(2461 ข้อความ)
- 1 คนสงสัยดีอีเอส เผยสถิติ "เฟคนิวส์" ปี 65 พบบิดเบือนนโยบายรัฐมากสุดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เผยสถานการณ์ข่าวปลอมปี 2565 พบข่าวปลอมมุ่งบิดเบือนเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลและข่าวสารราชการมาแรงทั้งปี รองลงมาด้านสุขภาพและเตือนภัยพิบัติPimyada Thongjan• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเอาผิดโฆษณา 'ถั่งเช่า' ดัง หลอกลวงสรรพคุณหวังโกยเงิน ดารา คนดังโดนด้วย ปรับสูงสุด 5 ล้านอย. -กสทช.เชือด โฆษณาถั่งเช่า เกินจริง หลอกลวงประชาชน ลงโทษแล้วกลับมาอีก เปลี่ยนพรีเซนเตอร์ ดารา คนดังโดนด้วย พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เผยว่ากสทช. ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข จัดการปัญหาการโฆษณาอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพทางสื่อวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ ตั้งแต่ตั้งแต่กลางปี 2561 ได้ตรวจสอบโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีอาจารย์ชื่อดังเป็นพรีเซนเตอร์ มีการใช้ตัวแสดงลักษณะคล้ายผู้ป่วยโรคเรื้อรัง นอนติดเตียง ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้สะดวก แต่เมื่อรับประทานถั่งเช่าของอาจารย์ มีอาการดีขึ้น เดินได้ ลุกไปเข้าห้องน้ำเองได้ ใช้ยาแผนปัจจุบันน้อยลงความสวยความงามstd48077• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยTaylor swift จัดคอนเสิร์ต แต่ไม่มีประเทศไทยในรายชื่อทัวร์!!Taylor swift นักร้องสาวมากความสามารถ ประกาศทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก แต่ในรายประเทศที่จะไปจัดคอนเสิร์ตดันไม่มีประเทศไทย😭😭std47895• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสำนักจุฬาราชมนตรีห้าม กัญชง กัญชา เป็นสิ่งที่ไม่อนุญาตทางศาสนาอิสลาม จริงหรือประกาศสำนักจุฬาราชมนตรี ไม่รับรองฮาลาล การใช้วัตถุดิบกัญชง กัญชา เมล็ดกัญชง กัญชา น้ำมันจากเมล็ดกัญชง กัญชา โปรตีนจากเมล็ดกัญชง กัญชา และผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของเมล็ดกัญชง กัญชา มาใช้ในกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ฮาลาล ไม่เป็นที่อนุญาตฮารอม (สิ่งต้องห้าม) ไม่สามารถรับรองให้เป็นผลิตภัณฑ์ฮาลาลได้ยาสมุนไพรภาคใต้ชุมพล ศรีสมบัติ• 4 ปีที่แล้วmeter: true3 ความเห็น
- 1 คนสงสัยกำลังมีการแชร์ภาพเพื่อให้ร้ายในหลวงรัชกาลที่ 9 “ในหลวงถูกใส่ร้ายว่าทรงให้สัมภาษณ์เมื่อ 6 ตุลา 19 ว่า ทหารฆ่านักศึกษา ไม่เป็นความผิด” ความจริงเป็นภาพที่พระราชทานสัมภาษณ์เมื่อปี พ.ศ. 2523 ผู้สื่อข่าวถามเรื่อง”ทหารที่ต้องออกไปรบกับข้าศึก และต้องยิงศัตรู จะถือว่าทำผิดต่อศาสนาหรือไม่” ในหลวงตรัสว่า “ทหารถือปืนเพื่อปกป้องประเทศ ไม่ถือว่าผิดต่อศาสนา” ไม่ได้ตรัสเรื่องทหารยิงนักศึกษา เมื่อปี 2519 อย่างที่ถูกใส่ร้าย เพราะไม่มีคำถามเรื่องการประท้วงเมื่อปี 19 และไม่ใช่ภาพเหตุการณ์ในวันที่ 6 ตุลา 2519 อย่างที่ใส่ร้าย แต่เป็นภาพเหตุการณ์และคำถามเรื่องทหารรบกับข้าศึก เมื่อปี 2523 ภาพที่ใส้ร้าย ใช้ภาพตัดต่อ เพื่อให้ได้ข้อความมาบิดเบือน เป็นภาพที่มาจากคลิปบันทึกพระราชดำรัสขณะพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่ได้พระราชทานสัมภาษณ์แก่เดวิด โลแมกซ์ ผู้สื่อข่าวบีบีซี ผ่านสารคดี Soul of a Nation – The Royal Family of Thailand (ศูนย์รวมใจของชาติ – พระราชวงศ์ไทย) เมื่อปี พ.ศ. 2523 ไม่ใช่ 6 ตุลาคม 2519 ช่วยกันแชร์ความจริง ไปให้ทั่วถึง ทั่วทั้ประเทศด้วยครับ เพื่อปกป้องในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงทำงานหนักทั้งชีวิตเพื่อคนไทย แต่ปัจจุบันถูกคนไทยรุ่นใหม่ให้ร้าย ทำให้ขาวเป็นดำ ทำให้คนดีกลายเป็นคนไม่ดี ทำให้พระผู้มีพระคุณต่อชาติและประชาชนมัวหมอง แต่กลับไปเชิดชูโจรปล้นชาติ ชมคลิปเพื่อเป็นการยืนยันที่ชัดเจนอีกที่ ได้ที่นี่: https://www.facebook.com/1234993066616474/posts/3326871547428605/?vh=e&extid=oMtrHhxfrVgAierP&d=nสุขภาพการเงินAI เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 2 คนสงสัยอยากให้แมวรัก แค่กระพริบตาช้าๆให้แมว จริงหรือ การการ ‘หรี่ตา’ ของมนุษย์นี้ หากทำถูกรูปแบบก็จะคล้ายกับสิ่งที่เรียกว่า ‘Cat Smile’ ได้ ซึ่งก็คือการที่น้องแมวค่อย ๆ กะพริบตาช้า ๆ ให้กับเราเพื่อแสดงความรักนั่นเอง และการที่มนุษย์สามารถทำเช่นนี้ได้ก็จะยิ่งทำให้เราดูน่าดึงดูดในสายตาของแมวมากยิ่งขึ้นnaydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยท่านผู้นี้คือ ประธานาธิบดีรัสเซีย เกิดที่นครเลนินกราด (เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก) เมื่อ 7 ตุลาคม 1952 ( พ.ศ.2495) วลาดีมีร์ วลาดีมีโรวิช ปูติน บุตรของนายวลาดีมีร์ สปีรีโตโนวิช ปูติน (ช่างขาพิการในโรงงานเหล็กตู้รถไฟ) กับนางมาเรีย อีวานอฟนา ปูติน (คนกวาดถนน รับจ้างขนขนมปัง ยามเฝ้าร้าน และทำงานทุกอย่างที่มีคนจ้าง) เกิดตอนแม่อายุ 41 ปี ครอบครัวนี้บุตรชาย 3 คน คนโตตายตอนอายุ 2 เดือน คนที่สองตายเพราะโรคคอตีบ คนที่ 3 ร่างกายผอมแห้งแรงน้อยไม่สมบูรณ์ เรียนหนังสือไม่เก่ง แต่ก็สามารถพัฒนาตัวเองจนกลายมาเป็นประธานาธิบดีสหพันธรัฐรัสเซีย เป็นผู้อพยบรุ่นที่ 3 มาจากมณฑลซันตง สาธารณรัฐประชาชนจีน คุณปู่ของปูติน ชื่อ หลัวผู่ถิง หรือมีชื่อรัสเซียว่า "สะพีลีตง ปูติน" ในช่วงปลายราชวงศ์ชิง ได้ติดตามเพื่อนบ้านย้ายจากมณฑลซันตง ไปตั้งรกรากที่เมืองซี ซื่อ มณฑลเฮยหลงเจียง วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย "วลาดิเมียร์ ปูติน" เกิดวันที่ 7 ตุลาคม ปี ค.ศ. 1952 (พ.ศ.2495) ที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เป็นผู้อพยบรุ่นที่ 3 มาจากมณฑลซันตง สาธารณรัฐประชาชนจีน คุณปู่ของปูติน ชื่อ หลัวผู่ถิง หรือมีชื่อรัสเซียว่า "สะพีลีตง ปูติน" ในช่วงปลายราชวงศ์ชิง ได้ติดตามเพื่อนบ้านย้ายจากมณฑลซันตง ไปตั้งรกรากที่เมืองซีซื่อ มณฑลเฮยหลงเจียง https://www.newtv.co.th/m/news/?id=20622 เพราะ "รองเท้า" คู่นั้น ที่เปลี่ยนโชคชะตาของโลกใบนี้ พ่อของสหายเก่าแก่คนหนึ่งเล่าเรื่องเก่าๆ ให้ฟังนานมากแล้วว่า ... ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาของสงครามโลกครั้งที่ 2 นาซีเยอรมันยึดนครเลนินกราด (เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก) ไว้หลายเดือนแล้ว ชาวเมืองอดอยากล้มตาย ทั้งจากสงคราม โรคระบาด และขาดอาหาร บ้านของพ่ออยู่กลางเมืองในสมรภูมิรบพอดี ต้องคอยหลบกระสุนกับระเบิดเกือบตลอด 24 ชั่วโมง แต่ถึงกระนั้นจะอยู่แต่ในบ้านก็ไม่ได้ จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตออกไปหาอาหารมาประทังชีวิต พ่อเองก็เป็นทหาร แต่ถูกระเบิดบาดเจ็บที่ขาจนทุพพลภาพ วันหนึ่งในขณะที่พ่อรอแม่กลับบ้าน คิดว่า อย่างน้อยมีขนมปังติดมือมาสักปอนด์ก็ยังดี เพราะนอกจากลูกชาย คนโตที่เสียชีวิตไปแล้ว ที่บ้านยังมีลูกชายเล็กๆ อีกคนหนึ่งที่ตั้งตารออาหารจากแม่ รอแล้วรอเล่าแม่ก็ไม่กลับมาสักที เสียงปืนต่อสู้อากาศยาน เสียงระเบิด เสียงปืนของการต่อสู้ภาคพื้นดินรัวถี่ยิบ เป็นเวลานานกว่าเสียงเหล่านั้นจะเงียบลง แต่แม่ก็ยังไม่กลับบ้าน แม่อาจหลบระเบิดอยู่ที่ไหนสักแห่ง เสียงรถทหาร เสียงไซเรนจากรถพยาบาล การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ ทันใดนั้นมีรถบรรทุกคันหนึ่งที่ขนศพคนที่ตายจากการโจมตีของนาซีเยอรมัน สุมๆ กันมาจอดตรงหน้าพอดี เพื่อจะรีบนำไปฝังในหลุมฝังศพรวมที่นอกเมือง พ่อมองดูศพเหล่านั้นโดยปราศจากความรู้สึกใดๆ มันมีแต่ความชาชินที่เห็นภาพแบบนี้ทุกๆ วัน ได้แต่คิดว่าเมื่อไรสงครามจะยุติเสียที บ้านเกิดของพ่อและที่อยู่ของครอบครัวจะได้สงบสุขสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ขณะที่คิดคำนึงอยู่นี้ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็น "รองเท้า"...มันช่างเหมือนกับรองเท้าที่พ่อซื้อให้แม่เสียเหลือเกิน ด้วยความสงสัยจึงขออนุญาตทหารที่คุมรถขึ้นไปดูศพที่สวมรองเท้าคู่นั้น ภายในรถที่มีศพกองสุมกันอยู่จำนวนมาก พ่อจับตามองรองเท้าคู่นั้นไว้ มือก็เลื่อนขยับศพอื่นๆ ที่ทับศพล่างสุดที่สวมรองเท้าคู่นั้นออก และแล้วพ่อก็มองเห็นแม่...พ่อรีบบอกทหารที่ขับรถว่า ศพนั้นคือภรรยาของเขา และขอนำศพภรรยาไปฝังเอง ซึ่งทหารก็เข้ามาช่วยยกร่างของแม่ลงมา และสังเกตเห็นว่าแม่ยังหายใจอยู่ แม้จะอ่อนแรงเต็มทีก็ตาม พ่อพยายามจะรีบนำแม่ส่งโรงพยาบาล แต่ทหารคนนั้นเตือนพ่อว่าแม่บาดเจ็บสาหัสมาก ถ้าเคลื่อนย้ายไปโรงพยาบาลอาจเป็นอันตราย ให้รอรถพยาบาลดีกว่า ซึ่งกว่ารถพยาบาลจะมาถึงพ่อบอกว่ามันนานมาก และนาทีนั้นพ่อไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว นอกจากอธิษฐานขอพรพระเจ้า ในที่สุดแม่ที่อดทนต่ออาการหนักหนาสาหัสผ่านการรักษาอยู่นานหลายเดือนจนหายเป็นปกติ ในระหว่างนั้นก็มีข่าวร้ายมาถึงครอบครัวนี้อีก คือลูกชายคนโตเสียชีวิต ส่วนลูกชายคนเล็กที่ถูกแยกจากพ่อแม่ไปเลี้ยงในศูนย์อภิบาลเด็กเล็กป่วยด้วยโรคคอตีบเสียชีวิตไปแล้วเช่นเดียวกัน ศพถูกนำไปฝังในหลุมศพรวมชานเมืองเลนินกราด พอสงครามยุติ ครอบครัวนี้เหลือกันอยู่แค่ 3 คน พ่อ แม่ และยาย เท่านี้เองจริงๆ ญาติพี่น้องอื่นๆ ตายหมดไม่เหลือสักคนเดียว สามีภรรยากลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ตอนนั้นแม่ซึ่งมีอายุ 43 ปีแล้วเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา ลูกหลงมาเกิดทดแทนลูกสองคนที่ครอบครัวนี้เสียไประหว่างสงคราม วันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ.1952 ลูกชายคนสุดท้องที่เป็นลูกคนเดียวของครอบครัวนี้ก็ถือกำเนิดขึ้นมา ใครจะคิดว่าอีกหลายสิบปีต่อมาเด็กชายคนนี้จะเติบโตขึ้นกลายเป็นประธานาธิบดีของประเทศที่มีดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลที่สุดในโลก เป็นประธานาธิบดีที่มีอิทธิพลต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างมหาศาล ใครจะคิด...ว่า "รองเท้า" คู่นั้น จะมีผลเปลี่ยนโชคชะตาของโลกใบนี้ข่าวการเมืองมีมไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยห้องคลอดทุกห้องต้องมีนาฬิกา อย่างน้อยหนึ่งเรือน ถ้ามีโอกาสเข้าไปสังเกตการณ์การคลอด คุณจะเห็นพยาบาลคนหนึ่งคอยเหลียวมองนาฬิกาเรือนนั้นทันทีที่ทารกคลอดออกมา เธอจะขานเวลาบนหน้าปัดตัวเลขชั่วโมง-นาทีจะไปปรากฏบนสูติบัตร ในช่องว่างหลังคำว่าเวลาคลอด และวันที่บนปฏิทินวันนั้นก็จะไปปรากฏอยู่บนบัตรประจำตัวอีกหลายใบในฐานะวันเกิด วันที่ชีวิตหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมา ขณะพยาบาลขานเวลา แพทย์จะใช้ลูกยางสีแดง ดูดน้ำคร่ำ-ที่อาจค้างอยู่-ออกจากปากและจมูกของทารก หลังแน่ใจว่าทารกหายใจเองได้ แพทย์จะใช้แคลมป์สองตัวหนีบสายสะดือไว้ รับกรรไกรที่พยาบาลยื่นส่งให้ จากนั้นจึงใช้มันตัดลงไประหว่างแคลมป์ทั้งสองตัว ฉับ! เลือด 2-3 หยดกระเซ็นอาบคมกรรไกร เลือดไม่กี่หยดนั้นเอง คือหลักฐานที่ช่วยยืนยันว่า ชีวิตก่อนการเกิดของพวกเรา มีอยู่จริง คนทั่วไปมักสับสนระหว่าง รก และสายสะดือ ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น จนกระทั่งมาเป็นแพทย์ ผมจึงได้รู้ และได้เห็นว่า รกและสายสะดือนั้น มีรูปร่าง และหน้าที่ไม่เหมือนกันเลยสักนิด รกเป็นก้อนกลมๆ นุ่มๆ แบนๆ ดูคล้ายแผ่นพิซซ่า ขณะที่สายสะดือมีลักษณะเป็นเส้นยาวๆ คล้ายสปาเก็ตตี้ รกแปะอยู่ที่ด้านในผนังมดลูกของแม่ โดยมีสายสะดือ ทำหน้าที่เชื่อมต่อ ระหว่างรกและทารก ถ้ายังไม่เห็นภาพ ลองนึกถึงสารคดีวิทยาศาสตร์สักเรื่อง ที่นักบินอวกาศต้องลอยเคว้งคว้างอยู่ในสภาพไร้น้ำหนัก สภาพนั้นไม่ต่างกันนัก กับสภาพของทารกในครรภ์มารดา ขณะทารกน้อยลอยคว้างท่ามกลางน้ำคร่ำในโพรงมดลูก สายสะดือ คือสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวเขาไว้กับยาน "แม่" ภายในสายสะดือคือ เส้นเลือดหลายเส้น ทารกจะได้รับสารอาหารจากแม่ผ่านเลือดที่ไหลเวียนในเส้นเลือดเหล่านี้ ขณะเดียวกันของเสียที่ทารกมี ก็จะถูกส่งผ่านเส้นเลือดเหล่านี้กลับไปยังแม่ของเขา และเข้าสู่ระบบกำจัดของเสียของแม่ต่อไป อาจพูดได้ว่า ช่วงหนึ่งในชีวิต เราทุกคนเคยดื่ม กิน ขับถ่าย และหายใจผ่านร่างกายแม่ของเรา คนทั่วไปอาจเรียกมันว่า สายสะดือ แต่สำหรับผมมันคือ "สายสัมพันธ์" สายสะดือคือ สิ่งยืนยันว่าชีวิตได้เริ่มต้นขึ้นแล้วก่อนหน้าวันเกิดของเรา เป็นชีวิตที่แตกต่างจากที่เราเคยเข้าใจ เป็นชีวิตที่ประกอบด้วยสองหัวใจ กับหนึ่งสายสัมพันธ์ ในห้องคลอด ผมคือชายที่ถือกรรไกร คุณอาจรู้สึกว่า ผมคิดมากเกินไป แต่คุณรู้อะไรมั้ย กรรไกรในมือของผมกำลังจะเปลี่ยนชีวิตที่ปลายทั้งสองของสายสะดือ วินาทีที่ผมกดคมกรรไกร นั่นคือวินาทีแรกที่สองชีวิตต้องแยกจากกัน หลังจากนั้น ทารกน้อยจะค่อยๆ เรียนรู้ที่จะหายใจด้วยปอดของเขาเอง เรียนรู้ที่จะกินได้เองด้วยปากของเขา ขับถ่ายได้เองด้วยระบบขับถ่ายของเขา เขาจะค่อยๆ เติบใหญ่ มีความคิด มีการรับรู้ และมีการสร้างความเข้าใจโลกของตัวเองขึ้นมา เขาจะเริ่มงอแงเมื่อบางอย่างไม่ได้อย่างใจ เขาจะเริ่มหงุดหงิด เมื่อคิดว่าไม่มีใครเข้าใจเขา เขาจะเริ่มพูดว่า แม่ไม่เคยเข้าใจผมหรอก เขาจะเริ่มบอกว่า แม่ไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหน และวันหนึ่งเมื่อเติบโตจนถึงวัย เขาก็จะจากแม่ของเขาไป ด้วยเหตุผลที่ว่า ผมอยากมีชีวิตของตัวเอง มาคิดๆ ดู ทั้งหมดนี้อาจเริ่มมาจากวินาทีที่คมกรรไกร ถูกกดลงไปบนสายสะดือ จากกรรไกร สองชีวิตจึงจากกันไกล เมื่อชีวิตหนึ่งสามารถดำรงชีวิตด้วยตนเองได้ สายสัมพันธ์ก็ไม่ใช่สายสำคัญอีกต่อไป มันกลายเป็นสายที่ไร้ประโยชน์ กลายเป็นสาย ที่ไร้ความหมาย กลายเป็นสายที่เกินไป กลายเป็นสายเกินไป สิ่งที่ผมทำไม่ใช่แค่การตัดสายสะดือ คุณอาจรู้สึกว่าผมโทษตัวเองเกินไป แต่คุณรู้อะไรมั้ย หมออย่างผมนี่แหละที่เป็นคนทำลายหลักฐานว่าแม่และทารกเคยเป็นหนึ่งชีวิตเดียวกัน แน่นอน ผมไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนั้น แต่โลกภายนอกไม่ได้ต้องการสายสะดือเหมือนโลกในครรภ์ และด้วยเหตุนั้น แพทย์อย่างผมจึงมีหน้าที่ต้องกำจัดมันไป โดยทั่วไปผมจะตัดสายสะดือให้เหลือตอสั้น ๆ ประมาณ 2 เซนติเมตรจากหน้าท้องของทารก ตอนี้จะค่อยๆ แห้งและหลุดไปไม่กี่วันหลังจากนั้น สายสะดือส่วนที่เหลือจะถูกส่งไปกำจัดพร้อมกับเศษเนื้อเยื่อและชิ้นเนื้ออื่น ๆ ของโรงพยาบาล นับจากวันนั้น เรื่องราวของชีวิตก่อนการเกิด ก็กลายเป็นเพียงอดีตที่สูญหาย เป็นเพียงตำนานที่ไม่มีใครรู้ว่าเคยมีอยู่จริง สายสะดือก็เลยกลายเป็นเหมือนสายลับ สายลับที่คอยลักลอบส่งอากาศและอาหาร สายลับที่ทำงานโดยไม่เคยเรียกร้อง ต้องการอะไร สายลับที่ไม่เคยมีใครเห็นหน้าค่าตา เป็นสายเลือดที่น้อยคนนักจะตระหนักว่ามันเคยมีอยู่จริงๆ การคิดว่า อยู่ๆ ชีวิตก็เกิดขึ้นมาในวันเกิด อาจทำให้คุณพลาดความหมายบางอย่างของชีวิต เพราะความจริงแล้ว ชีวิตที่ไม่เคยถูกนับเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต อาจเป็นช่วงชีวิตที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ ไม่มีช่วงเวลานั้น ไหนเลยจะมีคุณมานั่งอ่านบทความนี้ ผมเขียนบทความนี้เพื่อไถ่โทษให้กับการกระทำของตัวเอง ผมคือชายถือกรรไกร ผมทำลายหลักฐานทุกอย่างของชีวิตก่อนการเกิด ของใครหลายคน แน่นอน ผมไม่มีหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอันที่จะพิสูจน์สิ่งที่ผมเขียนมาทั้งหมดนี้ อย่างไรก็ดี ผมอยากให้คุณได้เห็นอะไรบางอย่าง ผมหวังว่ามันคงช่วยยืนยันสิ่งที่ผมเขียนมาได้บ้าง ขอเพียงคุณเปิดใจมากพอ เลิกชายเสื้อขึ้นดูสิครับ สิ่งที่ผมพูดถึงคือสิ่งที่อยู่กลางท้องของคุณ มองผ่านคราบขี้ไคลลงไป ลองใช้มือสัมผัสมันดูก็ได้ รู้สึกมั้ย นั่นแหละชีวิตก่อนการเกิดของคุณ ฉับ! สำหรับคนทั่วไปเสียงกรรไกรครั้งนั้น เปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่าง แต่สำหรับใครคนหนึ่ง เสียงนั้นไม่ทำให้เกิดความแตกต่างอะไรเลย เพราะหลังจากสายสัมพันธ์เส้นนั้นถูกตัดไป ใครคนนั้นก็ยังคงทำหน้าที่ส่งอาหาร จัดการเรื่องการขับถ่าย แม้กระทั่งดูแลเรื่องการหายใจให้กับใครอีกคนอย่างที่เธอเคยทำ เพียงแต่ครั้งนี้ เธอทำมันผ่านสายสัมพันธ์ทางใจ และเท่าที่ผมเห็นมา สายสัมพันธ์นี้ กรรไกรคมแค่ไหนก็ไม่สามารถตัดมันให้ขาดจากกันได้เลย ขอขอบคุณ นพ. คุณากร วรวรรณธนะชัย เจ้าของบทความ Dharma practices...ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยhttps://www.threads.com/@mhmnafee/post/DOFdyPkE7bh?xmt=AQF0LiqORoRH1D9O5D9L_sOTkRgLhT7JKOwJcbZPPdnr2AY&slof=1ข่าวไทยกัมพูชาข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! กะปิมี 10 ข้อดีที่ควรกินเป็นประจำFacebook Twitter Link Youtube ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อออนไลน์เรื่องกะปิมี 10 ข้อดีที่ควรกินเป็นประจำ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จYossapat Srisuwan• 2 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยทอม เครือโสภณ อัดคลิปแจง ไม่ได้ถูกจับนำเข้ากัญชา อ้างเป็นซุปเปอร์เฟกนิวส์ทอม เครือโสภณ" อัดคลิปแจง ยันไม่ได้ถูกจับ นำเข้ากัญชาผิดกฎหมาย อ้างทำถูกต้อง มีเอกสารชัด โต้เป็นข่าว "ซุปเปอร์เฟกนิวส์"ยาสมุนไพรstd48558• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! กะปิมี 10 ข้อดีที่ควรกินเป็นประจำตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อออนไลน์เรื่องกะปิมี 10 ข้อดีที่ควรกินเป็นประจำ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จzenter.05.10.• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอมก.แรงงานจับมือบริษัทจัดหางาน อีพีเอ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รับสมัครช่างเชื่อมไปทำงานประเทศเกาหลีstd47639• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยห้ามสระผมก่อนอาบน้ำ เพราะทำให้เส้นเลือดแตกได้ห้ามสระผมก่อนอาบนํ้าเพราะทำให้เส้นเลือดในสมองแตกstd48003• 2 ปีที่แล้ว2 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยห้ามสระผมก่อนอาบน้ำ เพราะทำให้เส้นเลือดแตกได้ห้ามสระผมก่อนอาบน้ำ ตามที่มีข้อความปรากฏในช่องทางออนไลน์เกี่ยวกับเรื่องไม่ควรสระผมก่อนอาบน้ำ ห้ามสระผมก่อนอาบน้ำ เพราะทำให้เส้นเลือดแตกได้ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จstd48926• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอาการของโรคไส้ติ่งอักเสบปวดท้องน้อยมาก บางครั้ง 6 ชั่วโมง โดยเฉพาะด้านขวา ให้สงสัยเอาไว้ก่อน อาจเป็นไส้ติ่งอักเสบได้ ควรรีบมาตรวจพบแพทย์โดยเร็ว อย่าพยายามกินยารักษาเอง เนื่องจากทำให้วินิจฉัยได้ยากมากขึ้น และถ้าปล่อยเอาไว้จนไส้ติ่งแตก จะทำให้การอักเสบลุกลาม มีอาการแทรกซ้อนมากกว่าเดิมstd47798• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยห้ามสระผมก่อนอาบน้ำ เพราะทำให้เส้นเลือดแตกได้ห้ามสระผมก่อนอาบน้ำ เพราะทำให้เส้นเลือดแตกได้ผู้บริโภคเฝ้าระวังPuttipong Raungongart• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยตาน้ำผุดชาวบ้านอำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา พบตาน้ำผุดปริศนาในสวนข้างบ้านของชาวบ้าน เชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์จากถ้ำพญานาค จึงพากันมาตักน้ำดื่ม และทาตัวรักษาโรคstd46420• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! ก.แรงงานจับมือบริษัทจัดหางาน อีพีเอ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รับสมัครช่างเชื่อมไปทำงานประเทศเกาหลีตามที่มีข่าวสารในสื่อโซเชียลเรื่องก.แรงงานจับมือบริษัทจัดหางาน อีพีเอ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รับสมัครช่างเชื่อมไปทำงานประเทศเกาหลี ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากที่มีผู้ให้ความสนใจในข้อมูลที่ว่า ก.แรงงานจับมือบริษัทจัดหางาน อีพีเอ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รับสมัครช่างเชื่อมไปทำงานประเทศเกาหลี ทางกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง เนื่องจากบริษัทจัดหางานฯ ข้างต้น รวมถึงผู้ประกาศรับสมัครงานดังกล่าวไม่ได้ยื่นหนังสือแสดงความต้องการแรงงานของนายจ้างในต่างประเทศ (Demand Letter) และหนังสือมอบอำนาจให้บริษัทจัดหางานเป็นผู้จัดส่งคนหางานให้กับนายจ้างในต่างประเทศต่อกรมการจัดหางานเพื่อขอโฆษณาจัดหางานใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวฝ่าฝืนพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มีความผิดตามมาตรา 66 โดยการโฆษณาจัดหางานเพื่อพาคนไปทำงานต่างประเทศสามารถทำได้เฉพาะผู้ได้รับอนุญาตเท่านั้นfff49096• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยข่าวปลอม! ห้ามสระผมก่อนอาบน้ำ เพราะทำให้เส้นเลือดแตกได้ตามที่มีข้อความปรากฏในช่องทางออนไลน์เกี่ยวกับเรื่องไม่ควรสระผมก่อนอาบน้ำ ห้ามสระผมก่อนอาบน้ำ เพราะทำให้เส้นเลือดแตกได้ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จplam1412p• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยจีนทดลองวัคซีนโควิดในลิง ได้ผลทีมวิจัย บริษัท ซิโนวัค ไบโอเทค บริษัทเอกชนของจีน ในกรุงปักกิ่งประเทศจีน ประสบความสำเร็จในการใช้วัคซีนทดลองกับลิง โดยการทดลองได้ทำกับลิงไม่กี่ตัวแต่ผลที่ได้ก็สร้างความมั่นใจเป็นอย่างสูงว่าวัคซีนนี้จะใช้ทดลองกับมนุษย์ได้ผลดีโควิด 2019anonymous• 6 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเข้าวัด ฟังธรรม นั่งสมาธิ รักษาโรคซึมเศร้าได้จริงหรือไม่ภาวะซึมเศร้าเป็นสภาวะทางอารมณ์ที่ซับซ้อนและมีระดับความรุนแรงที่แตกต่างกันไป การเข้าใจความแตกต่างระหว่างภาวะซึมเศร้ากับความเครียดทั่วไปจึงเป็นสิ่งสำคัญ ภาวะเครียดที่เกิดจากเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน เช่น การอกหัก อาจทำให้เกิดความรู้สึกเศร้าและเบื่อหน่ายได้ชั่วคราว แต่โดยทั่วไปแล้วอาการเหล่านี้จะค่อยๆ ทุเลาลงเมื่อเวลาผ่านไป และสามารถจัดการได้ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การทำกิจกรรมที่ตนเองชอบ การพูดคุยกับผู้อื่น หรือการฝึกสติ อย่างไรก็ตาม ภาวะซึมเศร้าเป็นโรคทางจิตเวชที่มีเกณฑ์การวินิจฉัยที่ชัดเจน โดยผู้ป่วยจะต้องมีอาการอย่างน้อย 5 อาการจาก 9 อาการหลัก เช่น อารมณ์เศร้า เบื่อหน่าย การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินและการนอนหลับ ความรู้สึกผิดหวังกับตนเอง และความคิดอยากทำร้ายตนเอง เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ภาวะซึมเศร้าสามารถแบ่งและการประเมินระดับความรุนแรงของอาการ การประเมินอาการซึมเศร้าจะช่วยให้ทราบว่าอาการของแต่ละบุคคลรุนแรงมากน้อยเพียงใด ซึ่งจะส่งผลต่อการเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม โดยทั่วไปแล้ว อาการซึมเศร้าจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับน้อย: ผู้ป่วยจะมีอาการบางส่วนที่ตรงตามเกณฑ์การวินิจฉัย แต่ยังสามารถทำงานและดำเนินชีวิตประจำวันได้ ระดับปานกลาง: ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงมากขึ้น ทำให้การทำงานและการเข้าสังคมเป็นไปด้วยความยากลำบาก ระดับรุนแรง: ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงมากที่สุด อาจมีอาการหลงผิด ประสาทหลอน และมีความคิดทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น การรักษาเศร้าเล็กน้อย ปานกลาง และรุนแรง ซึ่งแต่ละระดับจะมีความรุนแรงของอาการและผลกระทบต่อชีวิตประจำวันแตกต่างกันไป สำหรับผู้ที่มีอาการซึมเศร้าระดับเบาถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการฝึกสติอาจช่วยบรรเทาอาการได้ เช่น การออกกำลังกายเป็นประจำ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การพักผ่อนให้เพียงพอ และการฝึกการรับรู้ถึงความรู้สึกในปัจจุบัน ในพาร์ทของ การให้คำปรึกษาและการทำจิตบำบัดนั้น มีหลากหลายแนวทางที่แตกต่างกันออกไป หนึ่งในแนวทางที่น่าสนใจคือ การให้คำปรึกษาที่อิงหลักการใช้สติ (Mindfulness-based therapy) ซึ่งเป็นการนำหลักการของการฝึกสติและสมาธิมาประยุกต์ใช้ในการช่วยเหลือคนไข้ อย่างไรก็ตาม การให้คำปรึกษาที่เน้นใช้สติบำบัดนี้เป็นเพียงหนึ่งในทางเลือกที่หลากหลายเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากอาการซึมเศร้ามีความรุนแรงมากขึ้น การใช้ยาภายใต้การดูแลของแพทย์และการเข้ารับการบำบัดทางจิตวิทยาเป็นสิ่งจำเป็น โดยการรักษาภาวะซึมเศร้าขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการและปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง วิธีการรักษาที่พบบ่อย ได้แก่ การใช้ยา: ยาต้านเศร้าช่วยปรับสมดุลสารเคมีในสมอง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคซึมเศร้า การทำจิตบำบัด: ช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจและจัดการกับความคิดและอารมณ์ที่เกี่ยวข้องกับโรคซึมเศร้า การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม: เช่น การออกกำลังกาย การทำกิจกรรมที่ตนเองสนใจ การปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต การให้คำปรึกษา: การพูดคุยกับนักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเพื่อรับฟังปัญหาและหาแนวทางแก้ไข สำหรับผู้ที่กำลังประสบปัญหาภาวะซึมเศร้า ขั้นตอนแรกที่สำคัญคือการประเมินระดับความรุนแรงของอาการ เพื่อให้สามารถวางแผนการรักษาที่เหมาะสมได้ ปัจจุบันมีเครื่องมือประเมินอาการซึมเศร้าออนไลน์มากมายที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ผู้ที่สงสัยว่าตนเองอาจมีอาการซึมเศร้าสามารถทำแบบประเมินเหล่านี้เบื้องต้นได้ และหากผลออกมามีปัญหาสามารถติดต่อเครือข่ายสำหรับนักศึกษา มมส สามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาได้ที่เครือข่ายสุขภาพจิตมมสเบอร์ 0850104544 หรือสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ซึ่งมีบริการตลอด 24 ชั่วโมงโดยนักจิตวิทยา แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรจะพบจิตแพทย์ ที่คลีนิคสุขภาพจิต โรงพยาบาลสุทธาเวช ภาวะซึมเศร้าเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้ หากได้รับการรักษาที่ถูกต้องและต่อเนื่อง ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับมามีชีวิตที่ปกติสุขได้อีกครั้ง การสังเกตอาการของตนเองและการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเมื่อมีอาการที่น่าสงสัย เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาโรคซึมเศร้าสุขภาพ65011215023• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยดร.วาดะในญี่ปุ่นสนับสนุนการเรียกคนที่อายุมากกว่า 70 ปีว่า "คนที่โชคดี" แทนที่จะเรียก "ผู้สูงอายุ" เขาสรุปเคล็ดลับที่คนอายุ 70 ปี กลายเป็น "ผู้โชคดี" เป็น "42 ประโยค" ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 70 ปีไม่จำเป็นต้องตรวจร่างกายเป็นประจำเพราะ "มาตรฐานของสุขภาพ" แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล เขายังพูดว่า "อย่าเชื่อสิ่งที่หมอพูด" เนื่องจากแพทย์ติดต่อกับ "คนไข้" จึงไม่เข้าใจว่าสุขภาพคืออะไร ในขณะเดียวกัน เขายังต่อต้านการใช้ยาหลายชนิดในระยะยาวของผู้สูงอายุ และสนับสนุนให้ "ใช้ยาเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น" กล่าวอีกนัยหนึ่ง "การรับประทานยาเพื่อป้องกันบางสิ่ง" ไม่สมเหตุสมผลเลย ตามมุมมองนี้ ผู้สูงอายุไม่จำเป็นต้องกินยานอนหลับบ่อย ๆ การอดนอนขณะอายุมากขึ้นเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ และไม่มีใครตายเพราะโรคนอนไม่หลับ. ตลอด 24 ชั่วโมง นอนเมื่อไหร่ก็ได้ ตื่นเมื่อไรก็ได้ นี่คือสิทธิพิเศษของผู้สูงอายุ นอกจากนั้น ระดับคอเลสเตอรอลที่ผู้สูงอายุโดยทั่วไปเป็นห่วง แม้จะสูงในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกังวล เพราะคอเลสเตอรอลเป็นวัตถุดิบสำหรับร่างกายในการสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกัน ยิ่งเซลล์ภูมิคุ้มกันมากเท่าไหร่ ความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งในผู้สูงอายุก็ยิ่งลดลงเท่านั้น นอกจากนั้น ฮอร์โมนเพศชายส่วนหนึ่งยังประกอบด้วยคอเลสเทอรอลด้วย. ถ้าระดับคอเลสเตอรอลต่ำเกินไป สุขภาพกายและจิตใจของผู้ชายจะไม่ยั่งยืน เช่นเดียวกัน ความดันโลหิตสูงไม่สำคัญเลย มากกว่า 50 ปีมาแล้ว ภาวะทุโภชนาการของมนุษย์แพร่หลาย. ดังนั้น เมื่อความดันโลหิตสูงถึงประมาณ 150 เส้นเลือดจะแตก. แต่มีไม่กี่คนที่ขาดสารอาหารในทุกวันนี้ ดังนั้นแม้แต่ความดันโลหิตมากกว่า 200 ก็จะไม่ทำให้หลอดเลือดแตก. ดร.วาดะสรุปเคล็ดลับที่คนอายุ 70 ปี กลายเป็น "คนมีโชค" เป็น "42 ประโยค" ดังนี้ 1. เดินต่อไป 2. หายใจลึก ๆ เมื่อคุณรู้สึกหงุดหงิด 3. ออกกำลังกายเพื่อไม่ให้ร่างกายรู้สึกตึง 4. ดื่มน้ำมากขึ้นเมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศในฤดูร้อน 6. ยิ่งเคี้ยวมากเท่าไหร่ ร่างกายและสมองก็จะยิ่งมีพลังมากขึ้นเท่านั้น 7. ความจำเสื่อมไม่ใช่เพราะอายุ แต่เพราะไม่ใช้สมองในระยะยาว 8. ไม่ต้องกินยาเยอะ 9. ไม่จำเป็นต้องจงใจลดความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือด 13. ทำในสิ่งที่เธอรัก ไม่ใช่สิ่งที่เธอเกลียด 15. ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าอยู่บ้านตลอดเวลา 16. กินอะไรก็ได้ ร่างกายอ้วนก็พอดี 17. ทำทุกอย่างอย่างพิถีพิถัน 18. อย่าจัดการกับคนที่คุณเกลียด 20. แทนที่จะต่อสู้กับโรคจนถึงที่สุดจะดีกว่าที่จะอยู่กับมัน 21. "รถต้องมีทางขึ้นเขา" คือมนต์วิเศษที่ทำให้คนแก่มีความสุข 24. ถ้าเผลอหลับ ห้ามฝืน 25. ทำสิ่งที่มีความสุขดีที่สุดเพื่อกระตุ้นการทำงานของสมอง 27. หา "หมอครอบครัว" ก่อนเวลา 28. อย่าอดทนหรือบังคับตัวเองมากเกินไป ไม่มีอะไรผิดปกติกับการเป็น "คนแก่ที่ไม่ดี" 31. เลิกเรียนแล้วจะแก่ 32. อย่าโลภอยากได้ของไร้สาระ มันเป็นสิ่งที่ดีที่จะมีทุกอย่างที่คุณมีตอนนี้ 33. ความบริสุทธิ์เป็นสิทธิพิเศษของผู้สูงอายุ 34. ยิ่งมีปัญหามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น 36. ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น 37. อยู่อย่างสบาย ๆ วันนี้ 38. ความปรารถนาเป็นต้นกำเนิดของอายุยืน 39. ใช้ชีวิตอย่างมองโลกในแง่ดี 40. คนร่าเริงจะเป็นที่นิยม 41. กฎแห่งชีวิตอยู่ในมือของคุณเอง 42. ยอมรับทุกอย่างอย่างสงบ FORTUNATE 04/12/2022 · by deemagclinic · in neuropsychiatry · 10 Comments Let’sสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยลองดู สัก 1 เดือนไม่เสียเงิน / กลุ่มแพทย์ชาวญี่ปุ่น ยืนยันว่า "น้ำอุ่น"มีประสิทธิภาพ ในการแก้ปัญหาสุขภาพได้ 100% เช่น: 1 ไมเกรน 2 ความดันโลหิตสูง 3 ความดันโลหิตต่ำ 4 อาการปวดข้อ 5 เพิ่มขึ้นและลดลง ของการเต้นของหัวใจ อย่างฉับพลัน 6 โรคลมชัก 7 เพิ่มระดับคอเลสเตอรอล 8 ไอ 9 ไม่สบายตัว 10 หอบหืด 11 ไอแบบช่วง 12 การอุดตันของหลอดเลือดดำ 13โรคที่เกี่ยวข้องกับมดลูกและปัสสาวะ 14 ปัญหาในกระเพาะอาหาร 15 การย่อยอาหารไม่ดี 16 โรคที่เกี่ยวข้องกับดวงตา หู และลำคอ 17 ปวดศีรษะ #ใช้น้ำอุ่นอย่างไร# ลุกขึ้นในตอนเช้า และดื่มน้ำอุ่นประมาณ 4 แก้ว เมื่อท้องว่างเปล่า คุณอาจจะไม่สามารถที่จะทำให้ได้ 4 แก้วในตอนที่เริ่มต้น แต่ไม่ช้าคุณจะทำได้..... #หมายเหตุ: อย่าพึ่งกินอะไรตามหลังจากดื่มน้ำผ่านไป 45 นาที การบำบัดด้วยน้ำอุ่นจะช่วยแก้ปัญหาสุขภาพภายใน หรืออาการทัองผูก เช่น ○โรคเบาหวาน ภายใน 30 วัน ○ความดันโลหิต ใน 30 วัน ○ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร ใน 10 วัน ○มะเร็งทุกชนิด ภายใน 9 เดือน ○การอุดตันของเส้นเลือด ใน 6 เดือน ○การย่อยอาหารไม่ดี ใน 10 วัน ○มดลูกและโรคที่เกี่ยวข้อง ใน 10 วัน ○ปัญหาจมูกหูและลำคอ ใน 10 วัน ○โรคหัวใจ ใน 30 วัน ○ปวดหัว / ไมเกรน ใน 3 วัน ○คอเลสเตอรอล ภายใน 4 เดือน ○โรคลมชักและอัมพาตอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลา 9 เดือน ○หอบหืด ภายใน 4 เดือน #พึงระลึกไว้เสมอว่า น้ำเย็นจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณ หากน้ำเย็นไม่ส่งผลต่อคุณในวัยเด็ก ก็จะเป็นอันตรายต่อคุณในวัยชรา #น้ำเย็นจะปิด 4 หลอดเลือดดำของหัวใจและทำให้หัวใจวาย เครื่องดื่มเย็นเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอาการหัวใจวาย #นอกจากนี้ยังสร้างปัญหาในตับ ทำให้ไขมันติดอยู่กับตับ คนส่วนใหญ่รอการปลูกถ่ายตับเป็นเหยื่อของการดื่มน้ำเย็น #*น้ำเย็นส่งผลกระทบต่อผนังภายในของกระเพาะอาหาร มีผลต่อลำไส้ใหญ่ และส่งผลต่อมะเร็ง ##โปรดอย่าเก็บข้อมูลนี้ไว้ เพื่อตัวคุณเอง บอกให้ใครบางคนซึ่งอาจช่วยชีวิตคนอื่นได้สุขภาพมะเร็งไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้วmeter: false2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข่าวปลอมอย่าแชร์! ผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงตามที่มีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นเรื่องผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีที่มีการแชร์ข้อความว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิงแต่อย่างใด โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae จัดอยู่ในจีนัส Orthopoxvirus เชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะ เช่น กระรอก หนูป่า เป็นต้น รวมทั้งคนก็สามารถติดโรคได้ จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัดข่วน การประกอบอาหารจากเนื้อสัตว์ป่า หรือกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ หรืออาจติดทางอ้อมจากการสัมผัสที่นอนของสัตว์ป่วย การแพร่เชื้อจากคนสู่คนแม้มีโอกาสน้อย แต่อาจเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยผ่านทางสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ ผิวหนังที่เป็นตุ่ม หรืออุปกรณ์ที่มีการปนเปื้อนเชื้อ เมื่อคนรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะมีระยะฟักตัวประมาณ 7-14 วัน อาจนานถึง 21 วัน โดยอาการเริ่มแรกจะมีไข้ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโต หนาวสั่น อ่อนเพลีย จากนั้นประมาณ 1-3 วัน จะมีผื่นขึ้นบริเวณแขนขา และอาจจะเกิดบนหน้าและลำตัวได้ด้วย ผื่นจะกลายเป็นตุ่มหนอง ในระยะสุดท้ายตุ่มหนองจะเป็นสะเก็ดแล้วหลุดออกมา อาการป่วยจะประมาณ 2-4 สัปดาห์ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากโรคเองได้ในปัจจุบันยังไม่มีการรักษาโรคฝีดาษลิงที่เฉพาะเจาะจง แต่สามารถควบคุมการระบาดได้ด้วย การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้ทรพิษ ซึ่งสามารถป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ 85% ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมควบคุมโรค สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.ddc.moph.go.th หรือโทร 1422 ได้ตลอด 24 ชม. บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิง และเชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิดโดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะรวมทั้งคนก็สามารถติดโรคได้ จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัดข่วน การประกอบอาหารจากเนื้อสัตว์ป่า หรือกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ อ่านข่าวข้างต้น : หมอจุฬาฯ แนะ "สวมแมสก์ - เครื่องวัดอุณหภูมิ" ยังจำเป็น! ป้องกัน "ฝีดาษลิง" โรคที่ยังไม่มียารักษาstd47948• 2 ปีที่แล้ว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ
