1543 ข้อความ
- 1 คนสงสัย#มีความจำเป็นต้องอ่านเพื่อรู้เท่าทันไม่หลงเป็นเหยื่อทำลายประเทศชาติตัวเอง #สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่เคยใช้ภาษีประชาชน สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ลงทุนหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย # ซึ่งต้องชำระภาษีอากรเช่นเดียวกับบริษัททั่วไป มีข้อมูลเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ดังต่อไปนี้ บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) - ทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ - ถือหุ้นร้อยละ 98.54 จำนวน 49,272,239 หุ้น (ออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2551) บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SET:SCC) - ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 1,200 ล้านบาท ราคาตลาดหุ้นละ 474 บาท สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ - ถือหุ้นร้อยละ 30 จำนวน 360 ล้านหุ้น บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด - ถือหุ้นร้อยละ 1.6 จำนวน 19.22 ล้านหุ้น ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SET:SCB) - ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 33,944.38877 ล้านบาท ราคาตลาดหุ้นละ 144 บาท สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ - ถือหุ้นร้อยละ 21.3 จำนวน 722.941958 ล้านหุ้น บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด - ถือหุ้นร้อยละ 2.43 จำนวน 82.3678 ล้านหุ้น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (SET:DIF) - ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 58,080 ล้านบาท ราคาตลาดหุ้นละ 12.2 บาท บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด - ถือหุ้นร้อยละ 0.86 จำนวน 50 ล้านหุ้น บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) (SET:JMART) - ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 524.463106 ล้านบาท ราคาตลาดหุ้นละ 9 บาท บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด - ถือหุ้นร้อยละ 0.61 จำนวน 3.1827 ล้านหุ้น บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (SET:PTG) - ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 1,670 ล้านบาท ราคาตลาดหุ้นละ 16.3 บาท บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด - ถือหุ้นร้อยละ 0.5 จำนวน 8.3521 ล้านหุ้น และยังมีการลงทุนในบริษัทดังต่อไปนี้ -สยามพิวรรธน์ -ดอยคำ -บริษัท สยามสินธร จำกัด -บริษัท นวุติ จำกัด -บริษัท เอเพ็กซ์เซล่า จำกัด -บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด -เครือโรงแรมเคมปินสกี้ (จากประเทศเยอรมนี ซึ่งสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์) -บริษัท หินอ่อน จำกัด -บริษัท ฮอนด้าออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด -บริษัท องค์การเภสัชกรรม - เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด -บริษัท ปตท.จำหน่ายก๊าซธรรมชาติ จำกัด -บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด -บริษัท นันทวัน จำกัด (ไทยโอบายาชิ) -บริษัท พรีมัส (ประเทศไทย) จำกัด -มหาวิทยาลัยเอเชียน บริษัทในเครือ สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ดำเนินการจัดตั้งบริษัทในเครือขึ้น 2 แห่ง เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการสินทรัพย์ต่างๆ โดยชำระภาษีอากรเช่นเดียวกับบริษัททั่วไป ดังต่อไปนี้ บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด - ทำหน้าที่บริหารการลงทุนในหุ้นอื่นๆ บริษัท วังสินทรัพย์ จำกัด - ทำหน้าที่ดูแลการลงทุนอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ผลการดำเนินงาน ภายหลังการมีสถานะเป็นนิติบุคคลในปี พ.ศ. 2491 สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ มีการบริหารงานเช่นเดียวกับองค์กรทั่วไป จนกระทั่งเมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจใน พ.ศ. 2540 ซึ่งบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ถือหุ้นอยู่ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จึงมีการปรับปรุงการบริหารงานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง และกิจการต่างๆ ที่ลงทุน เริ่มฟื้นตัวได้ในปี พ.ศ. 2546จึงทำให้สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ มีรายได้ในปีนั้นที่ประมาณ 3,800 ล้านบาท จากการแถลงข่าวประจำปี พ.ศ. 2548 ของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ โดยจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานฯ แจ้งว่าในปี พ.ศ. 2547 สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ มีรายได้ประมาณ 5 พันล้านบาท โดยประมาณร้อยละ 90 เป็นรายได้จากเงินปันผลของหุ้นที่ลงทุนใน บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ และ บมจ.เทเวศประกันภัย ที่เหลืออีกประมาณร้อยละ 8 หรือประมาณ 400 ล้านบาท เป็นรายได้จากค่าเช่าที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ 👉 https://bit.ly/2CBG1oO Cr. Tharnn Noiplookไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยผลิตภัณฑ์ สารสกัดกระชายขาวผสมพลูคาว โฆษณาสรรพคุณไม่ตรงใบอนุญาตเลข อย. อ้าง เสริมภูมิต้านโควิดผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สารสกัดกระชายขาวผสมพลูคาว โฆษณาชวนเชื่อว่ามีสรรพคุณ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ต้านโควิด-19 ทางเว็บไซต์ Anti-Fake News Center Thailand ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น ไม่เป็นความจริง การยื่นขอใบอนุญาตของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ไม่มีการยื่นข้อมูลประสิทธิผลในการเสริมภูมิคุ้มกัน และต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามที่กล่าวอ้าง จึงไม่สามารถประเมินประสิทธิผลของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้ ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่มีผลในการบำบัด บรรเทา หรือรักษาโรค จึงขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อการโฆษณาของผลิตภัณฑ์นี้ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางด้านสุขภาพstd47655• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยนายก บอกประชาชนให้ร่วมกันสวดมนต์เพื่อไล่พายุนากรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้บอกให้ประชาชนร่วมกันสวดมนต์เพื่อไล่พายุ ในปี64สภาพอากาศCoyi• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโกโก้ ซอยโปรตีน เพิ่มสูง ไม่ต้องพึ่งหมอตามที่มีการเผยแพร่สรรพคุณในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับประเด็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโกโก้ ซอยโปรตีน เพิ่มสูง ไม่ต้องพึ่งหมอ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ ตามที่มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโกโก้ ซอยโปรตีน เพิ่มสูง ไม่ต้องพึ่งหมอ ตามสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ นั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงถึงประเด็นนี้ว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวขออนุญาตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในชื่อ แคลเซียมโกโก้ ซอยโปรตีนความสวยความงามผู้บริโภคเฝ้าระวังstd48864• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยอย่าเเชร์ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโกโก้ซอยโปรตีน เพิ่มความสูงmobile-menu Logo ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย Anti-Fake News Center Thailand searchiconmobile จำนวนผู้เข้าชม 15,512,899 ข่าวปลอม ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ข่าวปลอม อย่าแชร์! ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโกโก้ ซอยโปรตีน เพิ่มสูง ไม่ต้องพึ่งหมอ 8 มีนาคม 2022 | 17:01 Facebook Link Youtube ตามที่มีการเผยแพร่สรรพคุณในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับประเด็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโกโก้ ซอยโปรตีน เพิ่มสูง ไม่ต้องพึ่งหมอ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จสุขภาพstd48951• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโกโก้ ซอยโปรตีน เพิ่มสูง ไม่ต้องพึ่งหมอผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโกโก้ ซอยโปรตีน เพิ่มสูง ไม่ต้องพึ่งหมอ เพราะโกโก้ช่วยรักษาstd47675• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโกโก้ ซอยโปรตีน เพิ่มสูง ไม่ต้องพึ่งหมอตามที่มีการเผยแพร่สรรพคุณในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับประเด็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโกโก้ ซอยโปรตีน เพิ่มสูง ไม่ต้องพึ่งหมอ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จstd46410• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยไม่พบข้อมูลปริมาณสารคอร์ไดซิปินในผลิตภัณฑ์ ภูมิถั่งเช่า ตามที่โฆษณาอวดอ้างผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ภูมิถั่งเช่า โฆษณาชวนเชื่อทางสื่อโซเชียลว่ามีสรรพคุณ ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรค ใช้ข้อความแสดงสรรพคุณว่าช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรคได้นั้น ทางอย. ได้ดำเนินการตรวจสอบแล้วพบว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้ยื่นขอใบอนุญาตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในชื่อ ภูมิถั่งเช่ายาสมุนไพรอย. เพิกถอนstd46418• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยพบแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาล พบเห็นให้ทำลาย จริงหรือนักกีฏวิทยายัน พบแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาล ที่ลำปาง วอนอย่าตระหนก-พบเห็นให้ทำลายMrs.Doubt• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยhttps://m.facebook.com/MarketingGun/photos/a.243803712376473/1015514038538766/?type=3&sfnsn=moยาสมุนไพรไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยครอบครัวข้าราชการติดโควิดเบิกค่าห้องสูงสุด 7,500 บาทต่อวันครอบครัวข้าราชการ'ติดโควิดเบิกค่าห้องสูงสุด 7,500 บาทต่อวัน กรมบัญชีกลางประกาศแนวฏิบัติ"การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีข้าราชการหรือบุคคลในครอบครัว"เสี่ยงหรือติดโควิด"การตรวจยืนยันการติดเชื้อ-การเบิกค่าอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล-การเบิกค่าห้องพัก สูงสุดไม่เกิน7.5พันบาทต่อวัน" มีผลตั้งแต่ 16 ส.ค.64โควิด 2019Mrs.Doubt• 4 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย"6 เหตุผล (ทางสมอง) ที่ทำให้คนสูงอายุมักจะโดนมิจฉาชีพหลอกได้ง่าย" พอดีตอนเช้าเห็นหัวข้อข่าว เจ้าหน้าที่ธนาคารพยายามอธิบาย (ด้วยเหตุผล) ว่านี่เป็นมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงิน แต่คุณยายก็ไม่เชื่อ สูญเงินไปเป็นล้าน เลยอยากจะเขียนถึงเรื่องนี้สั้น ๆ และอธิบายว่าทำไมวิธีการที่แนะนำกันอยู่ มันไม่ค่อยได้ผลในคนสูงอายุ 1 สมองส่วนหน้าหรือที่เรียกว่า prefrontal cortex ฝ่อบางลง (ตามวัย) สมองส่วนนี้เป็นสมองส่วนสำคัญที่อาจจะเรียกได้ว่า ทำให้มนุษย์ต่างจากสัตว์อื่น สมองส่วนนี้จะเกี่ยวข้องกับ การคิดด้วยตรรกะ การใช้เหตุผล และการยับยั้งชั่งใจ เมื่อสมองส่วนนี้บางลง ผลคือ การคิดด้วยตรรกะที่ซ้ำซ้อนจะทำได้แย่ลง และ การตัดสินใจจะหุนหันพลันแล่นมากขึ้น เบรกไม่ค่อยอยู่ คิดอะไรก็พูดเลย คิดอะไรก็ทำเลย ด้วยเหตุนี้ คนสูงอายุจึงคิดตามการหลอกที่ซับซ้อนไม่ค่อยทัน และเมื่อตัดสินใจไปแล้วก็จะทำเลย เบรกตัวเองไม่ค่อยได้ คนอื่นห้ามก็จะไม่ค่อยฟัง 2 ความยืดหยุ่นของระบบประสาทหรือที่เรียกว่า neuroplasticity ลดลง สิ่งที่เกิดขึ้นคือเซลล์ประสาทจะสร้างเน็ตเวิรก์ได้ไม่ดีเท่าคนอายุน้อย เมื่อเซลล์ประสาทสร้างเน็ตเวิรก์ได้ไม่ดี จะทำให้สมองเรียนรู้หรือปรับตัวกับสถานการณ์ใหม่ ๆ (หรือการหลอกลวงแบบใหม่ ๆ ) ได้ช้าลง ดังนั้น หลายอย่างที่คนอายุน้อยมองว่า นี่มันหลอกชัด ๆ คนสูงอายุอาจจะมองไม่เห็น 3 สมองของคนสูงอายุส่วนใหญ่จะมีภาวะที่เรียกว่า positivity effect หมายความว่า สมองคนสูงอายุมีแนวโน้มจะเลือกรับข้อมูล เลือกจำ หรือเลือกนึกถึง ข้อมูลด้านบวก ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีและอธิบายว่าทำไมคนสูงอายุมักจะมองโลกในแง่ดีกว่าตอนอายุน้อย หรือเมื่อนึกถึงความทรงจำเก่า ๆ ก็มีแนวโน้มจะนึกถึงในแง่ดี ลักษณะนี้ทำให้คนสูงอายุมีแนวโน้มจะอยากช่วยเหลือคน อยากบริจาค ขณะเดียวกันก็จะทำให้คนสูงอายุจะมองคนอื่นในแง่ดี ไว้ใจคนอื่นง่าย ทำให้ง่ายต่อการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพมากขึ้น 4 ความเหงา ข้อนี้ตรงไปตรงมา คนอายุน้อยมีแนวโน้มจะรำคาญคนที่เข้ามาหลอก แต่คนสูงอายุที่เหงา มีแนวโน้มจะอยากคุยกับคนที่เข้ามาคุยด้วย เมื่อคุยนานโอกาสจะโดนหลอกให้เชื่อก็จะยิ่งสูงขึ้น 5 คนสูงอายุจะมีสิ่งที่เรียกว่า temporal discounting เปลี่ยนไป สิ่งที่เรียกว่า temporal discounting อาจจะพออธิบายแบบง่าย ๆ ได้ว่ามันคือ ความสามารถในการ อดเปรี้ยวไว้กินหวาน คือ อดทนรอที่จะกินของหวาน ๆ ในอนาคตดีกว่า กินของเปรี้ยวตอนนี้ ซึ่ง คนสูงอายุจะคิดถึงสิ่งเหล่านี้น้อยลง คือ จะไม่รอถึงอนาคต แต่ยอมกินเปรี้ยวเลย ทำให้ง่ายต่อการโดนหลอกที่บอกว่า เดี๋ยวอีกสองวันก็ได้ผลตอบแทนแล้ว หรือ ต้องรีบโอนนะไม่งั้นจะไม่ทัน หรือแนว “แต่ช้าก่อน ถ้าคุณซื้อใน 5 นาทีนี้ คุณจะยังได้รับ บลา ๆๆๆ ” (เหตุผลนึงก็จากข้อ 1 ที่เขียนไว้ข้างบนด้วย) 6 คนสูงอายุจะมีสิ่งที่เรียกว่า introception ลดลง สิ่งที่เรียกว่า introception คือ การเปลี่ยนแปลงภายในของร่างกายเมื่อรู้สึกได้ถึงอันตราย ในคนทั่วไป เมื่อสมอง (นอกจิตสำนึก) เรารับรู้ได้ว่า กำลังมีอะไรไม่ชอบมาพากล หรือ กำลังจะโดนหลอก หรืออันตราย สมองจะส่งสัญญานให้ร่างกายทำงานต่างไป หัวใจเราจะเต้นเร็วขึ้น เหงื่อจะออกมากขึ้น กล้ามเนื้อจะตึงตัวมากขึ้น แล้วทั้งหมดนี้จะทำให้เรารู้สึกว่า มันมีอะไรที่ไม่น่าไว้ใจ หรือ ภาษาทั่วไปอาจจะใช้คำว่า มันเซนส์ได้ว่า นี่น่าจะเป็นมิจฉาชีพ แต่ในคนสูงอายุภาวะนี้จะน้อยลง เพราะระบบประสาทในร่างกายทำงานได้ช้าหรือน้อยลง สรุป จากทั้ง 6 ข้อนี้ จะเห็นว่าวิธีการต่าง ๆ ที่แนะนำกันอยู่ตามที่ต่าง ๆ ไม่น่าจะได้ผลดีนัก เพราะจะเน้นไปที่ การใช้ตรรกะ หรือเข้าใจกลโกลที่ซับซ้อน ซึ่งต้องใช้สมองส่วนหน้า (prefrontal cortex) ซึ่งมักจะบางลงในคนสูงอายุ ถ้าถามว่าแล้วจะป้องกันยังไง ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่คิดว่าสิ่งเหล่านี้อาจจะพอช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อย 1 สำคัญสุด คือ ทำให้คนสูงอายุที่บ้านมี insight หรือยอมรับว่า สมองของตัวเองไม่เหมือนแต่ก่อน โลกที่มองเห็น หรือการตัดสินใจของตัวเอง อาจจะบิดเบือนจากที่เป็นจริง เมื่อยอมรับตรงนี้ได้ ก็น่าจะยอมให้ลูกหลาน ที่ไว้ใจ ตัดสินใจแทน (แม้ในใจลึก ๆ ว่าจะยังเชื่อว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกก็ตาม) 2 จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัยมากขึ้น ข้อนี้อธิบายยากเพราะมันขึ้นกับบริบทของแต่ละคนหรือแต่ละบ้าน แต่ไอเดียหลักคือ ต้องหาระบบที่ทำให้การโดนหลอกหรือ การทำธุรกรรมทางการเงินทำได้ยากขึ้น หรือมีขั้นตอนการตรวจสอบมากขึ้น เช่น จะไม่โอนจนกว่าลูกจะอนุญาต (ซึ่งจะเป็นแบบนี้ได้ต้องมี ข้อ 1 ก่อน) หรือ มีกฎว่าจากนี้ไปจะไม่รับโทรศัพท์จากเบอร์ที่รู้จัก หรือ จ้างลูกหลานที่มีความรู้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลย (ลูกหลานมีรายได้เสริมด้วย) 3 สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว เช่น เจอกันบ่อยขึ้น โทรหากันบ่อยขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเหงา และความสัมพันธ์ที่ดีอาจจะช่วยให้เกิด ข้อ 1 ข้อ 2 คือ ยอมรับให้ลูกหลานตัดสินใจการเงินแทนตัวเองมากขึ้น 4 ข้อนี้ไม่เกี่ยวซะทีเดียว คือ ไม่ได้ผลทันที แต่เป็นวิธีการชะลอ การฝ่อหรือบางของสมองส่วนหน้าที่ได้ผลจริง ได้แก่ หนึ่ง การฝึกจิต หรือฝึกสมาธิ สอง การออกกำลังกาย ทั้งแบบแอโรบิกและการสร้างกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อมัดใหญ่อย่างก้นและต้นขา สาม นอน ตื่น อย่างเป็นเวลาและเพียงพอ สี่ กินอาหารที่ดีกับสุขภาพ เพราะอาหารที่ดีกับร่างกายก็จะดีกับสมองด้วย ห้า ไขมันโอเมกา 3 จากอาหาร และอาจจะเพิ่มในรูปอาหารเสริม ขอให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพกันทุกคนนะครับ... สวัสดีสุขภาพการเงินผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย##วิกฤตมหาวิทยาลัย Lay off อาจารย์ - ขาย - ยุบเลิกกิจการ เผยแพร่: 26 ส.ค. 2561 07:29 โดย: ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ผู้อำนวยการหลักสูตร Ph.D. และ M.Sc. (Business Analytics and Data Science) สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ผมต้องออกมายอมรับว่าตัวเองพยากรณ์พลาดไปมาก เพราะได้เขียนบทความว่า เมื่อมหาวิทยาลัยไทยต้อง lay off อาจารย์และเจ้าหน้าที่ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2561 แต่สิ่งที่ผมคาดไว้กลับเกิดขึ้นไวกว่าที่ผมพยากรณ์ไว้มาก วันก่อนลูกศิษย์ผมที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเอกชนมาเล่าให้ฟังว่าตัวเธอเองต้องรับหน้าที่ไปบอกเพื่อนอาจารย์ว่าต้อง lay off แล้วเพราะไม่มีภาระงานสอน มหาวิทยาลัยต้องเลิกจ้างโดยไม่มีความผิดใด ๆ มีมหาวิทยาลัยเอกชนหนึ่งแห่ง ได้ขายให้กลุ่มทุนจีนแล้ว และเปลี่ยนผู้บริหารชุดใหม่ และเริ่ม lay off อาจารย์ที่สอนได้แต่ภาษาไทยและภาษาอังกฤษออกไป และเริ่มหาอาจารย์ชาวจีนที่สอนเป็นภาษาจีนได้เข้ามาทำงานแทน ไม่มีนักเรียนไทยเพียงพอแล้ว เด็กไทยมีอัตราการเกิดต่ำมาก เราเป็นสังคมสูงอายุรุนแรงมาก ถ้าไม่มีนักศึกษาจีนเลยไม่มีทางไปรอดสำหรับมหาวิทยาลัยเอกชน และที่ผ่านมาก็เอาเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาเป็นเครื่องจูงใจให้เด็กมากู้เงินแล้วเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนกันมาก แต่ก็ไม่ยั่งยืนและไปไม่รอด นอกจากนี้ยังมีมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง มีนักเรียนจีนเยอะ เด็กนักเรียนไทยหายไปมากกว่าสองในสาม กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาให้ได้ข้อตกลงเพื่อจะซื้อขายกัน แน่นอนว่าทุนจีนจะเป็นคนซื้ออีกเช่นกัน ยังไม่ได้ราคาที่ลงตัว ผมได้ยินข่าวมาว่ากลุ่มทุนจีนที่ทำธุรกิจพานักเรียนจีนเข้ามาเรียนในประเทศไทยจะลงทุนซื้อมหาวิทยาลัยเอกชนเอง และบริหารเอง และหาอาจารย์จีนมาสอนเอง และหานักเรียนจีนมาเรียนด้วยตัวเอง ครบวงจรอย่างยิ่งครับ เข้าใจว่าจะทำหอพักและร้านอาหารรอบมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำไป เรื่องนี้น่าจะมีเค้าความจริง ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ากังวลแต่อย่างใด ที่น่ากังวลกว่าคือนักเรียนมาแล้วไม่เรียนกลับมาสนใจแต่ค้าขายรอบมหาวิทยาลัยหรือมาทำธุรกิจอย่างอื่น เรื่องนี้ต่างหากที่ไทยเราโดยเฉพาะตรวจคนเข้าเมืองต้องดำเนินการจริงจังได้แล้ว เอาเป็นว่า ณ บัดนี้ เริ่มมีการ lay off อาจารย์มหาวิทยาลัยที่ไม่มีภาระการสอนกันแล้วอย่างเป็นเรื่องเป็นราวหลายๆ ที่ครับ ที่แย่สุดคือ รองอธิการบดี หรือ คณบดี ไม่ลงไปพูดกับผู้ถูก lay off เอง แต่ให้หัวหน้าภาควิชาลงไปพูด ทำไมไม่ลงไปบอกเองหนอ สาขาวิชาที่เสี่ยงจะถูก lay off คือสาขาวิชาที่ไม่มีนักศึกษาเรียนครับได้แก่ เศรษฐศาสตร์ วันก่อนอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยออกมาพูดเองเลย สถิติคณิตศาสตร์ฟิสิกส์ วิทยาการคอมพิวเตอร์การจัดการระบบสารสนเทศ วิชาพวกนี้ยากไป เด็กไทยไม่อยากเรียน ปรัชญาประวัติศาสตร์ วิชาพวกนี้จบไปไม่มีงานโดยตรง เด็กไทยก็ไม่อยากเรียน อาจารย์มหาวิทยาลัยในสาขาวิชาพวกนี้น่าจะไปก่อนครับผม เอาเข้าจริงเห็นอาจารย์ในสาขาวิชาเหล่านี้เริ่มถูก lay off แล้วครับ ส่วนสาขาวิชาบางสาขากลับขาดแคลนหนักมาก เช่น พยาบาลศาสตร์ ผลิตเท่าไหร่ก็ไม่พอ หาอาจารย์พยาบาลก็ยากลำบากเหลือเกิน สาขาแพทย์ก็ขาดแคลนแต่ไม่เท่าพยาบาล เพราะเราเข้าสังคมผู้สูงอายุ การเจ็บป่วยก็มากขึ้น ต้องการคนดูแลมากขึ้น การปรับตัวเป็นเรื่องจำเป็นมาก โดยเฉพาะการปรับตัวหลังถูก lay off จะไปทำอะไร อายุก็มากแล้ว และอยู่ใน comfort zone ในมหาวิทยาลัยมีอำนาจเหนือนักศึกษา และหลายคนไม่ได้ทำงานจริง ๆ มานานมาก สอนหนังสืออย่างเดียว จนทำอะไรไม่เป็นแล้วก็มีมาก TCAS รอบนี้ หนักหนามากครับ ระบบห่วย ซับซ้อน และซ้ำซ้อนมากเกินไป เพราะทุกมหาวิทยาลัยแย่งเด็กที่มีจำกัดมาก มีที่นั่งให้เรียนมากกว่าจำนวนเด็กที่อยากเข้าเรียนมหาวิทยาลัย วันก่อนได้สนทนากับรองเลขาธิการ สกอ. ได้เล่าให้ผมฟังว่าปีที่ผ่านมามีมหาวิทยาลัยไทยขอเลิกกิจการไปสองแห่ง และขณะนี้มีการยื่นเรื่องเพื่อขอปิดมหาวิทยาลัยอีก 5 แห่ง มีบางมหาวิทยาลัยในต่างจังหวัดเล็ก ๆ รับเด็กได้สิบกว่าคนทั้งมหาวิทยาลัย อย่างไรก็ไม่รอด ต้องเลิกกิจการแน่นอน ปีหน้าน่าจะหนักหนากว่านี้ TCAS ปีนี้ที่มีปัญหามาก ส่วนหนึ่งคือนักเรียนสมัครน้อย และเกิดการชิงเปรต แย่งเด็กกัน TCAS เที่ยวนี้เอาเข้าจริงคือ 7 รอบ (รวม 3/1 และ 3/2) ใช้เวลานานเกือบครึ่งปี และมีระบบสอบมากกว่า 50 ระบบ มหาวิทยาลัยแย่งเด็กกันเพราะสถานการณ์เช่นข้างบน รอดูครับ มีแต่จะเลวร้ายลงไปกว่านี้ พวกมหาวิทยาลัยราชภัฎ ในต่างจังหวัด ที่นักศึกษาลดลงมากก็มีการเลิกจ้างและเลย์ออฟอาจารย์ที่เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยกันมากมาย ที่ยังอยู่กันไล่ไม่ได้คืออาจารย์มหาวิทยาลัยที่เป็นข้าราชการเท่านั้น ซึ่งก็เหลืออยู่ไม่มากนัก พวกพนักงานมีสัญญากันไม่กี่ปีตอนนี้จะเริ่มถูกเลย์ออฟครับ ถ้าไม่มีภาระงานสอน และไม่มีภาระงานอย่างอื่น ใครจะขึ้นมาเป็นคณบดี อธิการบดี รองอธิการบดี โปรดเตรียมตัวมาทำหน้าที่นี้เพื่อความอยู่รอดของหน่วยงานของตัวเอง โปรดเตรียมตัวไปศาลปกครองด้วย ขอให้โชคดีกันนะครับ มหาวิทยาลัยของรัฐก็อย่าชะล่าใจ มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ จะมีวิธีการบริหารที่เด็ดขาดกว่า เช่น สาขาวิชาไหน ไม่มีนักศึกษาเรียนพอแล้วทำให้ขาดทุน ก็ต้องยุบไป ต้องเกลี่ยอาจารย์ไปสอนในสาขาวิชาที่มีนักศึกษา หากปรับตัวไม่ได้หรือไม่มีสาขาวิชาไหนต้องการก็ต้องลาออกไป ไม่ต่อสัญญาจ้าง จะถูกบีบให้ออก เพราะไม่มี value และ ไม่มี contribution อะไรที่มาทดแทนกันได้ หรือไม่ก็ให้โอกาสให้ไปเขียนหลักสูตรมาใหม่ ทำให้มีนักศึกษามาเรียนให้ได้ เวลานี้สถานการณ์มหาวิทยาลัยไทย ย่ำแย่มาก ไม่มีนักศึกษา และอาจารย์กำลังจะถูก lay off มากขึ้นเรื่อยๆ ประเทศเล็กๆ มีมหาวิทยาลัยมากเกือบสามร้อยแห่ง ยุบๆ ไปบ้าง หรือยุบรวมกันไปบ้าง มากกว่าครึ่งหนึ่งยังเหลือแหล่เกินพอเพียง โรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาก็ควรยุบไปบ้างครับ ตำแหน่งครูก็ยุบลงไปรวมกันในโรงเรียนใหญ่กว่าได้ครับ ที่พูดมานี้ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำอำมหิต หรือไม่เห็นใจครูบาอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่สถานการณ์จะเป็นนายของทุกคน เด็กไม่มี เงินไม่มี ก็ไม่มีเงินจะจ้าง สถานการณ์จะบีบให้ผู้บริหารต้องบีบอาจารย์มหาวิทยาลัยลาออกไปครับ ดังนั้นอาจารย์มหาวิทยาลัย ควรมีอาชีพอื่นหรือแหล่งรายได้อื่นสำรองได้แล้วครับ ที่จะเอาทุนไปเรียนต่อปริญญาเอกก็คิดกันให้ดี ๆ กลับมาอาจจะไม่มีนักศึกษาให้สอน แล้วต้องไปทำงานธุรการก็ได้ ใครจะไปรู้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ สวัสดีอาจารย์มหาวิทยาลัยไทย นี่คือความจริงอันเจ็บปวดที่ท่านกำลังต้องเผชิญ แต่ที่ผมห่วงยิ่งกว่าคือเจ้าหน้าที่ในมหาวิทยาลัย ซึ่งมีจำนวนมากยิ่งกว่าอาจารย์มหาวิทยาลัย และมีวุฒิการศึกษาน้อยกว่าอาจารย์ ซึ่งน่าจะถูกเลย์ออฟไปด้วย จะไปอยู่ที่ไหน จะไปทำงานอะไรหลังถูก lay off นี่ก็เป็นเรื่องที่น่าห่วงมาก เพราะโอกาสน่าจะน้อยกว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยค่อนข้างมาก ก็ต้องเตรียมตัวกันให้ดีครับ.ข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกรุงเทพฯแตกแล้วครับ / ดร.สันต์ //// หลังจากรักษาพระนครมาได้ยาวนาน แต่ในที่สุดตัวเลขและกราฟ 6 วันที่ผ่านมาตั้งแต่ 1 เม.ย. 2021 ได้ยืนยันการเข้าสู่ Wave3 อย่างแน่นอนและรุนแรงมาก .. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้รุนแรงมากกว่า Wave2 ที่เริ่มที่สมุทรสาครเป็นอย่างมาก จากตัวเลขและกราฟ ตอนนี้เราเข้าสู่ Exponential แล้ว Total Case ของ Wave#3 ใกล้แตะระดับ 1,000 แล้ว ก้าวข้ามสถานการณ์ของ Wave#1 เมื่อตอน Lockdown ปีที่แล้วและก้าวข้าม Wave#2 ตอนเปิดตัวเลขที่สมุทรสาครไปแล้ว ดังนั้นไม่ต้องหวังแล้วว่าจะจบต่ำกว่าหมื่นคน #ขอแค่หยุดไม่ให้ถึงแสนคนได้ก็เก่งมากแล้วสำหรับรอบนี้ คำแนะนำ : Lockdown กรุงเทพมหานคร ทันทีตั้งแต่คืนนี้เถิด ไม่มีใครสมควรได้ออกจากบ้านโดยไม่จำเป็นตั้งแต่คืนนี้พรุ่งนี้เป็นต้นไป ถ้าเรายังคิดว่าอยากจะหยุด Wave#3 นี้ไว้แค่หลักหมื่น สำหรับประชาชนทั่วไป ไม่ว่าใครจะ Encourage ท่านมากอย่างไรก็ตาม หรือภาครัฐและธุรกิจจะเอาน้ำเย็นเข้ารูปอย่างไรก็ตาม ผมแนะนำด้วยความปราถนาดีต่อท่านและครอบครัวว่า ตั้งแต่พรุ่งนี้ จงอยู่บ้าน และอยู่ไปยาวๆ 2 เดือน Wave3 นี้แตกต่างจาก Wave2 มาก เพราะครั้งนี้เราถูกโจมตีกลางเมืองหลวง ซึ่งที่ผ่านมาเมียนมาสูญเสียย่างกุ้ง มาเลเซียสูญเสีย KL ฟิลิปปินส์สูญเสียมะนิลา และถึงที่สุดตัวเลขยังวิ่งไม่หยุด ไปไกลมากจนต้อง Lockdown อยู่ดี และยังไม่มีใครกอบกู้กลับมาได้เลย เรามาดูสถานการณ์และกราฟต่างๆว่า คณิตศาสตร์บอกอะไรเราบ้าง ตัวเลขและกราฟในวันนี้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า นี่ไม่ใช่แค่ Cluster แต่คือ Wave ใหม่แน่นอน การติดเชื้อในวงกว้างน่าจะเริ่มมาก่อน 1 เม.ย.พอสมควร และเราน่าจะเจอช้าไปประมาณ 1-2 สัปดาห์ และมี Doubling Day ที่สั้นมากจนน่าใจหายมาก กราฟของ Total Case ในเขตกรุงเทพฯ ยืนยันหายนะที่ชัดเจน ว่ากำลังเป็น Exponential ที่เพิ่มเป็นสองเท่าภายในทุกๆ 1-2 วันเท่านั้น ถึงแม้ส่วนหนึ่งเกิดจากการตรวจเชิงรุก แต่ตัวเลขการตรวจเจอจากโรงพยาบาลก็สูงมาก และโดยทั่วไป Doubling Day แค่ 3 วันก็หนักแล้ว นี่ผ่านไปแค่ 6 วันเฉพาะ Wave3 แค่กรุงเทพก็ราวๆ 505 คนแล้ว และทุกคนอยู่กระจายไปทั่ว เดินทางไปทั่วเมืองและทั่วประเทศ ที่นี่เป็นเมืองศูนย์กลางการเดินทางที่มีฐานประชากรมากกว่า 10 ล้านคน ไม่ใช่แค่ 1 ล้านแบบสมุทรสาคร และไม่ใช่แรงงานต่างด้าวที่จะกักจขังได้ตามใจชอบ นี่คือสัญญาณว่า เราได้สูญเสียกรุงเทพฯไปแล้ว และสถานการณ์มันร้ายแรงมาก กราฟของ Wave3 ทั่วประเทศไทย กราฟมีความคล้ายกับของกรุงเทพฯ ยืนยันลักษณะกราฟเป็น Exponential ที่รุนแรงเช่นกัน Doubling Day ยังสั้นกว่า 2 วัน ยังไม่นิ่ง แต่น่าจะใกล้ Stabilized ซึ่งจะทำให้เราเห็น Trend ระยะกลางได้ และจะสามารถประเมินจำนวนผู้ติดเชื้อในช่วงเวลาต่างๆของ Wave ที่จะเกิดขึ้นได้ แต่ต้องจับตาดูอีก 1 สัปดาห์ Total Case และ Daily New Case ที่กราฟพุ่งทะยานทันทีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ยืนยันว่าการติดเชื้อหลักรอบนี้ไม่ใช่แรงงานพม่าแต่เป็นชาวกรุงทั้งไทยและเทศ Character ของ Wave3 จึงจะต่างจาก Wave2 โดยสิ้นเชิง ........ ความน่ากลัวในการจู่โจมของ Wave3 1. เกิดขึ้นกลางกรุงเทพฯ ที่เป็น Hub ประชากร> 10 ล้านคน ยากแก่การปิดเมือง และทำ Contact Tracing มากๆ 2. คณะรัฐมนตรีโดนไวรัสไปแล้วเรียบร้อย 3. เรายังไม่หายเหนื่อยจาก Wave2 พักมาไม่ถึง 2 เดือนแบบตาปิดไม่สนิทด้วย 4. ผู้คนมากมายในกรุงเทพฯเริ่มออกเดินทางไปต่างจังหวัด และพร้อมจะเดินทางในอีกไม่กี่วันข้างหน้า 5. ธุรกิจท่องเที่ยวกำลังรอลูกค้าสงกรานต์ 10 วัน พวกเขาจะต้องร้องไห้กันอีกเท่าไหร่ พวกเขาไม่เหลือสายป่านแล้ว และเที่ยวนี้ก็จะไม่เหลืออะไรให้พวกเขากล้าที่จะคาดหวังอีกต่อไปแล้ว 6. ผู้มีอำนาจตัดสินใจทางนโยบายในประเทศนี้ได้รับวัคซีนกันหมดแล้ว ทั้งภาครัฐและเอกชน ดังนั้นพวกเขาจะกล้าเดินนโยบาย GDP ที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อและน้ำตา ณ จุดนี้ต้นทุนความเสี่ยงตายของคนในชาติไม่เท่ากันแล้วและผู้มีอำนาจไม่จำเป็นต้องกลัวตายเหมือนครั้งก่อนมีวัคซีน สิ่งที่ควรทำที่สุด : 1. Lockdown กรุงเทพฯ ทันที และยึดเมืองหลวงคืนมาให้ได้ แต่ผมเชื่อว่าไม่มีใครจะกล้าประกาศ Lockdown เร็วๆนี้แน่ แต่เราต้องทำอะไรบางอย่าง เวลามีค่ามาก ถ้าเราไม่ทำอะไรเอาแค่สั่งปิดเล็กๆน้อยๆเป็นน้ำจิ้ม ไม่รอดแน่ ถ้าจะทำหลังสงกรานต์ก็หนักแล้ว 2. ธุรกิจท่องเที่ยวที่หยุดไม่ได้แล้ว ต้องตั้งการ์ดสูงสุดในการรอรับลูกค้า 3. คนที่เดินทางออกไปต่างจังหวัดแล้ว จองโรงแรมจ่ายตังค์ไปแล้ว ต้องมีสำนึกในการป้องกันตัวเอง ไม่ทำสิ่งที่คนอื่นจะเสี่ยงเพราะตัวเรา 4. จังหวัดต่างๆ ต้องพิจารณาประกาศควบคุม 14 วันด้วยตนเอง เมืองหลวงแตกแล้ว หัวเมืองต้องเข้มแข็ง แล้วช่วยกันกลับมายึดกรุงเทพฯคืนมา 5. ฉลองสงกรานต์อยู่บ้าน #พยายามงดเว้นสถานที่ติดแอร์ทั้งหมด และหลังสงกรานต์ Work from Home ทันที 6. วัคซีนต้องเร่งให้เร็วขึ้นอีกอย่างมาก ไม่มีวัคซีนเราไม่ชนะหรอก 7. ติดตาม Timeline และฟังศบค.และข้อมูลจากบุคลากรสาธารณสุขอย่างใกล้ชิดทุกๆวัน สำคัญมากๆ ........ ครั้งนี้เราเสียเมืองหลวงเพราะคนไทยเสพติดอบายมุข สุรา กามา บันเทิง ไม่ละเว้นทั้งๆที่เป็นช่วงที่ประเทศอยู่ในวิกฤตเจียนอยู่เจียนไป นับจากวันนี้ คนกรุงเทพฯ Mind Set ต้องรีบเปลี่ยน กลับมาตั้งหลักกันใหม่ ช่วยกันกอบกู้พระนครกลับมาให้ได้ ต้องเรียนตามตรงว่า ภาระกิจนี้กับ Covid แทบไม่มีชนชาติใดที่โดนตัวเลขระดับนี้แล้วกู้กลับมาได้เลย แต่ผมมั่นใจว่าเราจะเป็นชาติแรกๆ พวกเราต้องช่วยกัน ผมเชื่อว่ายังไม่สายเกินไป ดร.สันต์ ****** ครั้งนี้กรุงเทพแตกแล้วของจริงครับ lockdown ก็ไม่ทันการณ์แล้ว แต่ละคนต้องป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัดในระดับสูงสุดเท่านั้นโควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยเคล็ดลับกินกล้วยน้ำว้าห่าม คุณประโยชน์ป้องกันโรค 12 ชนิด จากประสบการณ์จริงของ ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ประธานคณะกรรมการการสาธารณสุข และอนุกรรมการงบประมาณด้านสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร ผู้เชี่ยวชาญการดูแลสุขภาพด้วยกล้วยน้ำว้ามานานกว่า 20 ปี เพราะการกินกล้วยน้ำว่าห่ามนี้เอง แม้วันนี้จะอายุ 66 แต่ร่างกายแข็งแรงดีเยี่ยม เหมือนคนหนุ่มวัย 30 ดร.นพ.พรเทพ เล่าจากประสบการณ์จริงถึงประโยชน์ของกล้วยน้ำว้าว่า เริ่มกินกล้วยน้ำว้าตั้งแต่ปี 2539 หลังกลับจากอังกฤษ ณ ตอนนั้นมีปัญหาสุขภาพเรื่องโรคกระเพาะอาหาร และโรคกรดไหลย้อน ได้ฟังสรรพคุณของกล้วยน้ำว้าจากคนปลูกกล้วยเวลาไปเล่นเทนนิสทุกวันอาทิตย์ที่กระทรวงสาธารณสุข จึงลองกินกล้วยน้ำว้าห่ามทุกวันๆ ละ 4 ลูก แบ่งกินเช้า 2 ผล เย็น 2 ผล ไม่นานก็หายป่วยปลิดทิ้ง เพราะกล้วยน้ำว้าห่ามมีสารช่วยสมานแผล ฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้อย่างดี จากนั้น ดร.นพ.พรเทพ ก็กินกล้วยน้ำว้าเป็นประจำจนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 20 ปี ได้รับคุณประโยชน์จากกล้วยน้ำว้าอย่างล้นหลามและน่าอัศจรรย์ เพราะกล้วยน้ำว้าอุดมไปด้วยกรดอมิโน อาร์จีนิน ฮีสตีดินซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่มีในน้ำนมแม่ คนจึงนำมาบดให้กับข้าวให้ลูกกิน 1. กินกล้วยน้ำว้าห่ามแล้วอารมณ์ดี มีความสุข เพราะกล้วยน้ำว้ามีสารทริปโตเฟน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตฮอร์โมนเอ็นโดรฟีน 2. ขจัดความเครียด ช่วยให้หลับสบาย และช่วยต้านภาวะซึมเศร้าได้ด้วย เพราะกล้วยน้ำว้ามีสารทริปโตเฟน ทำให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย ควรกินก่อนอาหารเย็น 1 ลูก และหลังอาหารเย็น 1 ลูก 3. แก้ท้องผูก เพราะมีกากใย ไฟเบอร์สูง กระตุ้นการขับถ่าย ทำให้อุจจาระนุ่ม ขับถ่ายง่าย ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ โรคกระเพาะ มะเร็งตับ และบรรเทาอาการโรคริดสีดวงทวาร 4. แก้อาการท้องเสีย เพราะกล้วยน้ำว่าห่ามมีสารแทนนินที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ช่วยป้องกันผนังกระเพาะลำไส้ถูกทำลายซึ่งเป็นสาเหตุของอาการท้องเสีย 5. ลดความดัน เพราะมีสารโพเแทสเซียมจะช่วยขับโซเดียมออกจากร่างกายผ่านเหงื่อ ปัสสาวะ 6. ชะลอชรา ลดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า เพราะมีสารเบต้าแคโรทีน วิตามินซีสูง และสารต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอวัย ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล 7. ลดความอ้วน ควบคุมน้ำหนัก เพราะกล้วยน้ำว้าห่าม 1 ผล มีน้ำตาลน้ำตาลเชิงเดียว คือกรูโคสและ ฟรุกโตส ประมาณ 1 ช้อนชา เมื่อกินเข้าไปแล้วร่างกายนำไปใช้ได้ทันที ทำให้รู้สึกมีแรง ควรกินก่อนออกกำลัง หรือกินก่อนมื้ออาหาร 1 ผล ทำให้ กินข้าวต่อมื้อลดลง และลดความอยากอาหาร 8. ลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนในผู้หญิงเร่ิมเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนและผู้หญิงสูงอายุ เพราะกล้วยน้ำว้าห่าม มีแคลเซียมสูง หากนำไปปิ้งหรือต้มปริมาณแคลเซียมจะเพิ่มขึ้น 5-6 เท่า แนะกินกล้วยป้ิงหรือต้มวันละ 1 ลูก จะได้แคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอ 9. ดีท็อกซ์ลำไส้ ช่วยให้ถ่ายง่ายแล้ว ลำไส้สะอาด เพราะช่วยกำจัดแบคทีเรียที่เกิดจากการกินเนื้อสัตว์มากจนอุจาระมีกลิ่นเหม็น แนะนำให้กินกล้วยน้ำว้าห่ามวันละ 4 ลูกเป็นเวลา 1 อาทิตย์ อุจจาระไม่เหม็น 10. แก้ปัญหาปากเป็นแผล ร้อนใน ช่วยให้ปากไม่เหม็น 11. ป้องกันโรคโลหิตจาง เพราะกล้วยน้ำว้าห่ามมีธาตุเหล็ก 12. บำรุงเหงือกและช่วยป้องกันฟันผุ จากแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินซี :วิธีกินกล้วยน้ำว้าห่ามให้ได้ประโยชน์ : ลักษณะกล้วยน้ำว่าห่ามที่เหมาะกับการกินเพื่อสุขภาพที่ดี ดร.นพ.พรเทพ บอกว่า ปอกเปลือกแล้วเนื้อไม่เละ เปลือกมีปุยติด และรสชาติไม่หวาน วิธีการกินกล้วยน้ำว้าห่ามที่ถูกต้อง ปอกเปลือกจากบนลงล่าง เริ่มกินจากข้างบนลงไป คำแรกๆ จะรู้สึกฝาดจากยางกล้วย แต่ยางนี้คือ ยาวิเศษ มีส่วนผสมของเพคติน ช่วยรักษาแผลในปาก ช่วยเคลือบกระเพาะป้องกันการเกิดโรคกระเพาะและกรดไหลย้อน โรคทางเดินอาหาร ค่อยๆ กินและเคี้ยวให้ละเอียดจนกินถึงปลายลูก ยางกล้วยจะค่อยๆ หมด จนกินคำสุดท้ายจะได้รสชาติหวานพอดี เห็นหรือยัง! ประโยชน์ของกล้วยน้ำว้าห่ามเยอะขนาดนี้ ใครที่เคยเมิน คงต้องกลับมาคิดใหม่ ทำใหม่ หากอยากสวย สุขภาพดี เวลาไปจ่ายตลาดหรือเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต อย่าลืมซื้อกล้วยน้ำว้ามาติดบ้านไว้นะ...ไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 5 คนสงสัยบ้านใครมีปลูกไว้บ้างไหม🗣นึกไม่ถึงเหมือนกัน พึ่งรู้เหมือนกัน ว่า “ใบมะกรูด” คือใบไม้มหัศจรรย์ บำรุงสมองช่วยเด็กฉลาด ต้านโรคหลายชนิด ใบมะกรูด ใบไม้มหัศจรรย์ ช่วยเด็กฉลาด ต้านโรคหลายชนิด มีโรคอะไรบ้าง? ใบมะกรูด เป็นใบไม้มหัศจรรย์ เพราะมันมีกรดอมิโน (amino acid) ครบทุกชนิด ร่างกายคนเราต้องการกรดอมิโนครบ 23 ชนิด ถ้าได้รับไม่ครบ 23 ชนิด สมองจะเสื่อม ตัวจะบวมน้ำ ดูเหมือนอ้วน แต่จริงๆๆ บวมน้ำทั่งตัว ใบมะกรูดมีกรดอมิโนครบ 23 ชนิด ร่างกายจะไม่อ้วน และตัวจะเล็กลง แต่สมองจะดีขึ้น มีวิตะมินครบทุกตัว ไม่เป็นโรคลักกระปิดลักกระเปิด เป็นตัวขับลม ไม่มีลมในท้อง ใบมะกรูดดีมากสำหรับบำรุงสมอง เด็กจะเรียนหนังสือเก่ง คนเป็นอัลไซเมอร์เพราะขาดสารสื่อประสาท ในใบมะกรูดมีสารสื่อประสาทที่ดี แต่ไม่มีใครบอกเรา ใบมะกรูดช่วยลดความดันโลหิต ใบมะกรูดสดเอามาเคี้ยวๆๆ ช่วยให้ ฟัน และ เหงือกแข็งแรง เอามาปั่นกับน้ำผลไม้ กินไปด้วยกัน หรือหั่นฝอยๆๆ ช่วยให้เคี้ยวง่ายขึ้น เอาไปต้มดื่มกับน้ำความดันโลหิตลดลงน่าพอใจ ถั่วครกมีกรดอมิโนครบแต่ก็มีสารพิษปนเปื้อน ผลิตไม่ดี คนกินชักตายได้ พบว่าในใบมะกรูดมีกรดอมิโนครบ 23 ชนิดที่จำเป็นต่อร่างกาย คนกินนมถั่วเหลืองๆๆ มีกรดอมิโนเพียง 17 หายไป 6 ยังไงก็ไม่ครบ 23 ชนิดอยู่ดี วิธีกินใบมะกูด:- เอามาซอยๆๆ และใส่ในข้าวผัด ราดบนข้าวแกง ใส่ในยำปลากระป๋อง ส้มตำ โรยใบมะกรูดก็หอมไปอีกแบบ ใส่ในลาบ ใส่ในปลาร้าก็หอม หาเรื่องใส่ในอาหารอะไรก็ได้ เราก็ได้กรดอมิโนครบ ตัวก็จะเล็กลง เราก็จะไม่อ้วนกัน ตัวจะเล็กลงแล้วกล้ามเนื้อจะ fit & firm สมองจะดีขึ้นแน่นอน ใบมะกรูดเป็นใบไม้ที่มีวิตะมินครบทุกชนิด เช่น A B C D วิตะมินเค B1 B3 B6 B12 มีวิตะมินครบทุกตัว ขาดวิตะมินซีจะเป็นหวัดง่าย ไม่เป็นโรคลักกระปิด ลักกระเปิด ไม่เป็นหวัด ใบมะกรูดป้องกันไข้หวัดได้ ถ้ากินประจำและช่วยยังขับลมอีก ไม่มีลมในท้อง ไม่ต้องไปซื้อตัวยาขับ ิลมแพงๆๆ มากิน มีกรดอมิโน (โปรตีน) มีแร่ธาตุครบ เสียอย่างเดียวคือขาดคาร์โบไฮเดรทกับไขมัน ไม่อย่างนั้นครบ 5 หมู่แล้ว แต่จำเป็นสำหรับเรามั้ย คาร์โบไฮเดรท เราไปกินก๋วยเตี๋ยว กินข้าวก็ครบแล้ว ใบมะกรูดเป็นอาหารเสริมที่ดีเพราะมันมีสิ่งที่เราขาด คือ วิตะมิน แร่ธาตุ แล้วก็กรดอมิโน กินใบมะกรูดอย่างเดียวไม่ต้องไปกินเนื้อสัตว์ก็ได้แล้ว กรดอมิโน คือ โปรตีนที่ครบทุกรูปแบบที่เราต้องการใช้ แค่ขาดไขมันกับคาร์โบไฮเดรท งั้นไปกินข้าวขาหมูโรยใบมะกรูดก็ครบ 5 หมู่แล้ว (ขาหมูมีไขมัน ข้าวมีคาร์โบไฮเดรท ซอยใบมะกรูดใส่ก็ครบแล้ว) ใบมะกรูดทำกินยังไงก็ได้ ใส่ปากเคี้ยวๆๆ กลืนๆๆเข้าไปก็ไม่ขมอะไร มีคนเอาใบมาสกัดเป็นน้ำมัน ได้อะไรครบถ้วน แต่วิตะมินซีจะหายไปเพราะโดนความร้อน สามารถไปกินส้มชดเชยได้ ส่วนผิวมะกรูดก็มาสกัดน้ำมันได้แต่ใช้ภายนอก อย่าเอาผิวมะกรูดมาสกัดน้ำมันแล้วกิน ตัวที่สกัดจากใบมะกรูดได้อะไรครบถ้วนแล้ว ใบมะกรูดกินประจำเหงือกแข็งแรง พอเหงือกแข็งแรง ฟันก็แข็งแรง และจะไม่มีโอกาสเป็นไซนัส ภูมิแพ้ที่โพรงจมูกและยังดีมากสำหรับสมอง คนสมองช้า ใบมะกรูดเป็นตัวบำรุงสมอง สมองเป็นอัลไซเมอร์ หลายบ้านอย่าให้เป็นอัลไซเมอร์ เด็กกินบ่อยๆๆ จะเรียนเก่ง คนเป็นอัลไซเม่อร์เพราะขาดสารสื่อประสาทๆๆ เป็นกรดอมิโนที่วิ่งอยู่ตามเส้นประสาท เราไม่ใช่เส้นลวด รอบๆๆ เส้นประสาทสำคัญกว่าเซลล์ประสาทเพราะเป็นกรดอมิโน เราเรียกมันว่า “สารสื่อประสาท” เวลาเราโดนตรงนี้ปุ๊ป มันก็วิ่งไปฟ้องที่สมองๆๆ จะรายงานว่าเจ็บ ที่จริงโดนตั้งนานแล้ว เราพึ่งเจ็บ หรือบางทีโดนแล้วไม่รู้สึกอะไรเลยเพราะสารสื่อประสาทขาดหายไป มันก็ไม่รายงาน บางคนจับแก้วน้ำร้อนๆตั้งนานแล้วไม่รู้สึกร้อนเพราะสารสื่อประสาทหายไปพอรู้อีกทีมือพองแล้ว เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ บางทีรินน้ำร้อนๆ ให้ เค้าจับอยู่ตั้งนานไม่รู้สึกร้อน กว่าจะรู้ตัวมือพองไปแล้ว ในใบมะกรูดมีสารสื่อประสาทช่วยเรื่องนี้ได้ ช่วยเรื่องอัลไซเมอร์จับแก้วร้อนๆ บางทีแปรสภาพตรงข้าม จับแก้วร้อนๆ แล้วรู้สึกเย็น รายงานผิดพลาดเพราะสารสื่อประสาทไม่ครบถ้วน ขอขอบคุณข้อมูลจาก อ.สุทธิวัสส์ คำภา นักธรรมชาติบำบัด และสอนวิปัสสนากรรมฐานยาสมุนไพรไม่ระบุชื่อ• 6 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยhttps://theactive.thaipbs.or.th/read/disaster-data-provinceมีมไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเลือดเป็นด่างมีโอกาสติดโควิด-19 ได้น้อยลงยังมีการแชร์ข้อมูลน้ำมะนาวผสมโซดา แต่คราวนี้ผสมน้ำส้มสายชูไปด้วยโดยอ้างว่าสูตรนี้ฆ่าไวรัสโควิด-19 ได้แน่นอน เพราะจะไปทำลายไวรัสที่พบในลำคอโควิด 2019std46448• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยเลือดเป็นด่างมีโอกาสติดโควิด-19 ได้น้อยลงเป็นเรื่องที่แชร์กันมากตั้งแต่ ไวรัสโควิด-19 เริ่มระบาดใหม่ ๆ เลยทีเดียว โดยมีการอ้างว่า คนที่กินเจ กินแต่ผักผลไม้ จะทำให้เลือดเป็นด่าง และเชื้อโควิด-19 จะไม่สามารถทำอันตรายใด ๆ ได้sg242728.no• 2 ปีที่แล้ว
- 7 คนสงสัยยืนตากแดด ฆ่าโควิด-19 ได้หนึ่งในหลายเรื่องเกี่ยวกับการฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีการนำมาแชร์ซ้ำก็คือ การยืนตากแดดจะสามารถฆ่าเชื้อได้ ซึ่งทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริง เนื่องจากไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันว่าการยืนตากแดดนั้นสามารถฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้ เพราะเชื้อไวรัสตระกูลโควิด-19 นั้นสามารถทนทานต่อความร้อนได้ถึง 90 องศา ซึ่งความร้อนจากแสงแดดนั้นมีความร้อนไม่ถึงระดับนี้แน่นอน ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ไวรัสชนิดนี้จะตายเมื่อโดนความร้อนที่อุณหภูมิ 56 องศาเซลเซียส เป็นเวลานานต่อเนื่อง 30 นาที ซึ่งแสงแดดก็ไม่สามารถทำให้เกิดความร้อนในระดับนี้ได้เช่นกันโควิด 2019Surayuth Chaiyo• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยควบคุมโรค แจ้งสถานการณ์โควิดและไข้หวัดใหญ่ ระบาดหนัก 4 จังหวัด | มุมข่าว | LINE TODAY https://liff.line.me/1454988218-NjbXbq18/v2/article/rmXNO80?utm_source=lineshareโควิด 2019ภาคอีสานไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: true2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยดีอีเอส เผยสถิติ "เฟคนิวส์" ปี 65 พบบิดเบือนนโยบายรัฐมากสุดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เผยสถานการณ์ข่าวปลอมปี 2565 พบข่าวปลอมมุ่งบิดเบือนเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลและข่าวสารราชการมาแรงทั้งปี รองลงมาด้านสุขภาพและเตือนภัยพิบัติPimyada Thongjan• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอาหารเสริมเปลี่ยนหุ่นพังให้เป็นหุ่นปังภายใน7วันstd48033• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยอย.ดำเนินคดี 'กาละแมร์ - พัชรศรี' 7 คดี โอ้อวด โฆษณาอาหารเสริมเป็นเท็จอย.ฟัน 'กาละแมร์- พัชรศรี เบญจมาศ' 7 คดี โฆษณาอาหารเสริม เกินจริง หลอกลวง เตือนคนดังรีวิว ต้องรับผิดชอบ เมื่อวันที่ 18 มกราคม เภสัชกรหญิง (ภญ.) สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏว่า พิธีกรชื่อดัง กาละแมร์- พัชรศรี เบญจมาศ ทำคลิปวีดีโอบรรยายสรรพคุณผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “กรอบหน้าชัด เหนียงหาย หน้ายก ตาที่เคยหนังตาตกก็เป็นตา 2 ชั้น รอยขมวดคิ้วหาย ร่องแก้มตื้น จมูกเข้ารูป ย้ำอีกครั้งว่า ไม่เคยทำจมูกอะไรใด ๆ ตอนนี้กินแต่ผลิตภัณฑ์ตัวเองเท่านั้น” โดยคลิปดังกล่าวได้มีการแชร์ทางสื่อออนไลน์เป็นจำนวนมากนั้นstd47989• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยของใช้ในชีวิตประจำวันศาลอาญาพิพากษา 2 คดีซ้อน ในสำนวนฟ้องบริษัท เมจิกสกิน และผู้เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าของและเน็ตไอดอลหลังโฆษณาอ้างผลิตเครื่องสำอางเอง แต่กลับจ้างบริษัทอื่นผลิต ทำให้สินค้าคุณภาพต่ำกว่าที่โฆษณา จำคุกจำเลยคนละยี่สิบปีขึ้น พร้อมโทษปรับ แต่พฤติการณ์ ทั้งหมดนำเงินมาเยียวยาผู้เสียหายแล้วบางส่วน โทษจำคุกให้รอลงอาญา 3 ปีstd48002• 2 ปีที่แล้ว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ