1 คนสงสัย
บริษัทขายยากำจัดแมลงสาบ เจ๊งแน่เมื่อมีเด็กไทยหัวใสคิดค้นผลิตยาที่ไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลงสาบ
บริษัทขายยากำจัดแมลงสาบ เจ๊งแน่เมื่อมีเด็กไทยหัวใสคิดค้นผลิตยาที่ไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลงสาบ

เก่งจิงๆเลยนะ สุดยอด! เด็ก ป. 6 อัจฉริยะ ค้นพบวิธีกำจัดแมลงสาบตายยกรัง

เด็กนักเรียนประถมโรงเรียนสมเด็จประชานุเคราะห์ หัวใสคิดค้นสารกำจัดแมลงสาบ สัตว์ที่เป็นพาหะนำโรคร้ายสูตรตายรังได้สำเร็จ สามารถกำจัดแมลงสาบได้ดีโดยไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์

แมลงสาบ เป็นสัตว์ที่มีนิสัยกัดแทะทำลายข้าวของ ขับถ่ายสิ่งสกปรก ส่งกลิ่นเหม็น และแพร่กระจายเชื้อโรคมาสู่คนได้อย่างมากมาย ได้แก่ โรคทางเดินอาหาร อหิวาตกโรค ไทฟอยด์ ภูมิแพ้ และโรคหอบหืด

สารกำจัดแมลงสาบที่นักเรียนโรงเรียนสมเด็จประชานุเคราะห์ อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ ค้นพบและสามารถกำจัดแมลงสาบให้กลับไปตายที่รังได้สำเร็จ มีส่วนประกอบที่ธรรมด๊า ธรรมดาที่สำคัญ คือ ปูนซีเมนต์ผง ผงแป้งข้าวจ้าว และผงโอวัลติน

นำส่วนผสมผงทั้ง 3 ชนิดมาผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วนำไปวางไว้ในที่ที่มีแมลงสาบซุกชุม พร้อมนำถาดน้ำไปวางไว้ใกล้ๆ แมลงสาบจะมากินสารกำจัดแมลงสาบและน้ำแล้วจะกลับไปตายที่รังของมัน ซึ่งเป็นวิธีการกำจัดแมลงสาบที่ไม่มีพิษตกค้าง และเป็นอันตรายต่อมนุษย์เหมือนกับ การกำจัดแมลงสาบโดยวิธีการใช้สารเคมีฉีดพ่น

เด็กหญิงเจนจิรา โพนยงค์ นักเรียนชั้นประถมปีที่ 6 โรงเรียนสมเด็จประชานุเคราะห์ หนึ่งในผู้คิดค้นสารกำจัดแมลงสาบนี้ กล่าวว่า ส่วนประกอบธรรมดาของสารกำจัดแมลงสาบที่นำมาผสมกันจะมีคุณสมบัติและทำหน้าที่แตกต่างกันไป คือ

1.โอวัลตินจะเป็นสารที่ล่อให้แมลงสาบมากินสารกำจัดแมลงสาบ

2.แป้งข้าวจ้าวจะทำให้แมลงสาบคอแห้งหิวน้ำ ต้องหาน้ำกินเข้าไป

3.ส่วนปูนซีเมนต์สารตัวสำคัญเมื่อถูกน้ำจะแข็งตัว แล้วจะทำให้แมลงสาบจุกแน่นท้องและขี้จุกตูดตายไป

ทุกคนทุกบ้านสามารถผลิตสารกำจัดแมลงสาบแบบง่ายๆนี้และนำไปใช้ได้เองอย่างปลอดภัย ไม่มีสารตกค้าง ให้เป็นอันตรายกับชีวิต

ต้องขอชื่นชมเด็กไทย หัวใส มีสติปัญญา ไม่แพ้ประเทศใดในโลกใบนี้เหมือนกัน

ต้องช่วยกันเผยแพร่สิ่งดีๆ นี้ให้รู้กันทั่วไป

......แชร์เลย
Mrs.Doubt
 •  3 ปีที่แล้ว
0 ความเห็น
ช่วยระบุหมวดหมู่ของข้อความนี้ให้หน่อย
เลือกให้น้อยที่สุด (ถ้าเป็นไปได้)

ยังไม่มีใครตอบ

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    ยาลดน้ำหนัก
    นักโภชนาการและสมุนไพรไทย นายไพบูลย์ ภูมิแสง การอดอาหาร การออกกำลังกาย การดูดไขมัน เหล่านี้เป็นวิธีหลักที่ใช้กำจัดน้ำหนักส่วนเกินที่นิยมอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากจำนวนของผู้ที่เป็นโรคอ้วนที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น วิธีที่กล่าวมาข้างต้นคงไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพดีสักเท่าใดนัก S Factor ได้กลายเป็น ผู้พลิกวงการ สูตรการรักษาที่ช่วยกระตุ้นการลดน้ำหนักอย่างเป็นธรรมชาติ นายไพบูลย์ ภูมิแสง ผู้อำนวยการศูนย์สมุนไพรศึกษาและนักโภชนาการอาวุโส ประสบการณ์ในสายอาชีพ 27 ปี S Factor คืออะไร? หากร่างกายของคุณขาดวิตามิน A คุณสามารถรับประทานผักบุ้งได้ หากร่างกายคุณขาดฟอสฟอรัส คุณสามารถรับประทานปลาได้ หากร่างกายคุณขาดวิตามิน C คุณสามารถรับประทานแบล็คเคอแรนต์ได้ เฉพาะ S Factor เท่านั้นที่มีสารอาหารที่ซึ่งสามารถเร่งให้เกิดการเผาผลาญมวลไขมันในร่างกายของมนุษย์ได้ โดยเฉพาะ บี-แครอทีนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ยอดเยี่ยม ที่ไม่เพียงแต่สามารถช่วยเผาผลาญไขมันได้เท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยปรับระบบการทำงานของร่างกายทั้งหมดได้อีกด้วย S Factor ได้รับการทดสอบทางคลินิกแล้วว่าสามารถช่วยกระตุ้นระบบเมตาบอลิซึมได้ ฟื้นฟูการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อและลดความอยากอาหารได้ ผลิตภัณฑ์นี้เป็นออร์แกนิก 100% และสามารถช่วยกระตุ้นกระบวนการทำงานในร่างกายของมนุษย์ได้ ไม่จำเป็นต้องอดอาหารอย่างเข้มงวดเนื่องจากกระบวนการของระบบเมตาบอลิซึมทำงานได้ดีและเผาผลาญมวลไขมันได้ การรับประทานอาหารที่สมดุลสามารถส่งผลอย่างเพียงพอในการรักษาระดับการเผาผลาญของร่างกาย การออกกำลังกายที่หนักหน่วงก็ไม่จำเป็นด้วยเช่นเดียวกัน เพียงแค่ออกกำลังกายด้วยการยืดกล้ามเนื้อตามธรรมดาก็เพียงพอ คุณสมบัติหลักของ S Factor: - เผาผลาญไขมัน - ลดความอยากอาหาร - ปรับระบบต่อมไร้ท่อให้เป็นปกติ - ฟื้นฟูร่างกายและขับสารพิษออกจากร่างกาย - ปรับปรุงรูปร่างให้สมส่วนด้วยการเผาผลาญมวลไขมัน เนื่องจากมีระบบเมตาบอลิซึมที่เข้มข้น ไขมันใต้ผิวหนังในบริเวณที่มีปัญหาของคนที่ใช้ S Factor ก็จะถูกเผาผลาญได้ด้วยความเร็วถึง 0.5 กิโลกรัมต่อวัน! S Factor มีประสิทธิภาพสูงมาก แม้แต่ในเคสที่เกิดปัญหาน้ำหนักตัวเกินเนื่องมาจากความผิดปกติของฮอร์โมน หากคุณมีแนวโน้มเป็นโรคอ้วนแล้ว ผลิตภัณฑ์นี้คือคำตอบที่คุณต้องการ! อาหารเสริมนี้มีจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อไม่นานมานี้ แต่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่นักเพาะกายและครูฝึกเนื่องจาก มันช่วยกระตุ้นการลดน้ำหนักให้เร็วขึ้น และ รักษาสัดส่วนของไขมันให้อยู่ในระดับต่ำ ในร่างกายได้
    diazp121phoenix
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    มีข่าว พาราควอตตกค้างในน้ำปู อันตราย จริงหรือ
    น้ำปู เป็นอาหารพื้นบ้านประจำท้องถิ่นในภาคเหนือ ที่ใช้ปูนา มาตำให้ละเอียดแล้วนำไปต้มกับน้ำเกลือ เคี่ยวไปเรื่อยๆจนแห้งลักษณะคล้ายๆน้ำพริกตาแดง นิยมทานกับหน่อไม้ต้ม หรือใส่ในแกงหน่อหรือใส่ในตำส้มโอ ด้วยน้ำปูมีรสเค็มจัดปกติแล้วจะใส่ประมาณไม่เกิน 1-2 ช้อนโต๊ะ ต่อแกง 1 หม้อเท่านั้น ข่าวประจำวันที่ 25 กันยายน 2563 คงไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเท่าข่าวมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แถลงว่า พบการตกค้างของสารกำจัดวัชพืชพาราควอตในน้ำปู 8 ตัวอย่างจากทั้งหมด 24 ตัวอย่าง โดยค่าเฉลี่ยที่พบคือ 0.04 275 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม การบริโภคน้ำปูเป็นอันตราย จริงหรือ
    anonymous
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false