2434 ข้อความ
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วันตามที่มีการโฆษณาทางสื่อโซเชียลเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วัน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มที่ระบุสรรพคุณว่า หากทาสามารถช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าไม่มีครีมหรือเซรั่มใดที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน ได้จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นเพียงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายนอกเพื่อทำความสะอาด สวยงามแต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ โดยเภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ได้ให้ข้อมูลว่า โครงสร้างของจมูกประกอบด้วย 2 ส่วน คือ โครงสร้างส่วนด้านบนเป็นกระดูกแข็ง ด้านล่างเป็นกระดูกอ่อน โดยห่อหุ้มด้วยผิวหนังและไขมัน ดังนั้นครีมที่ทำให้ดั้งโด่งจึงไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระดูก และไม่ส่งผลให้จมูกโด่งอย่างแน่นอนความสวยความงามstd47795• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย🔥🔥ช่วยกันแชร์ ข่าวจริง‼️วิธีป้องกันติดโควิดและรักษาง่ายๆ ให้คนไทยรอดนะคะ ใช้ยาเคอร่า 1 แคปซูล ผสมน้ำดื่ม 1 ขวดเล็ก ดื่มได้ทั้งวันแทนน้ำเหมือนดื่มน้ำแร่ แต่ถ้าติดเชื้อหรือเสี่ยงสูงให้เพิ่มเป็น 2 เม็ดเลยค่ะ ดื่มง่าย ชุ่มคอ ไม่ขม ✅ช่วยลดไข้ แก้ไอ ขับเสมหะ ยับยั้งไวรัส คออักเสบ ลิ้นเป็นขุม มีฝ้า เด็กคออักเสบ มีเม็ดในลำคอ เคอร่า มีงานวิจัย จากม.เกษตร ยับยั้งการขยายตัวไวรัส covid ถึง 1,500 เท่าของยา Lopinavir ที่ใช้ในคนไข้สีแดง งานวิจัยในผู้ป่วย 3000 คน หาย100% (รพ.ประชาธิปัตย์) ไม่ลุกลาม ไม่ลงปอด ไม่ต้องใช้ท่อช่วยหายใจ ไม่มีเสียชีวิต https://youtu.be/TWFL9g_P3pEโควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป ควรใส่หน้ากากอนามัยช่วงโควิด จริงหรือหมอมนูญ แนะด็กไทยตั้งแต่อายุ 2 ขวบขึ้นไปควรใส่หน้ากากอนามัย ตามคำแนะนำของ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา (US CDC) และไม่เห็นด้วยกับ WHO ที่ระบุเด็กอายุ 5 ขวบลงมาแนะนำไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัย ส่วนเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 2 ปี ไม่แนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยเพราะเด็กเล็กอาจไม่รู้จักวิธีเอาหน้ากากออกเองเมื่อหายใจไม่สะดวก จริงหรือโควิด 2019anonymous• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยการใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายใต้วงแขน เสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมจริงหรือไม่ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายใต้วงแขน เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทาหรือฉีดใต้วงแขน เพื่อช่วยลดความเปียกชื้นหรือป้องกันกลิ่นตัวที่เกิดจากการทำงานของต่อมเหงื่อใต้วงแขน ซึ่งเป็นกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ผลิตภัณฑ์นี้จะช่วยเข้าไปยับยั้งเหงื่อที่หลั่งจาก Eccrine sweat glands (ต่อมเหงื่อที่ทำหน้าที่หลั่งเหงื่อ เพื่อระบายความร้อนออกจากร่างกาย) เมื่อระงับเหงื่อได้กลิ่นกายก็จะลดลง (ข้อมูลจากเว็บไซต์ https://shorturl.asia/93IHs ) มะเร็งเต้านม เป็นมะเร็งที่เกิดเนื่องจากการแบ่งตัวผิดปกติของเซลล์ท่อน้ำนมหรือต่อมน้ำนมทำให้เกิดเป็นก้อนเนื้องอก โดยหากไม่ได้รับการรักษา มะเร็งจะโตขึ้นและกระจายไปที่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ ก่อนที่จะกระจายไปอวัยวะอื่นๆ เช่น ปอด ตับ สมอง กระดูก จนเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิต (ข้อมูลจากเว็บไซต์ https://www.gj.mahidol.ac.th/main/knowledge-2/breast-cancer/ ) จากการสัมภาษณ์ เภสัชกร ณภัทร นวลสกุลกฤป เภสัชกรปฏิบัติการประจำร้านขายยาเภสัชกรอิ่ม ได้ให้ข้อมูลว่า “การใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายใต้วงแขนเป็นประจำ อาจเสี่ยงที่จะได้รับสารที่มีชื่อว่า อลูมิเนียมคลอไฮเดรต ซึ่งมีการศึกษาที่ระบุว่าสารชนิดนี้สามารถเปลี่ยนเป็น เอสโตรเจน คือฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งอาจจะมีความสัมพันธ์กับมะเร็งเต้านมได้ แต่สารนี้มีการใช้กันมาอย่างยาวนานในทางการแพทย์ จุดประสงค์หลักที่ใช้คือเพื่อทำให้ต่อมเหงื่อมีขนาดเล็กลง จะช่วยลดปริมาณเหงื่อ ช่วยลดการอับชื้น และลดโอกาสเกิดกลิ่นกายได้ ซึ่งสารชนิดนี้เมื่อโดนกับเหงื่อจะกลายเป็นของแข็ง และมีโอกาสน้อยมากที่ร่างกายจะดูดซึมเข้าไป ในปัจจุบันยังไม่มีรายงานที่ชัดเจนว่าสารตัวนี้มีความสัมพันธุ์กับมะเร็งเต้านมอย่างไร ดังนั้นจึงสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายใต้วงแขนได้ตามปกติ แต่ควรเลือกแบรนด์ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายใต้วงแขนที่เป็นที่นิยมในตลาดและมีความน่าเชื่อถือ” ทั้งนี้ เภสัชกร ณภัทร นวลสกุลกฤป ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเกิดมะเร็งเต้านมอีกด้วยว่า “สิ่งที่สัมพันธ์กับมะเร็งเต้านม สาเหตุหลักเกิดจากคุณพ่อ คุณแม่ หรือคนในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม ซึ่งคือการถ่ายทอดทางพันธุกรรมนั้นเอง และอีกสาเหตุที่มีความเสี่ยงทำให้เกิดมะเร็งเต้านมคือกิจวัตรประจำวันบางอย่าง เช่น การกินอาหารที่มีไขมันสูง การมีน้ำหนักเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด หรือแม้กระทั่งการกินยาคุมต่อเนื่องนานเกิน 5ปี และไม่มีการเว้นพัก ซึ่งถ้าเกิดว่ามีความกังวลในเรื่องของมะเร็งเต้านม ก็ควรที่จะตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม และตรวจสุขภาพร่างกายเป็นประจำ” (ข้อมูลเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2567) ดังนั้น การใช้ผลิตระงับกลิ่นกายใต้วงแขนไม่ได้ทำให้มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายใต้วงแขนที่เป็นที่รู้จัก และมีความน่าเชื่อถือด้านความปลอดภัย ทั้งนี้หากมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงเรื่องมะเร็งเต้านม ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมเป็นประจำทุกปีAmy Onanong• 10 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยปดิพัทธ์ สันติภาดา : ชีวิต 4 ปี ในสภาของแคนดิเดตประธานสภา จากก้าวไกลการเปิดชื่อแคนดิเดตประธานสภาของก้าวไกล จากโผที่มีการเปิดเผย 3 ชื่อก่อนหน้านี้ เกิดขึ้นในวันที่ ส.ส. 150 ของพรรค เข้ารายงานตัวปฏิบัติหน้าที่ต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปดิพัทธ์ หรือ "หมออ๋อง" อดีตสัตวแพทย์ ในวัย 42 ปี ชนะการเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร สมัยที่ 2 ของ จ.พิษณุโลก เขต 1 หลังจากที่เขาเป็น ส.ส. สมัยแรกจากการได้คะแนนเสียงชนะผู้แทนคนเก่าของพื้นที่อย่าง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส. ประชาธิปัตย์ พิษณุโลก 3 สมัย ในวาระที่พรรคก้าวไกลเสนอชื่อของปดิพัทธ์ เป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ บีบีซีไทยรวบรวมการทำหน้าที่ในสภาและชีวิตทางการเมืองจากการเป็น ส.ส. สมัยแรกของเขามาไว้ ณ ที่นี้เกีย มึน'น• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยFrom นายแพทย์สุธี ทุวิรัตน์ 25 ก.ค. 2564 สรุปประสบการณ์ในการดูแลรักษาครอบครัวที่ติดโควิดทั้งบ้าน 10 คน แบบ home isolation ครอบครัวนี้สมาชิก 10 คน ประกอบด้วย อากงและอาม่า อายุ ประมาณ 70 ปี อากงและอาม่า มีลูกชาย 1 คน ลูกสาว 2 คน ลูกชายเป็นพี่ชายคนโต แต่งงานมีลูกมีเมียแล้ว มีลูกอ่อน 2 คน เป็นฝาแฝด อายุ 2 ขวบ ลูกสาวคนโตก็แต่งงานแล้ว มีลูก 2 คน เริ่มเป็นวัยรุ่นแล้ว ทั้งหมด 10 ชีวิต อาศัยอยู่รวมกันอย่างค่อนข้างจะแออัดในห้องแถวย่านตลาดน้อย ครอบครัวนี้เกิดโชคร้าย ติดเชื้อโควิดโดยไม่รู้ตัวว่าติดได้อย่างไร ติดจากใคร โดยมีไทม์ไลน์ดังนี้ วันที่ 12/7/64 อากงเริ่มมีอาการไอ วันที่ 15/7/64 ลูกสาวคนโตเริ่มมีอาการไอ วันที่ 17/7/64 ลูกสะใภ้ กับอาม่า เริ่มมีไข้ ไอ วันที่ 18/7/64 หลาน 2 คนที่เป็นวัยรุ่น เริ่มมีไข้ต่ำๆ, ลูกสาว อาการมากขึ้น เริ่มมีอาการเจ็บคอ ทั้งบ้านก็ยังไม่เฉลียวใจว่าติดเชื้อโควิดกันทั้งบ้านแล้ว วันที่ 19/7/64 ลูกสะใภ้ มีไข้สูง ไปตรวจที่ รพ.กรุงเทพคริสเตียน พยาบาลแนะนำให้แยกกักตัวเอง เพราะสงสัยจะเป็นโควิด ลูกชายและลูกสะใภ้แยกตัวไปนอนที่คอนโด วันที่ 21/7/64 ลูกสะใภ้รู้ผล และรักษาตัวในโรงพยาบาลสนาม, ลูกชายไปหาซื้อชุดตรวจมาได้ 4 ชุด ตรวจเสียไป 2 ชุด ผลตรวจ อาม่าเป็นบวก ลูกสาวเป็นลบ วันที่ 21/7/64 ผลการตรวจ rapid test ของอาม่าเป็นบวก ลูกชายพาอาม่าไปตรวจที่โรงพยาบาล แจ้งกับทางโรงพยาบาลว่าผลตรวจ rapid test เป็นบวก แต่โรงพยาบาลไม่ตรวจให้, ครอบครัวนี้เริ่มสติแตก พยายามดิ้นรนโทรติดต่อหาที่ตรวจแต่หาไม่ได้เลย มีที่พอจะรับตรวจ ก็อยู่ไกล และจำกัดจำนวนตรวจ ต้องไปวัดดวงรอว่าจะได้รับการตรวจ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่ครอบครัวนี้จะไปตรวจได้ เพราะทุกคนเริ่มป่วยและมีอาการแล้ว รวมทั้งเป็นคนแก่และเด็ก สุดท้ายมีเพื่อนของลูกชายช่วยนัดจองคิวตรวจอากงและอาม่าได้ 2 คน ได้คิวตรวจที่แลบเอกชนในวันที่ 23/7/64 วันที่ 21/7/64 ลูกชายไปต้องไปนอนค้างคืนที่โรงพยาบาลจุฬา เพื่อแย่งจองคิวตรวจที่จำกัดวันละ 50 คน วันที่ 22/7/64 ลูกชายได้รับการตรวจที่ รพ.จุฬา ผลเป็นบวก ได้รับการรักษาที่ รพ.จุฬา วันที่ 22/7/64 หลานอายุ 2 ขวบ 2 คนเริ่มมีไข้ ประมาณ37.5ให้ทานยาลดไข้ และเช็ดตัว ไข้ลง วันที่ 23/7/64 เด็ก 2 คนเริ่มมีไข้สูง 38.8 และ 38.6 เช็ดตัวไข้ไม่ลง นอนซึม วันที่ 24/7/64 เด็ก 2 คนอาการดีขึ้น ไข้ประมาณ 37.5 เริ่มทานขนมได้ วันที่ 25/7/64 ลูกสาว 2 คน และหลาน 2 คนที่เป็นวัยรุ่น จองคิวตรวจได้ที่ หน่วยตรวจเชิงรุกของกทม.ที่เขตดุสิต และไปรับการตรวจแล้ว ได้รับการแจ้งว่าต้องรอผล 2 วัน จะแจ้งทาง sms ตั้งแต่วันที่ 21/7/64 ที่รู้ว่ามีคนในครอบครัวนี้ติดโควิด ครอบครัวนี้พยายามหาทางที่จะติดต่อแจ้งไปหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น 1330 1668 1669 สาธารณสุข แต่ก็ถูกปฏิเสธไม่ยอมรับแจ้ง โดยอ้างว่าเป็นกฎที่จะรับแจ้งขึ้นทะเบียนเป็นผู้ติดเชื้อโควิดได้ ต้องมีผลการตรวจแบบ RT PCR เท่านั้น แม้ว่าครอบครัวนี้จะพยายามชี้แจงว่าเป็นผู้ติดเชื้อ เพราะมีคนในครอบครัวติดเชื้อและรักษาตัวในรพ.สนามแล้ว และคนที่เหลือในครอบครัวหาที่ตรวจโควิดไม่ได้ ขนาดเอาผลการตรวจของภรรยาลูกชายคนโตและบอกว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ก็ไม่ยอมรับแจ้ง และไล่ให้ต้องไปตรวจด้วย RT PCR มาก่อนเท่านั้น เมื่อรู้ว่าติดโควิดทั้งครอบครัว ก็ดิ้นรนหาซื้อชุดตรวจ และหาซื้อยาฟ้าทะลายโจร กระชาย ทั้งยาไทยและยาจีน ทุกตัวที่โฆษณาว่ารักษาโควิดได้ มากินกันทั้งครอบครัว น้องผมที่เป็นลูกเขยของบ้านนี้ ติดต่อขอความช่วยเหลือจากผมในคืนวันที่ 21/7 ผมได้โทรไปสอบถามอาการของคนในครอบครัวนี้พบว่า อาม่า และน้องสะใภ้ผม เริ่มมีอาการไอมากและหอบเหนื่อย พูดได้ไม่เยอะ พูดไปไอไป เชื้อน่าจะเริ่มลงปอดแล้ว ผมประเมินดูแล้วมั่นใจว่าหาเตียงในโรงพยาบาลไม่ได้แน่ๆ ครอบครัวนี้น่าจะเป็นผู้ติดเชื้อโควิดสีเหลือง และมี 2 คนที่น่าจะกำลังเป็นสีแดง โอกาสที่จะรอดของครอบครัวนี้คือ รักษาตัวที่บ้าน ผมตัดสินใจที่จะไม่เสียเวลาไปในการติดต่อหาเตียงตามโรงพยาบาลต่างๆ การหายาฟาวิพิราเวียมาให้เร็วที่สุด คือทางรอดเดียวของครอบครัวนี้ เพื่อป้องกันไวรัสลงปอด และลดการแพร่เชื้อไวรัส แม้ว่าจะติดเชื้อกันทั้งบ้านแล้ว แต่การอยู่กันอย่างแออัด 10 คนในห้องแถวเล็กๆ จะมีไวรัสออกมากับลมหายใจตลอดเวลา และทุกคนก็หายใจเอาไวรัสของคนในครอบครัวอีก 9 คนตลอดเวลา น่าจะทำให้อาการของโรคกำเริบมากขึ้นทุกคน วันที่ 22/7 ผมและน้องชายพยายามติดต่อหาซื้อยาฟาวิพิราเวีย จากเพื่อนที่อยู่โรงพยาบาลเอกชน แต่ไม่สามารถหาซื้อได้เลย ทุกโรงพยาบาลยืนยันว่าการจะจ่ายยา ต้องสั่งโดยหมอ infectious และต้องมีใบตรวจด้วย RT PCR ของแต่ละคนเท่านั้น ผมและน้องชายพยายามติดต่อหาที่ตรวจ RT PCR และ RAT แต่ก็ไม่มีโรงพยาบาลไหนรับตรวจ ขนาดน้องชายผมเป็น FT โรงพยาบาลเอกชน บอกว่าเป็นญาติและนามสกุลเดียวกัน ก็ยังไม่รับตรวจ และไม่จ่ายยาฟาวิพิราเวียให้ ผมเลยต้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆศิริราช ต้องขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือและให้กำลังใจ และช่วยหายาฟาวิพิราเวีย ได้ 3 ชุด เมื่อได้ยามาแล้ว ผมให้อากง และอาม่า กับลูกสาวที่เริ่มมีอาการหายใจเหนื่อยหอบได้ทานยาก่อน เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงและเริ่มมีอาการหนักแล้ว วันที่ 23/7 หลังจากได้ยาฟาวิพิราเวียไป 2 โดส อาม่าและลูกสาวที่อาการหนักที่สุด อาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คุยได้มากขึ้นไอน้อยลง และต้องขอบคุณเพื่อนๆ ที่ช่วยหายาฟาวิพิราเวียร์ มาให้อีก 3 ชุด และส่ง pulse oximeter มาให้ วัดออกซิเจน อาม่าและลูกสาว ได้ประมาณ 94 ส่วนคนอื่นได้ 96 ยกเว้นเด็ก 2 ขวบ 2 คน วัดได้ 93 แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะนิ้วเด็กหรือเปล่าเลยวัดได้ต่ำกว่าความเป็นจริง แต่อาการเด็กก็เริ่มมีไข้สูงและเริ่มซึมแล้ว แนะนำให้ทานยาลดไข้พาราเซต และเช็ดตัวบ่อยๆ และวางแผนว่าถ้าวันที่ 24/7 อาการแย่ลง จะแบ่งยาฟาวิพิราเวียของลูกสาวคนที่ไม่มีอาการ มาให้เด็กทั้ง 2 คน แต่โชคดีที่ เมื่อวานนี้ไข้เริ่มลด และเด็กอาการดีขึ้น วันที่ 25/7 ทุกคนในครอบครัวอาการดีขึ้นแล้ว แต่จมูกยังไม่ได้กลิ่น วัดออกซิเจน ได้ 98 ทุกคน สรุป 1. ยาฟาวิพิราเวีย จำเป็นมากสำหรับการรักษาตัวเองที่บ้าน และต้องรีบให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้อาการหนัก 2. สำคัญที่สุดในการดูแลรักษาทางไกลคือ การให้กำลังใจ เพราะคนไข้จะวิตกกังวลมาก กลัวตาย กลัวไปทุกเรื่อง ผมโทรไปถามอาการและชวนพูดคุยบ่อยมาก ทุก 2-3 ชั่วโมง 3. ควรจะต้องมียาลดไข้ ยาแก้ไอ และฟ้าทะลายโจร ติดบ้านไว้ 4. ตอนนี้โควิดมันแพร่กระจายไปทั่วแล้ว แม้แต่อยู่แต่ในบ้านยังติดโควิดได้ ครอบครัวนี้อากงอาม่าและลูกสาว 2 คนอยู่แต่ในบ้าน มีแต่ลูกชายและลูกสะใภ้ที่ทำงานนอกบ้าน แต่อากงติดเชื้อเป็นคนแรกเลย ยังไม่รู้ว่าติดได้อย่างไร ยิ่งทำให้สงสัยว่าน่าจะติดจาก airborne 5. ให้ทานน้ำเยอะๆ ผมสั่งให้กินน้ำอย่างน้อยวันละ 3 ลิตร และทุกครั้งที่โทรไปจะกระตุ้นให้กินน้ำเยอะๆ เพื่อช่วยเรื่อง hydration 6. ผมให้คนไข้ทุกคน วัดไข้ จับชีพจร และนับการหายใจทุก 1 ชั่วโมง บันทึกไว้ วัตถุประสงค์เพื่อให้คนไข้ได้รู้จักสังเกตุอาการตนเอง ต่อมาเมื่อมี pulse oximeter ผมก็เปลี่ยนมาให้ทุกคนบันทึก ออกซิเจนและชีพจร ของตนเอง ทุก 1 ชั่วโมง เพื่อที่เราจะได้ให้คนไข้ได้รู้การเปลี่ยนแปลงของตนเอง และช่วยให้ผมที่เป็นหมอสามารถที่จะมาประเมินทบทวนอาการของคนไข้ย้อนหลังได้ 7. ในกรณีเลวร้ายสุดๆ คือยาฟาวิพิราเวียไม่ได้ผล และคนไข้เริ่มมีอาการปอดอักเสบชัดเจน ผมจะไม่พยายามไปหาออกซิเจนมาให้ เพราะรู้ว่าไม่ได้ผล มีแต่จะทำให้คนไข้ทรมานมากขึ้น เพราะคนไข้ที่ปอดอักเสบรุนแรง ต้องใส่ท่อช่วยหายใจและใช้เครื่องช่วยหายใจ หรืออย่างน้อยก็ต้องเป็น high flow oxygen แต่ผมจะทดลองให้การรักษา ด้วยวิธีการที่ยังไม่เคยมีใครทดลองมาก่อน แต่อาจจะได้ผลสามารถยื้อชีวิตผู้ป่วยได้ ซึ่งถ้าเพื่อนๆมีญาติหรือคนในครอบครัวที่เริ่มมีปอดอักเสบและไม่สามารถหาเตียงในไอซียูได้ หลังไมค์มาคุยกันนะครับ ยินดีแชร์ให้ฟังครับ แล้วเพื่อนๆให้คนไข้ตัดสินใจเองว่าจะทดลองรักษาตัวตามสูตรของผมหรือไม่ 8. ตอนนี้การติดเชื้อแพร่ระบาดเข้าไปในครัวเรือนแล้ว เมื่อพบผู้ติดเชื้อ 1 คน สมาชิกในครอบครัวจะติดเชื้อไปแล้วทุกคน ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุข ต้องยกเลิกกฎที่บังคับให้ต้องมีผลตรวจ RT PCR ทุกคนถึงจะรับลงทะเบียนเข้าระบบ ควรจะใช้แค่ผลการตรวจ rapid test และกระทรวงสาธารณสุข ต้องมีหน้าทีจัดหาชุดตรวจ ATK ส่งไปให้คนในครอบครัวผู้ป่วยทุกคน เพื่อที่จะรีบตรวจและคัดกรองผู้ติดเชื้อ ไม่ใช่ผลักภาระให้ผู้ป่วยทุกคน ไม่ว่าเด็กหรือคนแก่ต้องไปดิ้นรน หาที่จองคิวตรวจด้วยตัวเอง และก็เอาเชื้อไปแพร่ให้คนรอบข้าง แบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ 9. ครอบครัวนี้น่าจะเริ่มติดเชื้อวันที่ 12/7/64 จนกระทั่งวันนี้ (25/7/64) ก็ยังไม่สามารถที่จะเข้าถึงการตรวจด้วย RT PCR และไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนว่าเป็นผู้ติดเชื้อโควิด 10. ช่วยกันเรียกร้องกดดันให้กระทรวงสาธารณสุข ยกเลิกระเบียบคำสั่งที่การขึ้นทะเบียนเป็นผู้ติดเชื้อต้องมีผลการตรวจยืนยันด้วย RT PCR เท่านั้น ในสถานการณ์ปัจจุบันที่การระบาดอย่างหนัก ควรจะยืนยันด้วยผลการตรวจ ATK ก็น่าจะเพียงพอแล้ว และต้องเป็นหน้าที่ของสธ. สปสช. ที่ต้องจัดหาและจัดส่งชุดตรวจ ATK ไปให้ครอบครัวของผู้ติดเชื้อ เพื่อที่จะคัดกรองหาผู้ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ 11. ถ้าคิดว่าโพสนี้เป็นประโยชน์ สามารถแชร์ต่อไปได้ครับ นายแพทย์สุธี ทุวิรัตน์ 25 ก.ค. 2564โควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเรือดำน้ำไททั่นด่วน! พบ 2 เศษซากชิ้นส่วนของ "เรือดำน้ำไททัน" หลังสูญหายเหตุลงไปชมเรือประวัติศาสตร์ ล่าสุดพบอยู่ใกล้บริเวณซากเรือไททานิก... จากกรณีการค้นหาเรือดำน้ำนำเที่ยว “ไททัน” ของบริษัท โอเชียนเกต เอ็กซ์เพดิชันส์ ซึ่งนำกลุ่มมหาเศรษฐี 5 คน ดำดิ่งไปชมซากเรือไททานิก ในเขตทางเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก แล้วขาดการติดต่อกับศูนย์ปฏิบัติการ ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทางการจากทั้งสหรัฐและแคนาดา กำลังร่วมมือกันในการค้นหาเรือดำน้ำไททัน ที่ขาดการติดต่อไปตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในระหว่างดำลงสู่ก้นทะเลเพื่อชมซากเรือไททานิก ที่ความลึกราว 3,800 เมตร แม้จะเลยเวลาที่คาดว่าออกซิเจนภายในเรือดำน้ำได้หมดลงไปแล้วนั้น -ฝรั่งเศสส่งหุ่นยนต์สำรวจทะเลลึก ร่วมภารกิจค้นหาเรือดำน้ำ “ไททัน” -ไม่น่าเชื่อ ‘ภรรยาซีอีโอ’เรือดำน้ำไททัน สืบเชื้อสายจากผู้โดยสารไททานิก!... สามารถติดตามต่อได้ที่ :fastpong07• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยไขข้อสงสัย บะหมี่ดิบขยำผงปรุงรส กินแล้วพองในท้อง ถึงขั้นช็อกจริงหรือไม่ไขข้อสงสัย กินบะหมี่ดิบขยำผงปรุงรส ทำให้พองในท้องและเกิดภาวะช็อก จริงหรือไม่ ตรวจสอบพบเป็นข้อมูลเท็จ วอนอย่าแชร์ต่อ วันที่ 25 ธันวาคม 2565 มีรายงานว่า แฟนเพจ Anti-Fake News Center Thailand ระบุข้อความว่า ตามที่มีข้อมูลเตือนด้านสุขภาพเกี่ยวกับเรื่องกินบะหมี่ดิบที่ขยำใส่ผงปรุงรส ทำให้พองในท้องและเกิดภาวะช็อก ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากกรณีที่มีผู้บอกต่อว่ากินบะหมี่ดิบที่ขยำใส่ผงปรุงรส ทำให้พองในท้องและเกิดภาวะช็อก ทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยที่ผ่านมาทาง สสส. ได้ร่วมกับเครือข่ายลดบริโภคเค็ม ส่งเสริมประชาชนลดการกินเค็มที่มากเกิน และพบในปี 2563 โดยคนไทยมีอัตราการบริโภคโซเดียมเฉลี่ย 3,636 มก./วัน ซึ่งเกินมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำเกือบ 2 เท่า ทั้งจากเครื่องปรุงรส อาหารแปรรูปแช่แข็ง รวมถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาจส่งผลให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง กล้ามเนื้อหัวใจห้องซ้ายหนา เกิดการสะสมของพังผืดในกล้ามเนื้อหัวใจ ไต และหลอดเลือด อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งไม่มีการเผยแพร่ข้อมูลเรื่องการกินบะหมี่ดิบจะพองในท้องจนอาจเกิดภาวะช็อกได้ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://www.thaihealth.or.th หรือโทร 02-343-1500หนูเล็ก ผู้มากด้วยปัญญา• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยรัสเซีย ยูเครน : เทียบภาพต่อภาพ หักล้างข้อกล่าวหาการจัดฉากเหตุสังหารหมู่ในเมืองบูชาภาพถ่ายดาวเทียมในเมืองบูชา ทางเหนือของกรุงเคียฟ เผยให้เห็นศพกระจัดกระจายบนท้องถนน ก่อนหน้าที่ทหารรัสเซียจะถอนกำลังออกไปเกือบ 2 สัปดาห์ คำเตือน: บทความนี้มีภาพที่อาจสร้างความสะเทือนใจให้ผู้อ่านบางคน ภาพถ่ายดาวเทียมจากบริษัท Maxar ที่ถ่ายเมื่อ 19 มี.ค. ได้รับการเผยแพร่ครั้งแรกโดยหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ และได้รับการพิสูจน์ยืนยันโดยบีบีซี เผยให้เห็นหลักฐานที่ขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียที่ระบุว่า คลิปวิดีโอที่มีศพนอนเกลื่อนถนนในเมืองบูชาเป็นการ "จัดฉาก" ขึ้นหลังจากรัสเซียถอนกำลังทหารออกไปแล้ว รัสเซียระบุว่าได้ถอนทหารออกจากเมืองนี้ไปเมื่อ 30 มี.ค. แต่ภาพถ่ายดาวเทียมที่ถ่ายไว้เมื่อ 19 มี.ค. เผยให้เห็นสิ่งที่ดูเหมือนศพนอนอยู่ในตำแหน่งที่กองทัพยูเครนเข้าไปพบตอนที่พวกเขากลับเข้าควบคุมเมืองได้อีกครั้งstd48075• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยรัสเซีย ยูเครน : เทียบภาพต่อภาพ หักล้างข้อกล่าวหาการจัดฉากเหตุสังหารหมู่ในเมืองบูชาภาพถ่ายดาวเทียมในเมืองบูชา ทางเหนือของกรุงเคียฟ เผยให้เห็นศพกระจัดกระจายบนท้องถนน ก่อนหน้าที่ทหารรัสเซียจะถอนกำลังออกไปเกือบ 2 สัปดาห์ คำเตือน: บทความนี้มีภาพที่อาจสร้างความสะเทือนใจให้ผู้อ่านบางคน ภาพถ่ายดาวเทียมจากบริษัท Maxar ที่ถ่ายเมื่อ 19 มี.ค. ได้รับการเผยแพร่ครั้งแรกโดยหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ และได้รับการพิสูจน์ยืนยันโดยบีบีซี เผยให้เห็นหลักฐานที่ขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียที่ระบุว่า คลิปวิดีโอที่มีศพนอนเกลื่อนถนนในเมืองบูชาเป็นการ "จัดฉาก" ขึ้นหลังจากรัสเซียถอนกำลังทหารออกไปแล้ว รัสเซียระบุว่าได้ถอนทหารออกจากเมืองนี้ไปเมื่อ 30 มี.ค. แต่ภาพถ่ายดาวเทียมที่ถ่ายไว้เมื่อ 19 มี.ค. เผยให้เห็นสิ่งที่ดูเหมือนศพนอนอยู่ในตำแหน่งที่กองทัพยูเครนเข้าไปพบตอนที่พวกเขากลับเข้าควบคุมเมืองได้อีกครั้ง ภาพถ่ายของถนนอีกช่วงหนึ่งก็ดูเหมือนจะมีศพอยู่บนถนนอีกstd47980• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัย(#)จากนี้ไปใครที่มีอุบัติเหตุรถชนใน กทม แล้วต้องการภาพจากกล้องวงจรปิด ขอคลิปออนไลน์ได้ละนะครับ โดยประชาชนที่จะขอไฟล์ภาพต้องแจ้งความ ณ สถานีตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุก่อน จากนั้นสามารถแจ้งความประสงค์ขอไฟล์ภาพจากกล้อง CCTV ได้ 2 ช่องทาง คือ เว็บไซต์ cctv.bangkok.go.th และไลน์ @CCTVBANGKOK โดยใช้เอกสารและข้อมูลประกอบการขอรับไฟล์ภาพ ได้แก่ . 1. บันทึกประจำวันจากสถานีตำรวจ . 2. สำเนาบัตรประชาชน . 3. หมายเลขกล้องวงจรปิด . 4. วันและเวลาของไฟล์ภาพที่ต้องการขอ . เมื่อศูนย์ CCTV ได้รับเรื่องแล้ว เจ้าหน้าที่จะแจ้งผลการดำเนินการผ่านไลน์ @CCTVBANGKOK และทางอีเมลที่แจ้งไว้ หรือติดตามสถานะการขอไฟล์ภาพผ่านทางเว็บไซด์ cctv.bangkok.go.th โดยสามารถดาวน์โหลดไฟล์ภาพผ่านทางเว็บไซต์ cctv.bangkok.go.th ในระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน หากเกิน 7 วัน จะต้องทำเรื่องขอภาพใหม่ ====================== UPDATE: กทม. เปิด 2 ช่องทางให้ประชาชนขอภาพ CCTV ออนไลน์ได้ใน 24 ชั่วโมงแล้ว . วันนี้ (18 กรกฎาคม) วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ขณะนี้กรุงเทพมหานครได้เปิดให้มีการขอภาพจากกล้องวงจรปิด (CCTV) ของกรุงเทพมหานครทางออนไลน์ได้ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่ไม่สะดวกเดินทางมาขอภาพด้วยตนเอง . โดยประชาชนที่จะขอไฟล์ภาพต้องแจ้งความ ณ สถานีตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุก่อน จากนั้นสามารถแจ้งความประสงค์ขอไฟล์ภาพจากกล้อง CCTV ได้ 2 ช่องทาง คือ เว็บไซต์ cctv.bangkok.go.th และไลน์ @CCTVBANGKOK โดยใช้เอกสารและข้อมูลประกอบการขอรับไฟล์ภาพ ได้แก่ . 1. บันทึกประจำวันจากสถานีตำรวจ . 2. สำเนาบัตรประชาชน . 3. หมายเลขกล้องวงจรปิด . 4. วันและเวลาของไฟล์ภาพที่ต้องการขอ . เมื่อศูนย์ CCTV ได้รับเรื่องแล้ว เจ้าหน้าที่จะแจ้งผลการดำเนินการผ่านไลน์ @CCTVBANGKOK และทางอีเมลที่แจ้งไว้ หรือติดตามสถานะการขอไฟล์ภาพผ่านทางเว็บไซด์ cctv.bangkok.go.th โดยสามารถดาวน์โหลดไฟล์ภาพผ่านทางเว็บไซต์ cctv.bangkok.go.th ในระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน หากเกิน 7 วัน จะต้องทำเรื่องขอภาพใหม่ . ทั้งนี้ ในการขอรับไฟล์ภาพจะสามารถรับไฟล์ภาพได้ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งสามารถขอข้อมูลไฟล์ภาพได้ไม่เกินครั้งละ 6 กล้อง และไฟล์ภาพต้องมีระยะเวลารวมไม่เกิน 3 ชั่วโมง กรณีการขอไฟล์ภาพที่มีระยะเวลารวมเกิน 3 ชั่วโมง หรือต้องการไฟล์ภาพต้นฉบับให้ติดต่อรับได้ที่ศูนย์ CCTV ทั้ง 13 แห่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาเวอร์ชันใหม่เพิ่มเติมเพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการขอไฟล์ภาพจากกล้อง CCTV ได้สะดวกและง่ายขึ้น . #TheStandardNewsไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยลำปางพบบุคลากรทางการแพทย์ มีอาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน กว่า 40 คน🔴 ลำปาง วุ่น! พบ บุคลากรทางการแพทย์ มีอาการข้างเคียง หลังฉีด “วัคซีนโควิด” จากซิโนแวค แล้วกว่า 40 ราย พบ 2 ราย ต้องแอดมิต ล่าสุดอาการดีขึ้น . ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (21 เม.ย.64) บุคลากรทางการแพทย์ ที่ รพ.ลำปาง เกิดอาการลิ้น ใบหน้า ปาก มือ มีอาการชา บางรายคลื่นไส้ อาเจียน โดยหนึ่งในเจ้าหน้าที่ ได้เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก ว่า คนที่ฉีดยาวัคซีนไป แล้วเกือบ 40 คน เข้าห้องฉุกเฉิน และยังมีภาพเครื่องวัดความดันโชว์ เลข ความดันพุ่งสูงถึง 182 อีกด้วย . โดยพบว่าต้องเข้ารับการแอดมิต ถึง 2 ราย เนื่องจากมีอาการแน่นหน้าอก เวียนศีรษะ ตาลาย อาเจียน ชาหน้า พูดไม่ชัด แขนขาอ่อนแรง แพทย์จึงต้องเร่งทำการช่วยเหลือโดยใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมง จนกระทั่งเวลา 14.00 น. ทั้ง 2 คน จึงมีอาการดีขึ้น ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวได้มีการรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับผู้บังัคบบัญชาทราบตามลำดับและได้กำชับ ให้เฝ้าระวังผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนล็อตนี้ อย่างใกล้ชิดทุกราย . จากการตรวจสอบวัคซีนที่ฉีดพบว่า วัคซีนที่ฉีดคือวัคซีนจาก “ซิโนแวค” ล็อต No. J202103002, serial 81901420027937950764/10 ซึ่งเป็นล็อตถัดจากที่เกิดผลข้างเคียงกับบุคลากรทางแพทย์ที่ จ.ระยอง จำนวน 6 ราย ซึ่งมีอาการในลักษณะเดียวกัน เบื้องต้นผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อไปยัง สสจ.ลำปาง แล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้แต่อย่างใด . สำหรับจังหวัดลำปางได้รับวัคซีนซิโนแวค จำนวน 1,800 โดส ฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และ สาธารณสุข จํานวน 400 คน และอาสาสมัครสาธารณสุข ประจําหมู่บ้าน จํานวน 500 คน เริ่มฉีดเข็มแรก ไปเมื่อวันที่ 3 เมษายน และ เมื่อวานนี้เป็นการฉีดเข็มที่ 2 และพบอาการข้างเคียงโควิด 2019Mrs.Doubt• 4 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสวดยับ! เด็กป่วยเข้า รพ. พ่อแม่แย่งที่นอน ลูกนั่งหมดแรงข้างเตียง เวทนาเข็มเจาะคามือเคยมีคำเปรียบ “พ่อแม่” อยู่ 2 ประเภท ในขณะที่ยางครอบครัวใส่ใจและเป็นห่วงในลูกทุกรายละเอียด ส่วนบางครอยครัวปล่อยให้ลูกมีอิสระในการใช้ชีวิต ซึ่งทั้ง 2 ประเภท ล้วนแล้วแต่มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปแล้วแต่มุมมองและสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเกิดกรณีของผู้ปกครองที่ทำให้ทุกเสียงวิจารณ์ตรงกันว่า พ่อแม่แบบนี้แย่มาก!มีมstd48375• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยตำรวจสยบข่าวมั่ว แชร์สนั่นเย็นวันศุกร์ "ปิดถนนสุขุมวิท" ย้ำเป็นเฟคนิวส์ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลตำรวจโทปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีที่มีข้อความแชร์ส่งต่อกันในกลุ่มแชทและโซเชียลมีเดีย โดยอ้างว่าในวันศุกร์นี้ (13 ธ.ค.) จะมีการปิดถนนสุขุมวิท ฝั่งขาเข้า 2 ช่องทาง เวลา 16.00-18.00 น. ตั้งแต่บริเวณโรงเรียนนายเรือสมุทรปราการ ไปถึงทางด่วนบางนา-ดินแดง และปิดการจราจรบนทางด่วนบางนา-ดินแดง 2 ช่องทาง ข้อความดังกล่าวถูกแชร์ออกไปเป็นวงกว้างstd48388• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัย# ด่วน...เขตสายไหม แตกแล้ว น่ากลัวมาก...!!!! 1. หมู่บ้านสายไหมริมชล ซ.สายไหม 85 2. หมู่บ้านลีลาวดี ถ.วัดเกาะ ติดเชื้อทั้งหมู่บ้าน 3. หมู่บ้านรุ่งเรืองเฮ้าส์ แยก 10, 12 ซ.พหลโยธิน 54 4. หมู่บ้านอัมรินทร์ 3 ผัง 4 5. ห้องเช่า ถ.วัชรพล ซ.3 6. หมู่บ้านสราญสิริ ถ.สายไหม 7. หมู่บ้านเอื้ออาทร ถ.สายไหม ซ.33/1 8. หมู่บ้านมนชญา 2 ถ.สายไหม ซ.49 # ไม่จำเป็น คนที่อยู่บริเวณเขตสายไหม พยายามอย่าออกจากบ้าน อันตรายมาก และบุคคลที่ไม่มีความจำเป็น อย่าเข้าไปในเขตสายไหมครับ เพราะไม่รู้ว่าผู้ติดเชื้อเดินทางไปไหนมาบ้างในบริเวณอื่น ในเขตสายไหม...ด้วยความหวังดี..โควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว2 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยจริงหรือ รัฐบาลอนุมัติเงินเยียวยาให้กลุ่ม ที่ไม่มีสิทธิ์ได้รับการเยียวยาจากมาตรการอื่นๆ ทั้งเราไม่ทิ้งกัน เยียวยาเกษตรกร เรียกว่า"เยียวยากลุ่มเปราะบาง" คนละ 3000 บาทรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบในหลักการตามคณะกรรมการกลั่นกรองฯและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)เสนอ ให้จ่ายเงิน "เยียวยากลุ่มเปราะบาง" จำนวน 13 ล้านคน ใน 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.เด็กแรกเกิดถึง 6 ปีที่มีฐานะยากจน จำนวน 1.4 ล้านคน 2 ผู้สูงอายุ จำนวน 9.66 ล้านคน และ 3.ผู้พิการ จำนวน 2 ล้านคน ทั้งหมดรวม 13 ล้านคนโควิด 2019naydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสบู่เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 19 ก.ค. 2562 ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) พ.ต.อ.ไพฑูรย์ พลูสวัสดิ์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.ปคบ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ ผกก.กก.4 บก.ปคบ. เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. และเจ้าหน้าที่อย. ร่วมกันแถลงผลตรวจยึดผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง 2 ชนิด ได้แก่ แผ่นแปะสะดือเผาผลาญไขมัน อ้างว่าสามารถช่วยปรับสมดุลการเผาผลาญไขมัน และสบู่นมเด้ง (สบู่นมตึงจนผัวทัก) เพิ่มเนื้อนมให้ดูอวบอิ่ม ผิวขาวกระจ่างใส ยึดของกลางร่วมหลักหมื่นชิ้น มูลค่ากว่า 1.2 ล้านบาทstd48002• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย*** สมุนไพร 3 แม่ทัพต้านไวรัสโควิด-19 *** . เมื่อสาย ๆของวันนี้ ดิฉันได้คุยกับพี่ชายที่รัก คนทำงานด้วยกันที่มูลนิธิข้าวขวัญ . ประโยคแรกที่พี่ชายพูดกับดิฉันก็คือ "เอียด พี่กับเพื่อนพี่ คนไทยในอเมริกา ต้องขอบคุณเอียดมากนะ สูตรน้ำสมุนไพร 3 แม่ทัพ ที่เอียดบอกมา ช่วยคนไทยในอเมริกาได้มาก เพื่อนพี่อยู่ที่เท็กซัส กับแคลิฟอร์เนีย ศูนย์กลางการระบาดหนักของไวรัสโควิด-19 เขากินน้ำสมุนไพร 3 แม่ทัพแล้วได้ผลดีมาก เพื่อนที่ป่วยติดไวรัสโควิด-19 ไปโรงพยาบาล หมอให้กลับมาอยู่บ้าน เขาป่วยหนัก ก่อนนี้พี่ส่งขมิ้นชันผง หอมแดง กระเทียมไปให้เขาทาง DHL เขาเอาต้มน้ำสมุนไพร 3 แม่ทัพกิน 4-5 วันเขาดีขึ้น ชุ่มคอ หายใจสะดวก เขาดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่กี่วันก็หายป่วย ตอนนี้หายสนิทแล้ว ส่วนอีกคน พี่ส่งขมิ้นชัน หอมแดง กระเทียม จากเมืองไทยไปให้เขาทาง DHL เพื่อนใช้กินป้องกัน ใช้กันทั้งครอบครัว แล้วเขาก็ใช้แมสก์ด้วยนะ เพื่อนๆคนไทยเราแข็งแรงดี เมื่อเช้าคุยวิดีโอคอลกัน เสียดายไม่ได้อัดเทปไว้ แต่ตอนนี้สูตรน้ำมัน 3 แม่ทัพที่เอียดให้มา กลุ่มเพื่อนคนไทยในเท็กซัส แคลิฟอร์เนีย ใช้กันมาก แล้วได้ผลดีจริงๆ หายป่วยจากไวรัสโควิด ได้จริงๆ ตอนแรกพี่ก็ไม่ค่อยเชื่อหรอก พวกเรื่องต่างๆที่เทพบอกมา แต่ตอนนี้พี่เชื่อแล้ว เพราะเพื่อนๆใช้ได้จริง หายป่วยได้จริง ขอบคุณเอียดมากๆเลยนะ” . ดิฉันฟังพี่ชายพูดแล้วน้ำตาจะไหล ดิฉันมั่นใจ สูตรชาสมุนไพร 3 แม่ทัพ ต้องใช้ได้ผลแน่ เทพบอกมาเอง ถามท่านปุ๊บ ก็มีเสียงบอกมาเลย และดิฉันก็มอบสูตรนี้ให้ทีมพี่เดชา ไปเผยแพร่ต่อ บัดนี้ชาสมุนไพร 3 แม่ทัพสามารถช่วยชีวิตคนไทยที่เผชิญโรคระบาดไวรัสโควิดในเท็กซัสและแคลิฟอร์เนียได้จริงๆ ข่าวที่รับทราบมาเมื่อเช้านี้ ทำให้ดิฉันไปค้นข้อมูลเก่าเรื่องชาสมุนไพร 3 แม่ทัพ ที่เคยเผยแพร่ไว้เมื่อปลายเดือน มีนาคม 2563 ในช่วงไวรัสโควิด19 ระบาดหนักครั้งก่อน เพื่อมาฝากเพื่อนๆและพี่น้องคนไทย ไว้ใช้ป้องกันตัวเอง รักษาอาการป่วยไข้ โดยมีเนื้อหารายละเอียดของสูตรยาสมุนไพร 3 แม่ทัพ ดังนี้ . . “ในขณะที่ครุ่นคิดพิจารณาหนทางที่จะช่วยให้สถานการณ์การแพร่ระบาดให้ลดลง อาจารย์เดชา ศิริภัทร ได้รับข้อมูลว่าให้นำสมุนไพรทั้ง 3 ชนิด คือ ขมิ้นชัน หอมแดง กระเทียม มาปรุงเป็นยา เพื่อช่วยป้องกันโรคโควิด-19 ที่มาจากเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ จากการค้นคว้าสรรพคุณของสมุนไพรทั้ง 3 ชนิดพบว่า มีความเป็นไปได้สูงในการใช้บำรุงสุขภาพเพื่อต้านไวรัส จึงทดลองปรุงสมุนไพรตามสูตร แล้วรับประทานเองก่อนแจกจ่ายให้คนใกล้ชิดได้ทดลอง โดยหวังว่าจะเป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้ต่อสู้กับเชื้อไวรัสนี้ สำหรับสรรพคุณของสมุนไพรทั้ง 3 ชนิดนี้คือ ขมิ้นชัน เสมอด้วยแม่ทัพใหญ่ มีฤทธิ์ช่วยสร้างลิมโฟไซท์ ซึ่งเป็นเม็ดโลหิตขาวสำคัญในระบบน้ำเหลืองที่ต้านเชื้อไวรัส และช่วยบำรุงปอดให้แข็งแรง ช่วยรักษาอาการอักเสบของปอดไม่อันตรายต่อตับ เนื่องจากขมิ้นชันเป็นเครื่องเทศที่ถูกใช้เป็นอาหารของคนเอเชียมาหลายพันปี มีสารเคอร์คูมินมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ ฤทธิ์ดังกล่าวมีความเป็นไปได้ในการป้องกันการถูกทำลายจากปอดจากกระบวนการอักเสบที่เกิดจากหลอดลม เนื้อปอดและหลอดเลือดปอด นอกจากนี้มีข้อมูลการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคแกงที่มีขมันชันเป็นส่วนประกอบกับการทำงานของปอดในประชากรผู้สูงวัยชาวจีนจำนวน 2,478 คนอายุ 55 ปีขึ้นไป ผลการศึกษาพบว่า การบริโภคแกงที่มีขมิ้นชัน อย่างน้อยเดือนละครั้ง ทำให้สมรรถภาพปอดดีขี้น กระเทียม เสมอขุนพลหลักด้านขวา น้ำมันหอมระเหยในกระเทียมมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อช่วยขยายทางเดินหายใจ และเพิ่มภูมิต้านทาน ส่วนหอมแดง เสมอขุนพลหลักด้านซ้าย ในการแก้อักเสบ รักษาหวัด และระบบทางเดินหายใจ เมื่อนำสมุนไพรทั้ง 3 ชนิดนี้มารวมกัน จะช่วยหนุนเสริมพลังของแต่ละตัวให้แข็งแรงขึ้นมาก โดยมีสูตรการปรุง 2 สูตรคือ สูตรที่ 1 น้ำมัน 3 แม่ทัพต้านไวรัส 1.ขมิ้นชัน 2 ขีด 2.หอมแดง 2 ขีด 3.กระเทียม 2 ขีด 4.น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น 1 ลิตร วิธีทำ 1.หั่นวัตถุดิบเป็นชิ้นบางๆ 2.ทอดในน้ำมันมะพร้าวที่เตรียมไว้ในอุณหภูมิประมาณ120 องศาเซลเซียส จนน้ำในวัตถุดิบแห้ง 3.กรองด้วยผ้าขาวบาง 4.บรรจุแคปซูล ๆละ 15 หยด วิธีใช้ กินมื้อเช้า 2 แคปซูลและ มื้อเย็น 2 แคปซูล สูตรที่ 2 'ชาสมุนไพร' 3 แม่ทัพต้านไวรัส 1.ขมิ้นชัน ครึ่งขีด 2.หอมแดง ครึ่งขีด 3.กระเทียม ครึ่งขีด 4.น้ำ 1.5 ลิตร วิธิทำ 1. ต้มน้ำให้เดือด 2. ทุบวัตถุดิบสมุนไพรทั้ง 3 ชนิดพอแตก ลงไปในหม้อ 3. หรี่ไฟให้อ่อนๆต้มไว้นานประมาณ 30 นาที วิธีใช้ กินวันละประมาณ 2 แก้วขณะน้ำยังร้อนๆ หรืออุ่นมาก จิบได้เรื่อยๆ หรือจะดื่มทีเดียวหมดก็ได้ (ถ้าดื่มมากกว่า 2 แก้วจะปัสสาวะมาก) รสชา 3 แม่ทัพจะหอมนุ่มนวล ถ้าไม่คุ้นลิ้น เติมน้ำผึ้งลงไป จะดื่มได้สดชื่นมาก ดื่มชาสมุนไพร 3 แม่ทัพ แล้ว เพียงไม่กี่นาที จะรู้สึกโล่งจมูก หายใจได้ลึกสุด และสบายท้อง ดีกับระบบลมในร่างกาย . "ดื่มชาและกินน้ำมัน 3 แม่ทัพสมุนไพรต้านไวรัสนี้แล้ว ขอให้อุทิศกุศลและภาวนาเมตตาธรรมให้กับไวรัสโควิด 19 และเจ้ากรรมนายเวรของคุณด้วยนะ"ยาสมุนไพรโควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยเรื่องโม้ๆ เกี่ยวกับการแพทย์และวิทยาศาสตร์ว่าด้วยกัญชากัญชาเป็นหนึ่งในพืชที่เป็นประเด็นโต้เถียงกันมายาวนาน จึงไม่น่าแปลกใจที่มันจะเป็นต้นเหตุของเรื่องหลอกลวง ตำนานเล่าขานที่ปั่นกันขึ้นมา และข่าวปลอมมากมาย ทั้งหมดล้วนแต่ส่งผลกระทบในด้านใดด้านหนึ่งต่อการรับรู้ของสาธารณชนต่อการใช้กัญชาและสถานะของมัน ต่อไปนี้คือ "เรื่องโม้ๆ" ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และการแพทย์ของกัญชา ที่แพร่หลายในต่างประเทศ (และอาจกระทบต่อทัศนะของคนไทยเราด้วย) 1. เรื่องโกหกเกี่ยวกับบริษัทมอนซานโตตัดแต่งพันธุกรรมกัญชา มีเรื่องหลอกลวงแพร่ทางอินเทอร์เน็ตในปี 2015 โดยอ้างว่าบริษัท Monsanto กำลังสร้างกัญชาดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อจัดหากัญชามากพอป้อนให้กับอุตสาหกรรมกัญชา (1) เรื่องหลอกลวงนี้สร้างขึ้นโดยเว็บไซต์ข่าวปลอมเสียดสี World News Daily Report เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2015 ซึ่ง Monsanto ตอบโต้ด้วยการ "การปฏิเสธแบบหัวชนฝา" ผ่านเว็บ "Myths About Monsanto" ที่คอยแก้ข่าวปลอมและเรื่องโกหกเกี่ยวกับบริษัท ซึ่งมักจะถูกโจมตีว่าทำการตัดแต่งพันธุกรรมเพื่อสนองตอบอุตสาหกรรมเกษตร แม้ว่ามันจะเป็นข่าวปลอม แต่สร้างความตื่นตูมให้กับวงการกัญชาอย่างมาก เช่น เว็บไซต์เกี่ยวกับกัญชา High Times รายงานว่า "นักวิทยาศาสตร์กำลังทำงานเพื่อสร้างแผนที่โครงสร้าง DNA ที่สมบูรณ์ของต้นกัญชา เพื่อป้องกันบริษัทเมล็ดพันธุ์ทางการเกษตรรายใหญ่ เช่น Monsanto จากการได้รับสิทธิบัตรเฉพาะสำหรับสายพันธุ์เฉพาะ" (2) สะท้อนว่า แม้จะเป็นข่าวปลอม แต่ "ชื่อเสียง" ของบริษัท Monsanto ทำให้เกิดความกังวลว่ากัญชาอาจถูกรวบหัวรวบหางโดยอุตสาหกรรมเกษตร เพื่อผูกขาดสายพันธุ์และผูกขาดการผลิต เพราะมันกำลังเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างเงินมหาศาล 2. เรื่องหลอกลวงเกี่ยวกับการทดลองกัญชาของนาซา การทดลองกัญชาของนาซาเป็นเรื่องหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตในปี 2559-2561 โดยอ้างถึงบันทึกการจ่ายเงิน 18,000 ดอลลาร์ของนาซาแก่อาสาสมัครเพื่อทำการทดลองนอนบนเตียงและให้กัญชาสูบระหว่างการทดลองเป็นเวลา 3 เดือน (หรือ 70 วัน) โดยได้เงิน 18,000 ดอลลาร์ (3) แต่นาซายืนยันว่าได้ทำการทดลองการนอนบนเตียงจริง แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกัญชา แต่เรื่องหลอกลวงนี้อาจมีที่มามาจากข่าวจริงในปี 2557 โดยคอลัมนิสต์ของสำนักข่าว VICE ชื่อ แอนดรูว์ อิวานิชกิ (Andrew Iwanicki) ซึ่งเขาได้บันทึกประสบการณ์ของเขาในฐานะผู้เข้าร่วมการทดลองการนอนของนาซา เรื่องปลอมนี้ดูเหมือนจะไม่มีพิษภัยอะไร และสื่อที่แก้ข่าสค่อนข้างจะให้น้ำหนักกับมันในฐานเรื่องตลกขบขันหรือข่าวสัพเพเหระเสียมากกว่า 3. ดาวเคราะห์แห่งกัญชา Planet X637Z-43 อีกครั้งที่นาซาเข้ามาเกี่ยวข้องกับข่าวปลอมเรื่องกัญชา คราวนี้ยิ่งหลุดโลกกันไปใหญ่ Planet X637Z-43 เป็นการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตในปี 2558 โดยอ้างว่าเป็นเอกสารการค้นพบโดยนาซาเกี่ยวกับดาวเคราะห์ที่ปกคลุมไปด้วยกัญชา สันนิษฐานว่าเป็นหนึ่งในดาวเคราะห์ 715 ดวงที่ค้นพบโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์ในปี 2557 เรื่องราวเกิดขึ้นจากเว็บไซต์ข่าวปลอม NewsWatch28 เนื้อหาของข่าวปลอมอ้างว่ามีการค้นพบโดยนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยฮาวาย ที่พบอุกกาบาตที่มีร่องรอยของ THC หรือ Tetrahydrocannabinol (สารสำคัญในกัญชา) ถูกพบในทะเลทรายเนวาดาในปี 2553 เว็บไซต์ notallowedto.com รายงานเป็นตุป็นตะว่า “การค้นพบ THC บนเศษอุกกาบาตจะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อวิทยาศาสตร์ดาราศาสตร์ หากสารเคมีที่เปลี่ยนการทำงานของสมองและส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการรับรู้ อารมณ์ หรือจิตสำนึกของมนุษย์ มีที่มาจากอวกาศแล้วจะมีบทบาทอย่างไร มีผลกระทบทางดาราศาสตร์ต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือไม่ หรือกับชีวิตบนโลกโดยรวม การค้นพบนี้ทำให้เรามีคำถามมากกว่าคำตอบ" (4) แน่นอนว่า คำตอบที่ชัดเจนที่สุดคือมันไม่ต้องตอบ เพราะมันคือเรื่องโม้ขึ้นมา 4. กรณี Marlboro M เรื่องนี้เกิดจากบทความที่อ้างว่า Philip Morris USA เจ้าของบริษัทยาสูบ Marlboro กำลังเปิดตัวบุหรี่กัญชาแนวใหม่ที่เรียกว่า Marlboro M ในรัฐโคโลราโดและรัฐวอชิงตัน แม้ว่าบทความนี้จะเป็นเรื่องปลอม แต่บทความนี้มีพื้นฐานข้อเท็จจริงบางประการ เนื่องจากบริษัทยาสูบนี้ได้แสดงความสนใจในกัญชามาตั้งแต่ปี 1970 (5) ในขณะที่บทความได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นบทความปลอม แต่คำกล่าวอ้างของบทความได้รับความเชื่ออย่างกว้างขวางเนื่องจาก มันเป็นความจริงที่บริษัทยาสูบต่างๆ ซึ่งรวมถึง Philip Morris สนใจกัญชาในฐานะผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดและอาจลงทุนในอุตสาหกรรมกัญชา ความสนใจนี้มีมานานก่อนที่กฎหมายระบุให้กัญชาเป็นสิ่งเสพติดในหสรัฐอเมริกา (และที่อื่นๆ ที่ได้รับอิทธิพลจากกฎหมายสิ่งเสพติดของอเมริกัน) จะมีผลบังคับใช้อย่างรวดเร็ว หลังการทำให้กัญชาไม่เป็นอาชญากรรม/ถูกฎหมายแล้ว มีรายงานว่า บริษัทยาสูบบางแห่งได้เริ่มลงทุนในการวิจัยกัญชาทางการแพทย์ รวมถึงการเข้าร่วมกับบริษัทการลงทุนเมล็ดพันธุ์กัญชา แม้ว่าบริษัทเหล่านี้จะไม่ได้ไปไกลถึงขั้นแนะนำบุหรี่กัญชาเข้าสู่ตลาดก็ตาม (6)ยาสมุนไพรstd48466• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยเรื่องโม้ๆ เกี่ยวกับการแพทย์และวิทยาศาสตร์ว่าด้วยกัญชากัญชาเป็นหนึ่งในพืชที่เป็นประเด็นโต้เถียงกันมายาวนาน จึงไม่น่าแปลกใจที่มันจะเป็นต้นเหตุของเรื่องหลอกลวง ตำนานเล่าขานที่ปั่นกันขึ้นมา และข่าวปลอมมากมาย ทั้งหมดล้วนแต่ส่งผลกระทบในด้านใดด้านหนึ่งต่อการรับรู้ของสาธารณชนต่อการใช้กัญชาและสถานะของมัน ต่อไปนี้คือ "เรื่องโม้ๆ" ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และการแพทย์ของกัญชา ที่แพร่หลายในต่างประเทศ (และอาจกระทบต่อทัศนะของคนไทยเราด้วย) 1. เรื่องโกหกเกี่ยวกับบริษัทมอนซานโตตัดแต่งพันธุกรรมกัญชา มีเรื่องหลอกลวงแพร่ทางอินเทอร์เน็ตในปี 2015 โดยอ้างว่าบริษัท Monsanto กำลังสร้างกัญชาดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อจัดหากัญชามากพอป้อนให้กับอุตสาหกรรมกัญชา (1) เรื่องหลอกลวงนี้สร้างขึ้นโดยเว็บไซต์ข่าวปลอมเสียดสี World News Daily Report เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2015 ซึ่ง Monsanto ตอบโต้ด้วยการ "การปฏิเสธแบบหัวชนฝา" ผ่านเว็บ "Myths About Monsanto" ที่คอยแก้ข่าวปลอมและเรื่องโกหกเกี่ยวกับบริษัท ซึ่งมักจะถูกโจมตีว่าทำการตัดแต่งพันธุกรรมเพื่อสนองตอบอุตสาหกรรมเกษตร แม้ว่ามันจะเป็นข่าวปลอม แต่สร้างความตื่นตูมให้กับวงการกัญชาอย่างมาก เช่น เว็บไซต์เกี่ยวกับกัญชา High Times รายงานว่า "นักวิทยาศาสตร์กำลังทำงานเพื่อสร้างแผนที่โครงสร้าง DNA ที่สมบูรณ์ของต้นกัญชา เพื่อป้องกันบริษัทเมล็ดพันธุ์ทางการเกษตรรายใหญ่ เช่น Monsanto จากการได้รับสิทธิบัตรเฉพาะสำหรับสายพันธุ์เฉพาะ" (2) สะท้อนว่า แม้จะเป็นข่าวปลอม แต่ "ชื่อเสียง" ของบริษัท Monsanto ทำให้เกิดความกังวลว่ากัญชาอาจถูกรวบหัวรวบหางโดยอุตสาหกรรมเกษตร เพื่อผูกขาดสายพันธุ์และผูกขาดการผลิต เพราะมันกำลังเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างเงินมหาศาล 2. เรื่องหลอกลวงเกี่ยวกับการทดลองกัญชาของนาซา การทดลองกัญชาของนาซาเป็นเรื่องหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตในปี 2559-2561 โดยอ้างถึงบันทึกการจ่ายเงิน 18,000 ดอลลาร์ของนาซาแก่อาสาสมัครเพื่อทำการทดลองนอนบนเตียงและให้กัญชาสูบระหว่างการทดลองเป็นเวลา 3 เดือน (หรือ 70 วัน) โดยได้เงิน 18,000 ดอลลาร์ (3) แต่นาซายืนยันว่าได้ทำการทดลองการนอนบนเตียงจริง แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกัญชา แต่เรื่องหลอกลวงนี้อาจมีที่มามาจากข่าวจริงในปี 2557 โดยคอลัมนิสต์ของสำนักข่าว VICE ชื่อ แอนดรูว์ อิวานิชกิ (Andrew Iwanicki) ซึ่งเขาได้บันทึกประสบการณ์ของเขาในฐานะผู้เข้าร่วมการทดลองการนอนของนาซา เรื่องปลอมนี้ดูเหมือนจะไม่มีพิษภัยอะไร และสื่อที่แก้ข่าสค่อนข้างจะให้น้ำหนักกับมันในฐานเรื่องตลกขบขันหรือข่าวสัพเพเหระเสียมากกว่า 3. ดาวเคราะห์แห่งกัญชา Planet X637Z-43 อีกครั้งที่นาซาเข้ามาเกี่ยวข้องกับข่าวปลอมเรื่องกัญชา คราวนี้ยิ่งหลุดโลกกันไปใหญ่ Planet X637Z-43 เป็นการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตในปี 2558 โดยอ้างว่าเป็นเอกสารการค้นพบโดยนาซาเกี่ยวกับดาวเคราะห์ที่ปกคลุมไปด้วยกัญชา สันนิษฐานว่าเป็นหนึ่งในดาวเคราะห์ 715 ดวงที่ค้นพบโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์ในปี 2557 เรื่องราวเกิดขึ้นจากเว็บไซต์ข่าวปลอม NewsWatch28 เนื้อหาของข่าวปลอมอ้างว่ามีการค้นพบโดยนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยฮาวาย ที่พบอุกกาบาตที่มีร่องรอยของ THC หรือ Tetrahydrocannabinol (สารสำคัญในกัญชา) ถูกพบในทะเลทรายเนวาดาในปี 2553 เว็บไซต์ notallowedto.com รายงานเป็นตุป็นตะว่า “การค้นพบ THC บนเศษอุกกาบาตจะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อวิทยาศาสตร์ดาราศาสตร์ หากสารเคมีที่เปลี่ยนการทำงานของสมองและส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการรับรู้ อารมณ์ หรือจิตสำนึกของมนุษย์ มีที่มาจากอวกาศแล้วจะมีบทบาทอย่างไร มีผลกระทบทางดาราศาสตร์ต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือไม่ หรือกับชีวิตบนโลกโดยรวม การค้นพบนี้ทำให้เรามีคำถามมากกว่าคำตอบ" (4) แน่นอนว่า คำตอบที่ชัดเจนที่สุดคือมันไม่ต้องตอบ เพราะมันคือเรื่องโม้ขึ้นมา 4. กรณี Marlboro M เรื่องนี้เกิดจากบทความที่อ้างว่า Philip Morris USA เจ้าของบริษัทยาสูบ Marlboro กำลังเปิดตัวบุหรี่กัญชาแนวใหม่ที่เรียกว่า Marlboro M ในรัฐโคโลราโดและรัฐวอชิงตัน แม้ว่าบทความนี้จะเป็นเรื่องปลอม แต่บทความนี้มีพื้นฐานข้อเท็จจริงบางประการ เนื่องจากบริษัทยาสูบนี้ได้แสดงความสนใจในกัญชามาตั้งแต่ปี 1970 (5) ในขณะที่บทความได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นบทความปลอม แต่คำกล่าวอ้างของบทความได้รับความเชื่ออย่างกว้างขวางเนื่องจาก มันเป็นความจริงที่บริษัทยาสูบต่างๆ ซึ่งรวมถึง Philip Morris สนใจกัญชาในฐานะผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดและอาจลงทุนในอุตสาหกรรมกัญชา ความสนใจนี้มีมานานก่อนที่กฎหมายระบุให้กัญชาเป็นสิ่งเสพติดในหสรัฐอเมริกา (และที่อื่นๆ ที่ได้รับอิทธิพลจากกฎหมายสิ่งเสพติดของอเมริกัน) จะมีผลบังคับใช้อย่างรวดเร็ว หลังการทำให้กัญชาไม่เป็นอาชญากรรม/ถูกฎหมายแล้ว มีรายงานว่า บริษัทยาสูบบางแห่งได้เริ่มลงทุนในการวิจัยกัญชาทางการแพทย์ รวมถึงการเข้าร่วมกับบริษัทการลงทุนเมล็ดพันธุ์กัญชา แม้ว่าบริษัทเหล่านี้จะไม่ได้ไปไกลถึงขั้นแนะนำบุหรี่กัญชาเข้าสู่ตลาดก็ตาม (6)std46777• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอย่าหลงเชื่อ! ข่าวโรงพยาบาล 11 แห่งใน กทม. ฉีดวัคซีนโควิดฟรี เป็นข่าวปลอมทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว พร้อมประสานสำนักงานปลัดกรุงเทพมหานคร พบว่าในประเด็นดังกล่าวเป็นข้อมูลเท็จ จึงขอชี้แจงว่าปัจจุบันการฉีดวัคซีนในกรุงเทพฯ อยู่ระหว่างการฉีดให้ ประชาชน 2 กลุ่มคือ กลุ่มแรก ได้แก่ แพทย์ พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานใกล้ชิดกับผู้ป่วย กลุ่มที่ 2 ได้แก่ ผู้ป่วยทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคไตเรื้อรัง, โรคมะเร็งทุกชนิด, โรคเบาหวาน, โรคอ้วน ซึ่งอยู่ในกลุ่มอายุระหว่าง 50 ถึง 59 ปีstd48388• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยMike Yeadon อดีตหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของบริษัท Pfizer ออกมาบอกเรื่อง ไม่ควรฉีดวัคซีนจริงหรือมีการแชร์ข้อความที่อ้างถึง บทสัมภาษณ์ นาย Mike Yeadon อดีตหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของบริษัท Pfizer ในเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ LifeSiteNews (ซึ่งเว็บนี้ มีเรื่องถูกแบน จาก YouTube มาแล้วเพราะคอยให้ข่าวผิดๆ เกี่ยวกับโรคโควิด-19) โดยในข้อความนั้นพูดทำนองว่า "การฉีดวัคซีนโควิด จะฆ่าคนที่ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อฉีดเข็มแรก 0.8% ของคนที่ฉีดจะเสียชีวิตภายใน 2 สัปดาห์ ผู้ที่รอดชีวิต มีจะอายุขัยโดยเฉลี่ย 2 ปี จริงหรือโควิด 2019วัคซีนโควิดanonymous• 4 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยลงทะเบียนรับสิทธิ ลดค่าน้ำ - ค่าไฟ ระยะเวลา 1 ปีเต็ม จริงไหม📍 อย่าลืมลงทะเบียนรับสิทธิ ลดค่าน้ำ - ค่าไฟ ระยะเวลา 1 ปีเต็ม ✅ ลงทะเบียนได้ที่นี่ : การประปาส่วนภูมิภาค ไปที่เว็บไซต์ https://bit.ly/3bz9ocB การประปานครหลวง ไปที่เว็บไซต์ https://bit.ly/3yqR1iQ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ไปที่เว็บไซต์ https://bit.ly/3bz9ocB การไฟฟ้านครหลวง ไปที่เว็บไซต์ https://bit.ly/3yqR1iQ 📌อีกหนึ่งสวัสดิการแห่งรัฐที่ห้ามพลาด พ่อแม่รับเงินอุดหนุน600 +สงเคราะห์บุตร 800 ลงทะเบียน > https://www.facebook.com/100969538969772/posts/175801148153277/ หมดเขต กันยายน65 "1ครอบครัว/1บัตรสวัสดิการ อย่าลืม 📍‼️ กดติดตามเพื่อไม่ให้พลาดข่าว สวัสดิการจากรัฐอัพเดททุกวัน ค่าไฟ > ลงทะเบียนได้ที่เว็บการไฟฟ้า โดยกรอกเลขมิเตอร์ และบัญชีแสดงเลขสัญญา (ดูได้จากใบเสร็จบิลค่าไฟ) ค่าน้ำ > ลงทะเบียนได้ที่เว็บการประปา ใช้เลขที่ระบุในใบแจ้งค่าน้ำประปา #สวัสดิการแห่งรัฐMrs.Doubt• 3 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยปวดกระดูก เท้าเย็น เสี่ยงไตวายเฉียบพลันข่าวปลอม อย่าแชร์! ❌ ปวดกระดูกและศีรษะ เท้าเย็น เสี่ยงไตวายเฉียบพลันมากกว่าปกติ . ตามที่มีคำแนะนำด้านสุขภาพเรื่องปวดกระดูกและศีรษะ เท้าเย็น เสี่ยงไตวายเฉียบพลันมากกว่าปกติ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยโรงพยาบาลราชวิถี 2 (รังสิต) กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ . จากที่มีผู้โพสต์คลิปวิดีโอระบุว่า หากมีอาการปวดกระดูก ปวดศีรษะ เท้าเย็น และขี้กลัวง่าย เสี่ยงไตวายเฉียบพลันมากกว่าปกติ ทางโรงพยาบาลราชวิถี 2 (รังสิต) กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ข้อมูลทางการแพทย์ที่ไม่ถูกต้อง กล่าวคือไม่มีข้อมูลใด ๆ ทั้งทางทฤษฎีและจากการวิจัยว่าอาการดังคลิปสัมพันธ์กับภาวะไตวายเฉียบพลันดังคลิปกล่าวถึง ข้อมูลดังกล่าวทำให้ผู้อ่านมีข้อมูลที่ไม่ถูกต้องตามความรู้ทางการแพทย์แผนปัจจุบัน . ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากโรงพยาบาลราชวิถี 2 (รังสิต) สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.rajavithirangsit.go.th หรือ โทร. 02-592-9550 ถึง 99 . บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ข้อมูลทางการแพทย์ที่ไม่ถูกต้อง กล่าวคือไม่มีข้อมูลใด ๆ ทั้งทางทฤษฎีและจากการวิจัยว่าอาการดังคลิปสัมพันธ์กับภาวะไตวายเฉียบพลันดังคลิปกล่าวถึงยาสมุนไพรstd48138• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยประชาชนที่ได้รับความเสียหายหรือเกิดอาการไม่พึงประสงค์หลังรับวัคซีนโควิด-19 ที่ภาครัฐจัดให้ สามารถยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือได้ที่ รพ. ที่ฉีดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือ สปสช. พื้นที่ ทั้ง 13 เขตทั่วประเทศ ภายใน 2 ปีนับตั้งแต่วันที่ทราบความเสียหายประชาชนที่ได้รับความเสียหายหรือเกิดอาการไม่พึงประสงค์หลังรับวัคซีนโควิด-19 ที่ภาครัฐจัดให้ สามารถยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือได้ที่ รพ. ที่ฉีดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือ สปสช. พื้นที่ ทั้ง 13 เขตทั่วประเทศ ภายใน 2 ปีนับตั้งแต่วันที่ทราบความเสียหาย 1.กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ช่วยเหลือไม่เกิน 400,000 บาท 2.กรณีสูญเสียอวัยวะหรือพิการ ช่วยเหลือไม่เกิน 240,000 บาท 3.กรณีเกิดภาวะเจ็บป่วยที่ต้องรับการรักษาไม่เกิน 1 แสนบาท โดยเตรียมเอกสาร 1.สำเนาบัตรประชาชน 2.สำเนาใบมรณบัตร (กรณีเสียชีวิต) 3.ความเห็นแพทย์ผู้ให้การรักษา พร้อมแนบแบบคำร้อง ดาวน์โหลดที่ https://www.nhso.go.th/storage/files/841/001/nhso_VaccinCovid19.pdf?fbclid=IwAR1kudYbwavHcfsB9LvdsLD-d-aETThbvoZMhUwbsijTsXLgSjv_icv-Fos สอบถามเพิ่มเติม สายด่วน สปสช. 1330 #TPchannel #วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภาโควิด 2019วัคซีนโควิดMrs.Doubt• 4 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ