(ขอบคุณด็อกเตอร์จิรพล สินธุนาวา ที่แนะนำข้อมูลมาเห็นด้วย 100% ครับ และเพิ่มเติมก็คือผงชูรสที่ใช้ในญี่ปุ่นนั้นทำจากสาหร่ายทะเลที่ไม่ได้อมพิษ แต่ในประเทศไทยใช้ที่เห็น ๆ ทางด้านล่างครับ)
อยากตายไม่เหงา กินไป ป่วยเรื่อย ๆ ตายตาม ๆ กันไป ไทย ลาว พม่า ติดกันงอมแงม คือ ญี่ปุ่น ชาติที่ว่าพัฒนาแล้ว ฆ่าหมู่คนชัด ๆ แต่ในประเทศตัวเอง มีกฏหมายห้ามผลิตและจำหน่ายจ้ายกโรงงานมาไทย💣
• ผงชูรสฆ่าคน!
ทราบไหมครับ ในการผลิตผงชูรสทั้งแบบก้อนและแบบผงในประเทศไทย ใช้แป้งมันสำปะหลังและกากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบหลัก
แต่แหล่งข่าวที่ผมรู้จักยืนยันว่า มันมีอะไรแปลก ๆ มากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบที่มาจากกระดูกสัตว์ อย่างกระดูกวัว กระดูกควาย โซดาไฟ และปุ๋ยยูเรีย ก็คิดดูเองสิว่า ทำไมของเหลวที่เกิดจากกระบวนการผลิต ทำไมยังสามารถนำไปขายให้เกษตรกรไปเป็นปุ๋ยน้ำ รดไร่นา จนพืชขึ้นเขียวขจี (แต่กลายพันธุ์ด้วยหรือเปล่าไม่รับรองนะ) ลองสังเกตุดูสิว่า คนงานในโรงงาน และชุมชนที่อาศัยอยู่รอบ ๆ โรงงานผลิตผงชูรส ถึงมีอาการอิดโรย ป่วยกระเสาะกระแสะกันทั้งชุมชน
เพื่อน ๆ ผมที่อยู่โรงงานผลิตผงชูรส เขายังไม่กินผงชูรสเลย แต่เขาจะนำผงชูรสผสมน้ำอุ่น แล้วไปขัดห้องน้ำ ขัดหม้อ ที่มีเขม่าดำ ขัดหัวเข็มขัดทองเหลือง ขัดสร้อยเงิน แช่เหรียญเก่า หรือแช่พระกรุ ก็ไม่แน่ เพราะผมเคยลองขัดดูแล้วเวิร์กมาก ๆ ถ้าไม่เชื่อท่านผู้อ่านลองดูเองนะครับ
จริง ๆ แล้ว "ผงชูรส ไม่มีประโยชน์ทางโภชนาการเลยแม้แต่นิดเดียว" "ผงชูรส มีประโยชน์เพียงทำให้ต่อมรับรส เปิดกว้างขึ้น ทำให้รู้สึก ว่าอาหารมีรสชาติดีขึ้น"
อันตรายของผงชูรสถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ
1) พิษภัยและอันตรายที่เกิดจากเกลือโซเดียม กล่าวคือผงชูรสมีโซเดียมที่มาจากโซดาไฟ เป็นองค์ประกอบสำคัญเช่นเดียวกับเกลือแกง แต่อันตรายมากกว่าเกลือแกงตรงที่ว่า เกลือแกงใช้เพียงนิดเดียวก็รู้สึกว่ามีรสเค็ม แต่ผงชูรสใส่มากเท่าไหร่ ก็ไม่รู้สึกตัวว่ามีปริมาณโซเดียมมากเท่าไหร่ เพราะไม่มีรสชาติให้รู้สึก หรือพูดอีกนัยหนึ่ง ผงชูรสมีพิษแฝงในเรื่องโซเดียม ซึ่งมีพิษภัยอันตรายดังนี้:
1.1) ทำให้ภูมิต้านทานหรือภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์ลดลง ถึงแม้ผงชูรสจะไม่ทำให้ใครเป็นเอดส์ แต่มันทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายบกพร่อง ยิ่งถ้าคนป่วยเป็นเอดส์มาทานอาหารที่ใส่ผงชูรส ยิ่งทำให้ตายเร็วกว่าที่ควรเป็นครับ
1.2) ทำให้เกิดการคั่งในสมองเด็ก ซึ่งเมื่อเด็กโตขึ้นจะเป็นคนปัญญาอ่อน ในปัจจุบันมีเด็กปัญญาอ่อนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่มีผงชูรสแพร่หลายในประเทศไทย ผงชูรสทำให้เด็กทารกเกิดอาการชักโคม่า ซึ่งบางครั้งแพทย์ไม่รู้สาเหตุ และอาจทำให้รักษาผิดพลาด เป็นอันตรายได้ นอกจากนี้ยังเป็นภัยต่อหญิงมีครรภ์ ทำให้ร่างกายผอม และยังมีพิษภัยต่อทารกในครรภ์และทารกแรกเกิดด้วย
1.3) ผงชูรสเป็นอันตรายต่อผู้เจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ เช่น โรคไต ความดันสูง และโรคหัวใจ เป็นต้น
2) พิษภัยและอันตรายที่เกิดจากตัวผงชูรสแท้ ส่งผลดังนี้
2.1) ทำให้เกิดอาการแพ้ผงชูรส ซึ่งจะมีอาการชา และร้อนวูบวาบที่ปาก ลิ้น ใบหน้า โหนกแก้ม ต้นคอ หน้าอก บางคนมีผื่นแดงเกิดขึ้นตามตัว แน่นหน้าอก หัวใจเต้นช้าลง หายใจไม่สะดวก เป็นต้น จนเป็นที่รู้จักและขนานนามโรคแพ้ผงชูรสในภัตตาคารจีน
2.2) ทำลายสมองส่วนหน้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมการเจริญเติบโตและระบบสืบพันธุ์ของร่างกาย ทำให้เจริญเติบโตช้า ปัญญาอ่อน ระบบสืบพันธุ์ผิดปกติ เป็นหมัน อวัยวะสืบพันธุ์เล็กลง ทั้งในเรื่องของขนาดและน้ำหนัก
2.3) ทำลายระบบประสาทตา สายตาเสีย หรือเกิดตาบอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสัตว์ทดลอง ยิ่งอายุน้อย จะยิ่งเกิดผลร้ายมาก
2.4) ทำลายกระดูกและไขกระดูก ซึ่งเป็นส่วนที่ผลิตเม็ดเลือดแดงในร่างกาย ทำให้โลหิตจางได้
2.5) ทำให้วิตามินในร่างกายลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินบี 6 แก้โรคแพ้ผงชูรสได้
2.6) เกิดโรคมะเร็ง
2.7) ทำลายระบบประสาทส่วนกลางทำให้เป็นโรคประสาทได้ง่ายขึ้น
3) 😎 เปลี่ยนแปลงโครโมโซม ทำให้ผิดปกติ ปากแหว่ง หูแหว่ง และจมูกวิ่น แขนขาพิการ เป็นต้น
แต่ถึงเห็นพิษภัยขนาดนี้ประชาชนตาดำ ๆ อย่างเราคงจะหลีกเลี่ยงผลชูรสได้ยาก เพราะตั้งแต่ภัตตาคารใหญ่ ๆ จนไปถึงร้านข้างถนน ยังขาดความรู้เรื่องโทษจากผงชูรส
เรามาเริ่มต้นจากบ้านของเรา และช่วยกันรณรงค์เรื่องพิษภัยของผงชูรสกันดีกว่าครับ
Cr: ขอบคุณที่มา จาก นสพ. ฐานเศรษฐกิจ