2210 ข้อความ
- 1 คนสงสัยข่าวปลอมอย่าเชื่อ! รักษา "มะเร็งระยะสุดท้าย" ด้วยการดื่มน้ำปั่นผักจิงจูฉ่ายกรณีที่มีผู้โพสต์แนะนำผู้ที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายให้รักษาด้วยการดื่มน้ำปั่นผักจิงจูฉ่าย โดยผักจิงจูฉ่าย (Artemisia lactiflora) เป็นพืชท้องถิ่นของประเทศจีนนิยมนำมาใช้ปรุงอาหารอุดมไปด้วยวิตามิน ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด โดยยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าผักจิงจูฉ่ายช่วยรักษามะเร็งระยะสุดท้ายในมนุษย์ได้std48314• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยครีมใช่แล้วดั้งโด่งความสวยความงามstd48033• 2 ปีที่แล้ว2 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยจบด้วยดี "หมอนงนลินี" ดีใจได้ขอโทษ "สรยุทธ" หลังโดนฟ้องหมิ่นฯ ใส่ร้ายเล่าข่าวโควิดตามที่ข้าพเจ้า นางสาวนงนลินี จัยสิน ได้ใส่ความนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ด้วยข้อความอันเป็นเท็จผ่านสื่อสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 อันเป็นการกระทำความผิดฐาน หมิ่นประมาทโดยการโฆษณานั้น ข้าพเจ้าขอป่าวประกาศต่อสาธารณชนให้ทราบโดยทั่วกันว่า ข้าพเจ้ากระทำความผิดดังกล่าวจริง โดยข้าพเจ้าปราศจากวิจารณญาณในการไตร่ตรองข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง โดยรับข้อมูลข่าวสารจากสื่อบางสำนักที่ไม่มีความเป็นกลาง และยุยงปลุกปั่นให้คนในชาติเกิดความเกลียดชังกัน เป็นเหตุให้เกิดอคติและสร้างความเสื่อมเสียต่อนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา จนกระทั่งเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จใส่ร้ายนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ดังกล่าว ข้าพเจ้าจึงขอแถลงข้อความจริงต่อสาธารณชนให้แจ้งชัดว่า .นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ไม่เคยรายงานข่าวเท็จ (Fake news)โควิด 2019std48311น้องต้น• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยเทคนิคปรับการ "นอนหลับ" ช่วยให้ไม่เป็นโรคอ้วนHighlight : - การปรับพฤติกรรมการ "นอนหลับ" ให้ถูกวิธี จะช่วยทำให้ลำไส้ย่อยอาหารได้ดีขึ้น สามารถป้องกันไม่ให้เป็นโรคอ้วนได้ เพราะลำไส้สามารถย่อยอาหารได้อย่างเต็มที่ จนไม่เหลืออาหารตกค้างในกระเพาะ ที่เป็นสาเหตุของโรคอ้วน - ไม่ควรดูโทรทัศน์ เล่นคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน เพราะแสงจากเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้จะเข้าตา มีผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะลำไส้จะทำงานได้เฉื่อยลง - เวลาทองของลำไส้ คือ 24:00 น. เป็นช่วงเวลาที่ลำไส้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นจึงควรนอนหลับให้สนิทในช่วงเวลา 24:00 น. Lady MIRROR เคยมั้ยคะที่ตื่นมาแล้วท้องป่อง เหมือนอาหารไม่ย่อย จนเอวหนาไขมันพอกพูน สุดท้ายโรคอ้วนจะตามตา นั่นเป็นเพราะระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควรในช่วงเวลากลางคืน การนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพ จะส่งผลระบบย่อยอาหารทำงานได้เต็มที่ ทำให้ไม่เกิดโรคอ้วนและยังส่งผลให้รู้สึกดีในช่วงเวลาตอนเช้าด้วย MIRROR อยากชวนสาวๆ ลองหันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนหลับ เพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นมาฝากกันค่ะ โดยหลักสำคัญของการปฏิบัติตัวก็คือการไม่ต้องทำอะไรเลย ด้วยการที่เราไปเปิดสวิตช์ "ระบบประสาทพาราซิมพาเทติก" ที่มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของลำไส้ จะทำให้ย่อยอาหารได้ดีขึ้นในระหว่างที่เรากำลังนอนหลับอยู่ แต่สิ่งที่ต้องทำคือ ทำให้นอนหลับได้อย่างมีความสุข ซึ่งมีเทคนิคนอนหลับช่วยระบบย่อยอาหารดังนี้น้องไข่จ้องคนสวยเองค่ะ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย"ดีอีเอส" เตือนอย่าคลิกลิงก์ข่าวปลอมแบงก์ใหญ่ปล่อยกู้ผ่านเอสเอ็มเอสสรุปผลการมอนิเตอร์ และรับแจ้งข่าวปลอมประจำสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 4-10 ก.พ. 65 พบข้อมูลเชิงลึก (Insight) ว่า ข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจมากสุด 10 อันดับแรก หลายข่าวเป็นประเด็นเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจในชีวิตประจำวัน ทั้งเรื่องแบงก์ใหญ่เปิดสินเชื่อประชาชนรายย่อยแบบง่ายๆ จนไม่ควรหลงเชื่อ หรือโครงการเราชนะเฟส 4 จะแจกเงินเพิ่มKiws• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยครีมทาง่ามขาแอนนาเห็นผลจริงหรือไม่หลังจากมีกระแสหลังจากแอนนา ทีวีพูล เซเลปสาวท่านหนึ่ง ออกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดความคล้ำของขา แต่ทว่าเจ้าของผลิตภัณฑ์ใช้แล้วยังไม่เห็นผลความสวยความงามstd47911• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสูตรยาสมุนไพร 3 แม่ทัพ ใช้รักษาโควิด-19 ได้สูตรยาสมุนไพร ที่ประกอบด้วย ขมิ้นชัน หอมแดง กระเทียม และมันมะพร้าวสกัดเย็นนั้น สามารถรักษาโควิด 19 ได้pathita.2550• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยไฟลุกทั่วยูเครน! เซเลนสกีนั่งเครื่องบินสหรัฐ เผ่นออกจากฟินแลนด์! รัสเซียงัดขีปนาวุธ ถล่มหนักในเคียฟทั้งวันทั้งคืน #ยูเครน #รัสเซีย https://www.thaimoveinstitute.com/84752/?aoh=ข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยวัคซีนไฟเซอร์วัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) เป็นวัคซีน messenger RNA (mRNA) vaccine: วัคซีนชนิดสารพันธุกรรม หรือวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ วัคซีนจะทำหน้าที่พา mRNA เข้าเซลล์และกำกับให้เซลล์ผลิตสารโปรตีนสไปค์ (Spike Protein) ของเชื้อไวรัส โดยวัคซีนกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดี้ขึ้นมาต่อต้านเชื้อไวรัส เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันเริ่มคุ้นเคยกับไวรัสและเริ่มต้นที่จะเอาชนะมัน และร่างกายจะเรียนรู้วิธีต่อสู้กับโปรตีนเหล่านี้ถ้าต้องเผชิญกับมันอีกครั้งnattikasaunsawatsuga• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย#แจ้งเตือนสัมผัสโควิด #ใช้ในไทยได้แล้ว 🤩 ใครเปิดใช้แล้วบ้าง? ตอนนี้ฟีเจอร์การแจ้งเตือนสัมผัสเชื้อโควิด เปิดใช้งานในไทยได้แล้วนะหลังรอมากเนิ่นนาน โดยเจ้าตัวนี้จะช่วยเตือนตอนเราเกิดมีความเสี่ยงทั้งไปสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ หรือไปในพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้ออยู่ บอกเลยว่ามีติดเครื่องไว้ก็ทำให้อุ่นใจในระดังนึง เพราะตอนนี้ยอดผู้ติดเชื้อก็ยังเยอะอยู่ ส่วนใครยังไม่ได้เปิดใช้ก็ไปทำตามนี้ได้เล้ย~ 👉🏻 ขั้นตอนตามนี้เลยฮะ - ไปที่ตั้งค่า - เลือกการแจ้งเตือนการสัมผัสเชื้อ - กดเปิดใช้ - แล้วจะเด้งหน้าแจ้งเตือนการสัมผัสเชื้อขึ้นมา เลือกดำเนินการต่อ - เลือกประเทศไทย ⚠️ตรงนี้ถ้าใครขึ้นว่าการแจ้งเตือนการสัมผัสเชื้อไม่มีให้ใช้ตอนนี้ให้กดเสร็จสิ้นแล้วลองทำใหม่นะ ของเปย์เป้ทำ 2 รอบถึงได้ฮะ⚠️ - จะขึ้นข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุขมาให้ เลื่อนลงไปข้างล่างแล้วกดยอมรับ - กดเปิดใช้ - จะขึ้นว่าการแจ้งเตือนการสัมผัสเชื้อถูกเปิดใช้งานอยู่ ให้กดถัดไป - จะขึ้นว่าให้ข้อมูลเพื่อช่วยทำความเข้าใจการแพร่กระจายของ COVID-19 ให้กดแชร์ก็เสร็จแล้วฮะ 🤩 หรือใครอยากดูไปทีละขั้นตอนก็นี่เลย >> https://ppro.pro/3EPkGUm 😍 ปันโปรมีช่องทางอื่นให้ติดตามด้วยนะ IG : https://ppro.pro/3rH0tLB TikTok : https://ppro.pro/3AdgAmw Twitter : https://ppro.pro/3gn3LND กดติดตามไว้ ไม่พลาดทุกโปรโมชันดี ๆ ที่เปย์เป้จัดให้ ❤️ #ปันโปร #ปันโปรบอกข่าว #SaveForMoreโควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้วmeter: mostly-true--middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยกระทรวงพาณิชย์ ลดราคาสินค้าจำเป็น 72 รายการ ลดสูงสุดถึง 58% ถึง 30 มิย. 63เพื่อช่วยเหลือประชาชนในภาวะวิกฤตที่กำลังเผชิญการระบาดของ COVID-19้ ทำรายได้ลดลงผู้ผลิตสินค้า รวมทั้งห้างค้าปลีกพร้อมให้ความร่วมมือลดราคาสินค้าร้อยละ 5-58 ในสินค้าจำเป็น 6 หมวด จำนวน 72 รายการ ได้แก่ หมวดอาหารและเครื่องดื่ม เช่น ข้าวสาร น้ำมันปาล์ม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และนม หมวดอาหารปรุงสำเร็จแช่แข็ง ลดราคาผ่านเซเว่น-อีเลฟเว่น และซีพีเฟรชมาร์ท หมวดซอสปรุงรส เช่น ซีอิ้วขาว-ซีอิ๋วดำตราเด็กสมบูรณ์ ซอสหอยนางรม เต้าเจี้ยว หมวดของใช้ประจำวัน เช่น กระดาษชำระ แป้งเด็ก ยาสีฟัน แปรงสีฟัน และผ้าอนามัย หมวดผลิตภัณฑ์ชำระร่างกาย เช่น สบู่ แชมพู โฟมล้างหน้า หมวดผลิตภัณฑ์ซัก-ล้าง เช่น น้ำยาทำความสะอาดผ้า น้ำยาล้างขวดนม และน้ำยาทำความสะอาดพื้น รวมแล้ว 72 รายการ ในห้างที่เข้าร่วมโครงการ รวมถึงในร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ลดราคาร้อยละ 5 - 58 ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.2563โควิด 2019anonymous• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสบส. ปลดล็อกออกหน่วยตรวจโควิด-19 ถึงที่พักกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ประกาศแนวทางการตรวจคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 นอกสถานพยาบาล ปลดล็อคสถานพยาบาลสามารถออกหน่วยให้บริการประชาชนถึงที่พัก ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ป้องกันการแพร่กระจายของโรคระหว่างเดินทางโควิด 2019Ad.tar• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยด่วน!! นนทบุรี ยกเลิกคำสั่งผ่อนปรน ให้ห้างร้านปิดตามเดิมจังหวัดนนทบุรี ยกเลิกคำสั่งผ่อนปรน โดยให้ยึดคำสั่งเดิมก่อนหน้านี้ ห้างร้านที่ถูกสั่งปิด ยังให้ปิดต่อเนื่อง ยกเว้นศูนย์บริการโทรศัพท์มือถือและระบบสื่อสารในห้างสรรพสินค้า กลับมาเปิดได้ 15 เม.ย.นี้โควิด 2019Ad.tar• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยชมรมเวชศาสตร์ทารกเตือน ไม่ควรใส่ face mask ให้ทารกตามที่สถานพยาบาลหรือหน่วยงานหลายแห่งได้มีการประดิษฐ์อุปกรณ์ป้องกันใบหน้า (face shield) และหรือประยุกต์หน้ากากอนามัย (Surgical and non surgical face mask) มาสวมใส่ให้แก่ทารกแรกเกิดทั้งขณะอยู่ในโรงพยาบาล และจำหน่ายกลับบ้าน โดยมีการกระจายไปสู่สาธารณะอย่างแพร่หลายในช่วงระยะสถานการณ์โควิด-19 นั้น ทางชมรมเวชศาสตร์ทารกได้ออกเอกสารแถลงวิธีการป้องกันที่ดีที่สุดในการป้องกันการแพร่เชื้อสู่ทารก และยังได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดกับทารกในการใส่ face shield หรือ face mask และทางชมรมไเวชศาสตร์ทารกไม่สนับสนุนให้มีการใส่ face shield หรือ mask แก่ทารกแรกเกิดโควิด 2019anonymous• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 2 คนสงสัยหนุ่มหลอกลงทุนหลอกลงทุนstd47712• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยงานวิจัย "เพลงซิมโฟนีหมายเลข 5 ของเบโธเฟน ฆ่าเซลล์มะเร็งได้ 20% " จริงหรือ ? มีการเผยแพร่ข่าวงานวิจัย จากประเทศบราซิล ที่อ้างทำนองว่า เมื่อทดลองเปิดเพลง 3 เพลงให้กับเซลล์มะเร็งเต้านม ในห้องปฏิบัติการ คือเพลง ซิมโฟนีหมายเลข 5 (Fifth Symphony) ของ เบโธเฟน (Beethoven) , เพลงโซนาต้า สำหรับเปียโนสองตัว ใน D (Sonata for Two Pianos in D) ของโมสาร์ท (Mozart) และเพลง "Atmosphères" ของ ลีเก็ตตี้ (Ligeti) ... พบว่าเพลง ซิมโฟนีหมายเลข 5 และเพลง "Atmosphères" ช่วยให้เซลล์มะเร็งตายลง เมื่อเทียบกับเพลงของโมสาร์ท หรือเมื่อเงียบสนิท !? แต่ทีมวิจัยชาวบราซิลดังกล่าว ไม่สามารถระบุได้ว่าทำไมเพลงที่ส่งผลให้เซลล์มะเร็งตายได้ และไม่รู้ว่าในเนื้อเยื่อปรกติจริงๆ จะให้ตอบสนองแบบนี้หรือไม่อย่างไร (งานนี้ เป็นการทดลองกับเซลล์มะเร็ง ที่เลี้ยงในจานเพาะเลี้ยง ไม่ใช้กับมะเร็งที่อยู่ในตัวของสัตว์ทดลอง) และนักวิจัยยังยอมรับด้วยว่า วิธีการที่ใช้ทดลองนั้น ไม่สามารถหาปริมาณการตายของเซลล์ได้ ตัวเลข 20% ที่มีข่าวกันนั้นเป็นตัวเลขที่ไปเขียนกันเอาเอง ! ซึ่งตอนนี้ นักวิจัยก็บอกว่าไม่ได้ทำการทดลองเรื่องผลของดนตรีต่อเซลล์มะเร็ง อีกต่อไปแล้ว โดยอ้างว่าไม่มีทุนวิจัย ดูรายละเอียดด้านล่างนี้ครับ - เมื่อไม่นานมานี้ มีการเผยแพร่ข่าวสารการวิจัยที่อ้างว่า "ซิมโฟนีหมายเลข 5 ของ ลุดวิก ฟาน เบโธเฟน ทำให้เซลล์มะเร็งตาย 20% ในห้องปฏิบัติการได้ โดยไม่เป็นอันตรายต่อเซลล์ปกติ" . .. โดยระบุว่า นักวิทยาศาสตร์ที่ Instituto de Biofísica Carlos Chagas Filho มหาวิทยาลัยแห่งชาติ ริโอเดจาเนโร (Federal University of Rio de Janeiro) ประเทศบราซิล ได้ศึกษาว่า ดนตรีอาจมีบทบาทในการรักษาโรคมะเร็งได้ ทีมวิจัยที่นำโดย ดร. มาร์เซีย อัลเวส มาร์เกว คาเปลลา (Dr. Márcia Alves Marques Capella) ได้ทดลองให้เซลล์เพาะเลี้ยง ทั้งเซลล์ปกติและเซลล์มะเร็ง ได้ฟังดนตรีหลายประเภท และผลลัพธ์ที่น่าทึ่งคือ ซิมโฟนีหมายเลข 5 ของเบโธเฟน ทำลายเซลล์มะเร็งประมาณ 20% ในเวลาเพียงไม่กี่วัน ในขณะที่เซลล์ปกติไม่เกิดผลกระทบ ซึ่งยังไม่ทราบว่ากลไกที่อยู่เบื้องหลังผลลัพธ์นี้คืออะไร แต่อาจเป็นไปได้ว่า จังหวะ ความถี่ หรือความข้นของเสียง อาจเป็นปัจจัยหลัก ซึ่งจะมีการทดลองเพิ่มเติมที่รวมถึงเพลงจังหวะแซมบา (Samba) และฟังค์ (Funk) ด้วย - จริงๆ แล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่ข่าวใหม่ เพราะข้อกล่าวอ้างดังกล่าวนี้ ได้เริ่มถูกเผยแพร่มาตั้งแต่ปี 2011 แล้ว โดยเป็นบทความข่าวที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์รายวัน O Globo ในบราซิล ที่ระบุว่าเซลล์มะเร็ง MCF-7 (เป็นเซลล์มะเร็งเต้านมของมนุษย์ ที่ตอบสนองต่อเอสโตรเจน โปรเจสเตอโรน และกลูโคคอร์ติคอยด์ และเป็นหนึ่งในเซลล์มะเร็งที่ได้รับการศึกษามากที่สุดในโลก) เมื่อถูกเปิดเพลงซิมโฟนีหมายเลข 5 ใส่เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ทำให้ 1 ใน 5 ของเซลล์มะเร็ง MCF-7 ที่เพาะเลี้ยงนี้ได้ตายลง ขณะที่บรรดาเซลล์ที่รอดชีวิตหลายเซลล์มีขนาดเล็กลง ส่วนเพลง "Atmosphères" ของลิเก็ตติ ให้ผลลัพธ์คล้ายกัน แต่ท่อนแรกของเพลงโซนาต้าสำหรับเปียโนสองตัว ของโมสาร์ทแทบไม่ส่งผลกระทบเลย ... ในบทความอ้างว่า การทดลองนี้ สามารถเปิดทางใหม่สำหรับการรักษาโรคมะเร็ง และอ้างคำพูดของนักวิจัยนำ คือ ดร. คาเปลลา ว่า "เราเชื่อว่าเพลงซิมโฟนีทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเมตาบอลิซึม ไม่ใช่ไปทำเซลล์มะเร็งตายโดยตรง" - หลังจากนั้น ดร. คาเปลลา ได้ตีพิมพ์บทความวิจัย ในปี 2013 ในวารสาร Noise and Health และอีกบทความหนึ่ง ในวารสาร Evidence-Based Complementary and Alternative Medicine ในปี 2016 หลังจากการทดลองอีกครั้งกับเซลล์มะเร็งเต้านม อีกชนิดหนึ่ง คือ เซลล์ MDA-MB-231 .. (แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า วารสาร Evidence-Based Complementary and Alternative Medicine นี้ ได้หยุดเผยแพร่ไปแล้ว ในปี 2024 หลังจากถูกถอดออกจากฐานข้อมูลวารสารวิชาการของ Clarivate's Web of Science เนื่องจากปัญหาด้านคุณภาพ) ซึ่งในบทความได้อ้างว่า มีการทดลองกับเซลล์มะเร็ง ที่เพาะเลี้ยงในจานเพาะเลี้ยง ด้วยการเปิดเพลงทั้งสามเพลง ผ่านลำโพง (มีอีกชุดการทดลองที่ไม่เปิดเพลงใดๆ เป็นชุดทดลองควบคุม) ทำซ้ำการทดลองอย่างน้อย 4 ครั้ง เพื่อยืนยันผลลัพธ์ - แต่บทความวิจัยเหล่านั้น ไม่ได้รายงานเกี่ยวกับ จำนวนของเซลล์ที่ตายแล้ว หรืออ้างว่า เพลงเหล่านี้มีพลังในการรักษาโรคมะเร็ง นอกจากนี้ ยังไม่ได้มีการเอาเพลงไปทดลองกับเซลล์ปกติ แต่บอกเพียงแค่ว่าเซลล์มะเร็งที่ใช้ในการทดลองนั้นมีลักษณะคล้ายเซลล์เยื่อบุผิวตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เลยเป็นแบบจำลองที่ดีในการศึกษาวิจัย ... ทีมวิจัยระบุว่า การทดลองนี้มีเป้าหมายเพียงเพื่อ "ทำความเข้าใจผลกระทบโดยตรง ของการสั่นสะเทือนทางเสียง ในรูปแบบของดนตรี ต่อเซลล์มนุษย์ที่เพาะเลี้ยงไว้ ให้ดีขึ้น" - ทาง ดร. Capella เน้นว่า การทดลองเหล่านี้กับเซลล์ในจานเพาะเลี้ยง และผลลัพธ์ "ไม่สามารถขยายไปยังมนุษย์ได้" พูดง่ายๆ ว่า แม้ว่าเพลงจะฆ่าเซลล์มะเร็งในสภาพห้องปฏิบัติการที่ควบคุมได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า จะเอาเพลงนี้ไปใช้ในการรักษาโรคมะเร็งได้ .. แถมเธอยังบอกว่า ไม่ถูกต้องที่จะไปพูดกันว่า "หนึ่งในห้า (หรือ 20%) ของเซลล์มะเร็งตายลง หลังจากถูกเปิดเพลงซิมโฟนีหมายเลข 5 ของเบโธเฟน" เพราะวิธีการที่ใช้ทดลองไปนั้น ไม่สามารถนำมาหาปริมาณการตายของเซลล์ได้ .. แถมด้วยว่า เธอก็ไม่เคยวางแผนการทดลองเพิ่มเติม กับเพลงฟังค์ หรือเพลงซัมบ้า ของบราซิลอย่างที่แชร์กันด้วย - ดร. Capella เพิ่มเติมด้วยว่า หลังจากที่ข้ออ้างเหล่านี้ได้แพร่ระบาดไวรัลไปทั่ว เธอก็พยายามให้สัมภาษณ์กับสื่อ CNN Radio เพื่อขจัดความสับสน และหลังจากนั้น เธอก็ได้หยุดงานวิจัยเรื่องผลของดนตรีต่อเซลล์มะเร็งไปแล้ว เพราะหาทุนสนับสนุนงานวิจัยได้ยาก ข้อมูลจาก https://www.snopes.com/news/2025/02/15/study-beethovens-5th-cancer-cells/?cb_rec=djRfMl8xXzBfMTgwXzBfMF8wXwมะเร็งมีมไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผงมรณะหมู่ผงมรณะหมู่ (ขอบคุณด็อกเตอร์จิรพล สินธุนาวา ที่แนะนำข้อมูลมาเห็นด้วย 100% ครับ และเพิ่มเติมก็คือผงชูรสที่ใช้ในญี่ปุ่นนั้นทำจากสาหร่ายทะเลที่ไม่ได้อมพิษ แต่ในประเทศไทยใช้ที่เห็น ๆ ทางด้านล่างครับ) อยากตายไม่เหงา กินไป ป่วยเรื่อย ๆ ตายตาม ๆ กันไป ไทย ลาว พม่า ติดกันงอมแงม คือ ญี่ปุ่น ชาติที่ว่าพัฒนาแล้ว ฆ่าหมู่คนชัด ๆ แต่ในประเทศตัวเอง มีกฏหมายห้ามผลิตและจำหน่ายจ้ายกโรงงานมาไทย💣 • ผงชูรสฆ่าคน! ทราบไหมครับ ในการผลิตผงชูรสทั้งแบบก้อนและแบบผงในประเทศไทย ใช้แป้งมันสำปะหลังและกากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบหลัก แต่แหล่งข่าวที่ผมรู้จักยืนยันว่า มันมีอะไรแปลก ๆ มากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบที่มาจากกระดูกสัตว์ อย่างกระดูกวัว กระดูกควาย โซดาไฟ และปุ๋ยยูเรีย ก็คิดดูเองสิว่า ทำไมของเหลวที่เกิดจากกระบวนการผลิต ทำไมยังสามารถนำไปขายให้เกษตรกรไปเป็นปุ๋ยน้ำ รดไร่นา จนพืชขึ้นเขียวขจี (แต่กลายพันธุ์ด้วยหรือเปล่าไม่รับรองนะ) ลองสังเกตุดูสิว่า คนงานในโรงงาน และชุมชนที่อาศัยอยู่รอบ ๆ โรงงานผลิตผงชูรส ถึงมีอาการอิดโรย ป่วยกระเสาะกระแสะกันทั้งชุมชน เพื่อน ๆ ผมที่อยู่โรงงานผลิตผงชูรส เขายังไม่กินผงชูรสเลย แต่เขาจะนำผงชูรสผสมน้ำอุ่น แล้วไปขัดห้องน้ำ ขัดหม้อ ที่มีเขม่าดำ ขัดหัวเข็มขัดทองเหลือง ขัดสร้อยเงิน แช่เหรียญเก่า หรือแช่พระกรุ ก็ไม่แน่ เพราะผมเคยลองขัดดูแล้วเวิร์กมาก ๆ ถ้าไม่เชื่อท่านผู้อ่านลองดูเองนะครับ จริง ๆ แล้ว "ผงชูรส ไม่มีประโยชน์ทางโภชนาการเลยแม้แต่นิดเดียว" "ผงชูรส มีประโยชน์เพียงทำให้ต่อมรับรส เปิดกว้างขึ้น ทำให้รู้สึก ว่าอาหารมีรสชาติดีขึ้น" อันตรายของผงชูรสถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ 1) พิษภัยและอันตรายที่เกิดจากเกลือโซเดียม กล่าวคือผงชูรสมีโซเดียมที่มาจากโซดาไฟ เป็นองค์ประกอบสำคัญเช่นเดียวกับเกลือแกง แต่อันตรายมากกว่าเกลือแกงตรงที่ว่า เกลือแกงใช้เพียงนิดเดียวก็รู้สึกว่ามีรสเค็ม แต่ผงชูรสใส่มากเท่าไหร่ ก็ไม่รู้สึกตัวว่ามีปริมาณโซเดียมมากเท่าไหร่ เพราะไม่มีรสชาติให้รู้สึก หรือพูดอีกนัยหนึ่ง ผงชูรสมีพิษแฝงในเรื่องโซเดียม ซึ่งมีพิษภัยอันตรายดังนี้: 1.1) ทำให้ภูมิต้านทานหรือภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์ลดลง ถึงแม้ผงชูรสจะไม่ทำให้ใครเป็นเอดส์ แต่มันทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายบกพร่อง ยิ่งถ้าคนป่วยเป็นเอดส์มาทานอาหารที่ใส่ผงชูรส ยิ่งทำให้ตายเร็วกว่าที่ควรเป็นครับ 1.2) ทำให้เกิดการคั่งในสมองเด็ก ซึ่งเมื่อเด็กโตขึ้นจะเป็นคนปัญญาอ่อน ในปัจจุบันมีเด็กปัญญาอ่อนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่มีผงชูรสแพร่หลายในประเทศไทย ผงชูรสทำให้เด็กทารกเกิดอาการชักโคม่า ซึ่งบางครั้งแพทย์ไม่รู้สาเหตุ และอาจทำให้รักษาผิดพลาด เป็นอันตรายได้ นอกจากนี้ยังเป็นภัยต่อหญิงมีครรภ์ ทำให้ร่างกายผอม และยังมีพิษภัยต่อทารกในครรภ์และทารกแรกเกิดด้วย 1.3) ผงชูรสเป็นอันตรายต่อผู้เจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ เช่น โรคไต ความดันสูง และโรคหัวใจ เป็นต้น 2) พิษภัยและอันตรายที่เกิดจากตัวผงชูรสแท้ ส่งผลดังนี้ 2.1) ทำให้เกิดอาการแพ้ผงชูรส ซึ่งจะมีอาการชา และร้อนวูบวาบที่ปาก ลิ้น ใบหน้า โหนกแก้ม ต้นคอ หน้าอก บางคนมีผื่นแดงเกิดขึ้นตามตัว แน่นหน้าอก หัวใจเต้นช้าลง หายใจไม่สะดวก เป็นต้น จนเป็นที่รู้จักและขนานนามโรคแพ้ผงชูรสในภัตตาคารจีน 2.2) ทำลายสมองส่วนหน้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมการเจริญเติบโตและระบบสืบพันธุ์ของร่างกาย ทำให้เจริญเติบโตช้า ปัญญาอ่อน ระบบสืบพันธุ์ผิดปกติ เป็นหมัน อวัยวะสืบพันธุ์เล็กลง ทั้งในเรื่องของขนาดและน้ำหนัก 2.3) ทำลายระบบประสาทตา สายตาเสีย หรือเกิดตาบอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสัตว์ทดลอง ยิ่งอายุน้อย จะยิ่งเกิดผลร้ายมาก 2.4) ทำลายกระดูกและไขกระดูก ซึ่งเป็นส่วนที่ผลิตเม็ดเลือดแดงในร่างกาย ทำให้โลหิตจางได้ 2.5) ทำให้วิตามินในร่างกายลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินบี 6 แก้โรคแพ้ผงชูรสได้ 2.6) เกิดโรคมะเร็ง 2.7) ทำลายระบบประสาทส่วนกลางทำให้เป็นโรคประสาทได้ง่ายขึ้น 3) 😎 เปลี่ยนแปลงโครโมโซม ทำให้ผิดปกติ ปากแหว่ง หูแหว่ง และจมูกวิ่น แขนขาพิการ เป็นต้น แต่ถึงเห็นพิษภัยขนาดนี้ประชาชนตาดำ ๆ อย่างเราคงจะหลีกเลี่ยงผลชูรสได้ยาก เพราะตั้งแต่ภัตตาคารใหญ่ ๆ จนไปถึงร้านข้างถนน ยังขาดความรู้เรื่องโทษจากผงชูรส เรามาเริ่มต้นจากบ้านของเรา และช่วยกันรณรงค์เรื่องพิษภัยของผงชูรสกันดีกว่าครับ Cr: ขอบคุณที่มา จาก นสพ. ฐานเศรษฐกิจผู้บริโภคเฝ้าระวังMrs.Doubt• 2 ปีที่แล้วmeter: mostly-false--middle3 ความเห็น
- 1 คนสงสัย#มอสโควระส่ำ #มหาเศรษฐีรัสเซียทิ้งกรุงแห่หนีออกนอกประเทศ#มอสโควระส่ำ #มหาเศรษฐีรัสเซียทิ้งกรุงแห่หนีออกนอกประเทศ สถานการณ์ในรัสเซียยังระทึกต่อเนื่อง เมื่อกองกำลัง Wagner กำลังยกพลมุ่งหน้าสู่กรุงมอสโคว อย่างรวดเร็วหลังจากประกาศว่าได้ยึดเมืองรอสตอฟแล้ว อีกทั้งยังมีทหาร Wagner บางส่วนในเมืองโวโรเนซ และ ลิเพตสค์ ที่อยู่ห่างจากกรุงมอสโควราว 400 กิโลเมตร กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงของรัสเซียเช่นกัน บรรยากาศในกรุงมอสโคว จึงอยู่ในภาวะตึงเครียด ถนนสายหลักที่มุ่งหน้าสู่มอสโควถูกปิด มีการตั้งด่านกีดขวางไว้ตามจุดเพื่อสกัดการบุกจาก Wagner ที่กำลังรุกคืบใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ด้านผู้ว่าการกรุงมอสโคว ประกาศให้ชาวเมืองกรุงอยู่แต่ในบ้าน และได้เซ็นคำสั่งให้วันจันทร์เป็นวันหยุด แต่ดูท่าจะไม่สามารถทำให้ชาวเมืองคลายความวิตกได้ ในสถานการณ์ที่มีเฮลิคอปเตอร์ทหารบินเหนือเมืองตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังมีข่าวว่าตัว วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียได้บินออกจากมอสโควไปแล้ว แม้สื่อหลักของรัฐบาลรัสเซียจะยืนยันว่า ปูติน ยังคงทำงานอยู่ในทำเนียบิเครมลินก็ตาม โดยมีรายงานเครื่องบินประธานาธิบดีทั้ง 2 ลำ บินออกจากไปยังเมืองเซนท์ ปีเตอร์สเบิร์ก โดยลำแรก Il96-300PU สัญญาณเครื่องบินหายในเมื่อบินถึงเมือง ตเวียร์ ส่วนอีกลำ เรดาร์ก็หายไปเมื่อเข้าเขตเมืองกัตซินา จึงไม่รู้แน่ชัดว่าตอนนี้ปูตินอยู่ที่ไหนแน่ แต่นอกจากปูตินแล้ว ยังมีข่าวอีกว่ามหาเศรษฐีรัสเซีย และคนวงในของปูตินได้จับเครื่องบินเดินทางออกนอกประเทศไปแล้วเช่นกัน อาทิ มหาเศรษฐี อาร์ตาดี โรเทนเบิร์ก เพื่อนสนิทของปูตินได้จับเครื่องบินเจทส่วนตัวบินด่วนออกจาก มอสโคว ไปยังกรุงบากู ของอาเซอร์ไบจานเรียบร้อยแล้ว เดนนิส แมนตูรอฟ รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวออกจากมอสโคว ไปยังเมืองดาลาแมน ในตุรเคียตั้งแต่เช้าวันนี้ วลาดีมีร์ โปตานิน อดีตรองนายกรัฐมนตรีอีกคน ปัจจุบันเป็นประธานบริษัทผู้ผลิตนิกเกิลรายใหญ่ที่สุดของโลกตัดสินใจบินออกจากมอสโคว ไปเมืองอิสตันบูล ของตุรเคีย บอริส คอวัลชัค บุตรชายของเพื่อนสนิทอีกคนของปูติน และยังเป็นผู้บริหาร Inter RAO หนึ่งในบริษัทด้านพลังงานของรัฐบาล ก็สั่งเครื่องบินขนส่งของบริษัทบินด่วนออกจากมอสโควไปเซนท์ ปีเตอร์สเบิร์กราวๆบ่าย 3 โมงวันนี้ และยังมีข่าวอีกว่านอกจากกลุ่มเศรษฐี คนวงในรัฐบาลที่บินออกจากมอสโควในวันนี้พร้อมกันราวนัดหมาย ก็ยังมีชาวมอสโควจำนวนมาก แห่จับจองตั๋วเครื่องบินออกจากรัสเซียไปยังประเทศที่ชาวรัสเซียสามารถเข้าได้โดยไม่ต้องวีซ่า ทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินพุ่งสูงขึ้นชั่วพริบตา เช่นตั๋วเครื่องบินจากมอสโคว ไปกรุงเยอร์เวน ในอาร์เมเนียเที่ยวเดียว ตอนนี้ราคาขึ้นไป 2 แสนรูเบิล (ประมาณ 8.4 หมื่นบาท) ในขณะที่ตั๋วเที่ยวเดียวไปดูไบ ราคาขึ้นไป 3.5 แสนรูเบิล (1.47 แสนบาท) เข้าไปแล้ว ส่วนเที่ยวบินที่ไปกรุงเมืองอิสตันบูล, ทบิลิซิ และ อัสตานา ตอนนี้เต็มหมดแล้ว เชื่อว่านี่แค่จุดเริ่มต้นของความโกลาหลในกรุงมอสโควเท่านั้น และอีกไม่นาน กองกำลัง Wagner กลุ่มแรกจะเคลื่อนพลมาถึงรอบนอกของมอสโควแล้ว ที่มีกองทัพรัสเซียตั้งด่านรออยู่ ชาวโซเชียลจำนวนมากจึงเริ่มตั้งคำถามว่า ในขณะที่กองกำลัง Wagner ใช้เวลาเกือบปี กว่าจะเคลมเมืองเล็กๆอย่างบัคมุทในยูเครนได้ แต่กลับบุกยึดเมืองใหญ่อย่างรอสตอฟของรัสเซียได้เพียงวันเดียว และกำลังจะไปยึดมอสโควด้วย นี่ใช่ Wagner กลุ่มเดียวกันจริงหรือเปล่า🤔 ทำให้สะท้อนเห็นความแตกแยกและผุกร่อนภายในรัสเซีย ที่ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะสามารถผสานกลับคืนมาได้อย่างไร? และเมื่อไหร่? **************** ติดตามบทความของ "หรรสาระ" เพิ่มเติมได้ที่ Facebook - หรรสาระ By Jeans Aroonrat Twitter - @HunsaraByJeans Blockdit - หรรสาระ By Jeans Aroonrat แพลทฟอร์มคุณภาพ ไม่ปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหา **************** แหล่งข้อมูล https://news.yahoo.com/putins-plane-reportedly-departs-moscow-133300722.html https://www.pravda.com.ua/eng/news/2023/06/24/7408371/ https://www.washingtonpost.com/business/2023/06/23/ukraine-war-russia-nuclear/c925065a-11cd-11ee-8d22-5f65b2e2f6ad_story.html https://www.themoscowtimes.com/2023/06/24/live-wagner-chief-rebels-against-military-leadership-a81618ข่าวการเมืองMrs.Doubt• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย"อีกหนึ่ง บทความดีๆ " อ่านแล้วสะท้อนใจถึง สังคมไทยในปัจจุบัน : สุนทรพจน์ของ นักศึกษาสาวคณะนิติ ศาสตร์ มหาวิทยาลัย ปักกิ่ง ที่ข้าประกวด สุนทรพจน์ในรายการ ทีวี โดยให้พูดสั้นๆเพียง 3 นาที ในหัวข้อใหญ่โต ว่า " คนรุ่นใหม่ทำอะไร ให้กับโลกบ้าง? " : อาจารย์ อาร์ม ตั้งนิรันดร์ คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ กำลังทำปริญญาเอก ทางกฎหมายอยู่ที่มหา วิทยาลัยฮาร์วาร์ด แปล เป็นไทย ลองอ่านกันดู นะครับ .. "ฉันเป็นนักศึกษา คณะนิติศาสตร์อาจารย์ คณะนิติศาสตร์ทุกคน ของฉันเคยพูดว่า "กฎหมายบัญญัติ ไว้ว่าอย่างนี้ แต่ในทาง ปฎิบัติในชีวิตความเป็น จริง .." ชีวิตความเป็น จริง เป็นโลกที่น่าพิศวง ในชีวิตความเป็นจริง คนซื่อๆ ที่ปฏิบัติตาม กฎเกณฑ์อย่างเคร่ง ครัด มักใช้ขีวิตเงียบๆ ไม่มีขื่อเสียงเรียงนาม ส่วนคนที่มากเล่ห์เพทุ บาย สุดท้ายกลับมีทั้ง ชื่อเสียง มีลาภสมบัติ เพราะฉะนั้น เด็ก ไร้เดียงสาอย่างฉันจึง มักมีรุ่นพี่ที่มากประสบ การณ์ มาตบไหล่ฉัน เบาๆด้วยความเอ็นดู และบอกฉันว่า "เด็กน้อย รอ ิ จนเธอเข้าใจโลก เสียก่อน ! " สิ่งที่ฉันอยากถาม ก็คือ คนหนุ่มสาวอย่าง ฉัน สามารถทำอะไร ให้กับโลกได้บ้าง วัน หนึ่งข้างหน้า - ผู้ว่าการแบ๊งค์ชาติ จะเป็นคนที่ที่เกิดหลัง ปี 1990 - นักธุรกืจชั้นนำ จะเป็นคนที่เกิดหลัง ปี 1990 - แม้กระทั่งประธานา ธิบดี ก็จะเป็นคนที่เกิด หลังปี 1990 -ในวันที่สังคมเป็นที่ ยืนของคนที่เกิดหลังปี 1990 ฉันอยากถามเพื่อน ร่วมรุ่นทุกคนว่าพวกเรา อยากให้สังคมเป็นอย่าง ไร ฉันรู้ดีว่าไม่ใช่ทุกคน ที่สามารถก้าวขึ้นมาฝ่า ฟันพายุ และคลื่นลม จนเป็นผู้กำหนดชะตา กรรมของประเทศชาติ ฉันและคุณล้วนเป็นคน เล็กๆธรรมดาๆ ภายใน กลไกเครื่องจักรสังคม อันมหึมา พวกเราเป็น เพียงหมุดตะปูตัวเล็กๆ สมัยเรียนหนังสือ ืพ่อแม่พูดทุกวันว่า ให้ตั้ง ใจเรียนเป็นอันดับแรก อย่าเพิ่งสนใจอย่างอื่น พอถึงวันจบการศึกษา พวกเราก็เที่ยวเอาจด หมายสมัครงานหว่าน ไปทั่ว ด้วยความหวัง ว่า จะมีบริษัทรับเข้า ทำงาน ..ผ่านไปไม่กี่ปี ก็ถูกกดดันให้แต่งงาน ซื้อบ้านแล้ว ก็ใช้เวลา อีกประมาณ 20 ปีแรก ของชีวิตการทำงาน ช่วงที่มีกำลังเต็มที่ หา เงินมาใช้หนี้ จนทำให้ คนหนุ่มสาวยุ่งอยู่กับ การใช้ชีวิตจนไม่เหลือ ความฝัน ไม่มีเวลาสน ใจการเมือง ไม่มีเวลา สนใจสิ่งแวดล้อม ไม่มี เวลาสนใจชะตากรรม บ้านเมือง แล้วจะเหลือ กำลังวังชาทำอะไรให้ แก่สังคมส่วนรวมได้อีก แต่ภายหลังฉันพบ ว่า มีอยู่อย่างหนึ่งที่ฉัน และคุณทำได่ สิ่งนั้นคือ คนรุ่นเราไม่ว่าจะเดินไป เส้นทางใดขออย่าได้ทำ ชั่ว ขอแค่อย่าเปลี่ยน เป็นผู้ใหญ่แบบที่เรา เคยรังเกียจใน สมัยเด็ก - ถ้าต่อไปเราเป็น ืคนขายของแผงลอย ก็ อย่าเอาน้ำมันทิ้งแล้วมา ทอดของขาย - ถ้าขายผลไม้ก็ อย่าโกงน้ำหนักตาชั่ง - ถ้าเปิดโรงงานเป็น เจ้านายคน ก็อย่ากดค่า แรงลดคุณภาพวัตถุดิบ ผลิตของด้อยคุณภาพ คนธรรมดาหนึ่งคน ในตำแหน่งหน้าที่การ งานที่แสนธรรมดา ถ้า ทำหน้าที่ของตนให้ได้ ดี ย่อมเป็นสิ่งมีคุณค่า มาก เพราะเราทุกคน ตั้งแต่วันที่เราเกิดมาก็ มีผลเปลี่ยนแปลงโลก ฉันเป็นนักศึกษากฏ หมาย ถ้าในภายภาค หน้า ฉันสามารถเป็นผู้ พิพากษามีความยุติ ืธรรม สังคมเราก็จะมีผู้ พิพากษาที่ดีเพิ่มขึ้นอีก หนึ่งคน ย่อมเป็นสังคม ที่ดีขึ้น อย่างน้อยก็ นิดนึง ฉันหวังว่าทุกคน จะตระหนักว่า แม้จะมี เหตุผลอันน่าเห็นใจ แสนอย่างรองรับการ ทำชั่ว ตัวเราก็ต้องรักษา มาตรฐานศีลธรรมของ เราไว้ด้วยเหตุผลเดียว นั่นคือ ..เราไม่ใช่สัตว์ ป่าผู้หิวโหย แต่เป็น มนุษย์ผู้รู้ผิดชอบชั่วดี เพื่อนร่วมรุ่นหนุ่มสาว ของฉัน - พวกเราสามารถ เป็นคนหนุ่มสาวที่มีคุณ ภาพตลอดชีวิต - เกลียดชังความชั่ว - ไม่ปล่อยตัวตามกระ แสแห่งคลื่นลม - ไม่รับใช้ผู้มีอำนาจ อย่างหลับหูหลับตา - ไม่ลืมหลักการ - ไม่ลืมความเป็น มนุษย์ ฉันฝากถึงเพื่อน ร่วมรุ่นที่รักทุกคน ถ้า ในอนาคต มีคนพูดกับ คุณว่า เธออย่าสะเออะ มาเป็นนักศีลธรรม รู้จัก ปรับตัวเข้าสังคมบ้าง เมื่อเวลานั้น เธอก็ควร จะมีความกล้าหาญที่ จะตอบว่า ..ก็ฉันไม่ได้ เหมือนคุณนี่ ฉันไม่ได้ มาเปลี่ยนตัวเองเพื่อเข้า สังคม ฉันมามีส่วนเพื่อ เปลี่ยนแปลงสังคม " สปีชอันยอดเยี่ยม ของนักศึกษาสาวจีนผู้ นี้ ผมอยากให้คนไทย ทุกคนได้อ่านถ้าคนไทย ทุกคนไม่ยอมรับเหตุ ผลร้อยแปดเพื่อทำชั่ว เช่น ไปช่วยเหลือคนชั่ว ทุจริต สังคมไทยจะสูง ขึ้นอีกหลายนิ้วเลยที เดียว ไม่ต่ำลงไปเรื่อยๆ อย่างทุกวันนี้ข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยวันนี้ "หนังสือพิมพ์เดอะซัน" ของอังกฤษเผยแพร่จดหมายเปิดผนึกของบิลเกตส์ จดหมายฉบับนี้ได้รับการให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และถูกส่งต่อจากคนในวงกว้าง คนทั้งหลายต่างกล่าวขานชื่นชมว่าบิลเกตส์เป็นผู้เปี่ยมสติสัมปชัญญะอย่างแท้จริง ******************************************** ต่อไปนี้คือ จดหมายเปิดผนึกของบิลเกตส์: ฉันเชื่ออย่างสนิทใจว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีจุดประสงค์ทางจิตใจอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าเราจะคิดว่ามันดีหรือไม่ดีก็ตาม ในขณะที่ฉันได้นั่งคิดอย่างมีสติรอบคอบ ฉันจึงอยากจะขอร่วมแบ่งปันเสียงสะท้อนจากใจของฉันให้กับท่านทั้งหลาย ว่าแท้จริงไวรัสโคโรน่าได้ทำอะไรกับพวกเราไปบ้าง 1)ไวรัสนี้ได้มาเตือนบอกเราทั้งหลาย ว่ามนุษย์ทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน ไม่ว่าวัฒนธรรม ศาสนา อาชีพ สภาพการณ์เศรษฐกิจของเราจะต่างกันอย่างไร หรือต่อให้เป็นคนที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งก็ตาม ในสายตาของไวรัสแล้วเราทุกคนล้วนเสมอภาคเท่ากัน เราทุกคนก็ควรปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยความเสมอภาคเช่นกัน ถ้าคุณไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูดมา คุณก็ไปถามทอมแฮ็งค์ดู 2)ไวรัสนี้ได้มาเตือนเรา ว่าชะตากรรมของเราทุกคนล้วนเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน สิ่งที่ส่งผลต่อคน ๆ หนึ่งก็สามารถส่งผลต่ออีกคนเช่นเดียวกัน ไวรัสยังเตือนเรา พรมแดนเท็จที่เราสร้างไว้นั้นมันไร้ค่าเสียจริง เพราะไวรัสไม่ต้องใช้หนังสือเดินทางก็ข้ามระหว่างประเทศได้ 3)ไวรัสเตือนสติเราว่า สุขภาพที่ดีมีค่าแค่ไหน แต่เรากลับละเลยสุขภาพนี้ ไปกินอาหารขยะทั้งหลาย ดื่มน้ำที่ปนเปื้อนสารเคมีต่างๆ ถ้าเราไม่ดูแลตนเอง แน่นอนว่าเราต้องเจ็บป่วย 4) ไวรัสเตือนเราว่า ชีวิตนั้นทุกข์และแสนสั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราควรทำคืออะไร โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ป่วยแล้ว. จุดมุ่งหมายของชีวิตไม่ได้อยู่ที่การซื้อกระดาษชำระแบบม้วน 5)ไวรัสเตือนเราว่า สังคมของเราเห็นวัตถุกลายเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก เมื่อเราประสบกับปัญหาความยากลำบาก เราเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ความต้องการพื้นฐานของเราคือ อาหาร น้ำและยา มากกว่าสินค้าฟุ่มเฟือยที่ไม่ได้มีมูลค่าอะไรเลย 6)ไวรัสเตือนเราว่า ครอบครัวมีความสำคัญเพียงใด แต่เรากลับมองข้ามจุดนี้ไปแล้ว ไวรัสบังคับให้เรากลับไปบ้านของเรา ดังนั้น เราจึงสามารถสร้างบ้านให้เป็นครอบครัว และสร้างสายสัมพันธ์ที่เข้มแข็งในครอบครัว 7)ไวรัสเตือนเราว่า งานที่แท้จริงของเราไม่ใช่งานที่เรากำลังรับจ้างอยู่นั้น แน่นอนว่าเราต้องทำงาน แต่ทว่าตามพระประสงค์ของพระเจ้าในการสร้างเรามา ไม่ใช่เพื่อให้เรามาทำงาน งานที่แท้จริงของเราทุกคน คือการดูแลซึ่งกันและกัน ปกป้องคุ้มครองซึ่งกันและกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อประโยชน์ร่วมกัน 8)ไวรัสเตือนเราว่า เราอย่าได้สำคัญตัวเองยิ่งใหญ่ หยิ่งผยอง ไวรัสยังเตือนเราด้วยว่า ไม่ว่าคุณจะคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่เพียงใด ไม่ว่าคนอื่นจะคิดว่าคุณยิ่งใหญ่เพียงใด ไวรัสขนาดเล็กๆเพียงแค่นิดเดียว ก็สามารถทำให้โลกทั้งใบหยุดนิ่งได้ทันที 9)ไวรัสเตือนเราว่า อิสรภาพอยู่ในมือของเราเอง เราสามารถเลือกที่จะร่วมมือและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เลือกที่จะแบ่งปันให้ และสนับสนุนซึ่งกันและกัน หรือเราสามารถเลือกที่จะเห็นแก่ตัว กักตุนเสบียงเพื่อดูแลแค่เฉพาะตัวเองเท่านั้น มีเพียงในยามยากลำบาก เราจึงสามารถมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของคนๆหนึ่งได้ 10) ไวรัสเตือนเราว่า เราสามารถอดทน หรือตื่นตระหนกได้ เรายังสามารถเข้าใจได้ว่าสถานการณ์เช่นนี้ เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในประวัติศาสตร์มาแล้ว แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านไป เราอาจตื่นตระหนก คิดว่าวันสิ้นโลกมาถึงแล้ว จนส่งผลทำร้ายตัวเราเอง 11)ไวรัสเตือนเราว่า การแพร่ระบาดของไวรัสเป็นทั้งจุดจบและจุดเริ่มต้น เวลานี้เราสามารถไตร่ตรองและทำความเข้าใจได้แล้ว เรียนรู้รับเอาบทเรียนจากความผิดพลาดนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเวียนว่าย และอาจจะดำเนินเช่นนี้ต่อไป จนกว่าเราได้รับบทเรียนทั้งหมด 12)ไวรัสเตือนเราว่าโลกของเรากำลังป่วย ไวรัสยังเตือนเราด้วยว่า เราต้องดูว่าผืนป่าหายไปเร็วแค่ไหน นอกจากนี้คุณต้องดูความเร็วที่กระดาษชำระม้วนหนึ่งหายไปจากชั้นวางว่าเร็วแค่ไหน เราทุกคนต่างป่วยกันหมดแล้ว เพราะครอบครัวของเราป่วย(โลกคือครอบครัวของเรา) 13)ไวรัสเตือนเราว่า ความยากลำบากมักจะผ่านไปได้เสมอ แล้วจากนั้นทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นมา ชีวิตเป็นวัฏจักรวนเวียน ตอนนี้เป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งในวัฏจักรเท่านั้น เราไม่ต้องตกใจ โรคระบาดจะผ่านไปได้แน่นอน 14)หลายคนคิดว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าเป็นหายนะ แต่ฉันคิดว่านี่จะเป็นการ "แก้ไขข้อผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด"โควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: false3 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข้อความนี้ พระเทพฯ ทรงให้สัมภาษณ์ จริงหรือไม่ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึงพ่ออยู่หัว ร.9 พระเทพฯ ทรงกล่าวให้สัมภาษณ์ 1. จากนี้ไปประเทศไทยของเราจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีก อาจมีหลายสิ่งเปลี่ยนไป รอยต่อของคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่อาจชัดเจนขึ้น มันคือการเปลี่ยนผ่านในวันที่พ่อไม่อยู่ ทุกคนมีสิทธิ์เสียใจ และควรเสียใจ ทุกคนมีสิทธิ์กลัว และควรกลัว แต่จงตระหนัก เตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงด้วยสติปัญญา 2. พ่อคือตัวแทนของความพอเพียง เป็นต้นฉบับของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในวันที่ประเทศไทยกำลังถูกปั่นด้วยกระแสความโลภ จงหยิบภูมิปัญญาของท่านมาใช้ให้เกิดประโยชน์ จดจำหลอดยาสีฟันของท่านไว้ จดจำการแต่งกายที่เรียบง่ายของท่านไว้ อะไรที่ประหยัดได้จงประหยัด อะไรที่พึ่งพาตนเองได้จงพึ่งพา อะไรที่แบ่งปันได้จงแบ่งปัน เมื่อยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้แล้ว เราจะพึ่งพาผู้อื่นน้อยลง 3. พ่อเป็นผู้มีความเพียรดุจพระมหาชนก ท่านเป็นผู้ว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรโดยไม่เคยถามว่าเมื่อไหร่จะถึงฝั่ง ความคิดเช่นนี้ทำให้ท่านทำงานที่ยิ่งใหญ่ได้ ฝากถึงคนไทย อย่าทำงานด้วยตัณหา อย่าขับเคลื่อนชีวิตด้วยความอยากมี อยากได้ อยากเป็น อย่าให้อำนาจวัตถุบังตาจนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี จงขับเคลื่อนชีวิตและการงานด้วยฉันทะ ความรัก ความเมตตา ด้วยประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เหมือนที่พ่อเคยทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง 4. พ่อยืนเคียงข้างคนยากจนเสมอ คนจนอยู่ที่ไหนท่านก็อยู่ที่นั้น ท่านเดินทางบุกป่าฝ่าดงไปเยี่ยมพวกเขาถึงบ้าน เป็นพระราชาผู้อยู่ง่าย กินง่าย ไม่ยึดติดความหรูหรา เมื่อพ่อไม่อยู่แล้ว เราอย่าหลงลืมปณิธานข้อนี้ อย่าทอดทิ้งคนยากจน จงหยิบยื่นโอกาสให้ผู้ด้อยกว่า อย่าใช้ช่องว่างกฎหมายซ้ำเติมและเอาเปรียบผู้อื่น 5. ไม่มีท่าน เราจะมานั่งทะเลาะกันเหมือนในอดีตไม่ได้ เพราะไม่มีใครที่จะมาห้ามเราได้ ไม่มีใครอีกแล้วที่เราจะเกรงใจ รับฟังเหมือนที่เคยรับฟังท่าน ถ้าทุกฝ่ายไม่คิดถึงข้อนี้ให้มาก ถ้ายังเอาแต่ความคิดตนเป็นใหญ่ ประเทศไทยที่เรารัก ย่อมตกอยู่ในฐานะอันตราย เมื่อพ่อไม่อยู่แล้ว จงรักและถนอมน้ำใจกันให้มากกว่าที่ผ่านมา 6. สิ่งที่พ่อทิ้งไว้ ไม่ใช่เพียงอิฐ หิน ปูน ทราย แต่เป็นความรู้ขั้นปรีชาญาณ เราอาจรักษาร่างกายท่านไว้ไม่ได้ เพราะนั่นคือกฎธรรมชาติ แต่เราสามารถรักษาภูมิปัญญาของท่านไว้ได้ จงค้นคว้าข้อมูลทางเทคนิคต่างๆ ฝนเทียมเกิดได้อย่างไร กังหันน้ำชัยพัฒนาคืออะไร มันมีความน่าทึ่งยังไงในมิติทางวิศวกรรม การเพาะปลูกโดยไม่พึ่งสารเคมีทำได้อย่างไร การพัฒนาดิน รักษาน้ำ ชุบชีวิตป่าเป็นอย่างไร ทำไมท่านไม่สนับสนุนให้ปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำไมท่านจึงส่งเสริมให้ชาวบ้านรู้จักการห่มดิน ท่านเคยสร้างรากฐานอันใดไว้ให้วงการเกษตรกรรมของชาติ สิ่งเหล่านี้ควรสนับสนุนให้มีการร่ำเรียนกันเป็นระบบ ในโรงเรียน มหาวิทยาลัย ถ้าเราทำเช่นนี้ได้ภูมิปัญญาที่ท่านคิดค้นมาหลายสิบปีจะไม่สูญหายไปจากสังคมไทย 7. จากนี้ไปจะมีคนอีกมาก ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง อาจมีคนที่ไม่เข้าใจท่านออกมาพูดในสิ่งที่เราไม่ชอบ จงใช้สติ อดทน ไม่โต้ตอบ เหมือนที่ท่านได้กระทำมาชั่วชีวิต พระพุทธเจ้าตรัสไว้เสมอ ไม่เคยมีสันติภาพใด เกิดจากความรุนแรงและคำด่าทอ 8. พ่อเป็นผู้ค้ำชูศาสนาโดยแท้จริง ไม่ใช่ด้วยคำพูด หรือแค่เม็ดเงินบริจาค แต่ท่านคือผู้พิสูจน์ธรรมะด้วยกายใจ ในฐานะผู้ปฏิบัติธรรม ท่านคือนักภาวนาที่หาตัวจับยาก เป็นผู้มีอานาปานสติเป็นวิหารธรรม ทำไมพ่อทำงานหนัก แต่ยังมีเวลาภาวนา ทำไมเราทำงานน้อยกว่าท่าน แต่เรากลับอ้างว่าเราไม่มีเวลา สิ่งนี้ต้องคิดให้มาก เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเอง 9. พ่อคือครูผู้ยิ่งใหญ่ที่สอนด้วยชีวิตและการกระทำ ชีวิตคือธรรมะ และธรรมะก็คือชีวิตที่ตั้งอยู่ในความธรรมดาที่เกิดขึ้นกับเราทุกคน พ่อกำลังบอกเราว่า จงดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท ทำให้ดีที่สุดในวันนี้ จะไม่ต้องติดค้างเสียใจในภายหลัง 10. แม้วันนี้พ่อจะไม่อยู่ แต่ขอให้ชาวไทยจงวางใจว่า สถานที่ที่ท่านเดินทางไปนั้น น่าอยู่และงดงามกว่านี้หลายเท่า ท่านคือพระโพธิสัตว์ผู้ผ่านมาสร้างแสงสว่าง การเกิดของท่านในชาตินี้เป็นการเกิดที่สมศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ และเราทั้งหลายควรภูมิใจไปกับท่าน ท่านคงไม่อยากให้เราคนไทยถูกทับถมด้วยทะเลแห่งความเศร้า อย่าทิ้งหน้าที่ อย่าทิ้งการงาน และสิ่งต่างๆ ที่รับผิดชอบอยู่ จงตั้งสติให้มั่นคง เป็นกำลังสมาธิ เป็นความสว่างเบิกบาน เพื่อน้อมส่งท่านสู่สวรรค์คาลัย ด้วยหัวใจแห่งความรักของเราชาวไทยทุกคน… อ่านจบ อดไม่ได้ที่จะแชร์ต่อ เพราะเป็นประโยชน์มากๆ ควรจดจำให้ขึ้นใจ..ทิ้งไม่ได้แม้แต่ข้อเดียว..เลยคัดลอกมาให้ทุกท่านได้อ่านด้วยกัน นะคะ.. เขียนด้วยความรัก สำนึก และบูชาตลอดไป อ่านแล้วน้ำตาไหล 😭 😭โควิด 2019วัคซีนโควิดผู้บริโภคเฝ้าระวังMrs.Doubt• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยนศ.หนุ่มวัย 19 เป็นลมหมดสติกะทันหัน พอผลการวินิฉัยของคุณหมอออกมา ทุกคนตกใจจนเข่าแทบทรุด เว็บไซต์ต่างประเทศ ได้รายงานว่าในช่วงเช้าของวันหนึ่ง มีนักศึกษาหนุ่มหลายคนพาเพื่อนอายุ 19 ปี ที่เป็นลมหมดสติกะทันหัน มาที่โรงพยาบาล พวกเขาตะโกนเรียกหมอว่า “คุณหมอครับ ช่วยเขาที เขาเป็นลมหมดสติกะทันหันครับ” หลังจากถามอาการของคนไข้จากเพื่อน ๆอที่พามาส่งก็พบว่า คนไข้มีอาการขาซ้ายปวดและบวมในตอนตื่นนอน เพื่อน ๆที่นอนในห้องเดียวกันต่างคิดว่า เป็นเพราะเขาเหนื่อยและนอนหลับไม่ดี จึงมีอาการดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากทุกคนแต่งตัวเสร็จ และกำลังจะไปกินอาหารเช้าก็พบว่าเขายังไม่ได้ลุกจากที่นอน และได้ยินเขาบอกว่าเขาปวดขาซ้ายมาก ๆ ให้ทุกคนช่วยส่งเขาไปโรงพยาบาลหน่อย และในระหว่างทางไปโรงพยาบาล เขาก็เป็นลมหมดสติไปทันที หมอตรวจพบว่าเขาเป็นโรคหลอดเลือดดำอุดตันอโรคหลอดเลือดดำอุดตัน เกิดจากลิ่มเลือดแข็งตัวในหลอดเลือดดำ อาการนี้พบมากในบริเวณขาซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดหรือบวมของขาข้างนั้น ๆ ตั้งแต่น่องจนมาถึงต้นขาได้ เพื่อน ๆ ของเขาฟังแล้วรู้สึกตกใจ จึงรีบถามหมอว่า เหตุใดเขาถึงได้เป็นโรคนี้ หมออธิบายว่า สาเหตุก็เพราะว่า เขานั่งนานเกินไป การนั่งนาน ๆ นั้นจะทำให้กล้ามเนื้อไม่ได้ขยับติดต่อกันเป็นเวลานานและเลือดไม่สามารถไหลเวียนออกจากขาขึ้นมาสู่หัวใจได้ ทำให้เส้นเลือดดำในขาและเท้าเกิดการอุดตัน นักศึกษาคนนี้ชื่อ เซียว เขาติดเล่นเกม นั่งเล่นแทบไม่ขยับไปไหน ทุกคืนต้องเล่นยันตีสองตีสาม ถึงจะยอมไปนอน ส่วนสาเหตุที่เขาเป็นลมหมดสติ หมออธิบายว่า การที่เขานั่งเล่นเกมนาน ๆ ทำให้เป็นโรคหลอดเลือดดำอุดตัน และมีอาการหายใจไม่ออก สุดท้ายก็เป็นลมหมดสติไป พอหมออธิบายเสร็จ เพื่อนคนหนึ่งที่พามาส่งก็ต้องตกกะใจว่า “ผมเองก็ติดเล่นเกมเช่นกัน หลังจากนี้ไปคงไม่กล้านั่งเล่นนาน ๆ แบบนี้อีกแล้วล่ะ ภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน เป็นภาวะที่เป็นอันตราย มันสามารถหลุดไปยังบริเวณปอด ทำให้เกิดภาวะ ลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด ซึ่งมีอันตรายถึงชีวิต อาการของลิ่มเลือดอุดตันในปอด คืออาการหายใจไม่สะดวกเฉียบพลัน แน่นหน้าอกและเจ็บหน้าอกเป็นต้น การนั่งอยู่ในท่าเดิมนาน ๆ เช่นการเดินทางบนเครื่องบิน หรือบนรถ สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ หมออธิบายต่อว่า ผู้ป่วยที่เป็นโรคลิ่มเลือดอุดตันในปอด มี 90% เกิดจากภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน และมีผู้ป่วย 80% เป็นโรคลิ่มเลือดอุดตันในปอด โดยจะเริ่มจากไม่มีอาการอะไรเลย โดยประมาณ 25% ของโรคลิ่มเลือดอุดตันในปอด พบว่ามีการเสียชีวิตเฉียบพลันก่อนที่จะได้รับการวินิจฉัย ลิ่มเลือดอุดตันในปอด เป็นภาวะแทรกซ้อนที่ต้องระวังให้มากที่สุด เกิดจากลิ่มเลือดกระจายไปอุดตันที่เส้นเลือดในปอดซึ่งส่วนมากมาจากเส้นเลือดดำที่ขา ภาวะนี้อันตรายถึงชีวิต ถ้าไม่ได้รับการรักษา โชคดีที่เพื่อน ๆ ส่งตัว เซียว มาโรงพยาบาลทันเวลา หลังจากได้รับการรักษาเขาก็เริ่มฟื้นตัว พอรู้อาการของตัวเองเข้า เขาถึงกับต้องตะลึงจนพูดซ้ำ ๆ ว่า “แม่เจ้า เกือบไปแล้ว หลังจากนี้ไปผมคงไม่กล้านั่งนาน ๆ อีก และก็ไม่กล้าเล่นเกมดึกอีกแล้ว” หมอแนะนำว่า ไม่ว่าจะทำงานหรือเรียน ควรหาเวลาพักผ่อน และออกกำลังกายด้วย จะได้มีสุขภาพที่แข็งแรง แต่สำหรับคนที่ต้องนั่งนาน ๆ ควรลุกขึ้นยืนและเดินทุก ๆ 2 ชั่วโมง ดื่มน้ำมาก ๆ ไม่ควรนั่งนานเกินไปและไม่ควรให้ร่างกายขาดน้ำ เพราะจะทำให้เลือดอุดตันได้ นอกจากนี้แล้วการนั่งนาน ๆ อาจจะส่งผลทำให้เกิดโรคพวกนี้ได้ : 1. การนั่งนานเกินไปจะทำให้เจ็บสะโพก โดยมีอาการตึงและขยับไม่ค่อยได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อหดและตึงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การเคลื่อนไหวสะโพกลำบากนี่เองที่เป็นสาเหตุสำคัญ ทำให้ผู้สูงอายุ ล้มได้ง่าย 2. เมื่อร่างกายอยู่นิ่งเป็นเวลานาน ๆ เลือดและออกซิเจนจะไหลเวียนผ่านสมองน้อยลง ส่งผลให้สมองทำงานช้าลง คนที่นั่งนาน ๆ จึงรู้สึกสมองตื้อ เฉื่อยชา เหนื่อยล้านอนไม่หลับ ความจำเสื่อม 3. การนั่งนานเกินไปทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง ก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่นท้องผูก จุกแน่น แสบร้อนหน้าอก ท้องอืดหรืออาจทำให้น้ำ หนักตัวเพิ่มขึ้นได้ 4. การนั่งจะสร้างแรงกดที่กระดูกสันหลัง มากกว่าการยืน และสุขภาพแผ่นหลังจะยิ่งแย่ หากคุณนั่งหลังค่อมหน้าคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ 5. การนั่งนาน ๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่ เต้านม และเยื่อบุโพรงมดลูก แม้กระบวนการเกิดยังไม่ทราบแน่ชัด ซึ่งอาจเกิดจากตับอ่อนผลิตอินซูลินมากเกินไป และไปกระตุ้นให้เซลล์เจริญเติบโต แต่ข้อเท็จจริง ก็คือ การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอ จะกระตุ้นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ให้คอยกำจัดอนุมูลอิสระที่ทำให้เกิดเซลล์มะเร็ง ขอบคุณ:http://www.liekr.com/post_159433.htmlาไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยชัชชาติ สิทธิพันธุ์ : สำรวจงบ กทม. ไปไหน ท่ามกลางดราม่า “งบเหลือ 94 ล้าน”นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้รับข้อมูลผ่านสาธารณะว่างบลงทุนของ กทม. เหลืออยู่เพียง 94 ล้านบาท ในวันแรกที่เขาเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่ถึงกระนั้นทั้งผู้ว่าฯ และปลัด กทม. ต่างยืนยันว่าไม่มีปัญหา เพราะ กทม. มีเงืนสะสมนับหมื่นล้านบาท ปัญหางบประมาณของ กทม. ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง หลังจากนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ออกมาเปิดประเด็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของเขาเมื่อ 1 มิ.ย. โดยแจกแจงรายละเอียดของงบประเภทต่างๆ ก่อนสรุปว่า กทม. มีงบประมาณรายจ่ายเหลือเพียง 94 ล้านบาท "ด้วยเหตุนี้ ในปีงบประมาณ 2565 ท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติ คงไม่สามารถนำนโยบายที่ใช้หาเสียงมาทำให้เกิดเป็นรูปธรรมได้มาก" ขณะที่ผู้ว่าฯ กทม. เจ้าของนโยบาย 214 ข้อ กล่าวว่า ไม่กังวลใจ เพราะเชื่อว่ามีเงินยังไม่ได้จ่ายเหลืออยู่ และยังมีเงินสะสมของ กทม. เป็นหมื่นล้านบาท ซึ่งให้สภา กทม. อนุมัติได้ อีกทั้งนโยบาย 214 ข้อ ก็ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานว่าใช้เงินเยอะ หลายเรื่องเดินได้โดยไม่ต้องใช้เงินข่าวการเมืองTulakarn Loyhar• 3 ปีที่แล้วmeter: true2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยขอเชิญร่วมลงชื่อคัดค้าน และเรียกร้องให้รัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ยกเลิกนโยบายแจกเงินดิจิทัลผ่าน “กระเป๋าเงินดิจิทัล” ๑๐,๐๐๐ บาท และร่วมร้องเรียนให้ผู้ตรวจการแผ่นดินใช้อำนาจ ดำเนินการส่งเรื่องนี้ต่อศาลปกครอง หรือศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่า การกระทำดังกล่าวของรัฐบาลขัดต่อพระราชบัญญัติเงินตรา พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง บทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และบทบัญญัติในส่วนของหน้าที่ของรัฐหรือไม่ ข้าพเจ้า วิรังรอง ทัพพะรังสี ได้ทำการยื่นหนังสือร้องเรียนถึงผู้ตรวจการแผ่นดินแล้วตามรายละเอียดด้านล่างนี้ หากท่านเห็นด้วยกับหนังสือร้องเรียนดังกล่าว และต้องการเป็นผู้หนึ่งในการร่วมคัดค้านและเรียกร้องให้รัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ยกเลิกนโยบายแจกเงินดิจิทัลผ่าน “กระเป๋าเงินดิจิทัล” ๑๐,๐๐๐ บาท โปรดสนับสนุนด้วยการร่วมลงชื่อในแบบฟอร์มนี้ค่ะ https://forms.gle/4fuBV1WFaHWn2HUn9 ขอกราบขอบพระคุณทุกๆ ท่านที่ได้ร่วมลงชื่อ ขออนุญาตรวบรวมชื่อของท่าน เพื่อส่งให้ผู้ตรวจการแผ่นดินต่อไปค่ะ สุดท้ายนี้ ขอบกราบขอบพระคุณคณาจารย์เศรษฐศาสตร์ ๘๑ ท่านที่ได้ออกแถลงการณ์คัดค้านโยบายแจกเงินดิจิทัลผ่าน “กระเป๋าเงินดิจิทัล” และขออนุญาตนำแถลงการณ์นำส่งเป็นเอกสารแนบยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติมถึงเหตุและผลที่ควรยกเลิกนโยบายดังกล่าว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่หลวงมาก ข้าพเจ้าไม่อาจทราบว่าที่กระทำไปนี้จะได้ผลอย่างไรหรือไม่ เพราะรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีนสิน ดูจะเดินหน้าไม่ฟังเสียงประชาชนเลย คิดว่าคงทำได้ตามกำลังเพียงเท่านี้ แต่ก็รู้สึกดีกว่าการที่จะไม่ได้ทำอะไรเลย....... วิรังรอง ทัพพะรังสี ๗ ตุลาคม ๒๕๖๖ _________________________ ที่ ๐๔/ ๒๕๖๖ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง ร้องเรียนนโยบายแจกเงินดิจิทัลผ่าน “กระเป๋าเงินดิจิทัล” ๑๐,๐๐๐ บาท ของรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ว่าขัดต่อพระราชบัญญัติเงินตรา พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง บทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และบทบัญญัติในส่วนของหน้าที่ของรัฐหรือไม่ สิ่งที่ส่งมาด้วย ๑. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน ๑ ฉบับ ๒. แถลงการณ์ นักวิชาการและอาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ ๘๑ ท่าน เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกนโยบายแจกเงิน ดิจิทัล ๑๐,๐๐๐ บาท กราบเรียน ผู้ตรวจการแผ่นดิน ตามที่ปรากฏในสื่อสารมวลชนว่า รัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน มีนโยบายแจกเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล จำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท ให้กับประชาชนทุกคนที่มีอายุ ๑๖ ปีขึ้นไปเพื่อกระตุ้นการบริโภค และได้มีผู้ที่มีความรู้ตลอดจนประชาชนจำนวนมาก ออกมาคัดค้านแสดงความไม่เห็นด้วย และขอให้รัฐบาลยกเลิกนโยบายดังกล่าว แต่รัฐบาลก็ยังดึงดันที่จะเดินหน้าต่อไป ล่าสุด เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๖ นักวิชาการและอาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ ๘๑ ท่าน รวมทั้งอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ๒ ท่าน คือ นางธาริษา วัฒนเกส และนายวิรไท สันติประภพ ได้ร่วมกันลงชื่อในแถลงการณ์ เห็นพ้องต้องกันเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกนโยบายแจกเงินดิจิทัล ๑๐,๐๐๐ บาท เพราะเป็นนโยายที่ “ได้ไม่คุ้มเสีย” โดยให้เหตุผลประกอบอย่างละเอียด (เอกสารแนบ ๒) ด้านสังคมและเศรษฐกิจ ข้าพเจ้า นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง มีความเห็นว่า นโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายที่จะสร้างความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรมในสังคมให้เกิดมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเศรษฐีและมหาเศรษฐี ที่อายุเกิน ๑๖ ปี จะได้รับเงินช่วยเหลือด้วยทั้งๆ ที่ไม่มีความจำเป็น นอกจากนี้ข้าพเจ้ายังห่วงใยว่า นโยบายดังกล่าวไม่เพียงแต่จะไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง แต่เป็นการสร้างหนี้จำนวนสูงมากโดยไม่จำเป็น ซึ่งอาจจะส่งผลทำลายเสถียรภาพทางด้านการคลังของประเทศในระยะยาว โดยประชาชนทั้งประเทศจะต้องแบกรับความเสียหายที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับกรณีโครงการรับจำนำข้าวในสมัยรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้านกฎหมาย รัฐบาล โดย นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมาชี้แจงในวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๖ ว่าการจ่ายเงินดิจิทัล สามารถทำได้ ไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.เงินตรา ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และยืนยันว่าไม่ผิดกฎหมายอย่างแน่นอน แม้รัฐบาลจะประกาศว่า “เงินดิจิทัล” ที่จะออกมาตามโครงการ “กระเป๋าเงินดิจิทัล” นั้น จะไม่ใช่การออก “คริปโตเคอร์เรนซี” ซึ่งจะไม่สามารถทำได้ เพราะจะผิดตาม พ.ร.บ.เงินตรา ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดย “หนึ่งประเทศจะมีสองสกุลเงินไม่ได้” แต่จะออกมาในรูปแบบเหรียญ “ดิจิทัลโทเคน” ประเภท “ยูทิลิตี้ โทเคน (Utility Token)” ซึ่งจะเป็น “โทเคน” เพื่อการอุปโภคบริโภค จึงไม่ได้เป็นการสร้างสกุลเงินใหม่ และไม่ใช่กรณีเดียวกับ Bitcoin Luna หรือ USDT แต่เป็นเหรียญ คูปอง หรือสิทธิ์การใช้เงิน ที่ใช้ Blockchain เขียนเงื่อนไขลงไป อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ารัฐบาลจะใช้ “ดิจิทัลโทเคน” ประเภทยูทิลิตี้ โทเคน จะเป็นเหรียญ หรือจะเป็นคูปอง แต่เมื่อออกโดยรัฐบาล และประชาชนสามารถนำไปใช้จ่ายซื้อขายแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าได้แทนเงินสดกับร้านค้าได้ทั้งหมด เช่น ร้านโชห่วย ร้านสะดวกซื้อ ห้างแม็คโคร รวมถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ข้าพเจ้าก็ไม่เห็นว่าจะแตกต่างกับการใช้เงินตราตรงไหน เหตุใดจึงไม่แจกเป็นเงินสดเข้ากระเป๋าสตางค์ให้แก่ประชาชนอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ต้องยุ่งยาก ร้านค้าที่รับก็ไม่ต้องลำบากในการนำไปแลกคืนกับรัฐบาลเพื่อรับกลับมาเป็น “เงินบาท” ข้าพเจ้ามีความสงสัยว่า ลักษณะของเหรียญ หรือคูปอง ที่รัฐบาลจะนำออกมาใช้นี้ อาจเข้าข่ายเป็นการออกเงินตราอย่างหนึ่ง และเมื่อมีสภาพเป็นเงินตราก็จะเข้าบังคับพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. ๒๕๐๑ เนื่องด้วย “.....ตามเกณฑ์ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย “ยูทิลิตี้ โทเคน จะสามารถใช้แลกเปลี่ยนสินค้า และการบริการต่างๆ แบบเฉพาะเจาะจง ภายในองค์กรใดองค์กรหนึ่ง หรือโครงการใดโครงการหนึ่งโดยเฉพาะ แต่ต้องไม่มีลักษณะเป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการในวงกว้าง ในลักษณะของการใช้แทนเงิน (Means of Payment: MOP) เป็นการทั่วไป ดังนั้น จึงอาจจะต้องพิจารณาให้ดีว่า การใช้โทเคนดังกล่าวในการซื้อสินค้า และบริการกับร้านค้าทั่วประเทศ อาจจะเข้าข่ายเป็น “การชำระในลักษณะการเป็นสื่อกลางการชำระค่าสินค้าและบริการในวงกว้าง” หรือ การใช้แทนเงิน ซึ่งจะผิดกฎเกณฑ์ของทางธนาคารแห่งประเทศไทย.....” ที่มาของข่าวและข้อมูล: https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_7856583 https://www.thairath.co.th/money/experts_pool/columnist/2721853 สุดท้าย แม้รัฐบาลจะยืนยันว่า กระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นนโยบายที่ตรงไปตรงมา ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทเอกชน และไม่เกี่ยวกับการฟอกเงินตามที่มีผู้กล่าวอ้าง แต่ประชาชนจำนวนมากมีความเห็นว่า หากรัฐบาลมีเงินสดที่จะแจกให้กับประชาชนได้ การแจกเงินก็ควรจะสามารถทำได้ตรงๆ เหมือนสมัยที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยแจกประชาชนผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ก็คุ้นเคยและใช้เป็นอยู่แล้ว แต่การที่รัฐบาลไม่แจกเป็นเงิน ทำให้เกิดเป็นเรื่องยุ่งยากที่ถกเถียงกันในสังคมทั้งด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องและด้านกระบวนการปฏิบัติ ยังไม่รวมถึงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานในการชำระเงินดิจิทัล สร้างแอปพลิเคชันในการชำระเงิน และสร้างบล็อกเชนใหม่ขึ้นมา ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนและระยะเวลาจำนวนมาก สังคมจึงมีความเคลือบแคลงสงสัยว่า นโยบายดังกล่าวไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศชาติในภาพรวม แต่อาจเป็นการหลบเลี่ยงหรือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนต่างๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ เกี่ยวข้องกับอนาคตของประเทศ และขัดต่อวินัยการเงินและการคลังของประเทศอย่างร้ายแรง ข้าพเจ้าในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่มีความห่วงใยประเทศชาติ จึงได้ส่งหนังสือร้องเรียนนี้มากราบเรียนขอให้ท่านผู้ตรวจการแผ่นดิน วินิจฉัย หรือดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ส่งเรื่องนี้ต่อศาลปกครอง หรือศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่ากระทำดังกล่าวของรัฐบาลขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือไม่อย่างไร ต่อไป ขอแสดงความนับถือ นางวิรังรอง ทัพพะรังสีข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม: ร่างระเบียบสำนักนายกฯ ปราบเฟคนิวส์ ความพยายามล่าสุดของรัฐบาลในการกลบเสียงวิจารณ์ ?นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงวัตถุประสงค์ของร่างระเบียบสำนักนายกฯ ที่เสนอโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) ว่ามีขึ้นเพื่อวางแนวทางและหลักเกณฑ์ในการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางสื่อสังคมออนไลน์ร่วมกันของหน่วยงานของรัฐ เพื่อคุ้มครองประชาชนให้ได้รับความปลอดภัยและได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ ด้านนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการ ดศ. กล่าวว่าร่างระเบียบฯ ฉบับนี้ จะส่งเสริมการประสานงาน และทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนในการเร่งแก้ไขปัญหาข่าวปลอม และช่วยให้ก้าวทันสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ สื่อสังคมออนไลน์ และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางเผยแพร่กระจายข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จ ส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ขณะนี้ร่างระเบียบฉบับนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายพอเถอะบัง ตังผมหมด• 2 ปีที่แล้ว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ