1003 ข้อความ
- 1 คนสงสัยแชร์ประสบการณ์โอไมครอนแชร์ประสบการณ์โอไมครอนนิดหนึ่งนะ ถ้าแสบคอให้รีบตรวจเลย และถ้าตรวจแล้วขึ้น2 ขีดให้นับย้อนหลังไปอีก 3-4 วันว่าไปไหนมา แล้วจะรู้เองว่าติดมาจากใครเพราะมันติดไวติดง่าย แต่อาการไม่หนักหรอก เหมือนเราเป็นไข้หวัดใหญ่ธรรมดา เมื่อไรที่แสบคอ ให้รีบล้างจมูกด้วยน้ำเกลือทันทีทุก 4-6 ชม. กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ ดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆ ที่สำคัญอย่าเผลอ กลืนเสลดตัวเองเด็ดขาดเพราะเชื้อมันจะลงไปข้างใน (ในช่วง3-4วันแรกที่มีอาการใหม่ๆเชื้อมันยังไม่ลงปอด มันจะอยู่ที่โพรงจมูกและลำคอเราเท่านั้นดังนั้นถ้ารู้ตัวไวก็รักษาง่าย) ถ้ามีไข้ก็กินพาราเซตามอล ขาดไม่ได้เลยคือ น้ำขิง กับน้ำผึ้ง2ช้อนโต๊ะ มะนาวครึ่งลูกต่อน้ำร้อน1แก้ว ดื่มได้ทั้งวันครับ และพระเอกสุดคือ ฟ้าทะลายโจรชนิดแคปซูล กินวันละ 3 เวลาก่อนอาหาร ครั้งละ 3 แคปซูล ตกวันละ 9 แคปซูล กินต่อเนื่องไปเลย 5 วันแรก แล้วเว้นไป 1 วัน แล้วค่อยกลับมากินใหม่ (โดยในวันแรกที่กินฟ้าทะลายโจรทุกครั้ง ผมจะแกะแคปซูลออกแล้วเทฟ้าทะลายโจรลงคอไปเลย 1 แคปซูล ประมาณครึ่งชั่วโมงอาการเจ็บคอก็ทุเลาลงทันตาเห็นครับ ที่แปลกคือมันไม่ขม กินไปกินมาฟ้าทะลายโจรหวานในคอเฉยเลย แต่อย่าให้โดนลิ้นเรานะ ให้มันลงคอไปเลยจะหวานในลำคอครับ) ทำแบบนี้ครบ 7 วันลองเอาชุดตรวจ ATK มาตรวจดู เชื้อจะไม่มีเลย ช่วงแรกจะมีไข้อ่อนๆ 3-4 วัน หลังจากนั้นลิ้นจะไม่รู้รสอยู่เกือบอาทิตย์ครับ แต่พอเชื้อหายแล้ว อาการนี้ก็จะหายตาม คืนแรกๆผมเกือบไม่ได้นอน เพราะผมหายใจไม่ออก ปกติผมจะมีอาการหอบหืด ภูมิแพ้ฝุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผมก็จะมีวิค และยาดมไว้ตรงหัวเตียงตลอด ก็พอช่วยได้ครับ แต่ต้องนอนคว่ำหน้าถึงจะหายใจได้สะดวก พอคืนที่สองผมนึกขึ้นได้ว่าผมมีน้ำเกลืออยู่ เลยเอามาสวนล้างจมูก อาการที่หายใจตอนนอนไม่ได้ก็หายไปทันทีครับ ใครมีญาติหรือเพื่อนที่กำลังเจอโอไมครอนในช่วงนี้ก็แชร์ข้อมูลได้นะครับ เพราะช่วงนี้คนติดวันละหมื่นกว่าละ รพ.ก็เริ่มเตียงไม่พออีกละ แถมรัฐก็ไม่มีเงินช่วยค่ารักษาแล้ว ตอนนี้ใครป่วยก็ต้องรักษาตามสิทธิ์ตัวเอง หรือ ออกเงินเองนะครับ ดังนั้นการรักษาตัวเองที่บ้านจึงปลอดภัยและประหยัดที่สุดแล้วครับโควิด 2019Mrs.Doubt• 3 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยส่งกลับตามคำแนะนำครับ ¤¤¤¤¤¤¤ ♥โภชนาการบำบัด♥ ~~~~~~~~~~~~~~~ ■ใครที่มีเพื่อนรัก! ก็ช่วยส่งกันต่อๆไปนะ ความรู้ใหม่..โภชนาการบำบัดโรค ♥1.ดื่มน้ำร้อนปลอด ทุกโรค ♥2.กินไข่ลวกวันละ สองฟอง ใส่พริกไทยดำตำเองหนึ่งช้อนชาจะห่างไกลจากอัลไซเมอร์ไม่ต้องไปหาหมอ ♥3.หยุดกินน้ำตาล ทราย เพราะเป็นสาเหตุก่อให้ เกิดโรคต่างๆ ♥4.กินทุเรียน ช่วยรักษาโรคมะเร็ง และแก่ช้า ♥5.กินแตงโม ช่วยแก้เลือดอุดตัน ลิ่มเลือด และช่วยบำรุงเลือด ถ้าเป็นผู้ชาย จะทำให้สมถรรพภาพทางเพศแข็งแรง ♥6.สตรีกินสับปะรด ช่วยกระช้บช่องคลอด ♥7.กินกล้วยไข่ ช่วยบำรุง ตับ ไต ผิว ตา กระดูก (เหมาะสำหรับคนทำงานหน้าคอมส์) ทำให้หน้าอกโตด้วย ♥8.กล้วยน้ำว้านำไป เผาทั้งเปลือก ช่วยรักษา ปวดหัว ตัวร้อน และเบาหวาน ♥9.กล้วยหอม เด็กถ้ากินช่วยให้ความ จำดีและสตรีวัยทองช่วยปรับฮอร์โมนให้กินกับ น้ำมะพร้าวอ่อนจะดีมาก ช่วยรักษาโรคฮันจิสัน (สตรีถ้ากินมากจะเซ็กส์จัดนะ) ♥10.น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น ใช้กินและนวดหน้า นวดร่างกายทำให้ดูอ่อนกว่าวัย รักษา ฝ้า กระ ดีมาก เพราะน้ำมันมะพร้าวเป็นสารตั้งต้นของเครื่องสำอางค์ทุกชนิด ♥11.กินน้ำมันหมูดีที่ สุดเพราะซ่อมสร้างเนื้อ เยื่อได้ ที่เหลือขับทิ้งได้ ไม่เหมือนน้ำมันพืชที่ ผ่านกรรมวิธีมีสารเคมี ตกค้างมากมายมีอัน ตรายต่อสุขภาพระยะ ยาวแน่นอน ♥12.กินหอมแดง,หอมใหญ่,กระเทียมและ ตามด้วยมะนาวฝานบางๆทั้งเปลือก2-3ชิ้นเพื่อ ดับกลิ่นเพื่อลดไขมันตัวร้ายในหลอดเลือดดีกว่ากินยาลดไขมันซึ่งมีผล ข้างเคียงที่อันตรายมาก ▪▪▪▪▪▪▪▪▪ ★ส่งต่อเป็นวิทยาทาน นะครับ ■ใครคือเพื่อน18คน ที่คุณจะไม่สามารถลืม ได้เลยในชีวิต ส่งให้แค่18 คนนั้น แล้วคอยดูว่าคุณเองได้กลับมาเท่าไหร่. เริ่มส่งได้แค่18คนนะ! อย่าลืมส่งให้เพื่อนคน พิเศษของคุณ (รวมถึงส่งกลับมาให้ข้าพเจ้าด้วยถ้าข้าพเจ้าเป็นคนพิเศษ) กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่ารัก มากๆ เลยนะ ถ้าคุณหรือกลุ่มได้รับ กลับมาอย่างน้อย 5คน ลองดูเลยลดความอ้วนความสวยความงามผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเช็คตัวเอง 🌿🌼🌿 9 นิ สั ย ข อ ง ผู้ ที่ มี บุ ญ ม า ก 🔸1. ไม่คิดมาก เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นความสะอาด ความสว่าง ความสงบ ตามกำลังของบุญฤทธิ์ (ปัญญาญาณ) ทำให้เกิดพลังแห่งความสงบ แห่งจิตแห่งใจ ไม่ฟุ้งซ่านรำคาญใจ ไม่คิดเป็นทุกข์ ความคิดทุกความคิด ล้วนนำมาซึ่งความเบิกบานกายใจ ไม่คิดเบิกความทุกข์มาใช้ก่อน 🔸2. ไม่บ่น เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นปัญญา #ทำให้ยอมรับต่อความเป็นจริงของชีวิต ทำให้รู้เห็นและเข้าใจถึงระดับวาสนาของตนและบุคคลอื่น ความเป็นไปของชีวิตนั้นขึ้นตรงต่ออำนาจบุญกรรมที่ทำไว้ บ่นไปก็แค่นั้นเอง ที่ได้มา ที่มีอยู่ ที่เสียใจ ที่ไม่ได้ดั่งใจ ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น มันคือ “ผลแห่งกรรม” อันเป็นสมบัติของเราเอง 🔸3. รู้ได้ ตื่นได้ และเบิกบานได้ เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นความรู้ ตื่น เบิกบาน ตามกำลังของบุญฤทธิ์(ปัญญาญาณ) เป็นผู้รู้ ต่อความเป็นจริงของชีวิต ไม่ปล่อยชีวิตให้ตกไปในกระแสของความโลภ ความโกรธ ความหลง จิตใจมีความอิสระเต็มที่ ทุกวันทุกเวลาทุกนาที 🔸4. ปล่อยได้ วางได้ เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นคนที่รู้จักการละ การวาง ตามกำลังของบุญฤทธิ์ (ปัญญาญาณ) ไม่เป็นคนที่แบกทุกอย่างที่ขวางหน้า ยึดทุกอย่างที่เกิดขึ้น 🔸5. รอได้ คอยได้ เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นความใจเย็น มีความยืดหยุ่น ตามกำลังของบุญฤทธิ์ (ปัญญาญาณ) ไม่ใจร้อน ใจเร็ว เห็นถึงจังหวะ และโอกาสของชีวิต 🔸6. ไม่กลัว เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นความเข้มแข็ง กล้าหาญ ตามกำลังของบุญฤทธิ์ (ปัญญาญาณ) ทำให้ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคและปัญหาที่จะเกิดขึ้น เพราะมีความมั่นใจในความเป็นผู้บริสุทธิ์ ความเป็นผู้มีบุญของตน เมื่อจะคิด จะทำอะไรลงไป ล้วนมีกำลังบุญมารองรับทั้งหมดทั้งสิ้น 🔸7. สงบได้ เย็นได้ เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะเป็นสภาพให้เป็นคนที่สงบได้ เย็นได้ ตามกำลังของบุญฤทธิ์ (ปัญญาญาณ) ไม่เป็นคนที่ร้อนรน กระวนกระวาย สับส่าย วุ่นวาย ในสิ่งที่ไม่เป็นสาระ ในสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น แม้จะตกอยู่ในเหตุการณ์ที่เลวร้าย ก็ทำใจได้ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 🔸8. ไม่ทำชั่ว เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นตัวควบคุม บริหารจัดการ ตามกำลังของบุญฤทธิ์ (ปัญญาญาณ) ทำให้เกิดความกลัว ความละอายต่อบาป ต่อกรรม ความผิดน้อยใหญ่ ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง เห็นถึงความเสียหาย หลายภพหลายชาติ เห็นถึง ผลกระทบต่อครอบครัว ต่อโลกต่อสังคม อย่างมากมายมหาศาล 🔸9. อดได้ ทนได้ เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นพลังงานเข้มแข็ง ตามกำลังของบุญฤทธิ์ (ปัญญาญาณ) ทำให้มีความอดทน ที่เป็นหนึ่งเป็นเลิศ มีความคิดที่ไม่หวั่นไหว เห็นความสำเร็จทุกชนิดมาจากความอดทน อดทนอย่างมีความสุข 🍂 หลวงตามหาบัว ญาณสัมปัณโณ 🌷 ที่มา :: www.luangta.comไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยด่วน ด่วน ด่วน อจ.หมอประสิทธิ์ ออกประกาศ ให้ ปชช ล๊อคดาวน์ครอบครัว ระบาดหนัก หมอจะเอาไม่อยู่แล้ว ฟังแล้วแชร์ออกกันมากๆหน่อย เหตุเกิดมีนบุรี น่าจะเป็นสายพันธุ์แลมบ์ดา กำลังระบาด อาการไอเป็นเลือด แล้วเสียชีวิตเลย มีเพื่อนกี่คน มีกลุ่มไลน์กี่กลุ่มส่งไปให้หมดเลยนะคะ ช่วยกันเพื่อตัวเราเองและเพื่อนร่วมโลก นักฆ่าสายพันธุ์ดุ แรมบ์ดา (เปรู) อนาคตไทยอาจต้องเจอ ถ้าวางแผนไม่ดี ...☠️🎚"สายพันธุ์นักฆ่า" มาถึงทวีปเอเซียเรียบร้อย มันคือ "ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์แลมบ์ดา (เปรู)"💀 คนไทยไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมนายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธินโฆษก ศบค. ถึงเริ่มถอดใจเรื่องไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย เพราะประเทศไทยอ่อนแอและหย่อนยานที่สุด ที่เชื้อไวรัสโควิด-19 ทุกสายพันธุ์จะเข้ามาระบาดในประเทศไทย ได้อย่างสบายๆ สายพันธุ์แลมบ์ดา (เปรู) มีจุดกำเนิดการกลายพันธุ์ชนิดรุนแรงที่สุดในประเทศเปรู และปัจจุบันมีการระบาดไปทั่วโลกถึงกว่า 30 ประเทศแล้ว เมื่อการพบการระบาดของสายพันธุ์นี้ที่ประเทศออสเตรเลีย มันจึงง่ายมากที่จะระบาดเข้ามาสู่ประเทศในกลุ่มอาเซี่ยนได้อย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่นาน โดยเฉพาะประเทศไทย ที่มีคนไทยอาศัยอยู่ในออสเตรเลียจำนวนมาก ที่เข้าๆออกๆประเทศไทยกันเป็นว่าเล่น และผู้นำไทยรีบประกาศเปิดเมืองภูเก็ตทั้งๆที่ไทยยังไม่พร้อมอย่างยิ่ง ถือเป็นการเชื้อเชิญไวรัสสายพันธุ์ใหม่ๆอย่างดี สายพันธุ์แลมบ์ดา (เปรู) โหดร้ายกว่าสายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) ที่ขณะนี้กำลังระบาดหนักในประเทศไทยเยอะแบบไม่เห็นฝุ่น แถมยังมีความสามารถในการหลบหลีกวัคซีนที่ฉีดในไทย ได้ดีกว่า สายพันธุ์อินเดียเดลต้าพลัส เสียอีก กล่าวคือ อินเดียเดลต้าพลัสว่า เหนือกว่า อินเดียเดลต้าธรรมดาที่ วัคซีนหลายยี่ห้อในทั่วโลกเอาไม่อยู่ แต่สายพันธุ์เปรูแลมบ์ดา โหดกว่านั้นอีกคือ :- 1. ติดเชื้อเร็วกว่าทุกสายพันธุ์ 2. อัตราการตายของผู้ติดเชื้อสูง 3. ยังไม่มีวัคซีนในโลกนี้ ที่สามารถป้องกันได้ 4. ฉีดวัคซีนยี่ห้อไหน ก็ติดและตายได้ แถมยังแพร่เชื้อได้ต่อๆกันไปไม่มีหมด 5.โควิอ-19 สายพันธุ์เปรูแลมบ์ดา ยังสามารถกลายพันธุ์ได้เรื่อยๆ ไม่หยุดนิ่ง และสามารถเข้ากันได้ดีกับไวรัสสายพันธุ์อื่นๆ 6. อาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา ยากที่ผู้คนจะรู้รับรู้ได้ว่า ตนได้รับเชื้อมาแล้วหรือยัง ท่านต้องป้องตัวเองอย่างเคร่งครัด อย่าประมาทเด็ดขาด 7. ฟักตัวรวดเร็ว ขยายเชื้อเร็ว ทำให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิตเร็วมาก 8. เชื้อไวรัสนี้หลบหลีกภูมิกันได้แบบสมบูรณ์แบบ นี่คือเชื้อไวรัส โควิด-19 "สายพันธุ์นักฆ่า" ที่น่ากลัวที่สุดในโลกในเวลานี้ ทุกท่านจงร่วมกันป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัด เสียแต่วันนี้ ก่อนที่จะเสียใจอย่างคาดไม่ถึงในไม่กี่วัน! ไวรัสล้างโลก.โควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย"กิตติพงษ์ กิตยารักษ์" ลาออกกรรมการบอร์ด ปตท. แบบฟ้าผ่า โดยเผยว่าสาเหตุการลาออกคือ "เนื่องจากมีภารกิจอื่น" . สำหรับสาเหตุการลาออกที่มีการแจ้งในข่าวประชาสัมพันธ์ว่า "เนื่องจากมีภารกิจอื่น" แต่มีการตั้งข้อสังเกตุ เป็นการลาออกก่อนวาระอย่างกระทันหัน และโดยปกติการลาออกของประธานคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่เป็นบริษัทระหว่างประเทศ แบบ ปตท. เป็นเรื่องใหญ่ ที่ต้องทำอย่างรอบคอบ ไม่ส่งสัญญาณผิด ที่กระทบกับภาพลักษณ์บริษัท และอาจทำให้มีการตีความว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นใน ปตท. รายงานข่าวแจ้งว่า ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ประธานกรรมการตรวจสอบและกรรมการอิสระ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ลาออกจากกรรมการบอร์ด ปตท. เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ใน ปตท. เพราะแทบไม่มีเหตุผลใดจะต้องลาออกช่วงเวลานี้ ทั้งนี้ ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ ได้รับแต่งตั้งเข้ามาดำรงตำแหน่งบอร์ด ในฐานะ "กรรมการอิสระ" เมื่อปี 2558 และได้รับเป็นประธานกรรมการตรวจสอบ ซึ่งช่วงที่เข้าไปใน ปตท.นั้น ก็เป็นรัฐบาล คสช. ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งก็ยังเป็นนายกฯ อยู่ในปัจจุบัน แมัจะเปลี่ยนเป็นรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งแล้วก็ตาม อย่างไรก็ตาม ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สื่อที่เกาะติดปัญหาทุจริตในปตท.ทราบกันดีว่า ในฐานะประธานกรรมการตรวจสอบ ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ มีผลงานเป็นประจักษ์ด้านการตรวจสอบทุจริต ตามคำประกาศวาระแห่งชาติปราบทุจริตของรัฐบาล เพราะได้สะสางปมทุจริตเรื่องใหญ่ๆ ที่คาใจสังคมและผู้ถือหุ้นไปได้หลายเรื่อง นอกจากนี้ ส่วนสำคัญในการดึงองค์กรตรวจสอบมืออาชีพ และผู้สอบบัญชีระดับ big four ของโลก (บริษัท Deloitte Touche Tohmatsu) เข้าไปทำ forensic investigation จนสามารถเปิดโปงหลักฐานที่ชัดเจน ของขบวนการโกงปาล์มอินโดฯ กระทั่งส่งสำนวนให้ ป.ป.ชไต่สวนต่อได้สำเร็จ แต่ส่งไปนานถึง 4 ปี คดียังไม่คืบหน้า สำหรับคดี "ปาล์มอินโดฯ" เป็นกรณีของ บริษัท พีทีที กรีนเอเนอร์ยี่ฯ หรือ PTT.GE. บริษัทลูกของ ปตท. ถูกกล่าวหาว่าลงทุนปลูกปาล์มน้ำมันที่ประเทศอินโดนีเซีย แต่พบความไม่ชอบมาพากลในการลงทุน และมีการจ่ายค่านายหน้าแพงเกินจริงกว่า 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา นอกจากนั้น ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ ยังมีส่วนสำคัญในการร่วมมือกับประธานตรวจสอบ บริษัทโกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC จนสามารถเปิดโปงขบวนการโกงทั้งระหว่างบริษัทในเครือ ปตท. ด้วยกันเอง และโยงใยสู่เครือข่ายภายนอก จากกรณีสต๊อกน้ำมันปาล์มในคลังคู่ค้าสูญหาย ส่อว่าจะเป็น "สต็อกลม" ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในกระบวนการดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญากับผู้เกี่ยวข้อง สำหรับ ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ มีประวัติการทำงานเป็นที่ยอมรับในเรื่อง "มือสะอาด" และความตรงไปตรงมา อีกทั้ง ในอดีตเคยเป็นอัยการ และข้ามฟากมาเป็นผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม เป็นอธิบดีหลายกรม ก่อนขึ้นเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม ดำรงตำแหน่งยาวนานหลายปี นอกจากนี้ เคยมีบทบาทมากในคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มี ดร.คณิต ณ นคร เป็นประธาน โดยช่วงหลัง ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ มาบุกงานที่สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย หรือ TIJ เน้นการทำงานร่วมกับต่างประเทศและสหประชาชาติ ขณะเดียวกัน ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ ยังปรากฏชื่อเป็นแคนดิเดต "นายกฯคนกลาง" แทบทุกครั้งที่มีวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย ฉะนั้นการลาออกจาก ปตท. แบบ "ฟ้าผ่า" ครั้งนี้ จึงทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถาม ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นใน ปตท.ข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัวmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยวัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่ ให้ร่วมบุญช่วยช้าง มีการแนบเลขบัญชี เป็นเรื่องจริงหรือไม่21-4-64 พระครูอ๊อด วัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่ พระครูอ๊อด เป็นเจ้าภาพ 200,000 บาท #ไม่รู้ว่าจะช่วยเจ้าได้หรือไม่ #ครั้งหนึ่งในชีวิตไถ่ชีวิตช้าง #ฝากบุญใหญ่ให้ญาติธรรมทั้งหลาย #วันนี้ไปดูช้างเห็นแล้วสงสารอยากจะไถ่ชีวิตช้างเชือกนี้มาก เหมือนเขาอยากให้เราช่วยปลดโซ่พันธนาการออกจากเท้าให้ สังเกตุเห็นเอางวงจับที่โซ่หลายครั้ง เลยถามเจ้าของเขาก็อยากจะขาย เลี้ยงไม่ไหวเพราะพิษโควิด #หากไถ่ชีวิตช้างเชือกนี้ได้คงจะเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ และจะขอน้อมถวายให้เป็นมรดกแห่งความเมตตาเป็นพุทธบูชาในวันวิสาขบูชา (วันพุธที่ 26 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้) และจะมอบช้างเชือกนี้ ให้เป็นมรดกของแผ่นดินเพื่ออนุรักษ์ ต่อไป ช้างอายุแค่ 8 ปี ราคา 1,180,000 บาท (หนึ่งล้านหนึ่งแสนแปดหมื่นบาท) #วันนี้เลยตัดสินใจ รวบรวมปัจจัยที่โยมถวายพระครูอ๊อดมา จากการเทศน์ การบรรยาย งานสวด และ การสอนหนังสือ มาเททำบุญไถ่ชีวิตให้เจ้าทั้งหมดเลยนะ จำนวน 200,000 บาท #ใจอยากทำก็ทำ ทำแล้วสุขใจพระครูอ๊อดไม่คิดอะไรมาก #แค่อยากให้โยมที่ถวายปัจจัยพระครูอ๊อดมาได้บุญมากๆ แอบตั้งชื่อช้างเชือกนี้ไว้ในใจว่า #เจ้าพลแสน (วาสนาพระครูอ๊อดยังน้อย ไม่รู้จะช่วยเจ้าได้แค่ไหนนะ) #ร่วมบุญได้ที่ "ธ.กรุงไทย 540-0-18694-7" #สอบถามราละเอียดได้ที่ 0808500184 พระครูสังฆรักษ์วีรวัฒน์ วีรวฑฺฒโน (พระครูอ๊อด) วัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่ ร่วมบุญได้ไม่เกินวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 นี้ (วันที่ 26 พฤษภาคม คือ วันวิสาขาบูชา) #อานิสงส์ช่วยเหลือชีวิตเป็นทาน 1. เป็นผู้ต่อชีวิต ย่อมได้ชีวิตที่ยืนยาว ปลอดภัย มีความสุข และตราบใด ที่ยังไม่สิ้นอายุขัยบุคคลนั้น จะไม่มีกรรมใดๆมาตัดรอนได้ 2. สัตว์ที่พ้นจากที่คุมขังแล้ว อยู่ด้วยความปลอดภัยย่อมดีใจ ปลาบปลื้มใจ ฉันใด บุคคลผู้ให้ชีวิตสัตว์เป็นทาน ก็ย่อมได้รับความปลาบปลื้มใจฉันนั้น 3. ผู้ไห้ชีวิตสัตว์เป็นทานอยู่เป็นนิจ เขาเหล่านี้ย่อมพบแต่มิตร ปราศจากศัตรูมาแผ้วพาน 4.การช่วยให้สรรพสัตว์พ้นจากที่คุมขัง และอันตราย ย่อมส่งผลให้สามารถหลุดพ้น จากเครื่องพันธนาการน้อยใหญ่ ทั้งหลาย #ขออานิสงส์แห่งบุญใหญ่ครั้งนี้จงเกิดแก่ญาติธรรมทุกท่านและครอบครัวอย่างมหาศาล 1 แชร์ 1 บุญใหญ่Mrs.Doubt• 4 ปีที่แล้ว3 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยคุณประเสริฐ ฯ เป็นผู้บริหารอาวุโส เคยทำงานบริษัท cp เกษียณอายุแล้ว ส่งมาให้ ................................. เรื่อง ตำราไม่ล้างไต ถ้าข้าพเจ้าได้รับตำรานี้ เมื่อ 25 ปีก่อน ลูก ๆ คงไม่ต้องมาร้องเพลงชื่อ “ คนอื่นมีแม่ ฉันไม่มี ” การที่จะเอาเมล็ดลิ้นจี่มาทำยานั้นง่ายมากสำหรับข้าพเจ้า เพราะที่บ้านปลูกต้นลิ้นจี่กว่า 50 ปีแล้ว แต่ไม่รู้ว่า มันคือยาวิเศษในการรักษาโรคไต คู่ชีวิตของข้าพเจ้าต้องทรมานเสียเวลา 14 ปี ในการฟอกไตและในที่สุด ก็ต้องจากไป ในไต้หวันมีผู้คนป่วยเป็นโรคไตจำนวนมากที่ต้องทำการฟอกไต การที่ต้องไปฟอกไตเพราะไตเสื่อมลง จนไม่มาสามารถขัยถ่าย ของเสียออก บางทีญาติ หรือเพื่อนของท่าน บางคนกำลังฟอกไตอยู่ จึงอยากให้ท่านช่วยเผยแพร่ตำราวิเศษออกไปให้ทั่ว จะเป็นบุญกุศลยิ่ง คนที่นำไปทดลองใช้ จะมีแต่ได้ ไม่มีเสียอย่างแน่นอน ช่วยได้ 1 คน เท่ากับช่วยทั้งครอบครัว ข้าพเจ้าเป็นโรคไตเพราะเป็นโรคเบาหวานนาน 20 ปี ความเป็นทุกข์ ทรมานนี้ ทำให้ข้าพเจ้าเบื่อต่อชีวิต และคิดจะจบชีวิตตนเองหลายครั้ง แต่มาคิดได้ว่า ถ้าเราพ้นทุกข์แล้ว ทำให้หลายคนต้องรับทุกข์ต่อ ลูก หลาน หลายคนยังเรียนไม่จบ ยังตั้งตัวไม่ได้ เลยรับกรรมไปฟอกไตต่อ มีคนเสนอตำราลับ ตำราวิเศษให้ แต่ไม่เคยเชื่อ ข้าพเจ้าเชื่อแต่แพทย์แผนปัจจุบัน จึงเดินเข้าห้องฟอกไต ขอสู้กับมัจจุราชต่อไป ข้าพเจ้าเกิดนึกถึงคำพังเพยจีนว่า “ ม้าตายแล้ว ให้นึกว่ารักษาม้าเป็น ” บางทีชีวิตนี้อาจมีความหวัง จึงขอทดลอง หลังฟอกไตครั้งที่ 2 แล้ว คุณน้ามาเยี่ยม ถามว่า อยากลองตำราวิเศษไหม รับรองไม่ต้องฟอกไต อีกต่อไป ข้าพเจ้าก็ตกลงทันที ตอนบ่ายคุณน้า นำซุปเส้งจี้มา 1 หม้อ แบ่งดื่ม 2 ครั้ง วันที่ 2 นำมาอีก 1 หม้อ (ราว ชามครึ่ง) พร้อมให้กินเส้งจี้อีกครึ่งลูก ในวันนั้น ปรากฏว่า การถ่าย ปัสสวะดีขึ้น พอวันที่ 3 ซึ่งจะต้องฟอกไต แต่หมอตรวจแล้วว่า วันนี้ยังไม่ต้องฟอกก่อน ข้าพเจ้าได้ดื่มซุปเส้งจี๊ ประมาณ 1 อาทิตย์ ไปตรวจอีก คราวนี้หมอประหลาดใจมาก แจ้งว่า ไตปกติแล้ว ไม่ต้องฟอกแล้ว ตำราวิเศษ มีดังนี้.-- เมล็ดลิ้นจี่สด 7 เม็ด ทุบให้แตก แล้วใช้ผ้าขาวอย่างบาง ๆ ห่อไว้ ซื้อเส้งจี๊หมู 1 ลูก หั่นเป็นแผ่นบาง ล้างให้สะอาด ตัดเอาเอ็นสีขาวออก เอาน้ำซาวข้าวครั้งที่ 2 จำนวน 2 ชาม นำเข้าใส่ในหม้อหุงข้าวไฟฟ้า ทำการนึ่งเป็นเวลา 30 นาที เสร็จแล้วให้ดื่มหมดครั้งเดียว ก็จะได้ผล ข้าพเจ้าได้พ้นจากฟอกไต เพราะตำรานี้ จึงขอความกรุณาทุกท่าน ช่วยเผยแพร่ตำรานี่ แก่ผู้ป่วยเป็นโรคไต ให้พ้นทุกข์จากการฟอกไตด้วย จะเป็นบุญกุศลอย่างยิ่ง.(ใครที่ต้องฟอกไต ลองใช้วิธีนี้ดูไม่เสียหลาย ที่เขาว่าไว้ลางเนื้อชอบลางยา ส่งต่อเป็นวิทยาทานและเป็นบุญ นะครับ)ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยใช้น้ำอัดลมเทใส่เนื้อหมูสด ทำให้หนอนหรือพยาธิออกจากเนื้อหมูใช้น้ำอัดลมเทใส่เนื้อหมูสด ทำให้หนอนหรือพยาธิออกจากเนื้อหมูทำให้เนื้อหมูไม่มีหนอนหรือพยาธิเลยthachadapiynuch• 2 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์std46604• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยมิจฉาชีพหลอกซื้อกองทุน “ตลาดหลักทรัพย์ฯ-ก.ล.ต.” คนแห่สนใจอันดับ 1ดีอีเอส พบโจรไซเบอร์แสบ! ปั่นข่าวปลอมสุดสัปดาห์ ล่าสุดประชาชนแห่ให้ความสนใจและหลงเชื่อ “ตลาดหลักทรัพย์ฯ กับ ก.ล.ต.” เปิดซื้อกองทุน เริ่มต้น 1,000 บาท ขึ้นแท่นอันดับ 1 ระวัง! ถูกหลอกให้ลงทุน อย่าหลงเชื่อ SMS เพจ เว็บไซต์ปลอม พร้อมย้ำเป็นข้อมูลเท็จstd46678• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอมอย่าแชร์! ผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงตามที่มีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นเรื่องผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีที่มีการแชร์ข้อความว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิงแต่อย่างใด โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae จัดอยู่ในจีนัส Orthopoxvirus เชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะ เช่น กระรอก หนูป่า เป็นต้น รวมทั้งคนก็สามารถติดโรคได้ จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัดข่วน การประกอบอาหารจากเนื้อสัตว์ป่า หรือกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ หรืออาจติดทางอ้อมจากการสัมผัสที่นอนของสัตว์ป่วย การแพร่เชื้อจากคนสู่คนแม้มีโอกาสน้อย แต่อาจเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยผ่านทางสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ ผิวหนังที่เป็นตุ่ม หรืออุปกรณ์ที่มีการปนเปื้อนเชื้อสุขภาพวัคซีนโควิดKhemmachart Jandum• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยข่าวปลอมอย่าแชร์! ผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงกรณีที่มีการแชร์ข้อความว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิงแต่อย่างใด โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae จัดอยู่ในจีนัส Orthopoxvirus เชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะ เช่น กระรอก หนูป่า เป็นต้น รวมทั้งคนก็สามารถติดโรคได้ จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัดข่วน การประกอบอาหารจากเนื้อสัตว์ป่า หรือกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ หรืออาจติดทางอ้อมจากการสัมผัสที่นอนของสัตว์ป่วย การแพร่เชื้อจากคนสู่คนแม้มีโอกาสน้อย แต่อาจเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยผ่านทางสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ ผิวหนังที่เป็นตุ่ม หรืออุปกรณ์ที่มีการปนเปื้อนเชื้อวัคซีนโควิดstd46748• 2 ปีที่แล้ว4 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยโรงพยาบาลสงฆ์ กำลังขาดแคลนสิ่งของจำเป็นวันที่ 30 พฤษภาคม 2565 เพจเฟสบุ๊ค "โรงพยาบาลสงฆ์ PriestHospital" ขอประชาสัมพันธ์ จากกรณีที่มีข้อความ โพสและส่งต่อแชร์ข้อความตามสื่อออนไลน์ต่างๆ ขอรับบริจาคของโรงพยาบาลสงฆ์ ว่ากำลังขาดแคลนสิ่งของจำเป็นโรงพยาบาลสงฆ์ ขอชี้แจงถึงประเด็นนี้ว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลสงฆ์ ไม่ได้ขาดแคลนสิ่งของตามที่ต้นทางระบุ เนื่องจากยังมีข่าวปลอมเรื่อง รพ.สงฆ์ ขาดแคลน เครื่องอุปโภคบริโภคสำหรับพระอาพาธออกมาอยู่อย่างต่อเนื่องขอได้โปรด อย่าหลงเชื่อและติดตามข้อมูลสิ่งที่ควรบริจาคและเว้นการบริจาคให้ website ของ รพ.สงฆ์เองเท่านั้นstd48066• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงกรณีที่มีการแชร์ข้อความว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิงแต่อย่างใด โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae จัดอยู่ในจีนัส Orthopoxvirus เชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะ เช่น กระรอก หนูป่า เป็นต้น รวมทั้งคนก็สามารถติดโรคได้ จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัดข่วน การประกอบอาหารจากเนื้อสัตว์ป่า หรือกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ หรืออาจติดทางอ้อมจากการสัมผัสที่นอนของสัตว์ป่วย การแพร่เชื้อจากคนสู่คนแม้มีโอกาสน้อย แต่อาจเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยผ่านทางสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ ผิวหนังที่เป็นตุ่ม หรืออุปกรณ์ที่มีการปนเปื้อนเชื้อstd48066• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงเนื่องจากพบเว็บไซต์ที่บอกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงstd47615• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสต้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงใครที่ฉีดวัคซีนแอสต้า ให้เฝ้าระวังตนเอง เพราะ มีความเสี่ยงที่ตะเป็นโรคฝีดาษลิงstd46766• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงกรณีที่มีการแชร์ข้อความว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทาstd48924• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอมอย่าแชร์! ผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิง และเชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิดโดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะรวมทั้งคนก็สามารถติดโรคได้ จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัดข่วน การประกอบอาหารจากเนื้อสัตว์ป่า หรือกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอstd46538• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงประเด็นเรื่องผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จโควิด 2019std47896• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงกรณีที่มีการแชร์ข้อความว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิงแต่อย่างใดphaisal9123• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยแจกใบแดง ส.ส.ก้าวไกล 10 คน เตือนคนแชร์ผิด พรบ.คอมฯผู้โพสต์ในทวิตเตอร์ ใช้ชื่อบัญชีว่า “Democracy PheuthaiParty” และเฟซบุ๊กชื่อ“แหม่มโพธิ์ดำ.” ได้นำข้อความอันเป็นเท็จ กล่าวว่า “สส.ก้าวไกล จะโดนใบแดงอีกเกือบ 10 คน เพราะว่า ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ก่อนหน้านี้ ซึ่ง ส่วนใหญ่ไม่ได้ไปเลือกตั้งท้องถิ่นOom Patcharaphon• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงมีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นเรื่องผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงManeewan Rotmala• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอมอย่าแชร์! ผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิงแต่อย่างใด โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae จัดอยู่ในจีนัส Orthopoxvirus เชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะ เช่น กระรอก หนูป่า เป็นต้นketsuda070449• 2 ปีที่แล้ว
- 6 คนสงสัยผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงกรณีที่มีการแชร์ข้อความว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิงแต่อย่างใด โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae จัดอยู่ในจีนัส Orthopoxvirus เชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะ เช่น กระรอก หนูป่า เป็นต้นวัคซีนโควิดstd48064• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงstd46620• 2 ปีที่แล้ว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ