1007 ข้อความ
- 1 คนสงสัยโจรไซเบอร์ ปั่นข่าวปลอมออมสินปล่อยสินเชื่อปลอดดอกเบี้ยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ออกโรงเตือนประชาชนระวังโจรไซเบอร์ หลังข่าวปลอมสัปดาห์ล่าสุด ประชาชนแห่สนใจเรื่องการกู้เงินออนไลน์ให้วงเงินสูง ปลอดดอกเบี้ย หลังมิจฉาชีพปลอมตัวเป็นธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อเงินกู้ฉุกเฉิน ขณะที่ข่าวปลอมครม. อนุมัติถอนเงินชราภาพได้ก่อน 30% กดรับสิทธิ์ผ่านลิงก์ ขึ้นแท่นข่าวปลอมที่คนสนใจสุงสุด ย้ำ! ต้องมีสติ ตรวจสอบข้อมูลให้ครบทุกด้าน อย่าหลงเชื่อจนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ดร.เวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และโฆษกกระทรวงฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ กล่าวถึง ผลการมอร์นิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 12 – 18 พฤษภาคม 2566 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 3,189,887ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 274 ข้อความ ทั้งนี้ช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social listening จำนวน 240 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 34 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 189 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 85 เรื่องผู้บริโภคเฝ้าระวังแอคปลอมstd48423• 2 ปีที่แล้ว
- 3 คนสงสัยกินกัญชารักษาโรคเบาหวานคนที่ใช้ “กัญชา” ช่วยลดความเสี่ยงโรคเบาหวานไปได้ 2.7 เท่าตัว หรือ 270% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ใช้กัญชา และคนที่เป็นโรคเบาหวานจะเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งมากกว่าคนที่ไม่เป็นโรคเบาหวาน กัญชา จะมีบทบาทสำคัญในการลดหรือเลิกบุหรี่และเหล้า ซึ่งเหล้าและบุหรี่เป็นยาเสพติดตัวจริง และเป็นสาเหตุที่ก่อมะเร็งตัวจริงstd47611• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยดีอีเอส เผย “เฟคนิวส์” รอบสัปดาห์ ข่าวปลอมนโยบายรัฐบาลขึ้นอันดับ 1นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานโฆษกกระทรวงดีอีเอส กล่าวถึง ผลการมอร์นิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 5-11 พฤษภาคม 2566 ว่า พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 3,214,246 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 222 ข้อความ ทั้งนี้ ช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social listening จำนวน 195 ข้อความ ตามด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 27 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 145 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 76 เรื่อง ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มนโยบายรัฐบาล รองลงมากลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพPrimrata Armawan• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยลดความมันหนังศรีษะและอาการผมร่วง ด้วยเกลือผสมแชมพูลดความมันหนังศรีษะและอาการผมร่วง ด้วยเกลือผสมแชมพูPrimrata Armawan• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเจอแล้วต้นตอ “แบมแบม” ตัดพ้อ ทำไมคนโลกนี้ถึงเกลียดผมจัง? ด้าน “อากาเซ่” ผุด #WeLoveYouBamBam ปลอบโยนหัวใจ กระหึ่มโซเชียลเจ้าของช่องได้ตอบคอมเม้นต์คนที่เข้าแสดงความเห็นในเชิงลบต่อตัวศิลปิน อาทิ เมื่อมีคนมาคอมเม้นต์ว่า คนแน่นมาก แทบไม่มีที่จะเดินตอนจุดพลุจบ แบมขึ้นคนทยอยออกงานกันแทบเป็นลม เจ้าของช่องก็มาตอบว่า “ปีหน้าไม่เอาแบมแบมมาแล้ว คนเยอะเกิน” พร้อมบอกอีกว่า “พี่ชายเขามาจ้างมา” และยังมีอีกหลายความเห็น อย่าง งานใหญ่มาก คนเป็นแสน สมการรอคอย หายเหนื่อยเมื่อแบมแบมออกมา เจ้าของช่อง ก็ตอบไปว่า “เยอะไป๊” และเมื่อมีคนแสดงความเห็นว่า ปีหน้าอยากให้แบมแบมมาอีก เอาให้คนล้น เพราะกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีก เจ้าของช่อง ก็ตอบว่า “ที่ไม่พอแล้วจ้า ทีมงานร้องขอชีวิต ทั้งนี้ต่อมา แบมแบม ก็ได้โพสต์ระบายความในใจว่า “ให้ผมอยู่สุขบ้างเถอะครับ ผมไปทำอะไร ไม่ดีให้พวกคุณหรอครับ? หลายๆ รอบแล้ว ทำไมคนโลกนี้ถึงเกลียดผมกันจังครับ แค่ตั้งใจทำงาน ตั้งใจใช้ชีวิต ในแต่ละวันนี้ มันขัดใจหลาย ๆ คนมากหรอครับ?” ทำให้โซเชียลลุกเป็นไฟ เหล่าอากาเซ่ (ชื่อแฟนคลับ) ออกมากางปีกปกป้องไอดอลที่รัก จนเกิดเป็นแฮชแทค #แบนห้องท้ายบ้าน ในโลกออนไลน์ เช่นเดียวกับแฟน ๆ บอกรักและให้กำลังใจ แบมแบม ผ่านแฮชแทค #WeLoveYouBamBam จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 อย่างรวดเร็ว... สามารถAranya Suksan• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยแอ็คปลอมตำรวจไซเบอร์จับหนึ่งในแก๊งปลอมไลน์พ่อเมืองขอนแก่น ตุ๋นยืมเงินข้าราชการในพื้นที่คนละ 5 แสนบาท โชคดีมีผู้รู้เล่ห์กลลองโอนเงินเพียง 50 บาท เห็นชื่อบัญชีรู้เป็นมิจฉาชีพประกาศแจ้งเตือน มั่นใจทำเป็นขบวนการเตรียมขยายผล อีกรายรวบสาวชลบุรีเปิดบัญชีม้าขายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักธุรกิจหนุ่มติดตั้งแอปพลิเคชัน ดูดเงินในบัญชีกว่า 16 ล้าน รายสุดท้ายหนุ่มขี้เหงาปลอมเฟซบุ๊กใช้รูป “รองต่อศักดิ์” แชตจีบสาวกว่า 20 ราย พบมีบัตรผู้ป่วยจิตเวช อ้างชื่นชอบและอยากคุยกับสาวไม่มีเจตนาหลอกลวง SPONSOREDภาคอีสานภาคตะวันออก แอคปลอมbanb08785• 2 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 2 คนสงสัยฝีดากลิงฝีดากลิงคือไรโรคฝีดาษลิง โรคฝีดาษลิง หรือ โรคฝีดาษวานร (Monnkeypox Virus) เริ่มมีข่าวถึงการแพร่ระบาดมากขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้หลายคนเริ่มมีข้อสงสัย และกังวลว่า โรคฝีดาษลิง หรือฝีดาษวานร คืออะไร สาเหตุโรคฝีดาษลิง เกิดจากอะไร อาการน่ากลัวไหม และมีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน เรามาทำความรู้จักโรคฝีดาษลิงกันครับ โรคฝีดาษลิง หรือ โรคฝีดาษวานร (Monnkeypox Virus) เป็นโรคที่ใกล้เคียงกับโรคอีสุกอีใส หรือไข้ทรพิษ แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า ผู้ป่วยจะมีไข้ ร่วมกับมีตุ่มผื่นตุ่มหนองทั่วตัว และต่อมน้ำเหลืองโต อย่างไรก็ดีขณะนี้ (เดือนพฤษภาคม 2565) ยังไม่พบการติดเชื้อของโรคนี้ในประเทศไทย แต่ก็ถือเป็นกลุ่มโรคที่ต้องเฝ้าระวัง เพราะฉะนั้นผู้ที่กลับจากแอฟริกา หรือสัมผัสกับสัตว์ป่าต่างถิ่น หากมีอาการดังกล่าว หรือพบอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์สุขภาพdiazp121phoenix• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกัญชาประโยชน์ของกัญชา 1. รักษาภาวะเบื่ออาหาร กัญชาใช้เป็นสารกระตุ้นความอยากอาหาร จะช่วยชะลอน้ำหนักลดในผู้ป่วยมะเร็ง 2. การป้องกันการคลื่นไส้ อาเจียน ในผู้ป่วยที่รับเคมีบำบัด 3. รักษาโรคลมชักที่รักษายากและโรคลมชักที่ดื้อต่อยารักษาภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง ในผู้ป่วยปลอกประสาทเสื่อมแข็ง 4. รักษาภาวะปวดประสาทส่วนกลาง ที่ใช้วิธีการรักษาอื่นๆ แล้วไม่ได้ผล 5. บรรเทาหอบหืด ยาแก้หอบหืดทุกตัวมีข้อเสียคือมีข้อจำกัด ทั้งประสิทธิภาพและผลข้างเคียง เนื่องจากกัญชาขยายหลอดลมและลดการหดตัวของหลอดลม6. การใช้กัญชาในการรักษาต้อหิน คือ การรักษาตาต้อหิน ซึ่งเป็นสาเหตุอันดับสองที่ทำให้ คนตาบอดในสหรัฐ คนอเมริกาเกือบล้านที่ป่วยด้วยต้อหินที่รักษาได้ด้วยกัญชา กัญชาทำให้ความดัน ภายในลูกนัยน์ตาลดลงได้ดีหลายชั่วโมงในคนปกติและในคนที่ความดันลูกนัยน์ตาสูงจากต้อหิน การให้กัญชาทางปากหรือทางหลอดเลือดดำให้ผลเหมือนกัน ซึ่งขึ้นกับชนิดอนุพันธ์กัญชามากกว่า จะเกิดจากฤทธิ์กล่อมประสาทของกัญชา กัญชาไม่ได้รักษาโรคขาด แต่ช่วยยับยั้งการบอดไม่ให้เป็นมากขึ้น เมื่อยาทั่วไปไม่อาจช่วยได้ และการผ่าตัดเป็นเรื่องเสี่ยงเกินไปdiazp121phoenix• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยhttps://www.youtube.com/watch?v=KkX4nZZz9Ggไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยอาการบอกเหตุและการรับมือ เมื่อผู้หญิงหัวใจวาย ประสบการณ์จริงจากพยาบาลชำนาญการ ========================== พวกเราคงเคยดูหนังและมีบทของคนหัวใจวายในบางฉากที่ดาราผู้ชายเอามือกุมหน้าอก ปวดจนมีอาการหน้าบูดเบี้ยว เหงื่อออกแล้วก็ล้มลงกองบนพื้น (สูตรนี้ตลอด ) ดิฉันจะบอกว่าอาการหัวใจวายในผู้หญิงนั้นแตกต่างออกไปดังเรื่องจริงต่อไปนี้ “เวลา 22.30 น. ฉันกำลังนั่งเล่นอย่างสบายใจกับแมวคู่ใจ พร้อมกับอ่านหนังสือเพลินๆพร้อมกับขำๆกับเนื้อหาในหนังสือ จู่ๆฉันก็รู้สึกจุกเสียดแน่นท้อง(อาการคล้ายมีก้อนอาหารขนาดใหญ่ไปกระจุกตัวขวางหลอดอาหารอยู่)ทั้งๆที่ฉันไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่ 17.00 น. สักพักอาการค่อยเบาลงก็มีอาการใหม่เหมือนสันหลังและกระดูกหน้าอกถูกบิดเป็นเกลียวจากล่างขึ้นบนจนขึ้นไปถึงคอหอย กรามและขากรรไกร ตอนนี้ฉันไม่รู้สึกแค่เอ๊ะอีกแล้ว รู้แน่แล้วว่าเพราะเคยอ่านมาว่าอาการปวดเกร็งบริเวณขากรรไกรเป็นสัญญาณบอกเหตุหัวใจขาดเลือด ฉันภาวนาในใจนึกถึงพระเจ้า”โปรดช่วยลูกด้วยลูกกำลังหัวใจวาย” ฉันโยนแมวออกไปจากตักย่ำเท้าลงกับพื้นเพื่อจะเดินไปโทรศัพธ์แต่แล้วฉันก็ล้มลงกองกับพื้น ฉันใช้ความพยายามยึดเก้าอี้เพื่อพยุงตัวขึ้นไปโทรศัพธ์เรียกรถพยาบาลฉุกเฉิน ค่อยๆเล่าอาการว่าฉันสงสัยว่าหัวใจวายเพราะมีแรงกดบริเวณหน้าอกและแผ่ขยายไปบริเวณขากรรไกร และกราม เจ้าหน้าที่ปลายสายบอกฉันให้ค่อยพยุงตัวเองไปที่หน้าประตู ปลดกลอนประตูแล้วนอนราบแถวๆใกล้ประตู ฉันทำตามคำแนะนำแล้วก็หมดสติไป รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็เห็นหมอพาฉันออกมาจากเปลพยาบาล หมอถามฉันว่า”ทานยาอะไรมาไหม?” ฉันไม่มีแรงตอบคำถาม ไม่มีกระทั่งสัมปชัญญะที่จะทบทวนหาคำตอบ และม่อยหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าหมอโรคหัวใจและทีมได้ขยายหลอดเลือดหัวใจด้านขวาด้วยบอลลูน(บางคนเรียกว่าStent)ผ่านทางเส้นเลือดแดงที่แขนเสร็จแล้ว ฉันลองลำดับเหตูการณ์ดูแล้ว พบว่า กว่าที่ฉันจะสามารถโทรศัพธ์ตามรถพยาบาลได้ไม่น่าจะต่ำกว่า20-30นาที นับว่ายังเป็นโชคดีของฉันที่บ้านฉันอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมากนัก จากเหตุการณ์นี้ฉันจึงอยากแชร์กับทุกท่านถึงนาทีวิกฤติว่าควารทำอย่างไร จึงจะปลอดภัย 1. จำเอาไว้ว่าอาการหัวใจวายของผู้หญิงนั้นแตกต่างไปจากอาการที่เกิดขึ้นกับผู้ชาย อย่ารอจนกระทั่งมีอาการขากรรไกรแข็ง ปวดบริเวณกระดูกสันอก ทันทีที่มีอาการจุกเสียดท้องอย่างแรงไม่มีปี่มีขลุ่ยทั้งๆที่ไม่ได้ทานอะไรเลยนั่นแหละสํญญาณบอกเหตุเริ่มแล้ว หลายๆคนคิดไปว่ามีอาการกรดไหลย้อน อาหารไม่ย่อย กินยาแล้วก็ไปนอนพัก คาดว่าประเดี๋ยวอาการก็ทุเลา...แต่เธอก็หลับไม่ตื่นอีกเลย 2. ฉันยังพอมีสติโทรเรียกรถพยาบาล แต่จะดีไปกว่านั้นหากฉันรีบทานแอสไพรินสักเม็ดระหว่างรอรถพยาบาล แต่อย่าได้คิดขับรถไปเองเป็นอันขาด และอย่าได้ให้สามีขี้ตื่น ขับรถให้เพราะเขาอาจไม่มีสติพอจะพาคุณไปถึงโรงพยาบาล อาจขับลงข้างทางเสียก่อน ให้เรียกรถพยาบาลเท่านั้นเพราะบนรถจะมีถังอ็อกซิเจนและเครื่องปั้มหัวใจ 3. อย่าเขาข้างตัวเองว่าคงไม่ใช่หัวใจวายหรอกน่า คลอเรสโตรอลของฉันก็ปกติดีออก เพราะมีงานวิจัยมากมายชี้ตรงกันว่าระดับคลอเรสโตรอลสูงๆไม่ได้สัมพันธ์ใดๆกับอาการหัวใจวาย แต่อาการหัวใจวายสัมพันธ์กับความเครียดต่อเนื่อง และการอักเสบเรื้อรังในร่างกายทำใหกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนและสารคัดหลั่งที่เป็นพิษต่อเส้นเลือดหัวใจ ดังนั้นหากต้องสะดุ้งตื่นกลางดึก ด้วยอาการปวดเกร็งบริเวณกรามและขากรรไกรให้รีบทำตามที่แนะนำทันทีเพราะคุณเหลือเวลาไม่มากนัก https://www.facebook.com/419951058051062/posts/2204633902916093/ไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยเปิดเมืองอย่างไร? ให้เศรษฐกิจขยับ - คุมไวรัสระบาดได้“ทีดีอาร์ไอ”แนะรัฐพิจารณารอบด้านก่อนเปิดเมือง ทยอยผ่อนเกณฑ์ แบบค่อยเป็นค่อยไป ควบคู่ให้ความรู้ประชาชน ดึงภาคส่วนทางสังคมช่วยวางมาตรการป้องกันสถานที่ราชการ ห้างสรรพสินค้า ก่อนเสนอมาตรการให้รัฐบาล ศบค.พิจารณา ป้องกันการกลับมาแพร่ระบาดโควิด-19โควิด 2019Ad.tar• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย#ฐานทัพสหรัฐ ในไทย ฉบับอ่านง่าย คุณ @Don Plooksawasd เขียนบทความน่าสนใจมาให้อ่านกันเกี่ยวกับกระแสข่าวที่ส่งกันตามไลน์ว่าประเทศไทยกำลังจะได้อเมริกามาตั้งฐานทัพแล้ว หลังจากเอาฮากันไปแล้ว บทความนี้จะมาดูกันแบบจริงจังว่าที่ลือ ๆ กันนั้นมันมีมูลความจริงแค่ไหน ---------------- TLDR สำหรับโควต้า 7 บรรทัด: โอกาสในปัจจุบันยังต่ำมาก เพราะจากประวัติศาสตร์แล้วการที่ไทยจะเชิญสหรัฐฯมาตั้งฐานทัพมีปัจจัยหลัก 3 ประการคือ 1. ทั้งสองประเทศต้องเห็นภัยคุกคามร่วมกัน 2. ภัยคุกคามนั้นสูงจนรัฐไทยมองว่าอาจเป็นภัยต่อสถาบันหลักชาติ, ศาสนา, พระมหากษัตริย์ 3. ทางสหรัฐฯต้องมองเห็นประโยชน์ในแง่ภูมิศาสตร์และยุทธศาสตร์ของการมาตั้งฐานทัพในไทยด้วย ปัจจัยเหล่านี้เป็นจริงในยุคสงครามเวียดนาม แต่ไม่เป็นจริงในปัจจุบัน แม้รัฐบาลจะเปลี่ยนเป็นก้าวไกลหรือรัฐบาลจากพรรคประชาธิปไตยอื่นก็ตาม ---------------- แรกเริ่มฐานทัพสหรัฐฯในไทย ไทยเชิญสหรัฐฯมาตั้งฐานทัพในช่วงปี 1961 สมัยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่มองการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์และแนวคิดเศรษฐกิจคอมมิวนิสต์ว่าเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประกอบกับสหรัฐฯในยุคนั้นดำเนินนโยบายให้การสนับสนุนประเทศที่ถูกคุกคามจากภัยคอมมิวนิสต์ ฐานทัพสหรัฐฯแห่งแรกในไทยคือดอนเมือง จากนั้นเพื่อรองรับบทบาทที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯในเวียดนามก็ผุดฐานทัพใหม่ๆ ในภาคอีสานเพื่อรองรับการภารกิจต่าง ๆ เช่นการสอดแนมและทิ้งระเบิด ซึ่งเที่ยวบินกว่า 80% บินออกจากฐานในไทย ฐานทัพที่สหรัฐฯใช้ปฎิบัติการทั้ง 7 ฐานถือว่าเป็นของรัฐบาลไทย ผู้บัญชาการฐานทัพเป็นนายทหารไทย แต่สหรัฐฯให้เงินสนับสนุนด้านต่างๆ รวมถึงการเวนคืนที่ดินเพิ่มเติม นอกจากตั้งฐานทัพตามคำเชิญแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯยังวางรากฐานในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถาบันหลักของชาติในการต่อต้านคอมมิวนิสต์ เช่นการจัดตั้งตำรวจตระเวณชายแดน, การให้ความสนับสนุนสถาบันศาสนาผ่าน Asia Foundation, รวมถึงความสัมพันธุ์อันดีเยี่ยมระหว่างราชวงศ์ไทยและสหรัฐฯ ซึ่งนอกจากการมาเยือนในระดับประธานาธิบดีจากทั้ง Johnson และ Nixon ยังมีการเสด็จเยี่ยมทหารสหรัฐฯในไทยจากทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชการที่ 9 และสมเด็จพระบรมราชินินาถ ---------------- ปิดม่าน ความทรหดในสนามรบของเวียดนามเหนือบวกกับกระแสต่อต้านสงครามเวียดนามที่สูงขึ้นในสหรัฐฯ ทำให้หลังจากการลงนามสัญญาปารีสในปี 1973 แล้วรัฐบาล Nixon เริ่มลดกำลังทหารในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงในไทยลง ซึ่งสอดคล้องพอดีกับสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยที่เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516(1973) ขับไล่รัฐบาลจอมพล ถนอม พร้อมกับแสดงถึงความไม่พอใจขอสาธารณชนต่อสถานะของสหรัฐฯที่ถูกมองว่าเป็นนั่งร้านสนับสนุนรัฐบาลไทยด้วย เมื่อรัฐบาลเสนีย์ ปราโมทย์ ชนะการเลือกตั้งในปี 1975 จึงเปลี่ยนโยบายการต่างประเทศให้เป็นมิตรกับคอมมิวนิสต์จีนมากขึ้นเพื่อปักกิ่งลดการสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์ในประเทศไทยลง นับเป็นยุทธวิธีที่เห็นโอกาสที่เกิดจากการแตกหักในโลกคอมมิวนิสต์ระหว่างจีนกับสหภาพโซเวียต โดยสหรัฐฯเองก็ส่งประธานาธิบดี Nixon ไปเยือนจีนก่อนหน้าตั้งแต่ปี 1972 เพื่อเพิ่มสัมพันธ์เช่นกัน ไทยวางตัวเป็นอิสระบนเวทีโลกมากขึ้นเพื่อลดภาพการเป็นตัวแทนสหรัฐฯในภูมิภาค สหรัฐฯถูกขอให้ถอนทหารจากฐานทัพต่างๆ ภายในปี 1976 ซึ่งสหรัฐฯตกลงถอนทหารภายในเวลาที่กำหนดรวมถึงยกสิ่งปลูกสร้างและยุทโธปกรณ์ที่ขนย้ายลำบากให้กับทางการไทย แต่วิธีการบริหารภัยคุกคามคอมมิวนิสต์ของรัฐบาลเสนีย์ถูกกลุ่มอนุรักษ์นิยมในประเทศบางส่วนมองว่าอ่อนปวกเปียกและมีความชะล่าใจมากเกินไป มีความพยายามเรียกร้องให้สหรัฐฯชะลอแผนถอนทหารลงแต่ไม่เป็นผล ซึ่งความกระวนกระวายนี้เป็นหนึ่งในปัจจัยที่นำไปสู่เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 (1976) ในเวลาต่อมา ในตอนนั้นแม้สหรัฐฯจะถอนกำลังจากไทยไปหมดแล้วตั้งแต่มิถุนายน 1976 แต่ก็เป็นชาติแรกที่ไทยเข้าหาเพื่อให้สนับสนุนด้านภาพพจน์ของรัฐบาลที่เสียหายจากเหตุการณ์สังหารหมู่ในธรรมศาสตร์และรัฐประหารที่ตามมา ในทศวรรษต่อ ๆ มา สหรัฐฯ-ไทย ยังมีความร่วมมือหลายด้าน เช่น ด้านข่าวกรองแลกกับการใช้สถานที่ใทยสำหรับหน่วยงาน NSA, การฝึกทหารร่วมกัน และการขายอาวุธทันสมัยอย่าง F-16 ----------------- ถ้าเราย้อนกลับไปดูปัจจัยทั้ง 3 ประการข้างต้นจะเข้ามาและจากไปของฐานทัพสหรัฐฯในช่วงสงครามเย็น 1. ทั้งสองประเทศต้องเห็นภัยคุกคามร่วมกัน: สหรัฐฯและไทยเห็นคอมมิวนิสต์เป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศ แต่พอเข้ายุค 70s สหรัฐฯไม่ได้มองการลงมาต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ในเอเซียว่าเป็นเรื่องคุ้มตค่า 2. ภัยคุกคามนั้นสูงจนรัฐไทยมองว่าอาจเป็นภัยต่อสถาบันหลักชาติ, ศาสนา, พระมหากษัตริย์: ประเด็นนี้จริงในยุค 60 แต่ภายหลังปี 1973 ยุทธวิธีทางการทูตใหม่ ๆ ของรัฐบาลเสนีย์ที่อาศัยการแตกกันของ จีน-โซเวียต ทำให้การมีอยู่ของฐานทัพเป็นเรื่องไม่จำเป็น 3. ทางสหรัฐฯต้องมองเห็นประโยชน์ในแง่ภูมิศาสตร์และยุทธศาสตร์ของการมาตั้งฐานทัพในไทยด้วย: การทิ้งระเบิดทางยุทธวิธีในเวียดนาม ต้องอาศัยฐานบินในประเทศไทย เมื่อสงครามเวีดนามจบ จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้ฐานในไทยอีก ------------------- เข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ถ้าเราเอาปัจจัยสามข้อที่ว่ามากาง เทียบกับบริบทความขัดแย้งในเอเซียในปัจจุบัน จะพบว่าโอกาสการเชิญสหรัฐฯมาตั้งฐานทัพในไทยมีโอกาสความเป็นไปได้ต่ำ 1. ทั้งสองประเทศต้องเห็นภัยคุกคามร่วมกันหรือไม่? ปัจจัยที่จะเกิดสงครามครั้งใหม่ระหว่างจีนและสหรัฐฯคือประเด็นความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ระหว่างจีนและบางชาติใน ASEAN รวมถึงกรณีไต้หวัน ซึ่งในเรื่องนี้ไทยไม่มีส่วนได้เสีย กับพื้นที่ในทะเลจีนใต้เลย ขณะเดียวกันชาติ ASEAN เช่นเวียดนามและฟิลิปินส์ที่เพิ่มระดับความเป็นมิตรกับสหรัฐฯเป็นพิเศษในหลายปีที่ผ่านมาเพราะขัดแย้งกับจีนในเรื่องผลประโยชน์ทะเลจีนใต้ทั้งสิ้น กระทั่งประเทศเหล่านี้ก็มองความขัดแย้งของตัวกับจีนแยกกับประเด็นไต้หวัน 2. ภัยคุกคามนั้นสูงจนรัฐไทยมองว่าอาจเป็นภัยต่อสถาบันหลักชาติ, ศาสนา, พระมหากษัตริย์หรือไม่? ประเทศไทยไม่ได้มองจีนเป็นภัยคุกคามด้วยซ้ำ กระทั่งพรรคการเมืองฝั่งประชาธิปไตยอย่าง #ก้าวไกล หรือ #เพื่อไทย ก็มองผลประโยชน์ด้านการค้าและการท่องเที่ยวกับจีนเป็นหลัก ยังไม่มีคำพูดจากผู้สมัครพรรคการเมืองคนไหนเลยที่บอกว่าไทยต้องลดระดับความสัมพันธ์กับจีนหรือสหรัฐฯ การยกตัวอย่างกรณี รัสเซีย-ยูเครน ก็เป็นการเทียบที่ไม่เข้าท่า เพราะในขณะที่รัสเซียมีมายาคติเชื่อว่าประเทศตนเองจะเป็นจักรวรรดิยิ่งใหญ่ในยูเรเซียได้ต้องมียูเครนเป็นบริวาร ไทยไม่ได้ถูกมองแบบนั้นในจินตนาการของทั้งจีนหรือสหรัฐฯ ถ้าเทียบในบริบท รัสเซีย-ยูเครน ไต้หวันต่างหากที่พอจะเข้าข่าย เพราะการยึดไต้หวันคือการปิดฉากสงครามกลางเมืองจีนอย่างสมบูรณ์ 3. ทางสหรัฐฯมองเห็นประโยชน์ในแง่ภูมิศาสตร์และยุทธศาสตร์ของการมาตั้งฐานทัพในไทยไหม? ถ้าเราดูแผน Army 2030, Marine 2030 ซึ่งเป็นการออกแบบกำลังของสหรัฐฯในยุคทศวรรษหน้า จะเห็นว่าไทยไม่ได้อยู่ในแผนการวางกำลังเลยเพราะภูมิศาสตร์ประเทศอยู่ห่างจากสนามรบในทะเลจีนใต้ค่อนข้างมาก คนละเรื่องกับสมัยสงครามเวียดนามที่อยู่แทบจะติดกับพื้นที่การรบ รายงาน U.S. Ground Forces in the Indo-Pacific: Background and Issues for Congress ที่ทำโดยสภาคองเกรสเมื่อปีที่แล้ว มีพูดถึงแผน Army 2030 กับ Marine 2030 ไม่ได้พูดถึงความเป็นไปได้ในการตั้งฐานทัพในไทย แต่มีการระบุเรื่องย้ายหน่วย Marine 3rd Expeditionary Force จากโอกินาว่าไปเกาะกวม รายงาน Indo-Pacific Deterrence and the Quad in 2030 ที่จัดทำโดยเพนตากอนในปี 2021 มีการพิจารณาเรื่องการตั้งฐานทัพใหม่ ๆ ให้กระจายไปตามเกาะต่างๆ ของมหาสมุทร Pacific เพื่อลดอันตรายจากการโจมตีจากจีน รวมถึงระบุแนวทางการตั้งฐานทัพร่วมกับพันธมิตร QUAD (สหรัฐฯ-อินเดีย-ออสเตรเลีย-ญี่ปุ่น) โดยมีเกาะ Nicobar ในทะเลอันดามัน ซึ่งมีประโยชน์ในการสกัดกั้นเส้นทางขนถ่ายน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซียไปยังจีน และฐานทัพในออสเตรเลียเพราะอยู่นอกระยะทำการ 4,000 กิโลเมตรของขีปนาวุธ DF-26 อาวุธใหม่ ๆ ที่สหรัฐฯทำการวิจัยอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ Hypersonic, จรวด PrSM Inc 4 พิสัย 1,000 กิโลเมตรที่ใช้กับ HIMARS, เรือดำน้ำนิวเคลียร์ที่สร้างให้ออสเตรเลียร่วมกับกลุ่ม AUKUS รวมถึงอาวุธพิสัยไกลปล่อยเป็นฝูงได้จากเครื่องบินขนส่ง C-130 ชี้ไปยังแผนยุทธศาสตร์ที่มีศูนย์กลางเป็นมหาสมทุรแปซิฟิก, การหยุดยั้งการข้ามช่องแคบไต้หวันและการปิดเส้นทางเดินเรือทางทะเลจีนเป็นหลักโดยไม่พึ่งพาฐานทัพที่อยู่ในระยะโจมตีจากจีนมากเกินไป สหรัฐฯสามารถสกัดกั้นจีนได้มีประสิทธิภาพกว่า ด้วยความช่วยเหลือของประเทศเป็นมิตรอย่างฟิลิปินส์และเวียดนามที่มองจีนเป็นภัยคุกคามจากกรณีทะเลจีนใต้ รวมถึงมีภูมิศาสตร์ที่อยู่ใกล้กับแนวรบพอดี ------------------ ด้วยปัจจัยทั้งสามอย่างแล้วเราจึงสรุปได้ว่าความเป็นไปได้ที่ไทยจะเชิญสหรัฐฯมาตั้งฐานทัพมีต่ำมาก แต่ทุกอย่างก็เป็นไปได้ ผู้เล่นในภูมิภาคไม่ได้มีเพียงไทยหรือสหรัฐฯเท่านั้น การเคลื่อนไหวของจีนและประเทศอื่นๆ ใน ASEAN สามารถส่งผลให้ปัจจัยข้อ 1,2 เปลี่ยนไป เช่นหากจีนต้องการกดดันให้แน่ใจว่าไทยจะวางเฉยด้วยการขยายฐานทัพเรือในกัมพูชา, สนับสนุนท่าทีของกัมพูชาให้ก้าวร้าวกับไทยมากขึ้น หรือใช้พม่ากดดันไทยผ่านทะเลอันดามัน การประเมินภัยคุกคามของไทยก็อาจเปลี่ยนไปและเป็นปัจจัยให้เชิญสหรัฐฯเข้ามาตั้งฐานทัพได้เช่นกัน ในอนาคตที่ไม่แน่นอนการวางยุทธศาสตร์และการจัดซื้ออาวุธของประเทศจึงควรมีภาพที่ชัดเจนว่าจะสงครามจะเกิดอย่างไร, ที่ไหน และบทบาทของไทยเพื่อป้องกันการเกิดสงครามคืออะไร หากเกิดสงครามคืออะไร? ในฐานะประชาชน เราไม่ควรตื่นตูมกับข่าวประเภทนี้แต่ควรพยายามเข้าใจบริบทในอดีตและเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างไม่ใช้อารมณ์ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อผู้ที่มีเป้าหมายทางการเมืองได้https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0EW5mpomMTGW6KpnPN7DaixNzTukfdL3M3AZ3t5CVx7AXWveWGChjAsyCxXgvjRG6l&id=100047386231809&sfnsn=mo&mibextid=jf9HGSข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย‘งานออนไลน์รายได้ดี’ เรื่องน่าปวดหัวของ ‘ประกันสังคม’ ถูกมิจฉาชีพแอบอ้างสร้าง ‘ข่าวลวง’ วนซ้ำแล้วซ้ำเล่าสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เป็นหน่วยงานที่ถูกแอบอ้างจากมิจฉาชีพอยู่บ่อยครั้งจริงๆ ก่อนหน้านี้โคแฟค (ประเทศไทย) ได้เคยเขียนถึงไปแล้วในบทความ “4 ข่าวลวงวนซ้ำ‘มาตรการเยียวยาประชาชนโดยรัฐ’ในสถานการณ์โควิด-19” ว่าด้วย สปส. กับข่าวลวงที่วนมาเรื่อยๆ เรื่องแจกเงินช่วยเหลือประชาชนบ้าง ให้สินเชื่อกับผู้ประกันตนบ้าง แต่นอกจากนั้นยังมีเรื่องของ “การทำงานออนไลน์” ที่มีมิจฉาชีพไปตั้งเพจเฟซบุ๊กให้เหมือนเพจของ สปส. แล้วอ้างว่ารับคนทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) ล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ มีการแชร์ภาพโฆษณา “ประกันสังคม เปิดรับพนักงาน part-time คุณแม่อยู่บ้านอยากมีรายรับ ทำได้ที่บ้าน ไม่ต้องเดินทาง 400-1600 ต่อวัน *เพศหญิงพิจารณาพิเศษ” อีกทั้งยังอ้างชื่อหน่วยงาน “ศูนย์สารนิเทศ ฝ่ายข่าว สำนักงานประกันสังคม” ซึ่งก็สามารถฟันธงได้เลยว่า “อย่าหลงเชื่อ” เพราะย้อนไปเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2566 ทาง สปส. ก็ได้ฝากผ่าน ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มาเตือนเรื่องนี้แล้วครั้งหนึ่ง โดยอ้างถึงภาพเพจเฟซบุ๊กเพจหนึ่งระบุข้อความว่า “สำนักงานประกันสังคม สมัครฟรี เปิดรับพนักงาน รับงานอาชีพอิสระ ทำที่บ้านหรือนอกบ้านก็ได้ 350-1200 ต่อวัน เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด” รวมถึงระบุด้านใต้ภาพว่า “ศูนย์สารนิเทศ ฝ่ายข่าว สำนักงานประกันสังคม”std48313• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยแนะแนวทางสกัด “infodemic” ข่าวปลอม-ข้อมูลเท็จ ซ้ำเติมสถานการณ์ “โควิด-19” ระบาดหนักเชื่อมต่อโลกออนไลน์ ระดมความคิดเห็นและแนวทางรับมือ “โรคระบาดข้อมูลข่าวสาร - infodemic” ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 อย่างไร ไม่ให้ตื่นตระหนก และตกเป็นเหยื่อข่าวลวงข้อมูลเท็จ เมื่อเร็วๆ นี้ ในการเสวนาออนไลน์เรื่อง เราควรรับมือโรคระบาดข้อมูลข่าวสาร (Infodemic) อย่างไรให้สมดุล จัดโดย ภาคประชาสังคม และกลุ่ม CoFact หรือ Collaborative Fact Checking แพลตฟอร์มใหม่ของภาคพลเมืองในการตรวจสอบข่าวลวงสุขภาพโควิด 2019ศุภาพิชญ์ จันทร์ภูญา• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเครืสำอางและผลิตภัณฑ์สุขภาพผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมาย จำนวน 44 เรื่องstd48366• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยบัญชีและคิวอาร์โค้ดหากส่งสลิปโอนเงินที่มีข้อมูลคิวอาร์โคดให้ผู้อื่น จะถูกแฮ็กบัญชีstd48366• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยใบขับขี่เรื่อง กรมขนส่งรับทำใบขับขี่ผ่านไลน์ ทำก่อนจ่ายทีหลังstd48366• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยความเรียบร้อยของสังคมข่าวปลอมเรื่องนโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดีและความมั่นคงภายในประเทศจำนวน 49 เรื่องstd48366• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเผย 6 แนวโน้มข่าวลวงสุขภาพ ปี 2022! ระวังหยด "น้ำมันกัญชา" เอง เสี่ยงอันตรายข่าวลวงยังเป็นปัญหาสำคัญของสังคมไทย โดยเฉพาะข่าวลวงด้านสุขภาพที่ส่งผลต่อร่างกาย รุนแรงได้ถึงชีวิต หากไม่รู้เท่าทัน! เมื่อวันที่ 23 ส.ค. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับภาคีโคแฟค (COFACT) ประเทศไทย จัดเวทีสัมมนาไฮบริด นักคิดดิจิทัล ครั้งที่ 23 จากมะนาวโซดา ถึงกัญชารักษาWorsorkubpom• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสสส. ร่วมพันธมิตร เปิดตัว “โคแฟค” แอปพลิเคชั่นตรวจสอบข่าวลวง ขยายสู่ชุมชนเมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ธนาคารจิตอาสา มูลนิธิฟรีดิช เนามัน และภาคีเครือข่ายป้องกันและตรวจสอบข่าวลวง จัดงานเสวนานักคิดดิจิทัลครั้งที่ 11 เปิดตัวโคแฟค "ทำไมความจริงร่วมจึงสำคัญ" พร้อมปฐมนิเทศจิตอาสาพัฒนาทักษะด้านเท่าทันสื่อและสุขภาวะทางปัญญารุ่นแรก ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า ประเทศไทยมีสถานการณ์การระบาดของข่าวลวง อาทิ การหลอกขายสินค้า ภัยพิบัติ สุขภาพ ซึ่งหากประชาชนไม่เท่าทันสื่อตกเป็นเหยื่อ หรือส่งต่อข่าวปลอมโดยไม่รู้ตัว แนวทางการแก้ปัญหาและหยุดยั้งการระบาดของข่าวลวงในยุคชีวิติวิถีใหม่ (New Normal) จึงจำเป็นที่จะต้องมีกลไกกลางที่เปิดพื้นที่ให้ทุกคนได้มาแสวงหาข้อเท็จจริงร่วมกัน โดยจุดประกายด้วยนวัตกรรม โคแฟค (Collaborative Fact Checking : Cofact) บนเว็บไซต์ cofact.org และไลน์ @cofact พร้อมสานพลังขับเคลื่อนสังคมขยายผู้ใช้ไปยังภาคีเครือข่าย เกิดเป็น “ชุมชนโคแฟค” และสร้างค่านิยมใหม่โดยใช้พลังพลเมืองในการร่วมตรวจสอบข่าวลวง ที่ทุกคนสามารถเป็น fact cheker เกิดพื้นที่ในการแสวงหาข้อเท็จจริงประเด็นสุขภาวะร่วมกันstd47848• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเผย 6 แนวโน้มข่าวลวงสุขภาพ ปี 2022! ระวังหยด "น้ำมันกัญชา" เอง เสี่ยงอันตรายข่าวลวงยังเป็นปัญหาสำคัญของสังคมไทย โดยเฉพาะข่าวลวงด้านสุขภาพที่ส่งผลต่อร่างกาย รุนแรงได้ถึงชีวิต หากไม่รู้เท่าทัน! เมื่อวันที่ 23 ส.ค. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับภาคีโคแฟค (COFACT) ประเทศไทย จัดเวทีสัมมนาไฮบริด นักคิดดิจิทัล ครั้งที่ 23 จากมะนาวโซดา ถึงกัญชารักษา (ไม่) ทุกโรค บทเรียนการรับมืออินโฟเดอมิกของสังคมไทย ณ ห้องประชุม 201 ชั้น 2 สสส. โดยเปิดเผย 6 แนวโน้มข่าวลวงสุขภาพ ปี 2022 Cofact Health Infodemics Trends 2022 โดย ChangeFusion เปิดเผยข่าวลวงที่พบได้ ดังนี้ 1.ข่าวลวงด้านสุขภาพยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเด็นที่เป็นกระแสสังคม เช่น กัญชา วัคซีน 2.พื้นที่ข่าวลวงใน Social Media แบบเปิดสาธารณะมีแนวโน้มดีขึ้นบ้าง แต่มีแนวโน้มขยายและเพิ่มความลึกขึ้นในพื้นที่เทคโนโลยีแบบปิด เช่น กลุ่มเฉพาะที่ไม่เปิดสาธารณะและกลุ่มไลน์ ซึ่งยากต่อการเฝ้าระวังด้วยเครื่องมือ Social Listening 3.ผู้ริเริ่มเผยแพร่ข่าวลวงอาจแบ่งได้เป็นอย่างน้อย 5 กลุ่ม (BBC) แต่ละกลุ่มมีบทบาทแตกต่างไปในข่าวลวงแต่ละลักษณะ แบ่งเป็น Joker, Scammer, Politicians, Conspiracy theorist, Insider 4.ข่าวลวงที่ตอกย้ำอคติหรือความเชื่อ/การเมืองในสังคม มีผลมากทั้งในเชิงความเสี่ยงสุขภาพและความแตกแยกในสังคม เช่น เรื่องฝีดาษลิงกับรักร่วมเพศ วัคซีนกับประเด็นทางศาสนา 5.เนื้อหาของข่าวลวงมีความเป็นสากลมากขึ้น เชื่อมโยงข้ามประเทศมากขึ้น จากหลายเหตุปัจจัย และ 6.การแสวงหาความจริงร่วมมีความสำคัญต่อการสร้างภูมิทางสังคมร่วมกัน โดยเฉพาะในประเด็นที่มีความซับซ้อน เช่น เรื่องข้าวหุงสุกแช่ตู้เย็นกับค่าน้ำตาลในเลือดสุขภาพstd47848• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยโจรไซเบอร์ ปั่นข่าวปลอม “ออมสิน”ปล่อยสินเชื่อ ปลอดดอกเบี้ยดร.เวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และโฆษกกระทรวงฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ กล่าวถึง ผลการมอร์นิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 12 - 18 พฤษภาคม 2566 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 3,189,887ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ(Verify) ทั้งสิ้น 274 ข้อความ ทั้งนี้ช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social listening จำนวน 240 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 34 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 189 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 85 เรื่องstd46493• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกัญชาสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับภาคีโคแฟค (COFACT) ประเทศไทย จัดเวทีสัมมนาไฮบริด นักคิดดิจิทัล ครั้งที่ 23 จากมะนาวโซดา ถึงกัญชารักษา (ไม่) ทุกโรค บทเรียนการรับมืออินโฟเดอมิกของสังคมไทย ณ ห้องประชุม 201 ชั้น 2 สสส. โดยเปิดเผย 6 แนวโน้มข่าวลวงสุขภาพ ปี 2022 Cofact Health Infodemics Trends 2022 โดย ChangeFusion เปิดเผยข่าวลวงที่พบได้ ดังนี้ยาสมุนไพรstd48069• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยมีวัคซีนป้องกันฝีดาษลิงได้แล้วจริงหรอค่ะเตรียมนำเข้าวัคซีนฝีดาษลิง รุ่น 3 เข้าไทยคาดครึ่งเดือนหลัง ส.ค.นี้kulanit1363• 3 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยวัคซีนป้องกันฝีดาษลิงเตรียมนำเข้าวัคซีนฝีดาษลิง รุ่น 3 เข้าไทยคาดครึ่งเดือนหลัง ส.ค.นี้KingTVz456za• 3 ปีที่แล้ว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ