2209 ข้อความ
- 1 คนสงสัยลำปางพบบุคลากรทางการแพทย์ มีอาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน กว่า 40 คน🔴 ลำปาง วุ่น! พบ บุคลากรทางการแพทย์ มีอาการข้างเคียง หลังฉีด “วัคซีนโควิด” จากซิโนแวค แล้วกว่า 40 ราย พบ 2 ราย ต้องแอดมิต ล่าสุดอาการดีขึ้น . ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (21 เม.ย.64) บุคลากรทางการแพทย์ ที่ รพ.ลำปาง เกิดอาการลิ้น ใบหน้า ปาก มือ มีอาการชา บางรายคลื่นไส้ อาเจียน โดยหนึ่งในเจ้าหน้าที่ ได้เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก ว่า คนที่ฉีดยาวัคซีนไป แล้วเกือบ 40 คน เข้าห้องฉุกเฉิน และยังมีภาพเครื่องวัดความดันโชว์ เลข ความดันพุ่งสูงถึง 182 อีกด้วย . โดยพบว่าต้องเข้ารับการแอดมิต ถึง 2 ราย เนื่องจากมีอาการแน่นหน้าอก เวียนศีรษะ ตาลาย อาเจียน ชาหน้า พูดไม่ชัด แขนขาอ่อนแรง แพทย์จึงต้องเร่งทำการช่วยเหลือโดยใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมง จนกระทั่งเวลา 14.00 น. ทั้ง 2 คน จึงมีอาการดีขึ้น ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวได้มีการรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับผู้บังัคบบัญชาทราบตามลำดับและได้กำชับ ให้เฝ้าระวังผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนล็อตนี้ อย่างใกล้ชิดทุกราย . จากการตรวจสอบวัคซีนที่ฉีดพบว่า วัคซีนที่ฉีดคือวัคซีนจาก “ซิโนแวค” ล็อต No. J202103002, serial 81901420027937950764/10 ซึ่งเป็นล็อตถัดจากที่เกิดผลข้างเคียงกับบุคลากรทางแพทย์ที่ จ.ระยอง จำนวน 6 ราย ซึ่งมีอาการในลักษณะเดียวกัน เบื้องต้นผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อไปยัง สสจ.ลำปาง แล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้แต่อย่างใด . สำหรับจังหวัดลำปางได้รับวัคซีนซิโนแวค จำนวน 1,800 โดส ฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และ สาธารณสุข จํานวน 400 คน และอาสาสมัครสาธารณสุข ประจําหมู่บ้าน จํานวน 500 คน เริ่มฉีดเข็มแรก ไปเมื่อวันที่ 3 เมษายน และ เมื่อวานนี้เป็นการฉีดเข็มที่ 2 และพบอาการข้างเคียงโควิด 2019Mrs.Doubt• 4 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยโควิดระลอก 3* แคนาดา * ห้ามเที่ยวบินเข้าและออกและมีผู้เสียชีวิตรายวันเกิน 1,000 คน * ซาอุดีอาระเบีย * ถูกปิดกั้นและไม่มีเที่ยวบินขาเข้าและขาออก * แทนซาเนีย * ถูกบล็อกอย่างสมบูรณ์ * บราซิล * ตกอยู่ในบทที่อันตรายที่สุดโดยมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 4,100 คนในวันนี้ * สเปน * ได้ประกาศว่าสามารถขยายภาวะฉุกเฉินได้ * สหราชอาณาจักร * ประกาศปิดตัวหนึ่งเดือน * ฝรั่งเศส * ถูกล็อก 2 สัปดาห์ * เยอรมนี * ปิดผนึกเป็นเวลา 4 สัปดาห์ * อิตาลี * ติดตามอย่างใกล้ชิดในวันนี้ * ประเทศ / ภูมิภาคเหล่านี้ทั้งหมด * ได้รับการยืนยันแล้วว่า * โควิด 19 ระลอกที่สาม * ร้ายแรงกว่าคลื่นลูกแรก ดังนั้นเราจึงต้องระมัดระวังและ * ใช้ความระมัดระวังทั้งหมด * เป็นผู้สื่อสารแจ้งเตือนระหว่างเพื่อนและครอบครัว * ช่วยทุกคนจากคลื่นลูกที่สาม * * อย่าตัดสินด้วยคลื่นลูกที่สองของการปิดล้อม * ไม่มีอะไรเกิดขึ้น * ... * ประวัติศาสตร์บอกเราว่าเช่นเดียวกับไข้หวัดสเปนในปี 1917-1919 คลื่นลูกที่ 3 นั้นอันตรายกว่าคลื่นลูกที่ 1 และ 2 มีผู้เสียชีวิตหลายล้านคน * * ปกป้องตัวเองและของคุณ ครอบครัว *. * รักษามาตรการด้านความปลอดภัยทางชีวภาพสวมหน้ากากรักษาระยะห่างในสังคมล้างมือบ่อยๆ ฯลฯ ประวัติศาสตร์จะไม่โกหกให้เราไตร่ตรอง __________ * อย่าเก็บข้อมูลนี้ไว้ใช้เองแชร์กับครอบครัวและเพื่อน ๆ * อย่าเก็บข้อมูลนี้ไว้ใช้เองแบ่งปันกับครอบครัวและเพื่อนของคุณ *โควิด 2019Mrs.Doubt• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยสสจ.สมุทรสาครแจ้งข่าวมาดังนี้ เนื่องจากตอนนี้จังหวัดสมุทรสาครพบผู้ป่วยโควิดรายแรก (ผลตรวจของจังหวัดเป็นpositive และผลคอนเฟิร์มจากศูนย์วิทย์เป็นpositive) โดยผู้ป่วยรายนี้ไม่มีอาการไข้ไอน้ำมูก มีเพียงอาการปวดเมื่อยตัวนิดหน่อย ไม่เคยไปต่างประเทศ ทำงานร่วมกับแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก แต่อาการสำคัญที่ทำให้แพทย์ตัดสินใจตรวจโควิดคือ จมูกไม่ได้รับกลิ่นมา4 วัน admit รพ.สมุทรสาคร วันที่7ธค63 เวลา ตี2.25 เนื่องจากผู้ป่วยรายนี้ทำงานขายกุ้งอยู่ในตลาดกุ้ง ทำให้มีผู้สัมผัสทั้งเสี่ยงต่ำและเสี่ยงสูงจำนวนมาก ขอให้ทุก รพ.เตรียมความพร้อมเหมือนการระบาดรอบแรก โดยเฉพาะ 1. คลินิก ARI 2.ห้องพ่นยาแยกจากพื้นที่ ER 3.การตรวจผู้ป่วยทุกรายโดยมีแผงฉากพลาสติกกั้นระหว่างผู้ป่วยกับแพทย์ และแผงพลาสติกกั้นระหว่างผู้ป่วยกับเจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์ 4.การเว้นระยะห่าง การลงชื่อในสมุดหรือ สแกนไทยชนะ 5. แมสสำคัญมากและแอลกอฮอล์เจลหรือสเปรย์ในจุดสำคัญ 6.ห้องอาหารมีแผงพลาสติกกั้นที่โต๊ะคือญาติผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ควรกินอาหารแบบโซเชียลดิสแตนท์ ถ้าจะพูดคุยกันต้องใส่แมส 7.ซักประวัติการเดินทางและอาการจมูกไม่ได้รับกลิ่น 8.ซักประวัติทุกคนที่มาตรวจที่ รพ. เรื่องเคยไปตลาดกุ้ง ช่วงวันที่ 13-16 ธันวาคม หรือไม่ 9.ในกรณีที่มีผู้ไปขอตรวจโควิดที่ รพ.เอกชนทุกแห่ง รบกวนส่งชื่อที่อยู่เบอร์โทร มาที่ สสจ.ทางไลน์ส่วนตัวคุณอรุณศรี (กรณีคนไข้ยินดีจ่ายเงินเอง)โควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย.เตรียมจะบุกวัดอีกรอบเพื่อจะกลบข่าวข้างล่างนี้ ...... ข่าวล่ามาเร็วและร้ายแรง มีการเร่งรัดจากเจ้าของสนช.อิสลาม 63 คน หรือ 27% ให้นำร่างกฎหมายศาลอิสลาม หรือศาลซารีอะห์ เข้าสภาสนช.โดยด่วน เพราะคนไทยส่วนใหญเริ่มรู้ตัวแล้วและทุกคนมัวไปสนใจกับข่าววัด จึงเตรียมเอาเข้าสภาเร็วๆนี้แน่ สาระสำคัญคือ การตั้งศาลอิสลาม ที่เคยเสนอมาเมื่อปี 2540 แล้วไม่ผ่าน จะมาเสนอใหม่ ถ้าผ่านได้คนไทยสิ้นอิสระภาพจริงๆ เพราะกฎหมายนี้จะใช้กับทุกคนในชาติ ทุกคนที่เกิดคดีความกับชาวมุสลิม จะต้องไปขึ้นศาลนี้ โดยมีผู้พิพากษาเป็นนักบวชอิสลาม ผลคือชาวมุสลิมทั่วโลกจะทะลักเข้ามาอยู่เมืองไทย เพราะทำอะไรผิดก็ขึ้นศาลศาสนาของเขา สรุป ยิ่งกว่าเสียกรุงอีกครับ เรียกว่าสิ้นชาติเลยต้องช่วยกันติดตามสอดส่อง สภา สนช.ของเราแล้วครับ นอกจากสมาชิกสนช.อิสลาม 63 คน แล้วเขาต้องการเสียงอีก 54 คน เป็น 117 เสียง ซึ่งเกินครึ่งของ 233 แล้ว ไม่ยาก เพราะเขามีทั้งเงินทั้งเครื่องแบบ ทั้ง ม.3 ม.4 ครบเครื่องยิ่งกว่าสมัยใดทั้งสิ้น ตื่นเถิดเพื่อนไทย ตอนนี้ศึกหลายด้านแล้วครับ ทั้งวัดทั้งสภา ตื่นๆๆ ติดตามข่าว ออกมาปกป้องอิสระภาพของคนไทยทั้งชาติกันได้แล้ว ================ ไม่รอส่งพรุ่งนี้แล้ว ส่งวันนี้เลย ช่วยกันแชร์ ช่วยกันส่งด่วน เผื่อจะถึงผู้นำประเทศ ให้คิดแก้ไขทันภาคใต้อันดามันไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยมีข้อมูลโรงแรมในกรุงเทพ ที่ประกาศขายแล้วนะครับ เพราะเหตุการณ์ Covid ในปัจจุบัน ปัญหาเศรษฐกิจครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก คนตกงาน ไฮโซ กลายเป็นคนธรรมดา หลังโควิดจบจะอย่างไรกันครับ 1.) โรงแรมแอมบาสเดอร์ 4 ดาวอยู่สุขุมวิท11.ราคาขาย 8,800.ล้าน 2.).โรงแรม ภัทรา ราคาขาย 580 ล้าน 3.)โรงแรม ดีวารีดีว่า 4 ดาว ราคาขาย 385. ล้าน 4.)โรงแรมซีตรัส 4 ดาว อยูสุขุมวิท20 ราคาขาย 430.ล้าน 5.)โรงแรมบอสสูท 4 ดาว ราคาขาย 750.ล้าน 6.) โรงแรมไทปัน 4 ดาว ราคาขาย 1,500.ล้าน 7.) โรงแรมพัชราสูท 4 ดาว ราคาขาย 2,150.ล้าน 8.)โรงแรมมาร์เวล 4 ดาว อยู่สุขุมวิท22 ราคาขาย 2,500.ล้าน 9.)โรงแรม เพรสซิเด้นท์ พาร์ด 4 ดาว ราคาขาย 1,850. ล้าน อยู่สุขุมวิท24 10.) โรงแรม โนโวเต็ล กรุงเทพฯฟีนิก สีลม 4 ดาว ราคาขาย 1,950.ล้าน 11.) โรงแรมโกลด์เด้นท์ ทิวลิปโซเวอร์เรนท์ 4 ดาว ราคาขาย 3,400.ล้าน 12.)โรงแรมรามาการ์เด้น 4 ดาว อยู่ถนนวิภาวดี-รังสิต หลักสี่ ราคาขาย 8,800.ล้าน 13.) โรงแรมเดอะ ดิโพเรียม +ห้างฯ เดอะดิโพเรียม 5 ดาวอยูสุขุมวิท24 ราคาขาย 17,500.ล้าน 14.)โรงแรม แกรนด์สุขุมวิท 5 ดาว อยู่สุขุมวิท6 ราคาขาย 8,500.ล้าน 15.) โรงแรมมนเทียรริเวอร์ไซค์ 5 ดาว อยู่ถนนพระราม3 ราคาขาย 7,000.ล้าน 16.)โรงแรมมิลเลนเนี่ยม ฮิลตัน กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา 5 ดาว ราคาขาย 8,500.ล้าน 17.)โรงแรมมาริอ้อท เอ็กเซ็ก คูซีพ เซอร์วิส สาธร 5 ดาว ราคาขาย 3,500.ล้าน 18.)โรงแรม ฮาร์เบ้อร์วิวซิเด้นท์ 4-5 ดาว อยู่บนถนนห้าแยกคลองเตย ราคาขาย 4,800.ล้าน 19. โรงแรม แกรนไดมอน 3,800 ล. 20.โรงแรมเวสติน 10,717,030,000 ล. 21.โรงแรมฮิลตัน กทม.8,500 ล 22.โรงแรมพูลแมน สุขุวิท 9,000 ลโควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้ว2 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย#กินเค็มระวังความดันขึ้น…#กินเค็มระวังความดันขึ้น… คำแนะนำทางการแพทย์ดังกล่าวนี้ ผมได้ยินมาตั้งแต่เป็นนักเรียนแพทย์… จนเป็นอาจารย์ และในที่สุด จนเป็นความดันโลหิตสูง เสียเอง ใช่ครับอ่านไม่ผิดหรอกครับ ผมมี ภาวะความดันโลหิตสูงมากกว่า 2 ปี แล้วผมจะได้รับคำแนะนำให้เริ่มต้นรักษา ด้วยการปรับวิธีการใช้ชีวิต และหนึ่งคำแนะนำนั้นก็คือ หมอต้องลดปริมาณเกลือในอาหารลงเยอะๆเลยนะครับ… ถ้าไม่ดี เดี๋ยว start amodipine เลยนะ ผมก็พยายามควบคุมทุกอย่าง งดอาหาร ที่มีรสชาติเค็มที่ผมรัก แกงไตปลา สะตอผัดกะปิ และ ทานน้ำมากๆ…. แต่ที่ผมยังกินอยู่เหมือนเดิมก็คือ เข้าไปน้ำตาล แต่เหมือนดูจะไม่ดีขึ้นก็คือ ผมยังคงอ้วนลงพุง มีกรดยูริคสูง มีไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูงของผมไม่ดีขึ้น กลับแย่ลงจนกระทั่ง หรือ เพราะว่า เส้นเลือดของผมเริ่มแข็ง กรอบเหมือนเส้นเลือดคนแก่ ทั้งๆที่อายุยังไม่ถึง 50 จริงๆเนี่ยนะ… ในที่สุด เกิดภาวะวิกฤตบางอย่างกับตัวผม เนื่องจากความดันโลหิตที่สูงอย่างมาก…. ซึ่งผมเคยเล่าให้เพื่อนๆฟังว่าตอนนั้นมันเกิดอะไรบ้าง มันเป็นจุดเปลี่ยนที่ผมคิดว่าผมจะต้องทำอะไรบางอย่าง เพื่อหลุดพ้นจากภาวะนี้ จากวิกฤตนั้น ผมจึงคิดทบทวนใหม่ว่า ผู้ร้ายตัวจริงที่สร้างปัญหาให้กับผมตอนนี้ มันต้องไม่ใช่ แค่ การกินเค็ม การกินกาแฟ หรือ เส้นเลือดผมแข็งกรอบตามวัยมากจนเกินไป…. ผมจึงจะเริ่มตั้งต้นจากคำว่า metabolic syndrome ซึ่งเป็นความผิดปกติทั้งหมดที่ผมมี ไม่ว่าจะเป็น อ้วนลงพุง ความดันสูง ไขมันในเลือด ยูริคสูง… หลังจากนั้นผมก็เริ่มรู้ว่า สิ่งที่ผมเป็น ว่าเกิดจากสิ่งที่เรียกว่า ภาวะดื้ออินซูลิน หรือ insulin resistance… มาจากการบริโภค น้ำตาล น้ำหวาน คาร์โบไฮเดรตแปรรูป แบบไร้ระเบียบวินัยของตัวผม ตลอดระยะเวลานับ 10 ปีที่ผ่านมา จากการทบทวนความรู้ต่างๆทำให้ผมพบว่า ภาวะดื้ออินซูลินนั้น ส่งผลกระทบ ทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง ด้วยกลไกหลายอย่าง ได้แก่ 1) มีการเพิ่มการดูดกับโซเดียมที่หน่วยไตหลายตำแหน่ง 2) มีการกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติกผ่าน RAAS 3) มีการเพิ่มการหดตัวของกล้ามเนื้อในหลอดเลือด ผ่านกลไกของ การเพิ่มแคลเซียมเข้าเซลล์ รูปภาพที่ประกอบการโพสต์นี้ แสดงให้เห็นถึงผลของ ฮอร์โมนอินซูลิน ที่มีต่อการกระตุ้นให้ไต เกลือโซเดียมเข้าสู่ร่างกายมากขึ้น ผ่าน receptor ต่างๆในรูป ดังนั้นการรักษาภาวะ ดื้อต่ออินซูลิน หากประสบความสำเร็จในการักษา ก็จะส่งผลให้ความดันโลหิต กลับมาสู่สภาวะปกติได้ และมีรายงานการรักษา ในแนวทางนี้หลายรายงาน พบว่าสามารถช่วยให้ผู้ป่วย สามารถลดและหยุดยาลดความดันโลหิตได้ แล้วภาวะดื้อต่ออินซูลิน ผู้ต้องหาในคดี metabolic Syndrome เกิดจากอะไร… ถ้าได้ติดตามที่ผมเขียนมาตั้งแต่ต้น ก็จะตอบได้ทันทีว่า "เกิดจากการบริโภค น้ำหวาน น้ำตาล คาร์โบไฮเดรตแปรรูปต่างๆ ในปริมาณที่มาก แล้วต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ" ดังนั้น ผู้ต้องหาตัวจริง ก็คงหนีไม่ น้ำตาลน้ำหวานและคาร์โบไฮเดรตแปรรูป ที่เรารับประทานอย่างมาก ไม่มีขีดจำกัด ต่อเนื่องเป็นเวลานานๆนั่นเอง ถ้าผมเลือกรักษาตัวเองที่ปลายเหตุมันง่ายมากเลยครับ คือ รักษาตามกลไกล ข้อ 1) ทานยา HCTZ กลไกล ข้อ 2) ทานยา enalapril และ กลไกลข้อ 3) ทานยา amlodipine เลือกเอาเลย… ทานยาลดความดันแล้วนั่งดูความดันลด ปรับยา แต่ผู้ร้ายต้นเหตุไม่ถูกกำจัด… รอวันสร้างหายนะรอบใหม่ ทีหนักกว่าเดิมนั่นคือ เบาหวานชนิดที่2 และก็ต้องถามตนเองว่า แล้วผมต้องกินยาถึงเมื่อไหร่อีกด้วยครับ… ผมเลยตัดสินใจทดสอบ สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ ในครั้งนี้กับตัวผมเอง ด้วยการรักษาตนเอง ตามแนวทางของการ รับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ และจำกัดเวลาในการรับประทานอาหาร… และผมต้องใช้ความอดทน และการปรับตัว อย่างสูงมาก เพราะเดิมพันนี้มันคือ ชีวิตของตนเอง ผ่านไป 1 เดือน ผมไม่เคยมีระดับความดัน 160/100 อีก ยังมี ตัวบน 130-140 บ้าง… และที่ระยะเวลาผ่านไป 3 เดือนความดันตัวบน (Systolic) ของผม ไม่เคยเกิน 120 ตัวล่างไม่เคยเกิน 80 อีกเลย แม้จะวัดในสภาวะหลังออกกำลังกายทันทีก็ตาม… ร่วมกับน้ำหนักตัวที่หายไปกว่า 13 กิโลกรัม (วิชาตัวเบามันเป็นแบบนี้นี่เอง) สรุปคือ ผู้ร้ายตัวการ ตัวสำคัญสำหรับโรคความดันโลหิตสูง นั่นก็คือ "ภาวะดื้อต่ออินซูลิน" อันเนื่องมาจาก การบริโภคน้ำตาล คาร์แปรรูปนั่นเอง เขียนแบบนี้แล้ว ไม่ใช่ว่าจะ ไปกินเค็มหนักๆ อันนั้นก็ไม่ควรนะครับ แม้เขาไม่ใช่ผู้ร้ายตัวจริง แต่ถ้าเรากินแบบไม่คิด ผู้ร้ายตัวปลอมนี้เขาก็พร้อมจะพายเรือให้โจรนั่งนะครับ ผมหวังว่าสิ่งนี้จะมีประโยชน์ กับผู้ติดตามทุกท่าน ในการนำไปปรับใช้ อย่ารอให้ ชีวิตต้องเจอแบบที่ผมเจอ แล้วจะคิดจะเริ่มนะครับ #หมอจิรรุจน์ สำหรับท่านที่สนใจเนื้อหาเพิ่มเติม เราเข้าไปอ่านใน Reference ที่แนบไว้ได้นะครับ ที่มาภาพ: Insulin resistance and hypertension: new insights, Kidney International Vol.87 2015 ที่มาข้อมูล Obesity-related hypertension: pathogenesis, cardiovascular risk, and treatment. A position paper of The Obesity Society and the American Society of Hypertension. J Clin Hypertens (Greenwich). 2013; 15: 14 Insulin resistance, obesity, hypertension, and renal sodium transport. Int J Hypertens [online]. 2011; 2011: 391762Mrs.Doubt• 3 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยน้ำตาล” เป็นพิษอย่างเลวร้ายสําหรับมนุษย์ ..และมันถูกกฎหมาย🐥#“น้ำตาล” เป็นพิษอย่างเลวร้ายสําหรับมนุษย์ ..และมันถูกกฎหมาย..!!🍎 น้ำตาลไม่เคยถูกแบน เพราะมันเป็นธุรกิจที่ร่วมมือกับอุตสาหกรรม น้ำตาล คือ ความหิวโหยของเซลล์มะเร็ง ▫️แนวคิดใหม่ของการรักษา คือ..การงดเว้นน้ำตาล เข้าสู่ร่างกาย ทำให้เซลล์มะเร็งฝ่อ และ ค่อยๆ ตาย..!! น้ำตาลเป็นอาหารของเซลล์มะเร็งทั้งหลาย 📚 ดร. Raymond Francis เขียนหนังสือที่น่าทึ่ง จำนวนสามเล่ม: (1) 🌿 ไม่เคยป่วย (2) 🌿 อย่ากลัวมะเร็ง (3) 🌿 อย่าอ้วนอีก ▫️ดร.เรย์มอนด์ เขียนหนังสือเหล่านี้ หลังจากมีประสบการณ์กับมะเร็ง ที่แพทย์หมดหวังกับเขาเมื่อตอนอายุ 45 ปี วันนี้เขาอายุ 75 แล้ว และ.. ไม่เคยเจ็บป่วยเลยในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ยกเว้นเป็นหวัดเพียงครั้งเดียว ▫️กุญแจสําคัญที่ Dr. Raymond พูดในหนังสือสามเล่มของเขาคือ : #“อยู่ห่างจากน้ำตาลตลอดไป” นอกจากการออกกําลังกายที่ดีแล้ว เราต้องควบคุมอาหารที่ร่างกายต้องการ ▫️หมอบอกว่า: 🌿น้ำตาลเป็นสาเหตุของ ไข้หวัด ทั้งปวง 🌿การกินน้ำตาลหนึ่งช้อน จะลดภูมิคุ้มกันของร่างกายลง 50% 🌿การดื่มโคคาโคล่าหนึ่งกระป๋อง ลดภูมิคุ้มกันลง 10% เป็นเวลา 10 ชั่วโมง 🌿น้ำตาลทําให้เกิดโรค อัลไซเมอร์ 🌿นำ้ตาลเป็นอาหารของ เซลล์มะเร็ง 🌿น้ำตาลเป็นสาเหตุของ โรคหัวใจทั้งหมด 🌿น้ำตาลเป็นสาเหตุของ ความอ้วน บวมฉุ 🌿น้ำตาลเป็นสาเหตุของ การกักเก็บไขมัน 🌿ทุกโรคที่เกิดกับมนุษย์ มีน้ำตาลเป็นพระเอก ▫️หมอบอกว่า: พ่อแม่ ไม่ยอมให้ลูก สูบบุหรี่ หรือ ดื่มสุรา แต่ซื้อขนมหวานที่อันตรายกว่ามาให้บริโภค 🔸ข้อมูลที่เป็นประโยชน์: 🌿โยเกิร์ต เป็นแหล่งแคลเซียมสูงสุด เนื่องจากมีแคลเซียม 450 มก. ต่อแก้ว ดังนั้น จงกินโยเกิร์ตเป็นอาหารทุกวัน❤ 🌿มิ้นท์ สะระแหน่ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและบำรุงหัวใจ ให้ทานเป็นประจํา ช่วยผ่อนคลายแก๊ส ทําให้ตับแข็งแรง แก้ไอ บำรุงประสาท และลดความโกรธ ช่วยอาการนอนไม่หลับและขับปัสสาวะ และช่วยย่อยอาหารได้ดี 🌿น้ำอัดลม เป็นสาเหตุ โรคกระดูกพรุน หัวใจและไต โรคอ้วน เบาหวาน ฟันผุ 🌿เครื่องดื่มชูกําลังเป็นอันตรายต่อเด็ก ทําให้หัวใจเต้นเร็ว ตะคริว ลิ่มเลือดอุดตัน 🌿ชาเขียว มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่สามารถปกป้องคุณจากมะเร็งได้ 🌿แซลมอน แอปเปิ้ล องุ่น เชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ผักโขม เป็นอาหารที่ช่วยเซลล์ประสาท และเสริมสร้างความจํา 🌿ความผิดพลาดที่พบบ่อย คือการบอกว่า ดื่มน้ำระหว่างอาหารทําให้ย่อยอาหารยาก จริงๆ แล้วน้ำ ไม่ทําให้ท้องอืด แต่ ช่วยในการย่อยอาหารด้วย 🌿คุณควรดื่มน้ําสักแก้วเมื่อตื่นนอน เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำตอนหลับ และช่วยชะล้างสารพิษในร่างกาย 🌿เดินวันละ 20 นาที 3 วันต่อสัปดาห์ ปกป้องคุณจาก โรคหัวใจ เบาหวาน โรคซึมเศร้า ความดัน คอเลสเตอรอล 🌿กระเทียม ช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็ง เพราะมันสามารถเสริมระบบภูมิคุ้มกัน 🌿ขิงทานร้อนๆ ตอนบ่าย ช่วยผลาญไขมัน และขับสารพิษออกจากร่างกาย Cr: Florentin Patriotasevenมะเร็งยาสมุนไพรลดความอ้วนผู้บริโภคเฝ้าระวังMrs.Doubt• 2 ปีที่แล้วmeter: mostly-true--last3 ความเห็น
- 2 คนสงสัยการกระตุ้นฉีดวัคซีนภูมิสูงๆ ต้องระวัง Lymphoma (มะเร็งต่อมน้ำเหลือง)ส่งมาโดย อ.ภิรมย์ หมอจุฬา การกระตุ้นฉีดวัคซีนภูมิสูงๆ ต้องระวัง Lymphoma (มะเร็งต่อมน้ำเหลือง) เก็บมาฝาก แค่ให้รู้และเฝ้าระวัง ไม่ต้องตื่นกลัว คอยติดตามข่าวกันต่อไปแค่นั้น เมื่อวานและวันนี้ ห้องไลน์หมอ ผมคุยกันเรื่องนี้เยอะ มีทั้งคำเตือนจาก อจ.แพทย์ไทย และรายงานจากต่างประเทศ สรุปคร่าวๆ ได้ว่า ตอนนี้เชื้อโควิดแรงขึ้น หลายๆ คน (รวมทั้งผมเอง) ก็พยายามหาวัคซีนที่จะช่วยกระตุ้นภูมิให้สูงมากๆ ขึ้นเพื่อให้เกิดภูมิต้านทานสูง สู้กับโรคได้แบบไม่ต้องกังวล แต่ภูมิต้านทานอย่างพวก IgG หรือ แอนติบอดี้ ที่สร้างขึ้นมาในร่างกายเรานั้น มันสร้างมาจากการทำงานของเม็ดเลือดขาวชนิด Lymphocyte ถ้าได้รับการกระตุ้นมากจนเกินไป อาจจะทำให้เกิดเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้ นอกจากนี้ยังอาจต้องระวังโรค Autoimmune หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง คือ โรค SLE หรือโรคพุ่มพวงที่เรารู้จักกันดี) ดังนั้น การจะกระตุ้นให้ขึ้นมากน้อย ตอนนี้คงต้องคำนึงถึงความจำเป็นและความเสี่ยงด้วย จากเคยคิดที่จะกระตุ้นกันแบบไม่ยั้ง เอาภูมิต้านทานแบบเกราะเหล็กหนาๆ อาจจะต้องเพลาๆ ลง เมื่อคำนึงถึงความเสี่ยงต่อโรคว่าคุ้มมั้ย และจักต้องติดตามรายงานศึกษาจากทั่วโลกตลอดจนปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ซึ่งแน่นอนว่าเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ข้อมูลข้างล่างนี้ คือที่หมอๆคุยปรึกษากัน โดยส่วนตัว ก็เคยคิดอยากกระตุ้นให้สูงมากเผื่อเหนียวไว้ แต่พอนักวิชาการท้วง ก็คงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เอาเท่าที่จำเป็นก่อน โดยความเห็นส่วนตัว ที่เราใช้กันตอนนี้… SV + AZ 2SV + AZ 2SV + mRNA 2AZ 2mRNA AZ + mRNA เหล่านี้ผมว่าภูมิคุ้มกันสูงพอและใกล้เคียงมาตรฐาน แต่ที่เกรงก็คือ ผู้ที่จะกระตุ้นให้ภูมิสูงไปกว่านี้ เช่น 2AZ + mRNA 2SV + AZ + mRNA AZ + mRNA + mRNA หรือ mRNA 3 เข็ม --------------------------- งานวิจัยของเยอรมันบ่งชี้ว่า AZ + mRNA ผลข้างเคียงหลังเข็ม 2 พอๆ กับ mRNA + mRNA และกระตุ้นเม็ดเลือดขาวชนิด B-cell (IgG) ที่ต่อสู้กับ Covid-19 ได้สูงมาก แต่ใครฉีด AZ + AZ ไปแล้วหมอไม่แนะนำให้ซ้ำ mRNA ในปีนี้อีก เพราะถ้า IgG ขึ้น สูงมากๆ อาจเสี่ยงต่อโรค B-cell Lymphoma --------------------------- ตามที่มีข่าวว่า ถ้าหาก ภูมิคุ้มกันมีระดับสูงมากเกินไป เพิ่มความเสี่ยงเรื่อง Lymphoma แต่ตอนนี้ยังไม่มีรายงานเรื่อง Lymphoma โดยทฤษฏี เห็นด้วยว่าไม่ควรฉีดบ่อยเกินไป อย่างน้อยๆ คือรอ 6 เดือนหลังเข็ม 2 เพราะสิ่งที่หวั่นเกรง คือ autoimmune disease VACCINE เป็นเหมือน antigen ชนิดหนึ่ง กระตุ้น innate และ adaptive หากมีการกระตุ้นบ่อยๆ T cell จะคุยกับ B cell บ่อยๆ เราเรียกว่า T-B cell crosstalk เพื่อให้สร้าง antibody เยอะๆ ความผิดพลาดเกิดได้หลายตำแหน่ง 1. ยิ่งคุยกันมาก ยิ่งพลาดได้ ทำให้สร้าง b cell clone ผิดปกติได้ โดยทฤษฏีจึงอาจเกิด lymphoma ได้ 2. ยิ่งสร้าง antibody มาก ยิ่งอาจมี antibody ที่จับกับ self antigen อาจเกิด autoimmune disease แต่ทั้งหมดคือทฤษฏี ต้องรอ real world data หลังฉีดไปอีก 2-3 ปี ว่า โรคเหล่านี้จะปรากฏเยอะขึ้นกว่าตอนก่อนฉีดหรือไม่ ดังนั้น ให้ยึดทางสายกลางไว้ก่อน หากได้ AZ + AZ หรือ mRNA + mRNA หรือ Mix & Match สลับกัน ก็ยังไม่ต้อง booster ให้รอข้อมูลจากอเมริกา อังกฤษ ตอนที่เค้า boost เข็มสาม ซึ่งน่าจะเป็นปีหน้าวัคซีนโควิดMrs.Doubt• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยโควิด-19 ภูมิต้านทานหลังฉีดวัคซีน AstraZeneca 1 เข็ม ยง ภู่วรวรรณ ทางศูนย์ได้ศึกษาภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีน AstraZeneca ในคนไทย หลังเข็มแรกเป็นระยะเวลา 1 เดือน จำนวน 61 คน เป็นการรายงานเบื้องต้น ภูมิต้านทานที่ตรวจพบ มีการตอบสนอง ตรวจวัดภูมิต้านทานได้ถึงร้อยละ 96.7 เมื่อเปรียบเทียบกับการตรวจวัดภูมิต้านทานในผู้ป่วยที่หายจากการติดเชื้อ เป็นระยะเวลา 4- 8 สัปดาห์ตรวจพบได้ร้อยละ 92.4 ดังแสดงในรูป ระดับภูมิต้านทานที่ตรวจวัดได้ มีค่าตัวกลางเรขาคณิตเท่ากับ 40.61 u/ml เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ป่วยที่หายจากการติดเชื้อ มีค่าเท่ากับ 60.86 u/ml ดังแสดงในรูป พบว่าระดับภูมิต้านทานที่พบเพศหญิงจะให้ระดับภูมิต้านทานที่สูงกว่าเพศชาย อายุที่น้อยกว่า 60 ปีจะมีระดับภูมิต้านทานที่สูงกว่าผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ขณะนี้กำลังรอวิเคราะห์ข้อมูลที่มีจำนวนมากขึ้นกว่านี้ และจะมีการตรวจเลือดหาภูมิต้านทานก่อนฉีดเข็มที่ 2 อีก 1 ครั้ง และหลังเข็ม 2 แล้ว 1 เดือนภูมิต้านทานน่าจะมีระดับสูงมาก และอยู่นาน จากข้อมูลดังกล่าวพอสรุปได้ว่าแม้จะฉีดวัคซีน AstraZeneca เพียงเข็มเดียว ระดับภูมิต้านทานที่ตรวจวัดได้ก็เป็นที่น่าพอใจ มีอยู่ 1 ราย ที่ฉีดวัคซีน Sinovac เข็มแรกแล้วเกิดอาการแพ้ เลยฉีดเข็มที่ 2 ใน 3 อาทิตย์ต่อมา ด้วยวัคซีน AstraZeneca และตรวจเลือดเมื่อ 1 เดือนหลังฉีดวัคซีน AZ พบระดับภูมิต้านทานสูงมากสูงถึง 241 u/ml อย่างไรก็ตามยังไม่มีการศึกษาการฉีดวัคซีนเปลี่ยนชนิดกัน ในกรณี ที่เกิดเหตุการฉีดวัคซีนต่างชนิดกัน ขอความกรุณาติดต่อผมขอตรวจภูมิต้านทานด้วย เพื่อเก็บเป็นข้อมูลและรวมถึงอาการข้างเคียงที่อยากทราบมาก และการเปลี่ยนชนิดของวัคซีนเป็นเรื่องที่น่าศึกษาอย่างยิ่ง การปูพรมฉีดเข็มเดียวไปก่อนให้ได้ประชากรมากที่สุด ด้วยวัคซีน AstraZeneca จะได้ประโยชน์สูงสุดแล้วตามด้วยกระตุ้นอีก 10 ถึง 12 สัปดาห์ต่อมา หรือนานกว่านั้น หมายความว่าในช่วง 3 เดือนแรก น่าจะปูพรมการฉีดวัคซีนไปเลย ถ้าฉีดได้เดือนละ 10 ล้านคน ก็สามารถปูพรมไปได้ถึง 30 ล้านคนทีเดียว แล้วหลังจากนั้นก็ตามกระตุ้นรวมทั้งฉีดรายใหม่เพิ่มขึ้นด้วย ก็จะได้เป้าหมายอย่างรวดเร็ว และถ้ามีวัคซีนชนิดอื่นมาเสริมด้วยแล้ว จะทำให้การให้วัคซีนกับประชาชนหมู่มากประสบผลสำเร็จเร็วยิ่งขึ้น #หมอยงโควิด 2019วัคซีนโควิดไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยลองดู สัก 1 เดือนไม่เสียเงิน / กลุ่มแพทย์ชาวญี่ปุ่น ยืนยันว่า "น้ำอุ่น"มีประสิทธิภาพ ในการแก้ปัญหาสุขภาพได้ 100% เช่น: 1 ไมเกรน 2 ความดันโลหิตสูง 3 ความดันโลหิตต่ำ 4 อาการปวดข้อ 5 เพิ่มขึ้นและลดลง ของการเต้นของหัวใจ อย่างฉับพลัน 6 โรคลมชัก 7 เพิ่มระดับคอเลสเตอรอล 8 ไอ 9 ไม่สบายตัว 10 หอบหืด 11 ไอแบบช่วง 12 การอุดตันของหลอดเลือดดำ 13โรคที่เกี่ยวข้องกับมดลูกและปัสสาวะ 14 ปัญหาในกระเพาะอาหาร 15 การย่อยอาหารไม่ดี 16 โรคที่เกี่ยวข้องกับดวงตา หู และลำคอ 17 ปวดศีรษะ #ใช้น้ำอุ่นอย่างไร# ลุกขึ้นในตอนเช้า และดื่มน้ำอุ่นประมาณ 4 แก้ว เมื่อท้องว่างเปล่า คุณอาจจะไม่สามารถที่จะทำให้ได้ 4 แก้วในตอนที่เริ่มต้น แต่ไม่ช้าคุณจะทำได้..... #หมายเหตุ: อย่าพึ่งกินอะไรตามหลังจากดื่มน้ำผ่านไป 45 นาที การบำบัดด้วยน้ำอุ่นจะช่วยแก้ปัญหาสุขภาพภายใน หรืออาการทัองผูก เช่น ○โรคเบาหวาน ภายใน 30 วัน ○ความดันโลหิต ใน 30 วัน ○ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร ใน 10 วัน ○มะเร็งทุกชนิด ภายใน 9 เดือน ○การอุดตันของเส้นเลือด ใน 6 เดือน ○การย่อยอาหารไม่ดี ใน 10 วัน ○มดลูกและโรคที่เกี่ยวข้อง ใน 10 วัน ○ปัญหาจมูกหูและลำคอ ใน 10 วัน ○ปัญหาผู้หญิง ใน 15 วัน ○โรคหัวใจ ใน 30 วัน ○ปวดหัว / ไมเกรน ใน 3 วัน ○คอเลสเตอรอล ภายใน 4 เดือน ○โรคลมชักและอัมพาตอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลา 9 เดือน ○หอบหืด ภายใน 4 เดือน #พึงระลึกไว้เสมอว่า น้ำเย็นจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณ หากน้ำเย็นไม่ส่งผลต่อคุณในวัยเด็ก ก็จะเป็นอันตรายต่อคุณในวัยชรา #น้ำเย็นจะปิด 4 หลอดเลือดดำของหัวใจและทำให้หัวใจวาย เครื่องดื่มเย็นเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอาการหัวใจวาย #นอกจากนี้ยังสร้างปัญหาในตับ ทำให้ไขมันติดอยู่กับตับ คนส่วนใหญ่รอการปลูกถ่ายตับเป็นเหยื่อของการดื่มน้ำเย็น #*น้ำเย็นส่งผลกระทบต่อผนังภายในของกระเพาะอาหาร มีผลต่อลำไส้ใหญ่ และส่งผลต่อมะเร็ง ##โปรดอย่าเก็บข้อมูลนี้ไว้ เพื่อตัวคุณเอง บอกให้ใครบางคนซึ่งอาจช่วยชีวิตคนอื่นได้นลดความอ้วนมะเร็งไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: middle1 ความเห็น
- 2 คนสงสัยน้ำอุ่น มีประสิทธิภาพแก้ปัญหาสุขภาพได้ 100 % จริงหรือลองดู สัก 1 เดือนไม่เสียเงิน / กลุ่มแพทย์ชาวญี่ปุ่น ยืนยันว่า "น้ำอุ่น"มีประสิทธิภาพ ในการแก้ปัญหาสุขภาพได้ 100% เช่น: 1 ไมเกรน 2 ความดันโลหิตสูง 3 ความดันโลหิตต่ำ 4 อาการปวดข้อ 5 เพิ่มขึ้นและลดลง ของการเต้นของหัวใจ อย่างฉับพลัน 6 โรคลมชัก 7 เพิ่มระดับคอเลสเตอรอล 8 ไอ 9 ไม่สบายตัว 10 หอบหืด 11 ไอแบบช่วง 12 การอุดตันของหลอดเลือดดำ 13โรคที่เกี่ยวข้องกับมดลูกและปัสสาวะ 14 ปัญหาในกระเพาะอาหาร 15 การย่อยอาหารไม่ดี 16 โรคที่เกี่ยวข้องกับดวงตา หู และลำคอ 17 ปวดศีรษะ #ใช้น้ำอุ่นอย่างไร# ลุกขึ้นในตอนเช้า และดื่มน้ำอุ่นประมาณ 4 แก้ว เมื่อท้องว่างเปล่า คุณอาจจะไม่สามารถที่จะทำให้ได้ 4 แก้วในตอนที่เริ่มต้น แต่ไม่ช้าคุณจะทำได้..... #หมายเหตุ: อย่าพึ่งกินอะไรตามหลังจากดื่มน้ำผ่านไป 45 นาที การบำบัดด้วยน้ำอุ่นจะช่วยแก้ปัญหาสุขภาพภายใน หรืออาการทัองผูก เช่น ○โรคเบาหวาน ภายใน 30 วัน ○ความดันโลหิต ใน 30 วัน ○ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร ใน 10 วัน ○มะเร็งทุกชนิด ภายใน 9 เดือน ○การอุดตันของเส้นเลือด ใน 6 เดือน ○การย่อยอาหารไม่ดี ใน 10 วัน ○มดลูกและโรคที่เกี่ยวข้อง ใน 10 วัน ○ปัญหาจมูกหูและลำคอ ใน 10 วัน ○ปัญหาผู้หญิง ใน 15 วัน ○โรคหัวใจ ใน 30 วัน ○ปวดหัว / ไมเกรน ใน 3 วัน ○คอเลสเตอรอล ภายใน 4 เดือน ○โรคลมชักและอัมพาตอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลา 9 เดือน ○หอบหืด ภายใน 4 เดือน #พึงระลึกไว้เสมอว่า น้ำเย็นจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณ หากน้ำเย็นไม่ส่งผลต่อคุณในวัยเด็ก ก็จะเป็นอันตรายต่อคุณในวัยชรา #น้ำเย็นจะปิด 4 หลอดเลือดดำของหัวใจและทำให้หัวใจวาย เครื่องดื่มเย็นเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอาการหัวใจวาย #นอกจากนี้ยังสร้างปัญหาในตับ ทำให้ไขมันติดอยู่กับตับ คนส่วนใหญ่รอการปลูกถ่ายตับเป็นเหยื่อของการดื่มน้ำเย็น #*น้ำเย็นส่งผลกระทบต่อผนังภายในของกระเพาะอาหาร มีผลต่อลำไส้ใหญ่ และส่งผลต่อมะเร็ง ##โปรดอย่าเก็บข้อมูลนี้ไว้ เพื่อตัวคุณเอง บอกให้ใครบางคนซึ่งอาจช่วยชีวิตคนอื่นได้ไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 2 คนสงสัยแผ่นแปะจมูกแก้นอนกรน ใช้ได้จริงหรือ ?ในเเอปขายของออนไลน์ มีการขายของประเภทเเผ่นแปะจมูก เเก้นอนกรน เเต่ในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานเรื่องการใช้แผ่นแปะแก้อาการนอนกรน และอาการคัดจมูก เพราะกลไกแผ่นแปะจมูกอาจจะยังไม่ได้แก้ปัญหาทางจมูกให้กับผู้ป่วยได้อย่างชัดเจนมากนัก แพทย์จึงยังไม่แนะนำให้นำมาใช้แก้ปัญหาเรื่องดังกล่าว การใช้แผ่นแปะจมูกคาดหวังผลได้หรือไม่ ส่วนมากผู้ใช้มักหวังผลแก้ปัญหาในบริเวณจมูก แต่หากสาเหตุการนอนกรนของผู้ป่วยอยู่ในส่วนอื่น ๆ เช่น เพดานอ่อน โคนลิ้น กล่องเสียง ก็อาจจะไม่ช่วยแก้ปัญหาอาการนอนกรนได้ ส่วนในแง่ของการรักษาอาการคัดจมูก ก็ยังไม่มีคำแนะนำการใช้แผ่นแปะมาแก้ปัญหาอาการคัดจมูกได้ กลไกการออกฤทธิ์ยังไม่ชัดเจน เพราะฉะนั้นหากผู้ป่วยมีปัญหาทางเดินหายใจอุดกั้นในระดับของจมูกก็อยากให้ประเมินการรักษาให้ถูกต้องเหมาะสมจะดีกว่า แผ่นแปะแก้นอนกรนอันตรายหรือไม่ ? ระวังอาการแพ้ ระคายเคืองผิวหนังบริเวณแปะแผ่นยาผู้บริโภคเฝ้าระวังMumimumi• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จากกรณีที่ชาวบ้านในพื้นที่อำเภอชายแดนทั้งชาวไทยและชาวเมียนมา อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ต่างเดินทางหลั่งไหลเพื่อไปชมต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ หลังพบมีลักษณะพิเศษมีน้ำหยดลงมาจากต้นไม้ตลอดทั้งวันทั้งคืนแม้ไม่มีฝนตกstd46420• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยจุดจบประเทศไทยเพื่อนส่งมาจาก USA จุดจบประเทศไทย ...... เรื่องนี้"คนไทยทุกคน"ควรที่จะได้รู้ ..... ประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้มีเกิด มีดับ ตลอดเวลา ..... สืบเนื่องจากการบรรยายของคุณนิติภูมิ ซึ่งเป็นสื่อมวลชน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมอสโค ซึ่งเป็นสถาบันที่ สตาลินสร้างขึ้นเพื่อสร้างภูมิปัญญาหวังครองโลกในสมัยหนึ่ง เมื่อหลายปีก่อนคุณนิติภูมิ ได้ทำนายไว้ว่า ประเทศอินโดนีเชียจะแตกเป็น 6-14 ประเทศ ซึ่งในตอนนั้น นักรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หัวเราะจนฟันกระเด็น แต่ต่อมาพอปี 2542 เหตุการณ์เริ่มเป็นจริง ! ประเทศอินโดฯได้เริ่มแตกเป็น ติมอร์ และตอนนี้ก็กำลังจะเกิดประเทศ อาเจะ และอีกหลายประเทศ ที่จะเกิดตามมา ในวันที่ 11 ธันวาคม 2543 ที่ผ่านมาที่งานคนดีศรีสังคม ณ หอประชุมวัฒนธรรมฯ คุณนิติภูมิได้บรรยายว่า "ประเทศไทย"จะต้องแตกเป็นประเทศใหม่อีก 4 - 6 ประเทศ แน่นอน ! ทั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดขึ้นอย่างมีกระบวนการ โดยสถานการณ์จะเริ่มชัดขึ้นในปี 2553 ซึ่งเป็นปีที่ข้อตกลง GATTs จะเริ่มมีผลสมบูรณ์ "การค้าเสรี"จะมีผลสมบูรณ์ สินค้าเกษตรต่าง ๆ จากต่างประเทศจะทะลักเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมหาศาล ในขณะที่เกษตรกรของไทยจะไม่กินสินค้าเกษตรของไทยด้วยกัน และสินค้าเกษตรของไทยก็จะขายไม่ออกเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ ประกอบกับการที่การพัฒนาการเกษตรของไทยได้พัฒนาอย่างผิดทิศทาง เป็นการพัฒนาแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำให้คนปลูกลำใยไทยก็จะปลูกแต่ลำใย จะกินข้าวก็ต้องซื้อข้าวเวียดนามมากิน คนปลูกข้าวไทยก็ต้องไปซื้อหอมกระเทียมจากจีนมากิน คนปลูกหอม กระเทียมจะไม่ซื้อลำใยจากไทยแต่จะไปซื้อจากเกาหลีมากิน เป็นวงจรอย่างนี้ทำให้สินค้าเกษตรของไทยขายไม่ได้ เพราะแม้แต่เกษตรกรไทยด้วยกันก็ยังไม่ซื้อของเกษตรไทยด้วยกันมากิน เนื่องจาก สินค้าของต่างประเทศมีต้นทุนถูกกว่า. สินค้าเกษตรของไทยมีต้นทุนที่สูงกว่า เพราะใช้ปัจจัยการผลิตปุ๋ยของต่างประเทศ พันธุ์พืชก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เนื่องจากในอีก ไม่ถึง10 ปีข้างหน้าพันธุกรรมท้องถิ่นจะถูกทำลายจาก GMOs และเมื่อเกษตรกรไทยซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ร้อยละ 80 ของประเทศอยู่ไม่ได้ "วิกฤต"ที่มหาโหดสุดก็จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย "รัฐบาลไทย"จะไม่มีปัญญาที่จะแก้ไขปัญหาได้ เพราะมาตรการทางการเงินก็จะใช้ไม่ได้ เนื่องจาก"ธนาคารไทย"กลายเป็นของต่างประเทศหมดแล้ว ไฟฟ้าก็แพงขึ้น น้ำมันก็แพงขึ้น โทรศัพท์แพงขึ้นเนื่องจากวิสาหกิจเหล่านี้กลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว เขาสามารถตั้งราคา ได้ตามใจชอบถ้ารัฐบาลไปขอให้ลดราคาก็จะได้รับคำตอบว่า เขาจะไม่มีกำไร (เช่น สัมปทาน พลังงาน ที่กำลังเป็นอยู่ขนะนี้ ) ธุรกิจจะอยู่ได้ด้วยกำไรเท่านั้น ถ้าเขาไม่มีกำไรเขาก็จะตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดโทรศัพท์ คุณเลือกเอาว่าจะยอมจ่ายในราคาที่แพงหรือว่าจะยอมไม่มีใช้ ดังนั้น รัฐบาลในอนาคตจะได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ ๆ เมื่อเกษตรกรไทยอยู่ไม่ได้ การขายที่ดินราคาถูก ๆ และจำนวนมหาศาลจะตามมา "คนที่มีกำลังซื้อก็คือชาวต่างชาติ " ซึ่งปัจจุบันก็ปรากฏแล้วว่าที่ดินบริเวณภาคตะวันออกได้ถูกต่างชาติกว้านซื้อไปเป็นจำนวนมากแล้ว เกษตรกรไทยที่ขายที่ดินได้ ก็ไม่สามารถนำเงินที่ได้ไปลงทุนให้เกิดรายได้ได้ (เช่น ภาคกลาง จ.สุพรรณ อ่างทอง ชัยนาท อยุธยา ฯ ) และธุรกิจอื่นได้ตกอยู่ในกำมือของต่างชาติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีกก็ตกอยู่ในมือของ Lotus, Carrefour, ธุรกิจอาหารก็ตกอยู่ในมือของ KFC, Pizzahat, McDonal, สิ่งทอเสื้อผ้าก็ของพวกฝรั่งเศส ฯลฯ ดังนั้น "เงินตรา"ของไทยก็มีแต่จะถูกดูดออก เหมือนกับคนที่เลือดไหลไม่หยุด ... เมื่อคนจนอยู่ไม่ได้ ... รัฐจะอยู่ได้ อย่างไร? (นี่คือโจทย์ ใหญ่ ที่ คสช.พลเอก ประยุทธ ต้องรีบแก้ปัญหาคนจนก่อนฯ) 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นแห่งแรกที่จะขอแยกตัวออกจากประเทศไทย เนื่องจากความแตกต่างที่เห็นชัดเจนและความแตกต่างทางวัฒนธรรม คนไทยภาคใต้จะเห็นด้วยกับการแยกประเทศ เพราะเห็น"ความล้มเหลวของรัฐบาลไทย " การเมืองไทย การคัดค้านจะน้อยลง การสนับสนุนให้แยกจะทวีความรุนแรงขึ้น จนรัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมได้ถ้ารัฐบาลใช้กำลังทหาร ก็จะถูกต่างชาติส่งทหารมาต่อต้านกองทัพไทย ซึ่งแน่นอนกองทัพไทยไม่มีปัญญาไปต่อสู้อยู่แล้ว การแยกตัวจะสำเร็จได้ในไม่นาน จากนั้น ภาคตะวันออก บริเวณ"จันทบุรี ตราด ระยอง ฉะเชิงเทรา " จะขอแยกตัวตามมา เนื่องจากที่ดินแถบนั้นกลายเป็นของ"ต่างชาติ"หมดแล้ว เนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวถูกใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมของต่างชาติ ทั้งสมุนไพร อาหารต่าง ๆ เมื่อรัฐบาลไทยเป็นอุปสรรคของต่างชาติ การขอแยกตัวก็จะทำได้ไม่ยาก นั่นหมายถึง "การซื้อประเทศไทยคล้ายกับที่สหรัฐอเมริกาซื้อรัฐ Alaska จาก Russia ถ้าไทยต่อต้าน เจอทหารต่างชาติแน่ เรา "คนไทย "จะเตรียมรับมือกับวิกฤติในอนาคตอย่างไร ? ผมติดตามงานเขียนคุณนิติภูมิ มาหลายปี และสิ่งที่เขียนในไทยรัฐหน้า 2 เกือบทุกวันนั้น ไม่น่าเชื่อเลยว่า หนังสือพิมพ์ต่างประเทศจะเอาข้อมูลงานเขียนของนิติภูมิ ไปแปลลงหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ในการวิเคราะห์ บ่อยครั้งที่นิติภูมิ มองธุรกิจการเมือง สังคมไปพร้อมกัน รวมทั้งประวัติศาสตร์เขามองอาเจนติน่า ก่อนล่มสลายทางเศรษฐกิจ ก่อนล่มจริง ... เขาทำนาย การเกิดสงคราม อเมริกากับอิรัค ข้อคิด รวมทั้งอนาคตชาวเชเชนไว้น่าสนใจ ผมว่า สิ่งที่เขาพูดเป็นไปได้นิติภูมิ ทำให้ผมต้องกลับมาซื้อของโชห่วยของคนไทย แทนที่ไปเดิน lotus, careflour, เพราะผมบอกแม่บ้านและลูก ๆ ว่า เราซื้อของร้านโชห่วย ข้างบ้าน ไม่ต้องไปห้างใหญ่อีกเพราะอะไร เพราะเราไป คาร์ฟู เงิน 100 บาทที่เราจ่ายไปจะไปสู่ฝรั่งเศส 86 บาท เหลือให้คนไทย 14 บาท เพราะของต่างชาติเกือบ 100 เปอร์เซนต์ โลตัสเหมือนกัน นิติภูมิเคยเอาเปอร์เซนต์ที่ต่างชาติถือหุ้นมาลงให้ดู ของ 3 ห้างดัง ผมตกใจมาก และตัดสินใจซื้อน้ำปลาข้างบ้านตั้งแต่วันนั้น เพราะว่าต่างชาติถือหุ้นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แล้วบางห้าง 86 ปอร์เซ็นต์ สอนลูกว่ามันจะแพงกว่าห้าง 3 บาท ก็ซื้อที่นี่มันจะแพงกว่า 5 บาทก็ซื้อที่นี่ เพราะมันจะเป็นภาษีคนไทย กลับมาหาลูกเอง ผมคิดแบบนี้จริง ๆ ๆ ถ้าซื้อจากห้าง 1,000 บาท มันไหลไปต่างประเทศ 900 บาท ที่เหลือ 100 บาท ที่เห็นจ่ายค่ายามเฝ้าห้างไง มองอาเจนติน่าง่ายนิดเดียว ห้างต่างชาติบุกไปตั้งมากกว่า 400 ห้าง? ทั่วประเทศ คนอาเจนติน่าจึงทำเงินส่ง คาร์ฟู ส่งห้างต่างชาติ เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ เงินคนทั้งชาติของชาวอาเจน จึงไหลไปหมด ในประเทศจึงไม่เหลืออะไร ทางสุดท้ายที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าทำได้ ผมพาลูกผมหัดทานขนมกรอบให้น้อยลง เลิกกิน kfc และพยายามทานให้ลดลง และจำนวนหน ต่อปีน้อยสุด ผมอธิบาย วิธี"สิ้นชาติ"แบบทางเศรษฐกิจตั้งแต่เริ่มจนจบให้เด็กที่บ้าน และลูกฟัง หัดให้ลูกมาทานบัวลอย ขนมชั้น ข้าวเหนียวเปียกแทน ถั่วดำข้าวเหนียว ดีครับ ได้ผล ... ลูกเปลี่ยนวิธีกิน ... วิธีคิดไปเลย ... เปลี่ยนไปได้มาก พอเย็นสั่งผมซื้อเต้าส่วนบ้าง ขนมชั้นบ้าง ลูกเดือยบ้าง ผมพูดนิดนึงที่เขาเข้าใจคือ ผมไปตลาดซื้อไก่ทอดแม่ค้ามา 3 ขาไก่ทอดแบบไทย ๆ แล้วผมไป kfc ซื้อมา 3 ชิ้น เลือกน่องครับเหมือนกัน ราคาต่างกันลิบเลย ผมก็อธิบายคำว่า license ( ค่าลิขสิทธิ์ ) ให้ลูกฟัง ผมบอกว่า ซื้อไก่ 35 บาท ค่าไก่ 15 บาท ที่เหลือเป็นค่าลิขสิทธิ์ ไก่แม่ค้าที่ถูกเพราะไม่มีค่าลิขสิทธิ ใบตองที่ห่อขนมไทย ไม่มีลิขสิทธิ มันเป็นวัสดุธรรมชาติ ย่อยสลายได้ไม่ถึง 3 เดือน ขนม"ต่างชาติ" ห่อสวย แพง เพราะยี่ห้อมันมีลิขสิทธิ์ เวลามันหล่นที่พื้น ไม่มีคนเก็บมันจะย่อยสลายภายใน 200 ปี ผมสอนแบบนี้ ลูกผมเปลี่ยนวัฒนธรรมไปเลย ผมทำได้และได้ทำแล้ว ปล . ใคร่จะขอกรุณาช่วยนำบทความไปเผยแพร่ต่อ จะเป็นพระคุณมากครับ คิดว่า ช่วย กัน "ชาวไทย พิทักษ์ชาติไทย" ครับ ขอบคุณ ทุกท่าน ที่ "รักชาตินะครับข่าวการเมืองภาคใต้ภาคตะวันออก ผู้บริโภคเฝ้าระวังMrs.Doubt• 3 ปีที่แล้ว2 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยFrom นายแพทย์สุธี ทุวิรัตน์ 25 ก.ค. 2564 สรุปประสบการณ์ในการดูแลรักษาครอบครัวที่ติดโควิดทั้งบ้าน 10 คน แบบ home isolation ครอบครัวนี้สมาชิก 10 คน ประกอบด้วย อากงและอาม่า อายุ ประมาณ 70 ปี อากงและอาม่า มีลูกชาย 1 คน ลูกสาว 2 คน ลูกชายเป็นพี่ชายคนโต แต่งงานมีลูกมีเมียแล้ว มีลูกอ่อน 2 คน เป็นฝาแฝด อายุ 2 ขวบ ลูกสาวคนโตก็แต่งงานแล้ว มีลูก 2 คน เริ่มเป็นวัยรุ่นแล้ว ทั้งหมด 10 ชีวิต อาศัยอยู่รวมกันอย่างค่อนข้างจะแออัดในห้องแถวย่านตลาดน้อย ครอบครัวนี้เกิดโชคร้าย ติดเชื้อโควิดโดยไม่รู้ตัวว่าติดได้อย่างไร ติดจากใคร โดยมีไทม์ไลน์ดังนี้ วันที่ 12/7/64 อากงเริ่มมีอาการไอ วันที่ 15/7/64 ลูกสาวคนโตเริ่มมีอาการไอ วันที่ 17/7/64 ลูกสะใภ้ กับอาม่า เริ่มมีไข้ ไอ วันที่ 18/7/64 หลาน 2 คนที่เป็นวัยรุ่น เริ่มมีไข้ต่ำๆ, ลูกสาว อาการมากขึ้น เริ่มมีอาการเจ็บคอ ทั้งบ้านก็ยังไม่เฉลียวใจว่าติดเชื้อโควิดกันทั้งบ้านแล้ว วันที่ 19/7/64 ลูกสะใภ้ มีไข้สูง ไปตรวจที่ รพ.กรุงเทพคริสเตียน พยาบาลแนะนำให้แยกกักตัวเอง เพราะสงสัยจะเป็นโควิด ลูกชายและลูกสะใภ้แยกตัวไปนอนที่คอนโด วันที่ 21/7/64 ลูกสะใภ้รู้ผล และรักษาตัวในโรงพยาบาลสนาม, ลูกชายไปหาซื้อชุดตรวจมาได้ 4 ชุด ตรวจเสียไป 2 ชุด ผลตรวจ อาม่าเป็นบวก ลูกสาวเป็นลบ วันที่ 21/7/64 ผลการตรวจ rapid test ของอาม่าเป็นบวก ลูกชายพาอาม่าไปตรวจที่โรงพยาบาล แจ้งกับทางโรงพยาบาลว่าผลตรวจ rapid test เป็นบวก แต่โรงพยาบาลไม่ตรวจให้, ครอบครัวนี้เริ่มสติแตก พยายามดิ้นรนโทรติดต่อหาที่ตรวจแต่หาไม่ได้เลย มีที่พอจะรับตรวจ ก็อยู่ไกล และจำกัดจำนวนตรวจ ต้องไปวัดดวงรอว่าจะได้รับการตรวจ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่ครอบครัวนี้จะไปตรวจได้ เพราะทุกคนเริ่มป่วยและมีอาการแล้ว รวมทั้งเป็นคนแก่และเด็ก สุดท้ายมีเพื่อนของลูกชายช่วยนัดจองคิวตรวจอากงและอาม่าได้ 2 คน ได้คิวตรวจที่แลบเอกชนในวันที่ 23/7/64 วันที่ 21/7/64 ลูกชายไปต้องไปนอนค้างคืนที่โรงพยาบาลจุฬา เพื่อแย่งจองคิวตรวจที่จำกัดวันละ 50 คน วันที่ 22/7/64 ลูกชายได้รับการตรวจที่ รพ.จุฬา ผลเป็นบวก ได้รับการรักษาที่ รพ.จุฬา วันที่ 22/7/64 หลานอายุ 2 ขวบ 2 คนเริ่มมีไข้ ประมาณ37.5ให้ทานยาลดไข้ และเช็ดตัว ไข้ลง วันที่ 23/7/64 เด็ก 2 คนเริ่มมีไข้สูง 38.8 และ 38.6 เช็ดตัวไข้ไม่ลง นอนซึม วันที่ 24/7/64 เด็ก 2 คนอาการดีขึ้น ไข้ประมาณ 37.5 เริ่มทานขนมได้ วันที่ 25/7/64 ลูกสาว 2 คน และหลาน 2 คนที่เป็นวัยรุ่น จองคิวตรวจได้ที่ หน่วยตรวจเชิงรุกของกทม.ที่เขตดุสิต และไปรับการตรวจแล้ว ได้รับการแจ้งว่าต้องรอผล 2 วัน จะแจ้งทาง sms ตั้งแต่วันที่ 21/7/64 ที่รู้ว่ามีคนในครอบครัวนี้ติดโควิด ครอบครัวนี้พยายามหาทางที่จะติดต่อแจ้งไปหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น 1330 1668 1669 สาธารณสุข แต่ก็ถูกปฏิเสธไม่ยอมรับแจ้ง โดยอ้างว่าเป็นกฎที่จะรับแจ้งขึ้นทะเบียนเป็นผู้ติดเชื้อโควิดได้ ต้องมีผลการตรวจแบบ RT PCR เท่านั้น แม้ว่าครอบครัวนี้จะพยายามชี้แจงว่าเป็นผู้ติดเชื้อ เพราะมีคนในครอบครัวติดเชื้อและรักษาตัวในรพ.สนามแล้ว และคนที่เหลือในครอบครัวหาที่ตรวจโควิดไม่ได้ ขนาดเอาผลการตรวจของภรรยาลูกชายคนโตและบอกว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ก็ไม่ยอมรับแจ้ง และไล่ให้ต้องไปตรวจด้วย RT PCR มาก่อนเท่านั้น เมื่อรู้ว่าติดโควิดทั้งครอบครัว ก็ดิ้นรนหาซื้อชุดตรวจ และหาซื้อยาฟ้าทะลายโจร กระชาย ทั้งยาไทยและยาจีน ทุกตัวที่โฆษณาว่ารักษาโควิดได้ มากินกันทั้งครอบครัว น้องผมที่เป็นลูกเขยของบ้านนี้ ติดต่อขอความช่วยเหลือจากผมในคืนวันที่ 21/7 ผมได้โทรไปสอบถามอาการของคนในครอบครัวนี้พบว่า อาม่า และน้องสะใภ้ผม เริ่มมีอาการไอมากและหอบเหนื่อย พูดได้ไม่เยอะ พูดไปไอไป เชื้อน่าจะเริ่มลงปอดแล้ว ผมประเมินดูแล้วมั่นใจว่าหาเตียงในโรงพยาบาลไม่ได้แน่ๆ ครอบครัวนี้น่าจะเป็นผู้ติดเชื้อโควิดสีเหลือง และมี 2 คนที่น่าจะกำลังเป็นสีแดง โอกาสที่จะรอดของครอบครัวนี้คือ รักษาตัวที่บ้าน ผมตัดสินใจที่จะไม่เสียเวลาไปในการติดต่อหาเตียงตามโรงพยาบาลต่างๆ การหายาฟาวิพิราเวียมาให้เร็วที่สุด คือทางรอดเดียวของครอบครัวนี้ เพื่อป้องกันไวรัสลงปอด และลดการแพร่เชื้อไวรัส แม้ว่าจะติดเชื้อกันทั้งบ้านแล้ว แต่การอยู่กันอย่างแออัด 10 คนในห้องแถวเล็กๆ จะมีไวรัสออกมากับลมหายใจตลอดเวลา และทุกคนก็หายใจเอาไวรัสของคนในครอบครัวอีก 9 คนตลอดเวลา น่าจะทำให้อาการของโรคกำเริบมากขึ้นทุกคน วันที่ 22/7 ผมและน้องชายพยายามติดต่อหาซื้อยาฟาวิพิราเวีย จากเพื่อนที่อยู่โรงพยาบาลเอกชน แต่ไม่สามารถหาซื้อได้เลย ทุกโรงพยาบาลยืนยันว่าการจะจ่ายยา ต้องสั่งโดยหมอ infectious และต้องมีใบตรวจด้วย RT PCR ของแต่ละคนเท่านั้น ผมและน้องชายพยายามติดต่อหาที่ตรวจ RT PCR และ RAT แต่ก็ไม่มีโรงพยาบาลไหนรับตรวจ ขนาดน้องชายผมเป็น FT โรงพยาบาลเอกชน บอกว่าเป็นญาติและนามสกุลเดียวกัน ก็ยังไม่รับตรวจ และไม่จ่ายยาฟาวิพิราเวียให้ ผมเลยต้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆศิริราช ต้องขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือและให้กำลังใจ และช่วยหายาฟาวิพิราเวีย ได้ 3 ชุด เมื่อได้ยามาแล้ว ผมให้อากง และอาม่า กับลูกสาวที่เริ่มมีอาการหายใจเหนื่อยหอบได้ทานยาก่อน เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงและเริ่มมีอาการหนักแล้ว วันที่ 23/7 หลังจากได้ยาฟาวิพิราเวียไป 2 โดส อาม่าและลูกสาวที่อาการหนักที่สุด อาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คุยได้มากขึ้นไอน้อยลง และต้องขอบคุณเพื่อนๆ ที่ช่วยหายาฟาวิพิราเวียร์ มาให้อีก 3 ชุด และส่ง pulse oximeter มาให้ วัดออกซิเจน อาม่าและลูกสาว ได้ประมาณ 94 ส่วนคนอื่นได้ 96 ยกเว้นเด็ก 2 ขวบ 2 คน วัดได้ 93 แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะนิ้วเด็กหรือเปล่าเลยวัดได้ต่ำกว่าความเป็นจริง แต่อาการเด็กก็เริ่มมีไข้สูงและเริ่มซึมแล้ว แนะนำให้ทานยาลดไข้พาราเซต และเช็ดตัวบ่อยๆ และวางแผนว่าถ้าวันที่ 24/7 อาการแย่ลง จะแบ่งยาฟาวิพิราเวียของลูกสาวคนที่ไม่มีอาการ มาให้เด็กทั้ง 2 คน แต่โชคดีที่ เมื่อวานนี้ไข้เริ่มลด และเด็กอาการดีขึ้น วันที่ 25/7 ทุกคนในครอบครัวอาการดีขึ้นแล้ว แต่จมูกยังไม่ได้กลิ่น วัดออกซิเจน ได้ 98 ทุกคน สรุป 1. ยาฟาวิพิราเวีย จำเป็นมากสำหรับการรักษาตัวเองที่บ้าน และต้องรีบให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้อาการหนัก 2. สำคัญที่สุดในการดูแลรักษาทางไกลคือ การให้กำลังใจ เพราะคนไข้จะวิตกกังวลมาก กลัวตาย กลัวไปทุกเรื่อง ผมโทรไปถามอาการและชวนพูดคุยบ่อยมาก ทุก 2-3 ชั่วโมง 3. ควรจะต้องมียาลดไข้ ยาแก้ไอ และฟ้าทะลายโจร ติดบ้านไว้ 4. ตอนนี้โควิดมันแพร่กระจายไปทั่วแล้ว แม้แต่อยู่แต่ในบ้านยังติดโควิดได้ ครอบครัวนี้อากงอาม่าและลูกสาว 2 คนอยู่แต่ในบ้าน มีแต่ลูกชายและลูกสะใภ้ที่ทำงานนอกบ้าน แต่อากงติดเชื้อเป็นคนแรกเลย ยังไม่รู้ว่าติดได้อย่างไร ยิ่งทำให้สงสัยว่าน่าจะติดจาก airborne 5. ให้ทานน้ำเยอะๆ ผมสั่งให้กินน้ำอย่างน้อยวันละ 3 ลิตร และทุกครั้งที่โทรไปจะกระตุ้นให้กินน้ำเยอะๆ เพื่อช่วยเรื่อง hydration 6. ผมให้คนไข้ทุกคน วัดไข้ จับชีพจร และนับการหายใจทุก 1 ชั่วโมง บันทึกไว้ วัตถุประสงค์เพื่อให้คนไข้ได้รู้จักสังเกตุอาการตนเอง ต่อมาเมื่อมี pulse oximeter ผมก็เปลี่ยนมาให้ทุกคนบันทึก ออกซิเจนและชีพจร ของตนเอง ทุก 1 ชั่วโมง เพื่อที่เราจะได้ให้คนไข้ได้รู้การเปลี่ยนแปลงของตนเอง และช่วยให้ผมที่เป็นหมอสามารถที่จะมาประเมินทบทวนอาการของคนไข้ย้อนหลังได้ 7. ในกรณีเลวร้ายสุดๆ คือยาฟาวิพิราเวียไม่ได้ผล และคนไข้เริ่มมีอาการปอดอักเสบชัดเจน ผมจะไม่พยายามไปหาออกซิเจนมาให้ เพราะรู้ว่าไม่ได้ผล มีแต่จะทำให้คนไข้ทรมานมากขึ้น เพราะคนไข้ที่ปอดอักเสบรุนแรง ต้องใส่ท่อช่วยหายใจและใช้เครื่องช่วยหายใจ หรืออย่างน้อยก็ต้องเป็น high flow oxygen แต่ผมจะทดลองให้การรักษา ด้วยวิธีการที่ยังไม่เคยมีใครทดลองมาก่อน แต่อาจจะได้ผลสามารถยื้อชีวิตผู้ป่วยได้ ซึ่งถ้าเพื่อนๆมีญาติหรือคนในครอบครัวที่เริ่มมีปอดอักเสบและไม่สามารถหาเตียงในไอซียูได้ หลังไมค์มาคุยกันนะครับ ยินดีแชร์ให้ฟังครับ แล้วเพื่อนๆให้คนไข้ตัดสินใจเองว่าจะทดลองรักษาตัวตามสูตรของผมหรือไม่ 8. ตอนนี้การติดเชื้อแพร่ระบาดเข้าไปในครัวเรือนแล้ว เมื่อพบผู้ติดเชื้อ 1 คน สมาชิกในครอบครัวจะติดเชื้อไปแล้วทุกคน ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุข ต้องยกเลิกกฎที่บังคับให้ต้องมีผลตรวจ RT PCR ทุกคนถึงจะรับลงทะเบียนเข้าระบบ ควรจะใช้แค่ผลการตรวจ rapid test และกระทรวงสาธารณสุข ต้องมีหน้าทีจัดหาชุดตรวจ ATK ส่งไปให้คนในครอบครัวผู้ป่วยทุกคน เพื่อที่จะรีบตรวจและคัดกรองผู้ติดเชื้อ ไม่ใช่ผลักภาระให้ผู้ป่วยทุกคน ไม่ว่าเด็กหรือคนแก่ต้องไปดิ้นรน หาที่จองคิวตรวจด้วยตัวเอง และก็เอาเชื้อไปแพร่ให้คนรอบข้าง แบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ 9. ครอบครัวนี้น่าจะเริ่มติดเชื้อวันที่ 12/7/64 จนกระทั่งวันนี้ (25/7/64) ก็ยังไม่สามารถที่จะเข้าถึงการตรวจด้วย RT PCR และไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนว่าเป็นผู้ติดเชื้อโควิด 10. ช่วยกันเรียกร้องกดดันให้กระทรวงสาธารณสุข ยกเลิกระเบียบคำสั่งที่การขึ้นทะเบียนเป็นผู้ติดเชื้อต้องมีผลการตรวจยืนยันด้วย RT PCR เท่านั้น ในสถานการณ์ปัจจุบันที่การระบาดอย่างหนัก ควรจะยืนยันด้วยผลการตรวจ ATK ก็น่าจะเพียงพอแล้ว และต้องเป็นหน้าที่ของสธ. สปสช. ที่ต้องจัดหาและจัดส่งชุดตรวจ ATK ไปให้ครอบครัวของผู้ติดเชื้อ เพื่อที่จะคัดกรองหาผู้ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ 11. ถ้าคิดว่าโพสนี้เป็นประโยชน์ สามารถแชร์ต่อไปได้ครับ นายแพทย์สุธี ทุวิรัตน์ 25 ก.ค. 2564โควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยHigo อาหารเสริมเพิ่มความสูง ที่แม่พลอยไว้ใจเสริม ความแข็งแรงกระดูก ให้ลูกน้อย ❤️"สูง" ทันใจ ❤️ 🌟Higo 🌟ครบ ❗️จบ ❗️ในเม็ดเดียว‼️chokun1880vee• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยhttps://youtu.be/Bcl2SrjeILkข่าวการเมืองภาคใต้อันดามันผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยWI-FI สาธารณะอันตรายจริงหรือไม่?WI-FI สาธารณะถือว่าสามารถพบเห็นได้ทั่วไปและสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายเพียงแค่ไม่กี่คลิกแต่ภัยร้ายที่แฝงมากับ WI-FI สาธารณะนั้นก็มีมากพอๆกับความสะดวกสบายที่ได้รับ จากการสัมภาษณ์ ผศ.ดร.วุฒิชัย วิเชียรไชย อาจารย์สังกัดภาควิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้ข้อมูลว่าการใช้ WI-FI สาธารณะมีความเสี่ยงต่อการโดนขโมยข้อมูลสูงมากและยังสามารถทำได้หลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาแทรกกลางระหว่างผู้ใช้กับเครื่อข่าย (man in the middle) ที่จะเป็นการดักจับข้อมูลของเหยื่อโดยอาศัย WI-FI สาธารณะเป็นตัวกลาง หรือจะเป็นการปล่อย WI-FI ปลอมโดยการแอบอ้างเป็น WI-FI สาธารณะเพื่อให้เหยื่อหลงเข้ามาใช้และด้วยวิธีการเหล่านี้ทำให้มิจฉาชีพสามารถล่วงเอาข้อมูลต่างๆของเราเช่น รหัส ATM หรือข้อมูลส่วนตัวอื่นๆของเราได้ ซึ่ง ผศ.ดร.วุฒิชัย วิเชียรไชย ได้ให้ข้อแนะนำในการใช้ WI-FI สาธารณะว่า 1 ไม่ทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างเชื่อมต่อ WI-FI สาธารณะ 2 เข้าเว็บไซต์ที่ได้มาตรฐานเช่นเว็บไซต์ที่ขึ้นต้นด้วย https เนื่องจากมีระบบป้องกันการแฮกทำให้แฮกเกอร์ล่วงข้อมูลได้ยากขึ้น 3 อัพเดทแอพพลิเคชั่นให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นแอพธนาคารหรือแอพต่างๆเมื่อมีการอัพเดทโปรแกรมเมอร์มักจะใส่หรือพัฒนาระบบป้องการการแฮกเข้ามาด้วยทุกครั้ง ทั้งนี้แม้ว่า WI-FI สาธารจะมีความเสี่ยงต่อการโดนแฮกข้อมูลแต่ด้วยเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยในปัจจุบันทำให้การโดนแฮกข้อมูลเป็นไปได้ยากมาขึ้นแต่ถึงอย่างนั้นการระมัดระวังตัวเรื่องการใช้ WI-FI สาธารณะก็เป็นเรื่องที่ควรคำนึงถึงตลอดเวลา (ข้อมูลจาก 9arm) ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าการใช้ WI-FI สาธารณะมีความอันตรายจริงแต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้ความอันตรายจาก WI-FI สาธารณะลดลงเป็นอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้นตัวผู้ใช้ก็ควรระมัดระวังเรื่องการใช้เครื่อข่าย WI-FI สาธารณะอยู่เสมอผู้บริโภคเฝ้าระวังแอคปลอมflukerattanin• 8 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยตำรับยาสมุนไพร ดื่มรักษาโรคมะเร็งปอดตามที่ได้มีบทความชวนเชื่อเรื่องตำรับยาสมุนไพร ดื่มรักษาโรคมะเร็งปอด ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีคำแนะนำสุขภาพให้ดื่มน้ำต้มทองพันชั่ง ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ ตังกุยจี้ รากชะเอม พลูคาว และกะเม็งตัวเมีย เพื่อรักษามะเร็งปอด ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่า สมุนไพรตามที่กล่าวอ้างช่วยรักษาโรคมะเร็งปอดในมนุษย์ได้ โดยจากผลการศึกษาวิจัยระดับเซลล์ในห้องปฏิบัติการพบว่าอาหารในกลุ่มพืชผักสมุนไพรอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น สารไตรเทอร์ปีนอยด์ สารฟีนอลิกส์ สารฟลาโวนอยด์ และสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ สารต้านอนุมูลอิสระอาจมีส่วนในการยับยั้งเซลล์มะเร็งในหลอดทดลอง แต่ผลดังกล่าวเป็นเพียงงานวิจัยเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันการรักษาโรคมะเร็งหลัก ๆ มี 3 วิธี ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด และรังสีรักษา ผู้ป่วยควรศึกษารายละเอียดด้านสรรพคุณ ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา และวิธีการใช้สมุนไพรอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์wanphon.31• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย*หลีกเลี่ยงการตายกะทันหันในตอนกลางคืน แบ่งปันโดยแพทย์ ... *สำหรับผู้ที่ตื่นนอนตอนกลางคืนเพื่อตรวจบ้านหรือปัสสาวะ *คุณจะต้องทำตามคำแนะนำ "สาม ครึ่งนาที" นี้ เพราะมันสำคัญ "สามครึ่งนาที" จะช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตกะทันหันได้อย่างมาก *บ่อยครั้ง บุคคลที่ยังดูมีสุขภาพดีต้องเสียชีวิตในตอนกลางคืน เรามักจะได้ยินเรื่องราวของคนพูดว่า: "เมื่อวานฉันคุยกับเขา ทำไมเขาถึงตายกะทันหัน? เหตุผลก็คือ เวลาตื่นนอนตอนกลางคืนเพื่อไปเข้าห้องน้ำมักจะทำอย่างรีบร้อน สมองไม่มีการไหลเวียนของเลือด "สาม ครึ่งนาที" จึงสำคัญมาก *ในช่วงกลางดึก เมื่อปวดปัสสาวะ ร่างกายปลุกคุณให้ตื่นขึ้น รูปแบบคลื่นไฟฟ้าหัวใจจะเปลี่ยนไป เพราะเมื่อลุกกระทันหัน สมองเปลี่ยนระดับ โลหิตขึ้นไปเลี้ยงสมองไม่ทัน จะเสียการทรงตัว ทำให้ล้ม บาดเจ็บ และอาจทำให้หัวใจล้มเหลวเนื่องจากขาดเลือด *ขอแนะนำให้คุณฝึก "สาม ครึ่งนาที" ซึ่งได้แก่: 1.เมื่อคุณตื่นจากหลับ ให้นอนบนเตียงเป็นเวลาครึ่งนาทีแรก 2.นั่งบนเตียงอีกเป็น ครึ่ง นาทีที่ 2 3.ลดขาของคุณนั่งบนขอบเตียงอีก เป็นครึ่งนาทีสุดท้าย หลังจากผ่านไป "สามครึ่งนาที" คุณจะไม่มีสมองขาดเลือดและหัวใจจะไม่ล้มเหลว ลดโอกาสที่หกล้มและเสียชีวิตกะทันหัน *แบ่งปันให้กับครอบครัว เพื่อนฝูง และคนที่คุณรัก มันสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่คำนึงถึงอายุ หนุ่มหรือแก่ *พยายามส่งสิ่งสำคัญนี้ไปให้ทุกกลุ่มของคุณ *แล้วคุณและคนในครอบครัวของคุณควรปฏิบัติตามด้วย.ไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยแพทย์หลายท่านชี้ว่าคนวัยเกษียณ (ผู้สูงวัย) ควรจะพูดคุยให้มากขึ้น เพราะขณะนี้ยังไม่มีทางรักษาและป้องกันรักษาโรคความจำเสื่อมได้เลย ทางเดียวที่ช่วยได้คือ การพูดคุยสนทนาให้มากขึ้นLINE กลุ่มคนแก่ชักสำคัญขึ้นมาแล้ว แพทย์หลายท่านชี้ว่าคนวัยเกษียณ (ผู้สูงวัย) ควรจะพูดคุยให้มากขึ้น เพราะขณะนี้ยังไม่มีทางรักษาและป้องกันรักษาโรคความจำเสื่อมได้เลย ทางเดียวที่ช่วยได้คือ การพูดคุยสนทนาให้มากขึ้น... การพูดคุยมีประโยชน์ต่อผู้สูงวัยอย่างน้อย 3 ประการ ประการแรก การพูดกระตุ้นและทำให้สมองมีความคล่องแคล่ว เพราะภาษากับการคิดจะสื่อสารระหว่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาพูดเร็วซึ่งส่งผลโดยธรรมชาติให้เกิดปฏิกริยาการคิดที่เร็วขึ้นและเพิ่มความจำ บรรดาผู้สูงวัยทั้งหลายที่ไม่พูดคุยมีแนวโน้มสมองเสื่อม ประการที่สอง การพูดช่วยคลายความเครียดได้มากที่เดียว ช่วยไม่ให้เป็นโรคจิตและลดความเครียด บ่อยครั้งเราไม่พูดแต่จะเก็บกดไว้ในใจเรา นี่เป็นความจริง ด้วยเหตุนี้จะเป็นการดีที่จะให้โอกาสผู้สูงวัยทั้งหลายได้พูดมากขึ้น ประการที่สาม การพูดช่วยให้กล้ามเนื้อบนใบหน้า ทรวงอกได้ขยับตัวออกกำลังและเพิ่มสมรรถภาพของปอด ในขณะเดียวกันการพูดลดความเสี่ยงของการเสื่อมในดวงตาและหู รวมถึงความเสี่ยงที่แฝงมาเช่น ทำให้เวียนศรีษะและหูหนวก สรุปสั้น ๆ ได้ว่าสำหรับ คนวัยเกษียณหรือบรรดาผู้สูงวัยทั้งหลาย ทางเดียวที่จะป้องกัน โรคอัลไซเมอร์ คือ การได้พูดคุยสนทนากับผู้คนเท่าที่จะมากได้ และสนทนาอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ไม่มีวิธีอื่นใดจะรักษาโรคนี้ได้เท่ากับการพูดคุย ดังนั้น ขอให้เราพูดคุยกันมากขึ้นและกระตุ้นให้ผู้สูงวัยท่านอื่น ๆ พูดคุยสนทนากับญาติมิตรและคนรอบข้างมากขึ้น ข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์และดีต่อสุขภาพ ส่งผลดีต่อชีวิตและคุณภาพประชากรสูงวัยของชาติต่อไป กรุณาส่งให้ผู้สูงวัยท่านอื่น ๆ ด้วยจ้า Cr : ขอขอบพระคุณ ดร.บรรจง ชมภูวงศ์Mrs.Doubt• 2 ปีที่แล้วmeter: middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจ่ายแบงค์ 1,000 บาท จริง แต่ถูกหาว่าเป็นแบงค์ปลอม ทางที่ดีก่อนจ่ายแบงค์ 1,000 บาท ควรจำหมายเลขในแบงค์ไว้บ้างนะครับ เพื่อความปลอดภัยคนด่าเพียบ!! แม่ค้าหัวใส ทอนเงินด้วยวิธีใหม่ ถ้าได้วิธีแล้วจะรู้เลยว่าทำไมคนถึงด่าลับหลัง วันก่อนไปกินข้าวกับเพื่อนที่ร้านเล็ก ๆ ริมถนนใน จ.ปราจีนบุรี ไปกินกัน 5 คน กินเสร็จก็สั่งเก็บเงิน ยอมรวม 280 บาท เพื่อนผมจ่ายแบ็งค์ 1,000 บาทให้ไป แม่ค้าก็รับไปแล้วเดินไปจะทอนเงิน สักพักเดินกลับมาโวยวายว่า แบ็งค์ 1,000 บาท ที่จ่ายให้ไปนั้น เป็น " แบงค์ปลอม " แม่ค้าตะโกนว่าโต๊ะผมเสียงดังมาก แล้ววางแบงค์ปลอม 1,000 บาท ลงบนโต๊ะ ตอนนั้นคนในร้านมีอยู่ 3 - 4 โต๊ะ ก็เริ่มมอง ๆ มาที่โต๊ะผม เพื่อนผมเพิ่งจะกดเงินมาจากตู้เอทีเอ็ม เป็นแบงค์ใหม่หมด เลขในแบงค์ก็เรียงกัน แต่ใบที่แม่ค้าเอามาวางคืนให้เป็นแบงค์เก่า ก็เลยเถียงกันไปเถียงกันมา แม่ค้าก็ยังไม่ยอม เพื่อนผมมันจึงแกล้งบอกว่า จำเลขในแบงค์ได้ แม่ค้าก็ไม่ยอม พอดีมีสายตรวจมาซื้อของที่ร้านข้าง ๆ ก็เลยเดินไปเรียกตำรวจมา บอกให้ช่วยค้นตัวแม่ค้า ดูว่า มีแบงค์ 1,000 บาท ใบอื่นหรือไม่ แม่ค้าไม่ยอมให้ค้นตัว แต่เดินไปหยิบทอนมาให้ 800 บาท ( ทอนเกิน ) แล้วบอกตำรวจว่า ไม่มีอะไร ( ตำรวจไม่ยอมโวยวาย ) เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงนะครับ อยากจะเตือนทุกคนให้ระมัดระวังมุกใหม่นี้ด้วย จ่ายแบงค์ 1,000 บาท จริง แต่ถูกหาว่าเป็นแบงค์ปลอม ทางที่ดีก่อนจ่ายแบงค์ 1,000 บาท ควรจำหมายเลขในแบงค์ไว้บ้างนะครับ เพื่อความปลอดภัย กดไลค์และแชร์เพื่อเตือนภัยมิจฉาชีพกันนะคะ ที่มา: Credit คำคมให้คิด ได้ชีวิตเป็นสุขผู้บริโภคเฝ้าระวังMrs.Doubt• 2 ปีที่แล้ว2 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 3 คนสงสัยข้อความส่งต่อ จริงไหมอ่านแล้วอย่าเก็บไว้คนเดียว.... ขอให้ส่งต่อให้ญาติสนิทมิตรสหายอ่านไว้ เพราะว่าความรู้นี้ สอนคนได้ ช่วยคนได้ ขอให้ส่งต่อให้ได้ 4 วิธีง่าย ๆ ในการปฐมพยาบาลดังข้างล่างนี้ 1. สำลักอาหาร..... แค่ยกมือขึ้นไปทั้ง 2 ข้าง โซเยออายุ 56 ปี ชาวอเมริกัน วันก่อนอยู่บ้านดูทีวีพลาง กินน้ำผลไม้แช่แข็งพลาง ขณะที่หันศรีษะ ผลไม้แช่แข็งชิ้นหนึ่งติดอยู่ที่คอ เธอลองช่วยตัวเองโดยการกดและบีบที่ท้อง แต่ไม่เป็นผล เวลานั้นสปิ๊นซ์ซึ่งเป็นหลานชายถามเธอว่า..คุณย่า สำลักเหรอครับ.. คุณย่าพูดไม่ออก สปิ๊นซ์เดาว่าท่านกำลังสำลักอาหาร คุณย่าครับ.. ยกมือขึ้น ยกมือขึ้น คุณย่าทำตาม ในที่สุดก็สามารถอาเจียนเอาชิ้นผลไม้แช่แข็งออกมาได้ สปินซ์บอกว่าวิธีนี้ เขาเรียนรู้มาจากโรงเรียน ว่าวิธีจัดการกับการสำลักอาหาร ก็แค่... "ยกมือขึ้น" 2. ตกหมอน..... คุณเคยตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วพบว่าตัวเองตกหมอนไหม ก็คือ..รู้สึกปวดคอ ถ้าหากคุณตกหมอนจริง ๆ คุณควรทำอย่างไร? ถ้าหากตกหมอน.. แค่ยกขาขึ้นมา จับนิ้วโป้งของเท้า ค่อย ๆ นวดและหมุนตามเข็มนาฬิกาหรือทวนเข็มนาฬิกา อาการปวดคอก็หายแล้ว 3. ขาเป็นตะคริว.... เวลาขาซ้ายเป็นตะคริว... ให้ยกมือขวาขึ้นสูง ๆ เวลาขาขวาเป็นตะคริว... ให้ยกมือซ้ายขึ้นสูง ๆ จะรู้สึกสบายผ่อนคลายทันที 4. ขาชา..... ถ้าขาซ้ายชา... ให้สบัดมือขวาจากช้าไปหาเร็ว ถ้าขาขวาชา... ให้สบัดมือซ้ายจากช้าไปหาเร็ว ช่วยบอกต่อ ๆ กันด้วยนะคะ แค่นี้ก็ถือว่าเราได้ทำบุญให้กับคนอีกหลายคนแล้ว..... แบ่งปันบุญกันค่ะ: Nathananda Vegavakyanandaผู้บริโภคเฝ้าระวังMrs.Doubt• 3 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยนักช้อปออนไลน์รู้ไว้ วิธีสังเกตร้านค้าว่าน่าเชื่อถือได้หรือไม่ ?📦นักช้อปออนไลน์รู้ไว้ ❗ วิธีสังเกตร้านค้าว่าน่าเชื่อถือได้หรือไม่❓ 👉เหล่ามิจฉาชีพแฝงตัวมาในช่องทางที่หลากหลาย ไม่เว้นแม้แต่ร้านค้าออนไลน์ ดังนั้นเราจึงต้องป้องกันตัวเองและรู้จักวิธีสังเกตร้านก่อนช้อปปิ้งออนไลน์ ✅วิธีสังเกตเบื้องต้น คือ 1. มีเพจ หรือหน้าร้านชัดเจน ตรวจสอบได้ - ร้านค้าที่ได้มาตรฐาน ขายสินค้าที่มีคุณภาพ มักมีลูกค้าเข้ามาสั่งซื้อสินค้าอยู่เป็นประจำ และมีจำนวนผู้ติดตามเพจค่อนข้างมาก 2. มีช่องทางการชำระเงินหลากหลาย - ให้ลูกค้าได้เลือกวิธีชำระเงินตามที่ลูกค้าสะดวก เช่น โอนเงินเข้าบัญชี ให้ชำระเงินปลายทาง และการจ่ายผ่านบัตรเครดิต 3. มีเจ้าหน้าที่คอยตอบข้อซักถาม - ควรมีเจ้าหน้าที่แอดมินของทางร้านเข้ามาดูแลให้คำตอบโดยเร็ว โดยสามารถให้ข้อมูลอย่างละเอียดกับลูกค้าได้ 4. สินค้ามีราคาสมเหตุสมผล - ของที่ราคาถูกมาก ๆ จนผิดปกติ แนะนำให้เปรียบเทียบราคาของสินค้าในลักษณะเดียวกันกับร้านอื่น ๆ ด้วย 5. มีนโยบายคืนเงิน คืนสินค้า - ร้านที่มีนโยบายคืนเงิน คืนสินค้า ผู้ซื้อควรอ่านรายละเอียดให้เข้าใจ เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง 6. มีการรีวิวที่น่าเชื่อถือจากลูกค้าอื่นๆ - ก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า ลองมองหารีวิวจากลูกค้าคนอื่นๆ ด้วย ว่ามีการพูดถึงสินค้าอย่างไร รีวิวที่ดีควรมีภาพประกอบ และอธิบายความรู้สึกที่มีต่อสินค้านั้น ๆ ========================== ข้อมูลจาก PCT POLICE เพื่อรู้ทันความคิดของโจรออนไลน์ โทรปรึกษาสอบถาม 1441 หรือ 081-866-3000 แจ้งความออนไลน์ ได้ที่ https://www.thaipoliceonline.com/ผู้บริโภคเฝ้าระวังชุมพล ศรีสมบัติ• 3 ปีที่แล้วmeter: true3 ความเห็น
- 1 คนสงสัย🌿🌿เซฟไว้นะ‼️กัญชาดองน้ำผึ้ง..สรรพคุณช่วยรักษา 40 อาการ ตามสูตรดองน้ำผึ้ง15วัน 1. อัลไซเมอร์ หลงลืม 2. หลับไม่สนิท หลับยากสะดุ้งบ่อย 3. เส้นเลือดสมองตีบ 4. อัมพฤกษ์อัมพาต 5. ความดันสูง 6. ริดสีดวงทวาร 7. เบาหวาน 8. อ้วนผิดปกติ 9. กล้ามเนื้อกระตุก 10. ซึมเศร้า 11. เหน็บชา 12. ไมเกรน 13. ปวดประจำเดือน 14. สมองพิการ 15. ลมชัก 16. ปลอกประสาทเสื่อม 17. ติดมอร์ฟีน 18. เบื่ออาหาร 19. พาร์กินสัน 20. แพ้เคมีบำบัด 21. ภูมิแพ้ตัวเอง 22. มะเร็ง(เจ็บปวดบวมเป็นแผล) 23. ฝี หนอง อักเสบ 24. ต้อหินในตา 25. ตับพิการจากพิษสุรๅ 26. แผลกดทับ รอยช้ำ 27. สะเก็ดเงิน 28. เก๊าท์ 29. เครียด วิตกกังวล 30. ไฮเปอร์ สมาธิสั้น 31. น้ำท่วมแกนสมอง 32. ลำไส้อักเสบ 33. กล้ามเนื้ออักเสบ 34. ปวดตามร่างกาย 35. ขจัดฝันร้าย 36. กลากเกลื้อนตามผิว 37. แผลสดจากเบาหวานแห้งได้ 38. ภูมิแพ้ต่างๆ 39. ขยายหลอดลม ลดการหดตัว 40. แก้อาการบิด ปวดท้องท้องร่วง ส่วนผสม น้ำผึ้ง 1 ขวด กัญชา ทั้งต้น(ต้นกะเทยยิ่งดี) 1 ต้น กิ่ง ก้าน ใบ ราก ดอก หันเป็นท่อน แล้ว ตาก 1 แดด ดองไว้ 15 วัน แล้วกินวันละ1 ช้อนชา ก่อนนอน ทุกวัน ขอบคุณตำรา ดร.ปราชญา บูรพาชลทิศน์ วัดท่าไม้ @เพจ:บูรพาพัฒนะแพทย์ แผนไทย #เพจ:กัญชายาสมุนไพรไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ