1542 ข้อความ
- 1 คนสงสัยอย. ยังไม่เคยอนุญาตผลิตภัณฑ์เนื้อวัวฉีดไขมันในอินเทอร์เน็ตมีการส่งต่อข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อวัวฉีดไขมัน จะปลอดภัยต่อผู้บริโภคหรือไม่ มาติดตามกันใน อย. เช็ก ชัวร์ แชร์ ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับนิยามของเนื้อฉีดไขมัน ตามประกาศของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กันก่อนนะ เนื้อฉีดไขมัน เป็นการฉีดของเหลวที่มีส่วนประกอบหลักของไขมัน น้ำ และอิมัลซิไฟเออร์ (Emulsifier)โดยใช้เครื่องจักร หรือเครื่องมือที่มีลักษณะเป็นเข็ม แทงเข้าไปในเนื้อวัว ทำให้เนื้อวัวมีไขมันแทรก โดยวิธีการผลิต เครื่องมือ เครื่องจักรที่ใช้ในการผลิต และการเก็บรักษาอาหารแปรรูปที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่าย (Primary GMP) และการใช้วัตถุเจือปนอาหารในการผลิตเนื้อฉีดไขมัน จะต้องเป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 389 พ.ศ. 2561 เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 5) ซึ่งจะต้องมีการแสดงฉลากให้ถูกต้องตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยเรื่องการแสดงฉลากของอาหารในภาชนะบรรจุ เช่น ชื่ออาหาร ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต น้ำหนักสุทธิ วันเดือนปีที่ควรบริโภคก่อน ข้อมูลสำหรับผู้แพ้อาหาร และข้อมูลการใช้วัตถุเจือปนอาหาร เป็นต้น และต้องมีข้อความแสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บนฉลากอาหารว่าเป็นเนื้อโคฉีดไขมัน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจผิดได้ว่าเนื้อวัวเหล่านั้นเป็นเนื้อโคที่มีไขมันแทรกธรรมชาติ นอกจากนี้การฉีดไขมันในเนื้อโค จะต้องได้รับการเห็นชอบจาก อย. ก่อน โดยผู้ผลิต ผู้นำเข้า หรือ ผู้จำหน่าย จะต้องแสดงรายละเอียดของกรรมวิธีการผลิตในการฉีดไขมัน เงื่อนไขการใช้วัตถุเจือปนอาหารพร้อมเหตุผลการใช้และมาตรฐานอ้างอิง ซึ่งหากไม่สอดคล้องตามข้อกำหนดของประกาศกระทรวงสาธารณสุขจะต้องยื่นขอประเมินความปลอดภัยของวัตถุเจือปนอาหารก่อน รวมทั้งแสดงฉลากอาหาร แนวทางการควบคุมการผลิต นำเข้าหรือจำหน่าย เช่น จำหน่ายเฉพาะร้านสะดวกซื้อ หรือมาตรการป้องกันความเข้าใจผิดของผู้บริโภคว่าเป็นเนื้อโคที่มีไขมันแทรกธรรมชาติประกอบการพิจารณา แต่ในขณะนี้ อ.ย.ยังไม่เคยอนุญาตผลิตภัณฑ์เนื้อโคฉีดไขมันแต่อย่างใด หากผู้ใดประสงค์จะผลิตหรือนำเข้า จะต้องขอความเห็นชอบจาก อย. ก่อน หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ดังนั้นก่อนจะ แชร์ หรือเชื่ออะไรควรเช็กให้มั่นใจก่อนว่าข้อมูลเหล่านั้นมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ โดยสามารถมา เช็กให้ชัวร์กับ อย. กันก่อนนะsupinya• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย(รถ) ข้อมูลจากเพื่อนที่เป็น"วิศวกร-ยานยนต์" ที่จบจากไทยแล้วไปเรียนจบวิศวะที่ UK แล้วอยู่ที่นั่นถึงปัจจุบัน(!) รถไฟฟ้า ถ้าไม่รวย อย่าซื้อนะ..(!!)(!!) (*)จงคิดดู ให้ดีๆ ไม่ไหลตามกระแส (1) เวลาซ่อม แพงกว่ารถน้ำมัน มากนัก เข้าศูนย์อย่างเดียว ราคา 3 แสน 5 แสน จะยังเปลี่ยน ซ่อม ขับต่อไหม (2) ล้านห้า ล้านสอง ซื้อมา ขายต่อไม่ได้ หมายความว่า ล้านห้า ล้านสอง นี่คือ ทิ้งไปเลยนะ ถ้าไม่สู้เรื่องค่าซ่อม หลักแสน หลายๆแสน (3) คุยกับศูนย์ซ่อม ได้ไหม ไม่เหมือนรถน้ำมัน มีอู่ข้างนอก นะ แล้ว อะไหล่เปลี่ยนเป็น ตัวๆ ได้นะ แต่ไฟฟ้าคือ ยกทั้งหมด แพงจัด (4) ทุกอย่างต้องอัพเดท ซอฟแวร์ อะไรเนี่ยะ จ่ายเงินทั้งนั้น พอถึงจุดหนึ่งก็ อัพเดทไม่ได้ จะทำไงต่อ (5) ตอนนี้คนเห่อกัน น้ำมันแพง แต่ถ้ารวย ไม่เป็นไรหรอก เพราะรถไฟฟ้า คนจน เขาไม่ซื้อหรอก การขายต่อเป็นมือ (2) จึงไม่ค่อยมี ..เต๊นท์รถก็ไม่เอาด้วย นานๆไป จะเป็นสุสาน นะ?(เอ๊ะ) .. รถน้ำมัน จะจ่ายเป็นเงิน สองพัน ห้าพัน แปดพัน สองหมื่น สามหมื่น รถไฟฟ้าเวลาจ่ายที 200,000, 300,000- 500,000 เงินก้อนเลย ไหวไหมล่ะ .. ต้องคิดเยอะๆ นะครับ แต่ถ้ารวยแล้ว ซื้อได้ (โอเค)(โอเค)ผู้บริโภคเฝ้าระวังมีม เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยMG4 Electric หั่นราคาถูกลง 1 แสนบาท เหลือเริ่มต้นเพียง 769,000 บาทMG4 Electric หั่นราคาถูกลงจากเดิม 1 แสนบาท ส่งผลให้มีราคาจำหน่ายทั้ง 2 รุ่นย่อยเหลือ 769,000 - 869,000 บาท เฉพาะลูกค้าที่จองและรับรถภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 นี้ เอ็มจี เซลส์ ประเทศไทย ปล่อยโปรโมชันลดราคาจำหน่าย MG4 Electric ถูกลงจากเดิม 100,000 บาท ส่งผลให้ MG4 Electric รุ่น D มีราคาจำหน่ายเหลือ 769,000 บาท (ราคาปกติ 869,000 บาท) และ MG4 Electric รุ่น X มีราคาจำหน่ายเหลือ 869,000 บาท (ราคาปกติ 969,000 บาท) ราคาพิเศษดังกล่าวลูกค้าจะได้รับประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี, ชุดพรมปูพื้น และรับประกันแบตเตอรี่นาน 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร โดยไม่ได้รับ MG Home Charger พร้อมค่าติดตั้ง และค่าบำรุงรักษาตามระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร ทั้งนี้ MG4 Electric รุ่น D และ X ถูกติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร พร้อมแบตเตอรี่แบบ Lithium Iron Phosphate ความจุ 51 kWh สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางราว 425 กิโลเมตรต่อการชาร์จแต่ละครั้ง (ตามมาตรฐานการทดสอบ NEDC) รองรับการชาร์จด่วนจาก 10 - 80% ในเวลาราว 35 นาที ตัวถังของ MG4 Electric มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีฟ้า Brighton Blue (เฉพาะรุ่น X), สีเทา Andres Grey, สีแดง Scarlet Red, สีดำ Black Knight และสีขาว Arctic Whitenamnami• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยฝีดาษลิงคนที่5ของไทยไทยเจอฝีดาษลิงรายที่ 5 กลับจากดูไบ เร่งติดตาม 2 ต่างชาติ 15 สิงหาคม : นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า พบผู้ป่วยฝีดาษลิงรายที่ 5 เป็นผู้หญิงไทย อายุ 25 ปี มีอาการป่วยที่ต่างประเทศ ก่อนเดินทางกลับมาจากดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถึงไทยวันที่ 14 ส.ค. เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้คัดกรอง ตรวจสอบ และสังเกตอาการ พบว่าเข้าข่ายสงสัย เนื่องจากสังเกตเห็นตุ่ม จากการซักประวัติก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จึงพามารับการตรวจวินิจฉัยใน รพ. โดยผลตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันว่าเป็นโรคฝีดาษลิง เข้าสู่การรักษาตามระบบปกติ ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามคนที่นั่งบนเครื่องบินใกล้กัน 2 ราย ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ เพื่อแนะนำให้มาตรวจต่อไปkulanit1363• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยคำแนะนำ จาก นพ.พรเทพนพ.พรเทพ ได้ฝากทีวี NBT ช่วยประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนทั่วไปที่ยังเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับการตรวจหาเชื้อโควิดเมื่อหลงเข้าไปในสถานที่เสี่ยงหรือสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโควิดดังนี้ (1) ควรกักตัวเองเพือรอให้ครบ 5 วันแล้วค่อยไปตรวจหาเชื้อโควิด (2) หากผลตรวจเป็นลบ ควรกักตัวเองต่ออีกจนครบ 14 วันแล้วตรวจหาเชื้อซ้ำเพื่อยืนยัน คนไทยหลายคนเข้าใจผิดหลายประเด็นคือ (1) ตระหนกตกใจแล้วรีบไปตรวจก่อน 5 วันหลังการสัมผัสเสี่ยงโรค จึงไม่พบเชื้อหรือผลเป็นลบ (2) สบายใจว่าผลตรวจเป็นลบ (ข้อ 1) แล้วไม่กักตัวเองต่อ แต่กลับออกตระเวณใช้ชีวิตเหมือนเดิม และแพร่เชื้อให้คนอื่นๆต่อไป นับถึงวันนี้ ไทยต้องเสียค่าใช้จ่ายตรวจเชื้อโควิดไปแล้วกว่า 50 ล้านบาทโดยไม่ได้ประสิทธิผลเท่าที่ควรจากความเข้าใจผิดๆเหล่านี้ ช่วยกันแชร์ต่อเพื่อสังคมไทยจะได้ปลอดภัยครับMrs.Doubt• 4 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย5 "ผลไม้" กระตุ้นภูมิคุ้มกันต้าน "โควิด-19""โควิด-19" กลับมาระบาดรอบนี้ สาวๆ อาจต้องระวังตัวมากเป็นพิเศษ เพราะผู้ที่ติดเชื้อจะไม่แสดงอาการเสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นสิ่งที่สาวๆ ควรทำมากที่สุด ณ เวลานี้ คือการเตรียมร่างกายให้แข็งแรง เพื่อพร้อมที่จะต่อสู้กับเชื้อไวรัส โดยอาหารการกิน...ก็ยังถือเป็นหนึ่งในเรื่องที่สำคัญ ที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงเสมอ MIRROR จึงรวบรวม "ผลไม้" 5 อย่างมาฝากสาวๆ ซึ่งทั้งหมดเป็นผลไม้ที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสทางเดินหายใจได้ดี ได้เเก่ มะขามป้อม ฝรั่ง ส้มเขียวหวาน มะยม เเล้วก็ลิ้นจี่ โดยทางการแพทย์แผนไทย ระบุไว้ว่า ผลไม้ที่รสเปรี้ยวมาก จะมีความเป็นกรดสูง ส่งผลให้กรดในเลือดมากขึ้น ถ้าเรารับประทานผลไม้รสเปรี้ยวที่มีวิตามินสูง และให้ฤทธิ์ทางยาไปทางรสร้อน อาจทำให้ร่างกายร้อนเกินไป ซึ่งอาจทำให้ภูมิคุ้มกันทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร การทานผลไม้ที่มีรสฝาดที่เป็นยาฤทธิ์เย็นแทรกอยู่ด้วย น่าจะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น 5 ผลไม้ด้านล่างจึงเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นผลไม้ต้านโควิด-19โควิด 2019PYU room 11• 5 ปีที่แล้วmeter: true2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยธ. กรุงไทย ปล่อยสินเชื่อกรุงไทยใจป๋า อนุมัติสูงสุด 5 ล้านบาท ไม่ต้องมีหลักประกันผ่านเพจ “บอกต่อ”ไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเรื่อง พุทธรักษาดอกขาว ช่วยรักษาโรคมะเร็งพุทธรักษาดอกขาว ช่วยรักษาโรคมะเร็ง 5 มิถุนายน 2023 | 16:30. ตามที่มีการบอกต่อข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องพุทธรักษาดอกขาว ช่วยรักษาโรคมะเร็ง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จstd47930• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกัญชารักษามะเร็ง 5 อย่าง หายขาดได้ ใน 3 เดือน จริงหรือมีการแชร์กันในโลกออนไลน์ว่า มีคนเป็นมะเร็ง 5 อย่าง สามารถหายขาดได้ภายใน 3 เดือน เพราะรักษาด้วยกัญชา แต่คนนั้นรักษาด้วยคีโมด้วย แต่ในวิดิโอที่แชร์อ้างสรรพคุณของกัญชามากกว่าว่ารักษาหายขาดได้จริง เป็นเรื่องจริงหรือมะเร็งanonymous• 5 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจริงหรือ ธ.ออมสิน ปล่อยเงินกู้ฉุกเฉิน 5 หมื่นบาท ดอกเบี้ยต่ำ เอาใจ “มนุษย์เงินเดือน-อาชีพอิสระ”“ออมสิน” เปิดให้กู้รอบ 2 “สินเชื่อช่วยประชาชนที่มีรายได้ประจำ” ผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รายละไม่เกิน 5 หมื่นบาท ดอกเบี้ย 0.35% ต่อเดือน เปิดยื่นกู้ 4 ส.ค.นี้ เป็นต้นไป ผ่าน www.gsb.or.thnaydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจริงหรือ ในช่วงโควิด 19 ระบาด สุขอนามัยของผู้ที่ต้องปรุงอาหารมีส่วนสำคัญมาก และกรมอนามัยได้แนะนำว่าควรใช้ถุงมือให้ถูกประเภทเพื่อป้องกันการแพร่เชื้ออีกด้วยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะหลัก 5 วิธี สำหรับผู้ปรุงอาหาร ผู้สัมผัสอาหาร ในการใช้ถุงมือให้ถูกต้อง เพื่อลดความเสี่ยงสะสมเชื้อโรค พร้อมเน้นย้ำให้หลีกเลี่ยงการสวมถุงมือแล้วหยิบจับทั่วไปหรือทำกิจกรรม อื่น ๆ เพราะอาจเสี่ยงปนเปื้อนเชื้อโรคได้ง่ายโควิด 2019naydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจริงหรือ บางแสนจะเปิดเต็มรูปแบบให้ลงเล่นน้ำ นั่งรับประทานอาหารริมหาดได้แล้วภายในวันที่ 5 มิย 63ปลดล็อคชายหาดบางแสนนี้ 5 มิย 63 ให้รับประทานอาหารและลงเล่นน้ำได้ แต่ต้องมีมาตรการป้องกันโควิด 19โควิด 2019naydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจริงหรือ ราชกิจจาฯ ประกาศแบน “พาราควอต-คลอร์ไพริฟอส” 1 มิ.ยเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม 5 รายการ “พาราควอต-คลอร์ไพริฟอส” ขึ้นบัญชีวัตถุอันตรายชนิดที่4 ระบุประกาศนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่ 1 มิ.ย. เป็นต้นไปnaydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจริงหรือ อย.เรียกเก็บคืนยาฉีดโบท็อกซ์ Neuronox® จากเกาหลีอย.เรียกเก็บคืนยาฉีดโบท็อกซ์ Neuronox® จากเกาหลี เลขทะเบียน 1C 5/60 (BF) หลังพบปลอมแปลงข้อมูลผลวิเคราะห์ และใช้สารตั้งต้นที่ไม่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ให้โรงพยาบาล และคลินิกทุกแห่งระงับการใช้ยา Neuronox® และเก็บส่งคืนผู้ขายทันทีความสวยความงามnaydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 2 คนสงสัยเปิดไอเดียสุดเจ๋งของเยาวรุ่น ร่วมแก้ปัญหาข่าวลวง สร้างนวัตกรรมพร้อมข้อเสนอผลักสู่ระดับนโยบาย11 ก.พ. 2565 12:30 น. ข่าว ทั่วไทย ข่าวประชาสัมพันธ์ เปิดไอเดียสุดเจ๋งของเยาวรุ่น ร่วมแก้ปัญหาข่าวลวง สร้างนวัตกรรมพร้อมข้อเสนอผลักสู่ระดับนโยบาย สิ้นสุดแล้วโครงการ “FACTkathon” นักศึกษาร่วมระดมสมองส่งผลงานนวัตกรรมเข้าประกวด เพื่อแก้ปัญหาข่าวลวง ข่าวปลอม พร้อมผลักดัน 7 ข้อเสนอให้เกิดเป็นนโยบายแก้ปัญหาเฟกนิวส์เกลื่อนโลกออนไลน์ เปิดไอเดียสุดเจ๋งของเยาวรุ่น ร่วมแก้ปัญหาข่าวลวง สร้างนวัตกรรมพร้อมข้อเสนอผลักสู่ระดับนโยบาย ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับกิจกรรมการแข่งขันระดมสมอง “หักล้างมูลเท็จ แสวงหาความจริงร่วม” “FACTkathon : Fact-Collab to Debunk Dis-infodemic” ที่ได้รับการสนับสนุนจาก กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ร่วมกับสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) และเป็นความร่วมมือกับสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ มูลนิธิสภาการหนังสือพิมพ์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มูลนิธิฟรีดริช เนามัน ประเทศไทย (Fnf Thailand) สถาบันเชนจ์ฟิวชั่น ChangeFusion Centre for Humanitarian Dialogue (HD) และ ภาคีโคแฟค (ประเทศไทย) งานนี้นอกจากจะเป็นการประชันไอเดียของคนรุ่นใหม่ระดับมหาวิทยาลัย ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมแก้ปัญหาข่าวลวงที่มากมายในโลกออนไลน์แล้ว ยังมีการระดมข้อเสนอแนะเชิงนโยบายถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแนวทางการหา “ความจริงร่วม” ที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ นำไปสู่การอยู่ร่วมกันในสังคมของผู้ที่มีความเห็นต่างได้อย่างปกติสุข จากการแข่งขันครั้งนี้ทีมที่ได้รับรางวัลที่ 1 ได้แก่ ทีมบอท เป็นการผสมผสานทีมจากนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ มีไอเดียสุดเจ๋ง “Check-on” หรือ “เช็กก่อน” โดยพัฒนาเครื่องมือ Extension เมื่อผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอ่านข่าวในเว็บหรือเห็นภาพต่างๆ แล้วสงสัยว่าจริงหรือไม่ ให้คลุมดำที่ข้อความ คลิกขวา จะมีปุ่ม Check หน้าต่างของ Check-On ขึ้นมาแล้วประมวลผลความน่าเชื่อถือจากฐานข้อมูลที่มีอยู่ อาทิ Cofact ชัวร์ก่อนแชร์ ศูนย์ต่อต้านข่าวลวง เป็นต้น ทีม TU Validator ซึ่งได้รับรางวัลที่ 2 รวมทีมจากคณะต่างๆ ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เสนอแพลตฟอร์มเป็นเว็บไซต์ที่เปิดให้ทุกคนเข้ามาร่วมค้นหาความจริงด้วยกัน พร้อมรับคะแนนและของรางวัล เพื่อสร้างชุมชนในสังคมออนไลน์ ให้ผู้ใช้งานได้มีการถกเถียง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อข้อมูลต่างๆ จัดกิจกรรม Debate ถกประเด็นกัน เชื่อว่าความจริงต้องเกิดขึ้นได้ สำหรับทีมที่ได้รับรางวัลที่ 3 คือ ทีม New Gen Next FACTkathon เป็นการรวมตัวของนักศึกษาคณะต่างๆ จากมหาวิทยาลัยพายัพ ออกแบบการนำข้อมูลข่าวสาร มาถ่ายทอดในรูปแบบของการ์ตูน ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันด้วยการสร้างการ์ตูนลงแพลตฟอร์มหนังสือการ์ตูนออนไลน์ (Webtoon) เพื่อเสริมสร้างทักษะการอ่านและได้สอดแทรกความรู้เกี่ยวกับการตรวจสอบข่าวลวงไปด้วย พร้อมมีลูกเล่นด้วยการให้ผู้อ่านมีส่วนร่วมไขปริศนา โหวตว่าจริงหรือไม่จริง โดยให้สิ่งตอบแทนเป็นเหรียญ สำหรับใช้เปิดอ่านตอนต่อไป นอกจากกิจกรรมการประกวดเสนอแนวคิดนวัตกรรมแล้ว ยังได้จัดการประชุมเพื่อร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาและข้อเสนอแนะที่จะแก้ปัญหาข่าวลวงอย่างยั่งยืน ซึ่งเห็นตรงกันว่าต้องผลักดันให้เกิดนโยบายที่แก้ปัญหาข่าวลวงที่เกลื่อนโลกออนไลน์ร่วมกันด้วย ดังนี้ 1) ทวงถามความรับผิดชอบกับผู้ผลิตและส่งต่อข่าวลวง : มีข้อเสนอแนะให้มีวิธีการป้องกันและแก้ไขข้อความผู้ผลิตและผู้ส่งต่อข่าวลวง ที่จะช่วยลดการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นลงได้ 2) ให้ความสำคัญกับทักษะ “รู้เท่าทันสื่อ” : การรู้เท่าทันสื่อ (Media Literacy) ไม่ใช่วิชาที่เกิดขึ้นใหม่ในยุคดิจิทัล แต่ถูกพูดถึงเรื่องนี้นับตั้งแต่มีการเกิดขึ้นของสื่อมวลชนยุคอนาล็อก (วิทยุ โทรทัศน์ และสื่อสิ่งพิมพ์) เช่น กลยุทธ์หรือเทคนิคที่ใช้ผลิตเนื้อหาผ่านสื่อแต่ละประเภทใช้ส่งสารถึงปัจเจกชนหรือกลุ่มคนซึ่งเป็นผู้รับสาร บทบาทของสื่อต่อการสร้างกระแสค่านิยม หรือวัฒนธรรมต่างๆ ในสังคม เมื่อโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัล การผลิตและส่งต่อข้อมูลข่าวสารเพิ่มมากขึ้นทั้งกว้างขวางและรวดเร็ว การรู้เท่าทันสื่อจึงยิ่งมีความสำคัญเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อข่าวลวงหรือข้อมูลบิดเบือน ความเข้าใจในแพลตฟอร์มออนไลน์ อาทิ Facebook, Twitter, Instagram, Line ฯลฯ ถูกออกแบบมาให้ทำงานอย่างไร และผู้ผลิตเนื้อหา (Content) ใช้วิธีการอย่างไรในการสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มเหล่านี้เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผู้รับสาร ซึ่งจะซับซ้อนกว่าสื่อดั้งเดิม เช่น แพลตฟอร์มบางชนิดสามารถใช้วิธีการบางอย่างเพื่อให้สาร (ข้อความ ภาพ คลิปวิดีโอ คลิปเสียง) ถูกมองเห็นอย่างกว้างขวางและในความถี่ต่อเนื่อง หรือมีสถิติการส่งต่อจำนวนมาก ผู้ที่ไม่รู้เท่าทันวิธีการเหล่านี้อาจเชื่อไปก่อนแล้วว่าเป็นเรื่องจริงโดยไม่ได้ตรวจสอบ 3) ลดความเหลื่อมล้ำด้านการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล : แม้เด็กและเยาวชนรุ่นใหม่จะถูกมองว่าเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Native) จึงใช้งานได้คล่องกว่าคนวัยอื่นๆ ที่อาจจะเพิ่งรู้จักเทคโนโลยีดิจิทัลในวัยกลางคนหรือวัยเกษียณ แต่ในความเป็นจริงก็ยังพบช่องว่าง กล่าวคือ เด็กและเยาวชนในครัวเรือนที่ไม่มีทุนทรัพย์จัดหาเครื่องมือเชื่อมต่อ (Device) อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน และเข้าไม่ถึงโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ด้านดิจิทัล อาทิ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่สัญญาณมีความเสถียร ย่อมมีข้อจำกัดในการเรียนรู้และฝึกฝนทักษะการรู้เท่าทันสื่อดิจิทัลเมื่อเทียบกับเด็กและเยาวชนในครัวเรือนที่มีความพร้อม 4) สนับสนุนบทบาทขององค์กรที่ทำงานต่อต้านข่าวลวงที่มีอยู่แล้ว ให้สามารถนำข้อมูลไปถึงผู้คนได้ง่าย : ปัจจุบันมีความพยายามจากหลายฝ่ายในการต่อสู้กับปัญหาข่าวลวง ทั้งภาครัฐที่มีศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) ภาคสื่อมวลชนที่มีศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ของ อสมท. และภาควิชาการ-ประชาชน ที่รวมตัวกันในนามโคแฟค ซึ่งนอกจากจะสนับสนุนให้องค์กรเหล่านี้ทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วแล้ว ควรพัฒนาเครื่องมือดิจิทัลที่เมื่อผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตไปพบข้อมูลบางอย่างแล้วสงสัย สามารถส่งไปประมวลผลกับระบบขององค์กรข้างต้นได้ทันทีว่าเคยมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วหรือไม่ เนื่องจากพบว่าข่าวลวงหลายข่าวมักมีลักษณะ “แชร์วนซ้ำ” บางเรื่องพิสูจน์กันไปแล้วหลายปีว่าไม่จริงแต่ก็ยังมีการส่งต่อวนกลับมาอีก 5) ขยายแนวร่วมตรวจสอบข่าวลวงสู่ระดับท้องถิ่น : ในความเป็นจริงที่การสื่อสารรวดเร็ว ข้อมูลถูกผลิตและส่งต่ออย่างมหาศาล ข่าวลวงหรือข้อมูลบิดเบือนจึงมีความหลากหลายซึ่งบางเรื่องอาจจะไม่ได้เป็นกระแสมากพอที่องค์กรจากส่วนกลางจะมองเห็นและเข้าไปตรวจสอบ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสร้างแนวร่วมในระดับชุมชน ซึ่งอาจเป็นสื่อมวลชนท้องถิ่น หรือแกนนำชุมชน (กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. ฯลฯ) โดยให้ผู้ที่สนใจประเด็นข่าวลวงมาฝึกฝนทักษะการตรวจสอบ รวมถึงพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะว่าจะส่งเสริมเรื่องนี้ในระดับท้องถิ่นของตนเองอย่างไร เพราะแต่ละพื้นที่นั้นมีบริบททางสังคมไม่เหมือนกันผู้บริโภคเฝ้าระวังstd48026• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเรื่อง พุทธรักษาดอกขาว ช่วยรักษาโรคมะเร็งพุทธรักษาดอกขาว ช่วยรักษาโรคมะเร็ง 5 มิถุนายน 2023 | 16:30. ตามที่มีการบอกต่อข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องพุทธรักษาดอกขาว ช่วยรักษาโรคมะเร็ง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ5 มิ.ย. 2566std47930• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยจำนวนผู้ติดโควิด จริงหรือไม่ประเทศไทยติดโควิด: 1 เมย. 64 - 26 คน 3 เมย. 64 - 69 คน 4 เมย. 64 - 96 คน 5 เมย. 64 - 194 คน 6 เมย. 64 - 250 คน 7 เมย. 64 - 334 คน 8 เมย. 64 - 405 คน 9 เมย. 64 - 559 คนโควิด 2019Mrs.Doubt• 4 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยธ.กรุงไทยให้กู้สินเชื่อ 100,000 บาท ไม่ต้องมีคนค้ำ รู้ผลภายใน 5 นาที จริงหรือมีการใช้ข้อความพาดหัวข่าวว่า สินเชื่อกรุงไทย ให้ยืม 100,000 บาท ไม่ต้องมีคนค้ำ รู้ผลภายใน 5 นาที โดยเนื้อหาเป็นการพูดถึงสินเชื่อของธนาคารกรุงไทย 2 แบบnaydoitall• 4 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเว็บพนันจัดโปรฯ "คนละครึ่ง" จ่ายช่วยครึ่งหนึ่งหวังเรียกนักเล่น จริงหรือ(5 กุมภาพันธ์ 2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบเว็บไซต์หลายเว็บจัดโปรโมชั่นหวังเรียกนักพนันหน้าใหม่เข้ามาเล่น โดยการจะโปรฯ "คนละครึ่ง" โดยระบบจะเติมเครดิตเข้าให้โดยอัตโนมัติ ตามโครงการของรัฐบาล ซึ่งมีการจัดโปรโมชั่นดังกล่าวให้เห็นอยู่หลายเว็บอย่างโจ่งแจ้งไม่กลัวกฏหมายanonymous• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยถ้าไม่ใช้เงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก่อนวันที่ 5 ก.พ. จะถูกระงับสิทธิ์ จริงหรือมีแชร์ข้อความกันเรื่องของเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่กล่าวว่าเงินที่เข้ามาในต้นเดือนกุมภาพันธ์ หากไม่ใช้จ่ายก่อนวันที่ 5 จะถูกระงับสิทธิ์ จากทางกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง จริงหรือanonymous• 5 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข้าวหมากมีจุลินทรีย์ โพรไบโอติค ที่เป็นประโยชน์หลายด้านจริงหรือมีแชร์กันว่า ข้าวหมาก ข้าวเหนียวนึ่งสุกใส่ ราและยีสต์ เป็นอาหารที่มีโพรไบโอติคที่ดีต่อสุขภาพ เช่น 1. มีจุลินทรีย์โพรไปโอติค ช่วยย่อย 2. ช่วยปรับสมดุลย์ฮอร์โมน 3. บำรุงกระดูก 4. บำรุงผิว 5. ช่วยระบบขับถ่าย 6. บำรุงเลือด 7. ลดมะเร็งเพราะขับถ่ายดี จริงหรือคะanonymous• 5 ปีที่แล้วmeter: mostly-true--middle3 ความเห็น
- 1 คนสงสัยอย. เตือนระวังผลิตภัณฑ์ "เบต้าแคล" ได้ถูกยกเลิกเลข อย. แต่แอบขาย อ้างสรรพคุณบำรุงกระดูก จริงหรือคะผลิตภัณฑ์เบต้าแคล เลขสารบบอาหาร 11-1-11054-5-0209 สถานะผลิตภัณฑ์ได้ถูกแจ้งยกเลิกเลขสารบบอาหารไปแล้ว แต่พบว่ามีการวางจำหน่ายตามท้องตลาด และทางสื่อออนไลน์โฆษณาอวดอ้างรักษาข้อเสื่อม จึงขอเตือนผู้บริโภคให้ระมัดระวังในการซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จริงหรือคะอย. เพิกถอนanonymous• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยกระทรวงเกษตรฯ ร่วมมือไปรษณีย์ไทย คิดค่าบริการ EMS ขนส่งผลไม้ทั่วไทยในราคาถูกเป็นพิเศษ 8 บาทต่อกก.ก.เกษตรฯ ร่วมมือไปรษณีย์ไทย คิดค่าบริการ EMS ขนส่งผลไม้ถึงมือผู้บริโภคทั่วไทยในราคาถูกเป็นพิเศษ 8 บาทต่อกก. เหมาจ่ายน้ำหนักไม่เกิน 5 กก. คิดแค่ 30 บาทต่อกล่องช่วยกระจายผลผลิตเกษตรกร จริงหรือคะanonymous• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยดอกคำฝอย ช่วยลดความอ้วนได้จริงหรือคะดอกคำฝอย ลดความอ้วน ด้วยการใช้ดอกประมาณ 5 กรัม นำมาชงกับน้ำร้อน 1 แก้ว ใช้ดื่มก่อนอาหารเช้าและเย็นลดความอ้วนnaydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเตือน "ข่าวปลอม" รัฐฯ ทบทวนสิทธิ์โอนเงินเข้าบัญชี 5,000 บาท อย่าแชร์ต่อ8 มิถุนายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่มีการแชร์และส่งต่อข้อมูล “รัฐฯ ทบทวนสิทธิโอนเงินเข้าบัญชี จำนวน 5,000 บาท ภายในเดือนมิถุนายนนี้” ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด โดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย (Anti-Fake News Center Thailand : AFNC) ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้ออกมาชี้แจงข้อมูลดังกล่าวว่า “เป็นข้อมูลเท็จ” ยืนยัน กระทรวงการคลังไม่มีนโยบายโอนเงิน หรือแจกเงิน 5,000 บาทเข้าบัญชีในเดือนมิถุนายนนี้แต่อย่างใด เป็นข่าวปลอมจากผู้ไม่หวังดี ดังนั้น ขอประชาชนอย่าได้หลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว โดยประชาชนสามารถตรวจสอบและรับข้อมูลข่าวสารจากกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้ที่เว็บไซต์ www.cgd.go.th หรือโทร 02 127 7000 หรือผ่านทางแฟนเพจ กรมบัญชีกลาง The Comptroller General’s Department พร้อมกันนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ขอความร่วมมือประชาชนอย่าได้ส่งต่อหรือแชร์ข้อมูลอันเป็นเท็จดังกล่าวในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ อีก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสับสนและความเข้าใจผิดขยายไปในวงกว้างเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เมื่อประชาชนได้รับทราบข้อมูลข่าวสารใด ๆ มา หากมีความสงสัยหรือไม่แน่ใจในข้อมูลเหล่านั้น ขอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและความถูกต้องจากหน่วยงานเจ้าของเรื่องหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนเผยแพร่ หรือแชร์ข้อมูลออกไปให้บุคคลอื่น เพราะหากแชร์ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องนอกจากจะก่อให้เกิด ความสับสน และอาจนำไปสู่การหลอกลวงสร้างความเสียหายแก่ประชาชนได้แล้ว ยังผิดกฎหมายด้วย “กระทรวงยุติธรรมระบุกรณีพฤติกรรมการกด Like และกด Share ของผู้ที่เล่นโซเชียลมีเดียหรือใช้สื่อสังคมออนไลน์ควรรอบคอบ โดยเฉพาะการกดแชร์ ถือเป็นการเผยแพร่ หากการแชร์ข้อมูลนั้นไปกระทบกับบุคคลอื่น อาจเข้าข่ายกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 14 (1) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” นายอนุชาฯ กล่าวข่าวการเมืองstd46631• 2 ปีที่แล้ว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ