914 ข้อความ
- 1 คนสงสัยนิยายเรื่องเงินดิจิทัลฉบับลูกทุ่ง ตอนที่2.... เอาละครับ มาถึงตอนนี้คิดว่าทุกคนคงเข้าใจแล้วนะว่าเงินดิจิทัลมันมีที่มาที่ไปอย่างไร เข้าสร้างมันมาเพื่อวัตถุประสงค์อะไร แม้ว่าวัตถุประสงค์ดั้งเดิมของมันมันจะดูไม่ขาวนักก็หลิ่วตาเสียบ้าง ถ้ามันจะทำให้ท่านรวยได้เป็นหมื่นเป็นแสนล้านบาทได้ภายในห้าหกเดือนหลังที่มันออกมาใช้ ผมไม่ได้พูดเล่นๆนะ พูดเรื่องจริงเลย เรื่องเงินดิจิทัลนี้มันเป็นความฝันของนักการเงินและนักคอมพิวเตอร์ในเมืองไทยกันอย่างมาก ที่จะสร้างเหรียญดิจิทัลของคนไทยให้มันดังกระหึ่มโลก เย่างเช่นบิตคอยล์ แม้กระทั่งธนาคารพาณิชย์อย่าง ธนาคารไทยพาณิชย์เอง ก็ยังมาลงทุนในธุรกิจนี้เลย แต่มาติดขัดในกฎเกณฑ์ที่ออกมาโดย กกต., กลต., ธปท., และหน่วยงานอื่นๆอีกเยอะ เพื่อเบรกการทำธุรกิจเรื่องเงินดิจิทัลในเมืองไทย ใครจะทำธุรกิจในเรื่องนี้ต้องไปขออนุญาตจากหน่วยงานต่างๆมากมาย ที่อาจจะผ่าน อาจจะไม่ผ่าน อาจจะต้องรอฟังผลคำพิจารณา อาจะต้องรอแก้กฎหมายในสภาผู้แทนราษฎร์ก่อน ที่รวมๆแล้วไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานกี่สิบปี ธุรกิจนี้ก็เลยยังไม่รุ่งเรืองในเมืองไทย ซะที อีกประเด็นหนึ่งที่เป็นปัญหาอุปสรรคอันใหญ่หลวงของวงการเงินดิจิทัล ที่ทำให้ธุรกิจนี้ไม่มั่นคง ก็คือการรับประกันค่าเงินเหรียญที่ตนออกมาว่าจะมีค่าอย่างน้อยที่สุดเท่านี้ เท่านั้น ไม่มีวันต่ำกว่านี้ เช่นจะมีค่าต่ำสุดหนึ่งบาท ไม่มีวันต่ำกว่านี้ แม้ว่าทุกวันนี้จะมีบางเหรียญจะเริ่มมีคนออกมาค้ำประกันบ้างแล้วก็ตาม แต่ว่าเครดิตของคนค้ำประกันนั้น คนไม่ค่อยเชื่อถือ วันหนึ่งถ้าคนค้ำประกันอาจจะมุดดินหายไปแบบนาย Nakamoto จะไปตามเอากับใคร โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ผ่านมามีผู้ที่ทำธุระกิจเกี่ยวกับเงินดิจิทัลในต่างประเทศมีการล้มละลายไปแล้วหลายแห่ง พอมาถึงยุคพรรคเพื่อไทยเจ้าพ่อโปรแจ๊ค นักคิดแบบศรีธนนทชัย ก็มองออกว่า ช่องทางเดินมันจะทำอย่างไรจึงจะเลี้ยวลดผ่านวงเขาวงกตไปได้อย่างสบายบื้อ สะดือโบ๋ แก้ปัญหาข้างต้นได้ทั้งหมด ซึ่งต้องขอปรบมือให้นักคิดแห่งพรรคเพื่อไทยจริงๆ วิธีการของพรรคเพื่อไทยก็คือ 1) เอาเรื่องการแจกเงินดิจิทัล ที่มีมูลค่า 10,000 บาทให้กับประชาชน มาเป็นตัวดึงดูดเสียงสนับสนุนจากประชาชนหลายล้านคนที่ไม่รู้เรื่องในรายละเอียดของเงินแบบนี้ ทำให้เกิดความกดดันกับทุกหน่วยงานที่คุมกฎ 2) วางหมากให้นายกรัฐมนตรีควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ควบคุมบังคับบัญชาหน่วยงานต่างๆที่คุมกฎเรื่องนี้ ดังนั้นเมื่อรัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยจะทำเรื่องเงินดิจิทัลนี้ แทนที่ขั้นตอนต้องมายื่นเรื่องเพื่อขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแบบ Buttom Up จากข้างล่างไปข้างบน แบบนักธุรกิจทั่วไป มันกลายเป็นการสั่งลงมาจากข้างบนลงมาข้างล่าง แบบ Top Down เพื่อที่การแก้ไขกฎระเบียบต่างๆที่ขัดขวางการทำงานในโครงการนี้ ให้มันคล่องตัว หรืออนุมัติมาเลย แบบหลักการที่ว่ากฎนั้นคนออกมาได้ คนก็แก้ได้ แก้แล้วอะไรมันจะเกิด ก็ไม่รู้แล้ว แม้กระทั่งผู้ว่าแบ็งค์ชาติท่านยังเรียกมานั่งคุยเลย ถึงแม้ว่าไม่เปิดเผยเรื่องที่คุยกัน เราก็เดาได้ว่าคุยกันเรื่องอะไร 3) ปัญหาที่เป็นจุดอ่อนที่สุดของเงินดิจิทัล คือการประกันค่าเงินขั้นต่ำของเหรียญที่ต้องทำให้คนเชื่อมั่นว่าค่าเงินจะมั่นคง ทางพรรคก็บอกว่า รัฐบาลไทยจะค้ำประกันว่าค่าเงินของเหรียญที่พรรคออกมานั้นจะเท่ากับหนึ่งบาท หลังจากออกเหรียญไปแล้วหกเดือน ผู้ถือเหรียญสามารถนำมาขึ้นเงินกับรัฐบาลได้ ในอัตรา หนึ่งเหรียญต่อหนึ่งบาท โดยไม่ได้ระบุวันหมดอายุ หรือวันที่สิ้นสุดของการเอาเหรียญมาแลกเป็นเงินสดแดงๆ นั่นคือไม่ว่ารัฐบาลท่านเศรษฐาจะหมดสมัยไปด้วยสาเหตุอะไรก็ตามรัฐบาลใหม่ที่มาก็ต้องให้แลกเงินต่อไปในอัตราหนึ่งบาทเช่นเดิม นี่คือสววรค์ของพวกฟอกเงินชัดๆ ที่ไม่มีรัฐบาลใดในโลกนี้ที่จะกล้าออกมาค้ำประกันเงินดิจิทัลที่ตนเองไม่ได้เป็นผู้ออก เห็นไม๊ครับ ไม่ให้ผมปรบมือให้ได้อย่างไร เพราะกุนซือแห่งพรรคเพื่อไทยสามารแก้ปัญหาทั้งสามข้อที่เป็นจุดอ่อนของเงินดิจิทัลของโลกได้อย่างสวยงาม ไชโย! ไชโย! ไชโย! ขอให้โครงการนี้ของพรรคเพื่อไทยสำเร็จโดยเร็ว....... ไม่ใช่ผมอยากได้เงินหมื่นบาทที่จะมาแจกนะครับ เงินแค่หมื่นบาทมันกระจอกสำหรับผม เพราะโครงการนี้มันจะทำเงินให้ผมหลายแสนบาท หรืออาจจะหลายล้านบาท หรืออาจะหลายร้อยล้านบาทหากผมมีแรงทำ คุณคิดออกหรือยังว่าเราจะทำเงินกันได้อย่างไร? ผมหมดเวลาเขียนต่อพอดี ผมอยากให้ท่านไปลองคิดดูสักพักว่าเราจะทำเงินจำนวนมากๆจากโครงการนี้ได้อย่างไร? แล้วผมจะมาเฉลย มาดูว่าที่ท่านคิดกับที่ผมคิดมีอะไรตรงกันบ้าง และอะไรที่ไม่ตรงกันแต่เอามาปรับใช้หาประโยชน์จากโครงการนี้ไปด้วยกัน เขียนมาถึงตอนนี้มีคนข้างห้องตะโกนถียงกับโฆษกทีวีว่า “แล้วมันจะเอาเงิน 560,000 ล้านบาทมาจากไหนมาแจกให้ชาวบ้าน?” ทำให้ผมนึกถึงประเด็นนี้ขึ้นได้ ผมจะเฉลยคร่าวๆตรงนี้ก่อน แล้วจะอธิบายรายละเอียดต่อไปภายหลัง คำตอบของผมก็คือ มันจะมีคนมาขอขึ้นเป็นเงินสดแดงๆน้อยมาก น้อยพอๆกับภาษีมูลค่าเพิ่มที่รัฐบาลคาดการว่าจะเก็บมาได้นั่นแหละ ส่วนที่เหลือทำไมมันไม่มีคนมาขึ้นเงินหว่า???? ............ ผมจะมาเฉลยในตอนที่สามครับ ..... ...ณรงค์ กุลาข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยนิยายเรื่องเงินดิจิทัลฉบับลูกทุ่ง ตอนที่1... เนื่องจากในขณะนี้มีการพูดถึงการที่รัฐบาลจะจ่ายเงินดิจิทัลให้กับประชาชนทุกคนที่อายุ 16 ปีขึ้นไปเป็นจำนวนเงิน เทียบเท่าเงินบาทที่เป็นกระดาษที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ 10,000 บาทต่อคน กันอย่างกว้างขวาง ทำให้ชาวบ้านทั่วๆไปงุนงง ฟังคนโน้นพูดที คนนี้พูดที บางคนว่าดี บางคนว่าไม่ดี สับสนไปหมด ผมเลยอยากจะเอาเรื่องนี้มาพูดอธิบายใหม่เพื่อให้ชาวบ้านเข้าใจง่ายๆ เอาแบบลูกทุ่งที่ไม่ใช่แบบนักวิชาการ หรือนักการเมืองพูด เริ่มแรก โปรดเข้าใจก่อนว่า รัฐบาลไม่ได้เอาเงินกระดาษใบแดงๆมาแจกให้ หรือไม่ได้เอาเงินไปเข้าธนาคารให้เราแต่อย่างใด แต่รัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทย ทำหน้าที่แทนธนาคารทั้งๆที่ไม่ใช้ธนาคาร เอาเงินดิจิทัลที่ตีมูลค่าว่าเท่ากับ 10,000 บาทมาจ่ายให้เราแทน ไอ้เงินดิจิทัลนี้พรรคเพื่อไทยก็สร้างขึ้นมาลอยๆโดยไม่มีอะไรมาค้ำเป็นหลักประกันมูลค่า เหมือนพิมพ์แบ็งค์กงเต็ก หรือคูปองออกมาแจก ถ้าให้เข้าใจง่ายๆ ให้นึกย้อนไปถึงยุคดึกดำบรรพ์ สมัยที่คนเรายังไม่มีเงินตราใช้ แต่เอาเปลือกหอยมาตีเป็นมูลค่า ไปใช้แรกสินค้าชนิดต่างๆ มายุคนี้พรรคเพื่อไทยก็ให้คอมพิวเตอร์มันมาสร้างเหรียญ (แทนที่จะเป็นเปลือกหอยแล้วตีมูลค่าว่าหนึ่งเหรียญมีคาเท่ากับหนึ่งบาท) ที่จับต้องไม่ได้ เก็บอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ลงทะเบียนไว้ว่าเหรียญดิจิทัลเลขที่เท่าไรถึงเลขที่เท่าไรเป็นของนายแดง เลขที่เท่าไรถึงเลขที่เท่าไรเป็นของนายดำ เลขที่ไหนบ้างเป็นของนายเขียว ฯลฯ .....ทำบัญชีแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครบ 56 ล้านคน ทุกอย่างควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ทั้งสิ้น ไม่มีใครเห็นอะไร ไม่มีใครจับต้องอะไรได้ เพราะมันเป็นประจุไฟฟ้าที่เก็บอยู่ในคอมพิวเตอร์ เหมือนกับเวลาที่คุณถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์มือถือ คุณจับต้องรูปไม่ได้ แต่รู้ว่ามันมีอยู่และเปิดดูได้จากโทรศัพท์ ฉันใดก็ฉันนั้น ก่อนที่จะไปในรายละเอียดอื่นๆ ผมอยากจะขอเล่าประวัติความเป็นมาของเงินดิจิตทัลก่อน เมื่อเข้าใจที่มาที่ไปของเงินดิจิทัลนี้แล้วคุณจะมองเห็นภาพทั้งหมดชัดเจนยิ่งขึ้น เรื่องให้คอมพิวเตอร์สร้างเงินดิจิทัลขึ้นมานี้ พรรคเพื่อไทยหรือคนในพรรคเพื่อไทย หรือท่านนายกเศรษฐาไม่ได้เป็นคนคิดขึ้นมาคนแรกของโลก แต่เรื่องนี้มีคนญี่ปุ่นชื่อนายนากาโมโต้เป็นผู้คิดค้นขึ้นมาเป็นคนแรกของโลกเมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว ตอนนั้นนายคนนี้เรียกมันว่า เหรียญคริปโต หรือคริปโตเคอร์เร็นซี่ และตั้งชื่อให้เหรียญชนิดนี้ของตนว่า “บิทคอยล์” พรรคเพื่อไทยก็ยืมไอเดียนี้มาใช้บ้าง ทีนี้มาดูกันว่าเรามีเงินที่พิมพ์บนกระดาษเป็นร้อยๆสกุลเงิน ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ โดยใช้กันมาหลายร้อยปีแล้ว ทำไมจะต้องคิดเงินดิจิทัลออกมาอีก? อะไรที่เป็นแรงบันดาลใจให้คิด ประเด็นมันก็คือ เงินที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้มันไม่ตอบโจทย์ของมนุษย์บางกลุ่ม คนบางจำพวก กล่าวคือ ปัญหาข้อที่ 1 เงินที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ เวลาเราจะส่งไปให้คนอื่น เราต้องส่งผ่านธนาคาร มีธนาคารเป็นตัวกลาง เพราะเราต้องเปิดบัญชีไว้กับธนาคารเอาเงินแดงๆฝากเข้าบัญชีไว้ ตอนเราจะส่งไปให้คนอื่น เราต้องแจ้งธนาคารที่เรามีบัญชีอยู่ว่า เราจะส่งเงินจากบัญชีของเราไปให้ใคร ชื่ออะไร มีบัญชีอยู่กับธนาคารไหน เลขที่บัญชีอะไร จำนวนเงินเท่าไร การแจ้งนั้นก็ทำได้หลายวิธี จะเดินไปที่ธนาคารที่เราเปิดบัญชีไว้ หรือจะแจ้งทางโทรศัพท์มือถือก็ได้ ถ้าส่งกันภายในประเทศก็จบแค่นี้ ไม่มีค่าโอน ไม่มีการซักถามอะไรอีก แต่ที่สำคัญมากๆคือ การทำธุรกรรมนี้ถูกเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ของธนาคารไปอีกหลายปี ดังนั้นกำนันนกคนดังแห่งนครปฐมจะโอนไปให้ใครที่ไหน ไม่ว่าพลเรือน ตำรวจ ทหาร ฯลฯ กี่ครั้ง กี่หน เป็นจำนวนรวมทั้งหมดเท่าไร สามารถเช็คเส้นทางการเงินได้หมด (แต่ท่านบิ๊กโจ๊กชอบพูดสั้นๆเวลาให้สัมภาษณ์ว่า “เส้นเงิน” นั่นแหละ) ดังนั้นมนุษย์มาเฟีย นักการเมืองที่ฉ้อโกงทั่วโลกไม่ชอบการโอนเงินแบบนี้ เพราะมันจะนำมาเป็นหลักฐานมัดตัวได้ ปัญหาข้อที่ 2 หากเราโอนไปให้ผู้รับที่อยู่ต่างประเทศ แบ็งค์ชาติก็มีกฎเกณฑ์แถมเข้ามาอีก ว่าจำนวนเงินโอนที่จะโอนไปแต่ละครั้ง ต้องไม่เกินเท่าไร ถ้าเกินต้องขออนุญาตก่อน ต้องบอกว่าโอนไปทำไม ถ้าโอนไปเป็นค่าซื้อขายสินค้า ก็ต้องมีเอกสารต่างๆประกอบอีกเป็นบึกๆ นอกจากนั้นธนาคารยังคิดค่าโอนอีกเป็นเปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินที่โอนไป เสียส่วนต่างในอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทกับสกุลเงินต่างประเทศอีกด้วย สรุปแล้วไม่ถูกจริตกับพวกค้าขายผิดกฎหมาย มาเฟีย นักการเมืองที่ฉ้อโกง พวกที่ต้องการฟอกเงิน ฯลฯ นี่แหละที่เป็นสาเหตุจูงใจ หรือแรงผลักดันให้นาย Nakamoto มานั่งคิดหาวิธีการว่าประชาชนชาวมาเฟียจะโอนเงินให้กันด้วยวิธีไหน จึงไม่ต้องผ่านธนาคารที่เป็นตัวกลาง ไม่ต้องเสียเงินให้ธนาคาร และที่สำคัญที่สุดไม่มีใครรู้ใครเห็น ไม่มีหลักฐาน ในที่สุดแล้วเมื่อสิบกว่าปีก่อนนายคนนี้ก็คิดสำเร็จ ออกเหรียญดิจิทัลของตัวเองออกมาชื่อเหรียญ “บิตคอยล์ (Bitcoin)” โดยระบุว่าจะแจกเหรียญนี้ให้กับประชาชนฟรีๆ โดยจะออกมาทั้งหมดแค่ 21 ล้านเหรียญเท่านั้น (เมืองไทยก็กำหนดว่าจะแจกแค่ ห้าแสนหกหมื่นล้านเหรียญเท่านั้น – ประเด็นนี้สำคัญนะครับจำไว้ให้ดี) ใครอยากได้เหรียญให้เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาดึงเอาเหรียญไป ---- ศัพท์ที่นักล่าเหรียญเค้าใช้คือ “การขุดหาเหรียญ” ผมจะไม่อธิบายในทางเทคนิคว่าทั้งหมดมันมีการทำงานอย่างไร เดี๋ยวเอกสารนี้จะกลายเป็นวิทยานิพนธ์ไป ประชาชนกินข้าวแกงอย่างเรารู้แค่นี้ก็พอ พอมีคนขุดเหรียญได้ คอมพิวเตอร์ควบคุมกลางของนายนากาโมโต้มันก็ลงบัญชีไว้ทันทีว่าเหรียญหมายเลขอะไรบ้างไปอยู่ที่คนไหน แต่มันไม่บอกให้ใครรู้ ใครจะมาบีบบังคับยังไงก็ไม่ได้ และพื่อให้ตัวเองปลอดภัยจากพวกมาเฟียที่จะมาจับตัวเอาไปรีด บีบบังคับ เอาความลับพวกนี้ไป นายนากาโมโต้ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ และปรากฏต่อมาชื่อที่ใช้ก็เป็นชื่อปลอม ในตอนนั้นก็มีแนวร่วมของนายคนนี้ออกมารณรงค์ให้คนออกมาใช้เหรียญนี้ในการซื้อขายจิรง โดยให้กำหนดมูลค่าของเหรียญกันเองตามความพอใจ มีประวัติระบุว่าการใช้เหรียญบิตคอยล์ในการซื้อขายครั้งแรกนั้น ทำกันแบบสนุกๆในอเมริกา โดยมีร้านพิซซ่าแห่งหนึ่งขายพิซซ่าไปสองถาดแลกกับบิตคอยล์จำนวน 10,000 เหรียญ พอเหรียญนี้ตกไปอยู่ในมือของร้านขายพิซซ่า เจ้าคอมพิวเตอร์ก็ลงบัญชีต่อท้ายจากเจ้าของเดิมว่าเหรียญนี้ไปเป็นของร้านพิซซ่าแล้ว ทุกครั้งที่เหรียญเปลี่ยนเจ้าของ คอมพิวเตอร์ก็จะลงรหัสของเจ้าของใหม่ต่อท้ายไปเรื่อยๆยาวเป็นบัญชีเป็นหางว่าว เทคนิคนี้เรียกว่าบล็อกเชน เห็นไม๊ครับว่าการเปลี่ยนมือของเหรียญนั้นไม่มีธนาคารใดๆมาเกี่ยวข้อง ไม่มีใครรู้ใครเห็นเก็บข้อมูลไม่ได้ นอกจากคอมพิวเตอร์ของนายนากาโมโต้ ที่มุดหายลงใต้ดินไปแล้ว มันก็เลยเป็นความลับที่บิ๊กโจ๊ก ปิ๊กต่อ ก็สืบไม่เจอ ครั้นพอเรื่องนี้รู้ไปถึงหูกลุ่มมาเฟีย พวกนี้ก็มองเห็นสวรรค์ของการฟอกเงินขึ้นมาทันใด อยากลองบ้าง ก็เลยมีการเปิดเว็บไซต์รับแลกเหรียญบิตคอยล์กับเงินแดงๆขึ้น ไม่ต้องไปเสียเวลาชุดหาเหรียญ โดยไม่ต้องเอาเหรียญนี้ไปซื้อสินค้าใดๆให้เสียเวลา ยิ่งความต้องการมีมากขึ้นเท่าไร คนก็ยิ่งให้ราคาที่ต้องการซื้อสูงขึ้นไป เหรียญก็มีจำนวนจำกัด คนก็แห่กันเข้าไปขุดมากขึ้น กว่าจะขุดได้ก็ใช้เวลาเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น......ตั้งแต่วันที่มีการใช้เหรียญบิตคอยล์ 10,000 เหรียญไปแลกซื้อพิซซ่าได้สองถาด จนถึงวันที่บิตคอยล์มีราคาสูงสุดในประวัติศาสตร์ของบิตคอยล์ ซึ่งอยู่ที่มากกว่า US$ 30,000. นั้นใช้เวลาไม่กี่ปี !!!!! จากนั้นคนก็แห่เข้ามาสร้างเงินดิจิทัลแบบเดียวกันอีกมากมายทั่วโลก ตั้งชื่อเหรียญไปต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยก็มีผู้ออกเหรียญต่างๆมาหลายชื่อ จนกระทั่งรัฐบาลแทบทุกประเทศทั่วโลกตกใจกลัวว่าหากไม่มีการหยุดยั้งการใช้เงินดิจิทัลนี้ การเงินของโลกคงจะเข้าขั้นวิกฤตเป็นแน่ ก็พากันมาออกกฎระเบียบต่างๆในการควบคุมการออกเหรียญดิจิทัล ไม่ปล่อยให้ออกกันแบบเสรีและมีกฎอื่นๆตามมาอีกเยอะ เช่นไม่อนุญาตให้ใช้จ่ายในการชำระหนี้แทนเงินแดงๆเป็นต้น ทำให้เหรียญที่ออกมาใหม่ๆในระยะหลังๆนี้ ไม่มีผู้สนใจ และมูลค่าไม่สูงมากเหมือนรุ่นแรกๆ เหรียญที่ออกโดยคนไทยก็แห้วแขวนดอยรอวันตายกันไป เอาละครับผมเล่าประวัติความเป็นมาและวัตถุประสงค์ของการสร้างเงินดิจิทัลขึ้นมาในโลกนี้ของนายนากาโมโต้ในการแก้ปัญหาที่ต้องโอนเงินผ่านธนาคารมาให้ท่านฟังแล้ว แรงบันดาลใจออกจะสีเทาๆชอบกลนะ ท่านพอมองเห็นอะไรในการเอาเงินดิจิทัลที่ออกโดยพรรคเพื่อไทยในนามของรัฐบาล มาให้คนไทยใช้ในการซื้อสินค้าแทนที่จะแจกเงินแดงๆแบบที่มีอยู่ในกระเป๋าทุกวันนี้ โดยการอ้างเหตุผลนานาประการ ผมคงจะขอจบตอนที่1 ไว้แค่นี้ก่อน ให้ท่านได้นอนคิดไปสักสองสามวัน ว่าท่านเห็นอะไร ...........................ในระหว่างที่ผมเขียนตอนที่ 2 เมื่อผมเขียนตอนที่สองเสร็จก็จะส่งมาให้ท่านอ่านต่อไป ...ขอกระซิบบอกให้ท่านทราบเบาๆว่า ในตอนหน้าผมจะบอกเคล็ดลับที่รัฐบาลไม่บอก ในการที่ท่านจะทำเงินได้มหาศาลจากเงินดิจิทัลของไทยได้อย่างไร เป็นเพียงเกาะกระแสร์ไว้ให้ดี อย่าพลาดนะครับ อ่านดีๆมีสิทธิรวยจ้า..... เขียนโดย ณรงค์ กุลาข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวการเมืองล้อเลียน เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยข่าวการเมืองมีมล้อเลียนไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยขอเชิญร่วมลงชื่อคัดค้าน และเรียกร้องให้รัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ยกเลิกนโยบายแจกเงินดิจิทัลผ่าน “กระเป๋าเงินดิจิทัล” ๑๐,๐๐๐ บาท และร่วมร้องเรียนให้ผู้ตรวจการแผ่นดินใช้อำนาจ ดำเนินการส่งเรื่องนี้ต่อศาลปกครอง หรือศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่า การกระทำดังกล่าวของรัฐบาลขัดต่อพระราชบัญญัติเงินตรา พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง บทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และบทบัญญัติในส่วนของหน้าที่ของรัฐหรือไม่ ข้าพเจ้า วิรังรอง ทัพพะรังสี ได้ทำการยื่นหนังสือร้องเรียนถึงผู้ตรวจการแผ่นดินแล้วตามรายละเอียดด้านล่างนี้ หากท่านเห็นด้วยกับหนังสือร้องเรียนดังกล่าว และต้องการเป็นผู้หนึ่งในการร่วมคัดค้านและเรียกร้องให้รัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ยกเลิกนโยบายแจกเงินดิจิทัลผ่าน “กระเป๋าเงินดิจิทัล” ๑๐,๐๐๐ บาท โปรดสนับสนุนด้วยการร่วมลงชื่อในแบบฟอร์มนี้ค่ะ https://forms.gle/4fuBV1WFaHWn2HUn9 ขอกราบขอบพระคุณทุกๆ ท่านที่ได้ร่วมลงชื่อ ขออนุญาตรวบรวมชื่อของท่าน เพื่อส่งให้ผู้ตรวจการแผ่นดินต่อไปค่ะ สุดท้ายนี้ ขอบกราบขอบพระคุณคณาจารย์เศรษฐศาสตร์ ๘๑ ท่านที่ได้ออกแถลงการณ์คัดค้านโยบายแจกเงินดิจิทัลผ่าน “กระเป๋าเงินดิจิทัล” และขออนุญาตนำแถลงการณ์นำส่งเป็นเอกสารแนบยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติมถึงเหตุและผลที่ควรยกเลิกนโยบายดังกล่าว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่หลวงมาก ข้าพเจ้าไม่อาจทราบว่าที่กระทำไปนี้จะได้ผลอย่างไรหรือไม่ เพราะรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีนสิน ดูจะเดินหน้าไม่ฟังเสียงประชาชนเลย คิดว่าคงทำได้ตามกำลังเพียงเท่านี้ แต่ก็รู้สึกดีกว่าการที่จะไม่ได้ทำอะไรเลย....... วิรังรอง ทัพพะรังสี ๗ ตุลาคม ๒๕๖๖ _________________________ ที่ ๐๔/ ๒๕๖๖ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง ร้องเรียนนโยบายแจกเงินดิจิทัลผ่าน “กระเป๋าเงินดิจิทัล” ๑๐,๐๐๐ บาท ของรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ว่าขัดต่อพระราชบัญญัติเงินตรา พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง บทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และบทบัญญัติในส่วนของหน้าที่ของรัฐหรือไม่ สิ่งที่ส่งมาด้วย ๑. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน ๑ ฉบับ ๒. แถลงการณ์ นักวิชาการและอาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ ๘๑ ท่าน เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกนโยบายแจกเงิน ดิจิทัล ๑๐,๐๐๐ บาท กราบเรียน ผู้ตรวจการแผ่นดิน ตามที่ปรากฏในสื่อสารมวลชนว่า รัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน มีนโยบายแจกเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล จำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท ให้กับประชาชนทุกคนที่มีอายุ ๑๖ ปีขึ้นไปเพื่อกระตุ้นการบริโภค และได้มีผู้ที่มีความรู้ตลอดจนประชาชนจำนวนมาก ออกมาคัดค้านแสดงความไม่เห็นด้วย และขอให้รัฐบาลยกเลิกนโยบายดังกล่าว แต่รัฐบาลก็ยังดึงดันที่จะเดินหน้าต่อไป ล่าสุด เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๖ นักวิชาการและอาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ ๘๑ ท่าน รวมทั้งอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ๒ ท่าน คือ นางธาริษา วัฒนเกส และนายวิรไท สันติประภพ ได้ร่วมกันลงชื่อในแถลงการณ์ เห็นพ้องต้องกันเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกนโยบายแจกเงินดิจิทัล ๑๐,๐๐๐ บาท เพราะเป็นนโยายที่ “ได้ไม่คุ้มเสีย” โดยให้เหตุผลประกอบอย่างละเอียด (เอกสารแนบ ๒) ด้านสังคมและเศรษฐกิจ ข้าพเจ้า นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง มีความเห็นว่า นโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายที่จะสร้างความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรมในสังคมให้เกิดมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเศรษฐีและมหาเศรษฐี ที่อายุเกิน ๑๖ ปี จะได้รับเงินช่วยเหลือด้วยทั้งๆ ที่ไม่มีความจำเป็น นอกจากนี้ข้าพเจ้ายังห่วงใยว่า นโยบายดังกล่าวไม่เพียงแต่จะไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง แต่เป็นการสร้างหนี้จำนวนสูงมากโดยไม่จำเป็น ซึ่งอาจจะส่งผลทำลายเสถียรภาพทางด้านการคลังของประเทศในระยะยาว โดยประชาชนทั้งประเทศจะต้องแบกรับความเสียหายที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับกรณีโครงการรับจำนำข้าวในสมัยรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้านกฎหมาย รัฐบาล โดย นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมาชี้แจงในวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๖ ว่าการจ่ายเงินดิจิทัล สามารถทำได้ ไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.เงินตรา ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และยืนยันว่าไม่ผิดกฎหมายอย่างแน่นอน แม้รัฐบาลจะประกาศว่า “เงินดิจิทัล” ที่จะออกมาตามโครงการ “กระเป๋าเงินดิจิทัล” นั้น จะไม่ใช่การออก “คริปโตเคอร์เรนซี” ซึ่งจะไม่สามารถทำได้ เพราะจะผิดตาม พ.ร.บ.เงินตรา ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดย “หนึ่งประเทศจะมีสองสกุลเงินไม่ได้” แต่จะออกมาในรูปแบบเหรียญ “ดิจิทัลโทเคน” ประเภท “ยูทิลิตี้ โทเคน (Utility Token)” ซึ่งจะเป็น “โทเคน” เพื่อการอุปโภคบริโภค จึงไม่ได้เป็นการสร้างสกุลเงินใหม่ และไม่ใช่กรณีเดียวกับ Bitcoin Luna หรือ USDT แต่เป็นเหรียญ คูปอง หรือสิทธิ์การใช้เงิน ที่ใช้ Blockchain เขียนเงื่อนไขลงไป อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ารัฐบาลจะใช้ “ดิจิทัลโทเคน” ประเภทยูทิลิตี้ โทเคน จะเป็นเหรียญ หรือจะเป็นคูปอง แต่เมื่อออกโดยรัฐบาล และประชาชนสามารถนำไปใช้จ่ายซื้อขายแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าได้แทนเงินสดกับร้านค้าได้ทั้งหมด เช่น ร้านโชห่วย ร้านสะดวกซื้อ ห้างแม็คโคร รวมถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ข้าพเจ้าก็ไม่เห็นว่าจะแตกต่างกับการใช้เงินตราตรงไหน เหตุใดจึงไม่แจกเป็นเงินสดเข้ากระเป๋าสตางค์ให้แก่ประชาชนอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ต้องยุ่งยาก ร้านค้าที่รับก็ไม่ต้องลำบากในการนำไปแลกคืนกับรัฐบาลเพื่อรับกลับมาเป็น “เงินบาท” ข้าพเจ้ามีความสงสัยว่า ลักษณะของเหรียญ หรือคูปอง ที่รัฐบาลจะนำออกมาใช้นี้ อาจเข้าข่ายเป็นการออกเงินตราอย่างหนึ่ง และเมื่อมีสภาพเป็นเงินตราก็จะเข้าบังคับพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. ๒๕๐๑ เนื่องด้วย “.....ตามเกณฑ์ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย “ยูทิลิตี้ โทเคน จะสามารถใช้แลกเปลี่ยนสินค้า และการบริการต่างๆ แบบเฉพาะเจาะจง ภายในองค์กรใดองค์กรหนึ่ง หรือโครงการใดโครงการหนึ่งโดยเฉพาะ แต่ต้องไม่มีลักษณะเป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการในวงกว้าง ในลักษณะของการใช้แทนเงิน (Means of Payment: MOP) เป็นการทั่วไป ดังนั้น จึงอาจจะต้องพิจารณาให้ดีว่า การใช้โทเคนดังกล่าวในการซื้อสินค้า และบริการกับร้านค้าทั่วประเทศ อาจจะเข้าข่ายเป็น “การชำระในลักษณะการเป็นสื่อกลางการชำระค่าสินค้าและบริการในวงกว้าง” หรือ การใช้แทนเงิน ซึ่งจะผิดกฎเกณฑ์ของทางธนาคารแห่งประเทศไทย.....” ที่มาของข่าวและข้อมูล: https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_7856583 https://www.thairath.co.th/money/experts_pool/columnist/2721853 สุดท้าย แม้รัฐบาลจะยืนยันว่า กระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นนโยบายที่ตรงไปตรงมา ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทเอกชน และไม่เกี่ยวกับการฟอกเงินตามที่มีผู้กล่าวอ้าง แต่ประชาชนจำนวนมากมีความเห็นว่า หากรัฐบาลมีเงินสดที่จะแจกให้กับประชาชนได้ การแจกเงินก็ควรจะสามารถทำได้ตรงๆ เหมือนสมัยที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยแจกประชาชนผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ก็คุ้นเคยและใช้เป็นอยู่แล้ว แต่การที่รัฐบาลไม่แจกเป็นเงิน ทำให้เกิดเป็นเรื่องยุ่งยากที่ถกเถียงกันในสังคมทั้งด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องและด้านกระบวนการปฏิบัติ ยังไม่รวมถึงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานในการชำระเงินดิจิทัล สร้างแอปพลิเคชันในการชำระเงิน และสร้างบล็อกเชนใหม่ขึ้นมา ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนและระยะเวลาจำนวนมาก สังคมจึงมีความเคลือบแคลงสงสัยว่า นโยบายดังกล่าวไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศชาติในภาพรวม แต่อาจเป็นการหลบเลี่ยงหรือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนต่างๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ เกี่ยวข้องกับอนาคตของประเทศ และขัดต่อวินัยการเงินและการคลังของประเทศอย่างร้ายแรง ข้าพเจ้าในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่มีความห่วงใยประเทศชาติ จึงได้ส่งหนังสือร้องเรียนนี้มากราบเรียนขอให้ท่านผู้ตรวจการแผ่นดิน วินิจฉัย หรือดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ส่งเรื่องนี้ต่อศาลปกครอง หรือศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่ากระทำดังกล่าวของรัฐบาลขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือไม่อย่างไร ต่อไป ขอแสดงความนับถือ นางวิรังรอง ทัพพะรังสีข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยจริงหรือเท็จ หากไม่ลงทะเบียนในแอป Thaid จะไม่สามารถรับเงินดิจิทัลได้ข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสิงคโปร์ห้ามนำเข้าอาหารปนเปื้อนกัมมันตรังสีจากญี่ปุ่นข่าวการเมืองผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยนายกญี่ปุ่นล้มป่วยเพราะกินอาหารทะเลปนเปื้อนกัมมันตรังสีข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข่าวการเมืองภาคใต้ไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยFW: ทู้เปิดกระเป๋า ผู้ชุมนุม......FW: ทู้เปิดกระเป๋า ผู้ชุมนุม...... Date: Tue, 25 May 2010 10:08:10 +0800 From: xxxxxx ขอ อนุญาตนำภาพและข้อความบางส่วนของคุณ One Man story ด้วยค่ะ จากคุณ : xxxxxxxxx 23 พ.ค. 53 ภาพชายคนนี้ดูเผินๆ ก็เหมือนคนขายของทั่วไป แต่..... เมื่อทหารขอค้นกระเป๋า ที่ถูกซ่อนอยู่ภายในรถเข็น กระเป๋ายี่ห้อ .. JIM THOMSON หลายใบอยู่ในนั้น เค๊า บอกว่าของแฟน และจะเดินย้อนกลับไปพาแฟนมายืนยัน เดินไปได้สัก 10 เมตร ผมหยิบเห็นป้ายราคา เลยรีบบอกให้ทหารเอาตัวกลับมา ไม่เช่น นั้น เค๊าเดินหายไปไม่กลับมาแน่นอน และก็ค้นเจอของเพิ่มเติมอีกหลายรายการ รายนี้ที่ถูกจับได้ " ไม่เนียน " มากๆ ถ้า เพื่อนๆ อยากรู้ว่าเนียนๆเป็นยังไง ติดตามต่อครับ จะเอามาจากที่ไหนได้ ถ้าไม่ใช่ Zen เครื่องสำอางบางส่วน ที่ถูกทิ้งไว้ วัด ปทุมฯ เข้าไปแล้วครับ มีแต่รถผู้ชุมนุม จอดอยู่เต็ม และคุณหญิงพร ทิพย์กำลัง เข้าตรวจเช็คพื้นที่ครับ ภาพหลายภาพเห็นแล้วสลดใจมากครับ สงสาร เจ้าของธุรกิจจับใจ ภาพนี้ถ้ามองไม่ชัด ขออธิบายว่า เต๊นท์นี้เป็นของผู้ชุมนุม มีผ้าใบบังอยู่ เมื่อเปิดเข้าไปก็ต้องตกใจ เพราะเห็นกล่องมือถือ เกลื่อนกลาด คง ไม่ต้องบอกว่า มือถือ ไปไหนหมดแล้ว เราจะพบเห็น คนมาเก็บของผู้ชุมนุมออกไป ส่วน รถคันนี้จะมีของที่ขโมยมาหรือไม่ ผมตอบไม่ได้จริงๆ กรเป๋าคิปลิ่ง หลายใบ มี คนอาจสงสัยว่าคนที่ขนของพวกนี้ออกมาถูกจับกุมไหม 90% ทหารปล่อยตัวกลับบ้าน อาจจะด้วยบรรยากาศสมานฉันท์ (มั้งครับ) แว่นกองนี้กองเดียว มูลค่าหลายแสนบาท คนที่ขนออกมาคือคนเดียว แลก็ กลับบ้านไปแล้วครับ มีทั้ง Rayban, Fendi , Gucci ฯลฯ บางคนเนียนๆ ก็ นำของที่ได้มาใส่ไว้เป็นของตนเอง หลายๆ คนที่ผมเห็นและทหารปล่อยไป ก็คือ การขโมยรองเท้าและเสื้อผ้า แล้วนำมาทำให้สกปรกเป็นคราบ เหมือนของเก่า ทั้งหมดทหารปล่อยให้ เอากลับไปทั้งหมด ผมไม่ใช่เจ้าหน้าที่ ดังนั้นสิ่งที่ผมเห็น ทัดทานได้ แต่ตัดสินใจไม่ได้ครับ เน็กไทด์ เส้นนี้ก็เช่นเดียว ตบตาทหารได้ครับ แต่ ผมยืนอยู่ตรงนี้พอดี ขอเข้าไปดู ก็พบว่ายี่ห้อ John Langford ผมให้ แกะออกทันที เพราะยี่ห้อนี้จะเอามามัดถุงแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้ รถ หลายคัน มีแต่ผู้ชายแต่เสื้อผ้าผู้หญิงเต็มรถ เค๊าก็บอกว่าเค๊ามาขายของ รถ เกือบทุกคัน มีมาม่าๆเป็นลังๆ มีกาแฟคอฟฟี่เมท หลายสิบถุง บอกว่ามา ขายกาแฟ บางคนถูกยึดของไว้เพราะมากเกินไป หลายคนได้ของไปกลับ บ้านกิิน คงต้องถามบิ๊กซีว่าของหายไปบ้างไหม? น้ำหอมเจ้าหน้าที่ทหารก็ไม่ทราบ ผมต้องหยิบออกเอง เพราทนไม่ไหวจริงๆครับ เท่านี้ก็มีของหลุดออกไปเยอะแล้ว ทำ อะไรไม่ได้นอกจากทำใจ ปิดกรุงเทพปล้นข่าวการเมือง เสียดสีJoke_Air• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวการเมืองมีม เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: false2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยกำนันวินัย นายกเล็กเมืองอ่างศิลา เตรียมกลับไปดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองอ่างศิลาข่าวการเมืองเลือกตั้งภาคตะวันออกPotter• 1 ปีที่แล้วmeter: true2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยน.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีที่มีการส่งต่อข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ระบุว่าผู้สูงอายุ 3 กลุ่ม จะได้รับเบี้ยพิเศษรายปีคนละ 1,000 บาท เพิ่มเติมจากที่ได้รับเบี้ยยังชีพรายเดือนนั้นน.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีที่มีการส่งต่อข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ระบุว่าผู้สูงอายุ 3 กลุ่ม จะได้รับเบี้ยพิเศษรายปีคนละ 1,000 บาท เพิ่มเติมจากที่ได้รับเบี้ยยังชีพรายเดือนนั้น ไม่เป็นความจริง การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุยังเป็นไปตามหลักเกณฑ์เดิม “ขอความร่วมมือประชาชน ไม่ส่งต่อข้อมูลดังกล่าว เพราะจะทำให้เกิดความสับสน” น.ส.ไตรศุลี ระบุ โดยกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ยืนยันว่า ปัจจุบันการจ่ายเบี้ยยังชีพแก่ผู้สูงอายุยังคงเป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีเฉพาะการจ่ายเบี้ยยังชีพรายเดือน ไม่มีการจ่ายเบี้ยพิเศษรายปีคนละ 1,000 บาท สำหรับการจ่ายเบี้ยยังชีพรายเดือน จะจ่ายแก่ผู้สูงอายุแต่ละช่วงอายุ เพิ่มขึ้นเป็นขั้นบันไดใน 4 ช่วง ได้แก่ – อายุ 60-69 ปี จะได้รับเบี้ยยังชีพ อัตรา 600 บาท/คน/เดือน – อายุ 70-79 ปี จะได้รับเบี้ยยังชีพ อัตรา 700 บาท/คน/เดือน – อายุ 80-89 ปี จะได้รับเบี้ยยังชีพ อัตรา 800 บาท/คน/เดือน – อายุ 90 ปี ขึ้นไป จะได้รับเบี้ยยังชีพ อัตรา 1,000 บาท/คน/เดือน น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า หากประชาชนได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเบี้ยพิเศษรายปีของผู้สูงอายุข้างต้น ไม่ว่าจะมาจากช่องทางใด ขออย่าได้หลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่งต่อ หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เพื่อไม่เป็นการสร้างความสับสนและเข้าใจผิดแก่ประชาชนในวงกว้างข่าวการเมืองstd46535• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! รัฐหลอกให้ลงทะเบียนรับเงินเยียวยา เพื่อจะเรียกเก็บภาษีย้อนหลังจากกรณีที่มีการพบข้อความในโลกโซเชียลว่า ใครไม่เคยเสียภาษีเลย ทำงานอิสระ เงินต่อปีเท่าไหร่ ถ้าเกิน 150,000 ตรวจย้อนหลังเจอเสียภาษีสองเท่า ชิมช้อปใช้มีคนโดนมาแล้ว ทางกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ตามที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า กรมสรรพากรจะนำข้อมูลของผู้ลงทะเบียน www.เราไม่ทิ้งกัน.com ไปใช้ในการตรวจสอบภาษีย้อนหลังของกลุ่มผู้มีอาชีพอิสระนั้น ขอแจ้งว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง กรมสรรพากรขอยืนยันว่า ผู้ลงทะเบียนผ่าน www.เราไม่ทิ้งกัน.com เพื่อรับเงินตามมาตรการฯ ดังกล่าวจะไม่ถูกนำข้อมูลการลงทะเบียนมาใช้ในการตรวจสอบภาษีข่าวการเมือง เสียดสีstd46541• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยทำไม่ถึงต้องนำเงินสดที่กู้ยืมมา 500,000 ล้านบาท ไปซื้อเหรียญดิจิตอลอีกต่อหนึ่ง ก่อนแจก? ก็เพราะแสนสิริ (SIRI) ถือหุ้น บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ตัวหุ้นXPG ให้บริการทางการเงินดิจิทัลหรือ Digital Financial Service โดยแสนสิริเข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง ข้อมูลล่าสุด 13% ขอ 5 แสนล้านแล้วโดนไล่ตกเก้าอี้นายกฯก็คุ้ม หุ้นXPGเข้าตลาดเริ่มต้นราคาหุ้นละ 0.50 บาท ปัจจุบัน 1.63 บาท ถ้ากำไร 500,000 ล้านจากโครงการซื้อเสียงหัวละ 1 หมื้้น ราคาหุ้นทะลุเกิน 100 บาทแน่ ขายทิ้งทั้งหมดได้ราวๆ 2 แสนล้านบาท ถ้าใช้แอปเป๋าตั้งแสนสิริก็ไม่ได้สักบาทครับ หนี้ต่อGPD เพิ่มจาก 60% เป็น 65% ทันที ประเทศใกล้ล้มละลายไปอีกก้าว ข้อมูลผู้ถือหุ้น XPG 11 ก.ย.2566 ดังนี้ข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยเดือนกันยายนนี้ ผู้สูงอายุจะได้รับเงิสเพิ่มคนละ 600.00บาทจริงหรือไม่ข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยทักษิณ ผิด อะไร" อุ๋งอิ๋ง บอกไม่รู้ เอ้าจะบอกให้ 1. แก้ พรบ.สรรพสามิตโทรคมนาคม ให้เสียภาษีน้อยลง ได้ผลประโยชน์ 8,000 ล้าน 2. ลดสัมปทาน ITV ได้ผลประโยชน์ 20,000 ล้าน แถมได้สถานีโทรทัศน์ ที่เคยมีอุดมการณ์ เปลี่ยนมาทำลาย วัฒนธรรม โดยการเอาหนังเกาหลี มาฉาย และปิดสื่อความไม่ดี สร้างภาพดีๆ ให้ตัวเอง (กลุ่มชินคอร์ป ถือหุ้น itv 53%) 3. ตั้ง ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เป็น ผบ.ทบ. ก็ได้พี่ชายตนเองคุมทหาร 4. ตั้ง เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ เป็น รอง ผบ.ตร. ก็ได้พี่เขยตนเอง คุมตำรวจ 5. ตั้ง วาสนา เพิ่มลาภ เป็น ประธาน กกต ก็ได้ตำรวจ พวกพ้องตัวเองคุม กกต. 6. ตั้ง สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เป็น ผอ.กองสลาก ก็ได้ตำรวจ พวกพ้องตัวเองคุม กองสลาก 7. ตั้ง คงศักดิ์ วันทนา เป็น รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงมหาดไทย สามีลูกน้ำ เพื่อนรักที่ช่วยแลกเช็คให้ สมัยยังจนอยู่ก็ได้เพื่อนคุณหญิงอ้อ… มาคุมทุกเหล่า 8. กล่าวคําพูด ท้าทายพวกก่อการร้าย ในภาคใต้ว่าเป็นแค่โจรกระจอก อย่าไปใส่ใจ ทําให้เกิดความรุนแรง คนตายมากมายและหลุดปากด่า ทหารว่า “สมควรตาย” 9. ปล่อยเงินกู้ให้พม่า 4,000 ล้าน เพื่อนำมาเช่าช่องสัญญาณ IP Star ของตัวเอง ถึงกำหนด แล้วพม่ายังไม่ใช้หนี้เลย 10. เจรจาเซ็น FTA กับจีน ให้จีนนำเข้า หอม กระเทียม เข้ามาไม่เสียภาษี เกษตรกรที่ปลูกหอมปลูกกระเทียม ทางเหนือก็ตายหมด ส่วนไทยได้ ขายธุรกิจช่อง สัญญาณดาวเทียม IP Star 11. เจรจาเซ็น FTA กับออสเตรเลีย ให้นำเข้า นม ไวน์ เข้ามาไม่เสียภาษี ทำลายเหล้าไวน์พื้นบ้าน OTOP ทำลายนมพระราชดำริ ส่วนไทยได้ ขายธุรกิจช่องสัญญาณ IP Star 12. ในเดือนพฤศจิกายน 2546 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีมติส่งเสริมการลงทุน โครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ของ ชินแซทเทิลไลท์ โดยให้การยกเว้น ภาษีเงินได้นิติบุคคลเฉพาะรายได้ ที่ได้รับจากต่างประเทศ ทั้ง ๆที่ เป็นกิจการที่ลงทุนเดิมอยู่แล้วไม่รู้ ไปยกเว้นภาษีทำไม บริษัทจึงได้รับ การยกเว้นภาษีเงินได้อีก 16,459 ล้านบาทต่อปี 13. แปรรูปขายหุ้น ปตท วันแรกเปิด ขายหุ้นหมดภายใน 1 นาที 17 วินาที ตระกูลใครละที่ได้ซื้อหุ้นไปหลังจาก แปรรูป น้ำมันก็แพงขึ้นทุกวัน ให้ กองทุนน้ำมันของคนไทยขาดทุน กว่า 70,000 ล้านบาท แต่ ปตท ได้กำไรปี 2548 จำนวน 160,000 ล้านบาท แล้วกำไร แทนที่จะเป็นของรัฐก็กลายเป็น กำไรของตระกูลพวกถือหุ้น 14. ซุกหุ้นภาคแรกให้เมียตัวเอง ขึ้นศาลรับผิด ซุกหุ้นภาค 2 ให้ลูกชายตัวเองขึ้นศาลรับผิด ไหนบอกว่ารักครอบครัวไง 15. บริษัทของลูกท่านได้เงินกู้ 5,000 ล้าน จาก ICT ดอกเบี้ย 0% ไม่กำหนดเวลาชำระคืนแถม ได้รับการเว้นภาษีจาก บีโอไอ อีกทำสวนสนุกได้รับการเว้นภาษี 16. ได้รับสัมปทานสื่อโฆษณา ที่รถไฟใต้ดิน โดยที่ไม่ได้รับ การเปิดประมูลเพื่อแข่งขันกับ บริษัทอื่น 17. ทักษิณ สั่ง รมต. กลางวง ครม. ลดค่าเช่าพื้นที่ย่าน สยามสแควร์ เปิดทางลูก-หลาน เปิด สตูดิโอ – ร้านกาแฟ อ้างค่าเช่าแพงเกินจริง 18. ลดเงินค่ารถไฟฟ้า-ใต้ดิน พอดี กับงานสวนสนุกธุรกิจของลูกๆ สอดคล้องสนับสนุนกันพอดี บังเอิญจริงๆ 19. ทักษิณพูดว่า”จังหวัดไหนเลือก ไทยรักไทย จะให้ความดูแลก่อน” น้ำท่วมภาคใต้ 5 วันแล้ว แต่ทักษิณ ไปช่วยหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ไปกิน ก๋วยเตี๋ยวสร้างภาพ ไปเดินตลาด หาเสียง ทั้งๆที่มี สส อยู่เต็ม สภาแล้วแต่ที่ต้องลงใต้ไปดู น้ำท่วมวันศุกร์เช้า เนื่องจาก กลัวสนธิพูดตอนเย็นในรายการ เมืองไทยรายสัปดาห์ 20. การที่มีพวกพ้องตัวเองเป็น กกต. จึงเปลี่ยนรูปแบบการ เลือกตั้งให้สามารถโกงการ เลือกตั้งเพิ่มขึ้นได้อีก 2 วิธี 20.1 ปั๊มตรายางอีกชุดรอ เวลาเปลี่ยนกล่องบัตรได้ ทุกเวลา 20.2 หมึกมีแบบล่องหน และ แบบโผล่ขึ้นมาได้ (ในทางเคมี สามารถทำได้) 21. ปิดข่าวเรื่องไข้หวัดนก ทําให้ชาวบ้านที่ไม่ทราบ ต้องตายแล้วยังไปแสดงการ กินไก่ไปหัวเราะไป เพื่อ ซีพี. นายทุนพรรคเท่านั้น 22. ทําให้เกิดการฆ่า ตัดตอนประชาชนผู้บริสุทธิ์ กว่า 2000 คน จากการปราบ ยาบ้าสั่งฆ่าคนได้หน้าตาเฉย โหดร้ายทารุณ 23. ซุกหุ้นปั่นหุ้น ซุกซ่อน ทรัพย์สินไว้กับญาติพี่น้อง เอาเงินไปฟอกต่างประเทศ เอาเปรียบใน การทําธุรกิจ ผูกขาด ทั้งรับทั้งจ่ายใต้โต๊ะจนคน ในวงการธุรกิจ เขารู้กันหมด ค้ากำไรเกินควร จนรํ่ารวย มหาศาล 24. โกงที่ดินวัดของสนาม กอล์ฟอัลไพน์มีคนโกงที่ดิน ธรณีสงฆ์เอามาทำสนามกอล์ฟ แล้วทักษิณไปซื้อต่อทั้งๆ รู้ว่า ที่ดินนั้นได้มา ไม่ถูกต้องเพราะ ไม่กลัวบาปกรรม 25. ประชาชนเสียรู้ทักษิณ เรียนฟรี 12 ปี นโยบายรัฐ ที่เปิดช่องให้โรงเรียนนำ ค่าใช้จ่ายอย่างอื่นมาเพิ่ม แทนค่าเทอม นั่นแหละ สุดท้ายก็ไม่ได้เรียนฟรีอยู่ดี เป็นความล้มเหลวที่เห็นได้ ชัดเจนของการปฎิรูปการ ศึกษาไทย ประชาชนจะ ถูกหลอกอีก 4 ปี เอาเข้าไป เป็นความจริงที่สุดเลย นี่คือการโกหกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เท่าที่เคยเห็นมาในโลกนี้ ซึ่งหาดูไม่ได้ที่ไหนนอกจาก ประเทศไทยที่กฎหมายบอก ว่าเรียนฟรี แต่ความจริงมี ใครบ้างที่เรียนฟรีถาม ผู้ปกครองทุกคนดูได้เลย 26. ชั่วเวลาแค่ปีเศษๆ รัฐบาล ชุดนี้ก็ทำให้สถานการณ์ภาคใต้ ที่ร่มเย็นเป็นสุขมานานหลาย สิบปี กลับร้อนระอุกลาย เป็นแดนมิคสัญญี 27. เช่าน่านฟ้า เช่าผืนแผ่นดิน ไทย ราคาเช่าช่างถูกจัง มีอะไร แอบแฝงหรือเปล่า ตนเองน่า จะรู้ดี ไหนบอกว่าแผ่นดิน ไทยจะไม่ให้หายแม้แต่ ตารางนิ้วเดียวไงใช้ อำนาจจนเลยเถิดไม่เห็น ด้วย คิดไงท่านนายก ที่ให้เช่า 15 ปี แถมมี เปลียนสัญญาได้ทุกๆ 5 ปี เหมือนทำธรุกิจเลยขอเชิญ ชาวไทยเรียกร้องอธิปไตย ชาติไทยกลับมาด้วยขอให้มี สส สว ที่ยังพอมีความเป็น ไทยที่มิใช่มีความเป็น ทรท. ช่วยกันคัดค้าน ล่ารายชื่อ ด้วยครับผมว่ามันเกี่ยวกัน หมดแหละครับ ตั้งแต่ AIS (มือถือ) ไทยคม1 ไทยคม 2 IPstar ชินคอร์ป ธนาคาร ธุรกิจ การเมือง อยู่ในมือ สิงคโปร์ทั้งหมดแล้วครับ ชัดเจน มีผลประโยชน์ทับซ้อน แหง๋ ไม่งั้นไม่งุบงิบกันทำหรอก อย่านึกว่าประชาชนโง่นะคุณ ยุคทักษิณคือ ยุคของเงิน เหนือรัฐ ยุคตำรวจรังแก ประชาชน ยุคทหารฆ่าล้าง เผ่าพันธุ์ ยุคความรุนแรง อยู่เหนือเหตุผล 28. ฉลาด อย่างตัวจับยาก เอาเงินหลวงไปหว่านให้ราก หญ้าแล้ว ผ่านกระเป๋ารากหญ้า แบบเคาะกะลาให้หมาดีใจ ผ่านธุรกิจมือถือเข้ากระเป๋ามันเอง 29. ยุบสภาหนีความผิด เนื่องจาก นายกองค์การนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ล่า 50,000 รายชื่อ เพื่อถอดถอนนายกรัฐมนตรีออก จากตำแหน่ง 30. ยุบสภาได้ยังไงไม่ได้มีปัญหา ภายในสภาสักหน่อย อภิปราย ไม่ไว้วางใจก็ไม่ได้ ฝ่ายค้านมี ไม่พอ 31. วันที่ประกาศยุบสภา ประกาศพร้อมกันว่าให้ไป เลือกตั้งวันที่ 2 เมษา ได้ยังไง รู้ได้ยังไง ไหนว่า กกต. เป็นกลางไง 32. คุณหญิงพจมาน อยากมี สมเด็จพระสังฆราชประจำ ตระกูลตัวเอง จึงให้ นายวิษณุ เครืองา ลงนาม แต่งตั้ง สมเด็จพระพุฒาจารย์ เกี่ยว อุปเสโณ วัดสระเกศ ขึ้นปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จ พระสังฆราช เมื่อ วันที่ 13 มีนาคม 2547 เสมอกับสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกล มหาสังฆปรินายก ที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนา อ้างว่า สมเด็จญาณฯ ทรงประชวร ไม่สามารถประกอบศาสนกิจได้ ทั้งๆที่มี VDO วันที่ 13 มีนาคม 2547 สมเด็จพระสังฆราช พระราชทานรางวัลให้กับเด็ก นักเรียนที่ได้รับทุนของ มหามกุฏราชวิทยาลัยในการ ประกวดเรียงความเรื่อง สมเด็จพระสังฆราช 90 พรรษา 33. คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่า สตง. ตรวจเจอการทุจริต ของรัฐบาลหลายเรื่อง ล่าสุด ตรวจสอบเจอการทุจริต CTX ทางรัฐบาลจึงอ้างว่ากระบวน การสรรหา คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ตรวจเงินแผ่นดิน (ผู้ว่าการ สตง.) มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ (ทั้งๆที่ ได้รับการแต่งตั้งจากพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) คุณหญิงปิดห้องทำงานแล้ว ยังไปงัดห้องคุณหญิง คิดจะ หาหลักฐานทุจริตที่ห้อง คุณหญิง ต่อมาคนดีอย่าง คุณหญิงก็ได้กลับมาทำงาน เหมือนเดิม 34. จัดซื้อเครื่องบินรบ ซู30 ตั้งงบประมาณไว้ 35,000 ล้าน ทั้งที่รัสเซียบอกว่าขายแค่ 20,000 ล้าน กะจะกินตั้ง 15,000 ล้าน เครื่องบิน เป็นแบบบินระยะไกล เสียค่าซ่อมเยอะ (ไทยนี้รักสงบ) เราเป็นพวกบุกรุก หรือ ตั้งรับ ถ้าเราเป็นฝ่ายตั้งรับ แล้วจะ ซื้อเครื่องบินระยะไกลทำไม ให้ช่างทหารอากาศเลือกซื้อ ทำไมไม่ให้นักบินเป็นคนเลือก เพราะฝ่ายช่างอยู่ในความ ดูแลของ คงศักดิ์ วัณทนา สามีของเพื่อน คุณหญิงพจมาน… 35. ก่อนขายหุ้นบอกว่าจะ ไปพักผ่อนที่สิงคโปร์ 4 วัน เดินเล่นที่สิงคโปร์ไปเดิน ครึ่งวัน อย่างมากก็วันเดียว ก็ไม่รู้จะไปเดิน ที่ไหนแล้ว นี่ไปถึง 4 วันเจรจาขายหุ้น แต่โกหกประชาชนคนไทย ว่าจะไปพักผ่อน บอก ตรงๆก็ได้ 36. จัดซื้อ CTX ราคา ระหว่าง บทม.และใบแจ้งราคาสินค้า ของบริษัท อินวิชั่นฯ เป็นเงินประมาณ 283,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 11.30 ล้านบาทต่อเครื่อง หากคิดรวม 26 เครื่อง เป็นเงิน 7.36 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 294.4 ล้านบาท ซึ่ง “ส่วนต่าง”ราคานี้ถูกนำไป ใช้บันทึกซ้ำซ้อน โดยอ้างว่า เป็นอุปกรณ์ที่ต้องการซื้อ เพิ่มเติม ทั้งที่รวมอยู่ในราคา 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือ ประมาณ 1,432 ล้านบาท กะจะกิน1,432 ล้าน – 294.4 ล้าน = ? 37. ร่วมทุนชินคอร์ปกับมาเลเซีย เปิดธุรกิจสายการบิน Low Cost แล้วสั่งยกเลิกเที่ยวบินการบินไทย ที่ได้กำไร แล้วเอาสายการบิน ของตัวเองไปบินทับที่แทน ทำให้การบินไทยซึ่ง เป็น สายการบินของคนไทยขาดทุน แล้วทำหนังสือถึงหน่วยงาน ราชการว่านอกจากการบินไทย แล้ว สามารถใช้งบหลวงเบิก ค่านั่งเครื่องบิน Low Cost ได้ด้วย แล้วยังขายหุ้น Low Cost ให้สิงคโปร์อีก ทำให้ Low Cost ที่มีเที่ยวบินที่กำไรดีที่สุด (แย่ง จากการบินไทย) เป็นเที่ยวบินของ มาเลเซีย+สิงคโปร์ (ขายชาติ) 38. โทรศัพท์เครื่องที่ระบบ 1900 “ไทยโมบาย” ของ ทีโอที มันให้ ทีโอทีตั้งเสาเฉพาะใน กทม. ส่วนในต่างจังหวัด มันไม่ยอมให้ ตั้งเสาทั้งๆที่ ทีโอทีมีที่ดินอยู่ มากมายในต่างจังหวัด มันสั่ง ให้ ระบบ 1900 ของทีโอที ในต่างจังหวัดใช้เสาสัญญาณ ของAISโดยโทร 3 บาท ทีโอที ต้องจ่ายให้ AIS 2 บาท ทีโอที ได้ 1 บาท ..สุดยอดไหมละ 39. ปี 2535 – วิ่งเต้นจนได้ รับสัมปทานดาวเทียมไทยคม โดยการสนับสนุนอย่างดีจาก รัฐบาลเผด็จ การ รสช. โดย อิงความสัมพันธ์ที่สนิทแนบ แน่นกับ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ซึ่งก็ชดใช้บุญคุณมาจนถึงสนับ สนุน 2 คนสนิทของท่านให้ได้ดี ในยุคนี้คือ พล.อ.สัมพันธ์ บุญญานันท์ ได้เป็นรมว.กลาโหม และ พล.อ.เรืองโรจน์ มหาสรานนท์ ได้เป็นผบ.สูงสุด 40. การพูดจาบจ้วงดูหมิ่น สถาบันเบื้องสูง( .112 ) 40.1. สำนัก ราชเลขาฯ ขอให้ รัฐบาลพิจารณาเครื่องบิน ราชพาหนะลำใหม่.. แทนลำเก่า ที่ ชำรุดมากแล้ว …..ทักษิณ อ้างว่า ไม่มีงบประมาณ แต่สุดท้าย ซื้อเครื่องบินไทยคู่ฟ้า ให้ตนเองและครอบครัวนั่งก่อน.. จาก ข่าวที่น้องสาว ทักษิณใช้ เครื่องบินไปฉลองวันเกิดที่ เชียงใหม่…… ถ้ารู้แบบนี้เแล้ว.. ยังคิดว่าพ่อทำเพื่อชาติอีกไหม? @Lung gardข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยศาลออกหมายจับ นายอิทธิพล คุณปลื้มข่าวการเมืองภาคตะวันออกPotter• 1 ปีที่แล้วmeter: true3 ความเห็น
- 1 คนสงสัยคนร้องคัดค้าน ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม สส.ระยองเขต 3 พรรคก้าวไกล “โย พงศธร” เป็น สส.บัญชีรายชื่อ ไม่สามารถลงแบบแบ่งเขตได้ข่าวการเมืองเลือกตั้งภาคตะวันออกPotter• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยมีการจัดตั้งศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมข่าวการเมืองสภาพอากาศไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข่าวการเมืองภาคใต้ไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวการเมืองภาคใต้ไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น