1 คนสงสัย
จริงหรือไม่? น้ำมะนาวรักษามะเร็งได้ เช็คให้ชัวร์ก่อนแชร์
มีการแชร์กันในโลกอินเทอร์เน็ตอย่างกว้างขวางถึงการดื่มน้ำมะนาวผสมโซดาเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง ซึ่งก็ไม่ทราบว่ามีที่มาอย่างไร เพราะปัจจุบันยังไม่มีผลการวิจัยที่รับรองเกี่ยวกับการใช้มะนาวกับโซดาเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็ง ความเชื่อนี้จึงอาจเกิดจากความเข้าใจผิดและไม่มีการแนะนำจากทางการแพทย์ให้นำมาใช้แต่อย่างใด

ด้วยคุณสมบัติของมะนาว เลมอน รวมทั้งผลไม้ซีตรัสชนิดอื่น ๆ ที่มีฤทธิ์คล้ายยาสมาน พ่วงด้วยปริมาณกรดวิตามิน C ที่สูงมากอยู่ในตัวเอง เหตุผลนี้จึงทำให้ผลไม้ซีตรัสเป็นพืชผลชนิดหนึ่งซึ่งเชื่อกันว่­­­าจะช่วยกำจัดเซลล์ร้ายและสมานแผลของเซลล์ที่ถูกทำลายได้ด้วย โดยเฉพาะในเลมอนและมะนาว ที่ถูกค้นพบว่ามีส่วนประกอบบางอย่างที่สามารถป้องกันการเกิดเซล­­­ล์ร้ายอย่างมะเร็งได้

โดยทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สหรัฐอเมริกาก็ได้ออกมายืนยันความอุดมสมบูรณ์ของวิตามิน C ในมะนาวและเลมอนว่า น้ำมะนาวแท้ ๆ เพียง ¼ ถ้วยตวง มีปริมาณวิตามิน C สูงถึง 23 มิลลิกรัม ซึ่งถ้าเทียบกับหลักโภชนาการ ปริมาณวิตามิน C ที่อยู่ในมะนาวจำนวนเท่านี้จะเติมเต็มความต้องการวิตามิน C ของร่างกายได้มากกว่า 33% ของปริมาณวิตามิน C ทั้งหมดที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน

อีกทั้งวิตามิน C ยังมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่ช่วยส่งเสริม­­­การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระที่จะสร้างความผิดปกติให้เกิดขึ้นกับเซล­­­ล์ อันเป็นเหตุให้เซลล์ถูกทำลายจนเจริญเติบโตเป็นเซลล์ร้ายในเวลาต่อมา

นอกจากนี้ผลการวิจัยของ Agricultural and Food Chemistry เมื่อปี 1998 และผลการศึกษาจากกระทรวงการเกษตร สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2001 ก็ช่วยยืนยันเพิ่มเติมว่า ในมะนาวและเลมอนถูกค้นพบว่ามีสารลิโมนอยด์ (Limonoids) สารที่มีสรรพคุณต้านการกลายพันธุ์และช่วยป้องกันไม่ให้มีสิ่งใด­มากัดกินเซลล์ได้ อยู่ทั้งหมด 3 ชนิดด้วยกัน โดยโอบาคิวโนน (obacunone) และดีโอซีลิโมนิน (deoxylimonin) ส่วนประกอบ 2 ใน 3 ของสารลิโมนอยด์ (Limonoids) นั้นถูกค้นพบว่า มีสรรพคุณช่วยลดขนาดและยับยั้งการเกิดเนื้องอกได้ถึง 25-50% เลยทีเดียว และจากการทดลองสารลิโมนอยด์ (Limonoids) ในปริมาณ 100 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร ทำให้ทราบว่าสารตัวนี้มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็งรั­­­งไข่ แถมยังช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งเต้านมได้อีกต่างหาก

ทว่าแม้การรับประทานมะนาวและเลมอนที่มีวิตามิน C สูง และมีคุณสมบัติดังที่กล่าวมาในเบื้องต้นจะสามารถป้องกันการเกิด­เซลล์มะเร็งได้ แต่ผลการศึกษาก็ไม่ได้ยืนยันถึงคุณสมบัติของมะนาวในเรื่องทำลาย­เซลล์ร้ายมะเ­­ร็งแต่อย่างใด
std48849
 •  1 ปีที่แล้ว
0 ความเห็น
ช่วยระบุหมวดหมู่ของข้อความนี้ให้หน่อย
เลือกให้น้อยที่สุด (ถ้าเป็นไปได้)

ยังไม่มีใครตอบ

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    ดื่มน้ำมะนาวฆ่าเชื้อโควิด19 ไม่ได้
    กรณีที่มีการแชร์ข้อมูลในโลกออนไลน์ ถึงสรรพคุณของมะนาว ที่อ้างว่าสามารถรักษาโรคโควิด-19 จึงนำข้อมูลนี้ สอบถามกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค นายกสมาคมเวชศาสตร์ป้องกัน แห่งประเทศไทย ระบุว่า มะนาวมีวิตามินซีสูง ช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันแต่ไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้ ดร.นพ.พรเทพ กล่าวว่า “สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เป็นการฆ่าเชื้อโรค แต่ไปทำให้เชื้อโรคไม่สามารถฝังเข้าไปในเซลล์ของทางเดินหายใจและปอดได้ง่าย และให้กำจัดออกทิ้งไป ยังไม่มียาใดๆ ทั้งสิ้น ในการฆ่าเชื้อไวรัส ในโลกนี้ ยาที่มีอยู่ ที่ใช้ตอนนี้คือ ยาฟาวิราเวียร์ ก็เพียงแต่ทำให้เชื้อมันอ่อนแรง และร่างกายกำจัดมันด้วยการกินมันด้วยเซลล์เม็ดเลือดขาวเท่านั้นเอง แต่อย่าไปเข้าใจผิดว่าถ้าเราป่วยหนัก แล้วไปถินพวกนี้จะทำให้เชื้อหมดไปจากร่างกาย มันเป็นไปไม่ได้” ดร.นพ.พรเทพ กล่าว อ้างอิง: Workpoint Today
    naruemonjoy
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    “น้ำมะนาว” ยาวิเศษแก้สารพัดโรค
    ก่อนหน้านี้ “น้ำมะนาว” ถูกแชร์ต่อๆกันว่า เอาไปผสมโซดาแล้วจะช่วยฆ่าเชื้อมะเร็งได้ ยุคหลังๆมาบอกว่า “น้ำมะนาว” ช่วยฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้ ไม่ว่าจะฆ่าเชื้อมะเร็ง หรือ ฆ่าเชื้อโควิด-19 ก็ได้รับการยืนยันจาก นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อดีตอธิบดีกรมควบคุมโรค รวมถึงคุณหมออีกหลายคน ที่พูดตรงกันว่า ข่าวนี้เป็นข่าวปลอม มะนาวเป็นผลไม้มีวิตามินซีสูง ช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกัน ช่วยไม่ให้เชื้อโรคสามารถฝังเข้าไปในเซลล์ของทางเดินหายใจและปอดได้ง่ายเท่านั้น แต่ไม่สามารถฆ่าไวรัสได้
    std48096
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    "สะเดา" หวานเป็นลมขมเป็นยา
    "สะเดา" หวานเป็นลมขมเป็นยา ถ้าพูดถึง”สะเดา” เราคงนึกถึงสมุนไพรรสขมที่มีประโยชน์ และคิดถึงเมนูสูตรเด็ด ”สะเดาน้ำปลาหวาน” ที่กินคู่กับปลาดุกย่างที่แสนอร่อย ข้อมูลของกรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข เผยว่า สะเดาเป็นผักสมุนไพรพื้นบ้านที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ โปรตีน แร่ธาตุและวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกาย สรรพคุณทางยาของสะเดา 1. ดีท็อกซ์สารพิษตกค้างในร่างกาย ใบสะเดาเมื่อนำมาต้มในน้ำร้อน ใช้จิบอย่างน้อยวันละครั้ง ล้างพิษในกระแสเลือด กระตุ้นให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น 2. รักษาโรคผิวหนัง สารเกดูนิน (Gedunin) และ นิมโบลิดี (Nimbolide) ในใบและเมล็ดมีประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อรา แบคทีเรียและเชื้อไวรัสสูง ไม่ว่าจะเป็นเชื้อราตามเท้า เล็บมือ เล็บเท้า กลาก-เกลื้อน หิด เริม แผลจากโรคสะเก็ดเงิน (เชื้อแบคทีเรีย) หัด ลมพิษ ผดผื่นคัน หูด และอีสุกอีใส 3. แก้ไข้มาเลเรีย สารเคมีกลุ่มลิโมนอยด์ (Limonoids) ได้แก่ สารเกดูนิน และ นิมโบลิดี ในใบและเมล็ดสะเดา สามารถยับยั้งเชื้อฟัลซิปารัม (P.Falciparum) ซึ่งเป็นเชื้อไข้มาลาเรียดื้อยาชนิดหนึ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4. รักษาโรคไขข้อ ขอบใบสะเดา เมล็ดสะเดา และเปลือกต้น เป็นส่วนที่นำมาใช้เป็นยารักษาโรคไขข้อได้ โดยช่วยลดอาการปวด บวมในข้อ ซึ่งอาจนำมาสกัดเป็นน้ำมันใช้ทาในบริเวณที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ และอาการปวดหลังช่วงล่าง หรือนำใบมาต้มเป็นน้ำดื่มเพื่อรักษาอาการของโรครูมาตอยด์ โรคเกาต์ โรคกระดูกพรุน 5. ช่วยย่อยอาหาร ใบสะเดา สามารถนำมาทำเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยได้ เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำดี ช่วยให้กระเพาะย่อยอาหารได้ดีขึ้น อีกทั้งน้ำดีที่ถูกกระตุ้นสร้างออกมานั้นจะช่วยย่อยอาหารประเภทไขมันได้ดีขึ้นด้วย 6. บำรุงสุขภาพช่องปาก บำรุงเหงือกและฟัน นิยมนำมาสกัดเป็นส่วนผสมในยาสีฟันทั่วไป ช่วยรักษาโรครำมะนาด โรคเลือดออกตามไรฟัน โรคเหงือก และลดอาการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก 7. ลดความเสี่ยงการเกิดเนื้องอก และมะเร็งมีผลวิจัยบางชิ้นเผยว่า สารพอลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharides) และสารลิโมนอยด์ (Limonoids) ที่พบในเปลือก ใบ และผลสะเดา มีคุณสมบัติช่วยลดความเสี่ยงการเกิดเนื้องอก และมะเร็ง 8. คุมกำเนิด ใช้น้ำมันสะเดาเพื่อคุมกำเนิดในผู้หญิงและผู้ชาย โดยใช้วิธีต่างกัน ผู้หญิงนั้นจะใช้น้ำมันสะเดาชุบสำลีทาบริเวณปากในช่องคลอด ส่วนผู้ชายจะใช้ฉีดน้ำมันสะเดาบริเวณท่อนำอสุจิ 9. บำรุงข้อต่อ สะเดาช่วยบำรุงกระดูกและข้อต่อต่าง ๆ ในร่างกาย 10. ช่วยรักษาโรคเบาหวาน โดยจะยับยั้งการผลิตอินซูลินได้กว่าร้อยละ 50 และยังช่วยปรับสมดุลความอยากอาหาร 11. ดีท็อกซ์สารพิษในกระแสเลือด ทำให้มีปริมาณเลือดดีหมุนเวียนในร่างกายมากขึ้น 12. ต้านมะเร็งสารพอลิแซ็กคาไรด์ และสารลิโมนอยด์ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้อร้าย 13. ลดการติดเชื้อราในช่องคลอด 14. บำรุงหัวใจ ผลของต้นสะเดา หากนำมาต้ม ใช้จิบอย่างน้อยวันละครั้ง มีคุณสมบัติช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดเป็นปกติ อย่างไรก็ตาม ควรรับประทานอาหารที่หลากหลายและครบ 5 หมู่ เพื่อสุขภาพร่างกายที่สมดุลและแข็งแรง ขอบคุณข้อมูลจาก แนวหน้า และ กรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข
    Mrs.Doubt
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false