1 คนสงสัย
🔥🔥ช่วยกันแชร์ ข่าวจริง‼️วิธีป้องกันติดโควิดและรักษาง่ายๆ ให้คนไทยรอดนะคะ

ใช้ยาเคอร่า 1 แคปซูล ผสมน้ำดื่ม 1 ขวดเล็ก ดื่มได้ทั้งวันแทนน้ำเหมือนดื่มน้ำแร่ แต่ถ้าติดเชื้อหรือเสี่ยงสูงให้เพิ่มเป็น 2 เม็ดเลยค่ะ ดื่มง่าย ชุ่มคอ ไม่ขม

✅ช่วยลดไข้ แก้ไอ ขับเสมหะ ยับยั้งไวรัส คออักเสบ ลิ้นเป็นขุม มีฝ้า เด็กคออักเสบ มีเม็ดในลำคอ

เคอร่า มีงานวิจัย จากม.เกษตร ยับยั้งการขยายตัวไวรัส covid ถึง 1,500 เท่าของยา Lopinavir ที่ใช้ในคนไข้สีแดง

งานวิจัยในผู้ป่วย 3000 คน หาย100% (รพ.ประชาธิปัตย์) ไม่ลุกลาม ไม่ลงปอด ไม่ต้องใช้ท่อช่วยหายใจ ไม่มีเสียชีวิต

https://youtu.be/TWFL9g_P3pE
ไม่ระบุชื่อ
 •  3 ปีที่แล้ว
meter: false
1 ความเห็น

โควิด 2019

thanathun เลือกให้ข้อความนี้❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง

เหตุผล

ข้อมูลทางวิชาการ ไม่พบหลักฐานข้อมูลการวิจัยถึงประสิทธิผลและความปลอดภัยในการใช้เพื่อข้อบ่งใช้เพื่อรักษาโรคโควิด-19 ดังกล่าว รวมถึงการสืบค้นฐา

ที่มา

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร 10 พฤษภาคม 2566 คงไม่มีข้อสงสัยอีกแล้วว่า พรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่ว่ากำลังมาแรง กับกลุ่มคนหนุ่มสาวที่พยายามกัดเซาะสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เสื่อมลง มีความเชื่อมโยงกันอย่างเป็นเนื้อเดียวกัน และยังคงพยายามอย่างแข็งขันต่อเนื่องที่จะกัดเซาะต่อไปจนน่าแปลกใจ ไม่มีใครเลยในกลุ่มนี้ที่สำนึกว่าพระมหากษัตริย์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อบรรพบุรุษและครอบครัวตัวเอง ถึงตรงนี้อยากจะเล่าเรื่องที่ผมเคยเล่ามาครั้งหนึ่งแล้ว วันนี้จะขอนำกลับมาเล่าอีกครั้ง เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อผมยังเด็กๆ คุณยายผมซื้อบ้านพักตากอากาศที่หาดชะอำ ซึ่งเป็นบ้านที่สร้างในยุคเดียวกันกับ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ชื่อ "บ้านปลุกปรีดี" เมื่อครั้งกระโน้น ผมและพี่ๆในช่วงเวลาปิดภาคเรียน จะใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหลังนี้โดยมีคุณยายเป็นผู้ดูแล หาอาหารการกินให้ทุกมื้อ พวกเราตื่นแต่เช้าก็ไปหาน้ำตาลสดกัน ไปรอซื้อจากใต้ต้นตาล น้ำตาลสดจะบรรจุอยู่ในกระบอกไม้ไผ่ เป็นน้ำตาลสดที่ยังไม่ผ่านความร้อน หวานหอมยิ่งนัก หลังอาหารเช้าก็ลงทะเล เล่นน้ำทะเล หาหอยเสียบ กลับเข้าบ้านทานอาหารกลางวัน บ่ายลงทะเล เย็นทานอาหารเย็น หลังอาหารเย็นลงทะเลไล่จับปูลม ชีวิตช่วงนั้น เป็นชีวิตที่สนุกและมีความสุขจนจำได้ไม่เคยลืมจนถึงทุกวันนี้ ที่บ้านชะอำแห่งนี้ คุณยายอนุญาตให้คนท้องถิ่นคนหนึ่งชื่อ นายอ๋วย มาปลูกกระต๊อบอยู่ฟรีๆทางด้านปลายสุดของที่ ดูเหมือนนายอ๋วยจะเป็นช่างที่มาช่วยซ่อมบ้านให้ นายอ๋วยมีลูกชายหลายคน ลูกของนายอ๋วยบางคนก็มีความสนิทสนมกับเรา หลังจากที่คุณยายจากไป คุนพ่อคุณแม่และพวกเราก็ยังมาพักตากอากาศที่บ้านหลังนี้เป็นประจำ หลังจากนายอ๋วยเสียชีวิต ลูกคนโต และคนกลาง ย้ายออกไปใช้ชีวิตอยู่ที่อื่น ลูกคนเล็กที่ยังคงอาศัยอยู่ในที่แปลงนี้ วันหนึ่ง ตัวเขาร่วมกับเพื่อนๆของเขากับทนายความคนหนึ่งถือโอกาสใช้ช่องกฎหมาย แอบไปยื่นศาลจังหวัดเพชรบุรี ขอครอบครองปรปักษ์ที่ดินครี่งหนึ่ง คือด้านหลังที่เขาปลูกกระต๊อบอยู่ ความจริงเราไม่น่าจะมีโอกาสที่จะรู้เรื่องนี้เลย แต่บังเอิญเพื่อนของเขาคนหนึ่งเกิดความขัดแย้งกับเขา จึงนำเรื่องนี้มาบอกเรา เราจึงไปยื่นฟ้องค้านได้ทันก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา ต่อสู้คดีกันกว่าจะชนะก็ใช้เวลาเป็นปี ซึ่งเหนื่อยและต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่น้อยกว่าเรื่องจะจบ สุดท้ายเรายังให้เงินผู้ที่พยายามยึดครองที่ของเราไปจำนวนไม่น้อยเป็นค่ารื้อถอน กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ก่อตั้งพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง พยายามจะเปลี่ยนประเทศ ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ อ้างตลอดเวลาว่า ประเทศไทยเป็นของประชาชน หาใช่เป็นของพระมหากษัตริย์ไม่ คนกลุ่มนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับลูกชายคนเล็กของนายอ๋วยที่บ้านชะอำของครอบครัวผม ที่ได้อาศัยอยู่อย่างสุขสบาย สุดท้ายพยายามยึดเป็นที่ของตัวเอง ปฐมกษัตริย์ตั้งแต่สมัยสุโขทัย กรุงศรีอยุทธยา กรุงธนบุรี กรุงรัตนโกสินทร์ ล้วนเป็นพระมหากษัตริย์ที่นำทัพออกรบ รวบรวมดินแดนก่อตั้งประเทศ พระองค์ต่อๆมาก็มีทั้งต้องทำสงครามเพื่อป้องกันประเทศเมื่อถูกรุกราน เมื่อประเทศชาติต้องเสียเอกราชถูกยึดครอง ก็มีพระมหากษัตริย์ทรงทำสงครามเพื่อกู้ชาติจนได้รับเอกราชอีกครั้ง หากไม่มีพระมหากษัตริย์ เราอาจไม่มีประเทศอย่างทุกวันนี้ ในราชวงศ์จักรี หากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และกรมพระราชวังบวรสุรสิงหนาท ทรงนำทัพรบกับทัพพ่ายแพ้พม่าในสงครามเก้าทัพ เราก็อาจไม่มีประเทศไทย อาจเป็นแบบเดียวกับมอญ กระเหรี่ยง หรือกระทั่งโรฮิงญา ด้วยเหตุนี้สำหรับประเทศเรา หากจะถือว่าพระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์ทรงเป็นเจ้าของประะเทศ ก็เป็นการถูกต้องแล้ว เมื่อพระมหากษัตริย์ปกครองประเทศ มีคนต่างถิ่นอพยพมาพี่งพระบรมโภธิสมภาร ได้รับพระบรมราชานุญาตให้มีที่ดินทำกินจนมีเงินมีทอง พวกเขาเหล่านั้นก็ยังคงตระหนักว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นเจ้าของประเทศ และยังสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ แต่ต่อมามีลูก ลูกๆก็ยังมีความสำนึกเช่นเดียวกับรุ่นพ่อ รุ่นแม่ และคงสืบทอดกันต่อๆมา แต่มาวันนี้ รุ่นหลาน รุ่นเหลน ของผู้ที่เคยขอเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารจำนวนหนึ่ง ละเลยเรื่องพระมหากรุณาธิคุณที่พระมหากษัติริย์มีให้รุ่นปู่ รุ่นทวด เสียสิ้น กลับตั้งหน้าตั้งตาหาเรื่องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ป้อนข้อมูลผ่านสื่อยุคใหม่ สร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เกิดขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้เติบโตมาในยุคของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 สนับสนุนให้เกิดขบวนการกล่าวหา หมิ่นแคลน ย่ำยี จาบจ้วงองค์พระมหากษัตริย์ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งเกิดแนวร่วมที่หลงเชื่อเป็นจำนวนไม่น้อย ทำเช่นนี้กันอย่างไม่กลัวบาปกลัวกรรม ลองคิดกันดูว่า องค์พระมหากษัตริย์จะทรงรู้สึกอย่างไร และพระเจ้าอยู้หัวรัชกาลที่ 9 หากยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่จะทรงรู้สึกอย่างไร จริงอยู่หากจะกล่าวว่า ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศก็คงไม่ผิด แต่การเป็นเจ้าของประเทศหมายถึงการมีสิทธิอาศัยอยู่ในประเทศ มีสิทธิเป็นเจ้าของที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ มีสิทธิทุกประการตามที่กฎหมายกำหนด หาได้มีสิทธิจะทำอะไรกับประเทศก็ได้เหมือนกับทำอะไรก็ได้กับที่ดินหรือบ้านที่ตัวเองเป็นเจ้าของไม่ ความเป็นเจ้าของประเทศต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและกฎเกณฑ์ต่างฯของบ้านเมือง ไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ ยิ่งไม่อาจขายประเทศของตัวเองได้ คนกลุ่มนี้ได้ดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ จะถึงขั้นตอนสำคัญ เป็นขั้นตอนที่พวกเขาพยายามจะยึดการปกครองของประเทศผ่านการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย หากทำสำเร็จเขาก็คงจะดำเนินการในขั้นต่อๆไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายของเขา กรณีที่คนกลุ่มนี้พยายามที่จะยกเลิกมาตาม 112 เมื่อไม่สำเร็จ เปลี่ยนเป็นมาเป็นขอแก้ไข ลดโทษ ให้มีโทษปรับได ที่สำคัญคือ เอามาตรา 112 ออกจากหมวดความมั่นคง แสดงว่าพวกเขาเห็นว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่มีความเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ และต้องการทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์อ่อนแอลง กรณีที่ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภาของไทย เชิญเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยมาชี้แจง เรื่องการที่มีคนไทยส่งหนังสือร้องเรียนไปยังวุฒิสภาว่า สถาบันพระมหากษัตริย์และทหารแทรกแซงการเลือกตั้ง และวุฒิสมาชิกสหรัฐกลุ่มหนึ่งขานรับ และกำลังจะเสนอวุฒิสภาให้มีมติ 114 กล่าวหาสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยว่าแทรกแซงการเลือกตั้ง ทั้ง 2 กรณีเป็นการบ่งชี้ว่า มีความเป็นไปได้มากที่กลุ่มการเมืองกลุ่มนี้มีการติดต่อกับต่างชาติ นี่อาจเป็นความจริงที่น่ากลัวที่สุด จากที่ได้ฟังพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ตอบคำถามของคุณ สันติสุข มะโรงศรี ทาง Top News ทำให้ทราบว่า ทั้งสองท่านตระหนักและเห็นว่าเรื่องข้างต้นเป็นเรื่องจริงและจะกระทบต่อความมั่นคงของชาติ อีกพรรคหนึ่งที่ตระหนักเรื่องนี้คือพรรคไทยภักดี พรรคอื่นๆหากไม่ได้เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเสียเองก็คงเห็นว่าเป็นเรื่องเหลวไหล จึงไม่มีพรรคใดให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้แม้แต่พรรคเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้ หากเรายังให้ความสำคัญต่อความเป็นชาติ ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ คงไม่ต้องบอกว่า เราควรเลือกเบอร์อะไร พรรคใด ให้เข้ามาบริหารประเทศ ขอย้ำอีกครั้ง พวกเขาทำกันเป็นขั้นเป็นตอน เป็นขบวนการ หากทุกท่านอยากทราบว่าขั้นตอนทั้งหมดมีขั้นตอนใดบ้าง กรุณาดูคลิปตอนที่ 2 ของพลเรือเอก ชาตร์ นาวาวิจิต อดีตเจ้ากรมยุทธการ และอดีตผู้บัญชาการสถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง ที่วิเคราะห์ไว้ ตาม link ด้านล่างได้เลย https://www.youtube.com/watch?v=w2L99EeQjPI&feature=youtu.be
    ไม่ระบุชื่อ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ตรวจหาเชื้อโควิดในน้ำลายได้ผลดีเหมือนหาเชื้อจากในลำคอหรือจมูกหรือไม่
    กระทรวงสาธารณสุขพัฒนาวิธีการ ตรวจหาเชื้อโควิด 19 ในน้ำลาย ค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก ตรวจหาในกลุ่มคนจำนวนมากเป็นกลุ่มก้อน ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ราคาถูก ผลแม่นยำ สำหรับวิธีการเก็บน้ำลาย สามารถนำกระป๋องไปเก็บเองได้ที่บ้าน โดยต้องล้างมือให้สะอาด เทอาหารสำหรับเก็บตัวอย่างไวรัสลงในกระป๋องเก็บน้ำลาย ขากน้ำลายที่อยู่ในลำคอส่วนลึกเหมือนขากเสมหะปิดฝากระป๋องพันด้วยพาราฟิลม์และใส่ถุงซิปล๊อค 3 ชั้น และนำส่งห้องปฏิบัติการภายใน 5 ชั่วโมง ทั้งนี้ จะต้องไม่แปรงฟัน ใช้น้ำยาบ้วนปาก ดื่มน้ำ หรือเคี้ยวหมากฝรั่งก่อนเก็บน้ำลาย
    anonymous
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 2 คนสงสัย
    กล้วยดิบ 'วัคซีน' พื้นบ้าน เปลวสีเงิน : ไทยโพสต์ 25 มกราคม พ.ศ. 2564 เวลา 00:01 น. ผมทดลองแล้ว ลงทุนไป ๒๐ บาท รับประกันคุณภาพในการป้องกันได้กว่า ๘๐% UP! กล้วยครับ.... กล้วยน้ำว้าดิบๆ หั่นแว่นๆ ทั้งเปลือก คลุกเกลือ เคี้ยวให้เต็มปาก เจ้ายางและเมือกกล้วย จะเป็นด่านหน้า เคลือบในปากและลำคอ ฆ่าเชื้อแปลกปลอม ก่อนลงไปในท้อง ผมดูจากคลิป "ป้านิดดา หงษ์วิวัฒน์" นักธรรมชาติบำบัด สนทนากับ "รศ.ดร.โกวิน วิวัฒนพงศ์พันธ์" ที่พวกเขาส่งมาให้ ผมมันพวก "กล้วยนิยม" ฟังเสร็จ ซื้อกล้วยดิบมาลองเลย ลองมา ๒ วัน เห็นผลทันตา ปกติตื่นนอน คอผมเหมือนผ่านการกินทราย ปรากฏว่าหายไปเลย! ผมถอดคำจากคลิปมาให้ อยากให้ทดลองกัน ระหว่างวัคซีนยังไม่มา ใช้ "วัคซีนกล้วยดิบ" ไปก่อน รับรอง "โควิดยกโคตรขยาด"! โกวิน : ผมไอ แสบคอ ก็ค้นในเน็ต พบว่า เมื่อเป็นไวรัส มีรายงานศึกษาว่า โควิดตัวนี้ มีความแตกต่างจากไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดธรรมดาอย่างไร อยู่ในกลุ่มเดียวกัน อาการคล้ายกันมาก แต่จุดต่างของเขา คือ จะแสบคอมาก จะไอ (แห้ง) มาก มีไข้ ก็ไข้มากเลย มีรายงานออกมาว่า จุดเริ่มต้นของเขาอยู่ที่ลำคอ จนกระทั่งต่อมรับรสที่อยู่ที่ปลายลิ้นไม่สามารถทำงานได้ดี กินอาหารไม่อร่อย รับรสไม่ได้ "ผมก็บอกว่า เอ้ย..ถ้าอย่างนั้น มันเริ่มต้นที่คอใช่มั้ย เราหาอะไรมาจัดการที่คอให้ได้สิ ถ้าเราจัดการได้ มันก็ไม่มีลามไปที่ปอด ปอดก็ไม่เป็นไร ปอดก็ทำหน้าที่ได้ การที่เอาปอดเข้าฟอกออกซิเจนได้ ระบบอื่นก็ไม่ล้มเหลว ไม่ล้มเหลวเราก็ไม่ป่วยซี" ผมก็เริ่มต้นศึกษา แล้วก็เจอกล้วย มีอยู่ราย ผมจำไม่ได้ ต้องขอบคุณเขา ที่เขาช่วยแนะนำ เขาบอกว่ากล้วยน้ำว้า ต้องกล้วยดิบนะเขียวๆ เนี่ย เอามาแล้วต้องหั่นเป็นแว่นๆ เอาลักษณะที่เราเคี้ยวง่ายๆ มีข้อมูลแพทย์แผนไทยโบราณว่า กล้วยดิบนี้สามารถหยุดยั้งการไอที่ลำคอได้ "ผมบอกเอ๊ะ...อย่างนั้นต้องทดลองดูซี" มันหยุดไอที่ลำคอเพราะอะไร เพราะว่าเมื่อมีเชื้อโรคมาเข้าร่างกาย จะผ่านระบบหายใจก่อน หรือผ่านมาที่ปาก ร่างกายก็จะมีระบบกักเชื้อโรค ลำคอนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะมีน้ำเมือกออกมา เพื่อกักเชื้อโรคจากอากาศที่มีเชื้อโรค ฉะนั้น เมื่อเชื้อโรคมาติดที่นี่ มันก็จะมีอาการอักเสบที่ลำคอก่อน พออักเสบปุ๊บ ร่างกายก็พยายามกำจัดมันออกด้วยอาการไอ ไอมากแสดงว่ามีเยอะ ถ้าแสบคอมาก แสดงว่ามีเยอะ แสบคอน้อยก็มีน้อย ผมก็เออ...เว็บไซต์ที่พูดถึงนี่ กล้วยเนี่ย ยางเขาสามารถจัดการได้ เขาบอกว่า เอายางเนี่ย แล้วก็เอาเกลือใส่เล็กน้อย แล้วก็เคี้ยว ยางก็จะค่อยๆ เคลือบลำคอ ยางมีคุณสมบัติพิเศษในการฆ่า เพราะเป็นด่างด้วย ถ้าสด ยางจะเยอะ แห้ง ยางจะน้อย แล้วผมก็ทดลอง เอากล้วยดิบทั้งเปลือกมาหั่น ใส่ทัพเพอร์แวร์แล้วเอาเกลือใส่ไว้ พกขึ้นก่อนนอน เพราะผมกลางวันไอน้อย กลางคืนไอเยอะ ถามว่าทำไมกลางวันไอน้อย เพราะกลางวันเราดื่มน้ำ เดินไป-เดินมา น้ำลายเราจะหลั่งมากในเวลากลางวัน เวลาหลั่งเราก็กลืนเข้าไปในร่างกาย ระหว่างกลืนก็พาเชื้อโรคเข้าไปในลำคอ น้ำลายเป็นด่าง พอเราดึงตัวนี้ผ่านเข้าไปในกระเพาะ กระเพาะมีกรดสูง ก็ฆ่ามันตาย แต่กลางคืนน้ำลายหลั่งน้อย ยิ่งผู้สูงอายุยิ่งหลั่งน้อย เพราะฉะนั้น ผู้สูงอายุ แม้จะแปรงฟันให้สะอาดอย่างไร ก็จะมีรสเปรี้ยว-กลิ่นเปรี้ยว เพราะว่าแบคทีเรียมันเติบโต ยิ่งถ้าเกิดมีน้ำตาลในเหงือกเยอะ กินของหวานเยอะ แปรงยังไงก็ไม่สะอาดมาก ก็จะติดอยู่ แต่ถ้าเจอด่างเข้าไป ผมจิ้ม ก็จะเคี้ยว วันนั้นผมมีไข้ ไอเยอะมากเลย ผมก็ไปเอากล้วยดิบมาเลย หั่นๆๆๆๆ เก็บไว้ เกลือจิ้มไว้ กลางคืนก่อนนอน ผมก็เคี้ยวๆ พอเคี้ยวไปประมาณครึ่งลูก อาการที่ไอๆ อยู่เนี่ย ผมตกใจมากเลย เอ๊ะ...ผมไอ ทางการแพทย์นับเป็นหน่วยนะ มันหายไป ๕๐%เลย แล้วที่แสบคอ กินข้าว-กินน้ำแสบมากเลย โอ๊ะ..หายไปแฮะ ผมก็ดีใจ พร้อมตกใจนะ เอ๊ะ...เราไม่มียาอะไรในการแพทย์แผนปัจจุบัน ไม่ว่าจะเอายาอะไรมาอม ที่จะสามารถลดอาการอักเสบ ไอน้อยลง ๕๐% หลังเคี้ยวกลืนเข้าไปไม่เกิน ๕ นาที เป็นความมหัศจรรย์มากเลย ที่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านยุคโบราณที่เขาใช้อยู่ ผมก็เคี้ยวๆๆๆ พอเคี้ยวๆๆ เสร็จแล้ว ก็เคี้ยวให้เต็มปาก เพราะในปากก็จะมีเกลือที่ใส่กับกล้วยเข้าไป เกลือก็จะไปละลายเคลือบที่ลำคอ กล้วยนี่ก็มีเนื้อแล้วก็ยาง เมื่อเคี้ยวยางก็จะค่อยๆ ออก แล้วก็ค่อยๆ กลืนลงไป ก็จะไปเคลือบที่คอ พอเคลือบที่คอ ยางนี้เป็นด่างสูงมาก เจ้าเชื้อโรคที่มาจากหวัดทั้งหมดติดที่คอก็จะตาย พออาการไอน้อยลง ไข้น้อยลง เพราะว่าอักเสบน้อยลง ก็หลับสบาย ถ้าเมื่อไหร่ไอมาก เราจะนอนไม่หลับ พอหลับตื่นมา ก็เข้าห้องน้ำ ผมเคี้ยวต่อไปอีก เพราะว่าตื่นขึ้นปุ๊บก็กลืนน้ำลาย เคี้ยวต่ออีก ๓-๔ แว่น ต่อมาตอนเช้าผมหายเลย ป้านิดดา : อาจารย์เคี้ยวหลังแปรงฟันหรือก่อนแปรงฟัน? โกวิน : หลังแปรงฟัน หมายถึงกลางคืน อาจารย์แปรงฟันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เคี้ยว "คือเราแปรงฟันเรียบร้อยแล้วก็เคี้ยวเลย เคี้ยวแล้วก็เคลือบไว้เลย ไม่ต้องไปแปรงฟันใหม่นะ เพราะฉะนั้น แปรงฟันตอนเช้าก็จะมีเศษกล้วยอยู่บ้าง แต่สิ่งที่เกิดขึ้น อาการอักเสบที่คอ ไอ หายไป" ป้านิดดา : เฉพาะก่อนนอนใช่มั้ย แล้วตอนเช้าเคี้ยวต่อมั้ย? โกวิน : พออาการไอมันหาย ก็ไม่ได้เคี้ยว แต่พอก่อนนอน ผมก็เตรียมไปอีก ถ้ามีอาการไอ ผมก็เคี้ยวต่อไป ทำแบบนี้ จนทุกวันนี้ติดกล้วยเลย "คำถามทางบ้าน" "มีหลายคนถามมาว่า เวลาทาน ทานทั้งเปลือกด้วยใช่มั้ยคะ?" "ใช่..ใช่ เอากล้วยทั้งลูกล้างให้สะอาด แล้วก็ฝาน พอฝานไปแล้ว ยางก็จะออกมา ส่วนกล้วย เนื้อกล้วยปกติจะมีคาร์โบไฮเดรต เป็นน้ำตาล แต่เนื่องจากเขาดิบ เป็นแป้ง เขาจึงไม่มีสภาพเป็นน้ำตาลเท่าไหร่ ฉะนั้น การที่เขาทำหน้าที่ได้สมบูรณ์เนี่ย มันเป็นความซับซ้อน ไม่ใช่ยางอย่างเดียว ผมคาดว่า น้ำเกลือก็มีผล ยางก็มีผล เนื้อที่เป็นแป้งก็มีผล" ครับ....... ผมแกะคำมาเลย ไม่อยากสรุป ก็ยังไม่จบความดี แต่เนื้อที่หมด ที่เหลือ "ป้านิดดา" ให้ความรู้ด้านสารในกล้วยดิบ จะนำมาต่อวันหลัง ลองกันดูนะครับ "กล้วยดิบ" พิชิตโควิดได้ แต่ใครก็อย่าไปบอกธนาธรเชียวนะ เดี๋ยวมัน "อมกล้วย" ไลฟ์สดอีก ยุ่งตายหะ!
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ลองดู สัก 1 เดือนไม่เสียเงิน / กลุ่มแพทย์ชาวญี่ปุ่น ยืนยันว่า "น้ำอุ่น"มีประสิทธิภาพ ในการแก้ปัญหาสุขภาพได้ 100% เช่น: 1 ไมเกรน 2 ความดันโลหิตสูง 3 ความดันโลหิตต่ำ 4 อาการปวดข้อ 5 เพิ่มขึ้นและลดลง ของการเต้นของหัวใจ อย่างฉับพลัน 6 โรคลมชัก 7 เพิ่มระดับคอเลสเตอรอล 8 ไอ 9 ไม่สบายตัว 10 หอบหืด 11 ไอแบบช่วง 12 การอุดตันของหลอดเลือดดำ 13โรคที่เกี่ยวข้องกับมดลูกและปัสสาวะ 14 ปัญหาในกระเพาะอาหาร 15 การย่อยอาหารไม่ดี 16 โรคที่เกี่ยวข้องกับดวงตา หู และลำคอ 17 ปวดศีรษะ #ใช้น้ำอุ่นอย่างไร# ลุกขึ้นในตอนเช้า และดื่มน้ำอุ่นประมาณ 4 แก้ว เมื่อท้องว่างเปล่า คุณอาจจะไม่สามารถที่จะทำให้ได้ 4 แก้วในตอนที่เริ่มต้น แต่ไม่ช้าคุณจะทำได้..... #หมายเหตุ: อย่าพึ่งกินอะไรตามหลังจากดื่มน้ำผ่านไป 45 นาที การบำบัดด้วยน้ำอุ่นจะช่วยแก้ปัญหาสุขภาพภายใน หรืออาการทัองผูก เช่น ○โรคเบาหวาน ภายใน 30 วัน ○ความดันโลหิต ใน 30 วัน ○ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร ใน 10 วัน ○มะเร็งทุกชนิด ภายใน 9 เดือน ○การอุดตันของเส้นเลือด ใน 6 เดือน ○การย่อยอาหารไม่ดี ใน 10 วัน ○มดลูกและโรคที่เกี่ยวข้อง ใน 10 วัน ○ปัญหาจมูกหูและลำคอ ใน 10 วัน ○ปัญหาผู้หญิง ใน 15 วัน ○โรคหัวใจ ใน 30 วัน ○ปวดหัว / ไมเกรน ใน 3 วัน ○คอเลสเตอรอล ภายใน 4 เดือน ○โรคลมชักและอัมพาตอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลา 9 เดือน ○หอบหืด ภายใน 4 เดือน #พึงระลึกไว้เสมอว่า น้ำเย็นจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณ หากน้ำเย็นไม่ส่งผลต่อคุณในวัยเด็ก ก็จะเป็นอันตรายต่อคุณในวัยชรา #น้ำเย็นจะปิด 4 หลอดเลือดดำของหัวใจและทำให้หัวใจวาย เครื่องดื่มเย็นเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอาการหัวใจวาย #นอกจากนี้ยังสร้างปัญหาในตับ ทำให้ไขมันติดอยู่กับตับ คนส่วนใหญ่รอการปลูกถ่ายตับเป็นเหยื่อของการดื่มน้ำเย็น #*น้ำเย็นส่งผลกระทบต่อผนังภายในของกระเพาะอาหาร มีผลต่อลำไส้ใหญ่ และส่งผลต่อมะเร็ง ##โปรดอย่าเก็บข้อมูลนี้ไว้ เพื่อตัวคุณเอง บอกให้ใครบางคนซึ่งอาจช่วยชีวิตคนอื่นได้น
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    พบสาวถูกพักงานหลังกินยาลดน้ำหนักจนป่วยจิตเวช
    กรณีหญิงสาวชาวจังหวัดแพร่ เสียชีวิตจากอาการไตวาย หลังกินยาลดความอ้วนยี่ห้อหนึ่งซึ่งสั่งซื้อมาจากเพจเฟซบุ๊ก นี่เป็นผลข้างเคียงจากยาลดความอ้วนที่เกิดกับอวัยวะภายในร่างกาย แต่จากการตรวจสอบของแพทย์ยังพบว่า ยาลดความอ้วนมีส่วนผสมของสารกดประสาทที่เป็นอันตรายด้วย ซึ่งกรณีนี้ได้เกิดขึ้นกับหญิงสาววัยทำงานคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการกินยาลดความอ้วนจนมีอาการทางจิตเวชจนถูกบริษัทสั่งพักงาน พี่สาวของพนักงานออฟฟิศหญิง วัย 24 ปี คนหนึ่ง เปิดเผยกับทีมข่าวพีพีทีวีว่า เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา น้องสาวของเธอซึ่งเป็นกังวลเรื่องน้ำหนัก 68 กิโลกรัมของตัวเธอเอง จึงตัดสินใจสั่งซื้อยาลดน้ำหนักสูตร 1 จากเพจเฟซบุ๊กบริษัทยาลดน้ำหนักแห่งหนึ่ง มาทดลองกิน จำนวน 4 แผง ราคา 1,400 บาท ตอนนั้นยังไม่มีอาการข้างเคียง น้ำหนักลงช้า 2 เดือนน้ำหนักลดไปเพียง 1 กิโลกรัม จึงสั่งยามากินอีกชุดเมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่เปลี่ยนสูตรเป็นสูตรที่ 2 โดยตัวแทนจำหน่ายอ้างว่า จะทำให้น้ำหนักลดเร็วกว่ายาชุดแรกที่กินไป พี่สาวของหญิงสาวที่กินยาลดน้ำหนักคนนี้ เล่าต่อว่า หลังเริ่มกินยาชุดที่สองไปได้ไม่นาน น้องสาวก็เริ่มมีอาการหวาดระแวงผู้คน กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ ไม่อยากอาหาร ส่งผลถึงภาวะทางอารมณ์ไม่คงที่จนบริษัทต้องสั่งพักงาน เมื่อรู้ว่าน้องสาวเป็นอย่างนี้จึงรีบพาพบแพทย์เพื่อรักษา ซึ่งแพทย์วินิจฉัยในเบื้องต้นว่า สาเหตุที่น้องสาวของเธอมีอาการทางจิตเวชน่าจะมาจากการกินยาลดน้ำหนัก ส่วนชนิดของยาพี่สาวของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ยามีทั้งหมด 4 ชนิด รับประทาน 2 ครั้งต่อวัน จากการสอบถามผู้เชี่ยวชาญด้านเภสัชกร พบว่า มียา 2 ชนิดที่กินก่อนอาหารเช้า เป็น ยากดประสาท (แคปซูนสีน้ำเงินขาว) และยาระบาย (เม็ดเล็กสีเหลือง) ส่วนยาที่กินก่อนนอนเป็นยานอนหลับ (เม็ดสีเหลือง) และวิตามิน (เม็ดสีแดง) ขณะที่ นพ.สุขุม กาญจพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ยาลดน้ำหนักส่วนใหญ่จะมีฤทธิ์กดประสาท ซึ่งเป็นฤทธิ์จากสารประเภทไซบูทรามีนหรือเฟตามีน ทำให้รู้สึกไม่อยากอาหาร ซึ่งจุดนี้อาจส่งผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการทางจิตได้ที่ผ่านมา ครอบครัวของหญิงสาวผู้เสียหายคนนี้ได้ทวงถามความรับผิดชอบจากตัวแทนจำหน่ายยา แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ขณะที่เพจเฟซบุ๊กที่จำหน่ายยาลดน้ำหนักแห่งนี้ก็ยังอัปเดตเนื้อหาในเพจเพื่อขายสินค้าตลอดเวลาจึงปรึกษากับทนายความและเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. เพื่อเตรียมดำเนินการฟ้องร้องตามขั้นตอนของกฎหมาย
    std47882
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ข่าวปลอม อย่าแชร์! เล่นมือถือนาน ๆ ทำให้หน้าเบี้ยวผิดรูป
    ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเตือนภัยในสื่อสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับประเด็นเรื่องเล่นมือถือนานๆ ทำให้หน้าเบี้ยวผิดรูป ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากกรณีที่มีการเตือนภัยว่าการเล่นมือถือเป็นระยะเวลานาน จนทำให้พักผ่อนน้อย ส่งผลให้ปลายประสาทที่เลี้ยงใบหน้าอักเสบ หน้าผิดรูป ทางกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขได้ชี้แจงว่า การพักผ่อนน้อย หรือการเล่นโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานๆ ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้เกิดโรคกล้ามเนื้อใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก และปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคนี้ที่ชัดเจน โดยเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ทำหน้าที่เลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า เมื่อมีความผิดปกติของเส้นประสาทจะทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง หรือมีลักษณะขยับไม่ได้ เช่น หลับตาไม่สนิท มุมปากตก ยิ้มไม่ขึ้น มักเป็นใบหน้าครึ่งซีกใดซีกหนึ่ง สาเหตุการเกิดมีหลายปัจจัย เช่น เกิดตามหลังอุบัติเหตุบริเวณเส้นประสาทโดยตรง, การติดเชื้อบริเวณต่อมน้ำลายใกล้ๆเส้นประสาท, การพบเนื้องอกกดเบียดเส้นประสาท หรือเกิดจากการอักเสบของตัวเส้นประสาทเอง (Bell’s palsy) เป็นต้น สำหรับภาวะเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 อักเสบ หรือ Bell’s palsy นั้น การอักเสบของเส้นประสาทดังกล่าวเกิดขึ้นเอง โดยไม่ได้มีสาเหตุที่สรุปได้ชัดเจน แต่อาจสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัสเริม หรืองูสวัด ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์ด้วยอาการกล้ามเนื้อใบหน้าอัมพาตครึ่งซีกที่เกิดขึ้นเร็วระยะเวลาภายใน 48 ชั่วโมง เช่นกล้ามเนื้อใบหน้าครึ่งซีกใดซีกหนึ่งอ่อนแรง ขยับไม่ได้ เช่น หลับตาไม่สนิท มุมปากตก รับประทานอาหารและดื่มน้ำลำบาก ร่วมกับอาจมีอาการหูข้างนั้นได้ยินเสียงก้องกว่าปกติ รับรสผิดปกติ เป็นต้น เมื่อมีอาการผิดปกติที่สงสัยภาวะดังกล่าว ควรรีบมาพบแพทย์ โดยการรักษาโรคนี้ประกอบด้วยการรักษาด้วยยาหากผู้ป่วยมาพบแพทย์ในช่วงแรกที่มีอาการ ซึ่งจะทำให้การฟื้นตัวดีขึ้น ร่วมกับการทำกายภาพบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าในระยะยาว ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่งหรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆและเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมการแพทย์ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.dms.go.th หรือโทร 02 5906000 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : การเล่นโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ๆ การพักผ่อนน้อย ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้เกิดโรคกล้ามเนื้อใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก เนื่องจากปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคนี้ที่ชัดเจน หน่วยงานที่ตรวจสอบ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข AFNCAFNCTHAILANDข่าวปลอมศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมหน้าเบี้ยวเล่นมือถือโทรศัพท์มือถือ ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง website 2378 ข่าวปลอม อย่าแชร์! กินเม็ดชานมไข่มุก ทำให้เป็นโรคมะเร็ง ข่าวปลอม ผลิตภัณฑ์สุขภาพ 2 กรกฎาคม 2566 | 16:30 น. website 2374 ข่าวปลอม อย่าแชร์! อาหารอุ่นไมโครเวฟ อันตรายแถมเสี่ยงมะเร็ง ข่าวปลอม ผลิตภัณฑ์สุขภาพ 2 กรกฎาคม 2566 | 13:30 น. ข่าวล่าสุด website 2384 ข่าวปลอม อย่าแชร์! ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชวนลงทุนหุ้น รับปันผล 30,000 บาทต่อเดือน การเงิน-หุ้น website 2383 ข่าวปลอม อย่าแชร์! กรมการจัดหางาน เปิดโครงการ “ไม่เลือกงาน ไม่ยากจน” ให้คนไทยมีรายได้เสริม นโยบายรัฐบาล-ข่าวสาร website 2382 สธ. เปิดตัวรถฟอกไตเคลื่อนที่นวัตกรรมต้นแบบคันแรกของไทย จริงหรือ? นโยบายรัฐบาล-ข่าวสาร website 2381 ข่าวปลอม อย่าแชร์! เพจ SAO Trading ในเครือของ AOT เปิดให้ลงทุนเริ่มต้น 1,000 บาท การเงิน-หุ้น website 2380 ข่าวปลอม อย่าแชร์! กรมพัฒนาธุรกิจฯ รับสมัครพนักงานนำเที่ยว รายได้ 1,500 บาท/วัน นโยบายรัฐบาล-ข่าวสาร เมนูหลัก หน้าแรก แจ้งเบาะแสข่าวและติดตาม คลังความรู้ ข่าวสาร ดาวน์โหลดคู่มือประชาชน เกี่ยวกับการใช้งาน ตัวช่วยเหลือในการเข้าถึงเว็บไซต์ นโยบายรักษาความลับข้อมูลส่วนตัว line facebook twiter twiter twiter call สายด่วน : 1111 ต่อ 87 Logo Copyright © 2023 ANTI-FAKE NEWS CENTER THAILAND ขออนุญาตใช้คุกกี้เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอเนื้อหาที่ดีให้กับท่าน ทั้งนี้ ท่านมั่นใจได้ว่าเราจะดูแลและรักษาความปลอดภัยข้อมูลของท่านเป็นอ
    สุริยนต์ พักแดงพันธ์
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    งดการเดินทางและกิจกรรมทุกประเภทที่ไม่จำเป็น
    (red flag)#● งดการเดินทางและกิจกรรมทุกประเภทที่ไม่จำเป็น ▪︎กระทรวงสาธารณะสุขแจ้งเตือนว่า: ไข้หวัดใหญ่ครั้งนี้มีความร้ายแรงมาก ▪︎วิธีป้องกันคือ ⊙ ต้องรักษาความชุ่มชื้นของเยื่อเมือกลำคอ ⊙ อย่าให้ลำคอแห้ง ดังนั้นห้ามทนกระหายน้ำ เพราะถ้าเยื่อเมือกลำคอแห้ง เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายได้ ⊙ เมื่อรู้สึกกระหายน้ำก็ดื่ม ไม่ต้องคำนึงหรือทนกระหายแม้พักนึง แต่ละครั้งให้ดื่มน้ำอุ่น 50-80 ซีซี. สำหรับเด็กดื่ม 30-50 ซีซี. ▪︎ ควรจะเตรียมน้ำไว้ใกล้มือพร้อมดื่ม ไม่จำเป็นต้องดื่มมากๆเอาแค่ทำให้เยื่อเมือกลำคอไม่แห้งเป็นใช้ได้ ⊙ ละเว้นไปสถานที่ที่มีคนหนาแน่นชั่วคราว ⊙ งดใช้บริการรถไฟฟ้าหรือรถโดยสารมวลชน ▪︎ ถ้าจำเป็นก็ให้ใส่หน้ากากอนามัย ⊙ อาหารทอด รสจัด ควรงดรับประทานชั่วคราว ⊙ กินวิตามินซีให้ครบถ้วน ⊙ ศูนย์ควบคุมโรคระบาดแจ้งถึงจุดเด่นของไข้หวัดใหญ่ดังนี้: 1 มีไข้ขึ้นอย่างรวดเร็วและลดยาก ไข้ลดแล้วก็ขึ้นอีก 2 หลังเป็นไข้ ก็จะเริ่มไอ และเป็นต่อเนื่องนาน 3 เด็กจะเป็นกันมาก 4 ผู้ใหญ่มีอาการหลอดลมรุนแรง พ่วงด้วยปวดศีรษะและลำตัว 5 การระบาดรุนแรง ● กระทรวงสาธารณสุข ขอความร่วมมือหลีกเลี่ยงการไปท่องเที่ยว 6 ประเทศ เป็นเวลา 3 เดือน ดังนี้ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี และ สิงคโปร์ ● และ จังหวัดเฝ้าระวัง เวลาเดินทาง 8 จังหวัดคือ ▪︎กทม. ▪︎สมุทรปราการ ▪︎ชลบุรี ▪︎เชียงใหม่ ▪︎เชียงราย ▪︎ประจวบคีรีขันธ์ ▪︎กระบี่ ▪︎และ ภูเก็ต ● ขอให้ผู้ปกครองทุกท่านใส่ใจป้องกันทั้งเด็กและผู้สูงวัยในครอบครัว ,ขณะนี้เป็นระยะระบาดที่สูงสุด สะดวกก็ช่วยกันแชร์ครับ ด้วยความปรารถนาดี จาก...Cr. Dr.Amrin
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    อ่านหน่อยนะ เตรียมตัวไว้นะ คนเยอะแยะบอกเราว่า ทำอย่างไรจึงจะไม่ติดไวรัสโคโรน่า แต่ไม่ยักมีใครสักคนบอกว่า ถ้าเกิดติดไวรัสแล้ว จะต้องทำอย่างไร ขอบคุณนะ คุณพยาบาลในจักรภพอังกฤษที่รวบรวมคำแนะนำนี้ให้เรา นี่เป็นคำแนะนำที่มีเหตุผลบางประการ จากพยาบาลทั่วไปในอังกฤษ นี่เป็นสิ่งที่ดิฉันเจอคำแนะนำว่า แรกที่สุดต้องทำอย่างไร จึงจะหลีกพ้นจากการติดไวรัส: • ล้างมือให้สะอาดหมดจด รักษาอนามัยร่างกาย อยู่ห่างๆ​ ผู้คน แต่ที่ดิฉันไม่เคยเห็นเลย คือ คำแนะนำว่า ถ้าเกิดติดไวรัสขึ้นมาจริงๆ​ จะเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง ซึ่งนี่อาจจะเกิดขึ้นกับพวกเราได้นะ ดังนั้น ในฐานะเป็นพยาบาลเพื่อนใกล้บ้าน ดิฉันขอให้คำแนะนำบางประการ: ถ้าคุณ เกิดติดเชื้อ โควิด-19 ขึ้นมา คุณต้องรู้จักเตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อน คล้ายๆกับว่า คุณรู้แล้วว่าคุณโดนไอ้เจ้าเชื้อทางเดินลมหายใจเล่นงานเข้าแล้ว เช่น เป็นมีภาวะหลอดลมอักเสบ หรือ ภาวะปอดบวม คุณต้องนึกไว้นะว่าอาการเหล่านี้จะเกิดกับตัวคุณ คุณต้องเริ่มทำสิ่งต่อไปนี้เดี๋ยวนี้เลย : ให้แสงแดดชะโลมทั่วตัววันละ 20 นาทีทุกวัน (หรือมากที่สุดเท่าที่จะทำได้) แสงแดดจะเพิ่มระดับไวตามิน D ให้คุณมากมาย นี่จะไปเสริมความสามารถของภูมิคุ้มกันของตัวคุณ ถ้ามีกำลังทรัพย์ ให้กินอาหารเสริมดีๆ ร่วมกับไวตามิน C 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน รวมทั้ง สังกะสี ซิลิเนียม และ สารกลูทาไธโอน น้ำมันตับปลายี่ห้อ Scott’s Emulsion ก็เป็นอาหารบำรุงชั้นดีทีเดียว (น้ำมันตับปลาค้อด) สิ่งที่คุณจำเป็นต้องซื้อล่วงหน้าเข้าไว้ก่อน คือ: *กระดาษ Kleenex* *ยาพาราเซตามอล Paracetamol* *ยาแก้ไอ ตามที่ชอบ (ให้ดูฉลากยาด้วย เพื่อให้แน่ใจว่า ยาแก้ไอจะไม่มียาพาราเซตามอลไปเพิ่มอีก) *ยาอมผสมสังกะสี *สะเปรย์พ่นคอ เช่น Andolex หรือ TCP *น้ำผึ้งกับมะนาวก็ได้นะ ดีทีเดียวละ​ ! ยาหม่อง Vicks* vaporub ก็ดีนะ คนใช้กันเยอะ *เครื่องลดความชื้น ก็ควรจะซื้อมาใช้ในห้องที่คุณจะนอนทั้งคืน (คุณอาจจะใช้วิธีอาบน้ำอุ่นจากฝักบัว และนั่งในห้องน้ำ หายใจเอาไอน้ำเข้าตัวก็ได้นะ) ถ้าคุณเคยเป็นหอบหืด และหมอเคยจ่ายยาพ่นให้ ต้องแน่ใจนะว่า มันยังไม่หมดอายุ ให้หายาพ่นมาสำรองไว้นะ *อาหารการกิน* นี่เป็นเวลาเหมาะแก่การทำอาหารดีๆกิน ให้ทำซุบไว้เยอะๆเลย ใส่ตู้เย็นเอาไว้ พร้อมทุกเมื่อ *น้ำ น้ำ น้ำ* ตุนไว้เลยนะ ของเหลวใสๆที่คุณชอบนั่นแหละ เอาไว้ดื่มกิน น้ำประปาก็น่าจะดีนะ บางครั้งบางคราวคุณอาจนะต้องใช้ *การจัดการกับอาการที่เกิดขึ้น เมื่อมีไข้สูงกว่า 38°c ให้กินยา Paracetamol จะดีกว่ายา Ibuprofen. *พักผ่อนเยอะๆ * คุณไม่ควรออกจากบ้านนะ​ ! ถึงแม้ว่าคุณรู้สึกดีขึ้น ไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ก็อาจจะมีเชื้อไวรัสอยู่กับตัวไปตั้ง 14 วัน ดังนั้น คนแก่กับคนที่มีปัญหาสุขภาพอยู่แล้ว อย่าไปใกล้เขานะ *ใส่ถุงมือและหน้ากากอนามัย* เพื่อป้องกันไม่ให้กระจายเชื้อไปให้คนอื่นในบ้านของคุณเอง *กักตัว* ในห้องนอน ถ้าคุณไม่ได้อยู่แต่ลำพัง ให้บอกเพื่อนและคนในครอบครัวให้ วางสิ่งที่จะส่งให้คุณไว้ภายนอก เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสติดต่อ *ทำความสะอาด* ซักผ้าปูที่นอน เสื้อผ้าบ่อยๆ และล้างห้องน้ำด้วยน้ำยาทำความสะอาดด้วย *คุณไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล เว้นไว้แต่ว่า คุณกำลังหายใจลำบาก หรือมีไข้สูงมาก(มากกว่า 39°C) แล้ว ใช้หยูกยาต่างๆ​ ไม่ได้ผล กับผู้ใหญ่ ที่มีสุขภาพดีแล้ว 90% สามารถดูแลได้ที่บ้าน โดยการพักผ่อน ดื่มน้ำ กินยาที่หาซื้อได้จากร้านขายยา ถ้าคุณกังวล หรือไม่สบายใจ​ รู้สึกว่า ตัวเองอาการจะหนักขึ้น *ความเสี่ยงที่มีอยู่แล้ว* ถ้าคุณมีปัญหาเกี่ยวกับสภาพปอด (เช่น​ หายใจติดขัด ถุงลมโป่งพอง มะเร็งปอด) หรือกำลังได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ต้องคุยกับหมอแล้วละว่า คุณควรจะทำอย่างไร หากคุณเกิดไม่สบายขึ้นมา *สำหรับเด็กๆ* พ่อแม่ออกจะโล่งใจว่า โคโรนาไวรัส ญาติดีกับเด็กมาก มันมักจะเป็นไม่กี่วันก็หาย (แต่มันก็ยังเป็นเชื้อโรคติดต่อนะ) จึงต้องคำนึงถึงสภาพเด็กๆ​ ด้วย . *ให้มีสติและตระเตรียมตามควรแก่เหตุ* แล้วทุกอย่างจะไม่เสียหาย จะบอกคุณเอาไว้ว่า ค่า pH ของโคโรนาไวรัสทั้งหลาย มีได้ตั้งแต่ 5.5 ถึง 8.5. สิ่งที่เราต้องทำ ในการจัดการกับไวรัสโคโรนา คือ เราต้องกินอาหารที่มีฤทธิ์เป็นด่าง โดยมีค่า pH สูงกว่าของไวรัส ดังที่บอกไว้ข้างบนนี้ อาหารเหล่านั้น เช่น *มะนาวฝรั่ง - 9.9pH* *มะนาว - 8.2pH* *อะโวคาโด - 15.6pH* *กระเทียม - 13.2pH* *มะม่วง - 8.7pH* *ส้มเขียวหวาน - 8.5pH* *สับปะรด - 12.7pH* *ดอกเก็กฮวย(?) - 22.7pH* *ส้ม - 9.2pH* คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณติดไวรัสโคโรนาเข้าให้แล้ว? 1. คันคอ 2. คอแห้ง 3. ไอแห้งๆ 4. มีไข้ตัวร้อน 5. หายใจถี่ หอบ 6. ไม่ได้กลิ่น และไม่รู้รส 7. นิ้วเท้า มีสีเขียวคล้ำ หรือดำ ดังนั้น เมื่อใดมีอาการอย่างนี้ให้กินน้ำอุ่น ร่วมกับน้ำมะนาวเข้าไปเลย อย่าเก็บข้อมูลนี้ไว้ กรุณาส่งต่อๆไปให้คนในครอบครัวและเพื่อนๆด้วยนะ
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ข้อความนี้ พระเทพฯ ทรงให้สัมภาษณ์ จริงหรือไม่
    ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึงพ่ออยู่หัว ร.9 พระเทพฯ ทรงกล่าวให้สัมภาษณ์ 1. จากนี้ไปประเทศไทยของเราจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีก อาจมีหลายสิ่งเปลี่ยนไป รอยต่อของคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่อาจชัดเจนขึ้น มันคือการเปลี่ยนผ่านในวันที่พ่อไม่อยู่ ทุกคนมีสิทธิ์เสียใจ และควรเสียใจ ทุกคนมีสิทธิ์กลัว และควรกลัว แต่จงตระหนัก เตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงด้วยสติปัญญา 2. พ่อคือตัวแทนของความพอเพียง เป็นต้นฉบับของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในวันที่ประเทศไทยกำลังถูกปั่นด้วยกระแสความโลภ จงหยิบภูมิปัญญาของท่านมาใช้ให้เกิดประโยชน์ จดจำหลอดยาสีฟันของท่านไว้ จดจำการแต่งกายที่เรียบง่ายของท่านไว้ อะไรที่ประหยัดได้จงประหยัด อะไรที่พึ่งพาตนเองได้จงพึ่งพา อะไรที่แบ่งปันได้จงแบ่งปัน เมื่อยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้แล้ว เราจะพึ่งพาผู้อื่นน้อยลง 3. พ่อเป็นผู้มีความเพียรดุจพระมหาชนก ท่านเป็นผู้ว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรโดยไม่เคยถามว่าเมื่อไหร่จะถึงฝั่ง ความคิดเช่นนี้ทำให้ท่านทำงานที่ยิ่งใหญ่ได้ ฝากถึงคนไทย อย่าทำงานด้วยตัณหา อย่าขับเคลื่อนชีวิตด้วยความอยากมี อยากได้ อยากเป็น อย่าให้อำนาจวัตถุบังตาจนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี จงขับเคลื่อนชีวิตและการงานด้วยฉันทะ ความรัก ความเมตตา ด้วยประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เหมือนที่พ่อเคยทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง 4. พ่อยืนเคียงข้างคนยากจนเสมอ คนจนอยู่ที่ไหนท่านก็อยู่ที่นั้น ท่านเดินทางบุกป่าฝ่าดงไปเยี่ยมพวกเขาถึงบ้าน เป็นพระราชาผู้อยู่ง่าย กินง่าย ไม่ยึดติดความหรูหรา เมื่อพ่อไม่อยู่แล้ว เราอย่าหลงลืมปณิธานข้อนี้ อย่าทอดทิ้งคนยากจน จงหยิบยื่นโอกาสให้ผู้ด้อยกว่า อย่าใช้ช่องว่างกฎหมายซ้ำเติมและเอาเปรียบผู้อื่น 5. ไม่มีท่าน เราจะมานั่งทะเลาะกันเหมือนในอดีตไม่ได้ เพราะไม่มีใครที่จะมาห้ามเราได้ ไม่มีใครอีกแล้วที่เราจะเกรงใจ รับฟังเหมือนที่เคยรับฟังท่าน ถ้าทุกฝ่ายไม่คิดถึงข้อนี้ให้มาก ถ้ายังเอาแต่ความคิดตนเป็นใหญ่ ประเทศไทยที่เรารัก ย่อมตกอยู่ในฐานะอันตราย เมื่อพ่อไม่อยู่แล้ว จงรักและถนอมน้ำใจกันให้มากกว่าที่ผ่านมา 6. สิ่งที่พ่อทิ้งไว้ ไม่ใช่เพียงอิฐ หิน ปูน ทราย แต่เป็นความรู้ขั้นปรีชาญาณ เราอาจรักษาร่างกายท่านไว้ไม่ได้ เพราะนั่นคือกฎธรรมชาติ แต่เราสามารถรักษาภูมิปัญญาของท่านไว้ได้ จงค้นคว้าข้อมูลทางเทคนิคต่างๆ ฝนเทียมเกิดได้อย่างไร กังหันน้ำชัยพัฒนาคืออะไร มันมีความน่าทึ่งยังไงในมิติทางวิศวกรรม การเพาะปลูกโดยไม่พึ่งสารเคมีทำได้อย่างไร การพัฒนาดิน รักษาน้ำ ชุบชีวิตป่าเป็นอย่างไร ทำไมท่านไม่สนับสนุนให้ปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำไมท่านจึงส่งเสริมให้ชาวบ้านรู้จักการห่มดิน ท่านเคยสร้างรากฐานอันใดไว้ให้วงการเกษตรกรรมของชาติ สิ่งเหล่านี้ควรสนับสนุนให้มีการร่ำเรียนกันเป็นระบบ ในโรงเรียน มหาวิทยาลัย ถ้าเราทำเช่นนี้ได้ภูมิปัญญาที่ท่านคิดค้นมาหลายสิบปีจะไม่สูญหายไปจากสังคมไทย 7. จากนี้ไปจะมีคนอีกมาก ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง อาจมีคนที่ไม่เข้าใจท่านออกมาพูดในสิ่งที่เราไม่ชอบ จงใช้สติ อดทน ไม่โต้ตอบ เหมือนที่ท่านได้กระทำมาชั่วชีวิต พระพุทธเจ้าตรัสไว้เสมอ ไม่เคยมีสันติภาพใด เกิดจากความรุนแรงและคำด่าทอ 8. พ่อเป็นผู้ค้ำชูศาสนาโดยแท้จริง ไม่ใช่ด้วยคำพูด หรือแค่เม็ดเงินบริจาค แต่ท่านคือผู้พิสูจน์ธรรมะด้วยกายใจ ในฐานะผู้ปฏิบัติธรรม ท่านคือนักภาวนาที่หาตัวจับยาก เป็นผู้มีอานาปานสติเป็นวิหารธรรม ทำไมพ่อทำงานหนัก แต่ยังมีเวลาภาวนา ทำไมเราทำงานน้อยกว่าท่าน แต่เรากลับอ้างว่าเราไม่มีเวลา สิ่งนี้ต้องคิดให้มาก เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเอง 9. พ่อคือครูผู้ยิ่งใหญ่ที่สอนด้วยชีวิตและการกระทำ ชีวิตคือธรรมะ และธรรมะก็คือชีวิตที่ตั้งอยู่ในความธรรมดาที่เกิดขึ้นกับเราทุกคน พ่อกำลังบอกเราว่า จงดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท ทำให้ดีที่สุดในวันนี้ จะไม่ต้องติดค้างเสียใจในภายหลัง 10. แม้วันนี้พ่อจะไม่อยู่ แต่ขอให้ชาวไทยจงวางใจว่า สถานที่ที่ท่านเดินทางไปนั้น น่าอยู่และงดงามกว่านี้หลายเท่า ท่านคือพระโพธิสัตว์ผู้ผ่านมาสร้างแสงสว่าง การเกิดของท่านในชาตินี้เป็นการเกิดที่สมศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ และเราทั้งหลายควรภูมิใจไปกับท่าน ท่านคงไม่อยากให้เราคนไทยถูกทับถมด้วยทะเลแห่งความเศร้า อย่าทิ้งหน้าที่ อย่าทิ้งการงาน และสิ่งต่างๆ ที่รับผิดชอบอยู่ จงตั้งสติให้มั่นคง เป็นกำลังสมาธิ เป็นความสว่างเบิกบาน เพื่อน้อมส่งท่านสู่สวรรค์คาลัย ด้วยหัวใจแห่งความรักของเราชาวไทยทุกคน… อ่านจบ อดไม่ได้ที่จะแชร์ต่อ เพราะเป็นประโยชน์มากๆ ควรจดจำให้ขึ้นใจ..ทิ้งไม่ได้แม้แต่ข้อเดียว..เลยคัดลอกมาให้ทุกท่านได้อ่านด้วยกัน นะคะ.. เขียนด้วยความรัก สำนึก และบูชาตลอดไป อ่านแล้วน้ำตาไหล 😭 😭
    Mrs.Doubt
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    วันไหว้พระจันทร์ ปีนี้ตรงกับวัน อังคาร ที่ 21 กันยายน 2564 เป็นเทศกาลตามวัฒนธรรมจีนที่มีขึ้นในกลางฤดูใบไม้ร่วง เพื่อเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยว จะมีขึ้นในคืนวันเพ็ญเดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติ ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 21 กันยายน 2564 และในเทศกาลไหว้พระจันทร์นี้ ชาวจีนจะเฉลิมฉลองด้วยการไหว้ดวงจันทร์ในเวลากลางคืน ในบางประเทศ เช่น ฮ่องกง, ไต้หวัน, สิงคโปร์ หรือเวียดนาม จะจัดเป็นประเพณีใหญ่ มีการเฉลิมฉลองด้วยโคมไฟสีแดง เป็นสีสันยามค่ำคืน หรือบางแห่งอาจมีการเชิดมังกร ทั้งนี้จะมีชื่อเรียกต่างกันออกไปตามแต่ท้องถิ่น ขนมไหว้พระจันทร์ นอกจากนี้แล้ว ยังมีขนมชนิดหนึ่ง เรียกว่า "ขนมไหว้พระจันทร์" ที่มีสันฐานกลมคล้ายขนมเค้ก ทำจากแป้ง มีไส้ต่างๆ เป็นธัญพืช ใช้เซ่นไหว้และรับประทานกันจนเป็นเอกลักษณ์สำหรับเทศกาลนี้ แต่ชาวสนุก! ดูดวงรู้หรือไม่ว่าประวัติความเป็นมาของวันไหว้พระจันทร์มีที่มาที่ไปอย่างไร... ประวัติของวันไหว้พระจันทร์ เทศกาลไหว้พระจันทร์ของทุกปี (วันที่ 15 เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน) ทุกๆ ครัวเรือนจะซื้อขนมไหว้พระจันทร์มาไหว้พระจันทร์ พร้อมกับการชมพระจันทร์จนกลายเป็นประเพณีของจีนตลอดมา สำหรับประเพณีรับประทานขนมไหว้พระจันทร์ในวันไหว้พระจันทร์นั้น เกิดขึ้นเมื่อสมัยมองโกลเข้ามาปกครองแผ่นดินจีน เมื่อชาวมองโกลกดขี่ข่มเหงและทำร้ายชาวจีนอย่างโหดเหี้ยม และเพื่อควบคุมดูแลชาวจีนอย่างใกล้ชิด ชาวมองโกลจึงส่งทหารของตนไปประจำอยู่ในบ้านของชาวจีนครอบครัวละ 1 คน เป็นอันว่าชาวจีนทุกๆ ครัวเรือนต่างต้องเลี้ยงดูทหารมองโกล 1 คน ทหารมองโกลเหล่านี้ยังก่อกรรมทำชั่วไปหมด ทำให้ชาวจีนขุ่นเคืองใจเป็นอย่างยิ่ง ต่อมาท่านหลิวปั๋วเวิน คิดได้วิธีหนึ่ง คือ ให้นำกระดาษเขียนข้อความ แล้วสอดไส้ไว้ในขนม เรียกร้องให้ชาวจีนทุกคนลงมือสังหารทหารมองโกลที่ประจำอยู่ในบ้านของตน อย่างพร้อมเพรียงกันในวันเพ็ญเดือนแปด ทั้งนี้เพื่อให้ชาวจีนที่ไปซื้อขนมมารับประทานกัน ต่างได้อ่านข้อความดังกล่าวและช่วยกันกระจายข่าวนี้ออกไป เพื่อก่อการปฏิวัติโดยพร้อมเพรียงกัน ณ วันเพ็ญเดือนแปด ทำให้สามารถโค่นล้มอำนาจการปกครองของมองโกลในที่สุด เพื่อเป็นการฉลอง และรำลึกการกอบกู้แผ่นดินที่ประสบความสำเร็จ ประเพณีรับประทานขนมไหว้พระจันทร์ในวันเทศกาลดังกล่าวจึงมีการสืบทอดกันตลอดมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าแห่งหนใดที่มีชาวจีนเดินทางไปถึงก็จะพาประเพณีรับประทานขนมไหว้พระจันทร์ ไปด้วย สำหรับขนมไหว้พระจันทร์ที่แพร่หลายในไทยนั้น เป็นแบบของกวางตุ้งโดยส่วนใหญ่ หลายปีที่ผ่านมา ขนมไหว้พระจันทร์ที่ผลิตในไทย ไม่ว่าด้านคุณภาพ รสชาติ และการบรรจุล้วนมีระดับที่สูงขึ้น  ขนมไหว้พระจันทร์ ซึ่งขนมไหว้พระจันทร์ในปัจจุบันขนมไหว้พระจันทร์ได้มีการดัดแปลงทั้งรสชาติและรูปร่างหน้าตาให้ดูทันสมัยหลากหลายไส้มากขึ้น แต่ก่อนที่เราจะไปทราบว่าไส้ต่างๆ ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดมีอะไรบ้างเรามารู้กันสักนิดว่า "ขนมไหว้พระจันทร์" ทำไมต้องเป็นทรงกลม คำตอบก็คือเพราะขนมไหว้พระจันทร์เป็นขนมที่เราใช้ไหว้พระจันทร์ จึงต้องทำออกมาในลักษณะทรงกลมคล้ายดวงจันทร์นั่นเอง ส่วนตัวขนมจะทำจากแป้งและใส่ไส้เอาไว้ภายใน เจ้าไส้ที่ว่านี่แหละที่เป็นจุดเด่นที่ทำให้ขนมไหว้พระจันทร์มีจุดเด่นต่างกันออกไป ซึ่งส่วนใหญ่หากเป็นแบบต้นตำหรับจะเป็นธัญพืชต่างๆ เช่น ทุเรียน, เมล็ดบัว, แมคคาเดเมีย, พุทราจีน เป็นต้น ขนมไหว้พระจันทร์มีไส้อะไรบ้าง ขนมทรงกลม สามารถใส่ไส้ได้หลากหลาย แต่ขนมแบบดั้งเดิมจะนิยมใช้เป็นไส้ธัญพืชและเนื้อของผลไม้กวนหลากรส มักใช้เป็นผลไม้ที่เก็บไว้ได้นานผ่านการแปรรูปแล้วเช่น ทุเรียนกวน, เมล็ดบัว, ถั่วกวนต่างๆ ส่วนในปัจจุบันมีการดัดแปลงไส้ต่างๆ ให้มีความหลากหลาย มากยิ่งขึ้น โดยการเพิ่มเนื้อสัตว์ต่างๆ เข้าไป เช่น ขนมไว้พระจันทร์ไส้หมูแฮม ไส้ไข่เค็ม ไส้หมูแดงและหมูหยองเป็นต้น แต่ในปัจจุบันก็ได้มีการดัดแปลงทำให้ทันสมัยและรับประทานง่ายขึ้นด้วยการทำไส้ที่หลากหลายเช่น ชาเขียว อัลมอลด์ ช็อกโกแลต ครีมคัสตาร์ด หรือบางแห่งก็จะทำออกมาคล้ายๆ ขนมโมจิ มีสีสันและรูปทรงน่ารับประทานมากขึ้นนั่นเอง พอเรารู้จักที่มาที่ไปประวัติวันไหวพระจันทร์กันแล้ว และได้รู้ถึงเรื่องราวของขนมไหว้พระจันทร์กันไปพอสมควรสิ่งต่อไปก็คือ ขั้นตอนของการไหว้พระจันทร์ต้องทำอย่างไร? ขั้นตอนพิธีการไหว้พระจันทร์ พิธีไหว้พระจันทร์จะไหว้กลางแจ้งหลังพระอาทิตย์ตกดินหรือเริ่มตอนหัวค่ำ (เมื่อเห็นพระจันทร์ก็สามารถไหว้ได้เลย) การตั้งโต๊ะจะจัดให้เรียบร้อยก่อนพระจันทร์ลอยสูงเกินขอบฟ้า และเก็บก่อนที่พระจันทร์เลยหัวไปหรือเมื่อเทียนดอกใหญ่ดับลง สถานที่ไหว้พระจันทร์อาจเป็นลานบ้านหรือดาดฟ้าก็ได้ เครื่องบวงสรวงที่ใช้จะไหว้ด้วยของเจเหมือนไหว้เจ้าแม่กวนอิม ซึ่งไหว้พระจันทร์เพื่อให้มีคู่ คนจีนจะถวายอาหารเป็นเลขคู่ แต่บางคนอาจถวายอย่างละ 5 ก็ได้ ของไหว้ควรเป็นของแห้ง เพราะการไหว้พระจันทร์จะทำพิธีในตอนกลางคืน หากไหว้ด้วยของสดอาจเน่าเสียได้ง่าย ของไหว้ประกอบไปด้วย น้ำชาหรือใบชา 4 ถ้วย อาหารเจ 4 อย่าง เช่น วุ้นเส้น, ดอกไม้จีน, เห็ดหูหนู, เห็ดหอม, ฟองเต้าหู้ เป็นต้น ขนมหวาน 4 อย่าง เช่น ขนมไหว้พระจันทร์ ขนมเปี้ยะ สาคูแดง 4 ถ้วย ขนมโก๋สีขาว ผลไม้ 4 อย่าง ควรเป็นผลไม้ที่เป็นมงคล เช่น - ทับทิม ที่มีเมล็ดมากมาย หมายถึง การมีลูกเต็มบ้าน หลานเต็มเมือง - แอปเปิ้ล หมายถึง ความสงบสุข สันติ - ส้มโอ หัวเผือก - องุ่น หมายถึง มีแต่ความเพิ่มพูน - ส้ม หมายถึง เป็นสิ่งมหามงคล - สาลี่ หมายถึง มีแต่เรื่องดีๆ สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต ดอกไม้สด 1 คู่ ธูป 3 ดอก หรือ 5 ดอก เทียน 1 คู่ และกระถางธูป ของใช้ส่วนตัวของผู้หญิง เช่น ชุดเครื่องแป้ง เครื่องสำอาง เครื่องประดับ เครื่องแต่งกายของผู้หญิง โคมไฟ เพื่อให้มีชีวิตที่สว่างไสว อ้อย 1 คู่ สำหรับทำเป็นซุ้ม กระดาษไหว้พระจันทร์ กระดาษเงิน กระดาษทอง เช่น ค้อซี, กอจี๊, เนี้ยเก็ง, โป๊ยเซียนตี่เอี๊ย คือ กระดาษเงินกระดาษทอง, เนี้ยเพ้า คือ ชุดเจ้าแม่พระจันทร์ จากนั้นนำขอทั้งหมดมาจัดวาง เริ่มจากการตั้งโต๊ะ มีซุ้มประตูที่ทำจากต้นอ้อยผูกโคมไฟไว้กับต้นอ้อยให้สวยงาม วางกระถางธูป เทียนไว้ด้านหน้าสุด ดอกไม้วางไว้สองข้าง ผลไม้จัดตามความสวยงาม ส่วนขนมไหว้พระจันทร์ที่จัดเรียงเป็นชั้น วางขนมโก๋ และขนมหวานต่างๆ รอบโต๊ะวางประดับประดาด้วยกระดาษลวดลายที่มี อย่างไรก็ดีการจัดตั้งโต๊ะนั้นไม่ตายตัวเสมอไป แล้วแต่ใครมีวิธีการที่ต่างกันไปเน้นความสวยงามเป็นหลัก จากนั้นก็ไหว้อธิษฐานขอพรต่อพระจันทร์ บทสวดไถ่อิมแชกุงเสี่ยเก็ง “พระคัมภีร์แม่พระจันทร์” ไถ่ อิม ผ่อ สัก เฮี่ยง ตัง ไล๊ โชย เต๊ง ตี่ เง็ก กิ๋ว เต่ง ไค จับ บ่วง โป้ย โซย จู ผ่อ สัก จู ฮุก ผ่อ สัก เหลียง เปียง ไป๊ จู จุง ฮุก เก่ง บ่อ ฮุ๊ง ตี่ ฉุก จุ้ย โน๊ย ฮวย หมั๋ว ตี่ ไค ท้าว ตั่ว ฉีก จั๊ง จู ป้อ ถะ พั๊ว ซอ สี่ ไก่ งั้ง กวง เม็ง เจก ฮุก ป่อ ตับ ที ตี่ อึง หยี่ ฮุกป่อ ตับ แป๋ บ้อ อึง ต่อ แซ แป่ บ้อ เจ็ง ฮก ซิ่ว ก่วย สี่ แป่ บ้อ จ๋า เถี่ยว แซ นำ มอ ฮุก นำ มอ หวบ นำ มอ ออ นี ถ่อ ฮุก ที ล๊อ ซี๊ง ตี่ หล่อ ซี๊ง นั๊ง หลี่ หลั่ง หลั่ง หลี่ ซิง เจก เฉียก ใจ เอียง ฮ่วย อุ่ย ติ๊ง อู่ หนั่ง เนี่ยม ติ๊ก ฉีก เพียง ไถ่ อิม เก็ง แซ ซี่ ปุก ตะ ตี่ เง็ก มึ๊ง ถ้าหากใครที่ไม่สะดวกจะเตรียมของมากมายดังที่กล่าวไว้ สามารถใช้เพียงขนมไหว้พระจันทร์หรือขนมอื่นๆ ร่วมด้วยแต่ต้องเป็นขนมรูปทรงกลม รวมไปถึงของใช้ที่จำเป็นสำหรับผู้หญิง และโหลหรือชามใส่น้ำตั้งเอาไว้เพื่อให้เป็นแสงสะท้อนจากเงาจันทร์เสมือนว่าเราได้อาบแสงจันทร์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ไหว้นั่นเอง และสุดท้ายสิ่งที่หลายๆ คนหรือหลายๆ ครอบครัวจะได้จากการไหว้ใน วันไหว้พระจันทร์ ก็คือสมาชิกในครอบครัวได้มาอยู่พร้อมหน้ากันเพราะวันดีๆ แบบนี้จะมีเพียงปีละครั้ง นอกจากนี้ยังจะได้รับประทานอาหารพร้อมหน้ากันภายใต้พระจันทร์เต็มดวง อันเป็นการนำความสุขสมบูรณ์มาสู่สมาชิกครอบครัวได้เป็นอย่างดี นับว่ามีคุณค่าแก่การสืบทอดและเผยแพร่ตลอดไป
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false