(1558 ข้อความ)
- 1 คนสงสัย“กฎแห่งกรรม” ของ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญมีคนเล่าให้ฟังว่า... สมัยก่อน...คุณพงษ์เทพ กระโดนชำนาญ...ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต.. > แกอยู่ในป่า...กับเพื่อน ๕ ~ ๖ คน...ทุกวันก็จะเปลี่ยนเวรกัน...ล่าสัตว์ป่า...มาทำอาหาร > วันหนึ่ง...เป็นเวรของคุณพงษ์เทพ คว้าปืนยาว...สะพายบ่า.เดินเข้าป่าไป... > อาหารโปรดของคุณพงษ์เทพ.....คือแกงเนื้อลิง... > พอเดิน เข้าป่าไปได้สักพัก. เห็นลิงตัวหนึ่ง...นั่งอยู่บนต้นไม้...หันหลังให้.. > แกก็รีบยกปืนประทับบ่า...ยิงเปรี้ยง...ไปที่ตัวลิง.. > เหตุการณ์แปลกประหลาดได้เกิดขึ้น... > ปกติ...ลิงพอถูกยิง..จะหล่นตุ๊บ...จาก ต้นไม้ทันที... แต่ลิงตัวนี้...นั่งจับกิ่งไม้เฉย...ไม่หล่นลงมา... > จะว่ายิงไม่ถูก...ก็ไม่น่าเป็นไปได้...เพราะคุณพงษ์เทพ...แกยิงปืนแม่น... > ระยะแค่นี้ เป้าใหญ่ขนาดนี้...ไม่พลาดแน่นอน... > ในขณะที่กำลังสงสัยอยู่นั้น...ลิงตัวที่ถูกยิง...ร้องโหยหวน...เสียงดังมาก..... > ฝูงลิงที่แยกย้ายกันออกหากินอยู่บริเวณใกล้ ๆ ... วิ่งแห่กันเข้ามาหาลิงตัวที่ถูกยิง > แล้วร้องโหยหวน...เหมือนกันหมด... > แกตกใจ...ยืนตกตะลึง...ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น... > สักครู่...ลิงตัวที่ถูกยิง. โยนวัตถุเล็ก ๆ...สีดำ ๆ..ชิ้นหนึ่ง...ให้กับลิงตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด... > แล้วก็หล่นตุ๊บ...ลงมาจากต้นไม้... > คุณพงษ์เทพ...รีบวิ่งไปดู...ลิงถูกยิงเข้าที่หลัง... ทะลุหน้าอก...เลือดแดงฉาน..เต็มตัว... > คุณพงษ์เทพเห็นแล้ว...ต้องเบือนหน้าหนี... > ลิงที่ตกลงมาเป็นลิงแม่ลูกอ่อน...ขณะที่ถูกยิง.เธอกำลังให้นม ลูก... > ลูกตัว น้อย...กำลังดูดนมอย่างมีความสุข... > ทันทีที่ถูกยิง..ถ้าเป็นลิงตัวอื่น... จะหล่นตุ๊บ...ลงจากต้นไม้..... > แม่ลิงตัวนี้...ยังหล่นไม่ได้...ยังตายไม่ได้.. > เพราะเธอยังมีภารกิจใหญ่หลวงที่ต้องทำ...คือ... > รักษาชีวิตลูกน้อย...ให้พ้นอันตราย... > เธอกัดฟัน...โหนกิ่งไม้ไว้.แม้จะเจ็บปวดแทบขาดใจ... > มองดูเลือดที่ไหลหยดเป็นทาง ด้วยความตกใจ... > พยายามรวบรวมพละกำลังที่ยังพอมี! เหลือทั้งหมด... > ตะโกนสุดเสียง...ร้องเรียก.ฝูงลิงเข้ามาใกล้ ๆ.. > แล้วก็ฝากฝัง...ให้เลี้ยงลูกน้อยแทนเธอ > หลังจากโยนลูกให้จ่าฝูงแล้ว...มองดูลูก...ถูกพาไป จนลับสายตาแล้ว.. แน่ใจว่า...ลูกปลอดภัยแล้ว... > จึงหลับตา...แล้วหล่นลงมา.....ตาย.. คุณพงษ์เทพ...ก้มมองหน้าลิง..แล้วร้องไห้... > เพราะที่เบ้าตาลิง...มีหยดน้ำตาใส ๆ. กำลังไหลริน... > คุณพงษ์เทพ..รีบเดินกลับที่พัก...เอาปืนไปเผาทิ้ง...ไม่ยอมออกล่าสัตว์อีกเลยตลอดชีวิต.. > และภาพความรักที่ยิ่งใหญ่..ของแม่ลิง...ที่มีต่อลูกน้อย ...... > เป็นแรงบันดาลใจ. ให้พงษ์เทพ...แต่งเพลงขึ้นมาเพลงหนึ่ง... > ชื่อว่า... “ลิงทะโมน” > เพื่อยกย่อง...เชิดชู...คุณค่าของความรัก...ที่แม่...มีต่อลูก พงษ์เทพต้องเผชิญชตากรรมตามสนองคือ เป็นมะเร็งขั้นรุนแรงที่ตับ ไปผ่าตัดที่ รพ.กรุงเทพ มีทรัพย์สินขายเกือบหมด ตอนนี้เหลือบ้านเพียงแห่งเดียวที่ปากช่องพออยู่อาศัย โรคร้ายปะทุยังไม่หายนอนรอวันดับก็น่าสงสาร เพื่อน ๆ วงคาราบาวก็ไปเยี่ยมพร้อมกัน นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงครับภาคอีสานมีมstd48367• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 2 คนสงสัยยาผีบอกรักษาทุกโรคยาผีบอก คือ ผลิตภัณฑ์ยาแผนโบราณที่โฆษณาโอ้อวดสรรพคุณเกินกว่าความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นแก้ปวดเมื่อย รักษามะเร็ง โรคเก๊า ภูมิแพ้ รูมาตอยด์ ขับสารพิษ โดยจะมีลักษณะเป็นผงสีน้ำตาลอยู่ในบรรจุภัณฑ์สีใส อยู่ในหมวดหมู่ยาควบคุมพิเศษ ภายใต้การดูแลของแพทย์ ก่อนจะใช้ต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพราะมีผลข้างเคียงสูง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว แม้ว่าในช่วงแรกที่ใช้นั้นมันจะบรรเทาอาการความเจ็บป่วยได้ก็ตามstd47611• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกินฟ้าทะลายโจรหายจากโควิดจริงหรอยาฟ้าทะลายโจรมีสาร(Andrographolide) มีส่วนช่วยยับยั้งการแพร่เชื้อโควิด-19 ในผู้ป่วยอาการไม่รุนแรงจึงสามารถใช้รักษาในอาการเบื้องต้นได้เท่านั้น การทานยาฟ้าทะลายโจรไม่สามารถป้องกันเชื้อโควิด-19 ได้โควิด 2019ยาสมุนไพรstd47912• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอาหารเสริมคอลลาเจนชงดื่ม ที่เน้นเรื่องการเพิ่มความนุ่มชุ่มชื้น เนียนลื่น และขาวใสให้กับผิวความสวยความงามvaranya282551• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยแผ่นแปะเท้าเพิ่มความสูง อวดอ้างว่าสามารถช่วยเพิ่มความสูงจากเดิม 10-15 เซนติเมตร🙀นายภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์ชื่อดัง โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก หมอแล็บแพนด้า ถึงกรณีที่ในโซเชียวเริ่มมีการกลับมาซื้อขาย แผ่นแปะเท้าเพิ่มความสูง ที่อวดอ้างสรรพคุณช่วยเพิ่มความสูงจากเดิม 10-15 เซนติเมตร เพียงนำมาแปะที่ฝ่าเท้า โดยช่วงเวลาที่เพิ่มความสูงได้คือช่วงที่กระดูกยังอยู่ในช่วงที่มีการเจริญเติบโต โดยสามารถปฏิบัติได้ดังนี้ รับประทานอาหารที่เหมาะสม โดยเฉพาะสารอาหารที่จะช่วยเพิ่มความสูงได้ เช่น โปรตีน หรือแคลเซียม โปรตีนมีอยู่ในอาหารจำพวกเนื้อ นม ไข่ และแคลเซียมมีอยู่ในนมหรือผักใบเขียว ปลาตัวเล็ก ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนอย่างเพียงพอและมีคุณภาพ โดยควรนอนหลับอย่างน้อยวันละ 8 – 10 ชั่วโมง และควรเข้านอนก่อน 4 ทุ่ม เนื่องจากร่างกายจะผลิตโกรทฮอร์โมนที่ช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโตในขณะนอนหลับ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุขยาสมุนไพรStd47802• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอย่าแชร์มั่ว! อ.เจษฎ์ ย้ำอีกครั้ง ต้นตีนเป็ด "ไม่มี" สารพิษไซยาไนด์ แค่กลิ่นเหม็น (หอม?)เรื่องนี้เคยโพสต์เตือนกันทุกปี ในช่วงฤดูที่ต้นตีนเป็ดออกดอก และส่งกลิ่นแรง ว่าเป็นข่าวปลอมข่าวมั่วที่แชร์กันมานานแล้ว แต่วันนี้มีรายงานข่าวในสื่อ อ้างถึงแพทย์แผนไทยท่านนึง ที่บอกว่า "ดอกที่ส่งกลิ่นแรงๆ เป็นกลิ่นของ"ไซยาไนด์" มีผลต่อระบบหัวใจโดยตรง และการหมุนเวียนของเลือดด้วย หากสูบดมนานๆ เกิดอาการเวียนหัว หน้ามืด บริเวณท้ายทอยจะมีอาการตึง อาจจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ระบบหัวใจอาจล้มเหลวได้" ซึ่งก็ต้องขอแย้งอีกครั้ง ว่าเป็นแค่ข่าวปลอม ที่แชร์กันผิดๆ ครับ โดยรายการ "ชัวร์ก่อนแชร์" ของช่อง 9 อสมท. สำนักข่าวไทย ก็เคยทำรายงานตอนนี้เอาไว้เช่นกัน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญที่รายการไปสัมภาษณ์ ก็ระบุชัดเจนว่า กลิ่นของต้นพญาสัตบรรณหรือต้นตีนเป็ดนั้น ไม่ได้มีสารพิษไซยาไนด์อย่างที่ว่า เป็นเรื่องไม่จริง ไม่ควรแชร์ต่อstd46662• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสวดมนต์ สร้างกำลังใจ ปัดเป่าโควิด-19กรุงเทพฯ 10 พ.ค. – ในวันพรุ่งนี้วัดทั่วประเทศจะร่วมกันสวดบทเจริญพระพุทธมนต์มหาราชปริตร และรัตนสูตร เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับประชาชน และเพื่อความเป็นสิริมงคลของประเทศชาติ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งบทสวดนี้เคยใช้ปัดเป่าโรคระบาดร้ายมาตั้งสมัยพุทธกาล.-สำนักข่าวไทยข่าวการเมืองโควิด 2019วัคซีนโควิดผู้บริโภคเฝ้าระวังมีมstd46533• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยฟ้าทะลายโจรรักษาcovid 19ฟ้าทะลายโจรช่วยรักษาcovid 19โควิด 2019std47679• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผลิตภัช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วันแม่ค้าขายของออนไลน์ชื่อดังในเมืองจันทบุรี โพสต์คลิปลง TikTok ที่ใช้ชื่อว่า VKshop & Vpjeans ระบุว่า แพ้คอลซีลเลอร์รองพื้นตัวดังในเฟซบุ๊กและใน TikTok จนหน้าพังstd47672• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วันสำหรับข้อมูลในปัจจุบัน แนวทางเวชปฏิบัติการวินิจฉัย ดูแลรักษา และป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีติด COVID-19 พิจารณาใช้ฟ้าทะลายโจรในผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิด COVID-19 ที่รุนแรง และไม่มีข้อห้ามต่อการใช้ฟ้าทะลายโจร เนื่องจากข้อมูลจากการศึกษาเบื้องต้นพบว่า อาจช่วยลดโอกาสการดำเนินโรคไปเป็นปอดอักเสบได้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลการศึกษาผลการใช้ฟ้าทะลายโจรร่วมกับยาต้านไวรัสชนิดอื่น และไม่แนะนำให้ใช้ฟ้าทะลายโจรเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ฟ้าทะลายโจรอาจช่วยรักษาโควิดเฉพาะไม่ให้เชื้อลงปอดstd47672• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยใส่หน้ากากนานเลือดเป็นกรดจริงหรือไม่หลังจากมีข่าวออกมาว่าทั่วโลกโซเชียลว่า ใส่หน้ากากนาน ๆ จะทำให้ภาวะเลือดเป็นกรด เนื่องจากการใส่หน้ากากอนามัยจะทำให้เราหายใจเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่หายใจออกมากลับเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งจะทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนJidapha Petlim• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย“กฎแห่งกรรม” ของ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ มีคนเล่าให้ฟังว่า... สมัยก่อน...คุณพงษ์เทพ กระโดนชำนาญ...ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต.. > แกอยู่ในป่า...กับเพื่อน ๕ ~ ๖ คน...ทุกวันก็จะเปลี่ยนเวรกัน...ล่าสัตว์ป่า...มาทำอาหาร > วันหนึ่ง...เป็นเวรของคุณพงษ์เทพ คว้าปืนยาว...สะพายบ่า.เดินเข้าป่าไป... > อาหารโปรดของคุณพงษ์เทพ.....คือแกงเนื้อลิง... > พอเดิน เข้าป่าไปได้สักพัก. เห็นลิงตัวหนึ่ง...นั่งอยู่บนต้นไม้...หันหลังให้.. > แกก็รีบยกปืนประทับบ่า...ยิงเปรี้ยง...ไปที่ตัวลิง.. > เหตุการณ์แปลกประหลาดได้เกิดขึ้น... > ปกติ...ลิงพอถูกยิง..จะหล่นตุ๊บ...จาก ต้นไม้ทันที... แต่ลิงตัวนี้...นั่งจับกิ่งไม้เฉย...ไม่หล่นลงมา... > จะว่ายิงไม่ถูก...ก็ไม่น่าเป็นไปได้...เพราะคุณพงษ์เทพ...แกยิงปืนแม่น... > ระยะแค่นี้ เป้าใหญ่ขนาดนี้...ไม่พลาดแน่นอน... > ในขณะที่กำลังสงสัยอยู่นั้น...ลิงตัวที่ถูกยิง...ร้องโหยหวน...เสียงดังมาก..... > ฝูงลิงที่แยกย้ายกันออกหากินอยู่บริเวณใกล้ ๆ ... วิ่งแห่กันเข้ามาหาลิงตัวที่ถูกยิง > แล้วร้องโหยหวน...เหมือนกันหมด... > แกตกใจ...ยืนตกตะลึง...ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น... > สักครู่...ลิงตัวที่ถูกยิง. โยนวัตถุเล็ก ๆ...สีดำ ๆ..ชิ้นหนึ่ง...ให้กับลิงตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด... > แล้วก็หล่นตุ๊บ...ลงมาจากต้นไม้... > คุณพงษ์เทพ...รีบวิ่งไปดู...ลิงถูกยิงเข้าที่หลัง... ทะลุหน้าอก...เลือดแดงฉาน..เต็มตัว... > คุณพงษ์เทพเห็นแล้ว...ต้องเบือนหน้าหนี... > ลิงที่ตกลงมาเป็นลิงแม่ลูกอ่อน...ขณะที่ถูกยิง.เธอกำลังให้นม ลูก... > ลูกตัว น้อย...กำลังดูดนมอย่างมีความสุข... > ทันทีที่ถูกยิง..ถ้าเป็นลิงตัวอื่น... จะหล่นตุ๊บ...ลงจากต้นไม้..... > แม่ลิงตัวนี้...ยังหล่นไม่ได้...ยังตายไม่ได้.. > เพราะเธอยังมีภารกิจใหญ่หลวงที่ต้องทำ...คือ... > รักษาชีวิตลูกน้อย...ให้พ้นอันตราย... > เธอกัดฟัน...โหนกิ่งไม้ไว้.แม้จะเจ็บปวดแทบขาดใจ... > มองดูเลือดที่ไหลหยดเป็นทาง ด้วยความตกใจ... > พยายามรวบรวมพละกำลังที่ยังพอมี! เหลือทั้งหมด... > ตะโกนสุดเสียง...ร้องเรียก.ฝูงลิงเข้ามาใกล้ ๆ.. > แล้วก็ฝากฝัง...ให้เลี้ยงลูกน้อยแทนเธอ > หลังจากโยนลูกให้จ่าฝูงแล้ว...มองดูลูก...ถูกพาไป จนลับสายตาแล้ว.. แน่ใจว่า...ลูกปลอดภัยแล้ว... > จึงหลับตา...แล้วหล่นลงมา.....ตาย.. คุณพงษ์เทพ...ก้มมองหน้าลิง..แล้วร้องไห้... > เพราะที่เบ้าตาลิง...มีหยดน้ำตาใส ๆ. กำลังไหลริน... > คุณพงษ์เทพ..รีบเดินกลับที่พัก...เอาปืนไปเผาทิ้ง...ไม่ยอมออกล่าสัตว์อีกเลยตลอดชีวิต.. > และภาพความรักที่ยิ่งใหญ่..ของแม่ลิง...ที่มีต่อลูกน้อย ...... > เป็นแรงบันดาลใจ. ให้พงษ์เทพ...แต่งเพลงขึ้นมาเพลงหนึ่ง... > ชื่อว่า... “ลิงทะโมน” > เพื่อยกย่อง...เชิดชู...คุณค่าของความรัก...ที่แม่...มีต่อลูก พงษ์เทพต้องเผชิญชตากรรมตามสนองคือ เป็นมะเร็งขั้นรุนแรงที่ตับ ไปผ่าตัดที่ รพ.กรุงเทพ มีทรัพย์สินขายเกือบหมด ตอนนี้เหลือบ้านเพียงแห่งเดียวที่ปากช่องพออยู่อาศัย โรคร้ายปะทุยังไม่หายนอนรอวันดับก็น่าสงสาร เพื่อน ๆ วงคาราบาวก็ไปเยี่ยมพร้อมกัน นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงครับ https://youtu.be/U2jGXwBDClkภาคอีสานมีมไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ2 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยกัญชารักษามะเร็งเปิดใจ “เทพบุตรกัญชา”ใช้เวลา6ปีทดลอง ใช้น้ำมันกัญชารักษาโรคมะเร็งวันที่ 2 เม.ย. 2562 ความคืบหน้าจากการที่มีกลุ่มบุคคลที่ใช้นามแฝงว่า “อำนาจ มงคลเสริม” ทดลองใช้น้ำมันกัญชารักษาโรคมะเร็งและโรคอื่นๆ อีกหลายโรค ซึ่งถือเป็นผู้บุกเบิกการใช้กัญชาเพื่อการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ จากนั้นได้มอบให้สมาชิกในกลุ่มไปขอใช้สถานที่ของ วัดป่าวชิรโพธิญาณ ตำบลท้ายน้ำ อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร เป็นสถานที่แจกน้ำมันกัญชา โดยไปขออาศัยให้พระเป็นแจกน้ำมันกัญชาและใช้กุศโลบายทางพระพุทธศาสนา ให้ผู้ที่ป่วยเป็นโรคต่างๆ ว่าต้องอยู่ในศีลธรรมมีข้อห้าม เรื่องการกินอยู่ ที่ต้องปฏิบัติเพื่อให้สุขภาพแข็งแรงและใช้ธรรมะในการเสริมสร้างจิตใจให้เข้มแข็ง ซึ่งหลังจากมีภาพการแจกน้ำมันกัญชาแคปซูลเผยแพร่ผ่านสื่อก็ปรากฏว่าขณะนี้มีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องบุกเข้าไปในวัดป่าวชิรโพธิญาณ เพื่อให้คำแนะนำถึงข้อห้ามและข้อปฏิบัติทางกฎหมาย ซึ่งคงต้องติดตามต่อไปว่า จะถูกดำเนินคดีอย่างไร หรือไม่Klamongkhon Klinhom• 3 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยhttps://zd6-video.xyz/2832027167462276/แอคปลอมไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว2 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยhttps://youtu.be/m8MsWteuEGsไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยhttps://www.greenpeace.org/thailand/story/19662/plastic-3-everyday-foods-that-contain-microplastics/ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/print_news/TCATG210719185550954ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสายด่วน..ตำรวจไลน์ เตือน น่ะครับ ทุกท่าน ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ต้องเลิกส่ง สวัสดีตอนเช้า ด้วย ภาพพระ วัด ดอกไม้ ภาพสวยงามต่าง ที่ลอกมาจากไลน์ และ เฟส ทุกอย่าง ส่งไม่ได้ครับ เป็นการ ละเมิดลิขสิทธิ์ เจ้าของภาพ มิสิทธิ์ฟ้องร้องได้ทุกกรณี ต้องป้องกันตนเองไว้ก่อน ต้องหยุด ที่กระทุ่มแบนจับไปแล้วเสียเงินไป50000฿ตำรวจเรียก200000฿ต่อรองกันเหลือ50000฿เรื่องภาพที่เรา ใช้ส่งให้กันนี่แหละนะ. ไม่ต้องส่งแล้วก็ได้ มีอะไรก็ค่อยไลน์ถึงกันนะ. โชคดี. บาย ถ้าอยากส่ง ไปพบเห็นดอกไม้ แล้วถ่ายภาพด้วยตนเอง ถึงจะส่งได้ครับ ช่วงนี้หยุดก่อน ปลอดภัยครับ ไทยมีตำรวจไลน์แล้วนะ อย่าท้าทาย..เอาจริงแน่ๆ...ตำรวจไลน์เริ่มปฏิบัติงานแล้วครับ http://www.publicpostonline.net/5040 คนเล่นไลน์ต้องอ่าน ***ห้ามบอกว่าไม่รู้.. ใครๆก็ส่งกัน..ส่งต่ออีกทีภาคเหนือไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยนักวิทย์ค้นพบ การถือศิลอด กระตุ้นการเกิดสเตมเซลต่อสู้มะเร็งนักวิทย์ค้นพบ การถือศิลอด กระตุ้นการเกิดสเตมเซลต่อสู้มะเร็งMrs.Doubt• 5 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยอากาศร้อน ทำให้โควิดลดลงเนื่องจากเราเคยได้ยินกันมานักต่อนักแล้วว่า “ความร้อนสามารถฆ่าเชื้อโรคได้” ไม่ว่าจะเป็นการทานอาหารปรุงสุกร้อน ๆ การเอาช้อนส้อมจุ่มน้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อ ก็ล้วนแล้วแต่แสดงให้เราเห็นว่าความร้อนมีบทบาทมากแค่ไหนในการฆ่าเชื้อโรคที่อยู่ตามวัตถุต่าง ๆ แล้วถ้าหากกล่าวถึงเชื้อไวรัสหรือโรคร้ายล่ะ ความร้อนเหล่านี้จะสามารถกำจัดมันได้ไหม หรือที่หลาย ๆ คนอาจสงสัยกันว่า “ฤดูร้อนจะทำให้ไวรัส COVID-19 หายไปได้หรือไม่” คำตอบที่ท่านสงสัยอยู่ในบทความนี้แล้ว ฤดูร้อนทำให้ COVID-19 ลดลง จากข้อมูลของ WHO ได้ไขข้อข้องใจเอาไว้ว่าโดยปกติแล้วเชื้อโรคไวรัสตัวอื่น ยกตัวอย่างเช่นไวรัสไข้หวัดใหญ่จะมีอัตราการแพร่ระบาดลดน้อยลงจริงเมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน แต่หากนำไปเทียบกับ COVID-19 นั้นอาจมีส่วนช่วยในการลดอัตราการแพร่ระบาดได้ส่วนหนึ่ง เนื่องจากความชื้นในอากาศจะช่วยลดการลอยตัวฟุ้งกระจายของเชื้อโรคให้ตกลงสู่พื้นได้เร็วกว่าอากาศเย็น เป็นผลให้การแพร่เชื้อในอากาศลดลงนั่นเองโควิด 2019piradaparker• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยแก้วิธีการรักษา อาการตื่นมาฉี่บ่อย (nocturia) ของผู้สูงอายุตื่นขึ้นมาปัสสาวะบ่อย รุ่นพี่ที่เคารพท่านหนึ่ง ได้ส่ง VDO link ที่น่าสนใจมาให้ จาก NHK on demand video ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ ส.ว. ทั้งหมด (เกิน 250) แต่คนที่ยังไม่เป็น ส.ว. รู้ไว้ก็ไม่เสียหลาย เพราะอนาคตเราก็จะได้เลื่อนขั้นขึ้นไปกันทุกคนอยู่แล้ว เรื่องที่ว่านั้นก็คือ ปัญหาของการที่ต้องตื่นขึ้นมากลางดึกบ่อยๆ (nocturia) เพื่อไปฉี่ ปัญหานี้ ได้มีการทำวิจัยเมื่อต้นปีนี้เอง (กุมภาพันธ์ -เมษายน) ควบคุมโดย Toromoto Kazumasa อาจารย์หมอทางด้านระบบทางเดินปัสสาวะ (urologist) แห่งมหาวิทยาลัยแพทย์นารา (Nara Medical University) เนื่องจากโควิดมา ผลการวิจัยนี้จึงเพิ่งจะเผยแพร่สู่สาธารณชน เมื่อต้นเดือนธันวาคมนี้เอง การวิจัย ดำเนินการโดยให้ หนุ่ม Terakita เดินทางไปอยู่ที่บ้านคุณลุง Hayashi ทั้งวัน และทำกิจกรรมต่างๆเหมือนกัน โดยฉี่ให้หมดกระเพาะปัสสาวะ (bladder) ในตอนเช้า จากนั้น ให้กินอาหารเหมือนกัน ดื่มน้ำเท่ากัน ออกกำลังกายเหมือนกัน แล้วฉี่ใส่ถ้วยตวง วัดปริมาณเปรียบเทียบกันดู @07:30 เริ่มกินข้าว เป็นอาหารญี่ปุ่น มีน้ำอยู่ในอาหาร 600 mL (คำนวณโดย Yamaguchi Chikage นักโภชนาการ ของ Nara Medical University Hospital) และดื่มน้ำชา 530 mL รวม 1,130 mL ตอนสาย เจ้าหนุ่ม ฉี่ไป 4 รอบ 300+400+300+100 mL ส่วนลุงฉี่แค่ 2 รอบ 100+110 mL @12:30 มื้อกลางวัน เป็นแซนวิช มีน้ำแค่ 140 mL และดื่มน้ำเปล่าอีกคนละ 380 mL ตอนบ่าย ออกกำลังกาย ไปทำสวนด้วยกัน เข้ามาในบ้าน เล่น VDO game ด้วยกัน (ลุงแกเล่นได้ด้วยแฮะ) ตอนบ่าย เจ้าหนุ่มฉี่อีก 3 ครั้ง 350+200+150 mL คุณลุงก็ฉี่ 3 ครั้งเหมือนกัน แต่ปริมาณน้อยกว่า 40+180+70 mL จนเย็น @18:30 ได้เวลาจากกัน หลังจากอยู่ด้วยกันมาทั้งวัน ค่ำคืนนั้น ก่อนเข้านอน เจ้าหนุ่มฉี่อีก 4 ครั้ง 320+150+180+150 mL แต่ลุงฉี่แค่ครั้งเดียว 180 mL หมอใช้ ultrasound ตรวจดูน้ำในกระเพาะปัสสาวะ - เกือบไม่มีทั้งคู่ ก่อนเข้านอนตอนเที่ยงคืน ในวันนั้น น้ำ เข้าไปร่างกาย คนละ 2,730 mL เท่าๆกัน แต่ลุงมีน้ำเหลืออยู่ในร่างกายเยอะมาก ผลก็คือ เจ้าหนุ่มหลับรวด ไม่ได้ตื่นขึ้นมาฉี่ แต่ลุงต้องตื่นไปฉี่ 3 รอบ 130+420+280 mL วันต่อมาจึงรู้สึกเพลีย การที่กลางวันง่วง และต้องงีบบ่อยๆ เพราะกลางคืนตื่นบ่อย (nocturia) เพื่อไปฉี่ เนื่องจากน้ำที่ดื่มระหว่างวันยังค้างอยู่ในร่างกาย แต่น้ำนั้น ... ไม่ได้อยู่ในกระเพาะปัสสาวะ ! เชื่อหรือไม่ว่า มีความลับในร่างกายของเราอย่างหนึ่ง ก็คือ คนเรามีกระเพาะปัสสาวะที่สอง (2nd bladder) !! ในเมื่อน้ำ ไม่อยู่ในกระเพาะปัสสาวะ แล้วมันไปเก็บอยู่ที่ไหน? ที่ตับ (liver) หรือเปล่า เพราะแอลกอฮอล์ก็ยังไปกำจัดที่ตับ น้ำก็น่าจะไปด้วย … ไม่ใช่ ที่ไต (kidney) ใช่ไหม เพราะเป็นด่านแรก ที่น้ำจะต้องผ่าน ก่อนไปที่กระเพาะปัสสาวะ … ไม่ใช่อีก ที่เส้นเลือด (blood vessels) กระมัง เพราะในเลือดมีน้ำ อาจเก็บน้ำเพิ่มขึ้นได้ … ก็ไม่ใช่ แม้แต่ลำไส้ (intestine) ที่น่าจะมีที่เก็บน้ำไว้ได้มากทีเดียว … ไม่ใช่เหมือนกัน เพราะคำตอบที่ถูกคือ - น่อง (calves) ครับ ! เพื่อเป็นการพิสูจน์ เจ้าหน้าที่ได้ทำการวัดรอบน่องของลุง Hayashi ตอนตื่นนอนและก่อนนอน พบว่า น่องโตขึ้นจริงๆ (ขวา 40.5 => 42.7 ซ้าย 41.5 => 45.7 cm) ทีมงาน ได้นำอุปกรณ์วัดทันสมัย ไปที่บ้านลุง Hayashi เพื่อวัดปริมาณน้ำในส่วนต่างๆของร่างกาย แล้ว plot มาเป็นกราฟ พบว่า ช่วงเช้า น้ำในลำตัวและแขน เกือบคงที่ แต่น้ำในขา จะค่อยพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ช่วงบ่าย น้ำในขาเกือบคงที่ แต่ในแขนและลำตัวค่อยๆลด ส่วนตอนค่ำ ก่อนนอน น้ำในลำตัวค่อยๆลด ในแขนคงที่ แต่ในขายังพุ่งขึ้นต่อ สุดท้ายก่อนเข้านอน น้ำในขาของลุง Hayashi มีมากกว่าตอนเช้าถึง หนึ่งลิตรครึ่ง ! ทั้งนี้เพราะ ขาทั้งสองข้าง เป็นเหมือนแท็งค์น้ำ โดยน้ำจะแทรกอยู่ระหว่างกระดูกและผิวหนัง เรียกว่า “interstitium” เมื่อไม่มีน้ำ จะแฟบ พอมีน้ำก็จะพองหนาขึ้น น่อง จึงเหมือนถังน้ำ เก็บไว้ฉี่ทิ้งภายหลัง และนั่นเป็นสาเหตุที่ต้องตื่นขึ้นมาฉี่บ่อย คุณหมอ Sone Atsushi Director, Miyazu Takeda Hospital ยืนยันว่า มีคนไข้เป็นอย่างนี้หลายคน มีคำอธิบาย เขียนเป็นไดอะแกรมง่ายๆ เป็นวงจรของเส้นเลือดแดงจากหัวใจลงมาที่น่อง แล้วก็กลับขึ้นหัวใจทางเส้นเลือดดำ ส่วนกระเพาะปัสสาวะอยู่ตรงกลางระหว่างหัวใจกับน่อง การเต้นของหัวใจ กับการเคลื่อนไหวของน่อง จะเหมือนกับปั๊มสองตัวช่วยกันสูบฉีดน้ำในร่างกาย ถ้าน้ำมากไปก็จะไปปล่อยทิ้งที่กระเพาะปัสสาวะ เมื่ออายุยังน้อย ปั๊มที่น่องก็ยังแข็งแรงดีอยู่ ยิ่งเป็นเด็ก วิ่งกระโดดโลดเต้น น่องจึงแข็งแรง (เพราะฉะนั้น ถึงจะวิ่งไม่ไหว ก็ขยันเดินกันหน่อยนะครับ) แต่เมื่ออายุมากขึ้น น่องไม่ค่อยได้ทำงาน น้ำจึงมาบวมอยู่ที่ขา ด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก พอล้มตัวลงนอนตอนดึก น้ำส่วนเกินนี้จึงค่อยๆกลับมาที่กระเพาะปัสสาวะ จนทำให้ต้องลุกไปฉี่บ่อยๆ ดังนั้น ในปีนี้ ทางการแพทย์ที่ญี่ปุ่น จึงมีการปรับแก้วิธีการรักษา อาการตื่นมาฉี่บ่อย (nocturia) ซึ่งไม่มีการแก้ไขมาเลยในรอบสิบปี คุณลุง Ando เป็นคนหนึ่งที่ได้รับการรักษาวิธีหนึ่งในแผนใหม่นี้ สี่ปีมาแล้วที่เขาต้องตื่นมาฉี่ 4~5 ครั้ง ทุกคืน แถมลำบากที่ต้องปีนบันไดขึ้นลง เพราะห้องน้ำอยู่คนละชั้นกับห้องนอน พลาดพลั้งเกิดตกบันไดขึ้นมาก็ยุ่งอีก ชีวิตช่างน่าหดหู่เสียจริงๆ การฉี่บ่อย (nocturia) นำไปสู่ ความรู้สึกหดหู่ และกระดูกหัก !? พูดให้เว่อร์ไปหน่อย ... ความรู้สึกหดหู่ หรือ depression ก็เพราะอดนอน และกระดูกหัก ไม่ใช่เพราะฉี่บ่อยตรงๆ แต่เป็นสาเหตุเกี่ยวเนื่อง โดยเกิดจากการงัวเงียเมื่อตื่นขึ้นมา อาจจะทำให้หกล้ม หรือ ตกบันได แต่กระดูกหักในกลุ่มผู้สูงอายุนี่เรื่องใหญ่นะ วันหนึ่ง ลุง Ando ได้รับ “กล่อง” เพื่อการรักษา หนึ่งเดือนผ่านไป คุณลุงนอนรวดเดียวยันเช้า ไม่ต้องลุกไปฉี่เลย คุณลุง Ando ได้พบ “ทางรอด” แล้ว ที่สามารถจะใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง “ทางรอด” ในกล่องเล็กๆ ที่ทำให้ชีวิตของลุง Ando เปลี่ยนไปเลยนั้น คืออะไร ? คุณ Toshida Masaki Assit. Director, ศูนย์ศึกษาผู้สูงอายุ (แห่ง National Center for Geriatric & Gerontology) มาเฉลยว่า ภายในกล่องนั้น คือ ... “ถุงเท้ารัดน่อง” (compression stockings) ครับ ถ้าสวมมันไว้ตอนกลางวัน จะช่วยทำให้ขาไม่บวม และไม่เก็บน้ำไว้ ทำให้ฉี่ตอนกลางวันมากขึ้น ไม่เก็บไว้ไปฉี่ตอนดึกอีก นอกจากนั้น ยังมีคำแนะนำง่ายๆอีกอย่าง เป็นวิธีการบำบัดข้อที่สอง ที่คุณหมอได้แนะนำให้ลุง Hayashi ที่เข้าร่วมการทดลองในตอนแรก ลองกลับไปทำดู คือการนอนยกขาให้สูงขึ้นหน่อย ประมาณครึ่งฟุต สักครึ่งชั่วโมงในตอนบ่าย แต่อย่างีบหลับไปนะ เดี๋ยวกลางคืนจะนอนไม่หลับอีก คุณลุง Hayashi ได้ลองทำดูประมาณหนึ่งเดือน โดยเริ่มทำตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ด้วยการนอนยกขาพาด อ่านหนังสือ หนึ่งเดือนผ่านไป จากการต้องลุกไปฉี่ 3 หนในตอนก่อน ก็เหลือเพียง 1.5 ครั้งโดยเฉลี่ย การรักษานี้เป็นการบำบัดโดยเปลี่ยนอุปนิสัย (behavior therapy) ดีกว่าการใช้ยา เพราะว่าไม่มีผลข้างเคียง (side effect) คำแนะนำเพื่อการบำบัดดังกล่าว มี 3 วิธี คือ :- • สวมถุงน่องแบบรัด • ยกขา • งดกินเค็ม การงดกินเค็มที่แถมมาด้วยนั้น เพราะ การกินเค็ม นอกจากจะทำให้ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นแล้ว ยังทำให้ร่างกายเก็บน้ำไว้ด้วย ของแถมอีกอย่างที่บางคนอาจจะเมิน คือ หมอเขาแนะนำให้เลิกการ “กรุ๊บๆ กรั๊บๆ” ในตอนเย็น เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แถมกับแกล้มกินเล่นซึ่งมักจะมีเกลือเยอะ จะช่วยกันเรียกความกระหายให้ร่างกายดื่มน้ำมากขึ้น สังเกตได้ว่าถ้ากินเลี้ยงตอนเย็น คืนนั้นก็จะฉี่มากขึ้น คำถามว่า สวมถุงรัดน่องด้วย พร้อมกับนอนยกขาด้วย ได้ไหม - Dr. Yoshida บอกว่า ไม่มีปัญหา แต่สวมถุงรัดน่องไปกินเลี้ยงตอนเย็นนี่คงไม่ช่วยเท่าไหร่นะ งานนี้ สงสัยจะมีคนขอเลี่ยงบาลีไปดื่มตอนเที่ยงแทน คำแนะนำแนวทางทั้งสามนั้น คงจะเป็นประโยชน์กับศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ส่วนเรื่องถุงรัดน่องนั้น ถ้าไปหาตามร้านขายยา ก็จะมีถึงสามชนิดให้เลือก คือ สูงแค่เข่า ซึ่งสวมง่ายหน่อย ยาวขึ้นมาหน่อยคือสวมทั้งขา และที่ยาวสุดคือ สวมขึ้นมาถึงเอว ชอบแบบไหนก็เลือกได้ตามสะดวกครับ รวมทั้ง น่าจะมีขนาดให้เลือกด้วย และสามารถสวมใส่ได้ทั้งวัน อย่างไรก็ตาม คุณหมอมีคำเตือนสำหรับคนที่เป็นโรคหัวใจหรือเบาหวานว่า ให้ปรึกษาหมอหน่อยก็ดีนะ เรื่องที่จะหาอะไรมารัดน่องนี่น่ะ ที่ง่ายคือการนอน (อย่าหลับ) ยกขาขึ้นมาพาดอะไรที่สูงหน่อยในตอนบ่ายนั้น ก็ต้องบริหารเรื่องเวลาเหมือนกัน ไม่เร็วไป (เพิ่งผ่านเวลาเช้ามาหยกๆ) หรือช้าไป (จะเข้านอนอยู่แล้ว) เพราะจะไม่ได้ผลดีเท่าที่ควรทั้งคู่ เวลาแดดร่มลมตก นึกถึงเปลญวนขึ้นมาทีเดียว เพราะเป็นเปลที่ขาถูกยกขึ้นมา ไม่ได้นอนราบๆ แต่ไม่มีเปลญวนก็ไม่เป็นไร หาอะไรหนุนขาเอาก็ได้ อย่างไรก็ตาม วันนี้ ผมเลยได้ไอเดีย ที่ทำให้ชีวิตสบายขึ้นเยอะ เพราะว่า ... แทนที่จะนั่งเขียนบทความ บ่ายวันนี้ ผมนอนยกขาเขียนครับ !! ... @_@ ... วัชระ นูมหันต์ 20 ธันวา 63ผู้บริโภคเฝ้าระวังMrs.Doubt• 5 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยข้อความด้านล่างนี้ส่งต่อกันทางไลน์มาหลายกลุ่ม ไม่มีที่มาที่ไป เข้าไปดู line และ fb ของโรงพยาบาลศิริราชแล้วก็ไม่พบเจอ ขอความกรุณาช่วยตรวจสอบให้ด้วยว่าจริงไหม ................ แจ้งข่าวจากรพ.ศิริราชครับ เรียนคณบดี ผู้บริหาร หัวหน้าภาคฯ อาจารย์ แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่าน วันนี้ทีมผอ รองผอ ร่วมกับทีมวิศวกรรมศิริราช วิศวะมหิดล วิศวะเกษตร สมาคมวิศวกรที่ปรึกษาแห่งประเทศไทย บริษัท PAC บริษัท Meinhard บริษัท วและสหาย บริษัท KLA บริษัท power line บริษัทกรีไทย และบริษัท interpac ได้สำรวจอาคารในศิริราชทั้งวัน รวมถึงหอพัก 8 ไร่ ดำเนินการโดยวิศวะที่มีใบอนุญาตรับรองการตรวจสำรวจ และแบ่งทีมออกสำรวจทั้งหมด 8 ทีม ผลสำรวจอาคารทั้งหมดที่ได้สำรวจ เป็นดังนี้ 1. พบตำแหน่งจุดวิกฤตมาก (สีแดง) ได้แก่ ก. ทางเชื่อมระหว่างตึกสยามินทร์ชั้น 6 กับตึกเฉลิมพระเกียรติฯ ข. ทางเชื่อมระหว่างตึกสยามินทร์(ห้องผ่าตัด)ชั้น 3 กับตึกเฉลิมพระเกียรติ ทั้งสองจุดมีความเสี่ยงสูงมากในการหลุดร่วงทั้งทางเชื่อมตกลงมาชั้น 1 (ทั้งสองทางเชื่อม) (ถ้าไปยืนดูจะเห็นว่าแกว่งอยู่ตลอดเวลา) ซึ่งจะทะลุลงหลังคามายังทางเดินชั้น 1 ระหว่างตึกทั้งสอง จึงต้องปิดตั้งแต่ทางเดิน **ห้ามผ่านเด็ดขาด** ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แผนการแก้ไข จะเริ่มเข้ามาจัดการรื้อหลังคา ตั้งนั่งร้าน ตัดทางเชื่อม โรยส่งลงชั้นล่าง ทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 1.5 เดือน (เริ่มพรุ่งนี้) ผลกระทบ 1.ปิดช่วงทางเดินระหว่างตึกสยามินทร์และตึกเฉลิมพระเกียรติ ตั้งแต่ทางลงบันไดไปชั้น B1 ในด้านศิริราชมูลนิธิ จนถึงทางขึ้น ramp ฝั่งด้านตึกกายวิภาคฯ 2.บุคลากรจะต้องเดินผ่านขึ้นบันไดข้างตึกศิริราชมูลนิธิ ผ่านไปลงที่ ramp 3.การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยรถนั่ง เปลนอน รถเข็นต่างๆ ขึ้นทาง ramp 4.จะรีบดำเนินการสร้าง ramp ชั่วคราวพาดบันไดและเชื่อมไปบริเวณสนามหญ้าหน้าศิริราชมูลนิธิ เพื่อใช้ในการเคลื่อนย้ายรถนั่ง เปลนอน ได้นำเรียนถึงความจำเป็นของการดำเนินการแผนนี้ต่อศิริราชมูลนิธิแล้ว ซึ่งจะมีแผนย้ายจุดรับบริจาคกลับมายังตึกมหิดลบำเพ็ญใหม่อีกครั้ง 2. ตำแหน่งจุดวิกฤตปานกลาง (สีเหลือง) ได้แก่ ก.ทางเชื่อมระหว่างตึกพระศรี 100 ปีและตึกโกศล พบว่าโครงสร้างตึกแข็งแรง แต่พบว่ามีพื้นผิวแผ่นปูนตกลงมาที่ทางเดิน และจะมีโอกาสตกเพิ่มขึ้น การแก้ไข วันนี้เริ่มตั้งนั่งร้านขึ้นแก้ผิวฉาบ แต่ต้องระมัดระวังสายต่างๆที่เชื่อมโยง ใช้เวลาดำเนินการ 5 วัน ในระหว่างนี้จะปิดกันทางเดินตั้งแต่ทางออกตึกพระศรี (ข้างร้าน ณ ศิริราช) ที่ต้องเดินผ่าน ramp และซอกทางเดินระหว่างสองตึกนี้ เนื่องจากเศษปูนมีชิ้นใหญ่มาก ให้เดินผ่านทางหน้าร้าน S&P แทน ข.หอพัก 8 ไร่ จากการตรวจสอบภายในตัวอาคารทั้งสองตึก (ตรวจทุกชั้นรวมที่จอดรถ) ไม่กระทบโครงสร้างใด ๆ เป็นเพียงรอยร้าวของผนังฉาบ แต่พบว่าด้านนอกของอาคาร A&B ด้านปลายทั้งสองฝั่งของทั้งสองตึก มีเศษปูนชิ้นใหญ่ที่สามารถร่วงหล่นลงมา ตึก A จะร่วงลงที่จอดรถด้านนอก ด้านสถานีรถไฟและอีกด้านเป็นด้านคนเดินเข้าตึก ตึก B เป็นด้านติดกับวัดและด้านที่เป็นที่จอดรถหน้าศูนย์ฟอกเลือด การแก้ไข จะต้องโรยตัวลงมากระเทาะพื้นผิวทั้ง 4 ฝั่ง ฉาบพื้นผิวใหม่ ผลกระทบ จะกั้นพื้นที่ช้้น 1 ห้ามจอดรถ ห้ามเดินผ่าน และเข้าแจ้งให้ทางวัดทราบ 3. จุดที่พบว่า ไม่พบความเสียหายต่อโครงสร้างหลัก (สีเขียว) อาคารที่สำรวจมีความปลอดภัยในการใช้งาน ยืนยันไม่มีผลต่อโครงสร้าง ก.ตึกที่พบว่าเป็นการแตกร้าวของผนังฉาบหลายชั้น ได้แก่ ตึกนวมินทรฯ ตึกเฉลิมพระเกียรติฯ ตึกศรีสวรินทราฯ ซึ่งจะดำเนินการเข้าพื้นที่เพื่อซ่อมแซม แก้พื้นผิว ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ไล่ตามตึกที่แจ้ง ข.กระเบื้องห้องน้ำหอผู้ป่วยนวมินฯ 12 ที่กำลังจะหลุด 3 ห้อง และที่แขวนทีวี ได้ดำเนินแก้ไขวันนี้แล้ว ค.ฝ้าที่มีความเสี่ยงหลุดร่วงที่โถงตึกศรีสวรินฯ ชั้น 1 ได้ดำเนินการแก้ไขวันนี้แล้ว (วันนี้มีระดับคนงานจากภายนอกมาเตรียมพร้อมแก้ไขหน้างานเลยประมาณ 30 คน) ง.แผ่นผนังกระเบื้องหินหลังพระรูปปั้นสมเด็จย่า มีความเสี่ยงที่จะหลุดร่วงทั้งสองแผ่น จะรีบดำเนินการแก้ไขในวันพรุ่งนี้ จ.ทางเชื่อมระหว่างศูนย์โรคหัวใจและตึกนวมินฯ มีความแข็งแรงปกติ ในการสำรวจมีการลงนามรับรองในส่วนสีเขียวโดยวิศวกร จึงเรียนมาเพื่อให้ทุกท่านได้เกิดความมั่นใจ และโปรดประชาสัมพันธ์ให้ทุกหน่วยงานทราบถึงผลการสำรวจดังกล่าว ตลอดจนความจำเป็นในการปิดทางสัญจรทางช่่วง ขอบคุณมากครับ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช สรุปว่าตั้งแต่ 1 เมษายน 2568 1. ทางเข้าออกปัจจุบัน(ก่อน 1 เมษายน) ยังเหมือนเดิม ยกเว้นกรณีรถมาจากท่าน้ำวิ่งมาสี่แยกศิริราช ห้ามเลี้ยวขวาเข้าประตู 1 (ประตูตึกอุบัติเหตุ) 2. เพิ่มทางเข้าด้านตึกสลากสำหรับรถที่มาจากสะพานอรุณอัมรินทร์สามารถเลี้ยวซ้ายเข้าประตู 4 ได้ไม่ระบุชื่อ• 9 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัย#เสินเจิ้น กับ ซานฟรานซิสโก…เรื่องจริงไม่ได้ออกสื่อทางการ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2023 นายกาวิน นิวซัม(Gavin Newsom) ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เดินทางไปเยือนจีน เมืองแรกที่ไปถึง คือ เมืองเสินเจิ้น ภาคใต้ของจีน นาย นิวซัม ได้ทดลองนั่งรถบัสไฟฟ้ารุ่นใหม่ และ รถยนต์พลังงานใหม่ ของบริษัท BYD แล้วชื่นชมว่า เทคโนโลยีรถยนต์พลังงานใหม่ ของจีน เป็นเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด และ สิ่งที่ทําให้นายนิวซัมรู้สึก สะเทือนใจ คือ สภาพแวดล้อมที่สะอาด สวยงาม และ เจริญรุ่งเรือง ของเสินเจิ้น เขาพูดซ้ำแล้ว ซ้ำอีกว่า อากาศที่นี่ดีมาก (the air is so clean) สภาพแวดล้อมที่เสินเจิ้น ดีมากๆ ในฐานะสมาชิกอาวุโส ของพรรคเดโมแครต นายนิวซัมให้ความสำคัญอย่างยิ่ง กับปัญหาสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ตามรายงานของสื่อต่างประเทศ เขาใช้โทรศัพท์มือถือของเขาเอง เพื่อโชว์ให้นายกเทศมนตรีเมืองเสินเจิ้นเห็นถึง แอป อุจจาระ ในนครซานฟรานซิสโก ! จะทำให้ เห็นว่า ตามถนนสายต่างๆ ของ ซานฟรานซิสโก มีอุจจาระอยู่ตรงไหน เพื่อจะได้ไม่เผลอ ไปเหยียบอุจจาระของคน เมื่อออกไปเดินเล่น นี่เป็นซอฟต์แวร์ ที่ทางการ ของ ซานฟรานซิสโก เผยแพร่ เหตุผลก็คือ ผู้คนในซานฟรานซิสโก มักจะถ่ายอุจจาระไม่เป็นที่ แอปนี้ ได้รับความนิยมอย่างมาก จากชาวเมืองซานฟรานซิสโก เพราะพวกเขา เบื่อหน่าย กับ สิ่งเลวร้ายที่อยู่บนพื้นถนนมานานแล้ว จึงพากันถ่ายรูปและ อัปโหลด “สมบัติกลิ่นเหม็น” ในสหรัฐ ที่พวกเขาพบตามถนนหนทาง สถิติ ที่เกี่ยวข้องแสดงให้เห็นว่า ห้องน้ำสาธารณะ ทั่วเมืองซานฟรานซิสโก มีเพียง 126 แห่ง และ ห้องน้ำสาธารณะส่วนใหญ่จะปิดในเวลากลางคืน ห้องน้ำสาธารณะ ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง มีเพียง 28 แห่งเท่านั้น ส่วนที่ เสินเจิ้น มีห้องน้ำสาธารณะ 4,715 แห่งที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งมากกว่าซานฟรานซิสโก หลายร้อยเท่า นอกจากนั้น จีนมีข้อกำหนดว่า สถานที่สาธารณะต่างๆ รวมถึงโรงแรม ไม่สามารถปฏิเสธ เมื่อ ประชาชนขอเข้าไปใช้ห้องน้ำ เหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ซานฟรานซิสโก เกลื่อนด้วยอุจจาระ ก็เพราะว่า คนจรจัด มีมากเกินไป คนติดยา ก็มีมาก ตามสถิติ ของสหรัฐอเมริกา มี "คนจรจัด" ในซานฟรานซิสโก จำนวนวกว่า 8,000 คน จำนวนผู้ติดยาเสพติด นับไม่ถ้วม ซานฟรานซิสโก ก็เหมือนกับเมืองอื่นๆ ในสหรัฐอเมริกา ที่เปิดร้านขายยาเสพติด ที่ดำเนินการโดยรัฐได้โดยไม่ผิดกฎหมาย เหล่าคนจรจัด และ ผู้ติดยาเสพติด จึงถ่ายอุจจาระ และ ทิ้งขยะไปทุกที่ ส่วนในเวลากลางคืน ก็จะนอนกับพื้นถนนนั้นเอง ในระหว่าง การเยือนจีน ของนายนิวซัม นอกจากเสินเจิ้นแล้ว เขายังไปเยือนอีก 5 เมือง ด้วยสภาพแวดล้อม ที่สวยงาม ไม่ต่างกับเมืองเสินเจิ้นเลย เมื่อเร็วๆ นี้ การประชุมเอเปค จัดขึ้นที่ซานฟรานซิสโก ทางการซานฟรานซิสโก ระดมเจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐ และ จ้างแรงงานอีกกว่า 1,000 คน ทำความสะอาดถนนหนทางให้สะอาดเรียบร้อย ตัวเมืองแบ่งเป็น 24 เขต โดยมี 12 เขต ที่เกี่ยวข้องกับการประชุม และ ห้ามคนจรจัดเข้าไปใน 12 เขต ที่ทำความสะอาดเพื่อรองรับการประชุม ผู้ที่ถ่ายอุจจาระลงบนถนนจะถูกจับทันที แต่อีก 12 เขต ที่เหลือ ยังเหมือนเดิม เพราะจำนวนแรงงานทำความสะอาดไม่เพียงพอ สิ่งที่ทำให้สะเทือนใจ คือ สื่อชาติตะวันตก เมื่อเร็วๆ นี้ โดย นิตยสาร ดิ อีโคโนมิสต์ (The Economist) ของอังกฤษได้ประกาศ การจัดอันดับดัชนีความปลอดภัย ของเมืองทั่วโลกประจำปี 2023 โดยมีชื่อ 60 เมืองดีเด่น ของโลก ซานฟรานซิสโก ซึ่งมีอุจจาระ ตามถนนทั่วเมือง ได้รับการจัด อยู่ในอันดับที่ 13 ของโลก ถึงแม้มีห้องน้ำสาธารณะเพียง ไม่กี่สิบแห่ง แม้ มีผู้ติดยาเสพติดอยู่ทุกหนทุกแห่ง แสดงถึง ความมีอคติ ของสื่อชาติตะวันตก โดย กรุงปักกิ่ง จัดอยู่ในอันดับที่ 31 เซี่ยงไฮ้ จัดอยู่ในอันดับที่ 32 เมืองเสินเจิ้น ไม่ติด 60 เมืองดีเด่น ถึงแม้ มีจำนวนห้องน้ำสาธารณะที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ถึง 4,715 แห่ง มีมากกว่า ซานฟรานซิสโก หลายร้อยเท่า (ที่ซานฟรานซิสโก มีห้องน้ำสาธารณะ เพียง 26 แห่ง ที่เปิดตลอด 24 ชม.)อีกทั้ง เสินเจิ้น ไม่มีคนจรจัด ไม่มีผู้ติดยาเสพติดแร่ร่อนตามถนน เหมือนซานฟรานซิสโก ก็ตาม เหลือเชื่อจริงๆ ไหมล่ะ ในรายงานของ นิตยสาร ดิ อีโคโนมิสต์ (The Economist) ของอังกฤษ ที่ มีอคติ เอียงกระเท่เร่ข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยปากกาฟอกฟันขาวอันตรายจริงหรือไม่ ?“ปากกาฟอกฟันขาว” อันตรายจริงหรือไม่ ? ปากกาฟอกฟันขาวที่กำลังเป็นที่นิยมบนโลกออนไลน์ อุปกรณ์ช่วยเสริมความมันใจให้กับรอยยิ้ม ที่ราคาจับต้องได้ แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าไม่มีอันตรายที่ซ่อนอยู่ จากการสืบค้นข้อมูลพบว่า กรมอนามัยได้ให้ข้อมูลว่าอุปกรณ์ฟอกฟันขาว ที่ขายกันตามอินเตอร์เน็ตนั้น อาจจะมีสาร "ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์" สูงกว่า6 % และอาจจะสูงถึง15 % ซึ่งปกติ ถ้าสูงกว่า 6% ต้องได้รับความควบคุม โดย อย. เพราะสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซต์ ซึ่งมีฤทธิ์ในการฟอกสีให้ขาวขึ้นนั้น ถ้ามีความเข้มข้นสูงมาก จะเป็นอันตราย กัดกร่อนเนื้อฟัน ทำให้เนื้อฟันเสียหาย และเสียวฟันมากขึ้นได้ ถาดที่ใช้ครอบฟัน ในการฟอกสีฟัน ก็ควรทำเป็นรายบุคคลโดยทันตแพทย์ จึงจะพอดีกับฟันของแต่ละคน เพราะถ้าไม่พอดี สารฟอกฟันจะไปโดนเหงือก อาจทำให้เหงือกบวม อักเสบได้ การฟอกสีฟัน สิ่งแรกที่ควรทำคือการมาพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยสาเหตุของสีฟันเพื่อวางแผนการรักษา ตรวจสุขภาพฟันให้แน่ชัดว่าไม่มีฟันผุ อาการเสียวฟัน เนื่องจากภาวะเหงือกร่น หลังจากนั้นจะขูดหินปูน หรือขัดคราบสีออก แล้วจึงพิมพ์ปากคนไข้เพื่อสร้างแบบจำลองฟัน นำมาทำถาดฟอกสีฟันโดยทำการบันทึกสีของฟันก่อน จากนั้นจึงทำการรักษาต่อไป (แหล่งข้อมูล : https://www.thaihealth.or.th และ https://cofact.org) ทพ.พิชัย งามวิริยะพงศ์ ทันตแพทย์ชำนาญการ โรงพยาบาลสุทธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ให้ข้อมูลว่า สารที่ใช้ในการฟอกสีฟันมีส่วนประกอบหลัก คือ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือ คาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ แส่วนมากจะใช้ความเข้มข้นอยู่ที่ประมาณ 25-40% แล้วนำน้ำยาทาบนฟันทิ้งไว้ ทำ 3 รอบ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยมีการใส่อุปกรณ์ที่ทำมาเพื่อป้องกันเหงื่อให้คนไข้ โดยจะได้รับการพิมพ์ฟันทั้งฟันบนและฟันล่าง เป็นถาดสำหรับแต้มน้ำยาฟอกสีฟันเฉพาะบุคคลนั้น ๆ เพราะแต่ละบุคคลจะมีลักษณะฟันที่ไม่เหมือนกัน เป็นการป้องกันไม่ให้ตัวน้ำยาไหลไปโดนเหงือกได้ และหลังทำเสร็จควรจะงดอาหารประเภทที่มีการติดสีมาก ๆ เช่น เครื่องดื่มน้ำอัดลม ชา กาแฟ และงดการสูบบุหรี่ บางครั้งสามารถเกิดอาการเสียวฟันได้ชั่วคราวประมาณ 1-2 สัปดาห์ อาจจะต้องหลีกเลี่ยงอาหารเย็นจัดไปก่อน ทั้งนี้ ทพ.พิชัย ให้ข้อแนะนำว่า ทันตแพทย์ไม่แนะนำการซื้อปากกาฟอกฟันขาวที่ให้ไปทำด้วยตนเอง การฟอกฟันขาวหรือการรักษาฟันจากอาการต่าง ๆ ควรปรึกษาก่อนทุกครั้ง เพื่อที่จะได้ตรวจและเลือกแนวทางการรรักษา หากซื้อผลิตภัณฑ์ทำเองอาจเกิดผลที่เป็นอันตรายได้ และถ้าหากตัดสินใจการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ต้องได้รับการควบคุมโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และดูว่าผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ไม่สูงกว่า 6% ตามที่ อย. กำหนด และควรมีคาร์บอกซี่โพลิเมทิลีน เป็นสารหนืดที่ทำไม่ไห้น้ำยาเหลวจนเกิน เพื่อให้น้ำยาเกาะติดบนผิวฟันได้ เพราะถ้าน้ำยาไหลไปโดยเหงือกอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองหรือไปทำให้เกิดเคมีคอลเบิร์นต่อเหงือกจะเกิดปัญหาตามมาได้ คนที่ไม่สามารถฟอกฟันขาวได้ 1.หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร 2.คนที่อายุต่ำกว่า 16 ปี เพราะชั้นเคลือบยังไม่ได้แข็งแรงมากพอ 3.ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพฟัน ควรได้รับการรักษาให้เรียบร้อยเสียก่อน เช่น ฟันผุแบบไม่รู้ตัว ฟันเป็นรู ฟันสึกจากการแปรงฟันแรงเป็นช่องเว้าเข้าไปแถวเหงือก ฟันร้าว มีรอยร้าวที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า หรือเดิมคนไข้เสียวฟันอยู่แล้วแค่กินน้ำเย็นกับไอศกรีมก็เสียวฟัน แล้วยังพยายามจะไปฟอกสีฟันก็จะเกิดปัญหาแทรกซ้อนตามมาได้ 4.คนที่มีการอุดฟัน อาจจะต้องมาตรวจกับทันตแพทย์ก่อนว่าวัสดุต่าง ๆ มันอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือเปล่า เพราะบางคนแบบอาจจะอุดตั้งแต่เด็กแล้วมีรูหรือมีช่อง น้ำยาเคมีเกิดมันเล็ดลอดแทรกเข้าไป ทำให้เกิดโพรงประสาทฟันอักเสบได้ 5.ไม่เคยรักษาโรคเหงือก เลือดออกตามไรฟัน หินปูนเกาะเต็มฟันหน้าทั้งบนทั้งล่าง ต้องรักษาโรคเหงือกให้เรียบร้อยเสียก่อน ดังนั้น การฟอกสีฟันควรทำโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น การจะซื้อปากกาฟอกฟันขาวมาใช้เองอาจจะไม่ได้เห็นผลเท่าที่ควร หรือเกิดอันตรายต่อตัวผู้บริโภคได้ และควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนรักษาฟันทุกครั้งสุขภาพธนกฤต ราชัย• 1 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเช็คตัวเองว่ามี 4 อาการที่เป็นสัญญานเตือนของร่างกาย ว่า มีโอกาสตายได้ ภายใน 1~ 10 ปีนี้แล้วแต่อาการมาก-น้อย - นักวิทยาศาสตร์ เผยก่อนเสียชีวิต ภายในเวลาไม่เกิน 10 ปี ร่างกาย จะส่ง 4 สัญญาณเตือนภัยล่วงหน้า - เรื่องนี้ ศึกษา มาจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน British Medical Journal วารสารการแพทย์อังกฤษ ที่ทำงานวิจัยในกลุ่มข้าราชการที่สูงอายุมากกว่า 65 ปี ถึง 6,000 คน (แรกเริ่ม ศึกษามาจากข้าราชการอายุ 35 ปี มากกว่า 10,000 คน จนภายหลัง ผ่านมา 35 ปี เหลือ 6,000 คน) ได้ผลว่า ประมาณ 1 -10 ปีก่อนเสียชีวิต ร่างกายจะส่งคำเตือนหลายอย่าง การจับสัญญาณเหล่านี้อย่างทันท่วงที และ แก้ไข 4 ตัวชี้วัดดังกล่าวได้ ก็สามารถชะลอความชราและ มีอายุที่ยืนยาวออกไปได้ - โดยนักวิทยาศาสตร์ได้พบ 4 ตัวชี้วัด ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการมีอายุยืนยาว หรือ อายุสั้นลง ได้แก่ - 1. ความเร็วในการเดิน - นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเลสเตอร์ ในสหราชอาณาจักรติดตามผู้คนจำนวนมาก เป็นเวลา 7 ปี และพบว่า (โดยไม่คำนึงถึงดัชนีมวลกาย) คนที่เดินเร็วขึ้นก็จะมีอายุยืนยาวขึ้นเช่นกัน เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่เดินช้า คนที่เดินเร็วจะมีอายุยืนยาวกว่าโดยเฉลี่ย 15-20 ปี - เนื่องจาก “การเดินเร็ว” จะตรงตามข้อกำหนดพื้นฐานในการออกกำลังกายอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด การทำงานของหัวใจและปอด การเดินต้องใช้การประสานงานของกระดูก กล้ามเนื้อ ระบบประสาท ฯลฯ - คนปกติ ควรรักษาความเร็วในการเดินไว้ที่ 0.9 เมตร/วินาที หากความเร็วต่ำกว่า 0.6 เมตร/วินาที แสดงว่ากล้ามเนื้อลีบอย่างรุนแรง หากสังเกตเห็นว่าความเร็วในการเดินลดลงมากเกินไป โอกาสเสียชีวิตภายใน 1 ~10 ปีข้างหน้า มีสูง ต้องรีบแก้ไขด้วยการฝึกเดินให้เร็วขึ้น อาจฝึกเดินช้า/สลับเดินเร็ว รอบละ 2-3 นาที เพียง 10 รอบ ก็เดินได้ 20~30 นาที ต่อวัน สัปดาห์ลั 5 วัน ก็เพียงพอสำหรับผู้สูงอายุแล้ว - 2. ความสามารถในการนั่งและยืน - ความสามารถในการนั่งและยืน สามารถช่วยทดสอบความยืดหยุ่นของเอ็นแขนขาส่วนล่าง และสุขภาพของข้อเข่าได้ ผู้ที่มีความยืดหยุ่นของเอ็นที่ดี และ ข้อต่อที่แข็งแรง จะมีโอกาสมีชีวิตที่ยืนยาวมากกว่า 10 ปี - เพื่อทดสอบความสามารถในการลุก/นั่ง สามารถเลือกเก้าอี้ที่ไม่มีที่วางแขน นั่งบนเก้าอี้โดยวางเท้าบนพื้น ใช้ 2 มือกอดอก จากนั้นลองยืนขึ้นจากเก้าอี้ แล้วนั่ง ภายในเวลา 30 วินาที โดยไม่ใช้มือช่วยเหลือ ~ ผู้ชาย ควรลุกนั่ง ได้มากกว่า 14 ครั้ง ~ ผู้หญิง ควรลุกนั่ง ได้มากกว่า 12 ครั้ง ถ้าลุกนั่งได้น้อยกว่า จำนวนดังกล่าว แสดงว่า กล้ามเนื้อสะโพก และ ขา อ่อนแรง ข้อเข่าไม่ดี มีโอกาสเสียชีวิตได้ภายใน 1~10 ปี ถ้าต้องการมีอายุยืนยาวมากกว่า 10 ปี ต้องพยายามลุก/นั่ง ให้ได้มากกว่า อัตราดังกล่าวข้างต้น (ข้าพเจ้า อายุ 78 ปี ทดสอบลุกนั่ง ได้ 26 ครั้ง ภายใน 30 วินาที แต่ก็ต้องไม่ประมาท เพราะ สังขารเริ่มเสื่อมถอยลงไปค่อนข้างมาก) - 3. แรงบีบมือที่ดี - ในทางการแพทย์ ความแข็งแรงของแรงบีบที่มือ ยังเป็นการวัดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยรวมของบุคคลอีกด้วย สามารถสะท้อนถึงคุณภาพของหัวใจได้ในระดับหนึ่ง โดยคนที่มีหัวใจทำงานปกติก็มีความแข็งแรงของแรงบีบมือที่ดีเช่นกัน - โดยปกติแล้ว ความแข็งแรงของแรงบีบมือจะวัดด้วยเครื่องวัดแรงบีบมือ (Hand Grip Dynamometer) จากข้อมูลของนักวิจัย ความแข็งแรงของแรงบีบในผู้สูงอายุคือ สำหรับผู้หญิง ต้องได้ผลวัดอย่างน้อย 18.5 กก. และ สำหรับผู้ชายคือ 28.5 กก. ถ้าไม่มีเครื่องวัด ก็พยายามฝึกให้มีแรงบีบมือมากๆไว้ก่อน เริ่มจากฝึก กำแบ บ่อยๆ จากนั้น ฝึกออกแรงกำบีบสิ่งของให้แน่น แล้วปล่อย กำบีบแล้วปล่อย ความแข็งแรงกล้ามเนื้อของแรงบีบที่มือก็จะสูงมากขึ้น โอกาสอายุยืนเกิน 10 ปี ก็จะมีมากขึ้น - 4. กิจวัตรประจำวันต้องทำได้ด้วยตัวเอง ได้แก่ : การแต่งตัว นุ่งกางเกง ไม่ลืมรูดซิป ไม่ลืมร้อยหูกางเกง/เข็มขัด เข้าห้องน้ำไม่ลืมกดราด ทำอาหาร ไปตลาด ก้มใส่ถุงเท้า/รองเท้าและ ทำกิจกรรมอื่นๆ ที่นั่งยองๆแล้วลุกขึ้นได้ไม่หน้ามืด หากทำได้ด้วยตัวเอง…โอกาสมีอายุเกิน 10 ปี จะมีมากขึ้น หากพบว่า การทำสิ่งเหล่านี้ กลายเป็นเรื่องยาก แสดงว่ามวลกล้ามเนื้อในร่างกาย ลดลงไปมาก โอกาสเสียชีวิตภายใน 1~10 ปี มีสูง Cr. หมอเฉพาะทางบาทเดียว https://youtu.be/R1ehX4adCog? ให้รีบแก้ไขด่วนด้วยการ 1.ออกกำลังกายให้เหงื่อออก 2.หยุดนํ้าตาลอุตสาหกรรม 3.หยุดอาหารเสริม เพราะอาจทำร้ายร่างกายมากกว่าจะเป็นประโยชน์(ให้แพทย์สั่งดีกว่า) 4.เลิกนอนดึก(ต้องหลับก่อน 23:00 น.)สุขภาพผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ
