2210 ข้อความ
- 1 คนสงสัยhttps://fb.watch/mXCFpHw6l6/?mibextid=4zoUgCไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกิจกรรมเสริมสร้างการรับรู้เพื่อรู้เท่าทันและรับมือกับ “ข่าวปลอม” ครั้งที่ 3 ประจำปี 2566ทางศูนย์ฯ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้างความตระหนักรู้ เพื่อรู้เท่าทันและรับมือกับข่าวปลอม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มบุคลากรทางการศึกษา และทางการแพทย์ เนื่องจากเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่จะมีส่วนช่วยในการขยายผลเพื่อสร้างวัฒนธรรมการรับข้อมูลข่าวสารอย่างมีวิจารณญาณก่อนจะเผยแพร่หรือส่งต่อในอินเทอร์เน็ต และมีส่วนร่วมในการจัดการกับปัญหาข่าวปลอมและการเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องต่อไป โดยในวันนี้มีกลุ่มบุคลากรทางการศึกษาและการแพทย์เข้าร่วมกิจกรรม ทั้งในรูปแบบของการเข้าร่วมกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ ณ สถานที่แห่งนี้ และที่เข้าร่วมผ่านทางช่องทางออนไลน์ของโครงการฯ รวมทั้งสิ้นกว่า 200 คน ซึ่งทางศูนย์ฯ มีเป้าหมายที่จะสร้างความตระหนักรู้ เพื่อรู้เท่าทันและรับมือกับข่าวปลอมให้กับกลุ่มเป้าหมายจำนวนไม่น้อยกว่า 1,000 คนakkarawin.keawsuwan• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 2 คนสงสัยPrincess House Whitening Body Lotion - โลชั่นบำรุงผิวขาวใสใน 7 วันโลชั่นสูตรเข้มข้นผสานคุณค่าการบำรุง อุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุและกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อผิว บำรุงผิวให้ขาวกระจ่างใส แลดูสุขภาพดี ให้คุณเผยผิวขาวเนียนสดใส เห็นผลได้ภายใน 7 วันความสวยความงามstd48399• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยวิธีดูว่าใครแอบส่องเฟสเราบ่อยๆ ทำตามง่ายๆ เดี๋ยวรู้เลย ! ทำตามนี้ได้ จริงหรือวิธีดูว่าใครแอบส่องเฟสเราบ่อยๆ ทำตามง่ายๆ เดี๋ยวรู้เลย !Mrs.Doubt• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยมาเก๊าสั่งปิดห้างเพิ่ม เร่งป้องกันโควิดระบาดมาเก๊าสั่งปิดห้างเพิ่ม เร่งป้องกันโควิดระบาดโควิด 2019Mrs.Doubt• 3 ปีที่แล้วmeter: true3 ความเห็น
- 1 คนสงสัย# อวสานเกาะฮ่องกง คนหนุ่มสาวฮ่องกงยากจน ตกงานมากเป็นประวัติกาล .....ภายหลังเกิดม็อบยุชนชังชาติหนุ่มสาวชาวฮ่องกงมานานกว่า 4 เดือน ผลกรรมที่ชังบรรพบุรุษได้กระทบทางเศรษฐกิจร้ายแรงส่งผลย้อนกลับสู่บรรดาม็อบและครอบครัวแล้ว โดยกลุ่มทุนธนาคารยักษ์ใหญ่ HSBC ที่อยู่กับฮ่องกงมาช้านาน เคลื่อนย้ายเงินทุนมหาศาลสุดพรรณาไปที่สิงคโปร์ และออสเตรเลียแล้ว .....ยังไม่รวมอีกสารพัดธุรกิจชั้นดีขนาดใหญ่จำนวนมาก ที่ถอนตัวจากฮ่องกง ย้ายไปประเทศอื่นอีกเรื่อยๆ เพราะวิเคราะห์ว่าฮ่องกงหมดอนาคตใหม่ระยะยาวแล้ว ส่งผลให้คนหนุ่มสาวที่เคยมีเงินเดือนหลักแสนบาทตกงานไปแล้วหลายหมื่นคน .....และยังไม่สามารถหางานทำใหม่ได้ โดยเฉพาะหนักสุดคือบรรดาร้านอาหารหลายร้อยแห่งอยู่ใกล้กับกับย่านม็อบต่างถูกเผา ทุบทำลาย และแย่งอาหารไปกินเพราะความหิวโซของม็อบที่หาของกินยากมากขึ้น .....ความเดือดร้อนหิวอาหาร ประทังชีวิตจึงกระจายไปทั่วคนฮ่องกงที่ตกงาน ไม่มีรายได้อะไรอีกแล้ว ประจวบกับไม่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปที่ฮ่องกง เพราะขืนโผล่ออกจากโรงแรมที่พักพวกม็อบก็ดักรุมทุบนักท่องเที่ยวอยู่ดี จึงขยาดไปตามๆ กัน .....ปกติแล้วคนฮ่องกงจะต้องซื้ออาหารกินนอกบ้านเพราะที่พักตึกสูงไม่มีที่ประกอบอาหารได้ อาชีพกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มจึงได้รับความทุกข์สาหัส สิ้นเนื้อประดาตัวจากจำนวนผู้มาเยือนในเมืองลดลงเวิ้งว้างไร้ผู้คนและนักท่องเที่ยว .....ร้านอาหารหลายร้อยแห่ง จำต้องปิดตัวลงไปแล้ว และต้องให้พนักงานเรือนหมื่นคนออกจากงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างเลย และไม่ได้ว่าจ้างคนงานชั่วคราวอีกต่อไป ม็อบยุวชนชังชาติฮ่องกง ก่อความสูญเสียทางเศรษฐกิจประมาณค่าไม่ได้ .....ผลกระทบยังเกิดโดมิโนภาคธุรกิจต่างๆ เช่น ร้านค้าปลีก ร้านอาหารและโรงแรม รถไฟฟ้า ผู้เชี่ยวชาญทุกค่าย คาดการณ์ว่าแม้ม็อบชังชาติจะยุติลงแล้ว แต่เศรษฐกิจของฮ่องกงจะเลวร้ายสุดขั้ว .....เป็นบทเรียนที่ผู้ปกครองชาวไทย ต้องหมั่นย้ำเตือนลูกหลานว่าอย่าได้เชื่อค่ายการเมืองเลี้ยงแกะคนรุ่นใหม่ชังชาติเด็ดขาด อย่าไปฟัง อย่าไปดูสิ่งที่เขาหลอกลวง อย่าไปเกี่ยวข้องร่วมกิจกรรมใดๆ กับเขา หนีห่างออกมาให้ไกลที่สุด ชาติเราจะปลอดภัยจากสิ่งที่บรรพบุรุษสร้างมาให้หลายร้อยปีได้ https://twitter.com/consernews1ไม่ระบุชื่อ• 6 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย▪︎เราต้องเดินทุกวัน ตั้งแต่ตื่นนอนไปจนถึงเข้านอน และวันหนึ่งๆ เราต้องเดินลงน้ำหนักบนขาทั้ง 2 ข้างของเราหลายชั่วโมง ●ข้อมูลจาก American Podiatric Medical Association รายงานว่า โดยเฉลี่ยมนุษย์เดินวันละ 8,000-10,000 ก้าว ซึ่งเท่ากับว่าตลอดชีวิตเราจะต้องเดินประมาณ 207,000 กิโลเมตร หรือเป็นระยะทางเท่ากับเส้นรอบวงของโลกถึง 4 รอบ ● การเดินของมนุษย์มีกลไกที่ซับซ้อนมาก ☆ไม่ใช่เพียงแค่การก้าวเท้าไปข้างหน้า ☆ แต่ต้องอาศัยการทำงานของกล้ามเนื้อหลายมัด ☆ศีรษะ ข้อกระดูกสันหลัง ข้อไหล่ ข้อสะโพก ข้อเข่า และข้อเท้า เพื่อให้ร่างกายทรงตัวอยู่ได้ ●ยิ่งเดินมาก ยิ่งทำให้ข้อเสื่อม จริงหรือ(?) ▪︎ใครว่ายิ่งเดินมาก ยิ่งทำให้ข้อเสื่อม ต้องบอกเลยว่า ความเชื่อนี้เชยไปแล้วค่ะ ● จากงานวิจัยทางการแพทย์สมัยใหม่พบว่า 🔺️การเดินหรือวิ่งอย่างถูกต้อง และต่อเนื่องจะช่วยป้องกันข้อเสื่อม 🔺️ส่วนการไม่เดินไม่วิ่ง หรือขาดการออกกำลังกายกลับเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้อเสื่อม ● เพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น 🔺️คำตอบคือ การเดินหรือวิ่งก่อให้เกิดแรงกดที่กระดูกอ่อนผิวข้อ ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายฟองน้ำคอยรับแรงกระแทกในข้อ แรงกดและปล่อยอย่างเป็นจังหวะจากการเดินและวิ่ง จะเป็นการเพิ่มการหมุนเวียนของน้ำหล่อเลี้ยงภายในข้อ ▪︎น้ำหล่อเลี้ยงภายในข้อมีความสำคัญ เพราะสารอาหารของเซลล์กระดูกอ่อนไม่มีเลือดมาเลี้ยง ▪︎จึงได้รับสารอาหารและออกซิเจนจากน้ำหล่อเลี้ยงข้อเท่านั้น ▪︎ การเคลื่อนไหวข้อที่ทำให้เกิดแรงกดที่กระดูกอ่อนอย่างเหมาะสม และสม่ำเสมอ ▪︎จึงเป็นการให้สารอาหารแก่กระดูกอ่อน กระตุ้นการสร้างและซ่อมส่วนที่สึกหรอ ช่วยลดความเสี่ยงข้อเสื่อมได้ 🔺️วันนี้หมอมีเคล็ด (ไม่) ลับของการเดิน ที่จะช่วยลดความเสื่อม และป้องกันการบาดเจ็บของข้อเข่า และกระดูกสันหลังมาฝากค่ะ (one).ปรับท่าเดินให้ถูกต้อง เพราะท่าเดินที่ถูกต้องจะช่วยให้บุคลิกดีขึ้นและดูสง่างาม โดย ● ตามองตรง ไม่ก้มศีรษะ เพราะการก้มศีรษะจะไปเพิ่มการลงน้ำหนักที่กระดูกสันหลังบริเวณคอและหลัง ทำให้มีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ และหลังตามมาได้ ●ไม่เกร็งระหว่างเดิน ผ่อนคลายตั้งแต่มือ ข้อนิ้วมือ อาจจะงอข้อศอกเล็กน้อย และก้าวเท้าให้เหมาะสม ไม่ยาว ไม่สั้นจนเกินไป จะลดอาการปวดเกร็งของเข่า และกล้ามเนื้อต้นขาได้ ● ขณะที่เดินให้ลงน้ำหนักที่ส้นเท้าก่อน ตามมาด้วยเหยียบเท้าให้เต็มฝ่าเท้า ส่วนเท้าอีกข้างให้ยกส้นเท้าขึ้นก่อนเช่นกัน จะเป็นการช่วยบริหารกล้ามเนื้อหน้าแข้ง (two)เลือกรองเท้าให้เหมาะสม ▪︎โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องเดินไกลๆ ควรเลือกรองเท้าหุ้มส้นที่สวมสบาย โดยควรลองสวมรองเท้าเดินก่อนที่จะเดินทางไกล (three)หลีกเลี่ยงการสวมรองเท้าส้นสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสวมรองเท้าที่ส้นสูงเกิน 1 นิ้วครึ่งเพราะเมื่อสวมส้นสูงจะทำให้หลังงอ และมีการโน้มตัวไปด้านหน้า ร่างกายจึงพยายามรักษาสมดุลด้วยการต้าน หรือเกร็งไม่ให้ลำตัวและแผ่นหลังเอนไปข้างหน้ามากเกินไป ส่งผลให้แนวกระดูกสันหลังช่วงล่างแอ่นมากกว่าปกติ ซึ่งจะนำมาสู่อาการปวดหลัง ● หากมีพฤติกรรมนี้เป็นเวลานานๆ ก็จะทำให้กระดูกเคลื่อนไปกดทับเส้นประสาทได้ (four).แขม่วพุงหรือแขม่วท้องเวลาเดิน เป็นการฝึกบริหารกล้ามเนื้อหลังมัดลึก ทำได้ดังนี้คือ ● ขั้นที่ 1 หายใจเข้าและออกให้สุด จำความรู้สึกไว้ว่าการหายใจเข้าและออกแบบลึกสุดๆ คิดเป็นการหายใจแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ● ขั้นที่ 2 หายใจเข้าประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ แขม่วท้องค้างไว้ นับ 1-10 แล้วหายใจออก คลายหน้าท้อง โดยขณะเกร็งหรือแขม่ว ให้ผ่อนคลายในระดับที่สามารถพูดคุยโต้ตอบกับผู้อื่นได้ ●การแขม่วพุงยังมีประโยชน์อีกมากมาย เช่น เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว ลดแรงกระทำ และช่วยกระจายแรงกระทำต่อกระดูกสันหลัง เพิ่มความมั่นคงให้กระดูกสันหลัง ป้องกันการบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุบริเวณหลังส่วนล่าง ทำให้ประสิทธิภาพการหายใจดีขึ้น กระชับหน้าท้อง ทำให้หน้าท้องแบนราบ บุคลิกภาพดี (five)ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ● คนที่น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 10 กิโลกรัม จะมีแรงกดต่อข้อเข่าเพิ่มขึ้น 40 กิโลกรัม หรือ 4 เท่าของน้ำหนักตัวทุกๆ ย่างก้าวที่เดิน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงการเกิดอาการปวดจากโรคข้อเข่าเสื่อม ●โดยน้ำหนักตัวที่เหมาะสมสำหรับชาวไทย คือ ค่าดัชนีมวลกาย ระหว่าง 19-25 กิโลกรัมต่อตารางเมตร (six)ไม่ควรหิ้วหรือถือของหนัก โดยเฉพาะของที่มีน้ำหนักมากกว่า 20 กิโลกรัม เพราะถึงแม้ว่าน้ำหนักตัวจะไม่มาก แต่ดันหิ้วของหนักมาก โดยเฉพาะกระเป๋าถือของผู้หญิง ก็จะเพิ่มแรงกดต่อกระดูกเช่นกัน (seven)หมั่นบริหารกล้ามเนื้อต้นขา ด้วยการเหยียดเข่าให้ตรงและเกร็งค้างไว้ครั้งละ 5 วินาที ประมาณวันละ 10-20 ครั้ง หรืออาจเข้ายิมเล่นเวต เพื่อเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า และด้านหลัง สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีสะโพกกว้าง ซึ่งมีแนวโน้มเกิดปัญหาปวดเข่าได้ง่าย การออกกำลังกายด้วยวิธีดังกล่าว จะสร้างกล้ามเนื้อให้ช่วยรั้งกระดูกสะบ้าเข้าด้านใน เพื่อลดปัญหาปวดเข่าในระยะยาว (eight)หลีกเลี่ยงการขึ้น-ลงบันไดบ่อยเกินไป เช่น เดินขึ้น-ลง บ้าน 3 ชั้น มากกว่าวันละ 5 ครั้ง ควรวางแผนการหยิบของใช้ให้ดีเพื่อหลีกเลี่ยงการเดินขึ้น-ลง (nine)หลีกเลี่ยงการยืนพักขาลงน้ำหนักไปที่ขาข้างเดียว ●การยืนที่ถูกต้อง ควรลงน้ำหนักที่ขาทั้ง 2 ข้างเท่าๆ กัน โดยยืนแยกขาให้กว้างเท่าช่วงสะโพก จึงจะเกิดความสมดุลของโครงสร้างร่างกาย (one)(zero)เป็นคนช่างสังเกต ▪︎โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการเจ็บปวดหลังการเดิน ▪︎ ควรสังเกตว่าเรามีอาการเจ็บตรงไหน เพื่อตรวจสอบว่า ตรงไหนที่เราอาจจะมีปัญหา จะได้รีบแก้ไข ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามจนแก้ไขไม่ได้ 🔺️การเดินเป็นการออกกำลังกายที่ง่าย ทำได้ทุกเวลา โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ●แนะนำให้เดินอย่างน้อยวันละ 10,000 ก้าว หรือเดินอย่างน้อยวันละ 30 นาที สะสมให้ได้สัปดาห์ละ 150 นาที ⭐ขอให้คุณผู้อ่านเดินอย่างมีความสุข สุขภาพแข็งแรงกันทุกๆ ท่านเลยนะคะ 🔺️พันเอกหญิง รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงสุมาภา ชัยอำนวย (คุณหมอยุ้ย)ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว2 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 2 คนสงสัยยารักษาโรคมะเร็งหายขาดยารักษาโรคมะเร็งให้ไม่มีเชื้อ หายขาดจากมะเร็ง เป็นยาช่วยทำให้คนมีเรี่ยวมีเเรง โดยไม่ใช้เคมีgreen.immek• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยดร.วาดะในญี่ปุ่นสนับสนุนการเรียกคนที่อายุมากกว่า 70 ปีว่า "คนที่โชคดี" แทนที่จะเรียก "ผู้สูงอายุ" เขาสรุปเคล็ดลับที่คนอายุ 70 ปี กลายเป็น "ผู้โชคดี" เป็น "42 ประโยค" ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 70 ปีไม่จำเป็นต้องตรวจร่างกายเป็นประจำเพราะ "มาตรฐานของสุขภาพ" แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล เขายังพูดว่า "อย่าเชื่อสิ่งที่หมอพูด" เนื่องจากแพทย์ติดต่อกับ "คนไข้" จึงไม่เข้าใจว่าสุขภาพคืออะไร ในขณะเดียวกัน เขายังต่อต้านการใช้ยาหลายชนิดในระยะยาวของผู้สูงอายุ และสนับสนุนให้ "ใช้ยาเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น" กล่าวอีกนัยหนึ่ง "การรับประทานยาเพื่อป้องกันบางสิ่ง" ไม่สมเหตุสมผลเลย ตามมุมมองนี้ ผู้สูงอายุไม่จำเป็นต้องกินยานอนหลับบ่อย ๆ การอดนอนขณะอายุมากขึ้นเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ และไม่มีใครตายเพราะโรคนอนไม่หลับ. ตลอด 24 ชั่วโมง นอนเมื่อไหร่ก็ได้ ตื่นเมื่อไรก็ได้ นี่คือสิทธิพิเศษของผู้สูงอายุ นอกจากนั้น ระดับคอเลสเตอรอลที่ผู้สูงอายุโดยทั่วไปเป็นห่วง แม้จะสูงในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกังวล เพราะคอเลสเตอรอลเป็นวัตถุดิบสำหรับร่างกายในการสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกัน ยิ่งเซลล์ภูมิคุ้มกันมากเท่าไหร่ ความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งในผู้สูงอายุก็ยิ่งลดลงเท่านั้น นอกจากนั้น ฮอร์โมนเพศชายส่วนหนึ่งยังประกอบด้วยคอเลสเทอรอลด้วย. ถ้าระดับคอเลสเตอรอลต่ำเกินไป สุขภาพกายและจิตใจของผู้ชายจะไม่ยั่งยืน เช่นเดียวกัน ความดันโลหิตสูงไม่สำคัญเลย มากกว่า 50 ปีมาแล้ว ภาวะทุโภชนาการของมนุษย์แพร่หลาย. ดังนั้น เมื่อความดันโลหิตสูงถึงประมาณ 150 เส้นเลือดจะแตก. แต่มีไม่กี่คนที่ขาดสารอาหารในทุกวันนี้ ดังนั้นแม้แต่ความดันโลหิตมากกว่า 200 ก็จะไม่ทำให้หลอดเลือดแตก. ดร.วาดะสรุปเคล็ดลับที่คนอายุ 70 ปี กลายเป็น "คนมีโชค" เป็น "42 ประโยค" ดังนี้ 1. เดินต่อไป 2. หายใจลึก ๆ เมื่อคุณรู้สึกหงุดหงิด 3. ออกกำลังกายเพื่อไม่ให้ร่างกายรู้สึกตึง 4. ดื่มน้ำมากขึ้นเมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศในฤดูร้อน 6. ยิ่งเคี้ยวมากเท่าไหร่ ร่างกายและสมองก็จะยิ่งมีพลังมากขึ้นเท่านั้น 7. ความจำเสื่อมไม่ใช่เพราะอายุ แต่เพราะไม่ใช้สมองในระยะยาว 8. ไม่ต้องกินยาเยอะ 9. ไม่จำเป็นต้องจงใจลดความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือด 13. ทำในสิ่งที่เธอรัก ไม่ใช่สิ่งที่เธอเกลียด 15. ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าอยู่บ้านตลอดเวลา 16. กินอะไรก็ได้ ร่างกายอ้วนก็พอดี 17. ทำทุกอย่างอย่างพิถีพิถัน 18. อย่าจัดการกับคนที่คุณเกลียด 20. แทนที่จะต่อสู้กับโรคจนถึงที่สุดจะดีกว่าที่จะอยู่กับมัน 21. "รถต้องมีทางขึ้นเขา" คือมนต์วิเศษที่ทำให้คนแก่มีความสุข 24. ถ้าเผลอหลับ ห้ามฝืน 25. ทำสิ่งที่มีความสุขดีที่สุดเพื่อกระตุ้นการทำงานของสมอง 27. หา "หมอครอบครัว" ก่อนเวลา 28. อย่าอดทนหรือบังคับตัวเองมากเกินไป ไม่มีอะไรผิดปกติกับการเป็น "คนแก่ที่ไม่ดี" 31. เลิกเรียนแล้วจะแก่ 32. อย่าโลภอยากได้ของไร้สาระ มันเป็นสิ่งที่ดีที่จะมีทุกอย่างที่คุณมีตอนนี้ 33. ความบริสุทธิ์เป็นสิทธิพิเศษของผู้สูงอายุ 34. ยิ่งมีปัญหามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น 36. ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น 37. อยู่อย่างสบาย ๆ วันนี้ 38. ความปรารถนาเป็นต้นกำเนิดของอายุยืน 39. ใช้ชีวิตอย่างมองโลกในแง่ดี 40. คนร่าเริงจะเป็นที่นิยม 41. กฎแห่งชีวิตอยู่ในมือของคุณเอง 42. ยอมรับทุกอย่างอย่างสงบ FORTUNATE 04/12/2022 · by deemagclinic · in neuropsychiatry · 10 Comments Let’sสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยบีบหัวใจ พี่ชายวัย 13 หอบน้อง 5 ขวบหนีตายไฟไหม้ ชาวบ้านกังวล ปีนี้เกิดเหตุถี่มากพี่ชายวัย 13 หอบน้อง 5 ขวบ หนีตายไฟไหม้ ด้านชาวบ้านจ่อทำบุญ ไม่สบายใจปีนี้ไฟไหม้บ่อย เกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นที่บ้านของนางสำราญ ซึ่งอยู่ใกล้กับวัดราษฎร์บรรทม หมู่ 2 ตำบลบ่อโพง อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจากคลิปของนายวัลลภ ยุทธศาสตร์ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ่อโพง ซึ่งนำรถดับเพลิงเข้าอำนวยการดับไฟ เปลวเพลิงได้ลุกโหมส่วนของตัวบ้านชั้นบนซึ่งเป็นไม้อย่างรุนแรง เปลวเพลิงลุกผมเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ ทำให้เกิดกลุ่มควันไฟมองได้เห็นในระยะหลายกิโลเมตร รถดับเพลิงขององค์การบริหารส่วนตำบลบ่อโพงไม่เพียงพอ ประกอบกับแหล่งน้ำอยู่ห่างไกล ต้องขอสนับสนุนรถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลนครหลวง และกรมสรรพาวุธกองวัตถุระเบิดรวมทั้งหมด 4 คัน ช่วยกันฉีดน้ำนานกว่า 30 นาทีจึงควบคุมเพลิงไว้ได้ จากการตรวจสอบในเบื้องต้น เปลวเพลิงได้ลุกไหม้พื้นบ้าน-ฝาบ้านวอดไปกับกองเพลิง หลังคาสังกะสีถูกความร้อนจนบิดงอ นายสมชัย อายุ 35 ปี สามีนางสำราญ บอกว่า โชคดีที่ลูกชายคนเล็กวัย 5 ขวบ นอนอยู่บนชั้น 2 ตื่นขึ้นมาเห็นเปลวเพลิงลุกไหม้ จึงรีบวิ่งลงมาเรียกพี่ชายวัย 13 ปีให้ไปตามชาวบ้านมาช่วย ไม่เช่นนั้นนอนหลับเพลินอาจจะถูกไฟคลอกตายค่ากองเพลิงอย่างแน่นอน พี่ชายวัย 13 ปี เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ตนอยู่ชั้นล่าง น้องมาเรียกให้วิ่งขึ้นไปดู เห็นไฟลุกไหม้รุนแรงออกมาทางโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่กลางบ้าน คาดว่าจะเป็นไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งนี้ ซึ่งขณะเกิดเหตุตนอยู่กับน้อง 2 คน ส่วนพ่อและแม่ออกไปทำงานแต่เช้า ตอนนี้ยังตามหาแมวที่เลี้ยงไว้ทั้งหมด 10 ตัว ไม่รู้ถูกไฟไหม้ไปบ้างหรือเปล่า เพราะตามเจอได้เพียง 3 ตัวเท่านั้น ตนเป็นห่วงแมว เพราะเลี้ยงดูเหมือนเป็นเพื่อนเป็นสมาชิกในครอบครัวสำหรับ ด้านการช่วยเหลือทาง อบต.บ่อโพง และอำเภอนครหลวง ได้เข้ามาดูแลจัดหาเต็นท์ที่พักอยู่อาศัย และจะช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือนตามระเบียบการช่วยเหลือของทางราชการอย่างเต็มที่ สำหรับหมู่บ้านนี้ชาวบ้านเริ่มเป็นกังวลเนื่องจากในรอบปีที่ผ่านมาได้เกิดเหตุไฟไหม้ติดต่อกันหลายครั้ง เพราะก่อนหน้านี้ได้เกิดไฟไหม้โบสถ์วัดราษฎร์บรรทม ซึ่งเป็นโบสถ์เก่าแก่ได้รับความเสียหาย หลังจากดับไฟผ่านไปไม่ถึง 24 ชั่วโมง ไฟก็มาลุกไหม้โบสถ์ซ้ำอีกระลอก และล่าสุดยังมาไหม้บ้านของนางสำราญ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดมากนัก มีชาวบ้านหลายคนบอกอยากทำบุญให้กับหมู่บ้านเพื่อเป็นสิริมงคลให้กลับหมู่บ้านและความสบายใจของชาวบ้านnamnami• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอมอย่าแชร์! ผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงตามที่มีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นเรื่องผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีที่มีการแชร์ข้อความว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิงแต่อย่างใด โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae จัดอยู่ในจีนัส Orthopoxvirus เชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะ เช่น กระรอก หนูป่า เป็นต้น รวมทั้งคนก็สามารถติดโรคได้ จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัดข่วน การประกอบอาหารจากเนื้อสัตว์ป่า หรือกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ หรืออาจติดทางอ้อมจากการสัมผัสที่นอนของสัตว์ป่วย การแพร่เชื้อจากคนสู่คนแม้มีโอกาสน้อย แต่อาจเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยผ่านทางสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ ผิวหนังที่เป็นตุ่ม หรืออุปกรณ์ที่มีการปนเปื้อนเชื้อ เมื่อคนรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะมีระยะฟักตัวประมาณ 7-14 วัน อาจนานถึง 21 วัน โดยอาการเริ่มแรกจะมีไข้ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโต หนาวสั่น อ่อนเพลีย จากนั้นประมาณ 1-3 วัน จะมีผื่นขึ้นบริเวณแขนขา และอาจจะเกิดบนหน้าและลำตัวได้ด้วย ผื่นจะกลายเป็นตุ่มหนอง ในระยะสุดท้ายตุ่มหนองจะเป็นสะเก็ดแล้วหลุดออกมา อาการป่วยจะประมาณ 2-4 สัปดาห์ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากโรคเองได้ในปัจจุบันยังไม่มีการรักษาโรคฝีดาษลิงที่เฉพาะเจาะจง แต่สามารถควบคุมการระบาดได้ด้วย การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้ทรพิษ ซึ่งสามารถป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ 85% ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมควบคุมโรค สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.ddc.moph.go.th หรือโทร 1422 ได้ตลอด 24 ชม. บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิง และเชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิดโดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะรวมทั้งคนก็สามารถติดโรคได้ จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัดข่วน การประกอบอาหารจากเนื้อสัตว์ป่า หรือกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ อ่านข่าวข้างต้น : หมอจุฬาฯ แนะ "สวมแมสก์ - เครื่องวัดอุณหภูมิ" ยังจำเป็น! ป้องกัน "ฝีดาษลิง" โรคที่ยังไม่มียารักษาstd47948• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยจับผิดโฆษณาเกินจริง!! อกฟู รูฟิต ขาวไวติดสปีด ผอมขั้นเทพ ‘คำสวยหรู’ อาบยาพิษโฆษณาชวนเชื่อ “สบู่ผิวขาวยี่ห้อหนึ่ง” ที่ถูก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ออกมาฟันว่าเป็น “โฆษณาอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง” ผิดกฎหมาย พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค ว่าด้วยเรื่องการโฆษณา ฐานหลอกลวงทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด ซึ่งนี่เป็นส่วนหนึ่งของ “คำโอ้อวด” ที่ใช้โฆษณาขายสินค้าความสวยความงามที่จริงๆ ตอนนี้มี “เกลื่อนตลาด” และกำลังเป็นที่จับตาของสังคม หลังจากกรณีโป๊ะแตก!! “เมจิก สกิน” จากที่ได้สแกนๆ ดูคำโฆษณาขายเกลื่อนในอินเตอร์เน็ต ก็พบว่า ผลิตภัณฑ์ความสวยความงามที่มักมีคำอวดอ้างเกินจริง โดยส่วนใหญ่จะ “จับจุดอ่อน” ด้านบุคลิกภาพที่คนให้ความสำคัญมาเป็นกลยุทธ์ในการจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็น -ลดสิวฝ้า หน้าขาว -ยับยั้งกระบวนการสร้างสีผิวที่ผิดปกติ เปลี่ยนสีผิวดำเป็นขาว ลบริ้วรอย เสริมสร้างคอลลาเจนใหม่เพิ่มการไหลเวียนเลือด -ซ่อมแซมเซลล์ผิวหน้า และกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิว ช่วยสร้างคอลลาเจนให้ผิวหน้าเต่งตึง -ปกป้องผิวจากโรคผิวหนัง ผด ผื่นคัน ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา กลาก เกลื้อน -ช่วยแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง ชะลอการเกิดผมขาว -บำบัดอาการของโรคข้อเข่าเสื่อม ไม่ต้องเสี่ยงผ่าเข่า -ฟื้นฟูความแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย -ครีมขยายเสน่ห์ อกสวย ช่วยกระชับทรวงอก และขยายหน้าอกให้ดูอวอิ่มแต่งตึงได้รูป -ช่วยกำจัดเซลลูไลท์ ไขมันส่วนเกิน ลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน ซึ่งแต่ละคำอวดอ้างนั้น…ล้วน “สวยหรู” แต่หารู้ไม่ว่า “ซ่อนยาพิษ” ไว้ข้างหลัง -ผอมขั้นเทพ!! , ดื้อยาก็ลดได้ , ลดอ้วนเร่งด่วน , ผอมจริงไม่โย่โย่ , ลดจริงพิสูจน์ได้ , มหัศจรรย์ 7 วัน 5 กิโล -ขาวไวติดสปีด, บอกลาผิวดำ ผิวขาวถาวร บำรุงผิวแบบครบสูตร, สูตรผิวขาวไวเหมือนฉีดผิว (ไม่ต้องเจ็บตัว) , ขาวออร่าใน 7 วัน, ขาวขั้นเทพ , ขาวใสใน 1 นาที -แคลเซียมสูงแท้100% สูง 2-7/เดือน -เพิ่มสรรมถภาพทางเพศได้ -หน้าเรียว สวยเป๊ะ -ท้าพิสูจน์ หุ่นเฟิร์ม รูฟิต , อึ๋มจริง อกตู้ม , หน้าอกเต่งตึง ช่องคลอดกระชัด กระตุ้นอารมณ์ -หายขาด, หายแน่, วิเศษยิ่ง, ยอดเยี่ยม, รักษาโรคได้, พิชิตโรคร้าย, ปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียง -ปาฎิหาริย์, สุดยอด!! , ฮีโร่, ชนะเลิศ, ดีเลิศ, ดีเด็ด, เลิศที่สุด , สุดเหวี่ยง , มหัศจรรย์ ข้อความเหล่านี้ เราในฐานะผู้บริโภคต้อง “รู้เท่าทันเหลี่ยม” ไม่หลงเชื่อง่ายๆ เพราะอาจส่งผลเสีย ทั้งทรัพย์สินและสุขภาพ อาจถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้น ก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์สักชิ้น ต้องดูผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากเป็นภาษาไทยชัดเจน มีเลขที่จดแจ้งระบุ มีชื่อผลิตภัณฑ์ วิธีใช้ แหล่งผลิต และส่วนประกอบ จึงจะถือเป็นฉลากที่ถูกต้อง และหากสงสัยว่ามีเลขที่จดแจ้งจริงหรือไม่ก็สามารถตรวจสอบได้ที่ สมาร์ท แอปพลิเคชั่น หรือโทรสายด่วน อย. 1556 เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรกินแล้วผอม อาหารเสริมไม่ใช่ยารักษาโรคได้ และอะไรที่ใช้แล้ว-กินแล้ว เห็นผลใน 3 วัน 7 วัน ฝันไปเถอะ!!!!std47993• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย"เราเดินทางใก้ลๆจะถึงวันนั้นเข้ามาทุกทีแล้ว.!" @แก่แล้ว.....อย่าเป็นภาระ เมื่อ 3 พ.ย.2565 ที่ผ่านมา เป็นข่าวครึกโครมไปทั่วญี่ปุ่น เมื่อมีผู้นำ...หญิงชราไปทิ้งทะเล! Teruko.....สตรีวัย 79 ถูก...Hiroshi Fujiwara สามีของเธอวัย 81 เข็นรถวีลแชร์พร้อมตัวเธอ ผลักลงทะเลที่ท่าเรือโออิโซะ จ.คางานาวะ ตอนเหนือโตเกียว เหตุเกิด 2 พ.ย.ราว 17:30 น. ด้วยเหตุผลที่ว่า..... เหนื่อยหน่ายมากกับภาระ ที่ต้องดูแล...ภรรยาพิการ มาเป็นเวลากว่า 40 ปี ทั้งที่เพื่อนบ้านบอกว่า..... ทั้งคู่.....ดูรักกันดีมาก Hiroshi.....ถูกจับ หลังบุตรชายแจ้งตำรวจ ว่า.....แม่ถูกฆาตกรรม! @ประเพณีทิ้งคนแก่ "อุบะสุเตะ"(Ubasute) ภูเขาความสูงกว่า4000 ฟุต อยู่ที่.... จว.นางาโนะ เป็นภูเขาที่มีชื่อโด่งดัง ในอดีต...เป็นที่ทิ้งคนแก่ Ubasute .....จึงแปลว่า:- "การทิ้งคนแก่" ซึ่งเกิดขึ้นสมัย"เอโดะ" ราว 300-400 ปีมาแล้ว ขณะนั้นบ้านเมืองแห้งแล้ง ขาดแคลนอาหาร ฯลฯ ขุนนางจึง.....ออกคำสั่ง ให้กำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นทิ้งไป สิ่งที่ไม่จำเป็นเหล่านั้น ก็คือ....."คนแก่" ที่มีอายุมากกว่า 70 ปี ไม่สามารถทำงานได้ เป็นภาระในการเลี้ยงดู คนแก่เหล่านั้น จึงถูกนำไปทิ้งไว้บนเขา เพื่อให้.....อดตาย ใครไม่ยอม...จะถูกประหาร ใครยอมไป...จะได้รับเกียรติ ว่าเป็นผู้เสียสละเพื่อชาติ @แม่.....สอนลูก คราวหนึ่ง...ก็มาถึงวาระที่ ชายผู้หนึ่งต้องนำแม่ไปทิ้ง ระหว่างที่เขาแบกแม่ขึ้นเขา แม่ได้หักกิ่งไม้ข้างทางไว้ เป็นระยะๆ ไปตลอดทาง ลูกคิดว่า.....แม่คงโกรธ ที่ถูก.....นำไปทิ้ง จึงได้กระทำเช่นนั้น แต่แม่บอกเขาว่า..... ที่หักกิ่งไม้เอาไว้ก็เพื่อ ให้ลูกได้.....เดินทางกลับ อย่างปลอดภัย ชายผู้นั้นเห็นตัวของแม่ เต็มไปด้วยรอยของกิ่งไม้ เขาทรุดลงพร้อมทั้งน้ำตา พร้อมกับตระหนักดีว่า:- แม้ว่า.....แม่จะแก่ชรา แต่ยัง.... ปกป้องลูก จนถึงวินาทีสุดท้าย! ชายผู้นั้นเปลี่ยนใจ แบกแม่ลงจากเขาทั้งน้ำตา แล้วนำไปซ่อนยังที่ปลอดภัย ภายหลังเมื่อมีการยกเลิก "กฏการนำคนแก่ไปทิ้ง" ชายผู้นั้นกับแม่ของเขา จึงอยู่กันอย่างมีความสุข โดยไม่คิดว่า..... แม่คือภาระแม้แต่น้อย!! @แก่อย่างไรไม่เป็นภาระ เรื่องที่เกิดขึ้นกับ Teruko จึงเป็นอุทธาหรณ์สอนคนแก่ ว่า.....จะอยู่อย่างไร? ให้มี.....คุณค่า และไม่เป็น...ภาระผู้อื่น พระสอนว่า..... "อัตตา-หิ-อัตตะโน-นาโถ" (ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน) "โก-หิ-นาโถ-ปะโร-สิยา" (คนอื่นใครเล่าเขาจะให้พึ่ง) "อัตตะนา-หิ-สุทันเตนะ" (.....ฝึกหัดพัฒนาตนเอง ให้ดีไว้เถิด.....) "นาถัง-ละภะติ-ทุลละภัง" (.....แล้วจะหาที่พึ่ง ที่หาไม่ได้ง่ายๆ.....) บทความนี้ ผมบันทึกไว้ เพื่อเตือนใจตนเอง และอาจเป็นประโยชน์ กับ.....คนแก่ ที่เข้ามาอ่านได้บ้างครับ. (Cr:ข่าว&ภาพจากinternet)มีมไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัวmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย#SAVEปลัดกระทรวงมหาดไทย คนไทยรู้ทันเล่ห์กล "กบฏมุสลิม" อย่าให้คนดีต้องถูกทำลาย จากการประโคมข่าวของสื่อกระแสหลัก ในการประชุมทางไกลภายในของฝ่ายข้าราชการประจำ กระทรวงมหาดไทย (27 ธ.ค. 2565) ซึ่งในการประชุมมิได้มีการอนุญาตให้นำคลิปทั้งหมดหรือบางส่วน ไปเผยแพร่ต่อสาธารณชนแต่อย่างใดนั้น ปรากฏว่ามีการแอบถ่ายคลิป และตัดต่อเอาเฉพาะถ้อยคำบางส่วน ของปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อสร้างความเสื่อมเสีย โดยเฉพาะประเด็นที่พาดพิงถึงสถาบันการศึกษา อย่างเช่น คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยสยาม เป็นต้น นับตั้งแต่ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ เข้าดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย (พ.ศ. 2564) เป็นต้นมา เกิดการปฏิรูปครั้งใหญ่ขึ้นในกระทรวงมหาดไทย มีการนำ "พระพลังแผ่นดิน" ของในหลวงรัชกาลที่ 10 มอบให้แก่ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด (ซึ่งกว่าครึ่งเป็นมุสลิมเชื้อสายมลายู) เพื่อนำไปประดิษฐานในจวนผู้ว่าฯ และเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า "แผ่นดินนี้คือ แผ่นดินแห่งพุทธศาสนา" ปลัดสุทธิพงษ์ ได้แต่งตั้งพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 2 รูป ให้เป็นที่ปรึกษา (ตาม พ.ร.บ.อิสลาม 2540 "คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย" เป็นที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยตำแหน่ง) ปลัดสุทธิพงษ์ ได้นำผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าฯ ปลัดจังหวัด นายอำเภอ ปลัดอำเภอ นายก อ.บ.จ. นายก อ.บ.ต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฟังปาฐกถาธรรม และรับมอบนโยบาย ให้ผู้นำการปกครองทำนุบำรุงพุทธศาสนาในจังหวัดของตน และขับเคลื่อนงานของพุทธศาสนาอย่างเต็มกำลัง มีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง ในกระทรวงมหาดไทยครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อสกัดอิทธิพลของ "มุสลิมเชื้อสายมลายู" ซึ่งแทรกซึมไปเกือบทุกหน่วยงาน ในกระทรวงมหาดไทย นับตั้งแต่สมัย นายอารีย์ วงศ์อารยะ เป็นปลัดกระทรวง และนายวันมูฮัมหมัดนอร์ มะทา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (ซึ่งได้นำพระพุทธรูป ออกจากห้องทำงานของรัฐมนตรี) เป็นต้นมา เป็นที่ทราบกันดีว่า ใครคุมกระทรวงมหาดไทยได้ ก็คุมการปกครองทั่วทั้งประเทศไทยได้ ก่อนหน้านี้มีความพยายามที่จะทำลาย นายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ (ข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2557) นายอำเภอรือเสาะ จ.นราธิวาส (ซึ่งควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เป็นอันดับ 1 ของจังหวัด) ด้วยข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรม ถูกสั่งย้ายให้ไปรักษาการ นายอำเภอบางขัน จ.นครศรีธรรมราช แต่เมื่อคณะกรรมการสอบสวนฯ ระบุว่า นายวิชาญเป็นผู้บริสุทธิ์ จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็น นายอำเภอเมือง จ.สงขลา ท่ามกลางกระแสต่อต้านจากมุสลิมเชื้อสายมลายู ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และได้รับแต่งตั้งให้เป็นปลัดจังหวัดสตูลในปัจจุบัน การแอบถ่ายคลิป และตัดต่อเฉพาะถ้อยคำบางส่วน จากการประชุมภายในของหน่วยงานราชการของรัฐ แล้วนำออกเผยแพร่สู่สาธารณะ นับเป็นความพยายามของ "มุสลิมเชื้อสายมลายู" ซึ่งไม่พอใจนโยบายของปลัดสุทธิพงษ์ และต้องการที่จะทำลายท่าน โดยใช้สื่อกระแสหลัก (ซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลของตนเอง) เป็นเครื่องมือ การกระทำดังกล่าว ย่อมทำให้ผู้ฟังภายนอก ซึ่งไม่ได้อยู่ในที่ประชุม และไม่ได้ฟังการประชุมทั้งหมด เข้าใจผิดได้ง่าย นับเป็นเจตนาที่มุ่งทำลายโดยตรง และเป็นวิธีการที่ไม่อาจยอมรับได้ แม้ว่าถ้อยคำที่ถูกตัดต่อและเผยแพร่นั้น จะฟังดูไม่เหมาะสม แต่เมื่อเทียบกับนโยบายและผลงานของปลัดสุทธิพงษ์แล้ว ไม่อาจเปรียบเทียบกันได้ และการปฏิรูปครั้งใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นในกระทรวงมหาดไทยนั้น ย่อมสั่นสะเทือน "กบฏมุสลิม" เป็นอย่างยิ่ง จึงไม่น่าแปลกใจ ที่จะมีความพยายามทำลาย ปลัดกระทรวงมหาดไทยคนนี้ ในเวลานี้ ชาวพุทธไทยทุกท่าน ควรจะออกมาปกป้อง ท่านปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยการส่งต่อข้อความ (#saveปลัดกระทรวงมหาดไทย) ให้มากที่สุด กรุณาแชร์ต่อข่าวการเมืองภาคใต้ไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 2 คนสงสัยคนขับเกียร์ออโต้ ข อเวลาอ่ า น สัก 5 น าที เพื่อชี วิ ตและความปลอดภัยของท้องถนนคนขับเกียร์ออโต้ ข อเวลาอ่ า น สัก 5 น าที เพื่อชี วิ ตและความปลอดภัยของท้องถนน คนขับเกียร์ออโต้ ข อเวลาอ่ า น สัก 5 น าที เพื่อชี วิ ตและความปลอดภัยของท้องถนน บทความดี ที่อย า กให้ทุกคนได้อ่ า นเพราะในสมัยนี้รถยนต์เกียร์ออโต้ขับกันบนท้องถนนมีจำนวนมากกว่าเกียร์ธรรมดา รู้ไว้จะดีกว่าเผื่อวันนึงเกิ ดเหตุไม่คาดฝันขึ้นจะได้มีสติและความรู้ในการรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิ ดขึ้น อย า กให้ทุกคนให้ความสำคัญกับชีวิตของตัวเองโดยเฉพาะรถเกียร์ออโต้ และสุภาพสตรี เวลาประมาณ 11.00 น. ผู้เล่าเหตุการณ์ได้ขับรถขึ้นทางพิเศษจากถนนจันทน์มุ่งหน้าไปถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อที่จะไปทำบุญบริจาคสิ่งของ ที่บ้านเด็กอ่อนพญาไท ติดถนนแจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด ในขณะที่เขาขับรถไปได้ประมาณ 20 นาที รู้สึกว่าความเร็วของรถเร่งขึ้นมาเลยมองหน้าจอความเร็วขึ้นไปที่ 140 กม. จึงได้ก็ได้ถอนคันเร่งและแตะเบรก 2 ครั้ง เพื่อลดความเร็วลง แต่ความเร็วก็ไม่ลด เลยลองแตะเบรกใหม่อีก 3 ครั้ง พร้อมกับกระชากเบรกมือร่วมด้วยอีก 2 ครั้ง ก็เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ลองเกียร์ว่าง 1 ครั้ง ความเร็วอยู่ที่ 130 กม/ชม. ทำยังไงความเร็วก็ไม่ลด เขาจึงพย าย ามกดโทรศัพท์หาเพื่อนสนิทที่นัดไปทำบุญด้วยกัน เพื่อนบอกให้ลดเกียร์ จาก D เป็น 2 และ L ความเร็วลดจาก 130/ชม. เป็น 120- 110 ซึ่งลดลงได้เพียงเท่านี้ ความพย าย ามในการชะลอรถมากกว่า 10 นาทีและลองเกียร์ว่าง 1 ครั้ง ไม่มีผลเลย จนเขาคิดว่าคงจะต้องจบชีวิตบนการทางพิเศษไปซะแล้ว เพื่อนเลยบอกอีกครั้งว่าให้รวบรวมสมาธิ ความพย าย ามประมาณครั้งที่ 7 โยกเกียร์มาที่ช่อง N เป็นเกียร์ว่างแล้วดับเครื่อง เมื่อทำวิธีนี้สามารถช่วยชะลอความเร็วลงได้มาก เขาจึงขับประคองรถต่อไปอีกประมาณ 5 กม. กว่ารถจะหยุดได้ เมื่อรถจอดได้สนิทเขาจึงรีบโทรศัพท์หาทางบ้าน ว่าตอนแรกนึกว่าจะไปได้บอกลากันแล้วเลยเล่าเหตุการณ์ที่เกิ ดขึ้นให้คนที่บ้านฟัง และหลังจากนั้นได้เดินไปอีกประมาณ 100 เมตร ไปแจ้งเจ้าหน้าที่เก็บเ งิ นที่ด่านเก็บเ งิ น เพื่อขอความช่วยเหลือ รอประมาณ 10 นาที ก็มีคนมาช่วย ผลปรากฏว่าสาเหตุที่คันเร่งค้าง เพราะกล่องสัญญาณกันขโมย มีน้ำหนักประมาณเกือบครึ่งกิโลไปทับอยู่ที่ก้านของคันเร่งและเกิ ดการล็อคขึ้นได้ เมื่อทำการสอบถามกับอู่รถแล้วอู่แจ้งว่า “ในกรณีแบ บนี้สามารถมีโอกาสเป็นไปได้ที่คันเร่งค้างจากสาเหตุดังกล่าว เนื่องจากกล่องสัญญาณกันขโมยจะติดตั้งอยู่เหนือคันเร่งติดตัวถังรถ สิ่งที่ควรกระทำคือ ตั้งสติแล้วโยกเกียร์มาที่ช่อง N เป็นเกียร์ว่าง จากนั้นปิดสวิทช์กุญแจดับเครื่องยนต์และเปิดไฟฉุกเฉิน รถก็ยังวิ่งอยู่แล้วค่อย เหยียบเบรคเป็นระยะ ความเร็วรถจะค่อยลดลง จนสามารถจอดรถได้ การปิดสวิทช์กูญแจรถยนต์ดับเครื่องเลยในขณะที่เกียร์รถไม่อยู่ที่ N รถก็ยังวิ่งอยู่เครื่องยนต์เและระบบเกียร์จะเสียหายมากกว่าที่อยู่ช่อง N ครับ เพิ่มเติม : ถ้าเกิ ดเหตุการณ์แบ บนี้ วิธีที่ดีคืออย่าดึงกุญแจออกจากรูกุญแจเดี๋ยวพวงมาลัยล็อค จะยิ่งทำให้เป็นเยอะกว่าเดิมไปอีก เพราะถ้าดับเครื่องโดยที่กุญแจยังเสียบอยู่ก็จะยังบังคับเลี้ยวได้พวงมาลัยจะไม่ล็อค และจะสามารถเปลี่ยนเลนเพื่อหลบรถคันหน้าได้ ได้จากไลน์ของเพื่อน ที่ส่งมาให้ และแนะนำให้ส่งต่อเพื่อเป็นบุญกุศลก็ยัง(ดี) อย่าเก็บเอาไว้คนเดียว เรียบเรียง everythingisbrightMrs.Doubt• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยจริงหรือ คนจีน แห่ยกเลิกมาไทย..ห่วงความปลอดภัย หวั่นเผลอใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาโดยไม่รู้ตัว พาชีวิตติดคุก!!จริงหรือจากมีการแชร์ต่อ ๆ กันมา ในกลุ่มไลน์ว่า คนจีน แห่ยกเลิกมาไทย..ห่วงความปลอดภัย หวั่นเผลอใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาโดยไม่รู้ตัว พาชีวิตติดคุก!! นักธุรกิจจีน ให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งกับคมชัดลึก บอกห่วง #เสรีกัญชา ทำคนจีนเที่ยวไทย ...กลับประเทศติดคุก ผลตามมา #ยกเลิกแผนเดินทางท่องเที่ยวไทย เรื่องนี้ นางหลุ่ย แซ่กั๊ว ประธานบริษัท ไทยเจียระไน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ขณะนี้คนจีนกำลังกังวลกับนโยบายเปิดเสรีกัญชาของไทย ไม่กี่วันที่ผ่านมาทางสถานทูตจีน ออกประกาศชี้แนะคนจีน ที่มีคำถามเกี่ยวกับกัญชา ซึ่งข้อชี้แนะมีหลายเรื่อง ยกเอากฎหมายจีนมาประกอบ อาทิ คนจีนที่มาเมืองไทย ถ้านำ #สินค้าหรือวัตถุที่มีส่วนผสมของกัญชา หรือ #กัญชง กลับประเทศจีนถือว่าเป็นการ #ขนส่งยาเสพติด มี #โทษทางกฎหมาย เหตุนี้ทำให้คนจีนเริ่มกลัว กังวลผู้ที่สูบหรือรับประทานหรือเสพกัญชาในไทยแล้วกลับจีน หากถูกตรวจเจอในร่างกายมีสารกัญชา จะมีโทษเท่ากับผิดกฎหมายยาเสพติดของจีน ซึ่งสารพวกนี้จะมีการตกค้างอยู่ในปัสสาวะ เลือด น้ำลาย หรือ เส้นผม โทษเสมือนเสพในประเทศจีน จะได้รับโทษแบบเดียวกัน ฉะนั้นจึงเตือนให้ระวังอย่างมากในการซื้อหรือเสพสินค้าที่มีส่วนผสมของกัญชา หรือถ้าจะนำสินค้าที่มีส่วนผสมของกัญชา กลับไปฝากญาติพี่น้องในประเทศจีนก็จะเข้าข่ายผิดกฎหมายการขนส่งยาเสพติด เขาไม่แยกว่าจะเป็นใบหรือดอก แค่มีส่วนผสมของกัญชาก็ถือว่าผิดกฎหมายทันที ยิ่งตอนนี้ไทยยังไม่มีข้อกำหนดชัดเจนว่าสถานที่ตรงไหนเปิดให้ขายกัญชาเสรี หรือตรงไหนไม่อนุญาตให้ขาย ตรงไหนสูบได้ ตรงไหนสูบไม่ได้ ไปต่างจังหวัด ก็มีซุป ต้มยำ ที่มีส่วนผสมของกัญชาขาย ทำให้มีความกังวลกันอย่างมากในหมู่ชาวจีน เช่น ถ้าใช้บริการในสปาแล้ว เกิดมีการสูบกัญชาในนั้น แล้วคนที่เขาไม่ชอบต้องสูบควันเข้าไปด้วยจะทำอย่างไร หรือถ้าไปเที่ยวในผับ เผลอดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชาเข้าไปแล้วเดินทางกลับประเทศจีนจะทำอย่างไร? ทางการจีน ได้เตือนว่า กัญชาจะตกค้างใน #เส้นผม นานมาก แต่ถ้าอยู่ใน #ปัสสาวะ #เลือด หรือ #น้ำลาย อาจจะอยู่ได้ 3-5 วัน บางคนกลัวจนถึงขั้นปฏิเสธที่จะมาเที่ยวเมืองไทยเ บางครอบครัวตั้งใจจะมาอยู่เมืองไทยนานๆ ด้วยการส่งลูกเข้าเรียนในเมืองไทย ตามข้อยกเว้นของบัตรอีลิตวีซ่า อนุญาตชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสามารถอยู่ได้ระยะยาว อยู่ได้นานหลายเดือน พอเขาเห็นกฎหมายกัญชาเสรียกเลิกการขอวีซ่าเลย ทั้งนี้ ในบางประเทศแถบยุโรป ที่เปิดเสรีกัญชา แต่ไม่น่ากังวล ก็เพราะเราจะรู้ว่าสถานที่ตรงไหนอนุญาตให้ขายกัญชาได้ ก็หลีกเลี่ยงไปในสถานที่นั้นๆ แต่เมืองไทยไม่มีการจำกัดพื้นที่ ทำให้นักท่องเที่ยวไม่รู้ว่าตรงไหนมีกัญชา ไม่มีคำเตือนที่ชัดเจน ส่งผลให้เกิดความกลัวในหมู่ชาวจีนอย่างมาก #Thaitribuneยาสมุนไพรผู้บริโภคเฝ้าระวังชุมพล ศรีสมบัติ• 3 ปีที่แล้วmeter: middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยแรงนะ ญี่ปุ่นวิจารณ์ไทย แต่เป็นเรื่องจริง วันนี้มาดูญี่ปุ่นวิจารณ์ไทยกันบ้าง อ่านแล้วแสบทั้งไส้และทั้งทรวงเลย เห็นทีคนไทยต้องกลับมาพิจารณาตนเองครั้งใหญ่แล้วครับ นายเซ็ทซึโอะ อิอุจิ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นประจำกรุงเทพ (Japan External Trade Organization,Bangkok : JETRO Bangkok) ระบุว่า ไทยอาจไม่เป็นประเทศที่น่าสนใจในการลงทุน เหมือนที่ผ่านมาในสายตาของนักลงทุนญี่ปุ่น โดยได้แสดงทรรศนะถึง “จุดอ่อน” ของคนไทยไว้ 10 ข้อ คือ 1.คนไทยรู้จักหน้าที่ของตัวเองต่ำมาก โดยเฉพาะ หน้าที่ต่อสังคม คือ เป็นประเภท มือใครยาวสาวได้สาวเอา เกิดเป็นธุรกิจการเมืองธุรกิจราชการ ธุรกิจการศึกษา ทำให้ประเทศชาติ ล้าหลังไปเรื่อยๆ 2.การศึกษายังไม่ทันสมัย คนไทยจะเก่งแต่ภาษาของตัวเอง ทำให้ขาดโอกาสในการแข่งขันกับต่างชาติในเวทีต่าง ๆ ไม่กล้าแสดงออก ขี้อายไม่มั่นใจในตัวเอง จึงตามหลังชาติอื่น คนมีฐานะจะส่งลูกไปเรียนเมืองนอก เพื่อโอกาสที่ดีกว่า 3. มองอนาคตไม่เป็น คนไทยมากกว่า 70% ทำงานแบบไร้อนาคตทำแบบวันต่อวัน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ น้อยคนนักที่จะทำงาน แบบเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอน มีเป้าหมายในอนาคตที่ชัดเจน 4.ไม่จริงจังในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ทำแบบผักชีโรยหน้า หรือทำด้วยความเกรงใจ ต่างกับคนญี่ปุ่นหรือยุโรปที่จะให้ความสำคัญกับ สัญญาหรือข้อตกลงอย่างเคร่งครัด เพราะหมายถึง ความเชื่อถือในระยะยาว ปัจจุบันคนไทยถูกลดเครดิตความน่าเชื่อถือด้านนี้ลงเรื่อย ๆ 5.การกระจายความเจริญยังไม่เต็มที่ ประชากรประมาณ 60-70% ที่อยู่ห่างไกล จะขาดโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตัวเอง และชุมชนซึ่งเป็น หน้าที่ของภาครัฐที่ต้องส่งเสริม 6.การบังคับกฎหมายไม่เข้มแข็ง และดำเนินการ ไม่ต่อเนื่อง ทำงานแบบลูบหน้าปะจมูก ปราบปรามไม่จริงจัง การดำเนินการตามกฎหมายกับผู้มีอำนาจ หรือบริวารจะทำแบบเอาตัวรอดไปก่อน ไม่มีมาตรฐาน 7. อิจฉาตาร้อน สังคมไทยไม่ค่อยเป็นสุภาพบุรุษ เลี้ยงเป็นศรีธนญชัย ยกย่องคนมีอำนาจ มีเงินโดยไม่สนใจภูมิหลัง โดยเฉพาะคนที่ล้มบนฟูก แล้วไปเกาะผู้มีอำนาจ เอาตัวรอด คนพวกนี้ร้ายยิ่งกว่าผู้ก่อการร้าย ดีแต่พูด มือไม่พายเอาเท้ารานํ้า ทำให้คนดีไม่กล้าเข้ามาเพราะกลัวเปลืองตัว 8.เอ็นจีโอค้านลูกเดียว เอ็น จีโอ บางกลุ่มอิงอยู่กับ ผลประโยชน์ บ่อยครั้งที่ต้องเสียโอกาสอย่างมหาศาล เพราะการค้านหัวชนฝา เหตุผลจริง ๆ ไม่ได้พูดกัน 9.ยังไม่พร้อมในเวทีโลก การสร้างความน่าเชื่อถือ ในเวทีการค้าระดับโลกยังขาดทักษะและทีมเวิร์คที่ดีทำให้สู้ประเทศเล็ก ๆ อย่างสิงคโปร์ไม่ได้ 10. เลี้ยงลูกไม่เป็น ปัจจุบัน เด็กไทยขาดความอดทน ไม่มีภูมิคุ้มกันเป็นขี้โรคทางจิตใจ ไม่เข้มแข็ง เพราะการเลี้ยงลูกแบบไข่ในหิน ไม่สอนให้ลูก ช่วยตัวเอง ไม่กระตือรือร้น ในการช่วยตนเองขวนขวาย แสวงหา ค้นหาตัวเองและไม่สอนให้สำนึกผิดชอบต่อสังคม -------!!! แรงมากครับ และยอมรับทุกข้อ คำถามคือ..แล้วเราจะ เริ่มต้นแก้ไขกันอย่างไรดีครับ เป็นหน้าที่คนไทยทุกคนนะครับข่าวการเมือง เสียดสีมีมไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้วmeter: middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข้อมูลจาก รองศาสตราจารย์ Bonnie HenryBonnie Henry รองศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย เธอมีพื้นฐานด้านระบาดวิทยาและเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขและเวชศาสตร์ป้องกัน เธอยังมาจาก PEI (เกาะปรินซ์เอ็ดเวิร์ด) ภูมิปัญญาของดร. บอนนี่เฮนรี่ เกี่ยวกับ COVID - 19 1. เราอาจต้องอยู่กับ COVID-19 เป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี อย่าปฏิเสธหรือตื่นตระหนก อย่าทำให้ชีวิตของเราไร้ประโยชน์ มาเรียนรู้ที่จะอยู่กับข้อเท็จจริงนี้กันเถอะ 2. คุณไม่สามารถทำลายไวรัส COVID-19 ที่เจาะผนังเซลล์ได้โดยการดื่มน้ำร้อนมากๆ อีกทั้งจะทำให้คุณเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้นด้วย 3. การล้างมือและรักษาระยะห่างทางกายภาพสองเมตรเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการป้องกันของคุณ 4. หากคุณไม่มีผู้ป่วย COVID-19 ที่บ้านก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าเชื้อพื้นผิวที่บ้านของคุณ 5. ตู้สินค้า ปั๊มน้ำมัน รถเข็น และตู้เอทีเอ็ม ไม่ก่อให้เกิดการติดเชื้อ หากมีการล้างมือบ่อย จากใช้ชีวิตตามปกติ 6. โควิด -19 ไม่มีความเสี่ยง ที่แสดงให้เห็นว่า COVID-19 ติดต่อทางอาหารได้ 7. คุณสามารถสูญเสียความรู้สึกในการดมกลิ่น ด้วยอาการแพ้ และการติดเชื้อไวรัสจำนวนมาก นี่เป็นเพียงอาการไม่เฉพาะเจาะจงของ COVID-19 8. เมื่ออยู่บ้าน คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเร่งด่วนแล้วไปอาบน้ำ ไม่ควรถึงกับหวาดระแวง 9. ไวรัส COVID-19 ไม่ค้างอยู่ในอากาศเป็นเวลานาน นี่คือการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่ต้องสัมผัสใกล้ชิด 10. อากาศสะอาด คุณสามารถเดินผ่านสวนและผ่านสวนสาธารณะ (เพียงแค่รักษาระยะป้องกันทางกายภาพของคุณ) 11. ควรใช้สบู่ธรรมดาเพื่อป้องกันไวรัสโควิด -19 ไม่ใช่สบู่ต้านเชื้อแบคทีเรีย เพราะนี่คือไวรัสไม่ใช่แบคทีเรีย 12. คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการสั่งอาหารของคุณ แต่คุณสามารถอุ่นทั้งหมดในไมโครเวฟได้หากต้องการ 13. โอกาสที่จะนำ COVID-19 กลับบ้านพร้อมกับรองเท้าก็เหมือนกับการถูกฟ้าผ่า 2 ครั้งในหนึ่งวัน ฉันทำงานกับไวรัสมา 20 ปี การติดเชื้อไม่แพร่กระจายแบบนั้น 14. คุณไม่สามารถป้องกันไวรัสได้ด้วยน้ำส้มสายชูน้ำอ้อยและขิง! สิ่งเหล่านี้มีไว้เพื่อภูมิคุ้มกันไม่ใช่การรักษา 15. การสวมหน้ากากอนามัยเป็นเวลานาน อาจจะรบกวนการหายใจและระดับออกซิเจนของคุณลดลง จงสวมใส่ในฝูงชนเท่านั้น 16. การสวมถุงมือก็เป็นความคิดที่ไม่ดีเช่นกัน ไวรัสสามารถสะสมเข้าไปในถุงมือและแพร่เชื้อได้ง่ายหากคุณสัมผัสใบหน้า ดังนั้นจึงควรล้างมือเป็นประจำ จะดีกว่า ภูมิคุ้มกันจะอ่อนแอลงเมื่อ ร่ายกายอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดเชื้อ แม้ว่าคุณจะกินอาหารเสริมภูมิคุ้มกัน แต่ควรจะออกจากบ้าน ไป สวนสาธารณะ / ชายหาดเป็นประจำ ภูมิคุ้มกันจะเพิ่มขึ้นตามการสัมผัส ไม่ใช่โดยการนั่งอยู่บ้านและบริโภคอาหารทอด / เผ็ด / หวานและเครื่องดื่มเติมอากาศ จงฉลาด ใช้ชีวิต รับทราบข้อมูล อย่างมีเหตุผล อย่าวิตก จนเกินไป ชีวิตจะปลอดภัยโควิด 2019Mrs.Doubt• 4 ปีที่แล้วmeter: middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยห้ามสระผมขณะเป็นประจำเดือนจริงหรือไม่ ?หลายคนมีความเชื่อว่า หากสระผมขณะเป็นประจำเดือน จะทำให้เลือดแข็งตัว หรือเกิดเลือดตกค้างข้างในซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในร่างกายที่เย็นลงกระทันหันกิ๊ก โกะ• 8 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยhttps://www.facebook.com/share/1PZcNKUAiR/?mibextid=xfxF2iไม่ระบุชื่อ• 9 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยโอโม่น้ำผงซักฟอกดื่มแล้วขาวใส!?โอโม่พลัสผงซักฟอก นอกจากซักผ้าให้สะอาดขาวไร้สิ่งสกปรก ก็ยังมีหอมและรสชาติอร่อยมากๆ ต้องลอง!!!??มีมล้อเลียนสาวน้อยหมวกแดง• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! เพจ SAO Trading ในเครือของ AOT เปิดให้ลงทุนเริ่มต้น 1,000 บาทตามที่มีข่าวสารเชิญชวนในประเด็นเรื่องเพจ SAO Trading ในเครือของ AOT เปิดให้ลงทุนเริ่มต้น 1,000 บาท ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ทอท. กระทรวงคมนาคม พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีที่มีผู้โพสต์แชร์ข้อมูลว่า เพจ SAO Trading ในเครือของ AOT เปิดให้ลงทุนเริ่มต้น 1,000 บาท ทางบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ทอท. กระทรวงคมนาคม ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า บริษัทฯ ไม่ได้มีการเชิญชวนให้มีการลงทุนในกรณีดังกล่าว และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโฆษณา หรือเพจ SAO Trading แต่อย่างใด website 2371 ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ทอท. กระทรวงคมนาคม สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.airportthai.co.th หรือ โทร. สายด่วน 1722std47707• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเจอผีกระหังในโลกออนไลน์ ได้แชร์คลิปให้สัมภาษณ์ของชาวบ้าน โดยระบุว่า เป็นชาวบ้านมาจากบ้านประสาทพร และบ้านหนองเสม็ด ต.หนองปล่อง อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ ว่าได้พบเจอกระหัง และได้ทำการร้องเรียนไปยังหน่วยให้เข้ามาตรวจสอบ โดยชาวบ้านต่างจับกลุ่มนั่งคุยอย่างหวาดผวาไปทั่วตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาstd46363• 2 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 3 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! AOT ร่วมกับสายการบินเอกชน เปิดรับสมัครบุคลากรทำงานที่บ้าน ลงทะเบียนฟรีตามที่มีการส่งต่อข้อมูลในสื่อโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับเรื่อง AOT ร่วมกับสายการบินเอกชน เปิดรับสมัครบุคลากรทำงานที่บ้าน ลงทะเบียนฟรี ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ทอท. กระทรวงคมนาคม พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีที่มีข่าวสารเกี่ยวกับการชักชวนว่า AOT ร่วมกับสายการบินเอกชน เปิดรับสมัครบุคลากรหลายอัตรา ทำงานที่บ้าน ลงทะเบียนฟรีพร้อมเริ่มทดลองงานทันที ทางบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ทอท. ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริง และ ทอท. มิได้มีการโฆษณาชวนเชื่อในลักษณะที่ให้ลงทะเบียนสมัครงานผ่านสื่อ Social Media และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโฆษณาดังกล่าวแต่อย่างใด ทั้งนี้ผู้ที่สนใจจะร่วมงานกับ ทอท. สามารถติดตามรายละเอียดการเปิดรับสมัครบุคลากรได้ทางเว็บไซต์ www.airportthai.co.th ซึ่งมีการเผยแพร่ประกาศต่าง ๆ เกี่ยวกับการเปิดรับสมัครบุคลากร และขั้นตอนการสมัคร โดยผู้สมัครจะต้องมายื่นใบสมัครพร้อมเอกสารประกอบการสมัครด้วยตัวเอง ณ สถานที่ที่ ทอท. ประกาศเท่านั้นเสียดสีstd48404• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! ตำรับยาสมุนไพร ดื่มรักษาโรคมะเร็งปอดกรณีคำแนะนำสุขภาพให้ดื่มน้ำต้มทองพันชั่ง ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ ตังกุยจี้ รากชะเอม พลูคาว และกะเม็งตัวเมีย เพื่อรักษามะเร็งปอด ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่า สมุนไพรตามที่กล่าวอ้างช่วยรักษาโรคมะเร็งปอดในมนุษย์ได้ยาสมุนไพรภาคใต้ผู้บริโภคเฝ้าระวังstd48068• 2 ปีที่แล้ว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ