2434 ข้อความ
- 1 คนสงสัยจริงหรือไม่? น้ำมะนาวรักษามะเร็งได้ เช็คให้ชัวร์ก่อนแชร์มีการแชร์กันในโลกอินเทอร์เน็ตอย่างกว้างขวางถึงการดื่มน้ำมะนาวผสมโซดาเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง ซึ่งก็ไม่ทราบว่ามีที่มาอย่างไร เพราะปัจจุบันยังไม่มีผลการวิจัยที่รับรองเกี่ยวกับการใช้มะนาวกับโซดาเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็ง ความเชื่อนี้จึงอาจเกิดจากความเข้าใจผิดและไม่มีการแนะนำจากทางการแพทย์ให้นำมาใช้แต่อย่างใด ด้วยคุณสมบัติของมะนาว เลมอน รวมทั้งผลไม้ซีตรัสชนิดอื่น ๆ ที่มีฤทธิ์คล้ายยาสมาน พ่วงด้วยปริมาณกรดวิตามิน C ที่สูงมากอยู่ในตัวเอง เหตุผลนี้จึงทำให้ผลไม้ซีตรัสเป็นพืชผลชนิดหนึ่งซึ่งเชื่อกันว่าจะช่วยกำจัดเซลล์ร้ายและสมานแผลของเซลล์ที่ถูกทำลายได้ด้วย โดยเฉพาะในเลมอนและมะนาว ที่ถูกค้นพบว่ามีส่วนประกอบบางอย่างที่สามารถป้องกันการเกิดเซลล์ร้ายอย่างมะเร็งได้ โดยทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สหรัฐอเมริกาก็ได้ออกมายืนยันความอุดมสมบูรณ์ของวิตามิน C ในมะนาวและเลมอนว่า น้ำมะนาวแท้ ๆ เพียง ¼ ถ้วยตวง มีปริมาณวิตามิน C สูงถึง 23 มิลลิกรัม ซึ่งถ้าเทียบกับหลักโภชนาการ ปริมาณวิตามิน C ที่อยู่ในมะนาวจำนวนเท่านี้จะเติมเต็มความต้องการวิตามิน C ของร่างกายได้มากกว่า 33% ของปริมาณวิตามิน C ทั้งหมดที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน อีกทั้งวิตามิน C ยังมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระที่จะสร้างความผิดปกติให้เกิดขึ้นกับเซลล์ อันเป็นเหตุให้เซลล์ถูกทำลายจนเจริญเติบโตเป็นเซลล์ร้ายในเวลาต่อมา นอกจากนี้ผลการวิจัยของ Agricultural and Food Chemistry เมื่อปี 1998 และผลการศึกษาจากกระทรวงการเกษตร สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2001 ก็ช่วยยืนยันเพิ่มเติมว่า ในมะนาวและเลมอนถูกค้นพบว่ามีสารลิโมนอยด์ (Limonoids) สารที่มีสรรพคุณต้านการกลายพันธุ์และช่วยป้องกันไม่ให้มีสิ่งใดมากัดกินเซลล์ได้ อยู่ทั้งหมด 3 ชนิดด้วยกัน โดยโอบาคิวโนน (obacunone) และดีโอซีลิโมนิน (deoxylimonin) ส่วนประกอบ 2 ใน 3 ของสารลิโมนอยด์ (Limonoids) นั้นถูกค้นพบว่า มีสรรพคุณช่วยลดขนาดและยับยั้งการเกิดเนื้องอกได้ถึง 25-50% เลยทีเดียว และจากการทดลองสารลิโมนอยด์ (Limonoids) ในปริมาณ 100 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร ทำให้ทราบว่าสารตัวนี้มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็งรังไข่ แถมยังช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งเต้านมได้อีกต่างหาก ทว่าแม้การรับประทานมะนาวและเลมอนที่มีวิตามิน C สูง และมีคุณสมบัติดังที่กล่าวมาในเบื้องต้นจะสามารถป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็งได้ แต่ผลการศึกษาก็ไม่ได้ยืนยันถึงคุณสมบัติของมะนาวในเรื่องทำลายเซลล์ร้ายมะเร็งแต่อย่างใดstd48849• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยชาตะไคร้ ล้างกรดยูริคในเลือด สาเหตุของ การปวดเข่า ปวดเก้าต์ปวดขาปวดข้อปวดหลัง ปวดเท้า เทาบวม เดินขาลาก ใช้ตะไคร้ 4-5 ต้น น้ำ 2 ลิตร ต้มจนเดือด ลดไฟลงต้มต่ออีก 15 นาที ห้ามเปิดฝาโดยเด็ดขาด ครบ 15 นาที ทิ้งไว้ให้เย็น ดื่มแทนน้ำเปล่า สัก 1 อาทิตย์ ขับ ล้างทุกอย่างออกหมด อาการปวดต่างๆหายไป เลยได้ผลดี อะไรก็สู้ตะไคร้ไม่ได้ยาสมุนไพรไม่ระบุชื่อ• 1 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอย่ารีบลงทะเบียนรับเงินดิจิตอล 10000 บาท เพราะเศรษฐาอาจโดนศาลตัดสินวันที่14สค.นี้ว่ามีความผิดต้องโทษคดีม.157 และมีการเลือกตั้งนายกใหม่อย่ารีบลงทะเบียนรับเงินดิจิตอล10000บาทนะคะ ข้อมูลประวัติที่ลงไปอาจโดนขโมยไปอยู่ในมือcall.center.ได้นะคะ เพราะเศรษฐาอาจโดนศาลตัดสินวันที่14สค.นี้ว่ามีความผิดต้องโทษคดีม.157 แล้วมีการเลือกตั้งนายกใหม่ ซึ่งอาจจะเป็นพรรคภูมิใจไทย ที่อนุทินเป็นนายก แล้วโครงการดิจิตอลนี้ก็จะล้มเลิก ประวัติที่ลงทะเบียนไว้เขาจะมาดูแลอยู่หรือ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ แล้วถ้าไม่มีคนดูแล ข้อมูลนี้จะไม่โดนขายหรือ การลงทะเบียน มีทั้งข้อมูล 1บัตรประชาชน 2.เบอร์โทรศัพท์ 3.เลขที่บัญชีธนาคาร 4.KYC ยืนยันตัวตน ข้อมูลทั้งหมดนี้สามารถเข้ามาขโมยเงินจากบัญชีเราได้แล้วนะ ตอนนี้จีนพัฒนาระบบAI ด้วยแล้วอันตรายมากข่าวการเมืองเลือกตั้งการเงินผู้บริโภคเฝ้าระวัง เสียดสีN'Nuch Nawanan'Dox• 1 ปีที่แล้วmeter: false2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยนับจากวันนี้ ขอทุกคนใส่หน้ากาก ในออฟฟิส 100% จนหลัง 19 เมษายนเรียนพี่ๆ น้องๆคะ เมื่อเช้านี้ อาจารย์รุ่นน้องที่เป็นเจ้าของบริษัทตรวจ lab covid แห่งหนึ่ง เตือนมาแต่เช้าค่ะ ว่า ระบาดรอบนี้ใหญ่มาก เมื่อวานคืนเดียว แลบ แค่ 2 แห่ง ตรวจพบ เกือบ 100 ราย คนติดเชื้อใหม่ในตัวเลข หลัก 1000 ต่อวัน น่าจะมาในไม่ช้า ขอทุกคน ระวังตัวขั้นสูงสุด หลีกเลี่ยงไม่ไปปาร์ตี้ช่วงนี้ดีที่สุด ไม่ไปสถานบันเทิง หากลูกหลานๆไป ก็อย่ามาหา หากไปร้านอาหารเพื่อทานข้าวเฉพาะคนในครอบครัวเท่านั้น นับจากวันนี้ ขอทุกคนใส่หน้ากาก ในออฟฟิส 100% จนหลัง 19 เมษายน พี่ๆ น้องๆ ระวังกันด้วยนะคะโควิด 2019Mrs.Doubt• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัย@All (ข้อมูลจาก(LINE)กลุ่มข้าราขการบำนาญ นครศรีธรรมราชค่ะ)ได้รับข้อมูลมาค่ะ...จากการประชุมสมาชิก ฌกส.ในวันที่ 25 กย.2566 สรุปประเด็นสำคัญคือ 1.ที่ประชุมเสนอให้เก็บสมาชิกทุกคนในอัตราศพละ 2.10 บาทเท่ากันหมด (รวมทั้งสมาชิกอายุ 60 ปีขึ้นไปด้วย) จะได้เงินสงเคราะห์เป็นประมาณ 800,000.- 2.และมีสมาชิกเสนอให้เก็บสมาชิกทุกคนในอัตราศพละ 2.75 บาทเท่ากันหมด (รวมทั้งสมาชิกอายุ 60 ปีขึ้นไปด้วย) จะได้เงินสงเคราะห์เป็นประมาณ 1,000,000.- ส่วนประเด็นอื่นๆ เป็นเรื่องการบริหารจัดการของสำนักงาน ฌกส./งบการเงิน/แผนการดำเนินงานในอนาคต จึงเรียนมาให้สมาชิกทุกท่านทราบครับภาคใต้ไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยฟ้องหมิ่นประมาท! พรรคอนาคตใหม่ จัดการคนสร้างข่าวเท็จ-กล่าวหาล้มล้างสถาบันฯน.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ จะเดินทางไปยังศาลอาญารัชดา เพื่อยื่นฟ้องกรณีถูกใส่ร้ายหมิ่นประมาท ดังนี้ 1.ยื่นฟ้องคดีอาญา ม.จ.จุลเจิม ยุคล กรณีโพสต์เฟซบุ๊ก กล่าวหาพรรคอนาคตใหม่และหัวหน้าพรรคมีนโยบายล้มล้างสถาบันฯ 2.ยื่นฟ้องคดีอาญากรณีเว็บไซต์ในเครือ T-news กล่าวหาพรรคอนาคตใหม่และหัวหน้าพรรคมีนโยบายล้มล้างสถาบันฯ 3.ยื่นฟ้องคดีอาญาต่อบุคคลที่ส่งต่อข่าวเท็จใส่ร้ายพรรคอนาคตใหม่และหัวหน้าพรรค กรณีเป็นเจ้าของโรงเลื่อยเถื่อนข่าวการเมืองstd49571• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัย7 ข้อเลี่ยง ลดเสี่ยงมะเร็ง7 ข้อเลี่ยง ลดเสี่ยงมะเร็ง 1. เลี่ยงการอยู่กลางแดดจ้า 2. เลี่ยงบุหรี่ แอลกอฮอล์ 3. เลี่ยงอาหารรสจัด หมักดอง 4. เลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่มีมลพิษ ฝุ่น ควัน 5. เลี่ยงอาหารสดหรืออาหารแปรรูปที่ใส่ดินประสิวหรือสารกันเสีย 6. เลี่ยงอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ 7. เลี่ยงอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ปิ้ง ย่าง ทอดไหม้ กรมอนามัย ส่งเสริมให้คนไทยสุขภาพดี https://www.facebook.com/anamaidohมะเร็งMrs.Doubt• 2 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยตรวจ ATK แบบน้ำลายต้องรู้! ดื่มน้ำอัดลมก่อนตรวจ ATK อาจทำให้ขึ้น 2 ขีด❗ จริงหรือตรวจ ATK แบบน้ำลายต้องรู้! ดื่มน้ำอัดลมก่อนตรวจ ATK อาจทำให้ขึ้น 2 ขีด❗ เพราะความกรดด่างของน้ำอัดลมทำปฏิกิริยากับสารที่เคลือบอยู่บน ATK ทำให้ผลเป็นบวก 📍 ควรงดดื่มน้ำอัดลมอย่างน้อย 30 นาทีก่อนตรวจ ATK เพื่อผลที่แม่นยำนะคะ #ตรวจATK #ATKเป็นบวก #ATK2ขีด #CosmenetTips #รีวิวเครื่องสำอาง #cosmereview #เพจรีวิวเครื่องสำอางโควิด 2019Mrs.Doubt• 3 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยหากพบเห็นเด็กยากจน ที่เรียนจบ ม.3 แล้ว ..... ไม่มีทุนเรียนต่อ ขอแนะนำมา เรียนต่อสายอาชีพ ค่าเทอมที่เรียน ค่าที่พัก ฟรี ตลอดหลักสูตร จริงหรือช่วยกันแชร์ ค่ะ .......หากพบเห็นเด็กยากจน ที่เรียนจบ ม.3 แล้ว ..... ไม่มีทุนเรียนต่อ ขอแนะนำมา เรียนต่อสายอาชีพ ค่าเทอมที่เรียน ค่าที่พัก ฟรี ตลอดหลักสูตร มีเรียนในห้อง และ ไปออกทำงานจริง สาขาวิชาที่เปิดสอน........ - ช่างไฟฟ้ากำลัง - ช่างยนต์ - ช่างอีเล็กทรอนิกส์ - อาหารและโภชนาการ - การโรงแรม - บัญชี - การตลาด - คอมพิวเตอร์ มีรายได้ ระหว่างเรียน ในขณะ ไปออกทำงาน จริงกับ เอกชน และมีโอกาสได้งานสูงมาก และ ยัง สามารถ เปิดร้าน ประกอบ อาชีพส่วนตัวได้ เลย หลังเรียนจบแล้ว ....... ติดต่อ ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีชื่นชมไทย-เยอรมัน 116/2 หมู่ 10 ถนนแก่งคอย -บ้านนา ตำบลตาลเดี่ยว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี 18110 โดยท่าน ดร.มนูญ ชื่นชม ผู้รับใบอนุญาต โทร. 081-946-6719 / 062-552-4664 / 081-573-3435 https://www.youtube.com/watch?v=nQJ7T93KF70 036-358311-4Mrs.Doubt• 4 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย.......หากพบเห็นเด็กยากจน ที่เรียนจบ ม.3 แล้ว ..... ไม่มีทุนเรียนต่อ ขอแนะนำมา เรียนต่อสายอาชีพ ค่าเทอมที่เรียน ค่าที่พัก ฟรี ตลอดหลักสูตร มีเรียนในห้อง และ ไปออกทำงานจริง สาขาวิชาที่เปิดสอน........ - ช่างไฟฟ้ากำลัง - ช่างยนต์ - ช่างอีเล็กทรอนิกส์ - อาหารและโภชนาการ - การโรงแรม - บัญชี - การตลาด - คอมพิวเตอร์ มีรายได้ ระหว่างเรียน ในขณะ ไปออกทำงาน จริงกับ เอกชน และมีโอกาสได้งานสูงมาก และ ยัง สามารถ เปิดร้าน ประกอบ อาชีพส่วนตัวได้ เลย หลังเรียนจบแล้ว ....... ติดต่อ ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีชื่นชมไทย-เยอรมัน 116/2 หมู่ 10 ถนนแก่งคอย -บ้านนา ตำบลตาลเดี่ยว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี 18110 โดยท่าน ดร.มนูญ ชื่นชม ผู้รับใบอนุญาต โทร. 081-946-6719 / 062-552-4664 / 081-573-3435 https://www.youtube.com/watch?v=nQJ7T93KF70 036-358311-4ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 3 คนสงสัยจริงหรือไม่ติดเชื้อโควิด ดูแลตัวเอง กิน-ดื่ม ยาเขียว และสมุนไพรไทย (น้ำกระชายปั่น+ เสลดพังพอน) เพื่อรักษาอาการป่วยระหว่างรอเตียง จนมีอาการดีขึ้น และหายเป็นปกติคลิปเสียงนี้ เป็นการสนทนาของตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ภาษีเจริญ อดีตเพื่อนร่วมงานผม ซึ่งติดเชื้อโควิด คุยกับอดีตผู้บังคับบัญชา ถึงการดูแลตัวเอง กิน-ดื่ม ยาเขียว และสมุนไพรไทย (น้ำกระชายปั่น+ เสลดพังพอน) เพื่อรักษาอาการป่วยระหว่างรอเตียง จนมีอาการดีขึ้น และหายเป็นปกติ พอไปตรวจรอบ 2 หมอบอกว่าหายแล้ว ให้กลับไปพักสังเกตอาการที่บ้านต่ออีก 14 วัน (หมอคิดว่าเจ้าตัวไปรักษาที่ รพ.จนหาย แต่แท้ที่จริงกินสมุนไพรเองจนหายเอง ไม่ได้ไป รพ.เพราะไม่มีเตียง)โควิด 2019buitrain• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยWHO ประกาศโควิดเป็น แอร์บอร์นWHO ประกาศโควิดเป็นแอร์บอร์น ออกจากบ้านต้องใส่หน้ากากเลยนะ ตอนนี้ในกลุ่มการแพทย์เริ่มมีบอกกันแล้วว่าเชื้อมันAirborne อยู่ในอากาศได้8ชม เพราะฉะนั้น การออกไปข้างนอก ไม่ใช่แค่ห่างกัน1เมตร แต่ก็ควรอยู่ในที่โล่ง อย่าเข้าไปในอาคารห้องแอร์ถ้าไม่จำเป็น BREAKING NEWS! covid -19 is confirmed as airborne and remain 8 hrs in air! So everyone is required to wear mask everywhere!! BREAKING NEWS: Coronavirus - confirmed to be airborne!!! Copper, Steel - 2 hours Paper, Plastic - 3-4 hours Air - 8 hours or more depending on conditions. https://www.cnbc.com/2020/03/16/who-considers-airborne-precautions-for-medical-staff-after-study-shows-coronavirus-can-survive-in-air.htmlโควิด 2019Mrs.Doubt• 4 ปีที่แล้วmeter: mostly-false--middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจริงหรือ ปัจจัยเสี่ยงโควิดระบาดรอบ 2 ในไทย ให้รอดูช่วงกลางเดือนสิงหาอย่างที่เคยวิเคราะห์ไปแล้วว่า เมืองไทยตอนนี้มีความเสี่ยงเยอะขึ้นทั้งศึกนอกและศึกใน ศึกในที่จะต้องจับตาดูคือ การปลดล็อคระยะที่ 5 กิจการเสี่ยงสูงตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา บทเรียนของต่างประเทศชี้ให้เราเห็นว่ามักจะเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายใน 2-6 สัปดาห์เราอาจต้องช่วยกันสังเกต ระมัดระวังกันมากๆ ถึงกลางส.ค.นี้โควิด 2019naydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจริงหรือ สนามบินสุวรรณภูมิ เปิดตัวระบบตรวจสารคัดหลั่งหาเชื้อ COVID-19 หรือ PRC รู้ผลภายใน 2 ชั่วโมง ทดลองตรวจกลุ่มนักการทูตและนักธุรกิจที่ประสานผ่านทางกระทรวงต่างประเทศเดินทางเข้ามาในประเทศการเตรียมความพร้อมมาตรการผ่อนคลายตามประกาศสำนักงานการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (กพท.) ที่จะอนุญาตให้บุคคลและอากาศยานเดินทางเข้าประเทศไทยครอบคลุมบุคคลสัญชาติไทย และบุคคลที่ไม่ได้ถือสัญชาติไทย ที่แจ้งขออนุญาตผ่านกระทรวงการต่างประเทศเดินทางเข้าประเทศ สนามบินสุวรรณภูมิ ร่วมกับ สธ. เปิดตัวระบบตรวจสารคัดหลั่งหาเชื้อ COVID-19 หรือ PRC รู้ผลภายใน 2 ชั่วโมงโควิด 2019naydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจริงหรือ ช่วงวันหยุดยาว 3-8 กค ศกนี้ ใช้มอเตอร์เวย์ได้ฟรีเพื่ออำนวยความสะดวกและทำให้การจราจร และลดภาระในการเดินทางให้กับประชาชน จะมีการนยกเว้นค่าผ่านทางในการเดินทาง ประกอบด้วย ยกเว้นค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ 2 เส้นทาง ของกรมทางหลวง (ทล.) โดยคณะรัฐมนตรี วันที่ 30 มิ.ย. มีมติยกเว้นยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสาย 7 หรือมอเตอร์เวย์เส้นทางกรุงเทพ-พัทยา-มาบตาพุด และมอเตอร์เวย์สาย 9 บางปะอิน-บางพลี ตั้งแต่เวลา 00.01 น.ของวันที่ 3 ก.ค. 2563 ถึง เวลา 24.00 น. ของวัน 8 ก.ค. 2563 โดยคาดว่าจะมีผู้เดินทางเพิ่มขึ้น 10% จากปกติที่มีรถ 1 ล้านคัน/วันnaydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 2 คนสงสัยวันที่ 2 3 4 นี้จะมีพายุฝนมาจากประเทศจีนระวังด้วยนะครับอย่าให้โดนฝนเด็ดขาดนะครับเพราะมันจะมีเชื้อโรคพร้อมทั้งสารเคมีเขาเรียกว่าฝนเหลืองมันจะมาพร้อมพายุรอบนี้เตือนคนที่รักด้วยนะครับว่าอย่าให้ใครโดนฝนเด็ดขาดนะครับอันนี้มันเป็นจริงตามทั้งฝรั่งแล้วก็พุทธทำนายว่าจะมีคนตายอีกมากมายนะครับเราหลีกเลี่ยงได้ป้องกันได้ป้องกันไว้ก่อนนะครับรักเสมอครับขอบคุณครับไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยด่วน ! รายงานจากสำนักข่าวไทย แจ้งรายละเอียดเนื้อหาของหนังสือรัฐบาลสหรัฐฯส่งตรงถึงนายกรัฐมนตรี และ 7 รัฐมนตรีของไทย อ้างกระทบผลประโยชน์ของสหรัฐ 51,000 ล้านบาท ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทยทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายดอน ปรมัติวินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เนื้อหาสำคัญว่ากระทรวงเกษตรสหรัฐได้ตรวจสอบผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศไทยในการห้ามสารเคมีเกษตร 3 ชนิดที่อยู่ในระหว่างการพิจารณา ทางสถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทยยังได้แนบเอกสารจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐ ส่งถึงนายกรัฐมนตรีของไทยด้วยว่า การแบนสารไกลโฟเซต โดยไม่พิจารณาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างเต็มที่ อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการนำเข้าถั่วเหลืองและข้าวสาลีของไทย จึงหวังว่าประเทศไทยจะพิจารณาความกังวลนี้ เพราะไกลโฟเซทเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและศึกษาอย่างจริงจังในโลก หน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกา (EPA) ประเมินแล้วว่าไม่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์ สอดคล้องกับความคิดเห็นทางวิทยาศาสตร์ของหน่วยงานอื่นทั้งญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย และองค์การเกษตรแห่งสหประชาชาติ จึงขอให้ชะลอการตัดสินใจเกี่ยวกับไกลโฟเซต เพื่อหาทางออกสำหรับสหรัฐอเมริกา คาดการณ์ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นจากการห้าม 3 ประการ คือ 1.เกษตรกรไทยจะต้องเผชิญกับต้นทุนสารเคมีทดแทนสูงขึ้น 75,000-125,000 ล้านบาท ของราคาตลาดของไทยในปัจจุบัน 2.หากไม่พบสารเคมีทดแทนที่เหมาะสม (เนื่องจากกลูโฟซิเนต มีแอมโมเนียมมีพิษมากกว่า ไกลโฟเซท แต่น้อยกว่าพาราควอต) ทำให้ต้นทุนแรงงานสูงขึ้นสำหรับการปราบวัชพืช ทำให้การควบคุมรวมกับการสูญเสียผลผลิตพืช คาดว่าจะสูงถึง 128,000 ล้านบาท 3.สิ่งที่สหรัฐกังวลมากที่สุด คือ จะมีผลกระทบต่อการนำเข้าถั่วเหลือง ข้าวสาลี กาแฟ แอปเปิ้ล และองุ่น จากสหรัฐ มูลค่า 51,000ล้านบาท ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นยังไม่รวมถึงผลกระทบที่ตามมาของผู้ผลิตอาหาร เช่น อุตสาหกรรมเบเกอรี่และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่พึ่งพาข้าวสาลีที่นำเข้า 100% เพื่อมาดำเนินธุรกิจมูลค่า 40,000 ล้านบาท นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยอมรับว่าต้องศึกษารอบด้านในการหาสารทดแทนเข้ามาใช้ เพราะกระทบหลายส่วน การทำงานเมื่อเป็นปัญหาการเมืองมักมีปัญหาตามมา ที่มา : สำนักข่าวไทย https://tna.mcot.net/view/w57Q3zSไม่ระบุชื่อ• 6 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยคำแนะนำที่ถูกต้องของแพทย์ที่ รพ รามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ อจ ธนัญญา วันนี้มาคุยเรื่อง #selfisolation กันนะคะคำแนะนำที่ถูกต้องของแพทย์ที่ รพ รามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ อจ ธนัญญา วันนี้มาคุยเรื่อง #selfisolation กันนะคะ อย่างที่ทราบ ยอดเคสใหม่ ทำลายสถิติใหม่ทุกวัน เคสหนักก็มีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว สุดท้ายระบบสาธารณสุขจะรองรับดูแลทุกคนที่ติดเชื้อไม่ไหว ดีที่เรารู้จักมันพอสมควรแล้ว เหมือนที่เรารู้ว่าต้องดูแลตัวเองอย่างไรเวลาเป็นหวัด ใช่ค่ะ วัคซีนทำให้โควิดกลายเป็นแค่ไข้หวัด ดังนั้นหากคุณเป็นผู้มีสุขภาพแข็งแรง อายุน้อยกว่า 60 ปี BMI < 30 ได้รับวัคซีนครบ กระตุ้นแล้วไม่เกิน 3 เดือน คุณคือผู้ที่สามารถดูแลตนเองที่บ้านได้ค่ะ ไม่น่ากลัวเลย เกิดวันนึงมีอาการแสบคอ เจ็บคอ คัดจมูก ไอ ไข้ ปวดเมื่อยตามตัว อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วสงสัยว่าตัวเองจะเป็นโควิดมั้ยก็เอา ATK มาจิ้มจมูกให้สิ้นสงสัย ถ้าขึ้น 2 ขีดก็คือใช่ มงลงที่คุณค่ะ (ไม่ต้องไปสืบหาว่าติดมาจากไหน ชั้นไม่ได้ออกไปไหนเลยนะ ติดได้ยังไง… เพราะตอนนี้มันอยู่ทุกที่แล้ว เหมือนเวลาเป็นหวัด เราก็ไม่เคยไปหาว่าติดจากไหน คิดซะว่าออกไปตากฝนมาเนอะ) พอขึ้น 2 ขีดแล้วตั้งสตินะคะ อย่ากรีดร้อง เดี๋ยวเชื้อฟุ้งกระจาย ค่อยๆดึงแมสก์ขึ้นมาปิดจมูกแล้วเดินเงียบๆเข้าห้องปิดประตูไป จากนั้นส่งไลน์กรุ๊ปครอบครัว และเพื่อนฝูงที่เราเจอในช่วง 3 วันที่ผ่านมา แจ้งให้ทราบว่า หนูมงลงแล้วนะคะ ช่วยตรวจ ATK ของตัวเองว่าใครเป็นบ้าง ใครที่เป็น ก็ทำแบบเดียวกันตามสเต็ปถัดไป ส่วนที่ยังไม่เป็นก็กักตัวค่ะ อีก 3 วันดูอาการแล้ว ATK อีกสักทีตอน 7 วัน กักต่อครบ 10 วัน ไม่มีอาการอะไรก็ได้ไปเวทีต่อไปค่ะ หลังจากเข้าห้อง และแจ้งคนรอบตัวแล้วทำดังนี้นะคะ 1.โทรไปลางาน แจ้งที่ทำงาน เจ้านาย ลูกน้องให้เรียบร้อย 2. แจ้ง 1330 (โทรไม่ติดไม่เป็นไรนะคะ ค่อยๆโทร แค่โทรไปแจ้งว่าเราติดเฉยๆนะ ไม่ต้องพยายามหาเตียง หายาอะไร หรือถ้าโทรไม่ได้จริงๆ ข้ามข้อนี้ไปเลยค่ะ) 3. สังเกตอาการตัวเอง นึกดีๆว่าเราเริ่มมีอาการวันแรกวันไหน นับเป็น day 0 เก็บเอาไว้ในใจนะคะ 4. มีอาการอะไรก็กินยาตามนั้น ลดไข้ ลดน้ำมูก ยาอมแก้เจ็บคอ ลดเสมหะ แก้ไอ (เตรียมติดบ้านไว้เลยนะคะ) 5. ข้อนี้ไอเท็มเสริม ถ้ามีก็อุ่นใจขึ้น คือ ปรอทวัดไข้ กับ ที่วัดออกซิเจนปลายนิ้ว (มีติดไว้และฝึกวัดไว้ก่อน ตอนเป็นจะได้ไม่ลน) วัดวันละครั้งหรือสองครั้งเช้าเย็นก็พอนะ จะได้ไม่ ปสด มาก ถ้าวัดได้ข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ ติดต่อรพ. หรือ 1330 นะคะ - ไข้ > 37.5 องศาเซลเซียส เกิน 3 วัน - รู้สึกเหนื่อย แน่นอก ไอมาก วัดออกซิเจนได้ < 96% หรือ วัดออกซิเจนหลังออกกำลังกายแล้วลดลง > 3% 6. นอนดูซีรีส์ หรือทำงานที่คั่งค้างให้เสร็จ หรือจะเข้าเรียนออนไลน์ ประชุมออนไลน์ อะไรก็ทำไปค่ะ นับวันไป พอถึง day 7 คุณหายแล้วค่ะ จากนั้นก็นอนต่อแบบสบายใจขึ้น ไปจนครบ 10 วัน 7. แจ้งที่ทำงานกับคนรอบข้าง ไปว่าครบ 10 วันชั้นจะกลับไปทำงานแล้วจ้า เป็นอันครบกระบวนการ self isolation ที่บ้านแบบชิลๆ (ไม่ต้องพกฟาวิ กระชายขาว ฟ้าทะลายโจนอะไรไว้ก็ได้นะ เพราะระลอกนี้มันไม่ค่อยช่วยอะไร) แต่ๆๆๆๆ ถ้าคุณมีโรคประจำตัวที่ทำให้ภูมิอ่อนแอ เช่น เบาหวานที่คุมไม่ดี น้ำหนักเกิน ไตวายเรื้อรัง ถุงลมโป่งพอง หอบหืด กินยากดภูมิ อายุเกิน 60 ยังไม่ได้วัคซีน หรือยังไม่ได้กระตุ้น ติดต่อรพ.เลยค่ะ ถึงตอนนี้สิ่งที่ให้เตรียมไว้คือ 1. ที่แยกเพื่อกักตัว 2. ยาสามัญประจำบ้าน 3. ปรอทวัดไข้ และที่วัดออกซิเจนปลายนิ้ว 4. อินเตอร์เน็ต โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ (อย่าลืมที่ชาร์จ) 5. คนส่งอาหารถึงหน้าประตู 6. ถุงแยกขยะในห้อง กับถังใส่เสื้อผ้าซักแล้ว (เก็บไว้ซักทีเดียว ตอนกักตัวครบ) ใครยังไม่ฉีดวัคซีน หรือยังไม่ได้กระตุ้น ไปฉีดซะนะคะ ที่นอนไอซียูตอนนี้ ไม่มีใครฉีดเลยค่ะ /เตือนแล้วนะMrs.Doubt• 3 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม! ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วันวันนี้ (24 ธ.ค.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีการโฆษณาทางสื่อโซเชียลเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วัน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มที่ระบุสรรพคุณว่า หากทาสามารถช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าไม่มีครีมหรือเซรั่มใดที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน ได้จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นเพียงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายนอกเพื่อทำความสะอาด สวยงามแต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ โดยเภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ได้ให้ข้อมูลว่า โครงสร้างของจมูกประกอบด้วย 2 ส่วน คือ โครงสร้างส่วนด้านบนเป็นกระดูกแข็ง ด้านล่างเป็นกระดูกอ่อน โดยห่อหุ้มด้วยผิวหนังและไขมัน ดังนั้นครีมที่ทำให้ดั้งโด่งจึงไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระดูก ส่งผลให้จมูกโด่งอย่างแน่นอน ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับภายนอกร่างกายของมนุษย์ รวมถึงฟันและเยื่อบุในช่องปาก เพื่อความสะอาด ความสวยงาม แต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ การโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเครื่องสำอางที่ทำให้ดั้งโด่งได้อย่างรวดเร็วภายใน 7 วัน ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณที่โกหก เพราะครีมหรือเซรั่มเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ภายนอกเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ผลิตหรือขายผลิตภัณฑ์ที่หลอกลวงสรรพคุณให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด ถือเป็นการโฆษณาที่แสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือเกินความจริง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และขอเตือนผู้บริโภคให้คิดก่อนตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีการโฆษณาสรรพคุณต่าง ๆ ว่า ไม่มีผลิตภัณฑ์ใดสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของร่างกายได้ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th และหากพบเห็นการโฆษณาโอ้อวดเกินจริงขอให้แจ้งร้องเรียนมาที่สายด่วน อย. 1556 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ไม่มีครีมหรือเซรั่มใดที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน ได้จริง เนื่องจากครีมหรือเซรั่มเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ภายนอกเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้std47626• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วันวันนี้ (24 ธ.ค.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีการโฆษณาทางสื่อโซเชียลเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วัน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มที่ระบุสรรพคุณว่า หากทาสามารถช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าไม่มีครีมหรือเซรั่มใดที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน ได้จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นเพียงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายนอกเพื่อทำความสะอาด สวยงามแต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ โดยเภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ได้ให้ข้อมูลว่า โครงสร้างของจมูกประกอบด้วย 2 ส่วน คือ โครงสร้างส่วนด้านบนเป็นกระดูกแข็ง ด้านล่างเป็นกระดูกอ่อน โดยห่อหุ้มด้วยผิวหนังและไขมัน ดังนั้นครีมที่ทำให้ดั้งโด่งจึงไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระดูก ส่งผลให้จมูกโด่งอย่างแน่นอน ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับภายนอกร่างกายของมนุษย์ รวมถึงฟันและเยื่อบุในช่องปาก เพื่อความสะอาด ความสวยงาม แต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ การโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเครื่องสำอางที่ทำให้ดั้งโด่งได้อย่างรวดเร็วภายใน 7 วัน ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณที่โกหก เพราะครีมหรือเซรั่มเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ภายนอกเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ผลิตหรือขายผลิตภัณฑ์ที่หลอกลวงสรรพคุณให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด ถือเป็นการโฆษณาที่แสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือเกินความจริง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และขอเตือนผู้บริโภคให้คิดก่อนตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีการโฆษณาสรรพคุณต่าง ๆ ว่า ไม่มีผลิตภัณฑ์ใดสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของร่างกายได้ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th และหากพบเห็นการโฆษณาโอ้อวดเกินจริงขอให้แจ้งร้องเรียนมาที่สายด่วน อย. 1556 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ไม่มีครีมหรือเซรั่มใดที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน ได้จริง เนื่องจากครีมหรือเซรั่มเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ภายนอกเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้std47722• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยรวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็นตำรวจบุรีรัมย์ หลอกเหยื่อโอนเงิน 1.8 ล้าน27 มิ.ย. 2566 15:20 น. ข่าว อาชญากรรม ไทยรัฐออนไลน์ รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็นตำรวจบุรีรัมย์ หลอกเหยื่อโอนเงิน 1.8 ล้าน ... ตำรวจไซเบอร์จับผู้ร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็นตำรวจบุรีรัมย์ สร้างนิยาย โทร. หลอกเหยื่อโอนเงิน รวมความเสียหายกว่า 1,876,000 บาท รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็นตำรวจบุรีรัมย์ หลอกเหยื่อโอนเงิน 1.8 ล้าน เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2566 พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คําชํานาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รองผบช.สอท. พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รองผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.ศุภกร ธัญญกรรม ผกก.1 บก.สอท.5 จับกุมตัว น.ส.ปราถนา บุญเวียง อายุ 44 ปี ที่อยู่ 16/2 ม.1 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1134/2566 ลงวันที่ 11 เมษายน 2566 ในความผิด "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน" โดยจับกุมตัวได้ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ... สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายถูกคนร้ายโทร. มาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงเทพ แจ้งว่ามีการเอาข้อมูลผู้เสียหายไปเปิดใช้บัตรเครดิตและค้างชำระ ให้ผู้เสียหายแจ้งความออนไลน์ โดยให้โอนสายไปยังคนร้ายที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ จากนั้นได้ให้ผู้เสียหายแอดไลน์ชื่อ สถานีตำรวจภูธรเมืองบุรีรัมย์ และได้คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อมาคนร้ายได้โอนสายให้ผู้เสียหายพูดคุยกับผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย เพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเหตุการณ์ที่สนทนากันเป็นเรื่องจริง ซึ่งคนร้ายได้หว่านล้อมข่มขู่ผู้เสียหายให้เกิดความกลัวว่าจะต้องถูกดำเนินคดี โดยผู้เสียหายต้องโอนเงินเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ จากพฤติกรรมของคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว จึงทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีของกลุ่มคนร้ายหลายครั้ง ผู้เสียหายเห็นว่าผิดปกติ เชื่อว่าถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวง จึงแจ้งความดำเนินคดี โดยมีผู้ถูกหลอกจำนวนหลายราย รวมความเสียหายกว่า 1,876,000 บาทstd48890• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย"จิงจูฉ่าย" เป็นผัก มหัศจรรย์ สามารถใช้รักษามะเร็งได้ !"จิงจูฉ่าย" เป็นผัก มหัศจรรย์ สามารถใช้รักษามะเร็งได้ ! ———————————— “ผม..นิกกี้ อิทธิเกษม KU37 อดีตนายกสมาคมม.เกษตรฯแห่งอเมริกา จะขอเล่าประสบการณ์ที่เคยสัมผัสมากับตัวเองเมื่อปี 2007 เพื่อเป็นcaseตัวอย่างและเป็นทางออกให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งหลาย ผมมีร้านอาหารอยู่ในเขต N.Hooywood วันหนึ่งกลางปี 2007 ผมได้มีโอกาสเจอลูกศิษย์เก่าที่เคยมาเรียนแจกไพ่ที่ร้าน ถามทุกข์สุขกันไปมา ถึงได้รู้ว่าเขาเคยเป็นมะเร็งที่คอ 1 ครั้ง,มะเร็งที่ต่อมลูกหมาก 1 ครั้ง ปัจจุบันหายเป็นปลิดทิ้ง รวมทั้งพี่น้องญาติอีก8คนที่เป็นมะเร็งภายในเวลา5 ปี ทุกคนหายหมด ผมจึงเกิดความกระตือรือร้นที่จะถามว่า มีวิธีรักษากันอย่างไร? วันนั้นคุณแม่เขามาด้วยจึงอธิบายให้ฟังว่า "ฉันมีต้นจิงจูฉ่ายอยู่ในสวนหลังบ้านเยอะ ปกติก็จะใส่ในแกงจืดให้ลูกๆกินเป็นประจำ เพราะคนจีนบอกต่อๆกันมาถึงสรรพคุณช่วยฟอกเลือดและขับสารพิษออกจากร่างกายทำ ให้ลูกๆไม่ค่อยเป็นอะไร วันหนึ่งลูกฉันไปตรวจหมอกลับมา บอกว่าเป็นมะเร็ง อีก 2 เดือนต้องไปฉายแสง ฉันจึงลองเอาจิงจูฉ่าย1กำมือมาตำ จะได้น้ำออกมาแก้ว(เล็ก)หนึ่ง ให้เขากินตอนเช้าทุกวัน 2 เดือน ถัดมาไปตรวจหมอ หมอถามไปทำอะไรมา ทุกอย่างปกติหมด มะเร็งได้หายไปแล้ว" หลังจากคุยกันพักหนึ่ง ผมก็ได้ข้อสรุปออกมาว่า คน8คนเป็นมะเร็งในที่ต่างกัน กินน้ำจิงจูฮวยฉ่าย 2-3 เดือน ทุกคนหายหมด(ไม่มีใครต้องทำคีโมเลย) ผมจึงเกิดความเชื่อถือขึ้นมาระดับหนึ่ง ก่อนหน้านั้น พี่สะใภ้ผม 2 คน (ปี2006) เป็นมะเร็งที่เต้านม,มดลูก คนหนึ่งต้องทำคีโม ใช้วิธี"นั่งสมาธิ"ทุกวัน 8 เดือน หายเป็นปกติ ต่อมาผมได้ต้นจิงจูฉ่ายมา1 ต้น จากคุณแม่ของลูกศิษย์ จึงรีบนำมาเพาะขยาย ปลายปี 2008 ผมได้รู้ว่าแม่ค้าที่เช่าที่ในร้านผมคนหนึ่งเป็นมะเร็งเต้านมขั้น 3 หน้าคล้ำ เดินตัวแข็งแล้ว ผมรีบเชิญมานั่งคุยเล่าเรื่องจิงจูฉ่ายให้ฟังและเรื่องพี่สะใภ้นั่งสมาธิ ก็เลยแนะนำให้ทำ 2 อย่างควบคู่กันไป เชื่อไหมว่า 3 เดือนถัดไป หายเป็นปลิดทิ้ง (ผมให้เขาไปเพียง1ต้นไปปลูกและ เด็ดใบทานเลยวันละ1ใบ เพราะมีน้อย ก็ยังได้ผล) ปี 2009 ผมมีต้นจิงจูฉ่ายมากขึ้นและแจกจ่ายให้กับคนรู้จักหลายคน ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่าง 3 เดือน ทุกคนอาการดีขึ้นหมด ถ้าเราอยากช่วยผู้ที่เรารักและห่วงใยซึ่งกำลังเผชิญกับโรคร้ายนี้ ผมแนะนำวิธีนี้ ถ้าคุณต้องทำคีโมก็ทำไป กินใบจิงจูฉ่ายและนั่งสมาธิผมว่าคุณมีโอกาสหาย ผมพยายามหาข้อมูลเพิ่มเติม พบว่าผักชนิดนี้ แพมย์จีนโบราณเรียกว่า"ยาเย็น"เป็น"หยิน"ช่วยฟอกเลือด,ขับสารพิษ..ฆ่าเชื้อ ไวรัสทุกชนิด.. เพื่อนku37 คนหนึ่งลองให้ลูกกิน เนื้องอกที่คอก็ยุบลง เนื่องจากที่ LA.เรามีน้อยมาก ถ้าเกิดใครต้องการมากๆ (จริงๆต้องทานวันละ1กำ )ลองคุยกับคุณน้อยที่สวนคุณน้อย จ.เชียงใหม่ เขาขายกก.ละ 35 บาท ใครเป็นมะเร็งลองดูซิครับ ทานแล้วยังไงก็ไม่มีผลข้างเคียง แต่ คุณมีโอกาสหายครับ. ใครที่เคยสั่ง "เกาเหลาเลือดหมู" มาทาน เคยสงสัยกันไหมว่า ในชามเกาเหลาของเราจะมีผักสีเขียวชนิดหนึ่ง ที่ไม่ใช่ผักกาดหอม ขึ้นฉ่าย หรือใบตำลึงใส่ชามมาด้วย หลายคนไม่ทราบว่าเจ้าผักชนิดนี้มีชื่อเรียกว่าอะไร แล้วมีสรรพคุณอย่างไร เอ้า...ใครที่ไม่รู้ ตามกระปุกดอทคอมมาเลยค่ะ เจ้าผักชนิดนี้เรียกว่า "จิงจูฉ่าย" ค่ะ หรือที่ชาวต่างชาติเรียกว่า "เซเลอรี่" (Celery) เป็นผักสมุนไพรชนิดหนึ่งของจีน มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Apium graveolens L. ลักษณะต้น "จิงจูฉ่าย" จะเป็นกอคล้ายใบบัวบก สามารถเจริญงอกงามได้ดีในที่ที่มีแสงแดดรำไร ชื้น ดินโปร่งแต่ไม่แฉะ ชอบอากาศเย็นมากกว่าอากาศร้อน คุณค่าทางโภชนาการของ "จิงจูฉ่าย" มีไม่น้อยทีเดียวค่ะ เพราะ "จิงจูฉ่าย" 100 กรัม ให้พลังงาน 392 กิโลแคลอรี ประกอบด้วยสารอาหารนานาชนิด คือ โปรตีน, ไขมัน, คาร์โบไฮเดรต, เส้นใย, แคลเซียม, เหล็ก, ฟอสฟอรัส, วิตามินเอ, วิตามินบี6, วิตามินซี และวิตามินอี มาที่สรรพคุณทางยากันบ้างดีกว่า จุดเด่นของ "จิงจูฉ่าย" คือมีกลิ่นหอม คล้าย ๆ กับตั้งโอ๋ ยิ่งโดนความร้อนจะยิ่งหอม และยิ่งเพิ่มสรรพคุณมากขึ้น โดยกลิ่นหอมของ "จิงจูฉ่าย" มาจากน้ำมันหอมระเหยที่มีอยู่ในลำต้นและใบนั่นเอง ประกอบด้วยสารไลโมนีน ซิลนีน และสารกลัยโคไซด์ที่มีชื่อว่า อะปิอิน ซึ่ง สารเหล่านี้มีสรรพคุณช่วยปรับสมดุลความดันโลหิต จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเรื่องความดัน แถมยังช่วยขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ด้วย ส่วนต้นสด และเมล็ดของ "จิงจูฉ่าย" มีโซเดียมต่ำ จึงดีต่อผู้ป่วยโรคไต นอกจากนี้ ในทางการแพทย์เชื่อว่า "จิงจูฉ่าย" เป็นยาเย็น จึงช่วยบำรุงปอด ช่วยฟอกเลือด เลือดลมหมุนเวียนได้สะดวก คนจีนจึงนิยมนำผักชนิดนี้มาปรุงเป็นอาหารรับประทานในหน้าหนาว เพื่อช่วยในเรื่องการไหลเวียนของโลหิต ปรับสมดุลให้ร่างกายได้ดีนั่นเอง ส่วนที่หลายคนสงสัยว่า ทำไมเราจึงมักเห็น "จิงจูฉ่าย" อยู่ในเกาเหลาเลือดหมู นั่นก็เพราะ "จิงจูฉ่าย" มีสรรพคุณช่วยดับกลิ่นคาวเลือดได้ดีด้วยค่ะ แต่จริง ๆ แล้ว "จิงจูฉ่าย" ไม่ได้ใช้ทำอาหารได้เพียงแค่ต้มเลือดหมูเท่านั้นนะ เพราะอาหารประเภทแกงจืดทั้งหลาย หรือผัดผัก ผัดฉ่าก็สามารถใช้ "จิงจูฉ่าย" เป็นส่วนผสมที่ลงตัวน่ารับประทานไม่แพ้กันจิงจูฉ่าย ในรูปแบบชา คัดวัตถุดิบใบจิงจูฉ่ายคุณภาพ ปลอดสาร ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน สะอาดปลอดภัย ไม่มีสารปนเปื้อน รสชาติหอมหวานไม่ขม ดื่มง่าย โดยกระบวนการหมัก นวดอย่างพิถีพิถัน และอบด้วยไฟอ่อนเพื่อให้คงคุณค่าทางโภชนาการ และสรรพคุณทางยา ชาจิงจูฉ่ายจึงมีประโยชน์มากมาย และเนื่องจากเป็๋นสมุนไพรจึงไม่มีผลข้างเคียง ในกรณีที่บริโภคเป็นปริมาณมากอยกได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากเพื่อนในเวปค่ะLiked By: PinKen มะเร็งระยะสุดท้าย 2 ปี ไม่เข้ารับรักษา ค่ามะเร็งล…: https://youtu.be/uITAm2Gi5mQมะเร็งยาสมุนไพรMrs.Doubt• 4 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยอย.เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์อ้างลดอ้วน ‘De2xy และ Me2shape’ เสี่ยงอันตรายอย.เตือนสาวอยากผอมระวัง อย่าซื้อผลิตภัณฑ์อวดอ้างลดอ้วน De2xy และ Me2shape พบเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่ขออนุญาตกับ อย. แถมโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง เสี่ยงได้รับอันตรายถึงชีวิต นพ.พูลลาภ ฉันทวิจิตรวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคให้ตรวจสอบการโฆษณาผลิตภัณฑ์ “De2xy และ Me2Shape” ซึ่งพบว่ามีการโฆษณาอ้างสรรพคุณเกินจริงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ นั้น อย.ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบการโฆษณาสรรพคุณอ้างลดน้ำหนักทางเฟซบุ๊กชื่อ Sunisa Lv’tl แสดงข้อความในทำนองช่วยควบคุมน้ำหนัก เปลี่ยนหุ่นเสีย เป็นหุ่นสวย เพราะมีตัวช่วยหุ่นดีที่ไม่ต้องอด ก็ลดได้ เพียงแค่วันละ 1 - 2 แคปซูล ซึ่งข้อความเหล่านี้เป็นการโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาตและโอ้อวดสรรพคุณเกินจริง เพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ อย.ได้สั่งระงับการโฆษณาและดำเนินการทางกฎหมายกับผู้โฆษณาแล้ว นอกจากนี้ จากการสืบค้นข้อมูลในระบบตรวจสอบผลิตภัณฑ์ ไม่พบข้อมูลการอนุญาตผลิตภัณฑ์อาหารในชื่อดังกล่าวแต่อย่างใด พร้อมกันนี้ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบหาต้นตอแหล่งผลิตผลิตภัณฑ์ต่อไป รองเลขาธิการ อย. กล่าวต่อว่า ขอเตือนภัยสาวอยากผอมพึงระวัง อย่าตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อคารมการโฆษณาเกินจริงจากผู้ขายโดยเด็ดขาด นอกจากจะไม่ได้ช่วยให้น้ำหนักลดลงแล้ว ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพกรณีเป็นยาลดความอ้วนส่วนใหญ่ออกฤทธิ์ลดความอยากอาหาร เป็นยาที่กระตุ้นประสาทส่วนกลางการใช้จะทำให้น้ำหนักลดลงได้ขณะรับประทานยา แต่น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อหยุดยา หรือที่เรียกว่า yo-yo effect และผลข้างเคียงจากการใช้ยาที่พบบ่อย คือ นอนไม่หลับ เวียนศีรษะ วิตกกังวล ตาพร่า ดังนั้น การใช้ยาเพื่อลดความอ้วน ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น อย่าซื้อยามารับประทานเอง ส่วนกรณีเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ไม่ได้ขออนุญาตอย่างถูกต้อง มักตรวจพบว่ามีการผสมยาหรือสารอันตราย ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ พร้อมเตือนผู้ขายอย่าโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพอวดอ้างลดความอ้วนผ่านสื่อทุกช่องทาง ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย หากตรวจพบจะถูกดำเนินคดีทันที ทั้งนี้ หากผู้บริโภคพบเห็นการอวดอ้างโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพต้องสงสัย สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือที่ E-mail: 1556@fda.moph.go.th หรือ ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือร้องเรียนผ่าน Oryor Smart Application หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศลดความอ้วนอย. เพิกถอนผู้บริโภคเฝ้าระวังstd47993• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยข่าวปลอมอย่าแชร์! ผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงตามที่มีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นเรื่องผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีที่มีการแชร์ข้อความว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิงแต่อย่างใด โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae จัดอยู่ในจีนัส Orthopoxvirus เชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะ เช่น กระรอก หนูป่า เป็นต้น รวมทั้งคนก็สามารถติดโรคได้ จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัดข่วน การประกอบอาหารจากเนื้อสัตว์ป่า หรือกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ หรืออาจติดทางอ้อมจากการสัมผัสที่นอนของสัตว์ป่วย การแพร่เชื้อจากคนสู่คนแม้มีโอกาสน้อย แต่อาจเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยผ่านทางสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ ผิวหนังที่เป็นตุ่ม หรืออุปกรณ์ที่มีการปนเปื้อนเชื้อ เมื่อคนรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะมีระยะฟักตัวประมาณ 7-14 วัน อาจนานถึง 21 วัน โดยอาการเริ่มแรกจะมีไข้ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโต หนาวสั่น อ่อนเพลีย จากนั้นประมาณ 1-3 วัน จะมีผื่นขึ้นบริเวณแขนขา และอาจจะเกิดบนหน้าและลำตัวได้ด้วย ผื่นจะกลายเป็นตุ่มหนอง ในระยะสุดท้ายตุ่มหนองจะเป็นสะเก็ดแล้วหลุดออกมา อาการป่วยจะประมาณ 2-4 สัปดาห์ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากโรคเองได้ในปัจจุบันยังไม่มีการรักษาโรคฝีดาษลิงที่เฉพาะเจาะจง แต่สามารถควบคุมการระบาดได้ด้วย การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้ทรพิษ ซึ่งสามารถป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ 85% ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมควบคุมโรค สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.ddc.moph.go.th หรือโทร 1422 ได้ตลอด 24 ชม. บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิง และเชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิดโดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะรวมทั้งคนก็สามารถติดโรคได้ จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัดข่วน การประกอบอาหารจากเนื้อสัตว์ป่า หรือกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอดลยา ซื่อตรง เลขที่36• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย📌 ข่าวดี!! เปิดลงทะเบียนรับส่วนลดค่าน้ำ ค่าไฟ ช่องทางลงทะเบียนค่าไฟฟ้า สำนักงาน การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) หรือผ่านเว็บไซต์ https://shorturl.asia/SqTWk เบอร์ติดต่อ 1130 สำนักงาน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หรือผ่านเว็บไซต์ https://shorturl.asia/SqTWk เบอร์ติดต่อ 1129 กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ (กทร.) หรือผ่านเว็บไซต์ https://shorturl.asia/SqTWk เบอร์ติดต่อ 086 848 1284 📌 วิธีลงทะเบียนรับสิทธิลดค่าไฟฟ้า เข้าเว็บไซต์ การไฟฟ้านครหลวง (MEA) หรือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หรือ กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ (กทร.) 1. กรอก ข้อมูลรหัสเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า (เลขมิเตอร์ไฟฟ้า) ที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ (เฉพาะหมายเลข 8 หลัก) 2. กรอก บัญชีแสดงสัญญา (เฉพาะหมายเลข 9 หรือ 10 หลัก) 3. กรอก ชื่อ-นามสกุล (ระบบจะค้นหาข้อมูลจากรหัสเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า) 4. กรอก ที่อยู่ (ระบบจะค้นหาข้อมูลจากรหัสเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า) 5. กรอก หมายเลขบัตรประชาชน ตามที่ระบุในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 6. เบอร์โทรศัพท์ของผู้ลงทะเบียน 7. กรอก E-mail ของผู้ลงทะเบียน 8. กดปุ่ม ลงทะเบียน 📌 ช่องทางลงทะเบียนค่าน้ำ สำนักงาน การประปานครหลวง (กปน.) หรือผ่านเว็บไซต์ https://shorturl.asia/SqTWk ... เบอร์ติดต่อ 1125 สำนักงาน การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) หรือผ่านเว็บไซต์ https://shorturl.asia/SqTWk ... เบอร์ติดต่อ 1662 📌วิธีลงทะเบียนรับสิทธิลดค่าน้ำประปา บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 1. เข้าเว็บไซต์ การประปานครหลวง หรือ การประปาส่วนภูมิภาค 2. กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ชื่อ-นามสกุล ของผู้ลงทะเบียน (ตามบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) 3. กรอก เลขบัตรประชาชน ของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้ลงทะเบียน 4. กรอก E-mail ของผู้ลงทะเบียน (ถ้ามี) , เบอร์โทรศัพท์ของผู้ลงทะเบียน (ถ้ามี) 5. เลือก สาขาของบ้าน ที่จะใช้สิทธิสวัสดิการ 6. กรอก เลขที่ผู้ใช้น้ำ เลขที่ผู้ใช้น้ำของบ้านที่จะใช้สิทธิสวัสดิการ 7. เลือกรูปภาพที่ปรากฏให้ถูกต้อง และคลิกที่ปุ่ม “ตกลง” 👉กรณีลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้ากับ กฟน. หรือ กฟภ. หรือ กทร. สำเร็จภายในวันสิ้นเดือน และ/หรือลงทะเบียนรับสิทธิค่าน้ำประปากับ กปน. หรือ กปภ. สำเร็จภายในวันที่ 25 ของแต่ละเดือน จะได้รับสิทธิครั้งแรกไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ