1543 ข้อความ
- 1 คนสงสัยระวัง 5 ข่าวลือป่วนวัคซีนโควิด-19 โคแฟคแนะเช็กก่อนแชร์แผนการฉีดวัคซีนเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) ป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 กลับไม่ราบรื่นนัก เพราะเกิด “ข่าวลือข่าวลวง (Misinformation)” ในสังคมที่สร้างความตื่นตระหนก การเข้าใจแบบผิดๆ นำไปสู่ความไม่ไว้วางใจที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีน นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งภาคีโคแฟค ประเทศไทย (cofact.org) ได้เปิดเผย 5 ข่าวลือข่าวลวงที่เกี่ยวข้องกับผลข้างเคียงหรือสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ของวัคซีนโควิด-19 ที่กำลังถูกพูดถึงในประเทศไทยและต่างประเทศ ได้แก่ 1.วัคซีนฝังไมโครชิป: เป็นประเด็นที่ถูกลือกันมากที่สุดในสังคมตะวันตก ตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดในช่วงแรกๆ โดยเชื่อว่าเป็นแผนการของพวกนายทุนด้านเทคโนโลยีที่ต้องการปูทางไปสู่การฝังไมโครชิปประชากรทั่วโลก เช่น ข่าวจาก BBC รายงานว่าผลการสำรวจของ ยูกอฟ (YouGov) บริษัทรับทำโพลชื่อดังของอังกฤษ ที่สอบถามความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่างชาวอเมริกันจำนวน 1,640 คน สรุปผลได้ว่า 28% เชื่อเรื่องแผนการฉีดวัคซีนเพื่อฝังไมโครชิป เป็นต้น ข่าวลือนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือน มี.ค. 2563 เจ้าพ่อไอที บิลล์ เกตส์ (Bill Gates) ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ ออกมาพูดเปรยๆ ว่าในอนาคตจะมีการออกใบรับรองดิจิทัลสำหรับผู้ที่เคยป่วยจากไวรัสโควิดและได้รับการรักษาจนหายแล้วไปจนถึงผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน ข่าวลือเรื่องวัคซีนโควิดฝังไมโครชิปกลับมาพูดถึงอีกครั้งในช่วงปลายปี 2563 เมื่อสหรัฐฯ เตรียมการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยใช้วัคซีนที่พัฒนาโดยไฟเซอร์ (Pfizer) ทำให้ทางไฟเซอร์ต้องชี้แจงส่วนผสมของวัคซีนซึ่งมีอยู่ประมาณ 10 ชนิด ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ใช้ในวัคซีนหลายๆ ชนิดอยู่แล้ว และไม่มีส่วนผสมที่เกี่ยวข้องกับไมโครชิป เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2564 กระทรวงสาธารณสุขของออสเตรเลีย ก็ได้ออกมายืนยันว่า ไม่พบการติดตั้งซอฟต์แวร์หรือไมโครชิปในวัคซีนโควิด-19 ในชนิดใดๆ ที่ใช้กันอยู่ในขณะนี้ จากการตรวจสอบทางบีบีซี สรปได้ว่า ข่าวลือนี้ไม่เป็นความจริง 2.วัคซีนเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอมนุษย์: ข่าวลือนี้ที่ถูกพูดถึงพร้อมสร้างความเป็นกังวลกันเป็นอย่างมากในสังคมไทยและต่างประเทศ โดยกล่าวถึงพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอ (DNA) ในกระบวนการผลิตและการทำงานของวัคซีน จะส่งผลข้างเคียงทำให้ดีเอ็นเอของผู้ที่ได้รับวัคซีนเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) จึงออกมาชี้แจงเรื่องนี้ว่า วัคซีนที่ใช้เทคโนโลยีทั้ง 2 ชนิด คือ mRNA เช่น วัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นา (Moderna) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่นำรหัสพันธุกรรมส่วนเล็กๆ ของไวรัสมาใช้กระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน กับ Viral Vector เช่น วัคซีนของแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) ใช้วิธีฝากสารพันธุกรรมของไวรัสโควิด-19 ไปกับไวรัสชนิดอื่น แต่เมื่อเข้าไปในร่างกายแล้วจะเกิดการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสโควิด-19 ด้วย และถึงแม้จะส่งสารพันธุกรรมเข้าไปในร่างกายมนุษย์ แต่สารนั้นจะไม่เข้าไปถึงนิวเคลียสอันเป็นที่เก็บดีเอ็นเอ จึงไม่ส่งผลกระทบต่อดีเอ็นเอแต่อย่างใด ทางสำนักข่าวบีบีซีและรอยเตอร์ตรวจสอบแล้วพบว่าข่าววัคซีนเปลี่ยนดีเอ็นเอนี้ไม่เป็นความจริง 3.วัคซีนทำให้คนเป็นหมัน: การมีลูกเพื่อสืบทอดถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากในหลายๆ ครอบครัว ข่าวลือนี้ได้สร้างความเครียด กังวลใจและมีแนวโน้มว่าในกลุ่ม สามี-ภรรยาหลายคู่จะปฏิเสธการรับวัคซีน เพราะเชื่อว่าวัคซีนวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์ กระทรวงสาธารณสุขของออสเตรเลีย โดยหน่วยงานบริหารสินค้าด้านอายุรเวท (Therapeutic Goods Administration-TGA) ได้ระบุว่า ข่าวลือนี้อ้างถึงโปรตีนซินซิติน-1 (Syncytin-1) ที่ช่วยการพัฒนารก ซึ่งมีอยู่ในหนามแหลมของเชื้อโควิด-19 เหมือนกัน แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันทางวิทยาศาสตร์ที่บ่งชี้ว่าการได้รับวัคซีนโควิด-19 หรือแม้แต่วัคซีนป้องกันโรคอื่นๆ ส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์หรือการพัฒนาของรกแต่อย่างใด ข่าว "แนะท่านชายนำเชื้ออสุจิไปแช่แข็งก่อนรับวัคซีนโควิด” ได้ตรวจสอบแล้วว่าไม่เป็นความจริงด้วยเช่นกัน โดยศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย บมจ.อสมท ตรวจสอบจากแหล่งข้อมูล #SureVac โดย Newtral.es 4.วัคซีนช่วยเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชาย: สาเหตุที่ประเด็นนี้ถูกพูดถึงเนื่องจากมีการอ้างถึงงานวิจัยชิ้นนึงว่า วัคซีนโควิด-19 จะช่วยเพิ่มขนาดของอวัยวะเพศชายให้ยาวขึ้น ทำให้ รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เมื่อต้นเดือน ม.ค. 64 ถึงกรณีมีการส่งต่อภาพที่อ้างว่าเป็นข่าวจากสำนักข่าว CNN สหรัฐอเมริกา ที่พาดหัวข่าวว่า แพทย์สนับสนุนให้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่อวัยวะเพศชาย เพราะจะทำให้วัคซีนกระจายไปทั่วร่างกายเร็วขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นมีการแชร์ไปถึงขนาดว่า ยังจะช่วยเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชายให้ยาวขึ้นได้ถึง 3 นิ้ว โดยทั้ง 2 ข่าวได้กล่าวถึงอ้างงานวิจัย แต่จากการตรวจสอบพบว่าเป็นข่าวปลอมทั้งหมด ตั้งแต่งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่ทำการศึกษาจากลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,500 คน นั่นไม่มีอยู่จริง หรืออ้างถึงวารสารวิชาการ The New England Journal of Merdecine นั้นก็ไม่มีอยู่จริง โดยวารสารที่มีจริงคือ The New England Journal of Medicine ซึ่งก็ไม่เคยตีพิมพ์บทความทำนองนี้แต่อย่างใด แม้กระทั่งสำนักข่าว CNN ก็ไม่เคยเสนอข่าวตามภาพที่นำมาอ้างกันด้วย เช่นเดียวกับตรวจสอบจากสำนักข่าว AFP และ อีกหลายสำนักสรุปตรงกันข่าวที่อ้าง CNN นี้เป็นข่าวลวง 5. วัคซีนมีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ต้องห้ามตามหลักศาสนา: ในบางศาสนานั้นมีข้อห้ามการบริโภคอาหารที่มีส่วนผสมของสัตว์บางชนิด เช่น ศาสนาฮินดูห้ามบริโภคเนื้อวัว ศาสนาอิสลามห้ามบริโภคเนื้อหมู ทำให้เมื่อมีการเผยแพร่ข่าวลือผิดๆ ว่าวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ทำจากส่วนประกอบของสัตว์ดังกล่าว ดังนั้นจึงนำไปสู่การปฏิเสธการรับวัคซีนจากบรรดาศาสนิกชน ที่ประเทศอังกฤษ ช่วงต้นปี 2564 ดร. ฮาร์พรีท สูท (Harpreet Sood) หัวหน้าหน่วยต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานสุขภาพแห่งชาติ (NHS) ยอมรับว่าทีมงานทำงานกันอย่างหนักและยากลำบากด้วยข้อจำกัดด้านภาษาและวัฒนธรรม จากกรณีพบผู้มีเชื้อสายเอเชียใต้ (ภูมิภาคที่ประกอบด้วยประเทศอินเดีย ปากีสถาน อัฟกานิสถาน บังกลาเทศ ศรีลังกา เนปาล ภูฏาน และมัลดีฟส์) ที่อาศัยอยู่ในอังกฤษมีแนวโน้มปฏิเสธการรับวัคซีนโควิด-19 โดยต้องทำงานร่วมกับผู้นำศาสนา อธิบายให้ศาสนิกชนเหล่านี้มั่นใจว่าวัคซีนโควิด-19 ไม่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนผสม และทาง Newsweek เองก็มีการตรวจสอบแล้วว่าเป็นข่าวลวง โดยเฉพาะในวัคซีนของไฟเซอร์ และในส่วนของประเทศอินโดนีเซียที่ประชากรนับถือศาสนาอิสลามส่วนใหญ่ได้เริ่มมีการฉีดวัคซีนกันไปแล้ว ความสับสนและข่าวปลอมเรื่องวัคซีนที่เกิดขึ้นและแพร่กระจายออกไปในวงกว้างดังกล่าวนี้ สุภิญญา ยอมรับว่าข้อมูลข่าวสารเรื่องวัคซีนไม่นิ่งและอลหม่านมากจึงทำให้คนกลัว ไม่ใช่แค่ในประเทศแต่ทั่วโลก มีทั้งมิติวิทยาศาสตร์และการเมืองปนกัน เรื่องวัคซีนยังเป็นนโยบายสาธารณะด้วย ดังนั้นภาครัฐต้องเร่งตอบคำถามจากสังคมให้ชัดเจน เช่น ทำไมเราได้รับฉีดวัคซีนช้า มีตัวเลือกอื่นหรือไม่ การบริหารจัดการโปร่งใสหรือเปล่า และ การเข้าถึงวัคซีนเป็นสิทธิ์ทั่วถึงเป็นธรรม รวมถึงการให้ข้อมูลที่สร้างความมั่นใจในความปลอดภัย เป็นต้น ซึ่งภาครัฐต้องสร้างความเชื่อมั่น ส่วนประชาชนควรแยกแยะว่าอะไรคือข้อเท็จจริง อะไรคือความคิดเห็นหรือความเชื่อ จะได้ไม่สับสนและมีความมั่นใจมากขึ้น ถ้าไม่แน่ใจอะไร ส่งมาให้สื่อมวลชน เช่น สำนักข่าว AFP ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สมาคมนักข่าวฯ และ โคแฟคเพื่อช่วยตรวจสอบได้เช่นกันstd46896• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยคนขับเกียร์ออโต้ ข อเวลาอ่ า น สัก 5 น าที เพื่อชี วิ ตและความปลอดภัยของท้องถนนคนขับเกียร์ออโต้ ข อเวลาอ่ า น สัก 5 น าที เพื่อชี วิ ตและความปลอดภัยของท้องถนน คนขับเกียร์ออโต้ ข อเวลาอ่ า น สัก 5 น าที เพื่อชี วิ ตและความปลอดภัยของท้องถนน บทความดี ที่อย า กให้ทุกคนได้อ่ า นเพราะในสมัยนี้รถยนต์เกียร์ออโต้ขับกันบนท้องถนนมีจำนวนมากกว่าเกียร์ธรรมดา รู้ไว้จะดีกว่าเผื่อวันนึงเกิ ดเหตุไม่คาดฝันขึ้นจะได้มีสติและความรู้ในการรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิ ดขึ้น อย า กให้ทุกคนให้ความสำคัญกับชีวิตของตัวเองโดยเฉพาะรถเกียร์ออโต้ และสุภาพสตรี เวลาประมาณ 11.00 น. ผู้เล่าเหตุการณ์ได้ขับรถขึ้นทางพิเศษจากถนนจันทน์มุ่งหน้าไปถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อที่จะไปทำบุญบริจาคสิ่งของ ที่บ้านเด็กอ่อนพญาไท ติดถนนแจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด ในขณะที่เขาขับรถไปได้ประมาณ 20 นาที รู้สึกว่าความเร็วของรถเร่งขึ้นมาเลยมองหน้าจอความเร็วขึ้นไปที่ 140 กม. จึงได้ก็ได้ถอนคันเร่งและแตะเบรก 2 ครั้ง เพื่อลดความเร็วลง แต่ความเร็วก็ไม่ลด เลยลองแตะเบรกใหม่อีก 3 ครั้ง พร้อมกับกระชากเบรกมือร่วมด้วยอีก 2 ครั้ง ก็เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ลองเกียร์ว่าง 1 ครั้ง ความเร็วอยู่ที่ 130 กม/ชม. ทำยังไงความเร็วก็ไม่ลด เขาจึงพย าย ามกดโทรศัพท์หาเพื่อนสนิทที่นัดไปทำบุญด้วยกัน เพื่อนบอกให้ลดเกียร์ จาก D เป็น 2 และ L ความเร็วลดจาก 130/ชม. เป็น 120- 110 ซึ่งลดลงได้เพียงเท่านี้ ความพย าย ามในการชะลอรถมากกว่า 10 นาทีและลองเกียร์ว่าง 1 ครั้ง ไม่มีผลเลย จนเขาคิดว่าคงจะต้องจบชีวิตบนการทางพิเศษไปซะแล้ว เพื่อนเลยบอกอีกครั้งว่าให้รวบรวมสมาธิ ความพย าย ามประมาณครั้งที่ 7 โยกเกียร์มาที่ช่อง N เป็นเกียร์ว่างแล้วดับเครื่อง เมื่อทำวิธีนี้สามารถช่วยชะลอความเร็วลงได้มาก เขาจึงขับประคองรถต่อไปอีกประมาณ 5 กม. กว่ารถจะหยุดได้ เมื่อรถจอดได้สนิทเขาจึงรีบโทรศัพท์หาทางบ้าน ว่าตอนแรกนึกว่าจะไปได้บอกลากันแล้วเลยเล่าเหตุการณ์ที่เกิ ดขึ้นให้คนที่บ้านฟัง และหลังจากนั้นได้เดินไปอีกประมาณ 100 เมตร ไปแจ้งเจ้าหน้าที่เก็บเ งิ นที่ด่านเก็บเ งิ น เพื่อขอความช่วยเหลือ รอประมาณ 10 นาที ก็มีคนมาช่วย ผลปรากฏว่าสาเหตุที่คันเร่งค้าง เพราะกล่องสัญญาณกันขโมย มีน้ำหนักประมาณเกือบครึ่งกิโลไปทับอยู่ที่ก้านของคันเร่งและเกิ ดการล็อคขึ้นได้ เมื่อทำการสอบถามกับอู่รถแล้วอู่แจ้งว่า “ในกรณีแบ บนี้สามารถมีโอกาสเป็นไปได้ที่คันเร่งค้างจากสาเหตุดังกล่าว เนื่องจากกล่องสัญญาณกันขโมยจะติดตั้งอยู่เหนือคันเร่งติดตัวถังรถ สิ่งที่ควรกระทำคือ ตั้งสติแล้วโยกเกียร์มาที่ช่อง N เป็นเกียร์ว่าง จากนั้นปิดสวิทช์กุญแจดับเครื่องยนต์และเปิดไฟฉุกเฉิน รถก็ยังวิ่งอยู่แล้วค่อย เหยียบเบรคเป็นระยะ ความเร็วรถจะค่อยลดลง จนสามารถจอดรถได้ การปิดสวิทช์กูญแจรถยนต์ดับเครื่องเลยในขณะที่เกียร์รถไม่อยู่ที่ N รถก็ยังวิ่งอยู่เครื่องยนต์เและระบบเกียร์จะเสียหายมากกว่าที่อยู่ช่อง N ครับ เพิ่มเติม : ถ้าเกิ ดเหตุการณ์แบ บนี้ วิธีที่ดีคืออย่าดึงกุญแจออกจากรูกุญแจเดี๋ยวพวงมาลัยล็อค จะยิ่งทำให้เป็นเยอะกว่าเดิมไปอีก เพราะถ้าดับเครื่องโดยที่กุญแจยังเสียบอยู่ก็จะยังบังคับเลี้ยวได้พวงมาลัยจะไม่ล็อค และจะสามารถเปลี่ยนเลนเพื่อหลบรถคันหน้าได้ ได้จากไลน์ของเพื่อน ที่ส่งมาให้ และแนะนำให้ส่งต่อเพื่อเป็นบุญกุศลก็ยัง(ดี) อย่าเก็บเอาไว้คนเดียว เรียบเรียง everythingisbrightMrs.Doubt• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยแฟนมวยโล่ง! “เสี่ยฮุย”ยันข่าวปลอม “แหลม”ติดโควิด... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/720223/“เสี่ยฮุย” ยืนยัน ข่าว “เจ้าแหลม” ติดโควิด ชวดชิงแชมป์โลก จากสำนักข่าวดัง ESPN เป็นข่าวปลอม “เฟคนิว-Fake news” โร่หารือ WBC แถลงข่าวแก้ด้วย เผย “เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น ยังคงปักหลักฟิตซ้อมตามปกติในการขึ้นชิงแชมป์โลกรุ่น 115 ปอนด์ที่ว่างของ สภามวยโลก (WBC) กับ คาร์ลอส คูเอดราส คู่ปรับเก่าชาวจังโก้...สุขภาพโควิด 2019มีมkensuji54• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยCHANCE รวม 5 แอปเตือนภัยพิบัติ ที่ คนไทยควรมีติดเครื่อง 📲 เพราะการรู้ก่อน 5 นาที อาจหมายถึง “ความปลอดภัยตลอดชีวิต” 📡 LINE ALERT แจ้งเตือนผ่านแอป LINE (ไม่ต้องโหลดเพิ่ม แค่แอด @LINEALERT) เตือนภัยพิบัติร้ายแรงทุกประเภท (พายุ, น้ำท่วม, แผ่นดินไหว ฯลฯ) ทำโดย LINE Thailand ร่วมกับกรมปภ. และกรมอุตุฯ ใช้งานง่าย เข้าใจทันที เตือนถึงทุกคนแบบ Push Message 🏛️ Thai Disaster Alert พัฒนาโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ครอบคลุมภัยพิบัติหลากหลาย (น้ำท่วม, แผ่นดินไหว, สึนามิ ฯลฯ) มีแผนที่แจ้งจุดเสี่ยง + ข่าวสาร + คำแนะนำแบบทางการ แจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ผ่านแอป ❤️ PhonPhai (พ้นภัย) พัฒนาโดยสภากาชาดไทย ร่วมกับ ปภ. และหน่วยงานต่าง ๆ ใช้ “แจ้งเหตุ-ขอความช่วยเหลือ” เมื่อเจอภัยพิบัติจริง มีระบบ GPS ติดตาม และการกระจายความช่วยเหลือ แจ้งเตือนภัยในพื้นที่ + รายงานสภาพแบบผู้ใช้งานจริง 💧 ThaiWater รายงานน้ำฝน เขื่อน น้ำท่วม จากสถาบันสารสนเทศน้ำ อัปเดตเรียลไทม์ + กราฟชัด + ใช้ได้ทุกจังหวัด เหมาะกับพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก เกษตรกร และคนเดินทาง 🌍 Disaster Alert (PDC) พัฒนาโดย Pacific Disaster Center (สหรัฐฯ) ครอบคลุมภัยพิบัติทั่วโลกกว่า 18 ประเภท แผนที่โต้ตอบแบบเรียลไทม์ มีข้อมูลจากแหล่งวิทยาศาสตร์ทั่วโลก เหมาะสำหรับผู้ติดตามภัยพิบัติเชิงลึก หรือผู้ที่เดินทางต่างประเทศ แค่โหลดไว้ อาจช่วยคุณหรือคนที่คุณรักในวันที่ไม่คาดคิด . . #CHANCE #โอกาส #LifeChanger #แผ่นดินไหวประเทศไทยสภาพอากาศผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 5 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอุทาหรณ์เตือนใจอุทาหรณ์เตือนใจ หมออุดมศิลป์ อายุ 83 วิ่งออกกำลังกายทุกวัน แข็งแรงมากกว่าคนวัยเดียวกัน ติดโควิดจากแม่บ้าน ไม่ไป รพ จนลงปอด ข่วยไม่ทันแล้ว อย่าลืมสวมหน้ากากเนื่องจากโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ COVID-Omicron BA 4.5 นั้นแตกต่าง อันตรายถึงชีวิต และตรวจไม่พบอย่างถูกต้อง:- อาการของไวรัส COVID-Omicron BA 4.5 มีดังนี้:- 1. ไม่มีไอ 2.ไม่มีไข้ จะมีอาการมากใน :- 3. ปวดข้อ 4. ปวดหัว 5. ปวดคอ 6. ปวดหลังส่วนบน 7. โรคปอดบวม 8. โดยทั่วไปจะไม่มีความอยากอาหาร แน่นอนว่า COVID-Omicron BA 4.5 นั้นรุนแรงกว่าตัวแปรเดลต้าถึง 5 เท่า และมีอัตราการตายสูงกว่าเดลต้า ต้องใช้เวลาไม่นานกว่าอาการจะรุนแรงถึงขั้นรุนแรง และบางครั้งก็ไม่มีอาการชัดเจน ให้ระวังมากขึ้น! ไวรัสสายพันธุ์นี้ไม่มีอยู่ในบริเวณโพรงจมูก และจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อปอด "หน้าต่าง" ในระยะเวลาอันสั้น ผู้ป่วยหลายรายที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ Covid Omicron BA 4.5 ถูกจำแนกเป็นไม่มีไข้และไม่เจ็บปวด แต่รังสีเอกซ์เรย์พบว่ามีปอดบวมที่หน้าอกเล็กน้อย การตรวจด้วยไม้กวาดทางจมูกโดยทั่วไปแล้วเป็นผลลบต่อเชื้อ COVID-Omicron BA 4.5 และกรณีการตรวจทางจมูกที่มีผลลบแบบเท็จก็เพิ่มมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าไวรัสสามารถแพร่กระจายในชุมชนและติดเชื้อในปอดโดยตรง นำไปสู่โรคปอดอักเสบจากไวรัส ซึ่งจะทำให้เกิดความเครียดทางเดินหายใจเฉียบพลัน สิ่งนี้อธิบายได้ว่าทำไม Covid-Omicron BA 4.5 จึงรุนแรง เป็นพิษสูง และเป็นอันตรายถึงชีวิต โปรดทราบ หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด รักษาระยะห่าง 1.5 เมตร แม้ในที่โล่ง สวมหน้ากาก 2 ชั้น หน้ากากที่เหมาะสม และล้างมือบ่อยๆ เมื่อทุกคนไม่มีอาการ (ไอหรือจาม) Covid Omicron BA 4.5 นี้ *"WAVE"* ร้ายกาจกว่าระลอกแรกของ Covid-19 ดังนั้น เราจึงต้องระมัดระวังให้มากและใช้ *มาตรการป้องกัน corona virus ขั้นสูงที่หลากหลาย* รักษาการสื่อสารกับเพื่อนและครอบครัวของคุณอย่างระมัดระวัง อย่าเก็บข้อมูลนี้ไว้คนเดียว แบ่งปันให้มากที่สุดกับญาติและเพื่อน โดยเฉพาะของคุณโควิด 2019Mrs.Doubt• 2 ปีที่แล้วmeter: false4 ความเห็น
- 1 คนสงสัยทำไม่ถึงต้องนำเงินสดที่กู้ยืมมา 500,000 ล้านบาท ไปซื้อเหรียญดิจิตอลอีกต่อหนึ่ง ก่อนแจก? ก็เพราะแสนสิริ (SIRI) ถือหุ้น บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ตัวหุ้นXPG ให้บริการทางการเงินดิจิทัลหรือ Digital Financial Service โดยแสนสิริเข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง ข้อมูลล่าสุด 13% ขอ 5 แสนล้านแล้วโดนไล่ตกเก้าอี้นายกฯก็คุ้ม หุ้นXPGเข้าตลาดเริ่มต้นราคาหุ้นละ 0.50 บาท ปัจจุบัน 1.63 บาท ถ้ากำไร 500,000 ล้านจากโครงการซื้อเสียงหัวละ 1 หมื้้น ราคาหุ้นทะลุเกิน 100 บาทแน่ ขายทิ้งทั้งหมดได้ราวๆ 2 แสนล้านบาท ถ้าใช้แอปเป๋าตั้งแสนสิริก็ไม่ได้สักบาทครับ หนี้ต่อGPD เพิ่มจาก 60% เป็น 65% ทันที ประเทศใกล้ล้มละลายไปอีกก้าว ข้อมูลผู้ถือหุ้น XPG 11 ก.ย.2566 ดังนี้ข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยผมอยากจะบอกให้ทราบกันว่า 1.จีนสร้างเพจขายของปลอม สร้างตัวตนปลอม โพสปลอม สนับสนุน เพราะขายของปลอมราคาถูก แต่ปลอมเสมือนของแท้และขายราคาแพง 2.จีนปลอม เงินทำบุญวัดในไทย เพราะ คนไทยชอบโอนเงินทำบุญ 3.จีนใช้ บช. นอมาณี สร้าง QR code และทำป้ายไปลอบแขวนไว้ตามจุดที่คนมาทำบุญแต่ไม่ได้เตรียมเงินหยอดตู้ เลยทำพร้อมให้โอนเป็นชื่อบุคคล ต้องคอยสังเกตุให้ดี 4.จีนทำเพจ ตั้งกลุ่มในนาม มูลนิธิปลอมในไทย รับบริจาค รับเงินทำบุญโอนทางเพจ บังสกุล ไถ่ชีวิตโค ได้เงินตลอดทั้งวัน 5.จีนร่วมกับวัดบางแห่ง ทำการตลาดให้ โปรโมทให้ และแบ่งเงินกับวัด อยากให้ช่วยกันบอกต่อ ให้คนไทยสายบุญ ระวังและตรวจสอบกันให้ละเอียดก่อนทำบุญครับผู้บริโภคเฝ้าระวังแอคปลอมไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยเกินจริงตามที่มีข้อมูลเผยแพร่ในสื่อต่าง ๆ เรื่อง กทม. สั่งติดคิวอาร์โค้ดถังดับเพลิงไว้ตรวจสอบและติดตามซ่อมบำรุง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับสำนักงานประชาสัมพันธ์ กรุงเทพมหานคร พบว่าข้อมูลข้างต้น เป็นข้อมูลจริง กรณีการระเบิดของถังดับเพลิง ประเภทคาร์บอนไดออกไซด์ ที่โรงเรียนราชวินิตมัธยม ทำให้หลายฝ่ายเฝ้าระวังมากขึ้น โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร (กทม.) สั่งสำรวจถังดับเพลิงใน 2,000 ชุมชนทั่วกรุงเทพฯ เพื่อเก็บคืนถังที่เสื่อมสภาพ ให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์ โดยผู้ว่าฯ กทม. กำชับเรื่องการจัดซื้อถังดับเพลิงล็อตใหม่ 9,979 ถัง ต้องเน้นติดตั้งตามชุมชนที่มีจุดเสี่ยงอัคคีภัย ซึ่งตามแผนงานกำหนดให้ 5 หลังคาเรือน ต้องมีถังดับเพลิง 1 ถัง โดยถังที่จัดซื้อล็อตใหม่ จะติด “คิวอาร์โค้ด” ไว้ที่ถัง เพื่อนำเข้าระบบ ตรวจสอบข้อมูล การติดตั้ง และการซ่อมบำรุงได้ข่าวการเมืองstd46227• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเรียนเพื่อนๆ สายเขียวทุกท่านครับ จากข่าวที่ พรรคประชาธิปัตย์ จะล้ม พรบ กัญชา และจะให้กัญชากลับเป็น ยาเสพติด อีกครั้ง ผมและเครือข่ายขอแสดงความคิดเห็น ดังนี้ 1. พรรคประชาธิปัตย์ เป็น 1 ในพรรคที่รับหลักการ พรบ ฉบับนี้แต่แรกแล้ว จึงเป็น #พรรคที่กลับกลอก 2. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ส่งตัวแทน ไปอยู่ใน กรรมาธิการพิจารณา พรบ ฉบับนี้ด้วย จึงเป็น #พรรคที่ไม่จริงใจ 3. พรรคประชาธิปัตย์ ใช้ประเด็นเรื่องนี้ สร้างความชอบธรรม ในกลุ่มบ้างกลุ่ม พรรคประชาธิปัตย์ จึงเป็น #พรรคที่ทอดทิ้งพวกเรา 4. พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองที่อยู่มานาน (เกินไป) โดยมีแต่หลักการ (ที่ล้าหลังและไม่มีผลงาน) พรรคประชาธิปัตย์ จึงเป็น พรรคที่ล้าหลังไม่ทันโลก 5.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคที่กำลังจะสาบสูญ จึงเอาเรื่องกัญชา เป็นตัวประกัน พรรคประชาธิปัตย์ จึงควรเป็น #พรรคที่สาบสูญจากประเทศไทย สรุปคือ กัญชามีสรรพคุณมากกว่าการรักษาโรค แต่ยังมีสรรพคุณ #ฆ่าแมลงสาบ ได้อีกด้วยยาสมุนไพรข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยแมสค์แบบหน้ากากอนามัยใช้แล้วต้องทิ้ง แมสค์ผ้า ที่ใช้หลายๆครั้งได้ แต่ต้องซักทุกครั้งหลังใช้มีเพื่อนเล่าว่า เพิ่งโทรเยี่ยมเพื่อนอาจารย์ที่เกษียณแล้ว รร.อุดรพิทยานุกูล ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด ต้องนอนรพ.3 คืน และนอน ICU คืนแรก หมอลงความเห็นว่าติดเชื้อแบคทีเรีย แกรม-ลบ (bacteria gram-negative) เนื่องจากใช้ แมสค์ปิดจมูกซำ้หลายๆครั้ง 4-5 ครั้ง (hygienic mask : หน้ากากอนามัย) ทำให้มีแบคทีเรียสะสมอยู่ แล้วสูดเข้าปอด ทำลายปอด เข้ากระแสเลือด ร่างกายจึงสร้างเม็ดเลือดขาวพุ่งขึ้นสูงมาก ทำให้ช็อค หมดสติ ภรรยารีบพาไป รพ.เอกอุดร หมอบอกว่าหากมาช้ากว่านี้ 1 ช.ม. อาจตายได้ ร้ายแรงพอๆกับได้รับยาพิษ หรือ สัตว์มีพิษกัด-ต่อยเลยทีเดียว ดังนั้น แมสค์แบบหน้ากากอนามัยใช้แล้วต้องทิ้ง นอกจากแมสค์ผ้า ที่ใช้หลายๆครั้งได้ แต่ต้องซักทุกครั้งหลังใช้นะคะโควิด 2019Mrs.Doubt• 3 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยโรงเรียนบ้านเด็กวารินชำราบ มีเด็กติดโควิด จริงหรือ?ตามที่มีเพจ ข่าวสาร อุบลบ้านเฮา ได้โพสต์ข้อความ และรูปภาพ ของโรงเรียนบ้านเด็กวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ว่า "...ได้ข่าวมาว่า รร บ้านเด็กติดเชื้อ แต่ทางโรงเรียนไม่เห็นแจ้งอะไรออกมาเลย ..." ทางเพจของโรงเรียนบ้านเด็กวารินชำราบ ได้ออกมาชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง และได้ดำเนินคดีกับเพจดังกล่าวแล้ว ภายหลังทางเพจ ข่าวสารอุบลบ้านเฮา ได้ลบภาพและข้อความดังกล่าวออกไป อนึ่ง การติดโควิดของครูผู้ปกครองในวันนี้ เป็นโรงเรียนอนุบาลบ้านเด็ก อำเภอเมือง จำนวน 5 คน ไม่ใช่โรงเรียนบ้านเด็กวารินชำราบ 12-11-64โควิด 2019ภาคอีสานสุชัย เจริญมุขยนันท• 4 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยมีมิจฉาชีพแฝงตัวมาในลักษณะปล่อยเงินกู้ผ่านระบบออนไลน์ จริงหรือพบว่ามีมิจฉาชีพแฝงตัวมาในลักษณะปล่อยเงินกู้ผ่านระบบออนไลน์ โดยใช้วิธีการเข้ามาขอเป็นเพื่อนผ่านทางเฟซบุ๊ก หรือ ตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ต่างๆ ประกาศเชิญชวนให้ใช้บริการเงินกู้ โดยอ้างว่าสามารถกู้เงินได้โดยไม่ต้องมีคนค้ำประกัน หรือ กู้ได้แม้จะติดเครดิตบูโร แถมอนุมัติเงินกู้ได้ภายใน 5 นาทีบ้าง 10 นาทีบ้าง แต่มีข้อแม้ว่าผู้กู้จะต้องโอนเงินค่าธรรมเนียม เป็นเงิน 10% ของเงินที่จะขอกู้ก่อน หรืออาจอ้างว่าต้องมีค่าใช้จ่ายอย่างอื่น เช่น ค่าดำเนินการ ค่าประกันเงินกู้ ค่ามัดจำ ฯลฯ ตามแต่มิจฉาชีพจะกล่าวอ้างเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อแล้วโอนเงินดังกล่าวให้มิจฉาชีพ จริงหรือanonymous• 4 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยมีข่าวรายงานมาว่า พนักงานหญิงของรง.ไทยยาง ซ.วัดชม ติดเชี้อโควิด19 และได้เสียชีวิตแล้ว ที่รพ.ราษฎร์บูรณะส่วนสามีของนางทำงานอยู่ที่รง.ไทยเบนกัล ซ.สุขสวัสดิ์70 ก็ติดเชื้อโควิดด้วย ขณะนี้รักษาอยู่นะ.บางปะกอก3 ทั้ง2คน ได้พักอาศัยอยู่หลัง บิกซีมินิ ตรงข้ามม.วิเศษสุข เข้าซ.ปั้มปตท. พื้นที่โซนนี้จะเป็นกลุ่มเสี่ยง และม.3 บางครุ มีผู้ที่ได้สัมผัสกับกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ด้วย ได้เช่าบ้าน ในม.3บางครุ(ขณะนี้กำลังสืบอยู่ว่าเช่าบ้านอยู่ซอยไหน) ขอให้ทุกท่านดูแลสุขภาพป้องกันเชึ้อโควิด19 ด้วย ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีสุขสวัสดิ์มีพนักงานติดโควิด 1 ร้านโดโซ๊ะ 2 ร้าน s&p 3 ร้านทอง โมเดิร์นโกลด์ 4 pc เสี่ยวมี ของTG ในห้างบิ๊กซี 5 พนักงานของบิ๊กซี 6 บาน่านา 7 ไทพานิช สถานีตำรวจโรงพักพระประแดง ติดโควิด 15 นายโควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 2 คนสงสัยใส่หน้ากากอนามัยซ้ำ แบคทีเรียลงปอด จริงหรือไม่ ?มีเพื่อนเล่าว่า เพิ่งโทร.เยี่ยมเพื่อนอาจารย์ที่เกษียณแล้วรร.อุดรพิทยานุกูล ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด ต้องนอนรพ.3 คืน และนอน ICU คืนแรก หมอลงความเห็นว่าติดเชื้อแบคทีเรีย แกรม-ลบ (bacteria gram-negative) เนื่องจากใช้ แมสค์ปิดจมูกซำ้หลายๆครั้ง 4-5 ครั้ง (hygienic mask : หน้ากากอนามัย) ทำให้มีแบคทีเรียสะสมอยู่ แล้วสูดเข้าปอด ทำลายปอด เข้ากระแสเลือด ร่างกายจึงสร้างเม็ดเลือดขาวพุ่งขึ้นสูงมาก ทำให้ช็อค หมดสติ ภรรยารีบพาไปรพ.เอกอุดร หมอบอกว่าหากมาช้ากว่านี้ 1 ช.ม.อาจตายได้ ร้ายแรงพอๆกับได้รับยาพิษ หรือ สัตว์มีพิษกัด-ต่อยเลยทีเดียว ดังนั้น แมสค์แบบหน้ากากอนามัยใช้แล้วต้องทิ้ง นอกจากแมสค์ผ้า ที่ใช้หลายๆครั้งได้ แต่ต้องซักทุกครั้งหลังใช้นะคะโควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยโปรแกรมตรวจจับรถวิ่งตัดเส้นทึบอัจฉริยะ เปิดใช้แล้ว จริงหรือท่านใดขับรถเข้า กทม. บ่อยๆหรือมีญาติพี่น้องและลูกหลานขับรถ อยู่ใน กทม.ขอให้ขับรถด้วยความระมัดระวัง โดนภาพละ 500 บาท ใบสั่งถึงบ้าน ไม่ไปจ่ายภายใน 7 วัน ขึ้นเป็น 1,500 บาท เปิดใช้งานแล้วตามแยกดังนี้ 1. แยกซังฮี้ 2. แยกพญาไท 3. แยกอุรุพงษ์ 4. แยกเหม่งจ๋าย 5. แยกอโศก-เพชร 6. แยกบางโพ 7. แยกประชานุกูล 8. แยกประดิพัทธ์ 9. แยกรัชดา-ลาดพร้าว 10.แยกร่มเกล้า 11.แยกโชคชัย4 12.แยกนิด้า 13.แยกบ้านม้า 14.แยกลำสาลี 15.แยกประเวศ 16.แยกโพธิ์แก้ว 17.แยกคลองตัน 18.แยกพัฒนาการ-ราม24 19.แยกรัชดา-พระราม4 20.แยกศุลกากร 21.แยกราชประสงค์ 22.แยกวิทยุ-เพลินจิต 23.แยกอโศก-สุขุมวิท 24.แยกนรินทร 25.แยกสาทร 26.แยกอังรีดูนังต์ 27.แยกท่าพระ 28.แยกบางพลัดanonymous• 5 ปีที่แล้วmeter: true2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยหน้าฝนนี้ ให้ระวังโรคทางผิวหนัง "โรคผื่นกุหลาบ" โรคผิวหนังที่มีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัส หากหญิงตั้งครรภ์แรกเริ่มติด อาจเสี่ยงแท้งได้ จริงหรือโรคผื่นกุหลาบเป็นโรคผิวหนังมีอาการเฉียบพลัน ยังไม่มีสาเหตุแน่ชัด พบมีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัส ผื่นมีลักษณะเฉพาะ รูปร่างกลมหรือรี มีการกระจายเป็นแนวตามร่องบนผิว คล้ายกับลักษณะของต้นสน โรคนี้ส่วนใหญ่เกิดในคนอายุน้อย โดยเฉพาะช่วงอายุ 10-35 ปี พบได้ในทุกเชื้อชาติ โดยพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายในอัตรา 2:1 ผื่นมักเกิดอยู่นานประมาณ 6-8 สัปดาห์แล้วหายได้เอง แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจเป็นนานถึง 5 เดือนหรือมากกว่า การวินิจฉัยแยกกับผื่นผิวหนังอักเสบอื่นๆ มีรายงานว่า การเกิดผื่นกุหลาบในผู้ป่วยตั้งครรภ์ เป็นความเสี่ยงทำให้เกิดการแท้งได้ โดยเฉพาะช่วง 15 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์naydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจริงหรือ กินเนื้อหมูกึ่งสุกกึ่งดิบ เสี่ยงเป็น โรคหูดับโรงพยาบาลน่าน มีชาวบ้านกินลาบหมูดิบจนเกิดอาการหูดับ เข้าโรงพยาบาลแล้ว 1 ราย เป็นชาวอำเภอภูเพียง ตำบลม่วงตึ๊ด ผู้ป่วยรายนี้ มีอายุ 51 ปี ได้ตั้งวงดื่มสุรากับเพื่อนๆ ทั้งหมด 5 คน โดยมีลาบหมูดิบเป็นกับแกล้ม ผู้ป่วยเริ่มแสดงอาการหลังผ่านไป 2 วัน มีไข้สูง ปวดศีรษะ และคลื่นไส้อาเจียน ถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลภูเพียง แต่อาการไม่ดีขึ้น ชีพจรต่ำและความดันตก เกิดภาวะช็อก ต้องส่งต่อมาที่โรงพยาบาลน่าน แพทย์ต้องออกมาเตือนถึงอันตรายที่เกิดจากการบริโภคเนื้อหมูสุกๆ ดิบๆ เพราะนอกจากจะเป็นโรคหูดับแล้ว ยังมีโรคพยาธิ และโรคอื่นๆ ตามมา ยิ่งช่วงเข้าสู่ฤดูฝนเป็นช่วงของการแพร่ระบาดของเชื้อได้ง่าย โดยเชื้อชนิดนี้จะพบคอหมู หรือต่อมทอนซิล ทำให้เกิดการอักเสบและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วnaydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: mostly-true--middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจริงหรือ ที่เราจะไปพบทันตแพทย์ได้ต่อเมื่อเป็นกรณีฉุกเฉินเท่านั้น กรณี อุดฟัน ขูดหินปูนยังคงต้องเลื่อนไปก่อนหากเป็นภาวะฉุกเฉินงานบริการทันตกรรมยังให้บริการอยู่ โดยใช้ระบบการนัดหมายผ่านแอพพลิเคชั่นของสถานพยาบาล หรือนัดหมายทางโทรศัพท์ ซึ่งอาการฉุกเฉินเร่งด่วน คือ 1.เหงือกหรือฟันปวดบวม รับประทานยาแก้ปวดยาฆ่าเชื้อหากไม่หาย 2-3 วันให้ไปโรงพยาบาล (รพ.) ซึ่งหลายแห่งมีวิดีโอคอลสอบถามได้ 2.เครื่องมือจัดฟัน ฟันเทียมแตกหักทิ่มแทงเนื้อเยื่อ ครอบฟันชำรุด 3.เลือดออกภายในช่องปาก 4.อุบัติเหตุปวดบวมบริเวณใบหน้าและขากรรไกร 5.กรณีการรักษาเฉพาะทางที่มีการดูแลร่วมกันระหว่างแพทย์และทันแพทย์ เช่น ป่วยโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ซึ่งต้องรักษาฟันก่อน เป็นต้น ทพญ.วรางคนา เวชวิธี รองผู้อำนวยการสำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กล่าวว่า โรคในช่องปากเป็นเรื่องที่ป้องกัน ชะลอการลุกลามได้ ทั้งนี้ ในสถานการณ์ปกติควรไปพบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง แต่สถานการณ์นี้ขอให้ดูแลตัวเองก่อน หากจำเป็นก็ค่อยไปพบทันตแพทย์โควิด 2019naydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: mostly-true--middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยหลุมพรางสร้างความเกลียดชังทางศาสนาอิสลามหลุมพราง บ่มเพาะความเกลียดชังทางศาสนา By ประสาร มฤคพิทักษ์ | pmarukpitak@yahoo.com21 ก.พ. 2565 เวลา 11:49 น. หลุมพราง บ่มเพาะความเกลียดชังทางศาสนา กระบวนการสร้างความเป็นอื่นให้กับบุคคลต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนา ต่างผิวพรรณ จะใช้สองมือแบ่งกันทำหน้าที่ มือขวาสร้างโรงน้ำแข็ง เพื่อปั้นน้ำเป็นตัว ส่วนมือซ้าย ขุดหลุมพราง บ่มเพาะความจงเกลียดจงชังให้คนอื่นตกหลุมพรางนั้น ในบรรดาข่าวโกหก (Fake News) ที่อยู่บนหน้าจอไฟฟ้า หรือสื่อออนไลน์ ทั้งหลายนั้น ข่าวโกหกเรื่องศาสนาอิสลามมีพื้นที่ค่อนข้างมาก ส่งกันได้ทุกวัน ทั้งๆ ที่ 90% เป็นข่าวโกหก 1.โกหกว่า ศาสนาอิสลามกำลังยึดครองประเทศไทย โดยมีการออก พ.ร.บ. คุ้มครองศาสนาอิสลาม 10 ฉบับ ว่ามีมัสยิดใหม่เกิดขึ้นมาก ว่ามีการทำลายวัดในพุทธศาสนาหลายแห่ง ความจริง กรมการปกครอง ชี้แจงแล้วว่า มีกฎหมายเกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลามเพียง 4 ฉบับ คือ (1) พ.ร.บ. ว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูล พ.ศ. 2489 (2) พ.ร.บ.ส่งเสริมกิจการฮัจย์ พ.ศ. 2524 (3) พ.ร.บ.การบริหารองค์การศาสนาอิสลาม พ.ศ. 2540 (4) พ.ร.บ.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2545 ไม่ปรากฏว่ามีกฎหมายคุ้มครองศาสนาอิสลามแต่อย่างใดเลย 2.โกหกเรื่องศาสนาอิสลามจะตั้งศาลอิสลาม เพื่อคนมุสลิมไม่ต้องขึ้นศาลไทยปกติ โดยจะระดมรายชื่อ 10 ล้านคน เพื่อถวายฎีกา โดยอ้างว่า “เพื่อเอกราชทางอำนาจของศาลไทยไม่เสียไปอยู่ในมือมุสลิมที่กำลังจะกลืนไทยพุทธหมดแล้ว” ความจริง ไม่มีเรื่องดังกล่าวเลย จะมีก็แต่การนำหลักศาสนาอิสลามเรื่องครอบครัวและมรดกมาใช้สำหรับพิจารณาคดีที่คู่ความทั้งสองฝ่ายเป็นมุสลิม และอยู่ในเขตอำนาจศาลในพื้นที่ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สตูล เท่านั้น ตาม พ.ร.บ. ดังกล่าว (พ.ศ. 2489 ข้อ 3.1) 3.โกหกว่ารัฐบาลต้องเอาภาษีประชาชนสร้างมัสยิดให้ชาวมุสลิมทุกจังหวัด ความจริง มัสยิดเป็นศาสนสถานของอิสลาม ดังที่คาธอลิคมีโบสถ์ พุทธศาสนามีวัด ศาสนาอิสลามมีมัสยิดจำนวน 3,965 แห่ง ตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ. ปี 2540 มัสยิดทุกแห่งที่สร้างขึ้นมาจากเงินศรัทธาของชาวไทยมุสลิม รัฐบาลไม่ได้จ่ายเงินสร้างแต่อย่างใด ยกเว้นบางจังหวัดเช่น ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ซึ่งรัฐบาลสนับสนุนเงินบูรณะซ่อมแซม ส่วนมัสยิดนครศรีธรรมราชเป็นงบผูกพัน 3 ปี (2557 - 2559) ตามแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ตอนบน 4.โกหกว่ารัฐบาลจ่ายเงินค่าเดินทาง ที่พัก อาหาร ให้ชาวมุสลิมไปประกอบพิธีฮัจย์ที่ซาอุดิอาระเบีย ความจริง ไม่มีเรื่องดังกล่าวเลย ผู้แสวงบุญทุกคนจ่ายเงินเองทั้งสิ้น 5.โกหกว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีสมาชิกที่เป็น สนช. ถึง 63 คน (จากสมาชิกทั้งหมด 233 คน) ที่เป็นมุสลิม กล่าวหาว่า สนช. จำนวนนี้ผลักดัน “ให้มีกฎหมายจัดตั้งศาลซารีอะห์เพื่อให้คนไทยที่มีคดีความกับคนมุสลิมต้องขึ้นศาลนี้ โดยมีผู้พิพากษาเป็นคนมุสลิม” นี่เป็นข่าวเก่าที่แพร่กระจายกันมา ตั้งแต่ 5 ปีก่อน แต่ยังกระจายกันอยู่จนเดี๋ยวนี้ ความจริง สนช. ชุดนั้นมีมุสลิมเพียง 4 คน คือ นิพนธ์ นราพิทักษ์กุล วิทยา ฉายสุวรรณ อนุมัติ อาหมัด และ ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ (ถืออิสลามตามคู่สมรส) เท่านั้น ไม่มีการร่างกฎหมาย ดังกล่าว ไม่มีการเสนอ ไม่มีการพิจารณาใดๆ ทั้งนั้น ยังมีข่าวโกหกอีกหลายอย่าง เช่น สัญลักษณ์ Green Industry ของ กท.อุตสาหกรรม สีเขียวบนสลากกินแบ่งรัฐบาล ก็หาว่า “เป็นตราฮาลาลเพื่อเอาใจมุสลิม” ข่าวโกหกว่าชาวไทยมุสลิมกู้เงินธนาคารอิสลาม “โดยไม่ต้องใช้หนี้คืนได้” ข่าวโกหกว่า พ.ร.บ.ฮัจย์ “ทำให้อิสลามเข้าควบคุมการปกครอง” กระทรวงมหาดไทย ข่าวโกหกว่าผู้นำซาอุดิอาระเบียแต่งตั้ง “ให้นายกฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นำคนอิสลามเข้าไทยแบบผิดกฎหมายได้” ทั้งหมดนี้เป็นข่าวโกหกอย่างสิ้นเชิงที่นำมาเผยแพร่กันโดยเฉพาะในกลุ่มไลน์ที่แพร่กระจายอย่างเสรีและยากต่อการควบคุม บทเรียน 6 ตุลาคม 2519 ของขบวนการขวาพิฆาตซ้ายที่ปั้นข่าวเท็จกลายเป็นโศกนาฏกรรมล้อมปราบที่ ม. ธรรมศาสตร์ มีการเผานั่งยางนักศึกษา มีการฆ่าแขวนคอ ที่สนามหลวง แม้แต่การโฆษณาชวนเชื่อของ ฮิตเลอร์ และนาซีเยอรมันที่สร้างความรังเกียจทางเชื้อชาติ สังหารคนยิวไป 6 ล้านคน จะไม่เก็บรับบทเรียนกันบ้างหรือไร เมื่อ 16 ก.พ. 2565 ณ วัดราชบพิธฯ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระวโรกาสให้ ดร.มูฮัมหมัด บิน อับดุลการีม อัลอีซา เลขาธิการองค์การสันนิบาตมุสลิมโลก (OIC) เข้าเฝ้า ทรงรับสั่งว่า “คนไทยคุ้นเคยกับวัฒนธรรมประเพณีของศาสนาอิสลามมานานแล้ว อย่างน้อยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งมีชาวมุสลิมจากตะวันออกกลางเข้ามาค้าขายหรือรับราชการในเมืองไทย มีผู้สืบเชื้อสายมาจนถึงทุกวันนี้ เป็นสกุลใหญ่ที่รู้จักกว้างขวาง..... .....ยามที่ชาวมุสลิมมีการงานประเพณีใด ชาวพุทธก็นำสิ่งของไปช่วยงาน ในขณะที่ ถ้าชาวพุทธมีการงานประเพณีใด ชาวมุสลิมก็นำสิ่งของมาช่วยงานเช่นเดียวกัน ทรงสามารถยืนยันได้ เพราะได้เคยทอดพระเนตรเห็นประจักษ์มาด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้ “พระมหากษัตริย์ไทย” ทุกพระองค์ มีพระบรมราชปณิธานที่จะพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์บำรุงทุกศาสนา พระบรมราโชบายเช่นนี้ จึงทำให้เมืองไทย มีความสงบร่มเย็นด้วยสามัคคีธรรมเสมอมา” เลขาธิการ OIC กราบทูลแสดงความปิติยิ่งในพระดำรัส และยังกราบทูลถวายคำยืนยันว่า “บุคคลใดผู้ยุยงให้ผู้คนในสังคมรู้สึกแตกแยกบาดหมางกัน โดนอ้างความแตกต่างกันทางศาสนา บุคคลนั้นไม่ได้ชื่อว่าเป็นมุสลิมที่แท้จริง....... ......เพราะการก่อให้เกิดความร้าวฉานนั้น เป็นความชั่วร้ายที่ไม่อาจกล่าวได้ว่า เป็นตัวแทนของศาสนาใดๆ ในโลก ผู้ที่กระทำการเช่นนั้น ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเขาเอง” สมเด็จพระสังฆราช และผู้นำองค์กรมุสลิมโลก ได้แสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์แห่งความสมานฉันท์ที่มีมายาวนานตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และไม่ปรารถนาจะเห็นความขัดข้องหมองใจใดๆ เลย กลุ่มสร้างความเกลียดชังทางศาสนา ไม่เรียนรู้เลยหรือว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงทำให้ชาวไทยมุสลิมในภาคใต้ ภาคภูมิใจที่ได้เป็นคนไทย ในแผ่นดินแห่งนี้ เมื่อปี 2511 พระองค์ท่านเสด็จไปงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นวันคล้ายวันประสูติองค์ศาสดาพระมูฮัมหมัด โดยมีการเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน เป็นการเปิดงาน พระองค์ตรัสกับ นายต่วน สุวรรณศาสน์ อดีตจุฬาราชมนตรีว่า “พระมหาคัมภีร์อัลกุรอานที่ถูกเชิญในวันนี้ เขาอ่านได้จับใจไพเราะเหลือเกิน แต่ทำอย่างไรที่จะให้พสกนิกรเรา ทั้งชาวไทยหรือไม่ใช่ก็ตามที และทุกหน่วยงานองค์กรของรัฐได้เข้าใจว่า อัลกุรอานซึ่งเป็นธรรมนูญชีวิต และเป็นคำบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ มีความหมายอย่างไร” แล้วพระองค์ท่าน ก็พระราชทานทุนทรัพย์ก้อนแรกให้กับอดีตจุฬาราชมนตรี เพื่อหาคนแปล จึงได้เกิด “พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน” ฉบับแปลเป็นภาษาไทยที่เป็นคุณูปการยิ่งต่อการศึกษาศาสนาอิสลามของชาวไทยมุสลิมทั้งปวง ต่อเนื่องมาถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ที่เสด็จงานเมาลิดกลาง และพระราชทานพระกรุณาให้กับชาวไทยมุสลิมโดยไม่ทรงแบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนาใดๆ เลย การเอาเรื่องเท็จมาปั้นแต่งโฆษณาว่าเป็นเรื่องจริง การหยิบเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาเป็นเรื่อง การเอาเรื่องเล็กมาขยายเป็นเรื่องใหญ่ การเอาเฉพาะส่วนมาแทนที่ส่วนทั้งหมดเป็นวิสัยของมนุษย์ จำพวกไหน กระบวนการด้อยค่าบุคคลต่างศาสนา ด้วยวิธีสร้างความเป็นอื่น ขุดหลุมพรางบ่มเพาะความเกลียดชังทางศาสนา จะใจร้ายอำมหิตไปถึงไหน จึงโกหกมดเท็จรายวันไม่หยุดหย่อน เหมือนไม่เกรงนรกหมกไหม้ หรืออย่างไร.ภาคใต้ผู้บริโภคเฝ้าระวังชุมพล ศรีสมบัติ• 3 ปีที่แล้วmeter: mostly-false--middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยประยุทธ์" เตรียมประชุม ครม.เร่งรัดเบิกจ่ายงบฯ รมต.แจ้งลา 7 คน มี "อนุทิน-สุชาติ-ธนกรพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีตามปกติ โดยมีวาระที่น่าสนใจ อาทิ รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ครั้งที่ 1/2566 และรับทราบรายงานความก้าวหน้าโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 และการใช้สิทธิภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ขณะที่กระทรวงการคลังรายงาน การดําเนินโครงการจัดสร้างสวนป่า “เบญจกิติ” ระยะที่ 2-3 และรายงานผลการดําเนินการแก้ไขปัญหาโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง เชื่อมสามสนามบิน พร้อมเสนอร่างร่างกฎกระทรวงกําหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดี ดําเนินการบังคับทางปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .. และยังเสนอการโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบัน การเงินเพื่อชําระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF 1 และ FIDF 3 ด้านกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะกรณีการจัดให้มีห้องน้ำสาธารณะ สําหรับบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ,กระทรวงอุดมศึกษา ฯขอขยายระยะเวลาดําเนินการจัดทํากฎหมายลําดับรองตามความ ในพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ.2559 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562 ,กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ร่างกฎกระทรวงกําหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสวิตช์ไฟฟ้าสําหรับใช้ใน ที่อยู่อาศัยและสิ่งติดตั้งทํางไฟฟ้ายึดกับที่ที่คล้ายกัน เล่ม 1 ข้อกําหนดทั่วไป ต้องเป็นไปตํามมําตรฐําน พ.ศ. …. คณะกรรมการ ป.ป.ช ข้อเสนอแนะในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการงบประมาณเกี่ยวกับ กํารแก้ไขปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติเพื่อป้องกันการทุจริต ,กระทรวงวัฒนธรรม ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงการก่อหนี้ผูกผันตามมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติ วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 สําหรับงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ.2566 รายการค่าเช่ารถยนต์ สํานักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ,กระทรวงอุตสาหกรรม ร่างกฎกระทรวงกําหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. …. จํานวน 3 ฉบับ กระทรวงคมนาคมเสนอ ร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการกําหนด อัตราค่าโดยสารสายสีเหลือง สายเฉลิมรัชมงคล และสํายฉลองรัชธรรม ร่างข้อบังคับ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการยกเลิกข้อบังคับการรถไฟฟ้า ขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสารร่วม พ.ศ.2565 พ.ศ. …. และร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ว่าด้วยอัตราและ วิธีการจัดเก็บค่าบริการจอดรถยนต์และรถจักรยานยนต์และค่าธรรมเนียมและ ค่าบริการอื่นๆ เกี่ยวกับการจอดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ พ.ศ. …. (รวม 5 ฉบับ),กระทรวงพาณิชย์ เสนอการกําหนดสินค้าควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 นอกจากนี้มีรัฐมนตรีที่แจ้งลาประชุมทั้งสิ้น 7 ท่าน คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายธนกร วังคงบุญชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา, นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และนายนริศ ขำนุรักษ์รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยstd46630• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเมาค้างมาทางนี้ 10 วิธีแก้แฮงค์กาแฟดำ เอสเพรสโซ่สักช็อต หรืออเมริกาโน่ร้อนสักแก้ว ช่วยแก้แฮงค์ให้ดีขึ้นได้มาก คาเฟอีนในกาแฟจะช่วยกระตุ้นคุณให้ฟื้นจากอาการมึนหัว และขับปัสสาวะ ทำให้แอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย ไข่ต้ม ขนมปัง กับน้ำส้มคั้น ตื่นมารองท้องด้วยไข่ต้ม ที่มีโปรตีนช่วยการดักจับสารพิษ ขนมปัง ตัวช่วยดูดซับสารพิษ และป้องกันการอาเจียน ตามด้วยน้ำส้มคั้นสักแก้ว เพราะวิตามินซีในน้ำส้ม จะช่วยลดการเวียนหัว แก้แฮงค์ และชดเชยภาวะขาดน้ำหลังการดื่มหนักได้อีกด้วย น้ำมะนาวผสมน้ำอุ่น หรือน้ำผึ้ง ก็ช่วยแก้อาการเมาค้างได้เช่นกัน และเป็นที่นิยมของคนทั่วไป แถมยังช่วยลดปริมาณสารตกค้างในตับได้อีกด้วย เครื่องดื่มวิตามิน ที่มีส่วนผสมของวิตามินบี และวิตามินซี จะเป็นตัวช่วยอย่างดี หาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อ หรือร้านขายยาทั่วไป เพราะวิตามินดังกล่าวสามารถช่วยลดอาการเมาค้างได้มาก และควรดื่มน้ำเปล่ามากๆ ควบคู่ไปด้วย เพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียไปหลังจากการดื่มหนัก น้ำเกลือแร่ เมื่อร่างกายสูญเสียน้ำไปมาก เพราะแอลกอฮอล์ สายปาร์ตี้ควรมีน้ำเกลือแร่ ชนิดละลายน้ำไว้เป็นตัวช่วยฟื้นฟูอาการขาดน้ำด้วย และควรติดตัวไว้จิบทั้งวันเพื่อแก้แฮงค์ และเติมน้ำให้ร่างกายอย่างต่อเนื่อง และทำให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น น้ำขิง เครื่องดื่มสมุนไพร ก็ช่วยแก้แฮงค์ได้เป็นอย่างดี น้ำขิงจะช่วยฟื้นฟูร่างกาย ระบบหายใจ และป้องกันอาการปวดหัวที่จะมาได้ในระดับหนึ่ง และยังเป็นตัวช่วยขับแอลกอฮอล์ออกมาทางระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดี กล้วยหอม โพเทสเซียมในกล้วยหอม จะช่วยป้องกันการขาดน้ำ และเคลือบกระเพาะไปในตัว ทำให้ร่างกายดูดซึมแอลกอฮอล์ได้น้อย และขับออกมาได้เร็วยิ่งขึ้น ใบโหระพา ลองนำมาขยี้ หรือบด ผสมน้ำร้อน หรือชาร้อนทิ้งไว้ 5 นาที จากนั้นกรองเอาแต่น้ำมาดื่ม วิธีนี้ช่วยแก้แฮงค์ และลดอาการคลื่นไส้ได้เป็นอย่างดี นมช็อกโกแลต ช่วยป้องกันอาการเมาค้างได้อย่างดี แถมไม่ทำให้เกิดอาการปวดหัวอย่างแรงเมื่อตื่นขึ้นมาอีกด้วย ออกกำลังกายเบาๆ เพื่อขับแอลกอฮอล์ เช่น วิ่ง วิดพื้น ให้ร่างกายได้เหงื่อ จะเป็นการขับแอลกกอฮอล์ออกมาจากร่างกาย ช่วบแก้แฮงค์ และทำให้ร่างกายรู้สึกกระปี่กระเปร่าขึ้นเซ' บาย• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยช็อค!ความเชื่อคนทั้งโลก เมื่อผลวิจัยเผย “คอเรสเตอรอล” มีแต่ประโยชน์ ช็อค! Ending the War on Fat ความเชื่อคนทั้งโลก เมื่อผลวิจัยเผย “คอเรสเตอรอล” มีแต่ประโยชน์ ไม่มีโทษ นิตยสารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาอย่าง TIME ได้เผยถึงบทความเกี่ยวกับ Ending the War on Fat “ความจริงของคอเรสเตอรอล” ที่ทุกๆ คนเข้าใจผิดมาตลอด 60 ปี ที่ว่าคอเรสเตอรอลเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดหลอดเลือดหัวใจและสมองนั้น ไม่เป็นความจริงอีกต่อไป คอเรสเตอรอลไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อร่างกาย แถมยังมีประโยชน์อีกมากมายด้วย ส่งผลให้บทความนี้ช็อคไปทั้งวงการแพทย์ทั่วโลกเลยทีเดียว ส่วนตัวการที่แท้จริงกลับเป็น “ไขมันทรานส์” ไขมันผิดธรรมชาติที่เกิดขึ้นมาผ่านกรรมวิธีของมนุษย์ มักพบอยู่ใน น้ำมันพืช น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันทานตะวัน น้ำมันรำข้าว ที่มีไขมันไม่อิ่มตัว โดยผ่านกรรมวิธีเติมไฮโรเจน เพื่อให้สามารถใช้ในการทอดได้ที่ความร้อนสูงๆ จนเกิดเป็นสารเคมีที่เป็นพิษต่อร่างกาย และส่งผลให้เป็นโรคความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจ และมะเร็งอีกด้วย แล้วประโยชน์ของ “คอเรสเตอรอล” ล่ะ มีอะไรบ้าง ? 1.) ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน ที่ใช้จัดการกับความเครียดในชีวิตประจำวัน และฮอร์โมนนี้ยังช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคมะเร็งด้วย 2.) จำเป็นต่อการผลิตฮอร์โมนเพศ 3.) ใช้คู่กับวิตามินดี เพื่อช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย กระดูก เส้นประสาท กล้ามเนื้อ การเผาผลาญอาหาร การผลิตอินซูลินและภูมิคุ้มกันร่างกาย 4.) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันความเสียหายไปยังเนื้อเยื่อ 5.) อยู่ในนมแม่ เป็นส่วนช่วยในการพัฒนาสมอง ระบบประสาท และภูมิคุ้มกันของเด็กทารก 6.) เป็นส่วนประกอบในการสร้างน้ำดีในตับ น้ำดีมีความสำคัญต่อกระบวนการย่อยอาหารและการดูดซึมของไขมัน 7.) จำเป็นสำหรับการทำงานของลำไส้และรักษาความสมบูรณ์ของผนังลำไส้ หากคอเลสเตอรอลต่ำอาจนำไปสู่โรคลำไส้รั่วและปัญหาทางเดินอาหาร 8.) มีส่วนช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหาย นี่คือเหตุผลที่คอเรสตอรอลของคนสูงอายุถึงมีค่าสูง เพราะมันมีประโยชน์ต่อคนสูงอายุ สุดท้ายนี้ การกินไข่เกินวันละ 2 ฟอง ก็ไม่ได้มีโทษอีกต่อไป นี่อาจเป็นเรื่องที่ช็อคคนทั่วโลกมากที่สุดในประวัติศาสตร์การแพทย์ก็เป็นได้ For decades, it has been the most vilified nutrient in the American diet. But new science reveals fat isn’t what’s hurting our health The taste of my childhood was the taste of skim milk. We spread bright yellow margarine on dinner rolls, ate low-fat microwave oatmeal flavored with apples and cinnamon, put nonfat ranch on our salads. We were only doing what we were told. In 1977, the year before I was born, a Senate committee led by George McGovern published its landmark “Dietary Goals for the United States,” urging Americans to eat less high-fat red meat, eggs and dairy and replace them with more calories from fruits, vegetables and especially carbohydrates. By 1980 that wisdom was codified. The U.S. Department of Agriculture (USDA) issued its first dietary guidelines, and one of the primary directives was to avoid cholesterol and fat of all … ที่มา : fxdio | time ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://sator4u.com/paper/1833สุขภาพไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้วmeter: middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยการ Detox โดยไม่ต้องสวนก้นการ Detox โดยไม่ต้องสวนก้น เอาอะไรเข้าไปก่อกวนลำไส้ ซึ่งอาจมีโทษข้างคียง เช่น ทำลายระบบนิเวศของ แบคทีเรียดีในลำไส้ นำสู่การขาดวิตามิน B12 เว้นแต่มีข้อบ่งชี้ เช่น ท้องผูก อวัยวะขับพิษ ทั้ง 6 บทความตอนหนึ่ง ของ นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ ร่างกายของเรา เขาทำงานของเขาเองอยู่แล้ว โดยอาศัยอวัยวะ ขับพิษทั้ง 6 คือ (1) ตับ (2) ไต (3) ปอด (4) ลำไส้ใหญ่ (5) ต่อมเหงื่อที่ผิวหนัง (6) น้ำเหลือง ถ้าท่านอยากจะล้างพิษ ผมแนะนำให้ท่าน ช่วยให้อวัยวะ ทั้งหกนี้ ทำงานได้ดีขึ้น ดังนี้ (1) ท่านช่วย “ตับ” ของท่านได้ ด้วยการกินอาหาร ที่ตับต้องใช้ในการขจัดพิษ ที่เรียกว่า สารต้าน อนุมูลอิสระ นั่นแหละ ได้แก่ อาหารพืชที่หลากสี (เน้นสีม่วงแดง) หลากรส (เน้นรสขม) ตามฤดูกาล (เน้นเห็ด) และ เน้นขมิ้นชัน ในภาพรวมว่าเป็นสาร ต้านอนุมูลอิสระ ที่โดดเด่น นอกจากนี้ ควรขยันออกแดด เพื่อให้ไมโตคอนเดรีย ในเซลร่างกายของท่าน ทุกเซลช่วยกันสร้าง สารต้านอนุมูลอิสระ ชื่อเมลาโทนิน ขึ้นมาช่วยการทำงานของตับ (2) ท่านช่วย “ไต” ของท่านได้ ด้วยการระวัง ไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ กินเกลือให้น้อย กินยาให้น้อยที่สุด ไม่กินยาที่ทำให้ เป็นโรคไตเรื้อรัง โดยตรง เช่น ยาลดการหลั่งกรด (เช่น omeprazole) ยาแก้ปวด แก้อักเสบข้อ และอย่าฉีดสี เพื่อวินิจฉัยโรคบ่อย โดยไม่จำเป็น เพราะ สีเหล่านั้น เป็นพิษต่อไตมาก..ก (3) ท่านช่วย “ปอด” ของท่านได้ ด้วยการ ฝึกหายใจให้ลึก ฝึกกลั้นหายใจนิดหนึ่ง ขณะลมเต็มปอด ฝึกหายใจออก ให้ยาวกว่า การหายใจเข้า เพื่อเอาลมค้างออกมา ให้มากที่สุด ใช้วิธีนับ 4-4-8 อย่างที่ผมเคยสอน ในบล็อกก่อนๆ ก็ได้ (เข้า 1 2 3 4, กลั้นไว้ 1 2 3 4 ออก 1 2 3 4 5 6 7 8 ) และขยันพาตัวเอง ไปอยู่ในบรรยากาศธรรมชาติ อากาศดีๆ (4) ท่านช่วย “ลำไส้ใหญ่” ของท่านได้ ด้วยการเอาใจใส่ เลี้ยงดูชุมชนจุลินทรีย์ (microbiomes) ในลำไส้ของท่าน ให้เจริญเติบโต หลากหลาย เพราะพวกเขา เป็นผู้ขับพิษ ที่แท้จริงของท่าน วิธีเลี้ยง ก็คือ กินของที่พวกเขา ใช้เป็นอาหาร (prebiotic) เช่น กากต่างๆ และถั่วต่างๆ และ ขยันกินอาหาร ที่มีจุลินทรีย์ (probiotic) เช่น อาหารหมักๆดองๆ ชาหมัก เป็นต้น (5) ท่านช่วย “ต่อมเหงื่อบนผิวหนัง” ของท่านได้ ด้วยการขยันออกกำลังกาย ให้เหงื่อออกมากๆ ขณะเดียวกัน ก็ดื่มน้ำตามไม่ให้ขาด ถ้ามีซาวน่า ก็ขยันอบซาวน่า ให้เหงื่อไหลโทรมกาย ก็ช่วยได้ (6) ท่านช่วย “ระบบน้ำเหลือง” ของท่านได้ ด้วยการขยัน ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว อย่างน้อย ให้ขยันเดินทั้งวัน วิ่งเหยาะๆบ้าง เมื่อมีโอกาส เพราะการขยับแขนขา เป็นปัจจัยเดียว ที่จะขับเคลื่อน การไหลเวียน ของน้ำเหลือง เอาของเสียไปทิ้งได้ ทำทั้งหกอย่าง นี่แหละ เป็นการ “ดีท๊อกซ์” ที่ได้ผลดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด ไม่ต้องไปเสียเงิน ฉีดอะไรที่เสี่ยงๆเข้าตัวเอง ทุกเดือนเลย นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ บรรณานุกรม 1. Knudston ML, Wyse DG, Galbraith PD, et al. Chelation therapy for ischemic heart disease, a randomized controlled trial. JAMA. 2002;287(4):481-486.Mrs.Doubt• 2 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยภูมิคุ้มกันของคุณคือการป้องกันที่ดีที่สุด (สำหรับการติดเชื้อ Covid-19)ทุกคนอาจไม่รอด ดร. จงจากจีนคาดการณ์ว่าไม่ช้าก็เร็วการติดเชื้อโควิด -19 ในชุมชนในวงกว้างจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากขณะนี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการเพิ่มขึ้น แต่มีระยะฟักตัวที่แตกต่างกันไปโดยไม่ถูกตรวจพบ เนื่องจาก Scenario ข้างต้นแทบจะไม่สามารถควบคุมได้และหลีกเลี่ยงไม่ได้ตอนนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องสร้างระบบภูมิคุ้มกันของตัวเองก่อน "ภูมิคุ้มกันของคุณคือการป้องกันที่ดีที่สุด (สำหรับการติดเชื้อ Covid-19)" อย่าพึ่งมาสก์ หรือล้างมือ เพียงอย่างเดียว สิ่งเหล่านี้เป็นมาตรการป้องกันที่ดีเยี่ยม แต่เหนือสิ่งอื่นใดทุกคนยังต้องสร้างภูมิคุ้มกันของตนเองโดยเร็ว ประการแรก : เรา ต้องนอนหลับให้เพียงพอ** ต้องนอนหลับอย่างน้อย 7 ชั่วโมง **ผู้ที่นอนน้อยกว่า 7 ชั่วโมงต่อวันจะมีภูมิคุ้มกันลดลง ประการที่สอง : เราต้องกินให้ดี สิ่งที่เรียกว่า "กินดี” ไม่ได้เกี่ยวกับการกินอาหารรสเลิศ แต่ ** การรับประทานโปรตีนคุณภาพสูงที่มีประโยชน์ ** ซึ่งสามารถใช้ในการผลิตแอนติบอดี อย่าลืมควบคุมปริมาณน้ำตาลของเราอย่างเคร่งครัด การกินน้ำตาลที่ผ่านการกลั่นมากเกินไปอาจทำให้เซลล์ภูมิคุ้มกันเม็ดเลือดขาวของเราไม่มีการทำงานเป็นเวลา 5 ชั่วโมง! ดังนั้นเราต้องเลือกและควบคุมอาหารของเรา ประการที่สาม : โคโรนาไวรัสมีโหมดการแพร่พันธุ์ล่วงหน้าซึ่งจะทวีคูณเร็วขึ้นในฤดูหนาว ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญบางคนแนะนำให้เราออกแดดมากขึ้นซึ่งช่วยได้ เพิ่มวิตามินดีเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันของเรา ผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ ได้ทำการวิจัยและเผยแพร่ผลการวิจัยว่าการรับประทานวิตามินดีเสริมในช่วงฤดูหนาวสามารถลดการติดเชื้อทางเดินหายใจสองในสาม หากคุณไม่สามารถหรือไม่ได้อาบแดดจริงๆคุณสามารถเลือกที่จะทานวิตามินดีแทนได้ ประการที่สี่ : งานวิจัยของรัสเซียชิ้นหนึ่งพบว่า: เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน“ คุณต้องบ้วนปากและกลั้วคอเมื่อกลับบ้านหลังการออกไปข้างนอก เพราะเหตุใด เพราะไวรัสทุกชนิดมีกุญแจเข้าสู่เซลล์ของเราเมื่อไวรัส บุกรุกเซลล์เป้าหมายต้องเจาะรูก่อนและเคาะประตู ฯลฯ ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาสักครู่ในการเข้าถึงและเจาะผนังเซลล์เป้าหมายเพื่อเปิดประตูเพื่อเข้าสู่เซลล์เป้าหมายและแพร่กระจายเชื้อ ดังนั้นหากคุณติดเชื้อนอกบ้าน เมื่อคุณกลับถึงบ้านเพียงแค่กลั้วคอและบ้วนปาก "ไม่ว่าคุณจะบ้วนปากด้วยน้ำ น้ำเกลือ เบตาดีนที่เจือจางในน้ำ น้ำยาบ้วนปาก หรือน้ำชา ทั้ง 5 วิธีนี้ใช้ได้ผลดี สุดท้ายดร. จงยังชี้ให้เห็นว่าการศึกษาในญี่ปุ่นอิสราเอลและฟินแลนด์ล้วนแสดงให้เห็นว่า การอาบน้ำร้อนทุกวันเพื่อเพิ่มอุณหภูมิร่างกายให้เพียงพอ จะสร้างสภาพแวดล้อมของร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการติดเชื้อโคโรนาไวรัส งานวิจัยยังระบุด้วยว่าหากคุณอาบน้ำร้อน 4 ครั้งขึ้นไปในแต่ละสัปดาห์อัตราการติดเชื้อไวรัสอาจลดลงถึง 60% คำแนะนำของ Dr Zhong คืออาบน้ำร้อนทุกวัน 41 องศา C และ 5 นาทีก็เพียงพอแล้ว! กรุณาแบ่งปันกับครอบครัวและเพื่อนของคุณ..โควิด 2019Mrs.Doubt• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัวmeter: false2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสมุนไพรรักษามะเร็ง14 ส.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ นายพิภพ ไขแจ้ง อายุ 60 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านวัดโบสถ์ หมู่ 5 ต.เมืองบางขลัง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ได้ออกมาเปิดเผยถึงสรรพคุณของ "ต้นผ่าด้าม" ที่ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศได้เป็นอย่างดี ถึงขั้น "ไวอากร้า" ยังต้องเรียกพี่ หากกินเข้าไป 2 ชั่วโมง จะเห็นแม่บ้านสวยทุกวินาที คนเตะปี๊บไม่ดังมาแรมปีให้กินสามลูก รับรองเห็นผลพลังเยี่ยงม้าศึก จนกลายเป็นข่าวโด่งดังมาแล้วนั้น 14 ส.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ นายพิภพ ไขแจ้ง อายุ 60 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านวัดโบสถ์ หมู่ 5 ต.เมืองบางขลัง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ได้ออกมาเปิดเผยถึงสรรพคุณของ "ต้นผ่าด้าม" ที่ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศได้เป็นอย่างดี ถึงขั้น "ไวอากร้า" ยังต้องเรียกพี่ หากกินเข้าไป 2 ชั่วโมง จะเห็นแม่บ้านสวยทุกวินาที คนเตะปี๊บไม่ดังมาแรมปีให้กินสามลูก รับรองเห็นผลพลังเยี่ยงม้าศึก จนกลายเป็นข่าวโด่งดังมาแล้วนั้น ล่าสุด นายพิภพ ได้ออกมาเปิดเผยอีกว่า ยังมีพืชสมุนไพรอีกตัวหนึ่งที่สรรพคุณน่าทึ่งยิ่งกว่า เพราะสามารถรักษาโรคมะเร็งระยะสุดท้ายให้หายได้ เพียงแค่เด็ดกิ่งก้านใบมาต้มดื่มเหมือนน้ำชา โดยกินติดต่อกันไม่กี่เดือนก็จะเห็นผลทันที พืชที่ว่านั้นก็คือ "ต้นอังกาบหนู" เป็นไม้พุ่มเตี้ย สูงประมาณ 1 - 1.5 เมตร ลำต้นเกลี้ยง มีหนามยาวรอบข้อ ออกดอกสีเหลืองตามซอกใบ และปลูกง่ายมาก เมื่อหลายปีที่แล้วผมป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะที่ 2 เพราะสูบบุหรี่จัด และยาปัจจุบันก็ไม่มีรักษา เลยลองหันมาพึ่งพาพืชสมุนไพรพื้นบ้าน โดย พระครูพิพัฒน์สุตากร เจ้าอาวาสวัดโบสถ์ แนะนำให้เอายอดใบต้นอังกาบหนูที่มีปลูกอยู่ในวัดไปต้มดื่มกินเช้า กลางวัน เย็น ปรากฏว่าแค่เดือนเดียว อาการหายใจติดขัด เจ็บหน้าอก ปวดหลัง ก็หายทันที พอถึง 3 เดือน ไปเอกซเรย์ปอดที่กรุงเทพฯ ก็พบว่าจุดดำเริ่มจางลง และหายไปในที่สุด" นายพิภพ ระบุ นายพิภพ กล่าวอีกว่า นอกจากตัวเองกินหายแล้ว ยังมีเพื่อนชื่อแดง ชาว อ.ศรีสำโรง อีกคน ป่วยเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย เขาให้กลับมาตายที่บ้าน จึงแนะนำให้ลองกินต้นอังกาบหนู ปรากฏว่าผ่านไป 1 เดือน อาการท้องแข็งโตเหมือนคนใกล้คลอดก็ยุบลงอย่างเห็นได้ชัด พอกินมาได้ 6 เดือน ท้องที่เคยโตก็ยุบและหายเป็นปกติ ผ่านมา 3 ปีแล้ว ปัจจุบันก็ยังมีชีวิตอยู่ และขับรถไถนาทำงานได้เหมือนเดิม อังกาบหนูจะใช้ต้มดื่มเพื่อขับสารพิษตกค้างในร่างกายก็ได้ หรือจะกินใบอ่อนสดๆ เป็นเครื่องเคียงแกล้มลาบก็ดี มีรสออกขมนิดๆ และผมก็กินต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันเป็นสิบปีแล้ว ทั้งลูกผ่าด้ามและอังกาบหนู ยืนยันรักษาโรคได้จริง และมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายแน่นอน" นายพิภพ กล่าว ด้าน พระครูพิพัฒน์สุตากร เจ้าอาวาสวัดโบสถ์ (เมืองโบราณบางขลัง) เปิดเผยว่า เมื่อ 7 ปีที่แล้ว พี่ชายได้ป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ลำคอ มีแผลเน่า พูดไม่ได้ ญาติทุกคนคิดว่าตายแน่ แต่ก็มีชีวิตรอดมาได้ถึงทุกวันนี้ หลังจากให้กินน้ำต้มใบอังกาบหนู ทางสายยางผ่านจมูก เช้า-เย็น เพียงแค่ 3 วัน แผลที่เป็นหนองก็แห้งตกสะเก็ด พอวันที่ 15 ช่องที่เป็นโพรงก็หายสนิท กระทั่ง 6 เดือนผ่านไป ร่างกายของพี่ชายอาตมาก็หายป่วยเป็นปกติ และยังมีชีวิตอยู่ ปัจจุบันอายุ 52 ปีแล้ว ครั้งแรกที่รู้จักยาตัวนี้ เพราะว่ามีชาวบ้านที่ป่วยเป็นมะเร็งกระดูกระยะที่ 3 ได้ฝันเห็นพญานาคสีทองขดอยู่ในมณฑปโบราณเมืองบางขลัง ตรงกลางลำตัวมีใบไม้เท่าฝ่ามือ และมีฤษีเดินออกมาจากผนังมณฑป บอกว่าให้เอายาตัวนี้ไปกินแล้วจะหายโรค เขาจึงมาถามว่าในมณฑปมียาสมุนไพรอะไรมั๊ย อาตมาจึงว่าไม่มี แต่มีตรงทิศใต้ของมณฑป คือ ต้นอังกาบหนู ลองไปดูว่ามันคล้ายในฝันมั๊ย แล้วเขาก็เด็ดใบไปต้มกิน ปรากฏว่ากินไปได้ 2 เดือน ก็หายโรค และมีชีวิตอยู่ถึงทุกวันนี้ พอหลายคนทราบข่าวก็เลยลองกินตาม นับทั้งหมดได้ 13 คน ที่หายป่วยจากโรคมะเร็งเพราะกินน้ำต้มใบอังกาบหนู" พระครูพิพัฒน์สุตากร กล่าว อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่มีระบุว่า ใบและรากของต้นอังกาบหนูมีสรรพคุณมากมาย ทั้งช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย ลดไข้ แก้หวัด ขับเสมหะ แก้ปวดฟัน รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน แก้หูอักเสบ แก้อาการท้องผูก อาหารไม่ย่อย แก้พิษงู รักษาโรคคัน กลากเกลื้อน แก้ฝี อัมพาต โรคปวดตามข้อ และปวดหลัง ฯลฯ แต่ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่ารักษาโรคมะเร็งได้จริงหรือไม่ นอกจากผู้ป่วยที่มีประสบการณ์โดยตรงเท่านั้น จึงอยากให้หน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบและเร่งทำการวิจัยต่อไปstd47663• 2 ปีที่แล้ว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ