2210 ข้อความ
- 1 คนสงสัยทำไมชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ของ Lepu ถึงมีปัญหา? ผมขออ้างอิงจากงานวิจัยในสเปน ที่ตีพิมพ์ใน Journal of Infection เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เขาเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 286 คน โดยใช้ Antigen Test Kit 5 ยี่ห้อ มาเทียบกับผล PCR โดยแบ่งเป็นคนที่มีผล PCR เป็นบวก 101 คน และเป็นลบ 185 คน เพื่อความกระชับ ผมขอเทียบแค่ 2 ยี่ห้อนะครับ คือ Abbott และ Lepu Abbott มีความไว (Sensitivity) 38.6% ความจำเพาะ (Specificity) 99.5% Lepu มีความไว 45.5% ความจำเพาะ 89.2% โดยความไว คือ ในบรรดาคนที่ผล PCR เป็นบวก พบคนที่ ATK ตรวจเจอหรือเป็นบวกกี่เปอร์เซนต์ และความจำเพาะคือ ในบรรดาที่ผล PCR เป็นลบ พบคนที่ ATK ผลเป็นลบกี่เปอร์เซนต์ สาเหตุที่นักวิจัยใช้ความไวและความจำเพาะในการรายงานผลการวิจัย เพราะว่า ค่าสองค่านี้ จะไม่เปลี่ยนแปลงไปตามความชุก (Prevalence) ของโรค ซึ่งบางประเทศอาจมีคนติดเยอะ บางประเทศอาจมีคนติดน้อย ถึงแม้จะติดเยอะติดน้อยอย่างไร ค่าความไวและความจำเพาะของชุดทดสอบจะไม่เปลี่ยนแปลงตาม สิ่งที่คนวางนโยบายต้องการหาจริงๆ คือ 1. ค่าทำนายเมื่อผลเป็นบวก (Positive Predictive Value; PPV) คือ ในบรรดาคนที่ผล ATK เป็นบวก พบผล PCR เป็นบวกกี่เปอร์เซนต์ 2. ค่าทำนายเมื่อผลเป็นลบ (Negative Predictive Value; NPV) คือ ในบรรดาคนที่ผล ATK เป็นลบ พบผล PCR เป็นลบกี่เปอร์เซนต์ ค่า PPV และ NPV จะเปลี่ยนแปลงไปตามความชุกของโรค เรามาลองเอาตัวเลขใกล้เคียงการตรวจแพทย์ชนบทในกรุงเทพฯ มาใช้ละกันครับ สมมติว่า จากการตรวจ 15,000 คน มีคนเป็นโรคจริง 10% ถ้าคำนวณจากความไวและความจำเพาะข้างต้น ได้ผลดังภาพนะครับ ในบรรดาคนที่ตรวจด้วย Abbott จะเจอผลบวก 646 คน ซึ่งเป็นคนที่ผล PCR+ 579 คน และผล PCR- 67 คน ซึ่งคิดเป็น PPV อยู่ที่ 89.6% กล่าวคือ พบผลบวกลวง (False Positive) ที่ตรวจว่าติด แต่แท้จริงแล้วไม่ติด ประมาณ 10% แต่ถ้าตรวจด้วย Lepu จะเจอผลบวก 2,141 คน ซึ่งเป็นคนที่ผล PCR+ 689 คน และผล PCR- 1,458 คน ซึ่งคิดเป็น PPV อยู่ที่ 31.9% กล่าวคือพบผลบวกลวง ที่ตรวจว่าติด แต่แท้จริงแล้วไม่ติดถึง 68% พูดง่ายๆ คือ ในบรรดาคนที่ Lepu เป็นบวก 10 คน ติดจริง 3 คน ติดไม่จริง 7 คน แต่ Abbott บวก 10 คน ติดจริง 9 คน ติดไม่จริง 1 คน แปลกใจไหม ที่ FDA ของอเมริกาและอีกหลายประเทศ เขาถอนการอนุมัติ Lepu แล้ว อย. และ อภ. ไทย คิดอะไรอยู่ครับ? ********************************************* ถ้ายังดื้อดึง จะใช้ Lepu มันจะเกิดอะไรขึ้นครับ 1. เชื่อไหม ตรวจเลขพบเชื้อในประเทศอาจจะลดลง สมมตินะครับ ประเทศไทยมีนโยบายว่า ก่อนตรวจ PCR ต้องตรวจ ATK ก่อน ถ้าผล ATK เป็นบวก ถึงตรวจ PCR ได้ แล้วประเทศไทยจำกัดการตรวจที่ 50,000 คนต่อวัน ถ้าใช้ Abbott ตามตัวเลขข้างบน เราจะเจอคนติดเชื้อ 44,814 คน แต่ถ้าเราใช้ Lepu เราจะเจอคนติดเชื้อเพียงแค่ 15,950 คนเท่านั้น 2. ถ้ามีนโยบายว่า ถ้าเจอผล ATK+ ให้ส่งเข้ารักษาเลย มอบชุดวัดออกซิเจน ยาต่างๆ สมมติว่าค่าใช้จ่ายหัวละ 2000 บาท การตรวจด้วย Lepu พบคนเป็น ATK+ มากกว่า Abbott 3.31 เท่า (2141/646) แสดงว่าเราต้องจ่ายมากขึ้น 3.31 เท่า ทั้งที่คนส่วนมากในนั้นเป็นผลบวกลวง ซึ่งไม่คุ้มค่ากับเงินที่ประหยัดได้จากการประมูลเลย 3. คนที่พบผลบวกลวง จะเสียโอกาสทางหน้าที่การงาน ต้องกักตัวเองอยู่บ้าน กว่าจะได้คิวตรวจ PCR กว่าจะรอผล PCR เสียโอกาสทางเศรษฐกิจมากขนาดไหน ไม่นับรวมความวิตกจริตของตนเอง และคนรอบข้าง รวมถึง คนรอบข้างก็ต้องแห่กันไปตรวจเพิ่ม ให้เสียทรัพยากรมากขึ้นไปอีก ********************************************* ผมเชื่อว่า อภ. และ อย. มีคนจบชีวสถิติ (Biostatistics) หรือระบาดวิทยา (Epidemiology) โดยตรง คนเก่งมากกว่าผมมีจำนวนเยอะมากๆ เรื่องที่ผมเขียนน่าจะไม่ใช่เรื่องใหม่ของพวกเขา แต่ถ้าเป็นเรื่องใหม่จริง และได้มีโอกาสอ่านโพสของผมแล้ว ช่วยพิจารณาใหม่เถอะครับ ไม่ใช่แค่ไม่สั่งซื้อ Lepu นะครับ ควรเอา Lepu ออกจากทะเบียน อย. ได้แล้วครับ PLEASE!!!!โควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัย😢อันนี้ของจริง ไหนๆ Covid-19 ก็กลับมา ระบาดใหญ่จนได้😓 🤓ในฐานะคนเรียน จุลชีววิทยาและจบมาเป็น Microbiologist ขอให้ข้อมูลซึ่งเพิ่งหารือกับเพื่อนๆกลุ่มนักจุลชีววิทยาจนเข้าใจรายละเอียดตรงกันแล้วมาแบ่งปันดังนี้😍 1. การแพร่ระบาดในขณะนี้ ติดต่อจากสารคัดหลั่งคือเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย เป็นหลัก 2. เชื้อไวรัสไม่ได้ลอยในอากาศ มันจะตายทันทีที่ออกมาสัมผัสอากาศ ที่มันออกมากระจายได้เพราะมันอยู่ในเซลล์ของเยื่อบุจมูกปากที่หลุดออกมากับน้ำมูก น้ำลาย 3. การติดเชื้อเกิดจากการสัมผัสสารคัดหลั่งเหล่านี้และนำเซลล์เยื่อเมือกนี้ไปเข้าตาหรือทางเดินหายใจ (อวัยวะที่มีเยื่อเมือกบุ เช่น ตา จมูก ปาก) 4. ไวรัสไม่สามารถเจาะผ่านผิวหนังเข้าร่างกาย ถ้าอยู่บนพื้นผิวมันจะตายเมื่อเซลล์ของคนป่วยที่หุ้มมันอยู่แห้งตาย เพราะตัวมันเองไม่มีชีวิต มันอาศัยในเซลล์ที่มีชีวิต ถ้าเซลล์หลุดออกจากร่างกายจะหมดชีวิตในเวลาไม่นานไวรัสก็ตายตามไปด้วย ***ในส่วนของการป้องกันนั้นทำได้ดังนี้*** 1. ใส่มาสก์เพื่อป้องกัน 2 ทาง 1.1 สำหรับคนที่ติดเชื้อใส่แล้วป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อได้เพราะเวลาไอจามเซลล์เยื่อบุซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของไวรัสมีขนาดใหญ่กว่ารูของผ้าจะออกมาไม่ได้ ไม่ต้องห่วงว่าไวรัสจะเล็กกว่าและออกมาได้เพราะไวรัสอยู่ในเซลล์เยื่อเมือกอีกที 1.2 สำหรับคนที่ไม่เป็น การใส่มาสก์ช่วยป้องกันสารคัดหลั่งกระเด็นมาเข้าหน้าหรือจมูกปากและถ้ากระเด็นมาติดที่มาสก์ เชื้อก็ไม่เข้าเพราะมันอยู่ในเยื่อบุซึงใหญ่กว่ารูผ้า นอกจากนี้การใส่มาสก์ช่วยลดโอกาสที่มือจะไปสัมผัส ตา จมูก ปาก 2. ใส่ faceshield ช่วยป้องกันไม่ให้สารคัดหลั่งกระเด็นมาโดนมาสก์ และยังช่วยป้องกันไม่ให้สารคัดหลั่งที่อาจหลุดรอดจากมาสก์กระเด็นออกไปยังผู้อื่น 3. การล้างมือ สำคัญมากๆ เพราะมือคืออวัยวะที่นำเชื้อไม่ว่าจะมีสารคัดหลั่งตกอยู่ที่พื้นผิวใดๆไปเข้า ตา จมูก ปาก แม้แต่การใส่/ถอดมาสก์ ก็ต้องระมัดระวังว่าสารคัดหลั่งที่เปื้อนมาสก์จะโดนมือ และมือนำไปเข้าตา จมูก ปาก ดังนั้นต้องท่องจำไว้เสมอว่า "เราต้องไม่เอามือที่ยังไม่ฟอกล้างสะอาดไปโดนหน้า" 4. ผม โดยเฉพาะผมยาว เป็นที่ๆมีสารคัดหลั่งมาติดได้ง่ายมาก ถ้ามีคนไอใกล้ๆแล้วเสมหะเล็กๆกระเด็นมาติด เมื่อเราเสยผมมือเปื้อนทันที และถ้ามือโดนหน้าโดยไม่ล้างก็นำเชื้อเข้าแล้ว ดังนั้นถ้ามีโอกาสเมื่อกลับเข้าบ้านควรอาบน้ำสระผมทันที และ"เราต้องไม่เอามือที่ยังไม่ฟอกล้างสะอาดไปโดนหน้า" 5. เสื้อผ้า เหมือนกับเรื่องผม ควรเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีเมื่อเข้าบ้านและแช่น้ำใส่น้ำยาซักไว้แค่นี้ไวรัสก็ตายแล้ว 6. ถอดรองเท้าไว้นอกห้องก็เพียงพอแล้ว ไวรัสไม่ได้ทนจนติดรองเท้ากลับไปในบ้านได้ แต่เชื้อแบคทีเรียทนได้ เราถอดก็ดีเป็นการรักษาความสะอาด 🌸หวังใจว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์พอจะช่วยบรรเทาภาระของบุคคลากรทางการแพทย์ที่กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่และหนักหนาสาหัสเป็นที่สุดครั้งนี้ลงได้บ้าง🌼 ปล: ขอเชิญแบ่งปันกันตามสะดวกค่ะทุกๆท่าน ไม่ต้องให้เครดิตแหม่มหรอกค่ะเพราะนี่เป็นการรวบรวมความเห็นจากนักจุลชีววิทยาหลายๆคนค่ะโควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยช่วยแชร์กันไปเยอะๆนะครับ มีประโยชน์กว่าส่งดอกไม้ให้กันทุกๆวัน อัยการรุ่นน้องที่สงขลาส่งมาให้อ่าน รู้ไว้ใช่ว่า ผม สุรินทร์ วัตตธรรม ขออนุญาตเขียนบทความจากเรื่องจริง เกี่ยวกับประโยชน์การกินน้ำปั่นใบไม้สดและผักสดที่ไม่ผ่านความร้อน ภรรยาผมป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมาเป็นเวลา 14 ปีมานี้ เคยให้คีโมครั้งใหญ่ๆมา 5 ครั้งและฉายแสงที่คอ 1 ครั้ง เพื่อให้ก้อนมะเร็งยุบ ขณะนี้ไม่มีคีโมที่จะให้ต่อไปอีกแล้ว เนื่องจากคีโมที่ดีที่สุดให้มาหมดแล้ว มีคำถามว่าการรับคีโมและฉายแสงเป็นการรักษาให้หายขาดหรือไม่ คำตอบคือไม่ใช่ครับ เป็นเพียงยับยั้งการเติบโตของก้อนมะเร็งและยับยั้งการแพร่กระจายในระยะหนึ่งเท่านั้น ส่วนใหญ่ไม่เกิน 2 ปีจะกลับมาเป็นอีก ปัจจุบันผมรักษาด้วยให้กินน้ำปั่นใบไม้สดและผักสดที่ไม่ผ่านความร้อน หยุดให้คีโมมาประมาณ 4 ปีเศษ ก้อนมะเร็งที่รักแร้ ที่ขาหนีบ ในช่องท้องมีขนาดเท่าไข่ไก่ บัดนี้ยุบเหลือขนาดปลายนิ้วก้อย และก้อนมะเร็งที่คางและลำคอก็ยุบเล็กลงเช่นกัน สามารถใช้ชีวิตเหมือนบุคคลทั่วไปตามปกติ สิ่งที่น่าแปลกใจ ภายหลังฉายแสงที่คอ ทำให้ต่อมรับรสเสื่อมกลายเป็นลิ้นจระเข้ คือรับรสทุกอย่างไม่ได้ และต่อมน้ำลายก็ถูกทำลาย มีปัญหาต่อการกลืนอาหาร ผมเรียนถามคุณหมอที่ดูแลการฉายแสง ได้รับคำตอบว่าไม่มีอะไรสู้แสงได้หรอก ไม่มียารักษา เสียแล้วเสียเลย ผมก็ทำใจ แต่ท่านที่เคารพครับ กินน้ำปั่นพืชสดที่ไม่ผ่านความร้อนประมาณ 4 เดือน ต่อมรับรสและต่อมน้ำลายกลับฟื้นคืนดีขึ้น 80 เปอร์เซนต์ ปัจจุบันกินมา 5 เดือนกว่า ต่อมรับรสและต่อมน้ำลายดีขึ้น 90 กว่าเปอร์เซนต์ นอกจากนี้เพื่อนผมเป็นเบาหวานค่าน้ำตาล 145 ยังไม่กินยาลดน้ำตาล ผมแนะนำให้กินน้ำปั่นพืชสดที่ไม่ผ่านความร้อน กินมาได้ 2 เดือน ค่าน้ำตาลลดลงเหลือ 70 และแถมปัสสาวะไม่ติดขัด เนื่องจากในเวลาเดียวกันต่อมลูกหมากเขาโต ทำให้ปัสสาวะติดขัดด้วย ปัจจุบันเพื่อนผมเขามีความสุขมาก และผมแนะนำต่อไปว่า ทุกครั้งที่ปั่นน้ำพืชสด ให้ใส่มะเขือเทศราชินีหรือมะเขือเทศสีดา ครั้งละ 1 กำมือ เพื่อป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก ภรรยาผมกินน้ำปั่นพืชสดกรองกากทิ้ง ใส่ใบไม้จำนวนมาก หลายชนิด เช่น .. 1.ใบบัวบก 2.ใบตำลึง 3.ใบมะยม 4.ใบมะกรูด 5.ใบมะนาว 6.ใบชะมวง 7.ใบมันปู 8.ใบโหระพา 9.ใบกระเจี๊ยบแดง 10.ใบเม่า 11.ใบเตย 12.ใบข่า 13.ผลมะระขี้นก 3 ผล 14.มะเขือเทศราชินี 1 กำมือ (ใส่ตามที่หาได้ครับ ไม่ต้องให้ครบทุกอย่าง) 15.ใส่น้ำ 900 cc -ภรรยาผมกิน 600 cc -ผมกินเพื่อสุขภาพ 300 cc เนื่องจากผมไม่เป็นโรค ncds -มื้อเย็นผมกับภรรยากินคนละ 300 cc รวมแล้ววันหนึ่งภรรยาผมกิน 900 cc -ไม่กินของหวาน และงดอาหารรสมัน เค็ม -นอนไม่เกิน 23.00 น. ครับ ปัจจุบันถ้าท่านไม่รู้มาก่อนว่าเธอเป็นมะเร็งก็จะทายไม่ถูกว่าเธอเป็นมะเร็ง เนื่องจากมีสุขภาพแข็งแรง ทำงานบ้านตลอด จ่ายตลาดทุกวันศุกร์ หากมีประโยชน์บ้าง กรุณาบอกต่อ สาธุ สาธุ สาธุมะเร็งไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยแอร์แพร่เชื้อโควิดได้ไหมผลการศึกษา พบละอองฝอยที่มีไวรัสสามารถเดินทางในอากาศได้ไกลเมื่ออยู่ในพื้นที่ปิด และละอองฝอยจะกระจายตามทิศทางของเครื่องปรับอากาศ ดังนั้น หากมีการคลายล็อคดาวน์ เช่น ร้านอาหาร ต้องเพิ่มระยะห่างระหว่างโต๊ะและหมั่นระบายอากาศในพื้นที่โควิด 2019Supinya Klangnarong• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสาวแชร์ประสบการณ์หลังฉีดซิโนแวค เข็ม 2 พบอาการไม่พึงประสงค์ เลือดออกในสมอง ข่าวนี้ จริงหรือไม่สาวแชร์ประสบการณ์หลังฉีดซิโนแวค เข็ม 2 พบอาการไม่พึงประสงค์ เลือดออกในสมองโควิด 2019วัคซีนโควิดMrs.Doubt• 4 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย#ฐานทัพสหรัฐ ในไทย ฉบับอ่านง่าย คุณ @Don Plooksawasd เขียนบทความน่าสนใจมาให้อ่านกันเกี่ยวกับกระแสข่าวที่ส่งกันตามไลน์ว่าประเทศไทยกำลังจะได้อเมริกามาตั้งฐานทัพแล้ว หลังจากเอาฮากันไปแล้ว บทความนี้จะมาดูกันแบบจริงจังว่าที่ลือ ๆ กันนั้นมันมีมูลความจริงแค่ไหน ---------------- TLDR สำหรับโควต้า 7 บรรทัด: โอกาสในปัจจุบันยังต่ำมาก เพราะจากประวัติศาสตร์แล้วการที่ไทยจะเชิญสหรัฐฯมาตั้งฐานทัพมีปัจจัยหลัก 3 ประการคือ 1. ทั้งสองประเทศต้องเห็นภัยคุกคามร่วมกัน 2. ภัยคุกคามนั้นสูงจนรัฐไทยมองว่าอาจเป็นภัยต่อสถาบันหลักชาติ, ศาสนา, พระมหากษัตริย์ 3. ทางสหรัฐฯต้องมองเห็นประโยชน์ในแง่ภูมิศาสตร์และยุทธศาสตร์ของการมาตั้งฐานทัพในไทยด้วย ปัจจัยเหล่านี้เป็นจริงในยุคสงครามเวียดนาม แต่ไม่เป็นจริงในปัจจุบัน แม้รัฐบาลจะเปลี่ยนเป็นก้าวไกลหรือรัฐบาลจากพรรคประชาธิปไตยอื่นก็ตาม ---------------- แรกเริ่มฐานทัพสหรัฐฯในไทย ไทยเชิญสหรัฐฯมาตั้งฐานทัพในช่วงปี 1961 สมัยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่มองการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์และแนวคิดเศรษฐกิจคอมมิวนิสต์ว่าเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประกอบกับสหรัฐฯในยุคนั้นดำเนินนโยบายให้การสนับสนุนประเทศที่ถูกคุกคามจากภัยคอมมิวนิสต์ ฐานทัพสหรัฐฯแห่งแรกในไทยคือดอนเมือง จากนั้นเพื่อรองรับบทบาทที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯในเวียดนามก็ผุดฐานทัพใหม่ๆ ในภาคอีสานเพื่อรองรับการภารกิจต่าง ๆ เช่นการสอดแนมและทิ้งระเบิด ซึ่งเที่ยวบินกว่า 80% บินออกจากฐานในไทย ฐานทัพที่สหรัฐฯใช้ปฎิบัติการทั้ง 7 ฐานถือว่าเป็นของรัฐบาลไทย ผู้บัญชาการฐานทัพเป็นนายทหารไทย แต่สหรัฐฯให้เงินสนับสนุนด้านต่างๆ รวมถึงการเวนคืนที่ดินเพิ่มเติม นอกจากตั้งฐานทัพตามคำเชิญแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯยังวางรากฐานในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถาบันหลักของชาติในการต่อต้านคอมมิวนิสต์ เช่นการจัดตั้งตำรวจตระเวณชายแดน, การให้ความสนับสนุนสถาบันศาสนาผ่าน Asia Foundation, รวมถึงความสัมพันธุ์อันดีเยี่ยมระหว่างราชวงศ์ไทยและสหรัฐฯ ซึ่งนอกจากการมาเยือนในระดับประธานาธิบดีจากทั้ง Johnson และ Nixon ยังมีการเสด็จเยี่ยมทหารสหรัฐฯในไทยจากทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชการที่ 9 และสมเด็จพระบรมราชินินาถ ---------------- ปิดม่าน ความทรหดในสนามรบของเวียดนามเหนือบวกกับกระแสต่อต้านสงครามเวียดนามที่สูงขึ้นในสหรัฐฯ ทำให้หลังจากการลงนามสัญญาปารีสในปี 1973 แล้วรัฐบาล Nixon เริ่มลดกำลังทหารในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงในไทยลง ซึ่งสอดคล้องพอดีกับสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยที่เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516(1973) ขับไล่รัฐบาลจอมพล ถนอม พร้อมกับแสดงถึงความไม่พอใจขอสาธารณชนต่อสถานะของสหรัฐฯที่ถูกมองว่าเป็นนั่งร้านสนับสนุนรัฐบาลไทยด้วย เมื่อรัฐบาลเสนีย์ ปราโมทย์ ชนะการเลือกตั้งในปี 1975 จึงเปลี่ยนโยบายการต่างประเทศให้เป็นมิตรกับคอมมิวนิสต์จีนมากขึ้นเพื่อปักกิ่งลดการสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์ในประเทศไทยลง นับเป็นยุทธวิธีที่เห็นโอกาสที่เกิดจากการแตกหักในโลกคอมมิวนิสต์ระหว่างจีนกับสหภาพโซเวียต โดยสหรัฐฯเองก็ส่งประธานาธิบดี Nixon ไปเยือนจีนก่อนหน้าตั้งแต่ปี 1972 เพื่อเพิ่มสัมพันธ์เช่นกัน ไทยวางตัวเป็นอิสระบนเวทีโลกมากขึ้นเพื่อลดภาพการเป็นตัวแทนสหรัฐฯในภูมิภาค สหรัฐฯถูกขอให้ถอนทหารจากฐานทัพต่างๆ ภายในปี 1976 ซึ่งสหรัฐฯตกลงถอนทหารภายในเวลาที่กำหนดรวมถึงยกสิ่งปลูกสร้างและยุทโธปกรณ์ที่ขนย้ายลำบากให้กับทางการไทย แต่วิธีการบริหารภัยคุกคามคอมมิวนิสต์ของรัฐบาลเสนีย์ถูกกลุ่มอนุรักษ์นิยมในประเทศบางส่วนมองว่าอ่อนปวกเปียกและมีความชะล่าใจมากเกินไป มีความพยายามเรียกร้องให้สหรัฐฯชะลอแผนถอนทหารลงแต่ไม่เป็นผล ซึ่งความกระวนกระวายนี้เป็นหนึ่งในปัจจัยที่นำไปสู่เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 (1976) ในเวลาต่อมา ในตอนนั้นแม้สหรัฐฯจะถอนกำลังจากไทยไปหมดแล้วตั้งแต่มิถุนายน 1976 แต่ก็เป็นชาติแรกที่ไทยเข้าหาเพื่อให้สนับสนุนด้านภาพพจน์ของรัฐบาลที่เสียหายจากเหตุการณ์สังหารหมู่ในธรรมศาสตร์และรัฐประหารที่ตามมา ในทศวรรษต่อ ๆ มา สหรัฐฯ-ไทย ยังมีความร่วมมือหลายด้าน เช่น ด้านข่าวกรองแลกกับการใช้สถานที่ใทยสำหรับหน่วยงาน NSA, การฝึกทหารร่วมกัน และการขายอาวุธทันสมัยอย่าง F-16 ----------------- ถ้าเราย้อนกลับไปดูปัจจัยทั้ง 3 ประการข้างต้นจะเข้ามาและจากไปของฐานทัพสหรัฐฯในช่วงสงครามเย็น 1. ทั้งสองประเทศต้องเห็นภัยคุกคามร่วมกัน: สหรัฐฯและไทยเห็นคอมมิวนิสต์เป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศ แต่พอเข้ายุค 70s สหรัฐฯไม่ได้มองการลงมาต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ในเอเซียว่าเป็นเรื่องคุ้มตค่า 2. ภัยคุกคามนั้นสูงจนรัฐไทยมองว่าอาจเป็นภัยต่อสถาบันหลักชาติ, ศาสนา, พระมหากษัตริย์: ประเด็นนี้จริงในยุค 60 แต่ภายหลังปี 1973 ยุทธวิธีทางการทูตใหม่ ๆ ของรัฐบาลเสนีย์ที่อาศัยการแตกกันของ จีน-โซเวียต ทำให้การมีอยู่ของฐานทัพเป็นเรื่องไม่จำเป็น 3. ทางสหรัฐฯต้องมองเห็นประโยชน์ในแง่ภูมิศาสตร์และยุทธศาสตร์ของการมาตั้งฐานทัพในไทยด้วย: การทิ้งระเบิดทางยุทธวิธีในเวียดนาม ต้องอาศัยฐานบินในประเทศไทย เมื่อสงครามเวีดนามจบ จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้ฐานในไทยอีก ------------------- เข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ถ้าเราเอาปัจจัยสามข้อที่ว่ามากาง เทียบกับบริบทความขัดแย้งในเอเซียในปัจจุบัน จะพบว่าโอกาสการเชิญสหรัฐฯมาตั้งฐานทัพในไทยมีโอกาสความเป็นไปได้ต่ำ 1. ทั้งสองประเทศต้องเห็นภัยคุกคามร่วมกันหรือไม่? ปัจจัยที่จะเกิดสงครามครั้งใหม่ระหว่างจีนและสหรัฐฯคือประเด็นความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ระหว่างจีนและบางชาติใน ASEAN รวมถึงกรณีไต้หวัน ซึ่งในเรื่องนี้ไทยไม่มีส่วนได้เสีย กับพื้นที่ในทะเลจีนใต้เลย ขณะเดียวกันชาติ ASEAN เช่นเวียดนามและฟิลิปินส์ที่เพิ่มระดับความเป็นมิตรกับสหรัฐฯเป็นพิเศษในหลายปีที่ผ่านมาเพราะขัดแย้งกับจีนในเรื่องผลประโยชน์ทะเลจีนใต้ทั้งสิ้น กระทั่งประเทศเหล่านี้ก็มองความขัดแย้งของตัวกับจีนแยกกับประเด็นไต้หวัน 2. ภัยคุกคามนั้นสูงจนรัฐไทยมองว่าอาจเป็นภัยต่อสถาบันหลักชาติ, ศาสนา, พระมหากษัตริย์หรือไม่? ประเทศไทยไม่ได้มองจีนเป็นภัยคุกคามด้วยซ้ำ กระทั่งพรรคการเมืองฝั่งประชาธิปไตยอย่าง #ก้าวไกล หรือ #เพื่อไทย ก็มองผลประโยชน์ด้านการค้าและการท่องเที่ยวกับจีนเป็นหลัก ยังไม่มีคำพูดจากผู้สมัครพรรคการเมืองคนไหนเลยที่บอกว่าไทยต้องลดระดับความสัมพันธ์กับจีนหรือสหรัฐฯ การยกตัวอย่างกรณี รัสเซีย-ยูเครน ก็เป็นการเทียบที่ไม่เข้าท่า เพราะในขณะที่รัสเซียมีมายาคติเชื่อว่าประเทศตนเองจะเป็นจักรวรรดิยิ่งใหญ่ในยูเรเซียได้ต้องมียูเครนเป็นบริวาร ไทยไม่ได้ถูกมองแบบนั้นในจินตนาการของทั้งจีนหรือสหรัฐฯ ถ้าเทียบในบริบท รัสเซีย-ยูเครน ไต้หวันต่างหากที่พอจะเข้าข่าย เพราะการยึดไต้หวันคือการปิดฉากสงครามกลางเมืองจีนอย่างสมบูรณ์ 3. ทางสหรัฐฯมองเห็นประโยชน์ในแง่ภูมิศาสตร์และยุทธศาสตร์ของการมาตั้งฐานทัพในไทยไหม? ถ้าเราดูแผน Army 2030, Marine 2030 ซึ่งเป็นการออกแบบกำลังของสหรัฐฯในยุคทศวรรษหน้า จะเห็นว่าไทยไม่ได้อยู่ในแผนการวางกำลังเลยเพราะภูมิศาสตร์ประเทศอยู่ห่างจากสนามรบในทะเลจีนใต้ค่อนข้างมาก คนละเรื่องกับสมัยสงครามเวียดนามที่อยู่แทบจะติดกับพื้นที่การรบ รายงาน U.S. Ground Forces in the Indo-Pacific: Background and Issues for Congress ที่ทำโดยสภาคองเกรสเมื่อปีที่แล้ว มีพูดถึงแผน Army 2030 กับ Marine 2030 ไม่ได้พูดถึงความเป็นไปได้ในการตั้งฐานทัพในไทย แต่มีการระบุเรื่องย้ายหน่วย Marine 3rd Expeditionary Force จากโอกินาว่าไปเกาะกวม รายงาน Indo-Pacific Deterrence and the Quad in 2030 ที่จัดทำโดยเพนตากอนในปี 2021 มีการพิจารณาเรื่องการตั้งฐานทัพใหม่ ๆ ให้กระจายไปตามเกาะต่างๆ ของมหาสมุทร Pacific เพื่อลดอันตรายจากการโจมตีจากจีน รวมถึงระบุแนวทางการตั้งฐานทัพร่วมกับพันธมิตร QUAD (สหรัฐฯ-อินเดีย-ออสเตรเลีย-ญี่ปุ่น) โดยมีเกาะ Nicobar ในทะเลอันดามัน ซึ่งมีประโยชน์ในการสกัดกั้นเส้นทางขนถ่ายน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซียไปยังจีน และฐานทัพในออสเตรเลียเพราะอยู่นอกระยะทำการ 4,000 กิโลเมตรของขีปนาวุธ DF-26 อาวุธใหม่ ๆ ที่สหรัฐฯทำการวิจัยอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ Hypersonic, จรวด PrSM Inc 4 พิสัย 1,000 กิโลเมตรที่ใช้กับ HIMARS, เรือดำน้ำนิวเคลียร์ที่สร้างให้ออสเตรเลียร่วมกับกลุ่ม AUKUS รวมถึงอาวุธพิสัยไกลปล่อยเป็นฝูงได้จากเครื่องบินขนส่ง C-130 ชี้ไปยังแผนยุทธศาสตร์ที่มีศูนย์กลางเป็นมหาสมทุรแปซิฟิก, การหยุดยั้งการข้ามช่องแคบไต้หวันและการปิดเส้นทางเดินเรือทางทะเลจีนเป็นหลักโดยไม่พึ่งพาฐานทัพที่อยู่ในระยะโจมตีจากจีนมากเกินไป สหรัฐฯสามารถสกัดกั้นจีนได้มีประสิทธิภาพกว่า ด้วยความช่วยเหลือของประเทศเป็นมิตรอย่างฟิลิปินส์และเวียดนามที่มองจีนเป็นภัยคุกคามจากกรณีทะเลจีนใต้ รวมถึงมีภูมิศาสตร์ที่อยู่ใกล้กับแนวรบพอดี ------------------ ด้วยปัจจัยทั้งสามอย่างแล้วเราจึงสรุปได้ว่าความเป็นไปได้ที่ไทยจะเชิญสหรัฐฯมาตั้งฐานทัพมีต่ำมาก แต่ทุกอย่างก็เป็นไปได้ ผู้เล่นในภูมิภาคไม่ได้มีเพียงไทยหรือสหรัฐฯเท่านั้น การเคลื่อนไหวของจีนและประเทศอื่นๆ ใน ASEAN สามารถส่งผลให้ปัจจัยข้อ 1,2 เปลี่ยนไป เช่นหากจีนต้องการกดดันให้แน่ใจว่าไทยจะวางเฉยด้วยการขยายฐานทัพเรือในกัมพูชา, สนับสนุนท่าทีของกัมพูชาให้ก้าวร้าวกับไทยมากขึ้น หรือใช้พม่ากดดันไทยผ่านทะเลอันดามัน การประเมินภัยคุกคามของไทยก็อาจเปลี่ยนไปและเป็นปัจจัยให้เชิญสหรัฐฯเข้ามาตั้งฐานทัพได้เช่นกัน ในอนาคตที่ไม่แน่นอนการวางยุทธศาสตร์และการจัดซื้ออาวุธของประเทศจึงควรมีภาพที่ชัดเจนว่าจะสงครามจะเกิดอย่างไร, ที่ไหน และบทบาทของไทยเพื่อป้องกันการเกิดสงครามคืออะไร หากเกิดสงครามคืออะไร? ในฐานะประชาชน เราไม่ควรตื่นตูมกับข่าวประเภทนี้แต่ควรพยายามเข้าใจบริบทในอดีตและเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างไม่ใช้อารมณ์ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อผู้ที่มีเป้าหมายทางการเมืองได้https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0EW5mpomMTGW6KpnPN7DaixNzTukfdL3M3AZ3t5CVx7AXWveWGChjAsyCxXgvjRG6l&id=100047386231809&sfnsn=mo&mibextid=jf9HGSข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยทำไมคนเราต้องมีปัญหาชีวิตเพราะว่าเกิดมาเป็นคน ปัญหาของแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน บางคนก็มากบางคนก็น้อย คนละรูปแบบ ถ้าไม่อยากให้มีคนที่มีปัญหาเพิ่มขึ้นก็ต้องหาทางป้องกันไม่ให้ มีปัญหาเพิ่ม คนที่มีปัญหาก็ไม่เพิ่มด้วยstd47763• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเตรียมรับมือพายุอินเดียเข้าไทย ทุกภูมิภาคระวังน้ำท่วมใหญ่ ในช่วงวันที่ 3 – 8 ก.ค. 66จากกรณีที่มีผู้ส่งต่อข่าวสารว่า พายุอินเดียเตรียมเข้าไทย ครอบคลุมทุกภูมิภาค ฝนตกหนักมาก 80% ของพื้นที่ ชุ่มฉ่ำทั่วไทย 77 จังหวัด ระวังน้ำท่วมใหญ่poonpun196• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยระวัง! ดื่มน้ำแก้วเดียวกันเสี่ยงติดโควิด 19ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ แถลงพบผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มอีก 1 คน เป็นหญิงวัย 25 ปี รับประทานอาหารและกินน้ำแก้วเดียวกันกับเพื่อนชาว จ.หนองคาย ซึ่งเป็นป่วยผู้ยืนยัน COVID-19โควิด 2019naruemonjoy• 5 ปีที่แล้วmeter: middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยกัญชารักษาโรคหัวใจได้จริงหรือป่าวครับกัญชา”และ“โรคหัวใจ”เป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของคนไทยโดยในส่วนของกัญชานั้นมีงานวิจัยทั่วโลกที่ยืนยันได้ว่าช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยและรักษาคนไข้ได้ยาสมุนไพรpocky18b• 3 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยนิติฯจุฬาฯ เตือนมิจฉาชีพแอบอ้างอาจารย์หลายรายหลอกเหยื่อ ล่าสุดแจ้งความแล้ว https://www.matichon.co.th/education/news_3040639ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยกินไก่บูดแล้วสุขภาพดีไก่บูกทำมาจากสารเสพติดที่ช่วยให้คนมีพลังกำลังที่แข็งแรง สุขภาพดีมีมล้อเลียนสาวน้อยหมวกแดง• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยต้องไม่ยอมมัน! อดีตรองอธิการบดี มธ. ปลุกขวางแก้ รธน. ทำลายความถูกต้อง-เป็นธรรม 22 ก.ย.2567-รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr ระบุว่า การแก้ไขกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ ควรต้องเป็นการแก้ไขเพื่อผลประโยชน์ของชาติ เราไม่อาจยอมให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อผลประโยชน์ของพรรคการเมือง และนักการเมืองใดๆ เราเริ่มได้เห็นอานุภาพของรัฐธรรมนูญมาตรา 160 ฉบับปัจจุบัน ที่กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ว่าต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และต้องไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันทำให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่ง เพราะเสนอแต่งตั้งบุคคลที่เคยถูกจำคุกตามคำสั่งศาล และเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า เป็นผู้ที่จัดการให้มีการนำถุงขนมที่บรรจุเงิน 2 ล้านบาท ไปมอบให้เจ้าหน้าที่ศาล อ้างว่าหยิบถุงผิดใบ แต่กลับได้รับรางวัลให้เป็นรัฐมนตรี ปรากฏการณ์ครั้งนี้ทำให้พรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาล มีความระมัดระวังมากขึ้นในการเลือกสรรผู้ที่จะให้มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ทำให้เรามีความหวังว่า ในระยะยาวระบอบประชาธิปไตยของเราน่าจะมีความก้าวหน้าขึ้น และนักการเมืองเลวๆที่มุ่งแสวงหาอำนาจ เพื่อโกงกินชาติ น่าจะค่อยๆน้อยลง พรรคการเมืองที่เคยต้องทุ่มเงินกันอย่างมหาศาลเพื่อเอาชนะเพื่อให้ได้เป็นรัฐบาล จากนั้นก็จะหาเงินจากการทุจริตคอรัปชัน นำมาใช้จ่ายในการเลือกตั้งครั้งต่อไปน่าจะมีน้อยลง ข้างต้นคือวงจรอุบาททางการเมืองที่แท้จริงที่ดูจะไม่มีใครทำลายได้ การทำรัฐประหารเพื่อยึดอำนาจก็ไม่สามารถทำลายได้ แต่ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ทำให้เราเริ่มมีความหวัง แม้เพียงรำไรแต่ก็นับว่ายังมีความหวัง ในขณะที่เราเริ่มมีความหวัง พรรคการเมืองที่เป็นแกนนำรัฐบาล คือพรรคเพื่อไทยก็ประกาศแบบไม่สนใจความรู้สึกของใครทั้งสิ้น ว่าจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราอย่างเร่งด่วน เช่น ที่กำหนดในมาตรา 160 ว่า ผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต้องมีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ จะแก้เป็น ” ไม่มีพฤติกรรมหรือการกระทำที่เป็นที่ประจักษ์ว่าไม่ซื่อสัตย์สุจริต “ แปลว่า ไม่ต้องมีความซื้อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ก็ได้ ขอเพียงไม่ประจักษ์ชัดว่าไม่ซื่อสัตว์สุจริต ก็ใช้ได้แล้ว ที่ว่า ต้องไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ก็เปลี่ยนเป็น ต้องเป็นผู้ที่กำลังถูกดำเนินคดี และอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาเท่านั้น ถ้าไม่ได้กำลังอยู่ในการพิจารณาของศาลก็ไม่ขาดคุณสมบัติ นอกจากนั้นยังจะแก้ไขอีกหลายมาตรา ที่น่าเกลียดที่สุดคือ มาตรา 256 ซึ่งบัญญัติไว้เป็นเงื่อนไขเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เพื่อไม่ให้ทำการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในเรื่องสำคัญได้ง่ายๆ โดยเฉพาะ (ที่กำหนดว่า การแก้ไขหมวด 1 คือบททั่วไป และหมวด 2 เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ และหมวด 15 ซึ่งเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของศาลและองค์กรอิสระ เหล่านี้จะแก้ไขเพิ่มเติมได้ต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พรรคเพื่อไทยต้องการแก้ไขมาตรา 256 (พวกเขาจะแก้ไขเป็นว่า ให้จัดให้มีการออกเสียงประชามติเฉพาะการแก้ไขเพิ่มเติม หมวด 1 และหมวด 2 และการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เท่านั้น ส่วนการแก้ไขเพิ่มเติม หน้าที่และอำนาจขององค์กรอิสระ ไม่ต้องมีการออกเสียงประชามติแต่อย่างใด เนื่องจากต้องการแก้ไขมาตรา 211 เกี่ยวกับการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อสมาชิกภาพของ ส.ส. สว. และการวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีต้องสิ้นสุดลง จากการใช้เสียงข้างมากของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มาเป็นการใช้เสียง 2 ใน 3 ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น คูณเศรษฐา ทวีสินก็จะไม่ต้องพ้นจากแหน่งนายกรัฐมนตรี นั่นหมายความว่า พวกเขาตั้งใจจะลดบทบาทหน้าที่ และอำนาจของศาลและองค์กรอิสระ โดยไม่ต้องมีการออกเสียงประชามติ ซึ่งในรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องออกเสียงประชามติ จึงน่าจะเป็นการขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ผ่านประชามติ ความพยายามในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราครั้งนี้ หากทำได้สำเร็จ จะเป็นลดความสำคัญของความซื่อสัตย์สุจริต และมาตรฐานทางจริยธรรมสำหรับการเลือกสรรผู้ที่จะได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีลง ซึ่งไม่ควรจะเป็นผลดีต่อระบอบประชาธิปไตย และไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติ และต่อประชาชน จะทำให้ความหวังว่า ประเทศเรามีโอกาสมากขึ้นที่จะได้คนเก่งคนดีมาเป็นรัฐมนตรี ต้องพังทลายลง แล้วใครเล่าจะได้ประโยชน์นอกจากพรรคการเมือง และนักการเมืองกันเอง ข้ออ้างของการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ก็คือ เรื่องความซื่อสัตย์และเรื่องจริยธรรม เป็นเรื่องที่ตัดสินยาก ไม่มีบรรทัดฐานที่ชัดเจน และการพิจารณาตัดสินเกี่ยวกับประเด็นจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ควรจะเป็นการตัดสินของคนเพียงไม่กี่คน แต่ควรเป็นการตัดสินของสภาผู้แทนราษฎรทั้งสภา ซึ่งได้รับการเลือกตั้งเข้ามา บอกได้เลยว่า สภาผู้แทนราษฎรตามที่เป็นอยู่ในเวลานี้และตลอดมา อาศัยเสียงข้างมากลากไป ไม่ได้โหวตโดยยึดหลักความถูกต้อง แต่ยึดหลักเพียงว่าต้องโหวตให้พวกเดียวกันไว้ก่อน ถูกผิดไม่เป็นไร โดยเรียกมันว่า “เป็นมารยาททางการเมือง” แล้วเราจะหวังอะไรได้จากสภาผู้แทนราษฎร อย่างไรก็ดี ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ พรรคเพื่อไทยจึงยังไม่กล้ายื่นต่อรัฐสภา แต่จะนัดหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลเสียก่อน สังเกตว่าพรรคเพื่อไทยไม่หารือกับฝ่ายค้าน ซึ่งก็คงเป็นเพราะฝ่ายค้านจะไม่ค้าน เพราะเป็นการสมประโยชน์ซึ่งกันและกัน ก็ต้องรอดูว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะว่าอย่างไร หากพรรคร่วมรัฐบาลเออออด้วยไปกับพรรคเพื่อไทย ก็น่าจะหมดหวังแล้วกับระบอบประชาธิปไตยแบบที่เป็นอยู่ และก็สมควรแล้วที่หากพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดจะถูกยุบ จากการที่ไปร่วมประชุมที่บ้านจันทร์ส่องหล้า อย่าได้มาอ้างด้วยว่า ต้องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ก็เพื่อไม่ให้มีการถูกร้องจนไม่เป็นอันได้ทำอะไร จนทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ขอบอกว่า หากจะเดินหน้าต่อไปสู่หายนะ ก็สู้ไม่ต้องเดินหน้าเสียเลยจะดีกว่า ท้ายที่สุด อยากบอกประชาชนทุกคนบนผืนแผ่นดีนนี้ ที่ยังยึดหลักความถูกต้องและเป็นธรรมว่า เราต้องไม่ยอมมัน !!!! https://www.thaipost.net/x-cite-news/661161/ข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 9 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยมะเร็ง กับ มะนาว🟣 ถ้ารักตัวเองก็อ่าน.. ถ้าคิดแค่อยู่แค่วันนี้ พรุ่งนี้ไม่สน ไรจะเกิดก็เกิด ก็ปัดผ่านไป... 👉ขอเล่า.. ผมได้ไปตรวจสุขภาพ ทำอัลตราซาวน์ เมื่อปลายปี 59 พบติ่งเนื้อในถุงน้ำดี ยาว 4 มม. หมอบอกไม่เป็นไร ถือว่าผิดปกติเล็กน้อย อีก 6 เดือน ให้ไปอัลตราซาวน์ใหม่ ครั้งที่ 2 รอบนี้พบว่า ติ่งเนื้อ มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 6 มม. หมอบอก ยังไม่เป็นไรอีก อีก 6 เดือน ให้ไปอัลตราซาวด์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ผมไม่ได้ไปตามนัด คิดว่าจะไม่ไปแล้ว จนกระทั่ง เลยกำหนดไป 2 เดือนกว่า ลูกๆจึงขอร้องให้ไปตรวจ จึงได้ไปทำ อัลตร้าซาวน์อีกครั้ง เป็นครั้งที่ 3 คราวนี้พบว่า ติ่งเนื้อเดิม เพิ่มขนาดขึ้นเป็น 1 ซม. หมอบอก ควรผ่าตัดถุงน้ำดีออก เพราะหากปล่อยไว้ ติ่งเนื้อ อาจกลายเป็น เนื้อร้ายได้ (ผมตรวจที่ โรงพยาบาลเอกชน ที่กรุงเทพฯ) เมื่อสอบถามค่าใช้จ่าย เห็นว่าสูงพอสมควร จึงขอประวัติ ไปรักษาต่อเนื่อง ที่โรงพยาบาลรัฐบาล (ผมใช้สิทธิ์ ข้าราชการ เบิกค่าใช้จ่ายได้) เป็นโรงพยาบาลใหญ่ ในกรุงเทพฯ เช่นกัน หมอดูผลตรวจแล้ว แนะนำว่า หากติ่งเนื้อ มีขนาดใหญ่กว่า 1 ซม. ควรผ่าตัดถุงน้ำดีออก ไม่ควรเก็บไว้ โดยท่านให้เวลาอีก 4 เดือน เพื่อมาอัลตราซาวด์ ซ้ำอีกครั้ง ก่อนผ่าตัด ผมกลับบ้านที่ นครศรีธรรมราช เล่าให้บางคนได้ฟัง หลังพูดคุยกับ คุณณัชชา ปรีชา (ติ้ม) ได้แนะนำ ให้ผมดื่ม น้ำมะนาวในน้ำร้อน ผมจึงทำดื่มมาตลอด โดยใช้มะนาวสด วันละประมาณ ครึ่งลูก หั่นเป็นแว่นบางๆ 4-5 แว่น ใส่แก้วรินน้ำร้อนใส่ วางไว้ให้เย็น ดื่มหมดแก้ว เติมน้ำร้อนใหม่ ดื่มซ้ำไปตลอดวัน แล้วจึงเททิ้ง ในตอนเย็น ทำอยู่ 3 เดือน ก่อนไปพบหมอ เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 61 ผมได้มาทำอันตราซาวน์ อีกครั้ง ตามกำหนด และนัดฟังผลตรวจ ในวันที่ 2 พ.ย. 61 ตามนัด หมอบอก ไม่พบเห็น ติ่งเนื้อ ในถุงน้ำดีแล้ว แต่เห็นเป็นก้อนนิ่ว เล็กๆ ขนาดใหญ่สุด 5 มม. หมอถามผมว่า มีอาการอย่างไรบ้าง ผมเล่าตามตรงว่า ไม่มีอาการอะไรผิดปกติเลย หมอจึงว่า ถ้าอย่างนั้น ไม่ต้องผ่าตัด อีก 6 เดือน (28 เม.ย.62) ค่อยมาตรวจซ้ำ เพื่อตรวจเช็ค ว่าเป็นอย่างไรบ้าง จึงบอกมายังทุกท่านว่า ‘การดื่มน้ำมะนาว ในน้ำร้อน’ ตามที่ผม ได้ทดลองด้วยตนเอง ได้ผลดังที่กล่าว ตามบทความข้างล่างนี้ ลองอ่านดูนะครับ อาจจะยาวไปสักนิด แต่มีประโยชน์มาก ขอบคุณเพื่อนณัชชา ปรีชา ที่แนะนำเคล็ดลับดีๆ ขอบคุณ คุณหมอ ที่คิดค้นวิจัย และเผยแพร่ เป็นอย่างสูง (หลังเมษายน 2562 ผลเป็นอย่างไร จะมาแจ้งความคืบหน้า ให้ทราบกัน อีกครั้งนะครับ เสถียร วัฒนาพันธุ์ 3 พ.ย. 61 ------------ **น้ำมะนาวร้อน ในโรงพยาบาลกองทัพบก แห่งกรุงปักกิ่ง (北京เป่ยจิง) มีศาสตราจารย์ท่านหนึ่ง ชื่อเฉินฮุ้ยเหยิน กล่าวหนักแน่นว่า "ถ้าท่านผู้ใด ได้รับเอกสารนี้ แล้วสามารถส่งต่อๆไป ให้ผู้อื่นอีก ร่วมๆ 10 คนแล้ว แน่นอนที่สุด เราก็จะสามารถ ช่วยเหลือ ชีวิตคนอื่นๆอีก ได้อย่างน้อยๆ ก็ 1 คน” ผมได้ทำสิ่งนี้แล้ว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านสามารถ ทำสิ่งนี้ด้วย ขอขอบคุณมากๆ น้ำมะนาวร้อนนี้ สามารถช่วยชีวิตของคุณ ได้ดีตลอดไป แม้คุณจะยุ่ง แค่ไหนก็ตาม ก็ขอให้คุณเปิดอ่าน ข้อความเหล่านี้ แล้วส่งต่อไป ให้คนที่คุณรักทุกๆคน ได้รับทราบ น้ำมะนาวร้อนนี้ ทำหน้าที่ฆ่าเซลมะเร็ง ให้ท่านนำมะนาว มาผลหนึ่ง แล้วทำการฝาน เป็นแว่นบางๆ นำมันใส่ลง ในแก้วน้ำ เทน้ำร้อนลงในแก้ว ทิ้งไว้สักครู่ น้ำมะนาว ก็จะกลายสภาพ เปลี่ยนเป็น * ด่าง * ทำดื่มมันทุกๆวัน มีผลดีต่อสุขภาพ ของทุกๆคน น้ำมะนาวร้อนนี้ มันจะปลดปล่อย สารรสขม ที่ต้านมะเร็งออกมา นี่คือความคืบหน้า ทางการแพทย์ ที่เกี่ยวข้องกับ การบำบัด รักษาโรคมะเร็ง น้ำมะนาวที่เราแช่เย็นไว้ มันมีแค่วิตามิน ซี อย่างมะเขือเทศ ที่นำมาต้มสุก ก็มีแต่สารไลโปซีน น้ำมะนาวร้อนนี้ มีผลต่อการทำลายซีส และเนื้องอกต่างๆ ได้พิสูจน์ ให้เห็นแล้วว่า น้ำมะนาวร้อน สามารถรักษา โรคมะเร็ง ได้ทุกชนิด ใช้สารสกัด จากมะนาว มารักษาโรคมะเร็ง มาทำลายล้าง เซลมะเร็งร้าย ให้หมดไป น้ำมะนาวร้อน จะไม่ไปทำลาย และกระทบกระเทือน ต่อเซลที่แข็งแรงดีอื่นๆ ในร่างกายเลย นอกจากนี้ ในน้ำมะนาวร้อน ยังมีกรดซีตริก และกรดฟีนอล สามารถไปปรับระดับ ความดันสูง และยังช่วยป้องกัน ไม่ให้เกิดเส้นเลือดตีบ ปรับการไหลเวียน ของเลือดให้ดีขึ้น ลดการจับกัน จนแข็งตัวของเลือด หากอ่านข้อความเหล่านี้จบแล้ว ขอได้โปรดบอกต่อๆ ให้คนอื่นๆ คนในครอบครัว ญาติๆเพื่อนๆ และขอให้ ดูแลสุขภาพ ของตัวท่านเอง ให้มีสุขภาพแข็งแรง อยู่อย่างสม่ำเสมอนะครับยาสมุนไพรมะเร็งMrs.Doubt• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยออกจากมือปีศาจโคบ้า(โควิด)ได้แล้ว โดย สิริอัญญา วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 โคบ้าระบาดมาสองปีเศษ ขณะนี้ประเทศต่าง ๆ ได้ถีบหัวส่งปีศาจตนนี้และคืนความปกติแก่สังคม ทำให้ประชาชนใช้ชีวิตตามปกติโดยไม่ต้องห่วงว่าใครจะติดเชื้ออีกต่อไป และถ้าใครติดเชื้อก็แนะนำให้ซื้อหายามากินก็จะหายได้ในเวลา 1-3 วัน ซึ่งไม่ต่างอะไรกับไข้หวัดใหญ่ เป็นเรื่องตรงกันข้ามกับก่อนหน้านี้ที่สร้างกระแสให้หวาดกลัวว่าโคบ้าคือปีศาจร้าย ใครสัมผัสแล้วก็จะกลายเป็นผีดิบและเสียชีวิตได้โดยง่าย ในขณะที่มีกระบวนการถ่วงเวลาการดูแลรักษาเพื่อให้ไวรัสลงปอด หายใจไม่ออก และเสียชีวิต ซึ่งเป็นแผนอุบาทว์ชาติชั่วที่ล้างผลาญชีวิตมนุษย์อย่างอำมหิต แต่ปรากฏว่าจีน รัสเซีย อิหร่าน และประเทศในเครือข่ายองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้รู้เท่าทันแผนอุบาทว์นี้มาตั้งแต่ต้นจึงไม่หลงกลเป็นเครื่องมือ และในวันนี้ก็ได้ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าที่จีน รัส เซีย อินเดีย อิหร่านและพันธมิตรจัดการกับโคบ้านั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์แก่มวลมนุษย์มากที่สุด ทั้งทำลายล้างแผนอุบาทว์จากบริษัทยานักล่าอาณานิคม ยกตัวอย่างประเทศจีน นับตั้งแต่ถูกใส่ร้ายว่าเป็นต้นตอของโคบ้ามาจนถึงวันนี้ประเทศจีนมีคนป่วยรวมทั้งสิ้นแค่แสนคน ปีที่ผ่านมาไม่มีใครเสียชีวิตเลย รัฐบาลจีนไม่ได้เน้นการฉีดวัคซีน แต่ประกาศรายการยาที่ใช้รักษาโคบ้าให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป ซึ่งใครมีอาการติดเชื้อก็สามารถซื้อหากินกันเองได้โดยง่าย 2-3 วันก็หายขาด นี่คือความสำเร็จอันเป็นที่ประจักษ์ อีกตัวอย่างซึ่งตรงกันข้ามคือสหรัฐซึ่งเป็นต้นตอของการสร้างความตกใจกลัวในเรื่องโคบ้า ซึ่งวันนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าคนอเมริกันติดโคบ้าเกือบสิบล้านคนและมีผู้เสียชีวิตหลายล้านคน ประเทศยากจน ประชาชนยากเข็ญ จนต้องพิมพ์เงินดอลลาร์ออกมาอย่างไม่บันยะบันยัง ประเทศไทยของเราทำตัวเป็นสมุนบริวารที่เอาแบบอย่างสหรัฐ ดังนั้นถึงวันนี้ประเทศไทยซึ่งมีประชากรเพียง 66 ล้านคน มีผู้ป่วยมากกว่าประเทศจีนซึ่งมีประชากร 1,400 ล้านคน กว่า 20 เท่า และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากมาย ผู้ประกอบการทั่วประเทศถูกปิดกิจการ ขาดทุนย่อยยับ คนตกงานทั่วทั้งประเทศ เศรษฐกิจยับเยิน คนไทยยากจนเพิ่มขึ้นเกือบสิบล้านคนในชั่วระยะเวลาเพียงสองปีเศษ ประเทศเป็นหนี้สินเพิ่มขึ้นร่วมกว่า 2 ล้านล้านบาทในช่วงสองปีเศษ หนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้นร่วม 4 ล้านล้านบาท ประเทศไทยตกอยู่ภายใต้การปกครองตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นประเทศเดียวของโลกที่ใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเรื่องโคบ้าที่ยาวนานที่สุดและล้มเหลวมากที่สุด มีการใช้เงินแผ่นดินเกี่ยวกับเรื่องโคบ้ามากมายมหาศาล มีข่าวคราวการทุจริตอย่างกว้างขวาง ถึงขนาดสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแถลงที่จะตรวจสอบการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณและงบกลางซึ่งมีจำนวนร่วม 2 ล้านล้านบาท แต่กลับเงียบหายไปดื้อ ๆ เพราะอำนาจผีสางตนใดก็ไม่รู้ มีการสั่งยาฟาวิพิราเวียร์ถึง 430 ล้านเม็ดเข้ามาใช้ ทั้งที่ประเทศผู้ผลิตทั้งสามประเทศคือเยอรมัน อินเดีย และญี่ปุ่นพิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถใช้รักษาโคบ้าได้ และไม่อนุญาตให้ประเทศของตนเองใช้ แต่ประเทศไทยก็ยังดันทุรังใช้กันอยู่แต่ต้องใช้คู่กับยารักษาอื่นที่ใช้รักษาโคบ้าได้ ประเทศไทยเดินตามหนทางสหรัฐ โหมและบังคับการฉีดวัคซีนอย่างไม่บันยะบันยัง เฉพาะปี 2565 ก็มีข่าวว่าสั่งซื้อเข้ามาถึง 165 ล้านโดส และกำลังบังคับให้ผู้คนฉีดวัคซีนเข็ม 3 เข็ม 4 เข็ม 5 กันต่อไป ทั้ง ๆ ที่ความจริงได้พิสูจน์ชัดเจนแล้วว่าจะฉีดวัคซีนสักกี่เข็มก็ตาม จะฉีดไขว้หรือไม่ไขว้ก็ตามไม่สามารถป้องกันการติดโคบ้าได้เลย แต่ยังดันทุรังฉีดกันอยู่ จนกระทั่งขณะนี้มีผู้ตั้งข้อสังเกตแล้วว่าคนไทยตายและพิการป่วยเจ็บ เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต เพราะการฉีดวัคซีนมากหรือเท่ากับตายเพราะโคบ้ากันแน่ บรรดาหมอทั้งหลายไม่เคยปริปากแนะนำคนไทยว่าจะใช้ยาอะไรในการรักษาโคบ้า และน่าแปลกใจว่าหมอทั้งประเทศก็ประพฤติอย่างเดียวกัน พากันเงียบปากสนิทท่ามกลางผลประโยชน์ที่ได้รับจากความเดือดร้อนทุกข์เข็ญของประชาชน ในขณะที่มีหมอจัญไรราว 10 คน ที่แต่ละวันแถลงข่าวหรือให้สัมภาษณ์ปั่นกระแสหลอกลวงให้ผู้คนตื่นตระหนกตกใจกลัวเพื่อจะได้ไปฉีดวัคซีน หมอจัญไรเหล่านี้ประชาชนต้องจดจำหน้าตาชื่อเสียงไว้ให้แม่น จะได้บอกลูกบอกหลานว่าคนไทยล้มหายตายจาก ประเทศชาติเสียหายยับเยินก็เพราะหมอจัญไรราว 10 คนนี้ที่สร้างกรรมทำเข็ญไว้กับบ้านเมืองสุดคณานับ ฟ้ามืดเมื่อมีได้ ก็ฟ้าใหม่ย่อมคงมี ขณะนี้ได้เกิดขบวนการต่อต้านบรรดาทุนยาที่ทำมาหากินกับชีวิตมนุษย์ขึ้นในขอบเขตทั่วโลกแล้ว แพทย์กว่า 20,000 คนทั่วโลกรุมกันแฉแผนอุบาทว์ที่ต้องการให้มนุษย์ตกอยู่ในอำนาจวัคซีน ซึ่งอาจนำไปสู่การกำกับบงการสุขภาพและชีวิตมวลมนุษย์ในวันข้างหน้า แพทย์ชาวเยอรมันได้สำนึกผิดเปิดเผยความจริงให้ชาวโลกทราบว่าโรคโคบ้านั้นไม่ได้ร้ายแรงอะไร แค่เอาน้ำเกลืออุ่น ๆ กลั้วคอไว้เป็นระยะ ๆ ก็สามารถป้องกันและรักษาการติดโคบ้าได้อย่างชะงัด ล่าสุดคณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ของศิริราชก็ได้ทำคลิปออกเปิดเผยปลุกให้คนไทยตื่นขึ้นแล้วหนีออกจากเงื้อมมืออสูร โดยคลิประบุว่าเพียงแค่ใช้กระเทียมสดและพริกสดเคี้ยวร่วมกันก็จะป้องกันและรักษาโคบ้าได้ ในขณะที่แพทย์จำนวนหนึ่งก็เริ่มเปิดเผยถึงกระบวนการทำมาหากินที่แสวงหาประโยชน์ทุจริตในทุกกระบวนการและขั้นตอนของการเยียวยารักษาโคบ้าในประเทศไทย ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่ประชาชนไทยจะได้ตื่นขึ้นจากความกลัวและก้าวออกมาจากเงื้อมมือปีศาจที่อำมหิตนี้ให้ทันท่วงที.โควิด 2019วัคซีนโควิดไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยท่านทูตไทยและท่านกงสุลไทยประจำเกาหลีใต้ ฝากเตือนคนไทยที่จะไปเกาหลีใต้ว่า #ห้าม นำยา 7 รายชื่อนี้(ดูหน้าตาฉลากมันได้ในรูปนะ)เข้าเกาหลีใต้เด็ดขาด เพราะมีส่วนผสมสารเสพติดตามกฎหมายของเกาหลีใต้ หากใครฝ่าฝืนนำติดตัวติดกระเป๋าเข้ามา และหากถูก จนท.ศุลกากรเกาหลีใต้ที่สนามบินตรวจพบ ไม่ว่าจะ #รู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือโดยเจตนาก็ตาม จะมีโทษจำคุกไม่เกิน10 ปี และยังต้องชำระค่าปรับไม่เกิน100 ล้านวอนอีกดอกนึงด้วย (ราวๆ 2.3 ล้านบาทไทย ) ยาทั้ง7ตัวนี้อยู่ในกลุ่ม ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอ ยาคลายเครียด มี7ตัวดังนี้ 1.Travan ตัวนี้เป็นยาคลายเครียด ค่อนข้างอันตรายถ้าใช้ส่งเดช 2.Glycoff ตัวนี้เป็นยาแก้หลอดลมอักเสบเรื้อรัง แก้ไอ ขับเสมหะ 3.Iyafin ตัวนี้เป็นยาแก้ไอ ลดน้ำมูก แก้แพ้ ลดเสมหะ 4.Bronpect-D ตัวนี้เป็นยาแก้ไอ หลอดลมอักเสบ แก้ระคายคอ 5.Neo-Codion ตัวนี้เป็นยาแก้ไอ ไอแห้ง ไอที่เกิดจากการระคายเคือง 6.Propofan ตัวนี้เป็นยาลดอาการปวด ลดไข้ แก้อักเสบ 7.Codesia ตัวนี้เป็นยาแก้ไอ ไอเรื้อรัง ปวดเรื้อรังระดับปานกลางขึ้นไปที่ยาแก้ปวดทั่วไปเอาไม่อยู่ ยาตัวนี้ค่อนข้างอันตรายมากนะครับ ซื้อกินเองตายห่ามาเยอะแล้ว ต้องอยู่ในการควบคุมของแพทย์เท่านั้นในการใช้มัน ทั้ง7ตัวนี้มีอยู่2-3ตัวนะที่สกัดมาจาก #ฝิ่น ก็ไม่แปลกหรอกที่เกาหลีใต้เค้าถึงห้ามเอาเข้าบ้านเค้า บางตัวก็มีส่วนผสมของ #สารชนิดเดียวกับสารตั้งต้นในการผลิตยาบ้า 🤔 ปล. : ขอบคุณท่านบัญชา ยืนยงจงเจริญ อัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลีใต้ และ ท่านกันติชา ไหลเจริญกิจ หัวหน้าฝ่ายกงสุล สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลีใต้ ทั้ง2ท่านเป็น จนท.ของเราในต่างแดนที่ขยันขันแข็งมากครับ 🙏 ฝากทุกๆท่านแชร์ต่อด้วยนะครับ 😅ผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 2 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยให้เตรียมรับมือกับอุณหภูมิ 40-50 องศา ควรดื่มน้ำสะอาด ดื่มช้าๆ หลีกเลี่ยงน้ำเย็น น้ำแข็ง ขณะนี้ มาเลียเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์กำลังเผชิญกับคลื่นความร้อน อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ 1. หมอบอกว่า หากร้อนถึง 40 องศา ไม่ควรดื่มน้ำเย็นต่อไป เพราะหลอดเลือดเล็กอาจปริหรือระเบิดได้ เพื่อนของหมอคนหนึ่งมาจากข้างนอก ร้อนจนเหงื่อแตก รีบล้างเท้าด้วยน้ำเย็น ผลคือตามองไม่เห็นต้องรีบเรียกรถพยาบาล 2. หากร้อนถึง 38 องศา ก็ปล่อยร่างกายร้อนไป อย่าดื่มน้ำเย็น ให้ดื่มน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น ค่อยๆ ดื่ม อย่ารีบร้อนล้างขาล้างมือหรือส่วนที่ถูกแดดเผา ควรรอสัก 30 นาทีค่อยอาบน้ำ 3. ชายคนหนึ่งร้อนมากรีบอาบน้ำ อาบเสร็จขากรรไกรแข็ง เป็นสโตรคไปเลย **ข้อควรระวัง** ในหน้าร้อนหรือยามคุณอ่อนเพลีย หลีกเลี่ยงดื่มน้ำเย็นทันที เพราะมันจะทำให้หลอดเลือดหดเล็ก แล้วเป็นสโตรค (สอนลูกหลานด้วย)สุขภาพผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 2 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเตือนภัยมิจฉาชีพในแอปฯหาคู่ปัจจุบันแอปพลิเคชั่นหรือโซเชียลมีเดียเพื่อการหาคู่ได้รับความนิยมมากของคนทุกวัย เนื่เองจากสามารถเชื่อมต่อหาคู่ได้ทั้งคนไทยและต่างชาติ แต่ความนิยมดังกล่าวก็เป็นช่องโหว่ให้มิจฉาชีพ อาชญากรไซเบอร์เข้ามาใช้เป็นช่องทางในการหลอกลวงเหยื่อด้วยรูปแบบต่าง ๆ จากการสืบค้นข้อมูลในปัจจุบันได้ปรากฏกรณีการใช้แอปพลิเคชั่นหาคู่เป็นช่องทางในการก่ออาชญากรรมโดยต่อเนื่อง เช่นล่าสุดได้ปรากฏว่ามีผู้ต้องหาตามหมายจับคดีทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ได้ใช้แอปพลิเคชั่นหาคู่หลอกลวงเหยื่ออีกราย โดยมีการกักขัง ทำร้ายร่างกาย แต่เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือออกมาได้และจับกุมผู้กระทำผิดได้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงมีการออกข่าวสารเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่องให้ผู้ใช้บริการใช้ความระมัดระวัง อย่าหลงเชื่อผู้ที่พบกันในโซเชียลมีเดียโดยง่าย ขอให้ตรวจสอบประวัติบุคคลที่จะคบหาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะที่เข้ามายืมเงินและให้โอนเงิน ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดอย่าโอนเด็ดขาด ให้สันนิษฐานก่อนว่าเป็นคนร้ายที่เข้ามาหลอกลวง ( ข้อมูลจากเว็บไซต์ WWW.PRACHACHAT.NET/) ดังนั้นก่อนที่จะใช้แอปฯหาคู่ก็ควรที่จะมีวิธีป้องกันตัวเองด้วยเช่นกัน ดังนี้ 1. ควรระมัดระวังในการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ไม่บอกข้อมูลทั้งหมดกับคนที่เพิ่งรู้จัก เมื่อใช้บริการแอปพลิเคชันหาคู่ออนไลน์ต่าง ๆ 2. ไม่ควรหลงเชื่อ หรือไว้ใจบุคคลใดง่าย ๆ หากมีความจำเป็นต้องนัดเจอ ควรมีเพื่อนหรือผู้ปกครองไปด้วยเพื่อความปลอดภัย 3. พึงระลึกไว้เสมอว่า อะไรที่ดีเกินไป เร็วเกินไป มักจะลงเอยไม่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นโดยง่าย หากตกเป็นเหยื่อให้เก็บหลักฐานการโอนเงิน ภาพและข้อความการพูดคุยกับคนร้ายทุกช่องทาง แล้วรวบรวมหลักฐานเอกสารนำไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ( ข้อมูลจากเว็บไซต์ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย ) การใช้แอปหาคู่สิ่งที่ควรตระหนักไว้เสมอคืออย่าไว้ใจใครง่ายๆระมัดระวังความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินไว้ให้ดีอย่าประมาทจงมีสติ แค่นี้ก็ปลอดภัยจากภัยรักออนไลน์ได้แล้ว #ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมมหาวิทยาลัยมหาสารคาม #อีสานโคแฟค #โคแฟคประเทศไทย #ชมรมสื่อสร้างสรรค์มมส #สื่อสร้างสรรค์มมสofficialwuttikon459• 9 เดือนที่แล้วmeter: mostly-true--middle3 ความเห็น
- 1 คนสงสัย"เจนธิรา อรรถสกุลชัย" ไฮโซสาวคนดัง พี่สะใภ้อนิชา เจ้าสาวของเจ้าชายมาทีนแต่งงานแล้วจริงหรือไม่?รู้จัก "เจนธิรา อรรถสกุลชัย" ไฮโซสาวคนดัง ขึ้นแท่นว่าที่พี่สะใภ้ ของเจ้าชายอับดุล มาทีน แห่งบรูไน หลังจากที่มีประกาศพระราชทานพิธีเสกสมรสของ เจ้าชายอับดุล มาทีน โบลเกียห์ แห่งบรูไนดารุสซาลาม กับ อนิชา คาเลบิก ที่จะมีขึ้นในเดือนมกราคม 2567 ก็ทำให้ชื่อของ อนิชา ถูกค้นหาและพูดถึงเป็นอย่างมากในโลกออนไลน์ ในฐานะผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก ที่ได้แต่งงานกับเจ้าชายซึ่งเป็นชายในฝันของสาวๆ ทั่วโลก ซึ่งในประวัติของ อนิชา อิซา-คาเลบิก ที่เผยแพร่ตามสื่อ ปรากฎชื่อของหญิงสาวชาวไทยคือ เจนธิรา อรรถสกุลชัย ซึ่งเป็นภรรยาของ แดเนียล อิซา-คาเลบิก เศรษฐีบรูไนพี่ชายของอนิชา หรือมีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ของอนิชา นั่นเอง รู้จัก "อนิชา" สาวสวยผู้โชคดี ว่าที่พระชายาในเจ้าชายอับดุล มาทีน แห่งบรูไน สำหรับ เจนธิรา อรรถสกุลชัย หรือ เจน ทายาทรุ่นที่ 3 ของบริษัทนมเปรี้ยวชื่อดัง บีทาเกน ดีกรีปริญญาตรี (เกียรตินิยมอันดับ 2) ทางด้าน Global Business Management จาก Regent’s University London ประเทศอังกฤษ ศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจ โดยเฉพาะกลยุทธ์ในการผลักดันต่างประเทศ และเข้ามาสานต่อธุรกิจของที่บ้าน ขยายธุรกิจไปในส่วนของต่างประเทศ ทั้งที่สิงคโปร์ เวียดนาม ลาว พม่า มาเลเซีย รวมไปถึงเมืองจีน เจนธิรา คบหาดูใจกับ แดเนียล ดีน อิซ่า-คาเลบิก นักธุรกิจชาวบรูไน โดยจัดพิธีสวมแหวนตามประเพณีไทยไปเมื่อปลายปี 2563 และเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมาจูงมือกันเข้า พิธีนิกะห์ หรือพิธีแต่งงานตามหลักศาสนาอิสลาม โดยมี เจ้าชายมาทีน แห่งบรูไน เสด็จพร้อมด้วยพระมารดา และพระเชษฐภคินี มาทรงร่วมแสดงความยินดี ณ โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ (Capella Bangkok)มีมnamnami• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย"ดีอีเอส" เตือนอย่าคลิกลิงก์ข่าวปลอมแบงก์ใหญ่ปล่อยกู้ผ่านเอสเอ็มเอสโฆษกดีอีเอสฝ่ายการเมือง เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม 2 แบงก์ใหญ่ปล่อยสินเชื่อประชาชนผ่านเอสเอ็มเอส และให้สิทธิ์คนติดแบล็กลิสต์ หลังพบเป็นข่าวที่มีผู้สนใจมากสุด 10 อันดับแรกประจำสัปดาห์ วันนี้ (13 ก.พ.2565) น.ส.นพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า สรุปผลการมอนิเตอร์ และรับแจ้งข่าวปลอมประจำสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 4-10 ก.พ. 65 พบข้อมูลเชิงลึก (Insight) ว่า ข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจมากสุด 10 อันดับแรก หลายข่าวเป็นประเด็นเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจในชีวิตประจำวัน ทั้งเรื่องแบงก์ใหญ่เปิดสินเชื่อประชาชนรายย่อยแบบง่ายๆ จนไม่ควรหลงเชื่อ หรือโครงการเราชนะเฟส 4 จะแจกเงินเพิ่ม เป็นต้น ข้อมูลจากศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม พบว่าข่าวที่มีคนสนใจสูงสุด 10 อันดับแรก ประกอบด้วย 1.ออมสิน ส่ง SMS ให้ประชาชนกดรับสิทธิ์ขอสินเชื่อ GSB จำนวน 60,000 บาท 2.วันที่ 10-20 ก.พ. 65 ฝนตกหนักทุกภาค ทั่วประเทศไทย 3.รักษาโควิด 19 ด้วยสมุนไพรขมิ้นชัน กระชาย พริกไทย ทับทิม 4. คนไทยจ่ายเงินซื้อน้ำมันราคาแพงที่สุดในโลก 5. ดื่มน้ำต้มต้นไมยราบ แทนน้ำเปล่า ช่วยรักษาโรคมะเร็งเต้านม 6.โครงการเราชนะ เฟส 4 แจกเงินคนละ 7,000 บาท เริ่มโอน 10 ก.พ. 65 7. คลิปข้าวสารถูกผลิตจากถุงพลาสติก 8. ธ.กรุงไทย เปิดสินเชื่อกรุงไทยเพื่อนักสู้ ดอกเบี้ย 0.5% ผ่อนนาน 48 เดือน ติดแบล็กลิสต์ก็กู้ได้ 9. ใช้หม้อทอดไร้น้ำมันปรุงอาหาร ทำให้ก่อมะเร็ง และ 10. ติดเชื้อไวรัส Parabola จากสุนัขและแมว ทำให้ไขกระดูกไม่สร้างเลือดสุขภาพมะเร็งโควิด 2019ยาสมุนไพรผู้บริโภคเฝ้าระวังแอคปลอมstd46535• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัวmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเพียงใช้มะระต้มร้อนๆสามารถฆ่าเซลล์มะเร็ง!กัลยาณมิตรทุกท่านกรุณา ช่วยแชร์ต่อด้วยครับ เป็นมหาบุญ บารมี จริงๆ สำหรับผู้ที่ กำลังประสบชะตากรรมกับโรคร้ายนี้ 🇳🇱♥️💚🇳🇱💜🇵🇾🍎🍏🍅🍊 ศาสตราจารย์เฉิน ฮุ้ย เหริน ย้ำว่าถ้าทุกคนที่ได้รับจดหมายข่าวนี้สามารถส่งต่อไปให้ผู้อื่นได้อย่างน้อยหนึ่งชีวิตจะได้รับการช่วยชีวิต ... ฉันได้ส่งต่อในส่วนของฉันไปแล้ว หวังว่าคุณจะส่งต่อให้บุคคลอื่น ขอบคุณ! น้ำมะระร้อนๆสามารถช่วยคุณได้ตลอดชีวิต ดูวิธีแล้วบอกต่อคนอื่น !! เพียงใช้มะระต้มร้อนๆสามารถฆ่าเซลล์มะเร็ง! หั่นมะระขี้นกประมาณ 3 ~ 5 ชิ้นใส่ลงในถ้วยแล้วเติมน้ำร้อน ดื่มทุกวันมันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกคน น้ำมะระขี้นกร้อนจะออกสารต้านมะเร็งซึ่งเป็นนวัตกรรมล่าสุดในการรักษาโรคมะเร็งที่มีประสิทธิภาพในด้านการแพทย์ น้ำมะระร้อนๆมีผลต่อซีสต์และเนื้องอก พิสูจน์แล้วว่าสามารถรักษาโรคมะเร็งได้ทุกชนิด การรักษาด้วยสารสกัดจากมะระขี้นกนี้จะทำลายเซลล์มะเร็งเท่านั้น และไม่ส่งผลต่อเซลล์ที่มีสุขภาพดี นอกจากนี้กรดอะมิโนและโพลีฟีนอล ในน้ำมะระสามารถควบคุมความดันโลหิตสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพป้องกัน ปรับการไหลเวียนโลหิตและลดลิ่มเลือด หลังจากอ่านจบ โปรดส่งต่อคนอื่นๆ ครอบครัว เพื่อน ๆ และคนที่คุณรัก ให้ดูแลสุขภาพของตัวเอง 🙏🏻💖(ดีใจ))ยาสมุนไพรผู้บริโภคเฝ้าระวังMrs.Doubt• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยระวังพายุ 2 ลูก เตือนฝนตกหนัก ช่วงวันที่ 17-25 ก.ค. นี้ฝนตกหนัก ช่วงวันที่ 17-25 ก.ค. นี้นั้น ทางกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าว เป็นข่าวปลอม เป็นข้อมูลที่มิได้มีที่มาจากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา หากมีพายุเกิดขึ้นจริง กรมอุตุนิยมวิทยาจะประกาศเตือนล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน ซึ่งในช่วงวันที่ 11-13 ก.ค. 66 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลงแต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 14-16 ก.ค. 66 ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมในช่วงวันที่ 14-16 ก.ค. 66 ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย website 2432 ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าได้แชร์หรือส่งต่อข่าวลือนี้ และติดตามข่าว พยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยจากกรมอุตุนิยมวิทยาเท่านั้น เพื่อมิให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนกขึ้นในสังคม และหากมีสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพื่อเติม สามารถสอบถามได้ที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา www.tmd.go.th , Facebook กรมอุตุนิยมวิทยา Application Thai weather หรือ โทรสายด่วน 1182 (ตลอด 24 ชั่วโมง)std47963• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยให้เตรียมรับมือกับอุณหภูมิ 40-50 องศา ควรดื่มน้ำสะอาด ดื่มช้าๆ หลีกเลี่ยงน้ำเย็น น้ำแข็งให้เตรียมรับมือกับอุณหภูมิ 40-50 องศา ควรดื่มน้ำสะอาด ดื่มช้าๆ หลีกเลี่ยงน้ำเย็น น้ำแข็ง ขณะนี้ มาเลียเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์กำลังเผชิญกับคลื่นความร้อน อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ 1. หมอบอกว่า หากร้อนถึง 40 องศา ไม่ควรดื่มน้ำเย็นต่อไป เพราะหลอดเลือดเล็กอาจปริหรือระเบิดได้ เพื่อนของหมอคนหนึ่งมาจากข้างนอก ร้อนจนเหงื่อแตก รีบล้างเท้าด้วยน้ำเย็น ผลคือตามองไม่เห็นต้องรีบเรียกรถพยาบาล 2. หากร้อนถึง 38 องศา ก็ปล่อยร่างกายร้อนไป อย่าดื่มน้ำเย็น ให้ดื่มน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น ค่อยๆ ดื่ม อย่ารีบร้อนล้างขาล้างมือหรือส่วนที่ถูกแดดเผา ควรรอสัก 30 นาทีค่อยอาบน้ำ 3. ชายคนหนึ่งร้อนมากรีบอาบน้ำ อาบเสร็จขากรรไกรแข็ง เป็นสโตรคไปเลย **ข้อควรระวัง** ในหน้าร้อนหรือยามคุณอ่อนเพลีย หลีกเลี่ยงดื่มน้ำเย็นทันที เพราะมันจะทำให้หลอดเลือดหดเล็ก แล้วเป็นสโตรค (สอนลูกหลานด้วย)สภาพอากาศMrs.Doubt• 2 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยวัว2ตัว version 2023 1. คอมมิวนิสต์ (Communism) คุณมีวัวสองตัว รัฐบาลเอาไปทั้งสองตัว แจกนมให้คุณพอกิน 2. สังคมนิยม (Socialism) คุณมีวัวสองตัว ยกให้เพื่อนบ้านหนึ่งตัว 3.ทุนนิยม (Capitalism ) คุณมีวัวสองตัว ขายตัวหนึ่งออก แล้วเอาเงินไปซื้อควาย ฝูงปศุสัตว์เติบโต คุณขายกิจการทิ้ง แล้วปลดเกษียณอย่างสบาย 4.พรรคขวาจัดฟาสซิสต์ (Fascist Party ) คุณมีวัวสองตัว รัฐยึดไปทั้งสองตัว ยกสัมปทานให้เจ้าสัวกับนายทุนพรรค และขายนมวัวราคาแพงลิบให้คุณ 5.พรรคโทรี่ (Tory Party)คุณมีวัว2ตัว รัฐซื้อเหมาจ่าย10,000 แล้วขายนมผูกขาดให้คุณตลอด4ปี บวกอีก4ปี และห้ามคุณแปรรูปเป็นนมเปรี้ยว หรือโปรไบโอติกแข่งกับเจ้าของพรรค 6.พรรคก้าวหน้า(Progressive Party) คุณมีวัว 2 ตัว รัฐส่งเสริมให้นำน้ำนมทำนมเปรี้ยวโปรไบโอติก และสุราก้าวหน้าเพิ่มมูลค่า เก็บภาษีความมั่งคั่งจากคุณไปจัดรัฐสวัสดิการ และเทคโนโลยีล้ำๆป้องกันประเทศ แทนการบังคับลูกคุณไปเป็นทหารเกณฑ์ 7.ทุนนิยมแบบวานิชธนกิจ (Venture Capitalism) คุณมีวัวสองตัว คุณขายวัวสามตัวให้บริษัทจดทะเบียนของคุณเอง โดยมีหนังสือค้ำประกันจากแบงก์ที่พี่เขยของคุณช่วยดูแล คุณทำสว๊อปหนี้ต่อทุน (debt to equity swap) โดยมีเงื่อนไขว่าคุณจะได้รับวัว4ตัวคืนมา และจะได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับวัว5ตัว สิทธิในนมของวัว6ตัวจะถูกส่งผ่านไปยังบริษัทกระดาษตั้งอยู่ในเกาะเคย์แมน โดยผู้ถือหุ้นลึกลับมีสัญญาจะขายวัวทั้ง7ตัวกลับไปยังบริษัทจดทะเบียนของคุณ ในรายงานประจำปี บริษัทของคุณมีทรัพย์สินวัว8ตัว และมีออปชั่นที่จะได้วัวอีกหนึ่งตัวเพิ่มเข้ามา 8.ทุนนิยมแบบเหรียญหมา (Digital Capitalism) คุณไม่มีวัว2ตัว ไม่มีอะไรเลย แต่ต้องมีบัญชีTwitter แล้วคอยตามว่าอีลัน มัสค์จะทวีตใบ้คำเกี่ยวกับเหรียญน้องหมา Dodge Coinว่ายังไง..ข่าวการเมืองมีมล้อเลียน เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 3 คนสงสัยให้เตรียมรับมือกับอุณหภูมิ 40-50 องศา ควรดื่มน้ำสะอาด ดื่มช้าๆ หลีกเลี่ยงน้ำเย็น น้ำแข็งให้เตรียมรับมือกับอุณหภูมิ 40-50 องศา ควรดื่มน้ำสะอาด ดื่มช้าๆ หลีกเลี่ยงน้ำเย็น น้ำแข็ง ขณะนี้ มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์กำลังเผชิญกับคลื่นความร้อน อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ 1. หมอบอกว่า หากร้อนถึง 40 องศา ไม่ควรดื่มน้ำเย็นต่อไป เพราะหลอดเลือดเล็กอาจปริหรือระเบิดได้ เพื่อนของหมอคนหนึ่งมาจากข้างนอก ร้อนจนเหงื่อแตก รีบล้างเท้าด้วยน้ำเย็น ผลคือตามองไม่เห็นต้องรีบเรียกรถพยาบาล 2. หากร้อนถึง 38 องศา ก็ปล่อยร่างกายร้อนไป อย่าดื่มน้ำเย็น ให้ดื่มน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น ค่อยๆ ดื่ม อย่ารีบร้อนล้างขาล้างมือหรือส่วนที่ถูกแดดเผา ควรรอสัก 30 นาทีค่อยอาบน้ำ 3. ชายคนหนึ่งร้อนมากรีบอาบน้ำ อาบเสร็จขากรรไกรแข็ง เป็นสโตรคไปเลย **ข้อควรระวัง** ในหน้าร้อนหรือยามคุณอ่อนเพลีย หลีกเลี่ยงดื่มน้ำเย็นทันที เพราะมันจะทำให้หลอดเลือดหดเล็ก แล้วเป็นสโตรค สอนลูกหลานด้วยสภาพอากาศMrs.Doubt• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: mostly-false--middle2 ความเห็น

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ