก แต่ดันหิ้วของหนักมาก โดยเฉพาะกระเป๋าถือของผู้หญิง ก็จะเพิ่มแรงกดต่อกระดูกเช่นกัน (seven)หมั่นบริหารกล้ามเนื้อต้นขา ด้วยการเหยียดเข่าให้ตรงและเกร็งค้างไว้ครั้งละ 5 วินาที ประมาณวันละ 10-20 ครั้ง หรืออาจเข้ายิมเล่นเวต เพื่อเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า และด้านหลัง สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีสะโพกกว้าง ซึ่งมีแนวโน้มเกิดปัญหาปวดเข่าได้ง่าย การออกกำลังกายด้วยวิธีดังกล่าว จะสร้างกล้ามเนื้อให้ช่วยรั้งกระดูกสะบ้าเข้าด้านใน เพื่อลดปัญหาปวดเข่าในระยะยาว (eight)หลีกเลี่ยงการขึ้น-ลงบันไดบ่อยเกินไป เช่น เดินขึ้น-ลง บ้าน 3 ชั้น มากกว่าวันละ 5 ครั้ง ควรวางแผนการหยิบของใช้ให้ดีเพื่อหลีกเลี่ยงการเดินขึ้น-ลง (nine)หลีกเลี่ยงการยืนพักขาลงน้ำหนักไปที่ขาข้างเดียว ●การยืนที่ถูกต้อง ควรลงน้ำหนักที่ขาทั้ง 2 ข้างเท่าๆ กัน โดยยืนแยกขาให้กว้างเท่าช่วงสะโพก จึงจะเกิดความสมดุลของโครงสร้างร่างกาย (one)(zero)เป็นคนช่างสังเกต ▪︎โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการเจ็บปวดหลังการเดิน ▪︎ ควรสังเกตว่าเรามีอาการเจ็บตรงไหน เพื่อตรวจสอบว่า ตรงไหนที่เราอาจจะมีปัญหา จะได้รีบแก้ไข ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามจนแก้ไขไม่ได้ 🔺️การเดินเป็นการออกกำลังกายที่ง่าย ทำได้ทุกเวลา โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ●แนะนำให้เดินอย่างน้อยวันละ 10,000 ก้าว หรือเดินอย่างน้อยวันละ 30 นาที สะสมให้ได้สัปดาห์ละ 150 นาที ⭐ขอให้คุณผู้อ่านเดินอย่างมีความสุข สุขภาพแข็งแรงกันทุกๆ ท่านเลยนะคะ 🔺️พันเอกหญิง รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงสุมาภา ชัยอำนวย (คุณหมอยุ้ย)ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว2 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ