2433 ข้อความ
- 1 คนสงสัยFrom นายแพทย์สุธี ทุวิรัตน์ 25 ก.ค. 2564 สรุปประสบการณ์ในการดูแลรักษาครอบครัวที่ติดโควิดทั้งบ้าน 10 คน แบบ home isolation ครอบครัวนี้สมาชิก 10 คน ประกอบด้วย อากงและอาม่า อายุ ประมาณ 70 ปี อากงและอาม่า มีลูกชาย 1 คน ลูกสาว 2 คน ลูกชายเป็นพี่ชายคนโต แต่งงานมีลูกมีเมียแล้ว มีลูกอ่อน 2 คน เป็นฝาแฝด อายุ 2 ขวบ ลูกสาวคนโตก็แต่งงานแล้ว มีลูก 2 คน เริ่มเป็นวัยรุ่นแล้ว ทั้งหมด 10 ชีวิต อาศัยอยู่รวมกันอย่างค่อนข้างจะแออัดในห้องแถวย่านตลาดน้อย ครอบครัวนี้เกิดโชคร้าย ติดเชื้อโควิดโดยไม่รู้ตัวว่าติดได้อย่างไร ติดจากใคร โดยมีไทม์ไลน์ดังนี้ วันที่ 12/7/64 อากงเริ่มมีอาการไอ วันที่ 15/7/64 ลูกสาวคนโตเริ่มมีอาการไอ วันที่ 17/7/64 ลูกสะใภ้ กับอาม่า เริ่มมีไข้ ไอ วันที่ 18/7/64 หลาน 2 คนที่เป็นวัยรุ่น เริ่มมีไข้ต่ำๆ, ลูกสาว อาการมากขึ้น เริ่มมีอาการเจ็บคอ ทั้งบ้านก็ยังไม่เฉลียวใจว่าติดเชื้อโควิดกันทั้งบ้านแล้ว วันที่ 19/7/64 ลูกสะใภ้ มีไข้สูง ไปตรวจที่ รพ.กรุงเทพคริสเตียน พยาบาลแนะนำให้แยกกักตัวเอง เพราะสงสัยจะเป็นโควิด ลูกชายและลูกสะใภ้แยกตัวไปนอนที่คอนโด วันที่ 21/7/64 ลูกสะใภ้รู้ผล และรักษาตัวในโรงพยาบาลสนาม, ลูกชายไปหาซื้อชุดตรวจมาได้ 4 ชุด ตรวจเสียไป 2 ชุด ผลตรวจ อาม่าเป็นบวก ลูกสาวเป็นลบ วันที่ 21/7/64 ผลการตรวจ rapid test ของอาม่าเป็นบวก ลูกชายพาอาม่าไปตรวจที่โรงพยาบาล แจ้งกับทางโรงพยาบาลว่าผลตรวจ rapid test เป็นบวก แต่โรงพยาบาลไม่ตรวจให้, ครอบครัวนี้เริ่มสติแตก พยายามดิ้นรนโทรติดต่อหาที่ตรวจแต่หาไม่ได้เลย มีที่พอจะรับตรวจ ก็อยู่ไกล และจำกัดจำนวนตรวจ ต้องไปวัดดวงรอว่าจะได้รับการตรวจ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่ครอบครัวนี้จะไปตรวจได้ เพราะทุกคนเริ่มป่วยและมีอาการแล้ว รวมทั้งเป็นคนแก่และเด็ก สุดท้ายมีเพื่อนของลูกชายช่วยนัดจองคิวตรวจอากงและอาม่าได้ 2 คน ได้คิวตรวจที่แลบเอกชนในวันที่ 23/7/64 วันที่ 21/7/64 ลูกชายไปต้องไปนอนค้างคืนที่โรงพยาบาลจุฬา เพื่อแย่งจองคิวตรวจที่จำกัดวันละ 50 คน วันที่ 22/7/64 ลูกชายได้รับการตรวจที่ รพ.จุฬา ผลเป็นบวก ได้รับการรักษาที่ รพ.จุฬา วันที่ 22/7/64 หลานอายุ 2 ขวบ 2 คนเริ่มมีไข้ ประมาณ37.5ให้ทานยาลดไข้ และเช็ดตัว ไข้ลง วันที่ 23/7/64 เด็ก 2 คนเริ่มมีไข้สูง 38.8 และ 38.6 เช็ดตัวไข้ไม่ลง นอนซึม วันที่ 24/7/64 เด็ก 2 คนอาการดีขึ้น ไข้ประมาณ 37.5 เริ่มทานขนมได้ วันที่ 25/7/64 ลูกสาว 2 คน และหลาน 2 คนที่เป็นวัยรุ่น จองคิวตรวจได้ที่ หน่วยตรวจเชิงรุกของกทม.ที่เขตดุสิต และไปรับการตรวจแล้ว ได้รับการแจ้งว่าต้องรอผล 2 วัน จะแจ้งทาง sms ตั้งแต่วันที่ 21/7/64 ที่รู้ว่ามีคนในครอบครัวนี้ติดโควิด ครอบครัวนี้พยายามหาทางที่จะติดต่อแจ้งไปหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น 1330 1668 1669 สาธารณสุข แต่ก็ถูกปฏิเสธไม่ยอมรับแจ้ง โดยอ้างว่าเป็นกฎที่จะรับแจ้งขึ้นทะเบียนเป็นผู้ติดเชื้อโควิดได้ ต้องมีผลการตรวจแบบ RT PCR เท่านั้น แม้ว่าครอบครัวนี้จะพยายามชี้แจงว่าเป็นผู้ติดเชื้อ เพราะมีคนในครอบครัวติดเชื้อและรักษาตัวในรพ.สนามแล้ว และคนที่เหลือในครอบครัวหาที่ตรวจโควิดไม่ได้ ขนาดเอาผลการตรวจของภรรยาลูกชายคนโตและบอกว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ก็ไม่ยอมรับแจ้ง และไล่ให้ต้องไปตรวจด้วย RT PCR มาก่อนเท่านั้น เมื่อรู้ว่าติดโควิดทั้งครอบครัว ก็ดิ้นรนหาซื้อชุดตรวจ และหาซื้อยาฟ้าทะลายโจร กระชาย ทั้งยาไทยและยาจีน ทุกตัวที่โฆษณาว่ารักษาโควิดได้ มากินกันทั้งครอบครัว น้องผมที่เป็นลูกเขยของบ้านนี้ ติดต่อขอความช่วยเหลือจากผมในคืนวันที่ 21/7 ผมได้โทรไปสอบถามอาการของคนในครอบครัวนี้พบว่า อาม่า และน้องสะใภ้ผม เริ่มมีอาการไอมากและหอบเหนื่อย พูดได้ไม่เยอะ พูดไปไอไป เชื้อน่าจะเริ่มลงปอดแล้ว ผมประเมินดูแล้วมั่นใจว่าหาเตียงในโรงพยาบาลไม่ได้แน่ๆ ครอบครัวนี้น่าจะเป็นผู้ติดเชื้อโควิดสีเหลือง และมี 2 คนที่น่าจะกำลังเป็นสีแดง โอกาสที่จะรอดของครอบครัวนี้คือ รักษาตัวที่บ้าน ผมตัดสินใจที่จะไม่เสียเวลาไปในการติดต่อหาเตียงตามโรงพยาบาลต่างๆ การหายาฟาวิพิราเวียมาให้เร็วที่สุด คือทางรอดเดียวของครอบครัวนี้ เพื่อป้องกันไวรัสลงปอด และลดการแพร่เชื้อไวรัส แม้ว่าจะติดเชื้อกันทั้งบ้านแล้ว แต่การอยู่กันอย่างแออัด 10 คนในห้องแถวเล็กๆ จะมีไวรัสออกมากับลมหายใจตลอดเวลา และทุกคนก็หายใจเอาไวรัสของคนในครอบครัวอีก 9 คนตลอดเวลา น่าจะทำให้อาการของโรคกำเริบมากขึ้นทุกคน วันที่ 22/7 ผมและน้องชายพยายามติดต่อหาซื้อยาฟาวิพิราเวีย จากเพื่อนที่อยู่โรงพยาบาลเอกชน แต่ไม่สามารถหาซื้อได้เลย ทุกโรงพยาบาลยืนยันว่าการจะจ่ายยา ต้องสั่งโดยหมอ infectious และต้องมีใบตรวจด้วย RT PCR ของแต่ละคนเท่านั้น ผมและน้องชายพยายามติดต่อหาที่ตรวจ RT PCR และ RAT แต่ก็ไม่มีโรงพยาบาลไหนรับตรวจ ขนาดน้องชายผมเป็น FT โรงพยาบาลเอกชน บอกว่าเป็นญาติและนามสกุลเดียวกัน ก็ยังไม่รับตรวจ และไม่จ่ายยาฟาวิพิราเวียให้ ผมเลยต้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆศิริราช ต้องขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือและให้กำลังใจ และช่วยหายาฟาวิพิราเวีย ได้ 3 ชุด เมื่อได้ยามาแล้ว ผมให้อากง และอาม่า กับลูกสาวที่เริ่มมีอาการหายใจเหนื่อยหอบได้ทานยาก่อน เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงและเริ่มมีอาการหนักแล้ว วันที่ 23/7 หลังจากได้ยาฟาวิพิราเวียไป 2 โดส อาม่าและลูกสาวที่อาการหนักที่สุด อาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คุยได้มากขึ้นไอน้อยลง และต้องขอบคุณเพื่อนๆ ที่ช่วยหายาฟาวิพิราเวียร์ มาให้อีก 3 ชุด และส่ง pulse oximeter มาให้ วัดออกซิเจน อาม่าและลูกสาว ได้ประมาณ 94 ส่วนคนอื่นได้ 96 ยกเว้นเด็ก 2 ขวบ 2 คน วัดได้ 93 แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะนิ้วเด็กหรือเปล่าเลยวัดได้ต่ำกว่าความเป็นจริง แต่อาการเด็กก็เริ่มมีไข้สูงและเริ่มซึมแล้ว แนะนำให้ทานยาลดไข้พาราเซต และเช็ดตัวบ่อยๆ และวางแผนว่าถ้าวันที่ 24/7 อาการแย่ลง จะแบ่งยาฟาวิพิราเวียของลูกสาวคนที่ไม่มีอาการ มาให้เด็กทั้ง 2 คน แต่โชคดีที่ เมื่อวานนี้ไข้เริ่มลด และเด็กอาการดีขึ้น วันที่ 25/7 ทุกคนในครอบครัวอาการดีขึ้นแล้ว แต่จมูกยังไม่ได้กลิ่น วัดออกซิเจน ได้ 98 ทุกคน สรุป 1. ยาฟาวิพิราเวีย จำเป็นมากสำหรับการรักษาตัวเองที่บ้าน และต้องรีบให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้อาการหนัก 2. สำคัญที่สุดในการดูแลรักษาทางไกลคือ การให้กำลังใจ เพราะคนไข้จะวิตกกังวลมาก กลัวตาย กลัวไปทุกเรื่อง ผมโทรไปถามอาการและชวนพูดคุยบ่อยมาก ทุก 2-3 ชั่วโมง 3. ควรจะต้องมียาลดไข้ ยาแก้ไอ และฟ้าทะลายโจร ติดบ้านไว้ 4. ตอนนี้โควิดมันแพร่กระจายไปทั่วแล้ว แม้แต่อยู่แต่ในบ้านยังติดโควิดได้ ครอบครัวนี้อากงอาม่าและลูกสาว 2 คนอยู่แต่ในบ้าน มีแต่ลูกชายและลูกสะใภ้ที่ทำงานนอกบ้าน แต่อากงติดเชื้อเป็นคนแรกเลย ยังไม่รู้ว่าติดได้อย่างไร ยิ่งทำให้สงสัยว่าน่าจะติดจาก airborne 5. ให้ทานน้ำเยอะๆ ผมสั่งให้กินน้ำอย่างน้อยวันละ 3 ลิตร และทุกครั้งที่โทรไปจะกระตุ้นให้กินน้ำเยอะๆ เพื่อช่วยเรื่อง hydration 6. ผมให้คนไข้ทุกคน วัดไข้ จับชีพจร และนับการหายใจทุก 1 ชั่วโมง บันทึกไว้ วัตถุประสงค์เพื่อให้คนไข้ได้รู้จักสังเกตุอาการตนเอง ต่อมาเมื่อมี pulse oximeter ผมก็เปลี่ยนมาให้ทุกคนบันทึก ออกซิเจนและชีพจร ของตนเอง ทุก 1 ชั่วโมง เพื่อที่เราจะได้ให้คนไข้ได้รู้การเปลี่ยนแปลงของตนเอง และช่วยให้ผมที่เป็นหมอสามารถที่จะมาประเมินทบทวนอาการของคนไข้ย้อนหลังได้ 7. ในกรณีเลวร้ายสุดๆ คือยาฟาวิพิราเวียไม่ได้ผล และคนไข้เริ่มมีอาการปอดอักเสบชัดเจน ผมจะไม่พยายามไปหาออกซิเจนมาให้ เพราะรู้ว่าไม่ได้ผล มีแต่จะทำให้คนไข้ทรมานมากขึ้น เพราะคนไข้ที่ปอดอักเสบรุนแรง ต้องใส่ท่อช่วยหายใจและใช้เครื่องช่วยหายใจ หรืออย่างน้อยก็ต้องเป็น high flow oxygen แต่ผมจะทดลองให้การรักษา ด้วยวิธีการที่ยังไม่เคยมีใครทดลองมาก่อน แต่อาจจะได้ผลสามารถยื้อชีวิตผู้ป่วยได้ ซึ่งถ้าเพื่อนๆมีญาติหรือคนในครอบครัวที่เริ่มมีปอดอักเสบและไม่สามารถหาเตียงในไอซียูได้ หลังไมค์มาคุยกันนะครับ ยินดีแชร์ให้ฟังครับ แล้วเพื่อนๆให้คนไข้ตัดสินใจเองว่าจะทดลองรักษาตัวตามสูตรของผมหรือไม่ 8. ตอนนี้การติดเชื้อแพร่ระบาดเข้าไปในครัวเรือนแล้ว เมื่อพบผู้ติดเชื้อ 1 คน สมาชิกในครอบครัวจะติดเชื้อไปแล้วทุกคน ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุข ต้องยกเลิกกฎที่บังคับให้ต้องมีผลตรวจ RT PCR ทุกคนถึงจะรับลงทะเบียนเข้าระบบ ควรจะใช้แค่ผลการตรวจ rapid test และกระทรวงสาธารณสุข ต้องมีหน้าทีจัดหาชุดตรวจ ATK ส่งไปให้คนในครอบครัวผู้ป่วยทุกคน เพื่อที่จะรีบตรวจและคัดกรองผู้ติดเชื้อ ไม่ใช่ผลักภาระให้ผู้ป่วยทุกคน ไม่ว่าเด็กหรือคนแก่ต้องไปดิ้นรน หาที่จองคิวตรวจด้วยตัวเอง และก็เอาเชื้อไปแพร่ให้คนรอบข้าง แบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ 9. ครอบครัวนี้น่าจะเริ่มติดเชื้อวันที่ 12/7/64 จนกระทั่งวันนี้ (25/7/64) ก็ยังไม่สามารถที่จะเข้าถึงการตรวจด้วย RT PCR และไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนว่าเป็นผู้ติดเชื้อโควิด 10. ช่วยกันเรียกร้องกดดันให้กระทรวงสาธารณสุข ยกเลิกระเบียบคำสั่งที่การขึ้นทะเบียนเป็นผู้ติดเชื้อต้องมีผลการตรวจยืนยันด้วย RT PCR เท่านั้น ในสถานการณ์ปัจจุบันที่การระบาดอย่างหนัก ควรจะยืนยันด้วยผลการตรวจ ATK ก็น่าจะเพียงพอแล้ว และต้องเป็นหน้าที่ของสธ. สปสช. ที่ต้องจัดหาและจัดส่งชุดตรวจ ATK ไปให้ครอบครัวของผู้ติดเชื้อ เพื่อที่จะคัดกรองหาผู้ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ 11. ถ้าคิดว่าโพสนี้เป็นประโยชน์ สามารถแชร์ต่อไปได้ครับ นายแพทย์สุธี ทุวิรัตน์ 25 ก.ค. 2564โควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเรือดำน้ำไททั่นด่วน! พบ 2 เศษซากชิ้นส่วนของ "เรือดำน้ำไททัน" หลังสูญหายเหตุลงไปชมเรือประวัติศาสตร์ ล่าสุดพบอยู่ใกล้บริเวณซากเรือไททานิก... จากกรณีการค้นหาเรือดำน้ำนำเที่ยว “ไททัน” ของบริษัท โอเชียนเกต เอ็กซ์เพดิชันส์ ซึ่งนำกลุ่มมหาเศรษฐี 5 คน ดำดิ่งไปชมซากเรือไททานิก ในเขตทางเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก แล้วขาดการติดต่อกับศูนย์ปฏิบัติการ ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทางการจากทั้งสหรัฐและแคนาดา กำลังร่วมมือกันในการค้นหาเรือดำน้ำไททัน ที่ขาดการติดต่อไปตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในระหว่างดำลงสู่ก้นทะเลเพื่อชมซากเรือไททานิก ที่ความลึกราว 3,800 เมตร แม้จะเลยเวลาที่คาดว่าออกซิเจนภายในเรือดำน้ำได้หมดลงไปแล้วนั้น -ฝรั่งเศสส่งหุ่นยนต์สำรวจทะเลลึก ร่วมภารกิจค้นหาเรือดำน้ำ “ไททัน” -ไม่น่าเชื่อ ‘ภรรยาซีอีโอ’เรือดำน้ำไททัน สืบเชื้อสายจากผู้โดยสารไททานิก!... สามารถติดตามต่อได้ที่ :fastpong07• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยไขข้อสงสัย บะหมี่ดิบขยำผงปรุงรส กินแล้วพองในท้อง ถึงขั้นช็อกจริงหรือไม่ไขข้อสงสัย กินบะหมี่ดิบขยำผงปรุงรส ทำให้พองในท้องและเกิดภาวะช็อก จริงหรือไม่ ตรวจสอบพบเป็นข้อมูลเท็จ วอนอย่าแชร์ต่อ วันที่ 25 ธันวาคม 2565 มีรายงานว่า แฟนเพจ Anti-Fake News Center Thailand ระบุข้อความว่า ตามที่มีข้อมูลเตือนด้านสุขภาพเกี่ยวกับเรื่องกินบะหมี่ดิบที่ขยำใส่ผงปรุงรส ทำให้พองในท้องและเกิดภาวะช็อก ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากกรณีที่มีผู้บอกต่อว่ากินบะหมี่ดิบที่ขยำใส่ผงปรุงรส ทำให้พองในท้องและเกิดภาวะช็อก ทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยที่ผ่านมาทาง สสส. ได้ร่วมกับเครือข่ายลดบริโภคเค็ม ส่งเสริมประชาชนลดการกินเค็มที่มากเกิน และพบในปี 2563 โดยคนไทยมีอัตราการบริโภคโซเดียมเฉลี่ย 3,636 มก./วัน ซึ่งเกินมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำเกือบ 2 เท่า ทั้งจากเครื่องปรุงรส อาหารแปรรูปแช่แข็ง รวมถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาจส่งผลให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง กล้ามเนื้อหัวใจห้องซ้ายหนา เกิดการสะสมของพังผืดในกล้ามเนื้อหัวใจ ไต และหลอดเลือด อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งไม่มีการเผยแพร่ข้อมูลเรื่องการกินบะหมี่ดิบจะพองในท้องจนอาจเกิดภาวะช็อกได้ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://www.thaihealth.or.th หรือโทร 02-343-1500หนูเล็ก ผู้มากด้วยปัญญา• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยรัสเซีย ยูเครน : เทียบภาพต่อภาพ หักล้างข้อกล่าวหาการจัดฉากเหตุสังหารหมู่ในเมืองบูชาภาพถ่ายดาวเทียมในเมืองบูชา ทางเหนือของกรุงเคียฟ เผยให้เห็นศพกระจัดกระจายบนท้องถนน ก่อนหน้าที่ทหารรัสเซียจะถอนกำลังออกไปเกือบ 2 สัปดาห์ คำเตือน: บทความนี้มีภาพที่อาจสร้างความสะเทือนใจให้ผู้อ่านบางคน ภาพถ่ายดาวเทียมจากบริษัท Maxar ที่ถ่ายเมื่อ 19 มี.ค. ได้รับการเผยแพร่ครั้งแรกโดยหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ และได้รับการพิสูจน์ยืนยันโดยบีบีซี เผยให้เห็นหลักฐานที่ขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียที่ระบุว่า คลิปวิดีโอที่มีศพนอนเกลื่อนถนนในเมืองบูชาเป็นการ "จัดฉาก" ขึ้นหลังจากรัสเซียถอนกำลังทหารออกไปแล้ว รัสเซียระบุว่าได้ถอนทหารออกจากเมืองนี้ไปเมื่อ 30 มี.ค. แต่ภาพถ่ายดาวเทียมที่ถ่ายไว้เมื่อ 19 มี.ค. เผยให้เห็นสิ่งที่ดูเหมือนศพนอนอยู่ในตำแหน่งที่กองทัพยูเครนเข้าไปพบตอนที่พวกเขากลับเข้าควบคุมเมืองได้อีกครั้งstd48075• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยรัสเซีย ยูเครน : เทียบภาพต่อภาพ หักล้างข้อกล่าวหาการจัดฉากเหตุสังหารหมู่ในเมืองบูชาภาพถ่ายดาวเทียมในเมืองบูชา ทางเหนือของกรุงเคียฟ เผยให้เห็นศพกระจัดกระจายบนท้องถนน ก่อนหน้าที่ทหารรัสเซียจะถอนกำลังออกไปเกือบ 2 สัปดาห์ คำเตือน: บทความนี้มีภาพที่อาจสร้างความสะเทือนใจให้ผู้อ่านบางคน ภาพถ่ายดาวเทียมจากบริษัท Maxar ที่ถ่ายเมื่อ 19 มี.ค. ได้รับการเผยแพร่ครั้งแรกโดยหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ และได้รับการพิสูจน์ยืนยันโดยบีบีซี เผยให้เห็นหลักฐานที่ขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียที่ระบุว่า คลิปวิดีโอที่มีศพนอนเกลื่อนถนนในเมืองบูชาเป็นการ "จัดฉาก" ขึ้นหลังจากรัสเซียถอนกำลังทหารออกไปแล้ว รัสเซียระบุว่าได้ถอนทหารออกจากเมืองนี้ไปเมื่อ 30 มี.ค. แต่ภาพถ่ายดาวเทียมที่ถ่ายไว้เมื่อ 19 มี.ค. เผยให้เห็นสิ่งที่ดูเหมือนศพนอนอยู่ในตำแหน่งที่กองทัพยูเครนเข้าไปพบตอนที่พวกเขากลับเข้าควบคุมเมืองได้อีกครั้ง ภาพถ่ายของถนนอีกช่วงหนึ่งก็ดูเหมือนจะมีศพอยู่บนถนนอีกstd47980• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัย(#)จากนี้ไปใครที่มีอุบัติเหตุรถชนใน กทม แล้วต้องการภาพจากกล้องวงจรปิด ขอคลิปออนไลน์ได้ละนะครับ โดยประชาชนที่จะขอไฟล์ภาพต้องแจ้งความ ณ สถานีตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุก่อน จากนั้นสามารถแจ้งความประสงค์ขอไฟล์ภาพจากกล้อง CCTV ได้ 2 ช่องทาง คือ เว็บไซต์ cctv.bangkok.go.th และไลน์ @CCTVBANGKOK โดยใช้เอกสารและข้อมูลประกอบการขอรับไฟล์ภาพ ได้แก่ . 1. บันทึกประจำวันจากสถานีตำรวจ . 2. สำเนาบัตรประชาชน . 3. หมายเลขกล้องวงจรปิด . 4. วันและเวลาของไฟล์ภาพที่ต้องการขอ . เมื่อศูนย์ CCTV ได้รับเรื่องแล้ว เจ้าหน้าที่จะแจ้งผลการดำเนินการผ่านไลน์ @CCTVBANGKOK และทางอีเมลที่แจ้งไว้ หรือติดตามสถานะการขอไฟล์ภาพผ่านทางเว็บไซด์ cctv.bangkok.go.th โดยสามารถดาวน์โหลดไฟล์ภาพผ่านทางเว็บไซต์ cctv.bangkok.go.th ในระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน หากเกิน 7 วัน จะต้องทำเรื่องขอภาพใหม่ ====================== UPDATE: กทม. เปิด 2 ช่องทางให้ประชาชนขอภาพ CCTV ออนไลน์ได้ใน 24 ชั่วโมงแล้ว . วันนี้ (18 กรกฎาคม) วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ขณะนี้กรุงเทพมหานครได้เปิดให้มีการขอภาพจากกล้องวงจรปิด (CCTV) ของกรุงเทพมหานครทางออนไลน์ได้ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่ไม่สะดวกเดินทางมาขอภาพด้วยตนเอง . โดยประชาชนที่จะขอไฟล์ภาพต้องแจ้งความ ณ สถานีตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุก่อน จากนั้นสามารถแจ้งความประสงค์ขอไฟล์ภาพจากกล้อง CCTV ได้ 2 ช่องทาง คือ เว็บไซต์ cctv.bangkok.go.th และไลน์ @CCTVBANGKOK โดยใช้เอกสารและข้อมูลประกอบการขอรับไฟล์ภาพ ได้แก่ . 1. บันทึกประจำวันจากสถานีตำรวจ . 2. สำเนาบัตรประชาชน . 3. หมายเลขกล้องวงจรปิด . 4. วันและเวลาของไฟล์ภาพที่ต้องการขอ . เมื่อศูนย์ CCTV ได้รับเรื่องแล้ว เจ้าหน้าที่จะแจ้งผลการดำเนินการผ่านไลน์ @CCTVBANGKOK และทางอีเมลที่แจ้งไว้ หรือติดตามสถานะการขอไฟล์ภาพผ่านทางเว็บไซด์ cctv.bangkok.go.th โดยสามารถดาวน์โหลดไฟล์ภาพผ่านทางเว็บไซต์ cctv.bangkok.go.th ในระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน หากเกิน 7 วัน จะต้องทำเรื่องขอภาพใหม่ . ทั้งนี้ ในการขอรับไฟล์ภาพจะสามารถรับไฟล์ภาพได้ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งสามารถขอข้อมูลไฟล์ภาพได้ไม่เกินครั้งละ 6 กล้อง และไฟล์ภาพต้องมีระยะเวลารวมไม่เกิน 3 ชั่วโมง กรณีการขอไฟล์ภาพที่มีระยะเวลารวมเกิน 3 ชั่วโมง หรือต้องการไฟล์ภาพต้นฉบับให้ติดต่อรับได้ที่ศูนย์ CCTV ทั้ง 13 แห่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาเวอร์ชันใหม่เพิ่มเติมเพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการขอไฟล์ภาพจากกล้อง CCTV ได้สะดวกและง่ายขึ้น . #TheStandardNewsไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยลำปางพบบุคลากรทางการแพทย์ มีอาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน กว่า 40 คน🔴 ลำปาง วุ่น! พบ บุคลากรทางการแพทย์ มีอาการข้างเคียง หลังฉีด “วัคซีนโควิด” จากซิโนแวค แล้วกว่า 40 ราย พบ 2 ราย ต้องแอดมิต ล่าสุดอาการดีขึ้น . ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (21 เม.ย.64) บุคลากรทางการแพทย์ ที่ รพ.ลำปาง เกิดอาการลิ้น ใบหน้า ปาก มือ มีอาการชา บางรายคลื่นไส้ อาเจียน โดยหนึ่งในเจ้าหน้าที่ ได้เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก ว่า คนที่ฉีดยาวัคซีนไป แล้วเกือบ 40 คน เข้าห้องฉุกเฉิน และยังมีภาพเครื่องวัดความดันโชว์ เลข ความดันพุ่งสูงถึง 182 อีกด้วย . โดยพบว่าต้องเข้ารับการแอดมิต ถึง 2 ราย เนื่องจากมีอาการแน่นหน้าอก เวียนศีรษะ ตาลาย อาเจียน ชาหน้า พูดไม่ชัด แขนขาอ่อนแรง แพทย์จึงต้องเร่งทำการช่วยเหลือโดยใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมง จนกระทั่งเวลา 14.00 น. ทั้ง 2 คน จึงมีอาการดีขึ้น ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวได้มีการรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับผู้บังัคบบัญชาทราบตามลำดับและได้กำชับ ให้เฝ้าระวังผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนล็อตนี้ อย่างใกล้ชิดทุกราย . จากการตรวจสอบวัคซีนที่ฉีดพบว่า วัคซีนที่ฉีดคือวัคซีนจาก “ซิโนแวค” ล็อต No. J202103002, serial 81901420027937950764/10 ซึ่งเป็นล็อตถัดจากที่เกิดผลข้างเคียงกับบุคลากรทางแพทย์ที่ จ.ระยอง จำนวน 6 ราย ซึ่งมีอาการในลักษณะเดียวกัน เบื้องต้นผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อไปยัง สสจ.ลำปาง แล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้แต่อย่างใด . สำหรับจังหวัดลำปางได้รับวัคซีนซิโนแวค จำนวน 1,800 โดส ฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และ สาธารณสุข จํานวน 400 คน และอาสาสมัครสาธารณสุข ประจําหมู่บ้าน จํานวน 500 คน เริ่มฉีดเข็มแรก ไปเมื่อวันที่ 3 เมษายน และ เมื่อวานนี้เป็นการฉีดเข็มที่ 2 และพบอาการข้างเคียงโควิด 2019Mrs.Doubt• 4 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสวดยับ! เด็กป่วยเข้า รพ. พ่อแม่แย่งที่นอน ลูกนั่งหมดแรงข้างเตียง เวทนาเข็มเจาะคามือเคยมีคำเปรียบ “พ่อแม่” อยู่ 2 ประเภท ในขณะที่ยางครอบครัวใส่ใจและเป็นห่วงในลูกทุกรายละเอียด ส่วนบางครอยครัวปล่อยให้ลูกมีอิสระในการใช้ชีวิต ซึ่งทั้ง 2 ประเภท ล้วนแล้วแต่มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปแล้วแต่มุมมองและสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเกิดกรณีของผู้ปกครองที่ทำให้ทุกเสียงวิจารณ์ตรงกันว่า พ่อแม่แบบนี้แย่มาก!มีมstd48375• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยตำรวจสยบข่าวมั่ว แชร์สนั่นเย็นวันศุกร์ "ปิดถนนสุขุมวิท" ย้ำเป็นเฟคนิวส์ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลตำรวจโทปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีที่มีข้อความแชร์ส่งต่อกันในกลุ่มแชทและโซเชียลมีเดีย โดยอ้างว่าในวันศุกร์นี้ (13 ธ.ค.) จะมีการปิดถนนสุขุมวิท ฝั่งขาเข้า 2 ช่องทาง เวลา 16.00-18.00 น. ตั้งแต่บริเวณโรงเรียนนายเรือสมุทรปราการ ไปถึงทางด่วนบางนา-ดินแดง และปิดการจราจรบนทางด่วนบางนา-ดินแดง 2 ช่องทาง ข้อความดังกล่าวถูกแชร์ออกไปเป็นวงกว้างstd48388• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัย# ด่วน...เขตสายไหม แตกแล้ว น่ากลัวมาก...!!!! 1. หมู่บ้านสายไหมริมชล ซ.สายไหม 85 2. หมู่บ้านลีลาวดี ถ.วัดเกาะ ติดเชื้อทั้งหมู่บ้าน 3. หมู่บ้านรุ่งเรืองเฮ้าส์ แยก 10, 12 ซ.พหลโยธิน 54 4. หมู่บ้านอัมรินทร์ 3 ผัง 4 5. ห้องเช่า ถ.วัชรพล ซ.3 6. หมู่บ้านสราญสิริ ถ.สายไหม 7. หมู่บ้านเอื้ออาทร ถ.สายไหม ซ.33/1 8. หมู่บ้านมนชญา 2 ถ.สายไหม ซ.49 # ไม่จำเป็น คนที่อยู่บริเวณเขตสายไหม พยายามอย่าออกจากบ้าน อันตรายมาก และบุคคลที่ไม่มีความจำเป็น อย่าเข้าไปในเขตสายไหมครับ เพราะไม่รู้ว่าผู้ติดเชื้อเดินทางไปไหนมาบ้างในบริเวณอื่น ในเขตสายไหม...ด้วยความหวังดี..โควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว2 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยจริงหรือ รัฐบาลอนุมัติเงินเยียวยาให้กลุ่ม ที่ไม่มีสิทธิ์ได้รับการเยียวยาจากมาตรการอื่นๆ ทั้งเราไม่ทิ้งกัน เยียวยาเกษตรกร เรียกว่า"เยียวยากลุ่มเปราะบาง" คนละ 3000 บาทรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบในหลักการตามคณะกรรมการกลั่นกรองฯและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)เสนอ ให้จ่ายเงิน "เยียวยากลุ่มเปราะบาง" จำนวน 13 ล้านคน ใน 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.เด็กแรกเกิดถึง 6 ปีที่มีฐานะยากจน จำนวน 1.4 ล้านคน 2 ผู้สูงอายุ จำนวน 9.66 ล้านคน และ 3.ผู้พิการ จำนวน 2 ล้านคน ทั้งหมดรวม 13 ล้านคนโควิด 2019naydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสบู่เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 19 ก.ค. 2562 ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) พ.ต.อ.ไพฑูรย์ พลูสวัสดิ์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.ปคบ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ ผกก.กก.4 บก.ปคบ. เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. และเจ้าหน้าที่อย. ร่วมกันแถลงผลตรวจยึดผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง 2 ชนิด ได้แก่ แผ่นแปะสะดือเผาผลาญไขมัน อ้างว่าสามารถช่วยปรับสมดุลการเผาผลาญไขมัน และสบู่นมเด้ง (สบู่นมตึงจนผัวทัก) เพิ่มเนื้อนมให้ดูอวบอิ่ม ผิวขาวกระจ่างใส ยึดของกลางร่วมหลักหมื่นชิ้น มูลค่ากว่า 1.2 ล้านบาทstd48002• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย*** สมุนไพร 3 แม่ทัพต้านไวรัสโควิด-19 *** . เมื่อสาย ๆของวันนี้ ดิฉันได้คุยกับพี่ชายที่รัก คนทำงานด้วยกันที่มูลนิธิข้าวขวัญ . ประโยคแรกที่พี่ชายพูดกับดิฉันก็คือ "เอียด พี่กับเพื่อนพี่ คนไทยในอเมริกา ต้องขอบคุณเอียดมากนะ สูตรน้ำสมุนไพร 3 แม่ทัพ ที่เอียดบอกมา ช่วยคนไทยในอเมริกาได้มาก เพื่อนพี่อยู่ที่เท็กซัส กับแคลิฟอร์เนีย ศูนย์กลางการระบาดหนักของไวรัสโควิด-19 เขากินน้ำสมุนไพร 3 แม่ทัพแล้วได้ผลดีมาก เพื่อนที่ป่วยติดไวรัสโควิด-19 ไปโรงพยาบาล หมอให้กลับมาอยู่บ้าน เขาป่วยหนัก ก่อนนี้พี่ส่งขมิ้นชันผง หอมแดง กระเทียมไปให้เขาทาง DHL เขาเอาต้มน้ำสมุนไพร 3 แม่ทัพกิน 4-5 วันเขาดีขึ้น ชุ่มคอ หายใจสะดวก เขาดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่กี่วันก็หายป่วย ตอนนี้หายสนิทแล้ว ส่วนอีกคน พี่ส่งขมิ้นชัน หอมแดง กระเทียม จากเมืองไทยไปให้เขาทาง DHL เพื่อนใช้กินป้องกัน ใช้กันทั้งครอบครัว แล้วเขาก็ใช้แมสก์ด้วยนะ เพื่อนๆคนไทยเราแข็งแรงดี เมื่อเช้าคุยวิดีโอคอลกัน เสียดายไม่ได้อัดเทปไว้ แต่ตอนนี้สูตรน้ำมัน 3 แม่ทัพที่เอียดให้มา กลุ่มเพื่อนคนไทยในเท็กซัส แคลิฟอร์เนีย ใช้กันมาก แล้วได้ผลดีจริงๆ หายป่วยจากไวรัสโควิด ได้จริงๆ ตอนแรกพี่ก็ไม่ค่อยเชื่อหรอก พวกเรื่องต่างๆที่เทพบอกมา แต่ตอนนี้พี่เชื่อแล้ว เพราะเพื่อนๆใช้ได้จริง หายป่วยได้จริง ขอบคุณเอียดมากๆเลยนะ” . ดิฉันฟังพี่ชายพูดแล้วน้ำตาจะไหล ดิฉันมั่นใจ สูตรชาสมุนไพร 3 แม่ทัพ ต้องใช้ได้ผลแน่ เทพบอกมาเอง ถามท่านปุ๊บ ก็มีเสียงบอกมาเลย และดิฉันก็มอบสูตรนี้ให้ทีมพี่เดชา ไปเผยแพร่ต่อ บัดนี้ชาสมุนไพร 3 แม่ทัพสามารถช่วยชีวิตคนไทยที่เผชิญโรคระบาดไวรัสโควิดในเท็กซัสและแคลิฟอร์เนียได้จริงๆ ข่าวที่รับทราบมาเมื่อเช้านี้ ทำให้ดิฉันไปค้นข้อมูลเก่าเรื่องชาสมุนไพร 3 แม่ทัพ ที่เคยเผยแพร่ไว้เมื่อปลายเดือน มีนาคม 2563 ในช่วงไวรัสโควิด19 ระบาดหนักครั้งก่อน เพื่อมาฝากเพื่อนๆและพี่น้องคนไทย ไว้ใช้ป้องกันตัวเอง รักษาอาการป่วยไข้ โดยมีเนื้อหารายละเอียดของสูตรยาสมุนไพร 3 แม่ทัพ ดังนี้ . . “ในขณะที่ครุ่นคิดพิจารณาหนทางที่จะช่วยให้สถานการณ์การแพร่ระบาดให้ลดลง อาจารย์เดชา ศิริภัทร ได้รับข้อมูลว่าให้นำสมุนไพรทั้ง 3 ชนิด คือ ขมิ้นชัน หอมแดง กระเทียม มาปรุงเป็นยา เพื่อช่วยป้องกันโรคโควิด-19 ที่มาจากเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ จากการค้นคว้าสรรพคุณของสมุนไพรทั้ง 3 ชนิดพบว่า มีความเป็นไปได้สูงในการใช้บำรุงสุขภาพเพื่อต้านไวรัส จึงทดลองปรุงสมุนไพรตามสูตร แล้วรับประทานเองก่อนแจกจ่ายให้คนใกล้ชิดได้ทดลอง โดยหวังว่าจะเป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้ต่อสู้กับเชื้อไวรัสนี้ สำหรับสรรพคุณของสมุนไพรทั้ง 3 ชนิดนี้คือ ขมิ้นชัน เสมอด้วยแม่ทัพใหญ่ มีฤทธิ์ช่วยสร้างลิมโฟไซท์ ซึ่งเป็นเม็ดโลหิตขาวสำคัญในระบบน้ำเหลืองที่ต้านเชื้อไวรัส และช่วยบำรุงปอดให้แข็งแรง ช่วยรักษาอาการอักเสบของปอดไม่อันตรายต่อตับ เนื่องจากขมิ้นชันเป็นเครื่องเทศที่ถูกใช้เป็นอาหารของคนเอเชียมาหลายพันปี มีสารเคอร์คูมินมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ ฤทธิ์ดังกล่าวมีความเป็นไปได้ในการป้องกันการถูกทำลายจากปอดจากกระบวนการอักเสบที่เกิดจากหลอดลม เนื้อปอดและหลอดเลือดปอด นอกจากนี้มีข้อมูลการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคแกงที่มีขมันชันเป็นส่วนประกอบกับการทำงานของปอดในประชากรผู้สูงวัยชาวจีนจำนวน 2,478 คนอายุ 55 ปีขึ้นไป ผลการศึกษาพบว่า การบริโภคแกงที่มีขมิ้นชัน อย่างน้อยเดือนละครั้ง ทำให้สมรรถภาพปอดดีขี้น กระเทียม เสมอขุนพลหลักด้านขวา น้ำมันหอมระเหยในกระเทียมมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อช่วยขยายทางเดินหายใจ และเพิ่มภูมิต้านทาน ส่วนหอมแดง เสมอขุนพลหลักด้านซ้าย ในการแก้อักเสบ รักษาหวัด และระบบทางเดินหายใจ เมื่อนำสมุนไพรทั้ง 3 ชนิดนี้มารวมกัน จะช่วยหนุนเสริมพลังของแต่ละตัวให้แข็งแรงขึ้นมาก โดยมีสูตรการปรุง 2 สูตรคือ สูตรที่ 1 น้ำมัน 3 แม่ทัพต้านไวรัส 1.ขมิ้นชัน 2 ขีด 2.หอมแดง 2 ขีด 3.กระเทียม 2 ขีด 4.น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น 1 ลิตร วิธีทำ 1.หั่นวัตถุดิบเป็นชิ้นบางๆ 2.ทอดในน้ำมันมะพร้าวที่เตรียมไว้ในอุณหภูมิประมาณ120 องศาเซลเซียส จนน้ำในวัตถุดิบแห้ง 3.กรองด้วยผ้าขาวบาง 4.บรรจุแคปซูล ๆละ 15 หยด วิธีใช้ กินมื้อเช้า 2 แคปซูลและ มื้อเย็น 2 แคปซูล สูตรที่ 2 'ชาสมุนไพร' 3 แม่ทัพต้านไวรัส 1.ขมิ้นชัน ครึ่งขีด 2.หอมแดง ครึ่งขีด 3.กระเทียม ครึ่งขีด 4.น้ำ 1.5 ลิตร วิธิทำ 1. ต้มน้ำให้เดือด 2. ทุบวัตถุดิบสมุนไพรทั้ง 3 ชนิดพอแตก ลงไปในหม้อ 3. หรี่ไฟให้อ่อนๆต้มไว้นานประมาณ 30 นาที วิธีใช้ กินวันละประมาณ 2 แก้วขณะน้ำยังร้อนๆ หรืออุ่นมาก จิบได้เรื่อยๆ หรือจะดื่มทีเดียวหมดก็ได้ (ถ้าดื่มมากกว่า 2 แก้วจะปัสสาวะมาก) รสชา 3 แม่ทัพจะหอมนุ่มนวล ถ้าไม่คุ้นลิ้น เติมน้ำผึ้งลงไป จะดื่มได้สดชื่นมาก ดื่มชาสมุนไพร 3 แม่ทัพ แล้ว เพียงไม่กี่นาที จะรู้สึกโล่งจมูก หายใจได้ลึกสุด และสบายท้อง ดีกับระบบลมในร่างกาย . "ดื่มชาและกินน้ำมัน 3 แม่ทัพสมุนไพรต้านไวรัสนี้แล้ว ขอให้อุทิศกุศลและภาวนาเมตตาธรรมให้กับไวรัสโควิด 19 และเจ้ากรรมนายเวรของคุณด้วยนะ"ยาสมุนไพรโควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยเรื่องโม้ๆ เกี่ยวกับการแพทย์และวิทยาศาสตร์ว่าด้วยกัญชากัญชาเป็นหนึ่งในพืชที่เป็นประเด็นโต้เถียงกันมายาวนาน จึงไม่น่าแปลกใจที่มันจะเป็นต้นเหตุของเรื่องหลอกลวง ตำนานเล่าขานที่ปั่นกันขึ้นมา และข่าวปลอมมากมาย ทั้งหมดล้วนแต่ส่งผลกระทบในด้านใดด้านหนึ่งต่อการรับรู้ของสาธารณชนต่อการใช้กัญชาและสถานะของมัน ต่อไปนี้คือ "เรื่องโม้ๆ" ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และการแพทย์ของกัญชา ที่แพร่หลายในต่างประเทศ (และอาจกระทบต่อทัศนะของคนไทยเราด้วย) 1. เรื่องโกหกเกี่ยวกับบริษัทมอนซานโตตัดแต่งพันธุกรรมกัญชา มีเรื่องหลอกลวงแพร่ทางอินเทอร์เน็ตในปี 2015 โดยอ้างว่าบริษัท Monsanto กำลังสร้างกัญชาดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อจัดหากัญชามากพอป้อนให้กับอุตสาหกรรมกัญชา (1) เรื่องหลอกลวงนี้สร้างขึ้นโดยเว็บไซต์ข่าวปลอมเสียดสี World News Daily Report เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2015 ซึ่ง Monsanto ตอบโต้ด้วยการ "การปฏิเสธแบบหัวชนฝา" ผ่านเว็บ "Myths About Monsanto" ที่คอยแก้ข่าวปลอมและเรื่องโกหกเกี่ยวกับบริษัท ซึ่งมักจะถูกโจมตีว่าทำการตัดแต่งพันธุกรรมเพื่อสนองตอบอุตสาหกรรมเกษตร แม้ว่ามันจะเป็นข่าวปลอม แต่สร้างความตื่นตูมให้กับวงการกัญชาอย่างมาก เช่น เว็บไซต์เกี่ยวกับกัญชา High Times รายงานว่า "นักวิทยาศาสตร์กำลังทำงานเพื่อสร้างแผนที่โครงสร้าง DNA ที่สมบูรณ์ของต้นกัญชา เพื่อป้องกันบริษัทเมล็ดพันธุ์ทางการเกษตรรายใหญ่ เช่น Monsanto จากการได้รับสิทธิบัตรเฉพาะสำหรับสายพันธุ์เฉพาะ" (2) สะท้อนว่า แม้จะเป็นข่าวปลอม แต่ "ชื่อเสียง" ของบริษัท Monsanto ทำให้เกิดความกังวลว่ากัญชาอาจถูกรวบหัวรวบหางโดยอุตสาหกรรมเกษตร เพื่อผูกขาดสายพันธุ์และผูกขาดการผลิต เพราะมันกำลังเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างเงินมหาศาล 2. เรื่องหลอกลวงเกี่ยวกับการทดลองกัญชาของนาซา การทดลองกัญชาของนาซาเป็นเรื่องหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตในปี 2559-2561 โดยอ้างถึงบันทึกการจ่ายเงิน 18,000 ดอลลาร์ของนาซาแก่อาสาสมัครเพื่อทำการทดลองนอนบนเตียงและให้กัญชาสูบระหว่างการทดลองเป็นเวลา 3 เดือน (หรือ 70 วัน) โดยได้เงิน 18,000 ดอลลาร์ (3) แต่นาซายืนยันว่าได้ทำการทดลองการนอนบนเตียงจริง แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกัญชา แต่เรื่องหลอกลวงนี้อาจมีที่มามาจากข่าวจริงในปี 2557 โดยคอลัมนิสต์ของสำนักข่าว VICE ชื่อ แอนดรูว์ อิวานิชกิ (Andrew Iwanicki) ซึ่งเขาได้บันทึกประสบการณ์ของเขาในฐานะผู้เข้าร่วมการทดลองการนอนของนาซา เรื่องปลอมนี้ดูเหมือนจะไม่มีพิษภัยอะไร และสื่อที่แก้ข่าสค่อนข้างจะให้น้ำหนักกับมันในฐานเรื่องตลกขบขันหรือข่าวสัพเพเหระเสียมากกว่า 3. ดาวเคราะห์แห่งกัญชา Planet X637Z-43 อีกครั้งที่นาซาเข้ามาเกี่ยวข้องกับข่าวปลอมเรื่องกัญชา คราวนี้ยิ่งหลุดโลกกันไปใหญ่ Planet X637Z-43 เป็นการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตในปี 2558 โดยอ้างว่าเป็นเอกสารการค้นพบโดยนาซาเกี่ยวกับดาวเคราะห์ที่ปกคลุมไปด้วยกัญชา สันนิษฐานว่าเป็นหนึ่งในดาวเคราะห์ 715 ดวงที่ค้นพบโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์ในปี 2557 เรื่องราวเกิดขึ้นจากเว็บไซต์ข่าวปลอม NewsWatch28 เนื้อหาของข่าวปลอมอ้างว่ามีการค้นพบโดยนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยฮาวาย ที่พบอุกกาบาตที่มีร่องรอยของ THC หรือ Tetrahydrocannabinol (สารสำคัญในกัญชา) ถูกพบในทะเลทรายเนวาดาในปี 2553 เว็บไซต์ notallowedto.com รายงานเป็นตุป็นตะว่า “การค้นพบ THC บนเศษอุกกาบาตจะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อวิทยาศาสตร์ดาราศาสตร์ หากสารเคมีที่เปลี่ยนการทำงานของสมองและส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการรับรู้ อารมณ์ หรือจิตสำนึกของมนุษย์ มีที่มาจากอวกาศแล้วจะมีบทบาทอย่างไร มีผลกระทบทางดาราศาสตร์ต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือไม่ หรือกับชีวิตบนโลกโดยรวม การค้นพบนี้ทำให้เรามีคำถามมากกว่าคำตอบ" (4) แน่นอนว่า คำตอบที่ชัดเจนที่สุดคือมันไม่ต้องตอบ เพราะมันคือเรื่องโม้ขึ้นมา 4. กรณี Marlboro M เรื่องนี้เกิดจากบทความที่อ้างว่า Philip Morris USA เจ้าของบริษัทยาสูบ Marlboro กำลังเปิดตัวบุหรี่กัญชาแนวใหม่ที่เรียกว่า Marlboro M ในรัฐโคโลราโดและรัฐวอชิงตัน แม้ว่าบทความนี้จะเป็นเรื่องปลอม แต่บทความนี้มีพื้นฐานข้อเท็จจริงบางประการ เนื่องจากบริษัทยาสูบนี้ได้แสดงความสนใจในกัญชามาตั้งแต่ปี 1970 (5) ในขณะที่บทความได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นบทความปลอม แต่คำกล่าวอ้างของบทความได้รับความเชื่ออย่างกว้างขวางเนื่องจาก มันเป็นความจริงที่บริษัทยาสูบต่างๆ ซึ่งรวมถึง Philip Morris สนใจกัญชาในฐานะผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดและอาจลงทุนในอุตสาหกรรมกัญชา ความสนใจนี้มีมานานก่อนที่กฎหมายระบุให้กัญชาเป็นสิ่งเสพติดในหสรัฐอเมริกา (และที่อื่นๆ ที่ได้รับอิทธิพลจากกฎหมายสิ่งเสพติดของอเมริกัน) จะมีผลบังคับใช้อย่างรวดเร็ว หลังการทำให้กัญชาไม่เป็นอาชญากรรม/ถูกฎหมายแล้ว มีรายงานว่า บริษัทยาสูบบางแห่งได้เริ่มลงทุนในการวิจัยกัญชาทางการแพทย์ รวมถึงการเข้าร่วมกับบริษัทการลงทุนเมล็ดพันธุ์กัญชา แม้ว่าบริษัทเหล่านี้จะไม่ได้ไปไกลถึงขั้นแนะนำบุหรี่กัญชาเข้าสู่ตลาดก็ตาม (6)ยาสมุนไพรstd48466• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยเรื่องโม้ๆ เกี่ยวกับการแพทย์และวิทยาศาสตร์ว่าด้วยกัญชากัญชาเป็นหนึ่งในพืชที่เป็นประเด็นโต้เถียงกันมายาวนาน จึงไม่น่าแปลกใจที่มันจะเป็นต้นเหตุของเรื่องหลอกลวง ตำนานเล่าขานที่ปั่นกันขึ้นมา และข่าวปลอมมากมาย ทั้งหมดล้วนแต่ส่งผลกระทบในด้านใดด้านหนึ่งต่อการรับรู้ของสาธารณชนต่อการใช้กัญชาและสถานะของมัน ต่อไปนี้คือ "เรื่องโม้ๆ" ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และการแพทย์ของกัญชา ที่แพร่หลายในต่างประเทศ (และอาจกระทบต่อทัศนะของคนไทยเราด้วย) 1. เรื่องโกหกเกี่ยวกับบริษัทมอนซานโตตัดแต่งพันธุกรรมกัญชา มีเรื่องหลอกลวงแพร่ทางอินเทอร์เน็ตในปี 2015 โดยอ้างว่าบริษัท Monsanto กำลังสร้างกัญชาดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อจัดหากัญชามากพอป้อนให้กับอุตสาหกรรมกัญชา (1) เรื่องหลอกลวงนี้สร้างขึ้นโดยเว็บไซต์ข่าวปลอมเสียดสี World News Daily Report เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2015 ซึ่ง Monsanto ตอบโต้ด้วยการ "การปฏิเสธแบบหัวชนฝา" ผ่านเว็บ "Myths About Monsanto" ที่คอยแก้ข่าวปลอมและเรื่องโกหกเกี่ยวกับบริษัท ซึ่งมักจะถูกโจมตีว่าทำการตัดแต่งพันธุกรรมเพื่อสนองตอบอุตสาหกรรมเกษตร แม้ว่ามันจะเป็นข่าวปลอม แต่สร้างความตื่นตูมให้กับวงการกัญชาอย่างมาก เช่น เว็บไซต์เกี่ยวกับกัญชา High Times รายงานว่า "นักวิทยาศาสตร์กำลังทำงานเพื่อสร้างแผนที่โครงสร้าง DNA ที่สมบูรณ์ของต้นกัญชา เพื่อป้องกันบริษัทเมล็ดพันธุ์ทางการเกษตรรายใหญ่ เช่น Monsanto จากการได้รับสิทธิบัตรเฉพาะสำหรับสายพันธุ์เฉพาะ" (2) สะท้อนว่า แม้จะเป็นข่าวปลอม แต่ "ชื่อเสียง" ของบริษัท Monsanto ทำให้เกิดความกังวลว่ากัญชาอาจถูกรวบหัวรวบหางโดยอุตสาหกรรมเกษตร เพื่อผูกขาดสายพันธุ์และผูกขาดการผลิต เพราะมันกำลังเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างเงินมหาศาล 2. เรื่องหลอกลวงเกี่ยวกับการทดลองกัญชาของนาซา การทดลองกัญชาของนาซาเป็นเรื่องหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตในปี 2559-2561 โดยอ้างถึงบันทึกการจ่ายเงิน 18,000 ดอลลาร์ของนาซาแก่อาสาสมัครเพื่อทำการทดลองนอนบนเตียงและให้กัญชาสูบระหว่างการทดลองเป็นเวลา 3 เดือน (หรือ 70 วัน) โดยได้เงิน 18,000 ดอลลาร์ (3) แต่นาซายืนยันว่าได้ทำการทดลองการนอนบนเตียงจริง แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกัญชา แต่เรื่องหลอกลวงนี้อาจมีที่มามาจากข่าวจริงในปี 2557 โดยคอลัมนิสต์ของสำนักข่าว VICE ชื่อ แอนดรูว์ อิวานิชกิ (Andrew Iwanicki) ซึ่งเขาได้บันทึกประสบการณ์ของเขาในฐานะผู้เข้าร่วมการทดลองการนอนของนาซา เรื่องปลอมนี้ดูเหมือนจะไม่มีพิษภัยอะไร และสื่อที่แก้ข่าสค่อนข้างจะให้น้ำหนักกับมันในฐานเรื่องตลกขบขันหรือข่าวสัพเพเหระเสียมากกว่า 3. ดาวเคราะห์แห่งกัญชา Planet X637Z-43 อีกครั้งที่นาซาเข้ามาเกี่ยวข้องกับข่าวปลอมเรื่องกัญชา คราวนี้ยิ่งหลุดโลกกันไปใหญ่ Planet X637Z-43 เป็นการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตในปี 2558 โดยอ้างว่าเป็นเอกสารการค้นพบโดยนาซาเกี่ยวกับดาวเคราะห์ที่ปกคลุมไปด้วยกัญชา สันนิษฐานว่าเป็นหนึ่งในดาวเคราะห์ 715 ดวงที่ค้นพบโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์ในปี 2557 เรื่องราวเกิดขึ้นจากเว็บไซต์ข่าวปลอม NewsWatch28 เนื้อหาของข่าวปลอมอ้างว่ามีการค้นพบโดยนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยฮาวาย ที่พบอุกกาบาตที่มีร่องรอยของ THC หรือ Tetrahydrocannabinol (สารสำคัญในกัญชา) ถูกพบในทะเลทรายเนวาดาในปี 2553 เว็บไซต์ notallowedto.com รายงานเป็นตุป็นตะว่า “การค้นพบ THC บนเศษอุกกาบาตจะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อวิทยาศาสตร์ดาราศาสตร์ หากสารเคมีที่เปลี่ยนการทำงานของสมองและส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการรับรู้ อารมณ์ หรือจิตสำนึกของมนุษย์ มีที่มาจากอวกาศแล้วจะมีบทบาทอย่างไร มีผลกระทบทางดาราศาสตร์ต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือไม่ หรือกับชีวิตบนโลกโดยรวม การค้นพบนี้ทำให้เรามีคำถามมากกว่าคำตอบ" (4) แน่นอนว่า คำตอบที่ชัดเจนที่สุดคือมันไม่ต้องตอบ เพราะมันคือเรื่องโม้ขึ้นมา 4. กรณี Marlboro M เรื่องนี้เกิดจากบทความที่อ้างว่า Philip Morris USA เจ้าของบริษัทยาสูบ Marlboro กำลังเปิดตัวบุหรี่กัญชาแนวใหม่ที่เรียกว่า Marlboro M ในรัฐโคโลราโดและรัฐวอชิงตัน แม้ว่าบทความนี้จะเป็นเรื่องปลอม แต่บทความนี้มีพื้นฐานข้อเท็จจริงบางประการ เนื่องจากบริษัทยาสูบนี้ได้แสดงความสนใจในกัญชามาตั้งแต่ปี 1970 (5) ในขณะที่บทความได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นบทความปลอม แต่คำกล่าวอ้างของบทความได้รับความเชื่ออย่างกว้างขวางเนื่องจาก มันเป็นความจริงที่บริษัทยาสูบต่างๆ ซึ่งรวมถึง Philip Morris สนใจกัญชาในฐานะผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดและอาจลงทุนในอุตสาหกรรมกัญชา ความสนใจนี้มีมานานก่อนที่กฎหมายระบุให้กัญชาเป็นสิ่งเสพติดในหสรัฐอเมริกา (และที่อื่นๆ ที่ได้รับอิทธิพลจากกฎหมายสิ่งเสพติดของอเมริกัน) จะมีผลบังคับใช้อย่างรวดเร็ว หลังการทำให้กัญชาไม่เป็นอาชญากรรม/ถูกฎหมายแล้ว มีรายงานว่า บริษัทยาสูบบางแห่งได้เริ่มลงทุนในการวิจัยกัญชาทางการแพทย์ รวมถึงการเข้าร่วมกับบริษัทการลงทุนเมล็ดพันธุ์กัญชา แม้ว่าบริษัทเหล่านี้จะไม่ได้ไปไกลถึงขั้นแนะนำบุหรี่กัญชาเข้าสู่ตลาดก็ตาม (6)std46777• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอย่าหลงเชื่อ! ข่าวโรงพยาบาล 11 แห่งใน กทม. ฉีดวัคซีนโควิดฟรี เป็นข่าวปลอมทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว พร้อมประสานสำนักงานปลัดกรุงเทพมหานคร พบว่าในประเด็นดังกล่าวเป็นข้อมูลเท็จ จึงขอชี้แจงว่าปัจจุบันการฉีดวัคซีนในกรุงเทพฯ อยู่ระหว่างการฉีดให้ ประชาชน 2 กลุ่มคือ กลุ่มแรก ได้แก่ แพทย์ พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานใกล้ชิดกับผู้ป่วย กลุ่มที่ 2 ได้แก่ ผู้ป่วยทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคไตเรื้อรัง, โรคมะเร็งทุกชนิด, โรคเบาหวาน, โรคอ้วน ซึ่งอยู่ในกลุ่มอายุระหว่าง 50 ถึง 59 ปีstd48388• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยMike Yeadon อดีตหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของบริษัท Pfizer ออกมาบอกเรื่อง ไม่ควรฉีดวัคซีนจริงหรือมีการแชร์ข้อความที่อ้างถึง บทสัมภาษณ์ นาย Mike Yeadon อดีตหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของบริษัท Pfizer ในเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ LifeSiteNews (ซึ่งเว็บนี้ มีเรื่องถูกแบน จาก YouTube มาแล้วเพราะคอยให้ข่าวผิดๆ เกี่ยวกับโรคโควิด-19) โดยในข้อความนั้นพูดทำนองว่า "การฉีดวัคซีนโควิด จะฆ่าคนที่ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อฉีดเข็มแรก 0.8% ของคนที่ฉีดจะเสียชีวิตภายใน 2 สัปดาห์ ผู้ที่รอดชีวิต มีจะอายุขัยโดยเฉลี่ย 2 ปี จริงหรือโควิด 2019วัคซีนโควิดanonymous• 4 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยลงทะเบียนรับสิทธิ ลดค่าน้ำ - ค่าไฟ ระยะเวลา 1 ปีเต็ม จริงไหม📍 อย่าลืมลงทะเบียนรับสิทธิ ลดค่าน้ำ - ค่าไฟ ระยะเวลา 1 ปีเต็ม ✅ ลงทะเบียนได้ที่นี่ : การประปาส่วนภูมิภาค ไปที่เว็บไซต์ https://bit.ly/3bz9ocB การประปานครหลวง ไปที่เว็บไซต์ https://bit.ly/3yqR1iQ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ไปที่เว็บไซต์ https://bit.ly/3bz9ocB การไฟฟ้านครหลวง ไปที่เว็บไซต์ https://bit.ly/3yqR1iQ 📌อีกหนึ่งสวัสดิการแห่งรัฐที่ห้ามพลาด พ่อแม่รับเงินอุดหนุน600 +สงเคราะห์บุตร 800 ลงทะเบียน > https://www.facebook.com/100969538969772/posts/175801148153277/ หมดเขต กันยายน65 "1ครอบครัว/1บัตรสวัสดิการ อย่าลืม 📍‼️ กดติดตามเพื่อไม่ให้พลาดข่าว สวัสดิการจากรัฐอัพเดททุกวัน ค่าไฟ > ลงทะเบียนได้ที่เว็บการไฟฟ้า โดยกรอกเลขมิเตอร์ และบัญชีแสดงเลขสัญญา (ดูได้จากใบเสร็จบิลค่าไฟ) ค่าน้ำ > ลงทะเบียนได้ที่เว็บการประปา ใช้เลขที่ระบุในใบแจ้งค่าน้ำประปา #สวัสดิการแห่งรัฐMrs.Doubt• 3 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยปวดกระดูก เท้าเย็น เสี่ยงไตวายเฉียบพลันข่าวปลอม อย่าแชร์! ❌ ปวดกระดูกและศีรษะ เท้าเย็น เสี่ยงไตวายเฉียบพลันมากกว่าปกติ . ตามที่มีคำแนะนำด้านสุขภาพเรื่องปวดกระดูกและศีรษะ เท้าเย็น เสี่ยงไตวายเฉียบพลันมากกว่าปกติ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยโรงพยาบาลราชวิถี 2 (รังสิต) กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ . จากที่มีผู้โพสต์คลิปวิดีโอระบุว่า หากมีอาการปวดกระดูก ปวดศีรษะ เท้าเย็น และขี้กลัวง่าย เสี่ยงไตวายเฉียบพลันมากกว่าปกติ ทางโรงพยาบาลราชวิถี 2 (รังสิต) กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ข้อมูลทางการแพทย์ที่ไม่ถูกต้อง กล่าวคือไม่มีข้อมูลใด ๆ ทั้งทางทฤษฎีและจากการวิจัยว่าอาการดังคลิปสัมพันธ์กับภาวะไตวายเฉียบพลันดังคลิปกล่าวถึง ข้อมูลดังกล่าวทำให้ผู้อ่านมีข้อมูลที่ไม่ถูกต้องตามความรู้ทางการแพทย์แผนปัจจุบัน . ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากโรงพยาบาลราชวิถี 2 (รังสิต) สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.rajavithirangsit.go.th หรือ โทร. 02-592-9550 ถึง 99 . บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ข้อมูลทางการแพทย์ที่ไม่ถูกต้อง กล่าวคือไม่มีข้อมูลใด ๆ ทั้งทางทฤษฎีและจากการวิจัยว่าอาการดังคลิปสัมพันธ์กับภาวะไตวายเฉียบพลันดังคลิปกล่าวถึงยาสมุนไพรstd48138• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยประชาชนที่ได้รับความเสียหายหรือเกิดอาการไม่พึงประสงค์หลังรับวัคซีนโควิด-19 ที่ภาครัฐจัดให้ สามารถยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือได้ที่ รพ. ที่ฉีดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือ สปสช. พื้นที่ ทั้ง 13 เขตทั่วประเทศ ภายใน 2 ปีนับตั้งแต่วันที่ทราบความเสียหายประชาชนที่ได้รับความเสียหายหรือเกิดอาการไม่พึงประสงค์หลังรับวัคซีนโควิด-19 ที่ภาครัฐจัดให้ สามารถยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือได้ที่ รพ. ที่ฉีดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือ สปสช. พื้นที่ ทั้ง 13 เขตทั่วประเทศ ภายใน 2 ปีนับตั้งแต่วันที่ทราบความเสียหาย 1.กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ช่วยเหลือไม่เกิน 400,000 บาท 2.กรณีสูญเสียอวัยวะหรือพิการ ช่วยเหลือไม่เกิน 240,000 บาท 3.กรณีเกิดภาวะเจ็บป่วยที่ต้องรับการรักษาไม่เกิน 1 แสนบาท โดยเตรียมเอกสาร 1.สำเนาบัตรประชาชน 2.สำเนาใบมรณบัตร (กรณีเสียชีวิต) 3.ความเห็นแพทย์ผู้ให้การรักษา พร้อมแนบแบบคำร้อง ดาวน์โหลดที่ https://www.nhso.go.th/storage/files/841/001/nhso_VaccinCovid19.pdf?fbclid=IwAR1kudYbwavHcfsB9LvdsLD-d-aETThbvoZMhUwbsijTsXLgSjv_icv-Fos สอบถามเพิ่มเติม สายด่วน สปสช. 1330 #TPchannel #วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภาโควิด 2019วัคซีนโควิดMrs.Doubt• 4 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยยาPaxlovidตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นเรื่องยา Paxlovid ไม่เพียงพอต่อการรักษาคนไข้ กลุ่ม 608 ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากกรณีที่มีการโพสต์ในสื่อออนไลน์โดยระบุว่า แพทย์ที่ห้อง ICU ส่งข่าวมาแจ้งว่าตอนนี้ผู้ป่วยอาการหนักเยอะมาก Paxlovid Molnupiravir Remdesivir รัฐบาลสั่งมาอยู่ไหนคะ เร่งกระจายด่วน คนไข้ 608 ควรได้ยาทันที ทางกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ยืนยันมียา Paxlovid เพียงพอต่อการรักษาคนไข้ กลุ่ม 608 โดยเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีส่งมอบยาต้านไวรัสโควิด 19 “แพ็กซ์โลวิด” (Paxlovid) ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข โดย นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ และ น.ส.เด็บบราห์ ไซเฟิร์ท กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ในจำนวนการจัดซื้อ 50,000 คอร์ส รวม 1.5 ล้านเม็ด กำหนดทยอยส่งมอบให้ครบภายในเดือน เม.ย. ซึ่งมีองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เป็นผู้รับจัดเก็บและกระจายยาลงพื้นที่แต่ละจังหวัด อย่างไรก็ตาม รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเข้าถึงยารักษาโควิด 19 ที่มีประสิทธิผล มีข้อมูลทางวิชาการหรือผลการศึกษาวิจัยที่มีคุณภาพเพียงพอในการสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบาย เพื่อพิจารณาเลือกและจัดหายาที่เหมาะสมในการนำมาใช้กับผู้ติดเชื้อโควิด ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้ยาต้านไวรัสรักษาผู้ป่วยโควิด ได้แก่ ยาฟาวิพิราเวียร์ ยาเรมเดซิเวียร์ ยาโมลนูพิราเวียร์ และยาตัวใหม่ที่กำลังนำมาใช้ คือ ยาแพ็กซ์โลวิด ที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อใช้รักษาโควิดโดยตรง ไม่ใช่เป็นเพียงยาต้านไวรัสทั่วไป ซึ่งปัจจุบันพบว่าผู้ติดเชื้อที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปส่วนหนึ่งยังมีอัตราการเสียชีวิตสูงอยู่ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ สธ. โดยกรมการแพทย์ ดำเนินการจัดซื้อจัดหายาที่มีประสิทธิผลในการลดอัตราการเสียชีวิตและการเข้านอนโรงพยาบาลลง ทั้งนี้ ไม่ใช่เป็นทางเลือกแต่เพื่อสร้างความมั่นคงทางยา ให้ประชาชนมั่นใจว่าเรามียาครบถ้วนและเพียงพอต่อการดูแลผู้ป่วยทุกอาการ โดยจะกระจายยาลงไปยังแต่ละจังหวัด ในโรงพยาบาลศูนย์ และให้ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพเป็นผู้บริหารจัดการยาต่อไป นอกจากนี้ ยาแพ็กซ์โลวิดเป็นยาต้านไวรัสชนิดเม็ด ออกฤทธิ์โดยยับยั้งเอนไซม์โปรตีเอส (protease) ทำให้เชื้อไวรัสโควิดไม่สามารถสร้างโปรตีนที่จำเป็นต้องใช้ในการเพิ่มจำนวนได้ ยานี้ประกอบด้วย ยา Nirmatrelvir (150 มก.) จำนวน 2 เม็ด และยา Ritonavir (100 มก.) จำนวน 1 เม็ด รับประทานวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน โดยใช้ Nirmatrelvir 20 เม็ด และ Ritonavir 10 เม็ด / 1 คอร์ส / คน ซึ่งยานี้มีข้อห้ามใช้ คือ สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร ผู้ที่การทำงานของตับหรือไตบกพร่อง ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่ www.dms.go.th หรือโทร 02 5906000 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : มียา Paxlovid เพียงพอต่อการรักษาคนไข้ กลุ่ม 608 เพราะได้มีการส่งมอบยาต้านไวรัสโควิด 19 “แพ็กซ์โลวิด” (Paxlovid) ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข ในจำนวนการจัดซื้อ 50,000 คอร์ส รวม 1.5 ล้านเม็ด กำหนดทยอยส่งมอบให้ครบภายในเดือน เม.ย. ซึ่งมีองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เป็นผู้รับจัดเก็บและกระจายยาลงพื้นที่แต่ละจังหวัดstd48181• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบการช่วยเหลือกลุ่มอาชีพคนขับรถแท็กซี่ และมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่มีอายุเกิน 65 ปี อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัดที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบการช่วยเหลือกลุ่มอาชีพคนขับรถแท็กซี่ และมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่มีอายุเกิน 65 ปี อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด และได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยได้อนุมัติกรอบวงเงินเยียวยา 166.94 ล้านบาท สำหรับเงื่อนไขการจ่ายเงินเยียวยาให้กับกลุ่มคนขับแท็กซี่-มอเตอร์ไซค์รับจ้างนั้น จะต้องมีรายชื่ออยู่ในกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม และไม่ใช่ผู้ประกันตนมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 โดยมีจำนวนกลุ่มคนขับแท็กซี่ที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 29 จังหวัด ราว 12,918 คน และคนขับรถเมอร์เตอร์ไซค์ จำนวน 3,776 คน รวม 16,694 คน ส่วนจะจ่ายเงินเยียวยาให้ตามระยะเวลาประกาศของ ศบค. ดังนี้ พื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด รับเงินคนละ 10,000 บาท (5,000 บาท + 2 เดือน) พื้นที่สีแดงเข้ม 16 จังหวัด รับเงินคนละ 5,000 บาท (1 เดือน)Mrs.Doubt• 4 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยอาการฝีดาษลิงระยะเวลาฟักตัวของโรคฝีดาษลิง (Monkeypox) จะใช้ระยะเวลาในการฟักตัวประมาณ 7-14 วัน ผู้ติดเชื้อจะมีอาการแสดงต่างๆ ดังนี้ มีไข้ ไข้สูง ปวดตัว ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ปวดกระบอกตา ต่อมน้ำเหลืองโตทั่วร่างกาย อาการต่อมน้ำเหลืองโต ถือเป็นจุดเด่นที่สังเกตได้ของโรคไข้ฝีดาษลิง สามารถเกิดขึ้นได้ตามจุดต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะจุดที่ไปสัมผัสโรคตามผิวหนัง เช่น คอ ไหปลาร้า ข้อศอก รักแร้ เป็นต้น หรือผ่านทางเยื่อบุทางเดินหายใจ จากการพูดคุย สัมผัสใกล้ชิด การจูบ ได้เช่นกัน ซึ่งอาการต่อมน้ำเหลืองโตนี้จะเป็นอาการที่แตกต่างจากโรคไข้สุกใส (Chickenpox) ที่เป็นไข้ออกผื่นลักษณะเดียวกัน มีผื่น ตุ่มหนอง หลังจากที่มีไข้มาประมาณ 3 วัน จะเข้าสู่ช่วงระยะออกผื่น โดยลักษณะผื่นของโรคฝีดาษลิงจะกินเวลานานประมาณ 2-4 สัปดาห์ โดยผื่นมักจะขึ้นที่บริเวณใบหน้า แขน และขา มากกว่าที่ลำตัว โดยลักษณะของผื่นจะเริ่มจาก จุดแดงๆ กลมๆ หลังจากนั้นผื่นจะกลายเป็น ตุ่มน้ำใส และ กลายเป็นตุ่มหนอง และกลายเป็นสะเก็ด ในเวลาต่อมา ซึ่งในช่วงที่ผื่นเป็นตุ่มน้ำใส และตุ่มหนอง จะเป็นช่วงระยะเวลาที่สามารถแพร่เชื้อได้สูงสุด หากผื่นเริ่มตกสะเก็ดแล้ว จะถือว่าพ้นจากระยะการแพร่เชื้อ ผื่นของโรคฝีดาษลิงจะกินลึกถึงชั้นผิวหนังด้านใน ทำให้หลังจากผื่นตกสะเก็ดจะทำเกิดรอยโรคหรือรอยแผลเป็นได้nattikasaunsawatsuga• 3 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยจริงหรือ หลังวันที่ 16 พย ศกนี้ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้กำหนดให้พาวเวอร์แบงค์เป็นสินค้าควบคุมตั้งแต่ 16 พฤศจิกายน 2563 พาวเวอร์แบงค์ในท้องตลาดทุกยี่ห้อ ต้องมีเครื่องหมาย มอก. รับรอง โดยผู้ประกอบการจะต้องขออนุญาตจาก สมอ. ก่อนทำหรือนำเข้าสินค้าดังกล่าว รวมถึงร้านค้าที่ขายสินค้าจะต้องขายเฉพาะที่มีเครื่องหมาย มอก. เท่านั้น หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษตามกฎหมาย กรณีที่ทำหรือนำเข้าสินค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และร้านค้าที่ขายสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับnaydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! ริดสีดวงเป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งลำไส้ใหญตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับประเด็นเรื่องริดสีดวงเป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งลำไส้ใหญ่ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีที่มีคำเตือนที่ระบุว่า เป็นริดสีดวงจะทำให้มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า โรคริดสีดวงไม่ได้เป็นสาเหตุของมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งริดสีดวง เป็นโรคที่เกิดจากเส้นเลือดดำทวารหนัก หรือส่วนปลายสุดของลำไส้ใหญ่มีการบวมพองยื่นนูนเป็นติ่งออกมาจากทวารหนัก สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ริดสีดวงภายใน เกิดบริเวณเนื้อเยื่อทวารหนักที่อยู่สูงกว่าระดับหูรูดทวารหนัก และริดสีดวงภายนอก เกิดบริเวณทวารหนักส่วนล่าง มีอาการนูนเป็นติ่งออกจากทวารหนัก โดยปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ ได้แก่ การสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานเนื้อแดง เนื้อแปรรูป เป็นประจำ อาหารกากใยน้อย อาหารปิ้งย่างรมควัน ตลอดจนขาดการออกกำลังกาย เป็นต้น และอาการของโรคที่พบบ่อย ได้แก่ การถ่ายอุจจาระมีมูกปนเลือดหรืออาจถ่ายเป็นเลือดสด ๆ มีอาการท้องผูกสลับท้องเสีย ถ่ายอุจจาระบ่อยครั้ง / ถ่ายไม่สุด ขนาดของลำอุจจาระเล็กลง และมีอาการปวดท้อง แน่นท้อง ท้องอืด จุกเสียด เป็นต้น บทสรุปของเรื่องนี้คือ : โรคริดสีดวงไม่ได้เป็นสาเหตุของมะเร็งลำไส้ใหญ่ ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ คือ การสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานเนื้อแดง เนื้อแปรรูป อาหารกากใยน้อย เป็นประจำ เป็นต้นมะเร็งMumimumi• 2 ปีที่แล้ว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ