2435 ข้อความ
- 1 คนสงสัยข่าวบิดเบือน มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกและตอนกลาง มีความผิดปกติที่ SST อาจส่งผลให้น้ำท่วมถึงประเทศไทยตามที่มีข้อมูลในสังคมออนไลน์เกี่ยวกับประเด็นเรื่องมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกและตอนกลาง มีความผิดปกติที่ SST อาจส่งผลให้น้ำท่วมถึงประเทศไทย ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลบิดเบือนstd47941• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยพบเพจปลอม "ผับเมาน์เท่นบี" โพสต์จ่ายชดเชยคนตาย 10 ล้าน ไม่เป็นความจริงกรณีมีเพจ Mountain bar&bistro โพสต์เฟซบุ๊ก อ้างเจ้าของผับจ่ายชดเชยคนตายเหตุไฟไหม้ผับรายละ 10 ล้านบาท ล่าสุด เพจจริงชื่อว่า "MountainB" ชี้แจง ไม่เป็นความจริง วอนอย่าปั่นกระแสกับเหตุสลดstd47804• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยนักเรียนหญิง ม.5 นนทบุรี เสียชีวิตกะทันหันขณะยืนเคารพธงชาติการเสียชีวิตของเด็กนักเรียนหญิง ม.5 ใน จ.นนทบุรี ยังตอบไม่ได้ว่าเกี่ยวข้องกับยาลดความอ้วนตามที่เพื่อนให้ข้อมูลหรือไม่ อาการสุดท้ายก่อนจะเสียชีวิตกระทันหันถูกระบุว่ามีอาการเป็นลมหายใจไม่ออก ซึ่งมารดาของเด็กเชื่อว่าน่าจะเกิดจากโรคประจำตัวstd46586• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยวิธีดูว่าใครแอบส่องเฟสเราบ่อยๆ ทำตามง่ายๆ เดี๋ยวรู้เลย ! ทำตามนี้ได้ จริงหรือวิธีดูว่าใครแอบส่องเฟสเราบ่อยๆ ทำตามง่ายๆ เดี๋ยวรู้เลย !Mrs.Doubt• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยโครงการคัดกรองโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง เสนอโครงการโดย อสม. ทำได้หรือไม่ ถ้าทำได้สามารถจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงให้กับ อสม. ได้หรือไม่ ?รู้ชัด ทำได้ สไตล์ กปท. (Ep.20) ❓ ไขข้อสงสัย❓ 📌 โครงการคัดกรองโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง เสนอโครงการโดย อสม. ทำได้หรือไม่ ถ้าทำได้สามารถจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงให้กับ อสม. ได้หรือไม่ ❓ #กองทุนกปท #คัดกรองโรคเบาหวาน #คัดกรองความดันโลหิตสูง #อสม #อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน #จ่ายค่าเบี้ยเลี้ยง มาร่วมไขข้อสงสัยด้วยกันผ่านทาง...ชุมพล ศรีสมบัติ• 3 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยWHO’ เตือนการระบาดของโควิด-19 ขึ้นเร็ว-ลงช้า‘WHO’ เตือนการระบาดของโควิด-19 ขึ้นเร็ว-ลงช้า พร้อมแนะทุกประเทศควรผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์อย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังหลายประเทศในยุโรป เริ่มผ่อนคลายล็อกดาวน์หลังจำนวนผู้ติดเชื้อชะลอตัวลงโควิด 2019Ad.tar• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย#ฐานทัพสหรัฐ ในไทย ฉบับอ่านง่าย คุณ @Don Plooksawasd เขียนบทความน่าสนใจมาให้อ่านกันเกี่ยวกับกระแสข่าวที่ส่งกันตามไลน์ว่าประเทศไทยกำลังจะได้อเมริกามาตั้งฐานทัพแล้ว หลังจากเอาฮากันไปแล้ว บทความนี้จะมาดูกันแบบจริงจังว่าที่ลือ ๆ กันนั้นมันมีมูลความจริงแค่ไหน ---------------- TLDR สำหรับโควต้า 7 บรรทัด: โอกาสในปัจจุบันยังต่ำมาก เพราะจากประวัติศาสตร์แล้วการที่ไทยจะเชิญสหรัฐฯมาตั้งฐานทัพมีปัจจัยหลัก 3 ประการคือ 1. ทั้งสองประเทศต้องเห็นภัยคุกคามร่วมกัน 2. ภัยคุกคามนั้นสูงจนรัฐไทยมองว่าอาจเป็นภัยต่อสถาบันหลักชาติ, ศาสนา, พระมหากษัตริย์ 3. ทางสหรัฐฯต้องมองเห็นประโยชน์ในแง่ภูมิศาสตร์และยุทธศาสตร์ของการมาตั้งฐานทัพในไทยด้วย ปัจจัยเหล่านี้เป็นจริงในยุคสงครามเวียดนาม แต่ไม่เป็นจริงในปัจจุบัน แม้รัฐบาลจะเปลี่ยนเป็นก้าวไกลหรือรัฐบาลจากพรรคประชาธิปไตยอื่นก็ตาม ---------------- แรกเริ่มฐานทัพสหรัฐฯในไทย ไทยเชิญสหรัฐฯมาตั้งฐานทัพในช่วงปี 1961 สมัยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่มองการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์และแนวคิดเศรษฐกิจคอมมิวนิสต์ว่าเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประกอบกับสหรัฐฯในยุคนั้นดำเนินนโยบายให้การสนับสนุนประเทศที่ถูกคุกคามจากภัยคอมมิวนิสต์ ฐานทัพสหรัฐฯแห่งแรกในไทยคือดอนเมือง จากนั้นเพื่อรองรับบทบาทที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯในเวียดนามก็ผุดฐานทัพใหม่ๆ ในภาคอีสานเพื่อรองรับการภารกิจต่าง ๆ เช่นการสอดแนมและทิ้งระเบิด ซึ่งเที่ยวบินกว่า 80% บินออกจากฐานในไทย ฐานทัพที่สหรัฐฯใช้ปฎิบัติการทั้ง 7 ฐานถือว่าเป็นของรัฐบาลไทย ผู้บัญชาการฐานทัพเป็นนายทหารไทย แต่สหรัฐฯให้เงินสนับสนุนด้านต่างๆ รวมถึงการเวนคืนที่ดินเพิ่มเติม นอกจากตั้งฐานทัพตามคำเชิญแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯยังวางรากฐานในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถาบันหลักของชาติในการต่อต้านคอมมิวนิสต์ เช่นการจัดตั้งตำรวจตระเวณชายแดน, การให้ความสนับสนุนสถาบันศาสนาผ่าน Asia Foundation, รวมถึงความสัมพันธุ์อันดีเยี่ยมระหว่างราชวงศ์ไทยและสหรัฐฯ ซึ่งนอกจากการมาเยือนในระดับประธานาธิบดีจากทั้ง Johnson และ Nixon ยังมีการเสด็จเยี่ยมทหารสหรัฐฯในไทยจากทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชการที่ 9 และสมเด็จพระบรมราชินินาถ ---------------- ปิดม่าน ความทรหดในสนามรบของเวียดนามเหนือบวกกับกระแสต่อต้านสงครามเวียดนามที่สูงขึ้นในสหรัฐฯ ทำให้หลังจากการลงนามสัญญาปารีสในปี 1973 แล้วรัฐบาล Nixon เริ่มลดกำลังทหารในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงในไทยลง ซึ่งสอดคล้องพอดีกับสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยที่เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516(1973) ขับไล่รัฐบาลจอมพล ถนอม พร้อมกับแสดงถึงความไม่พอใจขอสาธารณชนต่อสถานะของสหรัฐฯที่ถูกมองว่าเป็นนั่งร้านสนับสนุนรัฐบาลไทยด้วย เมื่อรัฐบาลเสนีย์ ปราโมทย์ ชนะการเลือกตั้งในปี 1975 จึงเปลี่ยนโยบายการต่างประเทศให้เป็นมิตรกับคอมมิวนิสต์จีนมากขึ้นเพื่อปักกิ่งลดการสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์ในประเทศไทยลง นับเป็นยุทธวิธีที่เห็นโอกาสที่เกิดจากการแตกหักในโลกคอมมิวนิสต์ระหว่างจีนกับสหภาพโซเวียต โดยสหรัฐฯเองก็ส่งประธานาธิบดี Nixon ไปเยือนจีนก่อนหน้าตั้งแต่ปี 1972 เพื่อเพิ่มสัมพันธ์เช่นกัน ไทยวางตัวเป็นอิสระบนเวทีโลกมากขึ้นเพื่อลดภาพการเป็นตัวแทนสหรัฐฯในภูมิภาค สหรัฐฯถูกขอให้ถอนทหารจากฐานทัพต่างๆ ภายในปี 1976 ซึ่งสหรัฐฯตกลงถอนทหารภายในเวลาที่กำหนดรวมถึงยกสิ่งปลูกสร้างและยุทโธปกรณ์ที่ขนย้ายลำบากให้กับทางการไทย แต่วิธีการบริหารภัยคุกคามคอมมิวนิสต์ของรัฐบาลเสนีย์ถูกกลุ่มอนุรักษ์นิยมในประเทศบางส่วนมองว่าอ่อนปวกเปียกและมีความชะล่าใจมากเกินไป มีความพยายามเรียกร้องให้สหรัฐฯชะลอแผนถอนทหารลงแต่ไม่เป็นผล ซึ่งความกระวนกระวายนี้เป็นหนึ่งในปัจจัยที่นำไปสู่เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 (1976) ในเวลาต่อมา ในตอนนั้นแม้สหรัฐฯจะถอนกำลังจากไทยไปหมดแล้วตั้งแต่มิถุนายน 1976 แต่ก็เป็นชาติแรกที่ไทยเข้าหาเพื่อให้สนับสนุนด้านภาพพจน์ของรัฐบาลที่เสียหายจากเหตุการณ์สังหารหมู่ในธรรมศาสตร์และรัฐประหารที่ตามมา ในทศวรรษต่อ ๆ มา สหรัฐฯ-ไทย ยังมีความร่วมมือหลายด้าน เช่น ด้านข่าวกรองแลกกับการใช้สถานที่ใทยสำหรับหน่วยงาน NSA, การฝึกทหารร่วมกัน และการขายอาวุธทันสมัยอย่าง F-16 ----------------- ถ้าเราย้อนกลับไปดูปัจจัยทั้ง 3 ประการข้างต้นจะเข้ามาและจากไปของฐานทัพสหรัฐฯในช่วงสงครามเย็น 1. ทั้งสองประเทศต้องเห็นภัยคุกคามร่วมกัน: สหรัฐฯและไทยเห็นคอมมิวนิสต์เป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศ แต่พอเข้ายุค 70s สหรัฐฯไม่ได้มองการลงมาต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ในเอเซียว่าเป็นเรื่องคุ้มตค่า 2. ภัยคุกคามนั้นสูงจนรัฐไทยมองว่าอาจเป็นภัยต่อสถาบันหลักชาติ, ศาสนา, พระมหากษัตริย์: ประเด็นนี้จริงในยุค 60 แต่ภายหลังปี 1973 ยุทธวิธีทางการทูตใหม่ ๆ ของรัฐบาลเสนีย์ที่อาศัยการแตกกันของ จีน-โซเวียต ทำให้การมีอยู่ของฐานทัพเป็นเรื่องไม่จำเป็น 3. ทางสหรัฐฯต้องมองเห็นประโยชน์ในแง่ภูมิศาสตร์และยุทธศาสตร์ของการมาตั้งฐานทัพในไทยด้วย: การทิ้งระเบิดทางยุทธวิธีในเวียดนาม ต้องอาศัยฐานบินในประเทศไทย เมื่อสงครามเวีดนามจบ จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้ฐานในไทยอีก ------------------- เข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ถ้าเราเอาปัจจัยสามข้อที่ว่ามากาง เทียบกับบริบทความขัดแย้งในเอเซียในปัจจุบัน จะพบว่าโอกาสการเชิญสหรัฐฯมาตั้งฐานทัพในไทยมีโอกาสความเป็นไปได้ต่ำ 1. ทั้งสองประเทศต้องเห็นภัยคุกคามร่วมกันหรือไม่? ปัจจัยที่จะเกิดสงครามครั้งใหม่ระหว่างจีนและสหรัฐฯคือประเด็นความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ระหว่างจีนและบางชาติใน ASEAN รวมถึงกรณีไต้หวัน ซึ่งในเรื่องนี้ไทยไม่มีส่วนได้เสีย กับพื้นที่ในทะเลจีนใต้เลย ขณะเดียวกันชาติ ASEAN เช่นเวียดนามและฟิลิปินส์ที่เพิ่มระดับความเป็นมิตรกับสหรัฐฯเป็นพิเศษในหลายปีที่ผ่านมาเพราะขัดแย้งกับจีนในเรื่องผลประโยชน์ทะเลจีนใต้ทั้งสิ้น กระทั่งประเทศเหล่านี้ก็มองความขัดแย้งของตัวกับจีนแยกกับประเด็นไต้หวัน 2. ภัยคุกคามนั้นสูงจนรัฐไทยมองว่าอาจเป็นภัยต่อสถาบันหลักชาติ, ศาสนา, พระมหากษัตริย์หรือไม่? ประเทศไทยไม่ได้มองจีนเป็นภัยคุกคามด้วยซ้ำ กระทั่งพรรคการเมืองฝั่งประชาธิปไตยอย่าง #ก้าวไกล หรือ #เพื่อไทย ก็มองผลประโยชน์ด้านการค้าและการท่องเที่ยวกับจีนเป็นหลัก ยังไม่มีคำพูดจากผู้สมัครพรรคการเมืองคนไหนเลยที่บอกว่าไทยต้องลดระดับความสัมพันธ์กับจีนหรือสหรัฐฯ การยกตัวอย่างกรณี รัสเซีย-ยูเครน ก็เป็นการเทียบที่ไม่เข้าท่า เพราะในขณะที่รัสเซียมีมายาคติเชื่อว่าประเทศตนเองจะเป็นจักรวรรดิยิ่งใหญ่ในยูเรเซียได้ต้องมียูเครนเป็นบริวาร ไทยไม่ได้ถูกมองแบบนั้นในจินตนาการของทั้งจีนหรือสหรัฐฯ ถ้าเทียบในบริบท รัสเซีย-ยูเครน ไต้หวันต่างหากที่พอจะเข้าข่าย เพราะการยึดไต้หวันคือการปิดฉากสงครามกลางเมืองจีนอย่างสมบูรณ์ 3. ทางสหรัฐฯมองเห็นประโยชน์ในแง่ภูมิศาสตร์และยุทธศาสตร์ของการมาตั้งฐานทัพในไทยไหม? ถ้าเราดูแผน Army 2030, Marine 2030 ซึ่งเป็นการออกแบบกำลังของสหรัฐฯในยุคทศวรรษหน้า จะเห็นว่าไทยไม่ได้อยู่ในแผนการวางกำลังเลยเพราะภูมิศาสตร์ประเทศอยู่ห่างจากสนามรบในทะเลจีนใต้ค่อนข้างมาก คนละเรื่องกับสมัยสงครามเวียดนามที่อยู่แทบจะติดกับพื้นที่การรบ รายงาน U.S. Ground Forces in the Indo-Pacific: Background and Issues for Congress ที่ทำโดยสภาคองเกรสเมื่อปีที่แล้ว มีพูดถึงแผน Army 2030 กับ Marine 2030 ไม่ได้พูดถึงความเป็นไปได้ในการตั้งฐานทัพในไทย แต่มีการระบุเรื่องย้ายหน่วย Marine 3rd Expeditionary Force จากโอกินาว่าไปเกาะกวม รายงาน Indo-Pacific Deterrence and the Quad in 2030 ที่จัดทำโดยเพนตากอนในปี 2021 มีการพิจารณาเรื่องการตั้งฐานทัพใหม่ ๆ ให้กระจายไปตามเกาะต่างๆ ของมหาสมุทร Pacific เพื่อลดอันตรายจากการโจมตีจากจีน รวมถึงระบุแนวทางการตั้งฐานทัพร่วมกับพันธมิตร QUAD (สหรัฐฯ-อินเดีย-ออสเตรเลีย-ญี่ปุ่น) โดยมีเกาะ Nicobar ในทะเลอันดามัน ซึ่งมีประโยชน์ในการสกัดกั้นเส้นทางขนถ่ายน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซียไปยังจีน และฐานทัพในออสเตรเลียเพราะอยู่นอกระยะทำการ 4,000 กิโลเมตรของขีปนาวุธ DF-26 อาวุธใหม่ ๆ ที่สหรัฐฯทำการวิจัยอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ Hypersonic, จรวด PrSM Inc 4 พิสัย 1,000 กิโลเมตรที่ใช้กับ HIMARS, เรือดำน้ำนิวเคลียร์ที่สร้างให้ออสเตรเลียร่วมกับกลุ่ม AUKUS รวมถึงอาวุธพิสัยไกลปล่อยเป็นฝูงได้จากเครื่องบินขนส่ง C-130 ชี้ไปยังแผนยุทธศาสตร์ที่มีศูนย์กลางเป็นมหาสมทุรแปซิฟิก, การหยุดยั้งการข้ามช่องแคบไต้หวันและการปิดเส้นทางเดินเรือทางทะเลจีนเป็นหลักโดยไม่พึ่งพาฐานทัพที่อยู่ในระยะโจมตีจากจีนมากเกินไป สหรัฐฯสามารถสกัดกั้นจีนได้มีประสิทธิภาพกว่า ด้วยความช่วยเหลือของประเทศเป็นมิตรอย่างฟิลิปินส์และเวียดนามที่มองจีนเป็นภัยคุกคามจากกรณีทะเลจีนใต้ รวมถึงมีภูมิศาสตร์ที่อยู่ใกล้กับแนวรบพอดี ------------------ ด้วยปัจจัยทั้งสามอย่างแล้วเราจึงสรุปได้ว่าความเป็นไปได้ที่ไทยจะเชิญสหรัฐฯมาตั้งฐานทัพมีต่ำมาก แต่ทุกอย่างก็เป็นไปได้ ผู้เล่นในภูมิภาคไม่ได้มีเพียงไทยหรือสหรัฐฯเท่านั้น การเคลื่อนไหวของจีนและประเทศอื่นๆ ใน ASEAN สามารถส่งผลให้ปัจจัยข้อ 1,2 เปลี่ยนไป เช่นหากจีนต้องการกดดันให้แน่ใจว่าไทยจะวางเฉยด้วยการขยายฐานทัพเรือในกัมพูชา, สนับสนุนท่าทีของกัมพูชาให้ก้าวร้าวกับไทยมากขึ้น หรือใช้พม่ากดดันไทยผ่านทะเลอันดามัน การประเมินภัยคุกคามของไทยก็อาจเปลี่ยนไปและเป็นปัจจัยให้เชิญสหรัฐฯเข้ามาตั้งฐานทัพได้เช่นกัน ในอนาคตที่ไม่แน่นอนการวางยุทธศาสตร์และการจัดซื้ออาวุธของประเทศจึงควรมีภาพที่ชัดเจนว่าจะสงครามจะเกิดอย่างไร, ที่ไหน และบทบาทของไทยเพื่อป้องกันการเกิดสงครามคืออะไร หากเกิดสงครามคืออะไร? ในฐานะประชาชน เราไม่ควรตื่นตูมกับข่าวประเภทนี้แต่ควรพยายามเข้าใจบริบทในอดีตและเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างไม่ใช้อารมณ์ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อผู้ที่มีเป้าหมายทางการเมืองได้https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0EW5mpomMTGW6KpnPN7DaixNzTukfdL3M3AZ3t5CVx7AXWveWGChjAsyCxXgvjRG6l&id=100047386231809&sfnsn=mo&mibextid=jf9HGSข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยหนังสือเวียนครับพี่น้องแล้วต้องส่งต่อ ไม่ส่งต่อแล้วระบอบทักษิณยังเกาะกินเรื้อรัง ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลที่หลายคนคงยังไม่รู้ อ่านเสร็จแล้วโปรดส่งต่อ เพื่อเปิดโปงออกไปให้มากที่สุด..... ขอบคุณ อจ.ประพจน์ ท่ีส่งเนื้อความนี้มาแชร์ คล้ายมีทิศทางเดียวกับเนื้อความนี้: "ถาม...ทำไมวงจรอุบาทว์อาจหมุนกลับมาได้อีก" "คำตอบอยู่ข้างล่างนี้ ซึ่งเป็นสาเหตุส่วนหนึ่ง" ๑. ตระกูลชิน ยึดองคาพยพ รัฐวิสาหกิจเบ็ดเสร็จ ขุมสมบัติหลาย แสนล้านของชาติ ได้ถูกแบ่งขายครั้งแรกในน้ำมือรัฐบาลพี่ชาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ คือ ปตท. และหากมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค ไม...่ร้องต่อศาลปกครอง กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ......... " เตรียมขาย กฟผ. " จนศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษา........ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2549 ให้เพิกถอนพระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจสิทธิ และประโยชน์ของบริษัท กฟผ.จำกัด (มหาชน) พ.ศ.2548 และหากพี่ชาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังอยู่ในอำนาจป่านนี้สมบัติชาติคงถูกขายกินหมดแล้ว ๒. กระนั้นก็ตาม เมื่อมาถึงยุค น.ส.ยิ่งลักษณ์เรืองอำนาจ ก็เข้ามาทำพฤติกรรมเดิมๆ สูบกินรัฐวิสาหกิจอีกครั้งภายใต้ระบบโครงสร้างความเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ ก็ได้ค่าเบี้ยประชุม โบนัส และเงินตอบแทน ตลอดจนการจัดซื้อจัดจ้าง จากงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ ที่ระดับและอำนาจการตรวจสอบจะอ่อนด้อยกว่่า กระทรวง กรมต่างๆ ซ้ำร้ายกว่านั้น รัฐวิสาหกิจ ที่แปรรูปเป็นเอกชน ผลตอบแทนกรรมการ ตลอดจนการตรวจสอบจากรัฐในการบริหารงบลงทุนต่างๆ และการสนองตอบนโยบายสาธารณะ ก็ยิ่งน้อยลง ยกตัวอย่าง ปตท.ที่แปรรูปไป ยังเล่นแร่แปรธาตุดูดกินด้วย การถ่ายโอนผลประโยชน์ ทรัพย์สิน การลงทุนผ่านบริษัทลูกปตท. ที่อยู่นอกเขตการตรวจสอบภายใต้อำนาจรัฐออกไปเรื่อยๆ เงินไหลออกไป บริษัทลูก ทำให้บริษัทแม่ผลประกอบการไม่ดี แต่การตรวจสอบบริษัทลูกหรือบริษัทที่ ปตท.ร่วมทุน กลับยิ่งยากขึ้น และมาวันนี้ ยุคน้องสาว พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ก็มีพฤติกรรมไม่ต่างกัน แต่คราวนี้ขยายวงกว้างกว่ามาก เกือบจะทุกรัฐวิสาหกิจ ทั้งด้านพลังงานสาธารณูปโภคและธนาคาร ที่เริ่มด้วย (1) การตั้งคนในธุรกิจตนเองมาเป็นกรรมการหวังกระทำบางอย่างหรือไม่ นอกจากนี้ยังต่างตอบแทนผู้ภักดีกล้าหาญด้วย (2) การแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ. คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับ_กรรมการและพนักงาน รัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....ให้คุณสมบัติต่ำลงและมีการเปิดช่องให้ผู้มาดำรงตำแหน่งมีผลประโยชน์ทับซ้อนได้ แล้วแต่ รมว.คลัง จะพิจารณายกเว้น และ (3) การรวบเอาที่ดินของรัฐวิสาหกิจมาจัดสรรเองใหม่ พร้อมหลักฐานการจัดตั้งองค์กรใหม่มาจัดการเรื่องนี้โดยเฉพาะ โดย (1) ตั้งคนใกล้ชิดเป็นกรรมการเกรดเอ รายชื่อต่อไปนี้ (อย่าได้ปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ธุรกิจครอบครัวชินวัตร) - การท่าเรือแห่งประเทศไทย มีพล.ร.อ.เกียรติศักดิ์ ดามาพงศ์ พี่ชายต่างมารดาของคุณหญิง พจมาน ชินวัตร เป็นกรรมการและมีน้องรักพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างพล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นประธานกรรมการ - การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ตั้งนายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล รองกก.ผู้อำนวยการบริษัท ไทยคม จำกัด(มหาชน) และนายสุนทร ทรัพย์ตันติกุล ทนายความพ.ต.ท. ทักษิณ เป็นกรรมการไปคุมคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ก็ตั้ง ดร.นงลักษณ์ พินัยนิติศาสตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านการตลาด บมจ.ไทยคม ธุรกิจครอบครัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นประธานคณะกรรมการ - บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด ขุมสมบัติอีกแห่งที่ตั้ง น.ต.ศิธา ทิวารี อดีต สส.ไทยรักไทย และเพื่อนสนิทพานทองแท้ ไปเป็นประธานกรรมการ ส่วนนายธานินทร์ อังสุวรังษี กรรมการอิสระ มาจากผู้บริหารบริษัทแคปปิตอลโอเค และบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ลูกน้องธุรกิจครอบครัว น.ส.ยิ่งลักษณ์และยังได้เป็น กก.ผู้จัดการ ธนาคารอิสลามฯ ก่อนจะมีคดี แล้วต้องเปลี่ยนตัวไม่นานนี้ - นอกจากนี้ยังตั้ง นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อัยการอาวุโสเป็นกรรมการ แต่พอไปดู เหตุใดน.ส.ยิ่งลักษณ์ ถึงใจป้ำตั้งนายธนพิชญ์ เป็น กรรมการรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง ได้แก่ บ.ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน), บ. ขนส่ง จำกัด และการท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้รับค่าตอบแทนรวมทั้งหมด 1,348,825.81 บาท อัยการอาวุโสท่านนี้มีประวัติอย่างไร เป็นอัยการที่รับผิดชอบคดีทุจริต จัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ ที่ไม่ยอมสั่งฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและพวกรวม 25 คน ในคดีซีทีเอ็กซ์ และสั่งไม่ฟ้องคดี การอนุมัติเงินกู้ธนาคารกรุงไทย ให้ บริษัทเอกชน เช่น กลุ่มเครือกฤษดามหานคร วงเงินหลายร้อยล้านบาท ทั้งที่คตส.และป.ป.ช.ตั้งข้อหา นี่หรือไม่คือสาเหตุ -ขณะที่นายวัฒนา เตียงกูล ทนายความพรรคเพื่อไทย ก็เปลี่ยนเป็นมารับเงินเดือนในบอร์ดทอท. แทน - ในขณะที่ปตท.นอกจากจะตั้ง เบญจา หลุยเจริญ ที่ช่วยให้คดีขายหุ้นชินคอร์ป ไม่ต้องเสียภาษีสมัยเป็นรองอธิบดีกรมสรรพากร ก่อนไปเป็นประธานกรุงไทย และเป็น รมช.คลัง - ก็ยังตั้ง อัยการคนเก่งอย่างนาย จุลสิงห์ วสันตสิงห์ ผู้สั่งไม่ฟ้องคดีเลี่ยงภาษีของครอบครัวชินวัตร - ในเหตุผลเดียวกัน ก็ยังพ่วงนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ผู้เร่งดำเนินการคืนพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้เป็นกรรมการ - แต่ก็ยังไม่น่าสนใจเท่าการส่งนาย วรุณเทพ วัชราภรณ์ ผู้บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ฯ จำกัด (มหาชน) ลูกน้องตนเองในธุรกิจครอบครัว มานั่งกุมขุมทรัพย์ที่ปตท. ส่วนบริษัทลูกของปตท. อย่าง บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด ก็มีคำสั่งให้ นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ทนายความไทยรักไทย ไปคุม คณะกรรมการสลากกินแบ่งรับาล นายวีรภัทร ศรีไชยา ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณในคดีเลี่ยงภาษี 1.2 หมื่นล้านบาท ของพานทองแท้ และพินทองทา ชินวัตร และเป็นทนายความพรรคเพื่อไทย ที่ยื่นคำร้องขอให้ตุลาการทั้ง 8 คน เพิกถอนมติรับคำร้องและคำสั่งที่ให้รัฐสภารอการดำเนินการลงมติวาระ 3 ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และ ตั้ง พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เพื่อนสนิท พ.ต.ท.ทักษิณ - ที่น่าตะลึงพึงเพริดคือ การตั้ง พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร อดีตหัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นกรรมการและผู้อำนวยการกองสลาก ถามว่า หน่วยงานนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเจ้าของหรือ ?? ธนาคารกรุงไทย ที่นอกจากจะตั้ง นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ เป็นกรรมการแล้ว ยังตั้งลูกน้องในเครือชินคอร์ป อย่าง นางอรุณภรณ์ ลิ่มสกุล ที่ใครๆก็รู้ว่าคือ ผู้บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และ นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ที่มีอีกตำแหน่งในฐานะ กรรมการ บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น - ธนาคารออมสิน นอกจากจะตั้ง ดร.นงลักษณ์ พินัยนิติศาสตร์ ผู้บริหารระดับสูง ไทยคม อย่างที่กล่าวแล้ว ยังตั้งนายชัยธวัช เสาวพนธ์ กรรมการบริษัท วินโคสท์อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) ให้ไปเป็นกรรมการออมสินเพื่อหวังทำอะไร - องค์การเภสัชกรรมเหตุใด จึงตั้งเอานายสมชัย โกวิทเจริญกุล พี่เขยนายกฯเอง (สามี นางมณฑาทิพย์ โกวิทเจริญกุล (ชินวัตร) กรรมการ และ ผู้ถือหุ้น บริษัท เอ็มลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ธุรกิจในครอบครัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ - แต่ที่น่าสนใจคือ นายสมชัย โกวิทเจริญกุล คือ ผู้ถือหุ้นในบริษัท ฮัวถอ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจนำเข้าอุปกรณ์การแพทย์ จากประเทศจีน จึงน่าคิดว่าตั้งให้เข้าไปทำอะไรในองค์การเภสัชกรรม ?? - การประปานครหลวง ตั้ง นายเอกราช ช่างเหลา ที่เคยถูกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) สั่งอายัดเงิน และ การทำธุรกรรมการเงินในช่วงชุมนุมคนเสื้อแดงปี 2553 เนื่องจากศอฉ.เชื่อว่า เป็นท่อน้ำเลี้ยงกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะพบเงินหมุนเวียนในบัญชีร่วม 1,200 ล้านบาท - ขณะที่การประปาส่วนภูมิภาค ตั้ง พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ แกนนำนปช.และกลุ่มคนเสื้อแดงผู้ถูกออกหมายจับในคดีก่อความวุ่นวายปี’53 ไปนั่งคุม - นอกจากนี้ยังตั้ง นางอัมพร นิติสิริ ที่เป็นภรรยา ของ นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม ไปเป็นกรรมการคุมการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ทั้งหมดกระทำภายใต้อำนาจ น.ส.ยิ่งลักษณ์เองโดยตรง ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ประธานคณะกรรมการนโยบายทุนรัฐวิสาหกิจ (กนท.) - และล่าสุดประธานคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ แม้จะมอบให้ใครดูแล แต่ด้วยตามกฎหมายการกำกับรัฐวิสาหกิจทุกฉบับ ก็สั่งให้มาเคาะครั้งสุดท้ายบนโต๊ะครม.ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้บริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั่งที่หัวโต๊ะ ขณะที่ การกระทำตาม (2) การแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจฯ และ. 3) การจัดตั้งองค์กรใหม่มาจัดการเรื่อง อสังหาริมทรัพย์รัฐวิสาหกิจ นั้นจะได้กล่าวเจาะในตอนต่อไป หมดประเทศหรือยัง..........? เขาเป็นเจ้าของประเทศหรือ ? คุณ.....ยินยอม.....หรือ......? ลุกขึ้นเถิด...พี่น้องไทย.... อย่าให้....ชีวิตสูญเปล่า.... รักชาติ....แผ่นดินของเรา.. เหมือนดังพงศ์เผ่า......... ต้นตระกูลไทย........... ! .................. อ่านจบก็เข้าใจได้หรือยังครับ ว่าทำไมจึงต้องมีขบวนการ "ล้ม เจ้า"..เพื่อเข้ายึด "อำนาจใหม่"..ล้มล้างเจ้าทิ้งไป แล้ว เข้ายึดครองสร้างอำนาจใหม่ ภายใต้ระบบ "ประธานาธิบดี" ผู้มีอำนาจสูงสุด (ทีนี้ล่ะ..ได้สิ้นชาติทันตาเห็น) ...ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ก็จะต้องตกไปสู่มือของผู้มีอำนาจใหม่ที่จะทำเพื่อพวกพ้องและบริวาลตนเท่านั้น ประวัติศาสตร์กษัตริย์นักรบ ก็จะหายไปสิ้น เหลือแต่ประวัติใหม่ของโจรปล้นบัลลังก์ ที่นั่งเทียนเขียนอุปโหลกเรื่องดีให้เลวร้าย เรื่องเลวร้ายที่พวกมันทำฉิบหาย ให้ดูดี ตื่นนะ..พี่น้องไทย อย่าปล่อยให้ไฟไหม้ประเทศ กษัตริย์..ทำให้ชาติ นักการเมือง..ทำให้โคตร ของพวกมัน เปิดโปง ออกไปให้มากที่สุด.....หนังสือเวียนครับพี่น้องแล้วต้องส่งต่อ ไม่ส่งต่อแล้วระบอบทักษิณยังเกาะกินเรื้อรัง ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลที่หลายคนคงยังไม่รู้ อ่านเสร็จแล้วโปรดส่งต่อ เพื่อเปิดโปงออกไปให้มากที่สุด..... ขอบคุณ อจ.ประพจน์ ท่ีส่งเนื้อความนี้มาแชร์ คล้ายมีทิศทางเดียวกับเนื้อความนี้: "ถาม...ทำไมวงจรอุบาทว์อาจหมุนกลับมาได้อีก" "คำตอบอยู่ข้างล่างนี้ ซึ่งเป็นสาเหตุส่วนหนึ่ง" ๑. ตระกูลชิน ยึดองคาพยพ รัฐวิสาหกิจเบ็ดเสร็จ ขุมสมบัติหลาย แสนล้านของชาติ ได้ถูกแบ่งขายครั้งแรกในน้ำมือรัฐบาลพี่ชาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ คือ ปตท. และหากมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค ไม...่ร้องต่อศาลปกครอง กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ......... " เตรียมขาย กฟผ. " จนศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษา........ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2549 ให้เพิกถอนพระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจสิทธิ และประโยชน์ของบริษัท กฟผ.จำกัด (มหาชน) พ.ศ.2548 และหากพี่ชาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังอยู่ในอำนาจป่านนี้สมบัติชาติคงถูกขายกินหมดแล้ว ๒. กระนั้นก็ตาม เมื่อมาถึงยุค น.ส.ยิ่งลักษณ์เรืองอำนาจ ก็เข้ามาทำพฤติกรรมเดิมๆ สูบกินรัฐวิสาหกิจอีกครั้งภายใต้ระบบโครงสร้างความเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ ก็ได้ค่าเบี้ยประชุม โบนัส และเงินตอบแทน ตลอดจนการจัดซื้อจัดจ้าง จากงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ ที่ระดับและอำนาจการตรวจสอบจะอ่อนด้อยกว่่า กระทรวง กรมต่างๆ ซ้ำร้ายกว่านั้น รัฐวิสาหกิจ ที่แปรรูปเป็นเอกชน ผลตอบแทนกรรมการ ตลอดจนการตรวจสอบจากรัฐในการบริหารงบลงทุนต่างๆ และการสนองตอบนโยบายสาธารณะ ก็ยิ่งน้อยลง ยกตัวอย่าง ปตท.ที่แปรรูปไป ยังเล่นแร่แปรธาตุดูดกินด้วย การถ่ายโอนผลประโยชน์ ทรัพย์สิน การลงทุนผ่านบริษัทลูกปตท. ที่อยู่นอกเขตการตรวจสอบภายใต้อำนาจรัฐออกไปเรื่อยๆ เงินไหลออกไป บริษัทลูก ทำให้บริษัทแม่ผลประกอบการไม่ดี แต่การตรวจสอบบริษัทลูกหรือบริษัทที่ ปตท.ร่วมทุน กลับยิ่งยากขึ้น และมาวันนี้ ยุคน้องสาว พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ก็มีพฤติกรรมไม่ต่างกัน แต่คราวนี้ขยายวงกว้างกว่ามาก เกือบจะทุกรัฐวิสาหกิจ ทั้งด้านพลังงานสาธารณูปโภคและธนาคาร ที่เริ่มด้วย (1) การตั้งคนในธุรกิจตนเองมาเป็นกรรมการหวังกระทำบางอย่างหรือไม่ นอกจากนี้ยังต่างตอบแทนผู้ภักดีกล้าหาญด้วย (2) การแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ. คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับ_กรรมการและพนักงาน รัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....ให้คุณสมบัติต่ำลงและมีการเปิดช่องให้ผู้มาดำรงตำแหน่งมีผลประโยชน์ทับซ้อนได้ แล้วแต่ รมว.คลัง จะพิจารณายกเว้นข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้ว2 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยเข้าวัด ฟังธรรม นั่งสมาธิ รักษาโรคซึมเศร้าได้จริงหรือไม่ภาวะซึมเศร้าเป็นสภาวะทางอารมณ์ที่ซับซ้อนและมีระดับความรุนแรงที่แตกต่างกันไป การเข้าใจความแตกต่างระหว่างภาวะซึมเศร้ากับความเครียดทั่วไปจึงเป็นสิ่งสำคัญ ภาวะเครียดที่เกิดจากเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน เช่น การอกหัก อาจทำให้เกิดความรู้สึกเศร้าและเบื่อหน่ายได้ชั่วคราว แต่โดยทั่วไปแล้วอาการเหล่านี้จะค่อยๆ ทุเลาลงเมื่อเวลาผ่านไป และสามารถจัดการได้ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การทำกิจกรรมที่ตนเองชอบ การพูดคุยกับผู้อื่น หรือการฝึกสติ อย่างไรก็ตาม ภาวะซึมเศร้าเป็นโรคทางจิตเวชที่มีเกณฑ์การวินิจฉัยที่ชัดเจน โดยผู้ป่วยจะต้องมีอาการอย่างน้อย 5 อาการจาก 9 อาการหลัก เช่น อารมณ์เศร้า เบื่อหน่าย การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินและการนอนหลับ ความรู้สึกผิดหวังกับตนเอง และความคิดอยากทำร้ายตนเอง เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ภาวะซึมเศร้าสามารถแบ่งและการประเมินระดับความรุนแรงของอาการ การประเมินอาการซึมเศร้าจะช่วยให้ทราบว่าอาการของแต่ละบุคคลรุนแรงมากน้อยเพียงใด ซึ่งจะส่งผลต่อการเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม โดยทั่วไปแล้ว อาการซึมเศร้าจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับน้อย: ผู้ป่วยจะมีอาการบางส่วนที่ตรงตามเกณฑ์การวินิจฉัย แต่ยังสามารถทำงานและดำเนินชีวิตประจำวันได้ ระดับปานกลาง: ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงมากขึ้น ทำให้การทำงานและการเข้าสังคมเป็นไปด้วยความยากลำบาก ระดับรุนแรง: ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงมากที่สุด อาจมีอาการหลงผิด ประสาทหลอน และมีความคิดทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น การรักษาเศร้าเล็กน้อย ปานกลาง และรุนแรง ซึ่งแต่ละระดับจะมีความรุนแรงของอาการและผลกระทบต่อชีวิตประจำวันแตกต่างกันไป สำหรับผู้ที่มีอาการซึมเศร้าระดับเบาถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการฝึกสติอาจช่วยบรรเทาอาการได้ เช่น การออกกำลังกายเป็นประจำ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การพักผ่อนให้เพียงพอ และการฝึกการรับรู้ถึงความรู้สึกในปัจจุบัน ในพาร์ทของ การให้คำปรึกษาและการทำจิตบำบัดนั้น มีหลากหลายแนวทางที่แตกต่างกันออกไป หนึ่งในแนวทางที่น่าสนใจคือ การให้คำปรึกษาที่อิงหลักการใช้สติ (Mindfulness-based therapy) ซึ่งเป็นการนำหลักการของการฝึกสติและสมาธิมาประยุกต์ใช้ในการช่วยเหลือคนไข้ อย่างไรก็ตาม การให้คำปรึกษาที่เน้นใช้สติบำบัดนี้เป็นเพียงหนึ่งในทางเลือกที่หลากหลายเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากอาการซึมเศร้ามีความรุนแรงมากขึ้น การใช้ยาภายใต้การดูแลของแพทย์และการเข้ารับการบำบัดทางจิตวิทยาเป็นสิ่งจำเป็น โดยการรักษาภาวะซึมเศร้าขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการและปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง วิธีการรักษาที่พบบ่อย ได้แก่ การใช้ยา: ยาต้านเศร้าช่วยปรับสมดุลสารเคมีในสมอง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคซึมเศร้า การทำจิตบำบัด: ช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจและจัดการกับความคิดและอารมณ์ที่เกี่ยวข้องกับโรคซึมเศร้า การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม: เช่น การออกกำลังกาย การทำกิจกรรมที่ตนเองสนใจ การปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต การให้คำปรึกษา: การพูดคุยกับนักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเพื่อรับฟังปัญหาและหาแนวทางแก้ไข สำหรับผู้ที่กำลังประสบปัญหาภาวะซึมเศร้า ขั้นตอนแรกที่สำคัญคือการประเมินระดับความรุนแรงของอาการ เพื่อให้สามารถวางแผนการรักษาที่เหมาะสมได้ ปัจจุบันมีเครื่องมือประเมินอาการซึมเศร้าออนไลน์มากมายที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ผู้ที่สงสัยว่าตนเองอาจมีอาการซึมเศร้าสามารถทำแบบประเมินเหล่านี้เบื้องต้นได้ และหากผลออกมามีปัญหาสามารถติดต่อเครือข่ายสำหรับนักศึกษา มมส สามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาได้ที่เครือข่ายสุขภาพจิตมมสเบอร์ 0850104544 หรือสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ซึ่งมีบริการตลอด 24 ชั่วโมงโดยนักจิตวิทยา แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรจะพบจิตแพทย์ ที่คลีนิคสุขภาพจิต โรงพยาบาลสุทธาเวช ภาวะซึมเศร้าเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้ หากได้รับการรักษาที่ถูกต้องและต่อเนื่อง ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับมามีชีวิตที่ปกติสุขได้อีกครั้ง การสังเกตอาการของตนเองและการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเมื่อมีอาการที่น่าสงสัย เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาโรคซึมเศร้าสุขภาพ65011215023• 9 เดือนที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยดร.วาดะในญี่ปุ่นสนับสนุนการเรียกคนที่อายุมากกว่า 70 ปีว่า "คนที่โชคดี" แทนที่จะเรียก "ผู้สูงอายุ" เขาสรุปเคล็ดลับที่คนอายุ 70 ปี กลายเป็น "ผู้โชคดี" เป็น "42 ประโยค" ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 70 ปีไม่จำเป็นต้องตรวจร่างกายเป็นประจำเพราะ "มาตรฐานของสุขภาพ" แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล เขายังพูดว่า "อย่าเชื่อสิ่งที่หมอพูด" เนื่องจากแพทย์ติดต่อกับ "คนไข้" จึงไม่เข้าใจว่าสุขภาพคืออะไร ในขณะเดียวกัน เขายังต่อต้านการใช้ยาหลายชนิดในระยะยาวของผู้สูงอายุ และสนับสนุนให้ "ใช้ยาเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น" กล่าวอีกนัยหนึ่ง "การรับประทานยาเพื่อป้องกันบางสิ่ง" ไม่สมเหตุสมผลเลย ตามมุมมองนี้ ผู้สูงอายุไม่จำเป็นต้องกินยานอนหลับบ่อย ๆ การอดนอนขณะอายุมากขึ้นเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ และไม่มีใครตายเพราะโรคนอนไม่หลับ. ตลอด 24 ชั่วโมง นอนเมื่อไหร่ก็ได้ ตื่นเมื่อไรก็ได้ นี่คือสิทธิพิเศษของผู้สูงอายุ นอกจากนั้น ระดับคอเลสเตอรอลที่ผู้สูงอายุโดยทั่วไปเป็นห่วง แม้จะสูงในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกังวล เพราะคอเลสเตอรอลเป็นวัตถุดิบสำหรับร่างกายในการสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกัน ยิ่งเซลล์ภูมิคุ้มกันมากเท่าไหร่ ความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งในผู้สูงอายุก็ยิ่งลดลงเท่านั้น นอกจากนั้น ฮอร์โมนเพศชายส่วนหนึ่งยังประกอบด้วยคอเลสเทอรอลด้วย. ถ้าระดับคอเลสเตอรอลต่ำเกินไป สุขภาพกายและจิตใจของผู้ชายจะไม่ยั่งยืน เช่นเดียวกัน ความดันโลหิตสูงไม่สำคัญเลย มากกว่า 50 ปีมาแล้ว ภาวะทุโภชนาการของมนุษย์แพร่หลาย. ดังนั้น เมื่อความดันโลหิตสูงถึงประมาณ 150 เส้นเลือดจะแตก. แต่มีไม่กี่คนที่ขาดสารอาหารในทุกวันนี้ ดังนั้นแม้แต่ความดันโลหิตมากกว่า 200 ก็จะไม่ทำให้หลอดเลือดแตก. ดร.วาดะสรุปเคล็ดลับที่คนอายุ 70 ปี กลายเป็น "คนมีโชค" เป็น "42 ประโยค" ดังนี้ 1. เดินต่อไป 2. หายใจลึก ๆ เมื่อคุณรู้สึกหงุดหงิด 3. ออกกำลังกายเพื่อไม่ให้ร่างกายรู้สึกตึง 4. ดื่มน้ำมากขึ้นเมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศในฤดูร้อน 6. ยิ่งเคี้ยวมากเท่าไหร่ ร่างกายและสมองก็จะยิ่งมีพลังมากขึ้นเท่านั้น 7. ความจำเสื่อมไม่ใช่เพราะอายุ แต่เพราะไม่ใช้สมองในระยะยาว 8. ไม่ต้องกินยาเยอะ 9. ไม่จำเป็นต้องจงใจลดความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือด 13. ทำในสิ่งที่เธอรัก ไม่ใช่สิ่งที่เธอเกลียด 15. ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าอยู่บ้านตลอดเวลา 16. กินอะไรก็ได้ ร่างกายอ้วนก็พอดี 17. ทำทุกอย่างอย่างพิถีพิถัน 18. อย่าจัดการกับคนที่คุณเกลียด 20. แทนที่จะต่อสู้กับโรคจนถึงที่สุดจะดีกว่าที่จะอยู่กับมัน 21. "รถต้องมีทางขึ้นเขา" คือมนต์วิเศษที่ทำให้คนแก่มีความสุข 24. ถ้าเผลอหลับ ห้ามฝืน 25. ทำสิ่งที่มีความสุขดีที่สุดเพื่อกระตุ้นการทำงานของสมอง 27. หา "หมอครอบครัว" ก่อนเวลา 28. อย่าอดทนหรือบังคับตัวเองมากเกินไป ไม่มีอะไรผิดปกติกับการเป็น "คนแก่ที่ไม่ดี" 31. เลิกเรียนแล้วจะแก่ 32. อย่าโลภอยากได้ของไร้สาระ มันเป็นสิ่งที่ดีที่จะมีทุกอย่างที่คุณมีตอนนี้ 33. ความบริสุทธิ์เป็นสิทธิพิเศษของผู้สูงอายุ 34. ยิ่งมีปัญหามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น 36. ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น 37. อยู่อย่างสบาย ๆ วันนี้ 38. ความปรารถนาเป็นต้นกำเนิดของอายุยืน 39. ใช้ชีวิตอย่างมองโลกในแง่ดี 40. คนร่าเริงจะเป็นที่นิยม 41. กฎแห่งชีวิตอยู่ในมือของคุณเอง 42. ยอมรับทุกอย่างอย่างสงบ FORTUNATE 04/12/2022 · by deemagclinic · in neuropsychiatry · 10 Comments Let’sสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยลองดู สัก 1 เดือนไม่เสียเงิน / กลุ่มแพทย์ชาวญี่ปุ่น ยืนยันว่า "น้ำอุ่น"มีประสิทธิภาพ ในการแก้ปัญหาสุขภาพได้ 100% เช่น: 1 ไมเกรน 2 ความดันโลหิตสูง 3 ความดันโลหิตต่ำ 4 อาการปวดข้อ 5 เพิ่มขึ้นและลดลง ของการเต้นของหัวใจ อย่างฉับพลัน 6 โรคลมชัก 7 เพิ่มระดับคอเลสเตอรอล 8 ไอ 9 ไม่สบายตัว 10 หอบหืด 11 ไอแบบช่วง 12 การอุดตันของหลอดเลือดดำ 13โรคที่เกี่ยวข้องกับมดลูกและปัสสาวะ 14 ปัญหาในกระเพาะอาหาร 15 การย่อยอาหารไม่ดี 16 โรคที่เกี่ยวข้องกับดวงตา หู และลำคอ 17 ปวดศีรษะ #ใช้น้ำอุ่นอย่างไร# ลุกขึ้นในตอนเช้า และดื่มน้ำอุ่นประมาณ 4 แก้ว เมื่อท้องว่างเปล่า คุณอาจจะไม่สามารถที่จะทำให้ได้ 4 แก้วในตอนที่เริ่มต้น แต่ไม่ช้าคุณจะทำได้..... #หมายเหตุ: อย่าพึ่งกินอะไรตามหลังจากดื่มน้ำผ่านไป 45 นาที การบำบัดด้วยน้ำอุ่นจะช่วยแก้ปัญหาสุขภาพภายใน หรืออาการทัองผูก เช่น ○โรคเบาหวาน ภายใน 30 วัน ○ความดันโลหิต ใน 30 วัน ○ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร ใน 10 วัน ○มะเร็งทุกชนิด ภายใน 9 เดือน ○การอุดตันของเส้นเลือด ใน 6 เดือน ○การย่อยอาหารไม่ดี ใน 10 วัน ○มดลูกและโรคที่เกี่ยวข้อง ใน 10 วัน ○ปัญหาจมูกหูและลำคอ ใน 10 วัน ○โรคหัวใจ ใน 30 วัน ○ปวดหัว / ไมเกรน ใน 3 วัน ○คอเลสเตอรอล ภายใน 4 เดือน ○โรคลมชักและอัมพาตอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลา 9 เดือน ○หอบหืด ภายใน 4 เดือน #พึงระลึกไว้เสมอว่า น้ำเย็นจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณ หากน้ำเย็นไม่ส่งผลต่อคุณในวัยเด็ก ก็จะเป็นอันตรายต่อคุณในวัยชรา #น้ำเย็นจะปิด 4 หลอดเลือดดำของหัวใจและทำให้หัวใจวาย เครื่องดื่มเย็นเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอาการหัวใจวาย #นอกจากนี้ยังสร้างปัญหาในตับ ทำให้ไขมันติดอยู่กับตับ คนส่วนใหญ่รอการปลูกถ่ายตับเป็นเหยื่อของการดื่มน้ำเย็น #*น้ำเย็นส่งผลกระทบต่อผนังภายในของกระเพาะอาหาร มีผลต่อลำไส้ใหญ่ และส่งผลต่อมะเร็ง ##โปรดอย่าเก็บข้อมูลนี้ไว้ เพื่อตัวคุณเอง บอกให้ใครบางคนซึ่งอาจช่วยชีวิตคนอื่นได้สุขภาพมะเร็งไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้วmeter: false2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข่าวปลอมอย่าแชร์! ผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงตามที่มีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นเรื่องผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีที่มีการแชร์ข้อความว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิงแต่อย่างใด โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae จัดอยู่ในจีนัส Orthopoxvirus เชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะ เช่น กระรอก หนูป่า เป็นต้น รวมทั้งคนก็สามารถติดโรคได้ จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัดข่วน การประกอบอาหารจากเนื้อสัตว์ป่า หรือกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ หรืออาจติดทางอ้อมจากการสัมผัสที่นอนของสัตว์ป่วย การแพร่เชื้อจากคนสู่คนแม้มีโอกาสน้อย แต่อาจเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยผ่านทางสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ ผิวหนังที่เป็นตุ่ม หรืออุปกรณ์ที่มีการปนเปื้อนเชื้อ เมื่อคนรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะมีระยะฟักตัวประมาณ 7-14 วัน อาจนานถึง 21 วัน โดยอาการเริ่มแรกจะมีไข้ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโต หนาวสั่น อ่อนเพลีย จากนั้นประมาณ 1-3 วัน จะมีผื่นขึ้นบริเวณแขนขา และอาจจะเกิดบนหน้าและลำตัวได้ด้วย ผื่นจะกลายเป็นตุ่มหนอง ในระยะสุดท้ายตุ่มหนองจะเป็นสะเก็ดแล้วหลุดออกมา อาการป่วยจะประมาณ 2-4 สัปดาห์ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากโรคเองได้ในปัจจุบันยังไม่มีการรักษาโรคฝีดาษลิงที่เฉพาะเจาะจง แต่สามารถควบคุมการระบาดได้ด้วย การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้ทรพิษ ซึ่งสามารถป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ 85% ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมควบคุมโรค สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.ddc.moph.go.th หรือโทร 1422 ได้ตลอด 24 ชม. บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิง และเชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิดโดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะรวมทั้งคนก็สามารถติดโรคได้ จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัดข่วน การประกอบอาหารจากเนื้อสัตว์ป่า หรือกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ อ่านข่าวข้างต้น : หมอจุฬาฯ แนะ "สวมแมสก์ - เครื่องวัดอุณหภูมิ" ยังจำเป็น! ป้องกัน "ฝีดาษลิง" โรคที่ยังไม่มียารักษาstd47948• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยจับผิดโฆษณาเกินจริง!! อกฟู รูฟิต ขาวไวติดสปีด ผอมขั้นเทพ ‘คำสวยหรู’ อาบยาพิษโฆษณาชวนเชื่อ “สบู่ผิวขาวยี่ห้อหนึ่ง” ที่ถูก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ออกมาฟันว่าเป็น “โฆษณาอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง” ผิดกฎหมาย พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค ว่าด้วยเรื่องการโฆษณา ฐานหลอกลวงทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด ซึ่งนี่เป็นส่วนหนึ่งของ “คำโอ้อวด” ที่ใช้โฆษณาขายสินค้าความสวยความงามที่จริงๆ ตอนนี้มี “เกลื่อนตลาด” และกำลังเป็นที่จับตาของสังคม หลังจากกรณีโป๊ะแตก!! “เมจิก สกิน” จากที่ได้สแกนๆ ดูคำโฆษณาขายเกลื่อนในอินเตอร์เน็ต ก็พบว่า ผลิตภัณฑ์ความสวยความงามที่มักมีคำอวดอ้างเกินจริง โดยส่วนใหญ่จะ “จับจุดอ่อน” ด้านบุคลิกภาพที่คนให้ความสำคัญมาเป็นกลยุทธ์ในการจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็น -ลดสิวฝ้า หน้าขาว -ยับยั้งกระบวนการสร้างสีผิวที่ผิดปกติ เปลี่ยนสีผิวดำเป็นขาว ลบริ้วรอย เสริมสร้างคอลลาเจนใหม่เพิ่มการไหลเวียนเลือด -ซ่อมแซมเซลล์ผิวหน้า และกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิว ช่วยสร้างคอลลาเจนให้ผิวหน้าเต่งตึง -ปกป้องผิวจากโรคผิวหนัง ผด ผื่นคัน ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา กลาก เกลื้อน -ช่วยแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง ชะลอการเกิดผมขาว -บำบัดอาการของโรคข้อเข่าเสื่อม ไม่ต้องเสี่ยงผ่าเข่า -ฟื้นฟูความแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย -ครีมขยายเสน่ห์ อกสวย ช่วยกระชับทรวงอก และขยายหน้าอกให้ดูอวอิ่มแต่งตึงได้รูป -ช่วยกำจัดเซลลูไลท์ ไขมันส่วนเกิน ลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน ซึ่งแต่ละคำอวดอ้างนั้น…ล้วน “สวยหรู” แต่หารู้ไม่ว่า “ซ่อนยาพิษ” ไว้ข้างหลัง -ผอมขั้นเทพ!! , ดื้อยาก็ลดได้ , ลดอ้วนเร่งด่วน , ผอมจริงไม่โย่โย่ , ลดจริงพิสูจน์ได้ , มหัศจรรย์ 7 วัน 5 กิโล -ขาวไวติดสปีด, บอกลาผิวดำ ผิวขาวถาวร บำรุงผิวแบบครบสูตร, สูตรผิวขาวไวเหมือนฉีดผิว (ไม่ต้องเจ็บตัว) , ขาวออร่าใน 7 วัน, ขาวขั้นเทพ , ขาวใสใน 1 นาที -แคลเซียมสูงแท้100% สูง 2-7/เดือน -เพิ่มสรรมถภาพทางเพศได้ -หน้าเรียว สวยเป๊ะ -ท้าพิสูจน์ หุ่นเฟิร์ม รูฟิต , อึ๋มจริง อกตู้ม , หน้าอกเต่งตึง ช่องคลอดกระชัด กระตุ้นอารมณ์ -หายขาด, หายแน่, วิเศษยิ่ง, ยอดเยี่ยม, รักษาโรคได้, พิชิตโรคร้าย, ปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียง -ปาฎิหาริย์, สุดยอด!! , ฮีโร่, ชนะเลิศ, ดีเลิศ, ดีเด็ด, เลิศที่สุด , สุดเหวี่ยง , มหัศจรรย์ ข้อความเหล่านี้ เราในฐานะผู้บริโภคต้อง “รู้เท่าทันเหลี่ยม” ไม่หลงเชื่อง่ายๆ เพราะอาจส่งผลเสีย ทั้งทรัพย์สินและสุขภาพ อาจถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้น ก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์สักชิ้น ต้องดูผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากเป็นภาษาไทยชัดเจน มีเลขที่จดแจ้งระบุ มีชื่อผลิตภัณฑ์ วิธีใช้ แหล่งผลิต และส่วนประกอบ จึงจะถือเป็นฉลากที่ถูกต้อง และหากสงสัยว่ามีเลขที่จดแจ้งจริงหรือไม่ก็สามารถตรวจสอบได้ที่ สมาร์ท แอปพลิเคชั่น หรือโทรสายด่วน อย. 1556 เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรกินแล้วผอม อาหารเสริมไม่ใช่ยารักษาโรคได้ และอะไรที่ใช้แล้ว-กินแล้ว เห็นผลใน 3 วัน 7 วัน ฝันไปเถอะ!!!!std47993• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยแพทย์แนะก้าวอย่างมั่นใจ สู้ภัยโรคกระดูกพรุนอธิบดีกรมการแพทย์เผย ภัยเงียบโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุทั้งชายหญิง ผู้หญิงที่ผ่าตัดรังไข่ออกทั้ง 2 ข้าง และผู้หญิงวัยหลังหมดประจำเดือนมีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรค แนะรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงและออกกำลังกายสม่ำเสมอจะสามารถป้องกันการเกิดโรคดังกล่าวได้ แพทย์แนะก้าวอย่างมั่นใจ สู้ภัยโรคกระดูกพรุน thaihealth นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า กระดูกเป็นเนื้อเยื่อพิเศษ มีหน้าที่เป็นโครงสร้างสำหรับเป็นที่เกาะของกล้ามเนื้อและเอ็นยึดต่างๆ เป็นเกราะป้องกันการกระทบกระแทกเป็นแกนสำหรับการเคลื่อนไหวที่เกิดจากการดึงหรือหดตัวของกล้ามเนื้อ เป็นแหล่งสังเคราะห์เซลล์เม็ดเลือดชนิดต่างๆ รวมทั้งเป็นคลังของเกลือแร่ที่สำคัญต่อร่างกายคือแคลเซียม โรคกระดูกพรุน คือภาวะที่เนื้อเยื่อกระดูกผุกร่อนไปจากปกติโครงกระดูกซึ่งเคยแข็งแกร่งจะเปลี่ยนเป็นโครงที่ผุกร่อนพร้อมจะแตกหักได้ทุกเมื่อ โดยมีสาเหตุมาจากกระบวนการเสริมสร้างกระดูกลดลงและเนื้อเยื่อเสื่อมสลายในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป ตามปกติเพศหญิงจะมีมวลกระดูกน้อยกว่าเพศชาย เมื่อถึงวัยหมดประจำเดือนเพศหญิงจึงมีอัตราการสูญเสียมากกว่าการสร้างกระดูก จึงทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุน สำหรับอาการของโรคกระดูกพรุนมักจะไม่แสดงอาการเตือนภัยใดๆ อาจมีแค่ปวดเมื่อย คนทั่วไปมักไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรคกระดูกพรุนจนกว่าเข้าจะรับการรักษากระดูกจากอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อยหรือมีอาการปวดหลัง หลังโก่งค่อมหรือโค้งงอ ตัวเตี้ยจากการยุบตัวลงของกระดูกสันหลัง อธิบดีกรมการแพทย์ แนะว่า แนวทางการป้องกันโรคกระดูกพรุน คือ การสะสมเนื้อกระดูกให้มากที่สุดในช่วงวัยรุ่น พยายามรักษาปริมาณเนื้อกระดูกให้คงเดิมมากที่สุดในวัยก่อนหมดประจำเดือน และชะลอการถดถอยของเนื้อกระดูกเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดกระดูกหักในวัยหลังหมดประจำเดือน โดยเฉพาะตำแหน่งที่อาจเกิดขึ้นบ่อย ได้แก่ กระดูกข้อตะโพก กระดูกสันหลัง และกระดูกข้อมือ นอกจากนี้ ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมตามปริมาณที่ร่างกายต้องการ คือ 800 – 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน และควรกินแคลเซียมหลังอาหารเพื่อสร้างความแข็งแรงให้กระดูกและฟัน เช่น นม เนยแข็ง ผลิตภัณฑ์จากนม ปลาเล็กปลาน้อยพร้อมกระดูก กุ้งแห้ง กุ้งฝอย ถั่วแดง งาดำ อาหารทะเล ผักใบเขียวทุกชนิด ดื่มน้ำที่มีสารฟลูออไรด์ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มสุรา ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และควรเพิ่มการดูดซึมสารแคลเซียมโดยการเพิ่มวิตามินดีในรูปของอาหารหรือยา อาหารวิตามินดีสูง ได้แก่ นม น้ำมันตับปลา เนยแข็ง เนย ไข่ และตับ เป็นต้น นอกจากนี้การได้รับแสงแดดจะสามารถช่วยเพิ่มการสังเคราะห์วิตามินดีทางผิวหนังได้อีกด้วยsirikanyaa2549• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย"เราเดินทางใก้ลๆจะถึงวันนั้นเข้ามาทุกทีแล้ว.!" @แก่แล้ว.....อย่าเป็นภาระ เมื่อ 3 พ.ย.2565 ที่ผ่านมา เป็นข่าวครึกโครมไปทั่วญี่ปุ่น เมื่อมีผู้นำ...หญิงชราไปทิ้งทะเล! Teruko.....สตรีวัย 79 ถูก...Hiroshi Fujiwara สามีของเธอวัย 81 เข็นรถวีลแชร์พร้อมตัวเธอ ผลักลงทะเลที่ท่าเรือโออิโซะ จ.คางานาวะ ตอนเหนือโตเกียว เหตุเกิด 2 พ.ย.ราว 17:30 น. ด้วยเหตุผลที่ว่า..... เหนื่อยหน่ายมากกับภาระ ที่ต้องดูแล...ภรรยาพิการ มาเป็นเวลากว่า 40 ปี ทั้งที่เพื่อนบ้านบอกว่า..... ทั้งคู่.....ดูรักกันดีมาก Hiroshi.....ถูกจับ หลังบุตรชายแจ้งตำรวจ ว่า.....แม่ถูกฆาตกรรม! @ประเพณีทิ้งคนแก่ "อุบะสุเตะ"(Ubasute) ภูเขาความสูงกว่า4000 ฟุต อยู่ที่.... จว.นางาโนะ เป็นภูเขาที่มีชื่อโด่งดัง ในอดีต...เป็นที่ทิ้งคนแก่ Ubasute .....จึงแปลว่า:- "การทิ้งคนแก่" ซึ่งเกิดขึ้นสมัย"เอโดะ" ราว 300-400 ปีมาแล้ว ขณะนั้นบ้านเมืองแห้งแล้ง ขาดแคลนอาหาร ฯลฯ ขุนนางจึง.....ออกคำสั่ง ให้กำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นทิ้งไป สิ่งที่ไม่จำเป็นเหล่านั้น ก็คือ....."คนแก่" ที่มีอายุมากกว่า 70 ปี ไม่สามารถทำงานได้ เป็นภาระในการเลี้ยงดู คนแก่เหล่านั้น จึงถูกนำไปทิ้งไว้บนเขา เพื่อให้.....อดตาย ใครไม่ยอม...จะถูกประหาร ใครยอมไป...จะได้รับเกียรติ ว่าเป็นผู้เสียสละเพื่อชาติ @แม่.....สอนลูก คราวหนึ่ง...ก็มาถึงวาระที่ ชายผู้หนึ่งต้องนำแม่ไปทิ้ง ระหว่างที่เขาแบกแม่ขึ้นเขา แม่ได้หักกิ่งไม้ข้างทางไว้ เป็นระยะๆ ไปตลอดทาง ลูกคิดว่า.....แม่คงโกรธ ที่ถูก.....นำไปทิ้ง จึงได้กระทำเช่นนั้น แต่แม่บอกเขาว่า..... ที่หักกิ่งไม้เอาไว้ก็เพื่อ ให้ลูกได้.....เดินทางกลับ อย่างปลอดภัย ชายผู้นั้นเห็นตัวของแม่ เต็มไปด้วยรอยของกิ่งไม้ เขาทรุดลงพร้อมทั้งน้ำตา พร้อมกับตระหนักดีว่า:- แม้ว่า.....แม่จะแก่ชรา แต่ยัง.... ปกป้องลูก จนถึงวินาทีสุดท้าย! ชายผู้นั้นเปลี่ยนใจ แบกแม่ลงจากเขาทั้งน้ำตา แล้วนำไปซ่อนยังที่ปลอดภัย ภายหลังเมื่อมีการยกเลิก "กฏการนำคนแก่ไปทิ้ง" ชายผู้นั้นกับแม่ของเขา จึงอยู่กันอย่างมีความสุข โดยไม่คิดว่า..... แม่คือภาระแม้แต่น้อย!! @แก่อย่างไรไม่เป็นภาระ เรื่องที่เกิดขึ้นกับ Teruko จึงเป็นอุทธาหรณ์สอนคนแก่ ว่า.....จะอยู่อย่างไร? ให้มี.....คุณค่า และไม่เป็น...ภาระผู้อื่น พระสอนว่า..... "อัตตา-หิ-อัตตะโน-นาโถ" (ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน) "โก-หิ-นาโถ-ปะโร-สิยา" (คนอื่นใครเล่าเขาจะให้พึ่ง) "อัตตะนา-หิ-สุทันเตนะ" (.....ฝึกหัดพัฒนาตนเอง ให้ดีไว้เถิด.....) "นาถัง-ละภะติ-ทุลละภัง" (.....แล้วจะหาที่พึ่ง ที่หาไม่ได้ง่ายๆ.....) บทความนี้ ผมบันทึกไว้ เพื่อเตือนใจตนเอง และอาจเป็นประโยชน์ กับ.....คนแก่ ที่เข้ามาอ่านได้บ้างครับ. (Cr:ข่าว&ภาพจากinternet)มีมไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัวmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย#ความมหัศจรรย์ของ CANP เรากําลังเขียนปี 1914 ปีแห่งสงครามโลกครั้งที่ 1 และเกษตรกรปลูก "กัญชา" สําหรับดอลลาร์อเมริกัน... เก็บสิ่งนี้ไว้ในใจและอ่านต่อไป..!! กัญชาอุตสาหกรรมไม่ใช่แค่พืชเกษตร! นี่คือยาแก้พิษสําหรับน้ํามันและดอลลาร์! HEP ถูกแบนอย่างไร? 👉1. หนึ่งเฮกตาร์ของว่านผลิตออกซิเจนมากเท่ากับป่า 25 เฮกตาร์ 👉2. อีกครั้งกัญชา 1 เอเคอร์ สามารถออกกระดาษได้เท่ากับ 4 เอเคอร์ 👉3. ในขณะที่กัญชาสามารถเปลี่ยนเป็นกระดาษได้ 8 ครั้ง ไม้สามารถเปลี่ยนเป็นกระดาษได้ 3 ครั้ง 👉4. กัญชาโต 4 เดือน ต้นไม้อื่น 20-50 ปี 👉5. กัญชาเป็นนักจับรังสีที่แท้จริง 👉 6 กัญชาปลูกได้ทุกที่ในโลก และต้องใช้น้ําน้อยมาก นอกจากนี้ ยังสามารถป้องกันแมลงได้ คุณไม่จําเป็นต้องใช้ยาฆ่าแมลง 👉7. ถ้าสิ่งทอที่ทําจากกัญชาแพร่กระจาย อุตสาหกรรมยาฆ่าแมลงก็คงหายไปอย่างสิ้นเชิง 👉8 กางเกงยีนส์ตัวแรกทําจากกัญชา แม้แต่คําว่า CANVAS ก็เป็นชื่อของผลิตภัณฑ์ กัญชาเป็นพืชที่เหมาะสําหรับการทําเชือก, เชือก, กระเป๋า, รองเท้าและหมวก 👉9. ลดผลกระทบของยาเคมีบําบัดและรังสีในการรักษาโรคกัญชา เอดส์ และมะเร็ง ใช้แล้วอย่างน้อย 250 โรค เช่น โรคไขข้อ หัวใจ ลมชัก หอบหืด กระเพาะอาหาร นอนไม่หลับ จิตวิทยา และโรคไขสันหลัง 👉10 คุณค่าโปรตีนของเมล็ดกัญชาสูงมาก และกรดไขมันสองชนิดที่อยู่ในธรรมชาติไม่พบที่ไหน 👉11. ต้นทุนผลิตกัญชาถูกกว่าถั่วเหลือง 👉12. สัตว์ที่เลี้ยงด้วยกัญชาไม่จําเป็นต้องทดแทนฮอร์โมน 👉13 ผลิตภัณฑ์พลาสติกทุกชนิดสามารถทําจากกัญชาได้ และพลาสติกจากกัญชาสามารถคืนสู่ธรรมชาติได้ง่ายดาย 👉14. ถ้าตัวรถทําด้วยกัญชา จะแข็งแรงกว่าเหล็ก 10 เท่า 👉15. นอกจากนี้ยังสามารถใช้สําหรับฉนวนกันความร้อนของอาคารได้ ทนทาน ราคาถูก ยืดหยุ่น 👉สบู่และเครื่องสําอาง 16 ก้อนที่ทําด้วยกัญชาไม่ปนเปื้อนน้ํา ดังนั้นจึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างสมบูรณ์ A 18 การผลิตถูกบังคับในศตวรรษอเมริกาและเกษตรกรที่ไม่ได้ผลิตถูกปิด แต่ตอนนี้มันเป็นอีกแบบหนึ่ง มาจากไหน? 👎-ว. R. Hurst เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ นิตยสาร และสื่อในอเมริกาในช่วงทศวรรษ 1900s พวกเขามีป่าและผลิตกระดาษ ถ้ากระดาษถูกทําจากกัญชา มันอาจจะไม่สูญเสียไปหลายล้าน 👎 Rockefeller เป็นผู้ชายที่รวยที่สุดในโลก มีบริษัทน้ํามัน เชื้อเพลิงชีวภาพ แน่นอนว่าน้ํามันกัญชา เป็นศัตรูตัวใหญ่ที่สุดของเขา 👎 -Mellen เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท Dupont เขามีสิทธิบัตรสําหรับการผลิตพลาสติกที่ได้จากผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม อุตสาหกรรมกัญชาคุกคามตลาดด้วย 👎 - เมลลลอนกลายเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของประธานาธิบดีฮูเวอร์สหรัฐฯ ชื่อใหญ่ ๆ ที่เราพูดถึงได้ตัดสินใจในการประชุมของพวกเขาว่ากัญชาเป็นศัตรู และมันถูกนําออกมา ผ่านสื่อ กัญชา ถูกฉีดเข้าสมองประชาชน เป็นยาพิษ พร้อมกับกัญชา •ยากัญชาถูกถอนออกจากตลาดแทนที่จะใช้สารเคมีในวันนี้ •ป่าถูกตัดลงเพื่อผลิตกระดาษ •เพิ่มสารกําจัดศัตรูพืชและมึนเมาของมะเร็ง จากนั้นเราก็เติมเต็มโลกของเราด้วยขยะพลาสติก ขยะที่เป็นอันตราย... ทั้งหมดทั้งมวลที่ Elite Cabal ยัดเยียดให้กับชาวโลก ล้วนหลอกลวงเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั้งสิ้น..!! Cr: Mikhail Mikhailov #Ttango17Q 28 January 2Q23ยาสมุนไพรไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย#SAVEปลัดกระทรวงมหาดไทย คนไทยรู้ทันเล่ห์กล "กบฏมุสลิม" อย่าให้คนดีต้องถูกทำลาย จากการประโคมข่าวของสื่อกระแสหลัก ในการประชุมทางไกลภายในของฝ่ายข้าราชการประจำ กระทรวงมหาดไทย (27 ธ.ค. 2565) ซึ่งในการประชุมมิได้มีการอนุญาตให้นำคลิปทั้งหมดหรือบางส่วน ไปเผยแพร่ต่อสาธารณชนแต่อย่างใดนั้น ปรากฏว่ามีการแอบถ่ายคลิป และตัดต่อเอาเฉพาะถ้อยคำบางส่วน ของปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อสร้างความเสื่อมเสีย โดยเฉพาะประเด็นที่พาดพิงถึงสถาบันการศึกษา อย่างเช่น คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยสยาม เป็นต้น นับตั้งแต่ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ เข้าดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย (พ.ศ. 2564) เป็นต้นมา เกิดการปฏิรูปครั้งใหญ่ขึ้นในกระทรวงมหาดไทย มีการนำ "พระพลังแผ่นดิน" ของในหลวงรัชกาลที่ 10 มอบให้แก่ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด (ซึ่งกว่าครึ่งเป็นมุสลิมเชื้อสายมลายู) เพื่อนำไปประดิษฐานในจวนผู้ว่าฯ และเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า "แผ่นดินนี้คือ แผ่นดินแห่งพุทธศาสนา" ปลัดสุทธิพงษ์ ได้แต่งตั้งพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 2 รูป ให้เป็นที่ปรึกษา (ตาม พ.ร.บ.อิสลาม 2540 "คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย" เป็นที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยตำแหน่ง) ปลัดสุทธิพงษ์ ได้นำผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าฯ ปลัดจังหวัด นายอำเภอ ปลัดอำเภอ นายก อ.บ.จ. นายก อ.บ.ต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฟังปาฐกถาธรรม และรับมอบนโยบาย ให้ผู้นำการปกครองทำนุบำรุงพุทธศาสนาในจังหวัดของตน และขับเคลื่อนงานของพุทธศาสนาอย่างเต็มกำลัง มีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง ในกระทรวงมหาดไทยครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อสกัดอิทธิพลของ "มุสลิมเชื้อสายมลายู" ซึ่งแทรกซึมไปเกือบทุกหน่วยงาน ในกระทรวงมหาดไทย นับตั้งแต่สมัย นายอารีย์ วงศ์อารยะ เป็นปลัดกระทรวง และนายวันมูฮัมหมัดนอร์ มะทา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (ซึ่งได้นำพระพุทธรูป ออกจากห้องทำงานของรัฐมนตรี) เป็นต้นมา เป็นที่ทราบกันดีว่า ใครคุมกระทรวงมหาดไทยได้ ก็คุมการปกครองทั่วทั้งประเทศไทยได้ ก่อนหน้านี้มีความพยายามที่จะทำลาย นายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ (ข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2557) นายอำเภอรือเสาะ จ.นราธิวาส (ซึ่งควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เป็นอันดับ 1 ของจังหวัด) ด้วยข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรม ถูกสั่งย้ายให้ไปรักษาการ นายอำเภอบางขัน จ.นครศรีธรรมราช แต่เมื่อคณะกรรมการสอบสวนฯ ระบุว่า นายวิชาญเป็นผู้บริสุทธิ์ จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็น นายอำเภอเมือง จ.สงขลา ท่ามกลางกระแสต่อต้านจากมุสลิมเชื้อสายมลายู ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และได้รับแต่งตั้งให้เป็นปลัดจังหวัดสตูลในปัจจุบัน การแอบถ่ายคลิป และตัดต่อเฉพาะถ้อยคำบางส่วน จากการประชุมภายในของหน่วยงานราชการของรัฐ แล้วนำออกเผยแพร่สู่สาธารณะ นับเป็นความพยายามของ "มุสลิมเชื้อสายมลายู" ซึ่งไม่พอใจนโยบายของปลัดสุทธิพงษ์ และต้องการที่จะทำลายท่าน โดยใช้สื่อกระแสหลัก (ซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลของตนเอง) เป็นเครื่องมือ การกระทำดังกล่าว ย่อมทำให้ผู้ฟังภายนอก ซึ่งไม่ได้อยู่ในที่ประชุม และไม่ได้ฟังการประชุมทั้งหมด เข้าใจผิดได้ง่าย นับเป็นเจตนาที่มุ่งทำลายโดยตรง และเป็นวิธีการที่ไม่อาจยอมรับได้ แม้ว่าถ้อยคำที่ถูกตัดต่อและเผยแพร่นั้น จะฟังดูไม่เหมาะสม แต่เมื่อเทียบกับนโยบายและผลงานของปลัดสุทธิพงษ์แล้ว ไม่อาจเปรียบเทียบกันได้ และการปฏิรูปครั้งใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นในกระทรวงมหาดไทยนั้น ย่อมสั่นสะเทือน "กบฏมุสลิม" เป็นอย่างยิ่ง จึงไม่น่าแปลกใจ ที่จะมีความพยายามทำลาย ปลัดกระทรวงมหาดไทยคนนี้ ในเวลานี้ ชาวพุทธไทยทุกท่าน ควรจะออกมาปกป้อง ท่านปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยการส่งต่อข้อความ (#saveปลัดกระทรวงมหาดไทย) ให้มากที่สุด กรุณาแชร์ต่อข่าวการเมืองภาคใต้ไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยแรงนะ ญี่ปุ่นวิจารณ์ไทย แต่เป็นเรื่องจริง วันนี้มาดูญี่ปุ่นวิจารณ์ไทยกันบ้าง อ่านแล้วแสบทั้งไส้และทั้งทรวงเลย เห็นทีคนไทยต้องกลับมาพิจารณาตนเองครั้งใหญ่แล้วครับ นายเซ็ทซึโอะ อิอุจิ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นประจำกรุงเทพ (Japan External Trade Organization,Bangkok : JETRO Bangkok) ระบุว่า ไทยอาจไม่เป็นประเทศที่น่าสนใจในการลงทุน เหมือนที่ผ่านมาในสายตาของนักลงทุนญี่ปุ่น โดยได้แสดงทรรศนะถึง “จุดอ่อน” ของคนไทยไว้ 10 ข้อ คือ 1.คนไทยรู้จักหน้าที่ของตัวเองต่ำมาก โดยเฉพาะ หน้าที่ต่อสังคม คือ เป็นประเภท มือใครยาวสาวได้สาวเอา เกิดเป็นธุรกิจการเมืองธุรกิจราชการ ธุรกิจการศึกษา ทำให้ประเทศชาติ ล้าหลังไปเรื่อยๆ 2.การศึกษายังไม่ทันสมัย คนไทยจะเก่งแต่ภาษาของตัวเอง ทำให้ขาดโอกาสในการแข่งขันกับต่างชาติในเวทีต่าง ๆ ไม่กล้าแสดงออก ขี้อายไม่มั่นใจในตัวเอง จึงตามหลังชาติอื่น คนมีฐานะจะส่งลูกไปเรียนเมืองนอก เพื่อโอกาสที่ดีกว่า 3. มองอนาคตไม่เป็น คนไทยมากกว่า 70% ทำงานแบบไร้อนาคตทำแบบวันต่อวัน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ น้อยคนนักที่จะทำงาน แบบเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอน มีเป้าหมายในอนาคตที่ชัดเจน 4.ไม่จริงจังในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ทำแบบผักชีโรยหน้า หรือทำด้วยความเกรงใจ ต่างกับคนญี่ปุ่นหรือยุโรปที่จะให้ความสำคัญกับ สัญญาหรือข้อตกลงอย่างเคร่งครัด เพราะหมายถึง ความเชื่อถือในระยะยาว ปัจจุบันคนไทยถูกลดเครดิตความน่าเชื่อถือด้านนี้ลงเรื่อย ๆ 5.การกระจายความเจริญยังไม่เต็มที่ ประชากรประมาณ 60-70% ที่อยู่ห่างไกล จะขาดโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตัวเอง และชุมชนซึ่งเป็น หน้าที่ของภาครัฐที่ต้องส่งเสริม 6.การบังคับกฎหมายไม่เข้มแข็ง และดำเนินการ ไม่ต่อเนื่อง ทำงานแบบลูบหน้าปะจมูก ปราบปรามไม่จริงจัง การดำเนินการตามกฎหมายกับผู้มีอำนาจ หรือบริวารจะทำแบบเอาตัวรอดไปก่อน ไม่มีมาตรฐาน 7. อิจฉาตาร้อน สังคมไทยไม่ค่อยเป็นสุภาพบุรุษ เลี้ยงเป็นศรีธนญชัย ยกย่องคนมีอำนาจ มีเงินโดยไม่สนใจภูมิหลัง โดยเฉพาะคนที่ล้มบนฟูก แล้วไปเกาะผู้มีอำนาจ เอาตัวรอด คนพวกนี้ร้ายยิ่งกว่าผู้ก่อการร้าย ดีแต่พูด มือไม่พายเอาเท้ารานํ้า ทำให้คนดีไม่กล้าเข้ามาเพราะกลัวเปลืองตัว 8.เอ็นจีโอค้านลูกเดียว เอ็น จีโอ บางกลุ่มอิงอยู่กับ ผลประโยชน์ บ่อยครั้งที่ต้องเสียโอกาสอย่างมหาศาล เพราะการค้านหัวชนฝา เหตุผลจริง ๆ ไม่ได้พูดกัน 9.ยังไม่พร้อมในเวทีโลก การสร้างความน่าเชื่อถือ ในเวทีการค้าระดับโลกยังขาดทักษะและทีมเวิร์คที่ดีทำให้สู้ประเทศเล็ก ๆ อย่างสิงคโปร์ไม่ได้ 10. เลี้ยงลูกไม่เป็น ปัจจุบัน เด็กไทยขาดความอดทน ไม่มีภูมิคุ้มกันเป็นขี้โรคทางจิตใจ ไม่เข้มแข็ง เพราะการเลี้ยงลูกแบบไข่ในหิน ไม่สอนให้ลูก ช่วยตัวเอง ไม่กระตือรือร้น ในการช่วยตนเองขวนขวาย แสวงหา ค้นหาตัวเองและไม่สอนให้สำนึกผิดชอบต่อสังคม -------!!! แรงมากครับ และยอมรับทุกข้อ คำถามคือ..แล้วเราจะ เริ่มต้นแก้ไขกันอย่างไรดีครับ เป็นหน้าที่คนไทยทุกคนนะครับข่าวการเมือง เสียดสีมีมไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้วmeter: middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยบริษัทขายยากำจัดแมลงสาบ เจ๊งแน่เมื่อมีเด็กไทยหัวใสคิดค้นผลิตยาที่ไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลงสาบบริษัทขายยากำจัดแมลงสาบ เจ๊งแน่เมื่อมีเด็กไทยหัวใสคิดค้นผลิตยาที่ไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลงสาบ เก่งจิงๆเลยนะ สุดยอด! เด็ก ป. 6 อัจฉริยะ ค้นพบวิธีกำจัดแมลงสาบตายยกรัง เด็กนักเรียนประถมโรงเรียนสมเด็จประชานุเคราะห์ หัวใสคิดค้นสารกำจัดแมลงสาบ สัตว์ที่เป็นพาหะนำโรคร้ายสูตรตายรังได้สำเร็จ สามารถกำจัดแมลงสาบได้ดีโดยไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ แมลงสาบ เป็นสัตว์ที่มีนิสัยกัดแทะทำลายข้าวของ ขับถ่ายสิ่งสกปรก ส่งกลิ่นเหม็น และแพร่กระจายเชื้อโรคมาสู่คนได้อย่างมากมาย ได้แก่ โรคทางเดินอาหาร อหิวาตกโรค ไทฟอยด์ ภูมิแพ้ และโรคหอบหืด สารกำจัดแมลงสาบที่นักเรียนโรงเรียนสมเด็จประชานุเคราะห์ อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ ค้นพบและสามารถกำจัดแมลงสาบให้กลับไปตายที่รังได้สำเร็จ มีส่วนประกอบที่ธรรมด๊า ธรรมดาที่สำคัญ คือ ปูนซีเมนต์ผง ผงแป้งข้าวจ้าว และผงโอวัลติน นำส่วนผสมผงทั้ง 3 ชนิดมาผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วนำไปวางไว้ในที่ที่มีแมลงสาบซุกชุม พร้อมนำถาดน้ำไปวางไว้ใกล้ๆ แมลงสาบจะมากินสารกำจัดแมลงสาบและน้ำแล้วจะกลับไปตายที่รังของมัน ซึ่งเป็นวิธีการกำจัดแมลงสาบที่ไม่มีพิษตกค้าง และเป็นอันตรายต่อมนุษย์เหมือนกับ การกำจัดแมลงสาบโดยวิธีการใช้สารเคมีฉีดพ่น เด็กหญิงเจนจิรา โพนยงค์ นักเรียนชั้นประถมปีที่ 6 โรงเรียนสมเด็จประชานุเคราะห์ หนึ่งในผู้คิดค้นสารกำจัดแมลงสาบนี้ กล่าวว่า ส่วนประกอบธรรมดาของสารกำจัดแมลงสาบที่นำมาผสมกันจะมีคุณสมบัติและทำหน้าที่แตกต่างกันไป คือ 1.โอวัลตินจะเป็นสารที่ล่อให้แมลงสาบมากินสารกำจัดแมลงสาบ 2.แป้งข้าวจ้าวจะทำให้แมลงสาบคอแห้งหิวน้ำ ต้องหาน้ำกินเข้าไป 3.ส่วนปูนซีเมนต์สารตัวสำคัญเมื่อถูกน้ำจะแข็งตัว แล้วจะทำให้แมลงสาบจุกแน่นท้องและขี้จุกตูดตายไป ทุกคนทุกบ้านสามารถผลิตสารกำจัดแมลงสาบแบบง่ายๆนี้และนำไปใช้ได้เองอย่างปลอดภัย ไม่มีสารตกค้าง ให้เป็นอันตรายกับชีวิต ต้องขอชื่นชมเด็กไทย หัวใส มีสติปัญญา ไม่แพ้ประเทศใดในโลกใบนี้เหมือนกัน ต้องช่วยกันเผยแพร่สิ่งดีๆ นี้ให้รู้กันทั่วไป ......แชร์เลยMrs.Doubt• 4 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม สำหรับประชาชนทั่วไปโรงพยาบาลให้บริการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม สำหรับประชาชนทั่วไป ที่ลงทะเบียนจองวัคซีนผ่านทางเว็บไซต์ https://sinopharm.cra.ac.th และโอนเงินชำระค่าวัคซีนเสร็จสิ้นแล้ว ตามเวลาที่กำหนดวัคซีนโควิดMrs.Doubt• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยห้ามสระผมขณะเป็นประจำเดือนจริงหรือไม่ ?หลายคนมีความเชื่อว่า หากสระผมขณะเป็นประจำเดือน จะทำให้เลือดแข็งตัว หรือเกิดเลือดตกค้างข้างในซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในร่างกายที่เย็นลงกระทันหันกิ๊ก โกะ• 9 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสธ.แถลงด่วน พบผู้ป่วยสงสัยฝีดาษวานร Clade 1 รายแรกในไทยแล้ว เดินทางจากคองโก | MATICHON ONLINE | LINE TODAY https://liff.line.me/1454988218-NjbXbq18/v2/article/l2oZOyg?utm_source=lineshareสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยผลิตภัณฑ์ สารสกัดกระชายขาวผสมพลูคาว โฆษณาสรรพคุณไม่ตรงใบอนุญาตเลข อย. อ้าง เสริมภูมิต้านโควิดผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สารสกัดกระชายขาวผสมพลูคาว โฆษณาชวนเชื่อว่ามีสรรพคุณ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ต้านโควิด-19 ทางเว็บไซต์ Anti-Fake News Center Thailand ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น ไม่เป็นความจริง การยื่นขอใบอนุญาตของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ไม่มีการยื่นข้อมูลประสิทธิผลในการเสริมภูมิคุ้มกัน และต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามที่กล่าวอ้าง จึงไม่สามารถประเมินประสิทธิผลของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้ ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่มีผลในการบำบัด บรรเทา หรือรักษาโรค จึงขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อการโฆษณาของผลิตภัณฑ์นี้ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางด้านสุขภาพstd47655• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยนายก บอกประชาชนให้ร่วมกันสวดมนต์เพื่อไล่พายุนากรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้บอกให้ประชาชนร่วมกันสวดมนต์เพื่อไล่พายุ ในปี64สภาพอากาศCoyi• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยอย่าแชร์! บ. ไทยดีเลิศ รับสมัครชายไทยทำงานไต้หวัน ผ่านกระทรวงแรงงานจากกรณีที่มีการตรวจพบข้อมูลเรื่องบริษัทจัดหางาน ไทยดีเลิศ จำกัด รับสมัครแรงงานชายไทยไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน ถูกกฎหมาย ผ่านกระทรวงแรงงาน ทางกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ได้ตรวจสอบและชี้แจงว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง เนื่องจากบริษัทจัดหางานฯ ผู้ประกาศรับสมัครงานดังกล่าว ไม่ได้ยื่นหนังสือแสดงความต้องการแรงงานของนายจ้างในต่างประเทศ (Demand Letter) และหนังสือมอบอำนาจให้บริษัทจัดหางานเป็นผู้จัดส่งคนหางานให้กับนายจ้างในต่างประเทศ ต่อกรมการจัดหางานเพื่อขอโฆษณาจัดหางาน ซึ่งไม่สามารถทำได้ เนื่องจากฝ่าฝืนพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มีความผิดตามมาตรา 66 โดยการโฆษณาจัดหางานเพื่อพาคนไปทำงานต่างประเทศสามารถทำได้เฉพาะผู้ได้รับอนุญาตเท่านั้นstd48056• 2 ปีที่แล้ว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ