(2461 ข้อความ)
- 1 คนสงสัยข่าวไม่จริง “อลงกรณ์” ยันไม่มีดีล “เฉลิมชัย” ขน 16 ส.ส. ร่วมรัฐบาลก้าวไกลวันที่ 19 พ.ค. 2566 นายอลงกรณ์ พลบุตร รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ชี้แจ้งผ่านไลน์กลุ่มสื่อมวลชน ถึงกระแสข่าว ส.ส.พรรค ปชป. ในกลุ่มของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค พยายามติดต่อไปยังพรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อไทย เพื่อขอเข้าร่วมรัฐบาล โดยมี นายเดชอิศม์ ขาวทอง ว่าที่ ส.ส.สงขลา และนายชัยชนะ เดชเดโช ว่าที่ ส.ส.นครศรีธรรมราช เป็นคีย์แมนหลักในการเดินเกม โดยมีเสียง ส.ส. ในมือทั้งหมด 16 เสียง นั้นนายอลงกรณ์ กล่าวว่า “ข่าวนี้ไม่เป็นความจริง เป็นการปล่อยข่าวเพื่อดิสเครดิตพรรคประชาธิปัตย์” โดยขอให้สื่อมวลชนตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนนำเสนอโดยเฉพาะการอ้างแหล่งข่าวที่ไม่ระบุตัวตนเพราะอาจตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองดิสเครดิตพรรคประชาธิปัตย์โดยไม่รู้ตัวข่าวการเมืองเลือกตั้งstd47644• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเปิดรับสมัครวีซ่าทำงานนิวซีเเลนด์ อายุ 20-55 ปี ถูกกฎหมาย ผ่านกระทรวงแรงงานตามที่มีข้อมูลเผยแพร่เกี่ยวกับเปิดรับสมัครวีซ่าทำงานที่ประเทศนิวซีเเลนด์ อายุ 20-55 ปี เงินเดือนขั้นต่ำ 70,000-100,000 บาท ถูกกฎหมาย ผ่านกระทรวงแรงงาน ผ่านกรมการจัดหางานstd47636• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยอลงกรณ์” ยันไม่มีดีล “เฉลิมชัย” ขน 16 ส.ส. ร่วมรัฐบาลก้าวไกลรักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แจง ข่าวไม่จริง “เฉลิมชัย” เตรียมขน 16 ส.ส. ดีลร่วมรัฐบาลก้าวไกล บอกเป็นการปล่อยข่าว หวังดิสเครดิตพรรค วันที่ 19 พ.ค. 2566 นายอลงกรณ์ พลบุตร รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ชี้แจ้งผ่านไลน์กลุ่มสื่อมวลชน ถึงกระแสข่าว ส.ส.พรรค ปชป. ในกลุ่มของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค พยายามติดต่อไปยังพรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อไทย เพื่อขอเข้าร่วมรัฐบาล โดยมี นายเดชอิศม์ ขาวทอง ว่าที่ ส.ส.สงขลา และนายชัยชนะ เดชเดโช ว่าที่ ส.ส.นครศรีธรรมราช เป็นคีย์แมนหลักในการเดินเกม โดยมีเสียง ส.ส. ในมือทั้งหมด 16 เสียง นั้น นายอลงกรณ์ กล่าวว่า “ข่าวนี้ไม่เป็นความจริง เป็นการปล่อยข่าวเพื่อดิสเครดิตพรรคประชาธิปัตย์” โดยขอให้สื่อมวลชนตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนนำเสนอโดยเฉพาะการอ้างแหล่งข่าวที่ไม่ระบุตัวตนเพราะอาจตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองดิสเครดิตพรรคประชาธิปัตย์โดยไม่รู้ตัวข่าวการเมืองstd46298• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยพาดหัวข่าว ตำรวจ สภ.เมืองอุบลฯ ติดโควิดจากผู้ต้องหา 15 นาย จริงหรือไม่จากพาดหัวข่าวของ manager online ว่า "วุ่นทั้งโรงพัก! ตำรวจ สภ.เมืองอุบลฯ ติดโควิดจากผู้ต้องหาแล้ว 15 นาย" ทาง สถานีตำรวจภูธรจ.อุบลราชธานี ได้โพสต์ข้อความ แสดงข้อเท็ขขริงว่า ตำนวจไม่ได้ติดโควิด 15 นาย ติดเพียง 6 นาย นอกนั้นเป็น ญาติและผู้ต้องหา คำชี้แจง https://www.facebook.com/MuangUbonPolice/posts/4788118694541356โควิด 2019ภาคอีสานสุชัย เจริญมุขยนันท• 4 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย“เพื่อไทย”ใกล้ล่มสลาย กลุ่มทุนจ่อเซ้งพรรค https://mgronline.com/specialscoop/detail/9680000084856ข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยน้ำกระท่อมถูกกฏหมายในกรณีที่กระท่อมถูกปลดล็อคเป็นพืชเสรีจึงมีการซื้อขายกันมากขึ้นโดยจะมีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกระท่อมมากขึ้นหนึ่งในนั้นคือน้ำกระท่อมยาสมุนไพรมีมณัฏฐวรีย์ ไชยวัตร• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยมะนาวกับโซดารักษามะเร็งกินมะนาวกับโซดาสามารถรักษามะเร็งได้มะเร็งstd47926• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยกัญชากัญชา เป็นพืชล้มลุกคล้ายต้นหญ้า มีสารเคมีอยู่ในใบกัญชาชื่อ Cannabinoids ซึ่งมีฤทธิ์สำคัญได้แก่ THC และ CBD ในปัจจุบัน กันชานิยมนำไปใช้อย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็น สเปรย์ น้ำมัน แคปซูล เครื่องพ่นไอระเหยทางการแพทย์ ไปจนถึงการนำมาใส่ในอาหาร และเครื่องดื่มต่างๆ และในทางการแพทย์นั้น กัญชาทุกนำมาใช้ในการรักษาโรคต่างๆ โดยแต่ละรูปแบบของการรักษา ให้ปริมาณความเข้มของสารแคนนาบินอยด์ที่ไม่เหมือนกัน และตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการดูแลstd46308• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยศูนย์ต้านข่าวปลอม เปิด 5 พฤติกรรมเสี่ยงตกเป็นเหยื่อ มิจฉาชีพออนไลน์โดย 'กองบังคับการปราบปราม' เผยว่า 5 พฤติกรรม ที่ทำให้คุณตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ หลายๆ ท่านอาจสงสัยว่า เมื่อไรการฉ้อโกงออนไลน์จะหมดไปจากประเทศไทย ซึ่งคำถามนี้เป็นคำถามที่ตอบได้ง่าย และสามารถแก้ง่ายด้วยเช่นกัน โดยเริ่มจากการกำจัดพฤติกรรมที่มิจฉาชีพส่วนใหญ่เห็นเป็นจุดอ่อน และนำไปเป็นช่องทางที่มิจฉาชีพนำมาใช้ โดยเติมแต่งกลวิธีให้แนบเนียนขึ้น เพื่อที่จะหลอกลวงเอาทรัพย์สินจากท่าน ซึ่งหากเราเข้าใจ รู้ทัน และไม่ประมาทเกินไป ก็จะไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพออนไลน์Nuttawut Tinkeaw• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยแชร์ว่อน! พอกผิวด้วย "ฟักทอง" ช่วยบำรุงให้ผิวขาวขึ้น แจงแล้วเป็นข่าวปลอมจากกรณีที่มีผู้แนะนำเคล็ดลับความงาม ระบุว่า "พอกผิวด้วยฟักทอง" ช่วยบำรุงให้ผิวขาวขึ้น ทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า "การนำเนื้อฟักทองมาพอกนั้นไม่ได้ทำให้ผิวขาวขึ้น เนื่องจากสารอาหารส่วนใหญ่ คือ คาร์โบไฮเดรต ใยอาหาร มีโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ เช่น แคโรทีนอยด์ วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี วิตามินบี 3 ถึงแม้จะมีวิตามินบีที่มีคุณสมบัติทำให้ผิวขาวได้ แต่ไม่ได้มีปริมาณมากพอ และถึงจะเอาเนื้อฟักทองมาพอกผิว วิตามินบีก็ไม่สามารถปลดปล่อยและซึมเข้าสู่ผิวได้ นอกจากนี้การสัมผัสกับแสงแดดก็เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดสีเช่นกัน ดังนั้นผิวจะขาวขึ้นได้จะต้องหลีกเลี่ยงแสงแดด หมั่นทาครีมกันแดด ใส่เสื้อผ้าแขนยาว เป็นต้น”ความสวยความงามยาสมุนไพรstd48431• 2 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยลาก่อนของอร่อย หนุ่มซื้อทุเรียนออนไลน์ กำลังเคี้ยวเพลินๆ กัดเจอ "เล็บคน"อุทาหรณ์ ผู้บริโภคหนุ่มวัย 20 ปี ซื้อทุเรียนทอดจากร้านออนไลน์ กำลังกินกับเพื่อนเพลินๆ กัดเจอ "เศษเล็บ" ล่าสุดร้านค้าขอโทษแล้ว พร้อมโอนเงินคืนstd48137• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอาหารเสริมผิวขาวตัวแทนบริษัทอาหารเสริมผิวขาวได้ติดต่อมาพูดคุยกับแม่ผู้เสียหาย ยืนยันว่า ไม่มีทางใส่สาร"เมทแอมเฟตามีน"ในผลิตภัณฑ์อย่างแน่นอน คาดว่า ตัวยาที่เด็กกินเข้าไป เป็นของปลอมที่ทำเลียนแบบ และนำมาวางขาย อยากให้ส่งมาให้ทางบริษัทตรวจสอบเพื่อความชัดเจนstd48392• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม! แถบสีท้ายหลอดยาสีฟัน บอกชนิดสารที่ใช้ผลิตแถบสีท้ายหลอดยาสีฟันไม่มีผลต่อการเลือกใช้ยาสีฟัน และไม่ได้เกี่ยวข้องกับส่วนผสมของยาสีฟันแต่อย่างใด แถบสีมีไว้ให้เซ็นเซอร์ของเครื่องจักรตรวจสอบและซีลปลายหลอดให้ตรงกันทุกหลอดเท่านั้นผู้บริโภคเฝ้าระวังstd48949• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยบ.อาหารเสริมผิวขาว อ้างเป็นของปลอม หลังหญิง 19 ปีกินตรวจเจอสารเสพติดเด็กหญิงวัย 19 ปี ไปตรวจสุขภาพ เพื่อเตรียมก่อนเข้าเรียนคณะเภสัช แต่ผลตรวจกลับพบสาร ”เมทแอมเฟตามีน” (สารในยาบ้า) ในปัสสาวะ ไม่ผ่านการตรวจโรคเข้าเรียน คาดผสมมาในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อผิวขาวที่ซื้อมากินจากอินเตอร์เน็ตความสวยความงามภาคอีสานผู้บริโภคเฝ้าระวังstd48187• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อผิวขาวไปตรวจสุขภาพ เพื่อเตรียมก่อนเข้าเรียนคณะเภสัช แต่ผลตรวจกลับพบสาร ”เมทแอมเฟตามีน” (สารในยาบ้า) ในปัสสาวะ ไม่ผ่านการตรวจโรคเข้าเรียน คาดผสมมาในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อผิวขาวที่ซื้อมากินจากอินเตอร์เน็ตนั้นstd46736• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยปานเทพ ตอบชูวิทย์เรื่องกัญชาไม่มีใครสนับสนุนให้เสรี มีกฏหมายควบคุมอยู่แล้ว เปิดหลักฐานเจ้าหน้าที่รัฐและตำรวจจับ ยึด เพิกถอนใบอนุญาต จนถึงขั้นต้องระหว่างโทษจำคุกด้วย พิสูจน์ว่ากฎหมายบังคับใช้ได้เจ๋งไม่เคยคุมเครือ ชูวิทย์ห่วงเยาวชนแต่กลับให้เปิดร้าน ขายช่อดอกกัญชาเพื่อนันทนาการในโรงแรมตัวเองเป็นตรรกะที่ย้อนแย้งของชูวิทย์ https://youtu.be/5FzfiXfstNkข่าวการเมืองยาสมุนไพร เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยhttp://qbziie.cyou/2d5daV1ieAZ0XnF0REhTLBZgZBtDLg5VM35aV1FHEQQHKisBbhwUEB4oGgMkRQ8EKBxWKWoxDjIUcgE0dDk2cWIABQtZ&p=qaxolnผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้วmeter: false2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยศบค. - กรมควบคุมโรค ประกาศพื้นที่จุดเสี่ยง 25 เขต ใน กทม.ข้อมูลจากศูนย์ติดตามสถานการณ์ COVID-19 และกรมควบคุมโรค เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2563 โดยมีข้อความ ประกาศพื้นที่จุดเสี่ยง 25 เขตใน กทม.นั้น ไม่เป็นความจริงโควิด 2019Nuttawut Plodjinda• 5 ปีที่แล้วmeter: mostly-false--middle3 ความเห็น
- 1 คนสงสัยองค์การอนามัยโลก ชี้ภาพรวมของสถาณการ์ณการระบาดโควิด 19 ในยุโรปยังไม่ชัดเจนองค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า ภาพรวมของสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในยุโรปยังคงไม่ชัดเจน โดยมีบางประเทศ เช่น อิตาลีและสเปน มีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง ขณะที่บางประเทศนั้นมีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงขึ้นโควิด 2019naydoitall• 6 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย#หยุดใช้ยาปฏิชีวนะรักษาโรคติดเชื้อไวรัส 100% ของโรคหวัด (น้ำมูก ไอ เจ็บคอ) เกิดจากไวรัส 100% ของไข้หวัดใหญ่ (ไข้ ปวดตัว ปวดหัว ไอ) เกิดจากไวรัส 100% ของโควิด (ไข้ ไอ เจ็บคอ) เกิดจากไวรัส 90-98% ของไซนัสอักเสบ (ไข้ แน่นจมูก น้ำมูกเหลือง/เขียว) เกิดจากไวรัส 95% ของหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน (ไอมาก เสมหะเหลือง/เขียว) เกิดจากไวรัส เพียง 7% ของคอหอยอักเสบในเด็ก (ไข้ เจ็บคอ ไม่ไอ) เกิดจากแบคทีเรีย ยาปฏิชีวนะไม่มีประโยชน์ในโรคติดเชื้อไวรัส เพราะ *ไม่ออกฤทธิ์ต่อไวรัส *ไม่บรรเทาอาการ *ไม่ทำให้โรคหายเร็วขึ้น *ไม่ป้องกันโรคแทรกซ้อน /กินไปไม่ได้ประโยชน์ /แถมได้รับอันตรายจากผลข้างเคียง /ก่อเชื้อดื้อยาสะสมไว้ในร่างกาย /และเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ ถาม เมื่อไหร่จะเลิกสั่งยาปฏิชีวนะให้คนเป็นไข้หวัดเสียทีทั้งที่รู้ว่าเกิดจากไวรัส (ผศ.นพ.กำธร มาลาธรรม อดีตนายกสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย) ตอบ เริ่มวันนี้เลย ด้วยการร่วมด้วยช่วยกัน +ประชาชน งดใช้ งดขอ งดซื้อ +ร้านขายยา งดขาย +แพทย์/ทันตแพทย์/พยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน งดจ่ายยาปฏิชีวนะในโรคติดเชื้อไวรัส #หยุดใช้ยาปฏิชีวนะรักษาโรคติดเชื้อไวรัส สยส. สร้างเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล 19 พย. 2565 ร่วมรณรงค์ในวาระ สัปดาห์รู้รักษ์ ตระหนักใช้ยาปฏิชีวนะ เอกสารอ้างอิง common cold https://www.cdc.gov/antibiotic-use/colds.html acute rhinosinusitis https://academic.oup.com/cid/article/54/8/e72/367144 acute bronchitis https://www.msdmanuals.com/professional/pulmonary-disorders/acute-bronchitis/acute-bronchitis acute pharyngitis https://journal.seameotropmednetwork.org/index.php/jtropmed/article/view/337ผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเรื่องนี้น่าสนใจมาก...หากประสบผลสำเร็จ คนที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดคงจะสบายสักที...... --------‐--‐-----//------------------ มนุษย์จะมีอายุขัยเพิ่มขึ้น! ทำความรู้จัก “อนุภาคนาโน” ที่ถูกค้นพบเมื่อปีที่แล้ว และอาจทำให้ “โรคหัวใจ” กลายเป็นแค่ประวัติศาสตร์ ทุกวันนี้ เวลาได้ยินข่าวคนดังเสียชีวิต มักมีสาเหตุมาจาก “มะเร็ง” และพานคิดว่ามะเร็งน่าจะเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของมนุษย์ แต่นั่นคือความเข้าใจผิด เพราะสาเหตุการตายอันดับ 1 ของมนุษย์ปัจจุบันคือ “โรคหัวใจ” หรือชื่อเต็มๆ ก็คือ “โรคหัวใจและหลอดเลือด” มนุษย์ที่เสียชีวิตเพราะโรคกลุ่มนี้ในแต่ละปีมากถึง 30% และเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 แซงหน้ามะเร็ง 1.เราอาจสังเกตว่า “คนสมัยก่อน” มักจะไม่ได้ตายเพราะ “โรคมะเร็ง” หรือ “โรคหัวใจ” . เหตุที่ช่วงหลังมานี้ “โรคมะเร็ง” และ “โรคหัวใจ” ขึ้นอันดับ 1 และ 2 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่ามนุษย์ปัจจุบันอายุยืนขึ้น เราไม่ค่อยตายจากสงครามและโรคติดเชื้อต่างๆ แบบในอดีต พออยู่มาจนแก่ . เราจึงเผชิญหน้ากับโรคที่โดยทั่วไปใช้เวลาพัฒนาหลายสิบปีกว่าจะพัฒนาจนคร่าชีวิตผู้คนได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคตับ โรคปอด โรคไต ฯลฯ 2.ก่อนหน้านี้ โรคที่ฆ่ามนุษย์เป็นอันดับ 1 คือ “มะเร็ง” เหตุที่เป็นเช่นนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะคำว่า “มะเร็ง” นั้นกินความกว้างมากๆ เพราะเกิดจากการที่เซลล์ของอวัยวะร่างกายกลายพันธุ์เป็นเนื้อร้าย เรียกได้ว่าเกิดเนื้อร้ายส่วนไหนก็นับเป็นมะเร็งหมด พอแก่ตัวไป แนวโน้มที่เซลล์จะกลายพันธุ์ก็ยิ่งเยอะมากขึ้น . ผลในทางสถิติคนก็เลยเป็นมะเร็งกันเยอะ และในอดีตเป็นโรคที่ “ไม่มีทางรักษา” . แต่ยุคหลังๆ เริ่มมีแนวทางการรักษาใหม่ๆ เริ่มมีเทคนิคการคัดกรองที่ดีขึ้น คนก็เลย “จัดการ” กับมะเร็งได้ดีกว่าก่อนมาก ส่งผลให้ “โรคหัวใจ” เป็นโรคที่กลายเป็นภัยต่อชีวิตอันดับ 1 ของมนุษย์ 3.คำว่า “โรคหัวใจ” ในความหมายของโรคหัวใจและหลอดเลือดก็เป็นคำที่กินความกว้างมากคือ กินความตั้งแต่ภาวะหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ตีบทำให้อวัยวะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ไปจนถึงภาวะผิดปกติทางกายภาพของหัวใจที่ส่งผลต่อการสูบฉีดเลือด . อย่างไรก็ดี สิ่งที่ใกล้ชิดกับโรคหัวใจที่สุดก็คือภาวะอย่าง ‘หลอดเลือดแข็งตัว’ (atherosclerosis) หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า “ไขมันเกาะผนังหลอดเลือด” ในระดับที่เรียกได้ว่า เป็นภาวะยอดฮิตที่คนจะป่วย และพัฒนาไปเป็นโรคหัวใจในที่สุด . แม้ว่าคนจะนิยมเรียกกันแบบนี้ แต่สิ่งที่ไปพอกผนังหลอดเลือดนั้นไม่ใช่ “ไขมัน” แต่คือซากเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ตายขณะที่มันพยายามจะทำลายคอเลสเตอรอลที่หลุดเข้ามาในผนังหลอดเลือด . (ซึ่งคอเลสเตรอลไม่ใช่ไขมัน ร่างกายใช้คอเลสเตอรอลเป็นพลังงานไม่ได้ ดังนั้นอย่าเข้าใจผิดๆ ว่าเวลาเรา “เบิร์น” ตอนออกกำลังกาย แล้วจะเอาคอเลสเตอรอลมาใช้ ร่างกายเราไม่ได้ทำงานอย่างนั้น) . พอซากเซลล์เม็ดเลือดขาวตายสะสมกันในผนังหลอดเลือดมากๆ หลอดเลือดก็จะหนาขึ้นและยืดหยุ่นน้อยลง เราเลยเรียกภาวะนี้ว่า “หลอดเลือดแข็งตัว” 4.ถ้าที่ว่ามาฟังเข้าใจยากไป ก็คิดซะว่าหลอดเลือดเราเป็น “ท่อ” ก็ได้ . ภาวะที่ว่ามาคือภาวะ “ท่อตัน” และพอ “ท่อตัน” เลือดก็จะไปต่อไม่ได้ ซึ่งถ้านั่นเป็นอวัยวะสำคัญอย่างหัวใจหรือสมอง เราก็จะเสียชีวิต (ทั้งนี้เวลาเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่ได้จะเรียก Heart Attack ส่วนเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ได้ จะเรียก Stroke สองภาวะนี้มีสาเหตุพื้นฐานคือ “ท่อตัน” นั่นเอง) . ดังนั้นปัญหาที่คร่าชีวิตมนุษย์แบบนับไม่ถ้วน ก็คือเรื่องง่ายๆ อย่าง “ท่อตัน” นี่เอง เพียงแต่ท่อที่ว่าคือเส้นเลือดแดงในร่างกายที่คอยส่งออกซิเจนและสารอาหารต่างๆ ไปเลี้ยงอวัยวะ 5.คำถามต่อมาคือ แล้วภาวะ “ท่อตัน” นี่จัดการแค่ใส่ “น้ำยาล้างท่อ” ลงไปไม่ได้หรือ? . คำตอบคือ “ไม่ได้” เพราะฉะนั้นวิธีการรักษาจึงต้อง “ผ่าตัด” “ทำบอลลูน” และ “ทำบายพาส” กันให้วุ่นวาย . วิธีการรักษาปัจจุบันคือ ถ้า “ท่อตัน” ทำได้แต่ผ่าตัด (ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่) ซึ่งก่อนผ่าตัด เราก็ต้องระบุให้ได้ว่า “ท่อ” ตรงส่วนไหนตัน โดยการ “ฉีดสี” และทำ MRI . ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ บอกเลยว่า “แพงมาก” แม้ว่าประกันสังคมจะครอบคลุมค่ารักษา แต่ไม่ว่าจะเป็นในประเทศยุโรปหรือไทย คุณต้องผ่านกระบวนการคัดกรองอย่างละเอียด ถึงจะได้ทำการวินิจฉัยว่าคุณกำลังจะ “ท่อตัน” ตรงส่วนไหนของร่างกาย เรียกว่าผู้ป่วยจะได้ทำเมื่อจำเป็นจริงๆ เท่านั้น . ปัญหาคือทุกวันนี้ เราไม่สามารถรู้ได้ว่าร่างกายของเรา “กำลังจะท่อตัน” ตรงไหน เพราะมันไม่มีทางจะมองเห็นเส้นเลือดในร่างกายของเราด้วยการวินิจฉัยทั่วๆ ไป การไป “ตรวจสุขภาพประจำปี” ซึ่งตรวจด้วยวิธีทั่วไป ก็ไม่มีทางรู้ได้ 6.ปกติเราจะรู้ได้ว่า ตัวเรามีความเสี่ยงต่อโรคกลุ่มนี้ก็ต่อเมื่อไปตรวจสุขภาพแล้วพบว่า ค่าความดันโลหิตและคอเลสเตอรอลสูง และวิธีการ “พยุงอาการ” ของกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดหลักๆ คือเขาจะให้กิน “ยาลดความดัน” กับ “ยาลดคอเลสเตอรอล” ซึ่งต้องกินไปตลอดชีวิต . และผลหลักๆ คือการชะลอภาวะ “หลอดเลือดแข็งตัว” หรือลดความเสี่ยงของการที่คุณจะ “ท่อตัน” จนเลือดไปเลี้ยงหัวใจและสมองไม่พอ จนพิการหรือถึงแก่ความตายในที่สุด . นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งก็เน้นว่าคือการ “ชะลอ” เท่านั้น ยังไม่ใช่การ “รักษา” และที่เป็นแบบนี้ เพราะระบบสาธารณสุขไม่ว่าที่ใดในโลก ยังไม่มีต้นทุนพอที่จะจับคนทุกคนมาฉีดสีและทำ MRI เพื่อหาว่าคนๆ นั้นกำลังจะ “ท่อตัน” ตรงไหนของร่างกาย . ผลก็คือ วิธีชะลอดังกล่าวก็เลยให้กินยาไปเรื่อยๆ แทน เพราะนั่นสมเหตุสมผลในเชิงงบประมาณมากกว่า ถ้าต้องจัดการกับ “กลุ่มเสี่ยง” จำนวนมากหลักล้านคน 7.ประเด็นคือ ภาวะหลอดเลือดแข็งตัวเป็นภาวะที่แทบทุกคนที่อยู่ในสังคมสมัยใหม่แก่ตัวไปยังไงก็เป็น ไม่ว่าจะด้วยอาหาร ด้วยวิถีชีวิต และด้วยอายุที่ยืนขึ้น . เรียกได้ว่าถ้า “ท่อยังไม่ตัน” เมื่อแก่ตัวไป ทุกคนกำลังก้าวเดินไปสู่ภาวะ “ท่อกำลังจะตัน” . ดังนั้น ถ้าจะว่ากันในแง่หนึ่งแล้ว นี่คือ “โรคของทุกคน” ที่ในทางเทคนิค ในปัจจุบันยังไม่มี “ยารักษา” ใดๆ ที่จะแจกจ่ายให้ทุกๆ คนกินทีเดียวแล้วหายได้ 8.แต่ก็อย่างที่บอกไว้ในชื่อเรื่อง ต่อไปนี้โรคหัวใจอาจเป็นแค่อดีต . เพราะเมื่อต้นปี 2020 ในขณะที่ชาวโลกกำลังตื่นตระหนกกับโรคระบาดใหม่อย่างโควิด-19 นักวิจัยกลุ่มหนึ่งได้ตีพิมพ์งานวิจัยชิ้นหนึ่ง ซึ่งเนื้อหาหลักๆ คือพวกเขาค้นพบอนุภาคนาโนที่จะ “คืนชีพ” ให้พวกเซลล์ภูมิคุ้มกันที่กินคอเลสเตอรอลแล้วตายในผนังหลอดเลือด ให้ฟื้นขึ้นมากินพวกคอเลสเตอรอลและซากเซลล์ที่ตายไปแล้วในผนังหลอดเลือด . ผลก็คือ สิ่งที่ไปพอกผนังหลอดเลือดจน “แข็งตัว” ก็จะค่อยๆ ลดลงไป และผนังหลอดเลือดก็จะเป็นปกติในที่สุด . หรือพูดให้มันง่ายกว่านั้น “อนุภาคนาโน” ก็คือ “น้ำยาล้างท่อ” ของ “ภาวะท่อตัน” ในหลอดเลือดนั่นเอง . เรียกได้ว่ามีอนุภาคนี้คือจบเลย เราไม่ต้องรู้ด้วยซ้ำว่า “ท่อตัน” ตรงไหน ฉีดเข้าไปในเลือด อนุภาคนี้จะค่อยๆ จัดการท่อที่ตันเอง ไม่ต่างจากที่คุณเทน้ำยาล้างท่อตอนต่อตัน คุณไม่ต้องรู้หรอกว่ามันตันตรงส่วนไหน น้ำยาจัดการให้หมด . และนี่ก็ไม่ใช่แค่คอนเซปต์ลอยๆ เพราะขณะนี้ อนุภาคนี้ทดลองในหนูสำเร็จแล้ว และก็ไม่แปลกเลยที่อีกไม่นานก็น่าจะได้ทดลองในมนุษย์แน่ๆ . ถ้าสำเร็จ ถึงตอนนั้น คนที่ต้องกินยาทุกวันไปตลอดชีวิตก็อาจไม่ต้องกินกันอีกแล้ว . และถ้ามากไปกว่านั้น นี่อาจเป็นการบอกลาโรคหัวใจและหลอดเลือดสำหรับคนแทบทั้งหมดในโลกก็เป็นได้ อ้างอิง: ScienceDaily. Nanoparticle chomps away plaques that cause heart attacks. https://bit.ly/3dzPx9V NHI. Plaque-eating nanoparticles may help prevent heart attacks. https://bit.ly/3iTUNX2 #Nanoparticle Cr.BrandThinkไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยครีมครีมสามารถทำให้จมูกเด้งได้ใน10วันความสวยความงามstd48360• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกินแล้วนอน ทำให้เสี่ยงเกิดโรคมะเร็งหลอดเลือดกรณีการเผยแพร่ข้อมูลว่าหาก กินแล้วนอน บ่อยๆ ทำให้เสี่ยงเป็นโรคมะเร็งหลอดเลือดนั้น ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข สืบค้นข้อมูลและชี้แจงว่า ยังไม่มีหลักฐานที่ยืนยันแน่ชัดว่าการกินแล้วนอนเสี่ยงเกิดเป็นโรคมะเร็งหลอดเลือด ซึ่งพฤติกรรมกินแล้วนอน เป็นพฤติกรรมที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพหลายด้าน โดยเฉพาะอาการแสบร้อนกลางอกและอาการกรดไหลย้อนstd48392• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยครีมช่วยให้ “จมูกโด่ง”ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับภายนอกร่างกายของมนุษย์ รวมถึงฟันและเยื่อบุในช่องปาก เพื่อความสะอาด ความสวยงาม แต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ การโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเครื่องสำอางที่ทำให้ดั้งโด่งได้อย่างรวดเร็วภายใน 7 วัน ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณที่โกหกทั้งเพ เพราะครีมหรือเซรั่มเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ภายนอกเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ผลิตหรือขายผลิตภัณฑ์ที่หลอกลวงสรรพคุณให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด ถือเป็นการโฆษณาที่แสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือเกินความจริง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รองเลขาธิการ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า อย. เคยออกข่าวเตือนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในลักษณะนี้เมื่อปี 2561 และกลับมาวนซ้ำอีกครั้ง ดังนั้นเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการโฆษณา ขอให้ผู้บริโภคหยุดคิดก่อนตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีการโฆษณาสรรพคุณต่าง ๆ ว่า ไม่มีผลิตภัณฑ์ใดสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของร่างกายได้ หากพบเห็นการโฆษณาโอ้อวดเกินจริงขอให้แจ้งร้องเรียนมาที่สายด่วน อย. 1556ความสวยความงามeiei💞💞💞• 2 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเซรัมดั้งโด่งจากกรณีมีผู้แชร์ข้อมูลบนโลกออนไลน์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ครีมทาผิวหน้า หรือเซรัมดั้งโด่งที่ระบุสรรพคุณว่าสามารถทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกดั้งโด่งภายใน 7 วันนั้น โดยมีเพจดังออกมายืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากสันจมูกเป็นกระดูกไม่สามารถงอกเพิ่มจากการทาครีมได้ ด้านชาวเน็ตได้ตั้งคำถามตกลงจมูกคนหรือหางจิ้งจกคะ? ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้นความสวยความงามอย. เพิกถอนผู้บริโภคเฝ้าระวังstd47984• 2 ปีที่แล้ว5 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ
