1435 ข้อความ
- 1 คนสงสัยhttps://vt.tiktok.com/ZSdV6jEUH/?k=1ไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยBREAKING NEWS โควิดโผล่ ตามโรงเรียน inter ย่านสุขุมวิทเพียบ ล่าสุดมีจดหมายจากหลายโรงเรียนในย่านสุขุมวิท โดยเฉพาะโรงเรียน inter ประกาศว่านักเรียน และผู้ปกครองหลายคน ติดโควิด ซึ่งจากที่ดูเป็นจดหมายของหลายโรงเรียนแบบไม่ซ้ำกัน นั่นหมายความว่า ตอนนี้คลื่นระลอกใหม่ที่กำลังก่อตัวไม่ใช่ตลาด หรือชานเมือง แต่มันกำลังเกิดขึ้นใจกลางกรุงเทพฯ.. ลิงก์ต้นฉบับ https://www.blockdit.com/posts/6069d4932e0b280c266249f0โควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัย👉รู้ไหม !! ยิ่งอากาศร้อน แอร์กินไฟมากขึ้นนะ... ⚡️MEA เจิดจ้า มาแนะนำเปิดแอร์พร้อมพัดลม ช่วยประหยัดได้จริง มาดูพร้อม ๆ กันเลย... ⭐️การเปิดแอร์พร้อมพัดลม ประหยัดไฟกว่า จริง ‼ แต่จะประหยัดไฟได้มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับระบบควบคุมและเทคโนโลยีของแอร์ที่ใช้นะครับ ✅MEA แนะนำประชาชนเปิดแอร์ 26 °C แต่หากต้องการความรู้สึกเย็นสบายเท่ากับ 24°C ให้เปิดพัดลมช่วย โดยไม่ต้องลดอุณหภูมิของแอร์ 👍การเปิดแอร์พร้อมพัดลม ประหยัดไฟได้มากกว่าการลดอุณหภูมิของแอร์ เพราะพัดลมช่วยเพิ่มความเร็วลม เพิ่มการเคลื่อนที่ของอากาศ ทำให้เกิดการระบายความร้อนจากร่างกาย ทำให้รู้สึกเย็นสบายขึ้น 📌แค่นี้ ก็อยู่บ้านเย็นสบายประหยัดไฟ... ไม่ต้องออกไปเสี่ยง COVID-19 อีกด้วยนะ #อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ #COVID-19 #พลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร Energy for city life, Energize smart living ▶️ https://www.facebook.com/497340003626475/posts/3466798063347306/?d=n ▶️ https://twitter.com/mea_news/status/1248092235905691648?s=21ไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยวัคซีนวัคซีนCOVID - 19 โดยปกติเชื้อโรคทุกชนิดเข้าสู่ร่างกายร่างกายจะมีวิธีจัดการเชื้อหลายแบบหนึ่งในนั้นคือเม็ดเลือดขาว Macrophage จะกลืนเชื้อเข้าไปและทิ้งเศษซากเชื้อบางส่วนไว้เรียกว่า แอนติเจน (Antigen) ร่างกายจะรู้ว่าแอนติเจนคือสื่งแปลกปลอม วัคซีนโควิด19 จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสนี้คือขึ้นมาช่วยป้องกันการติดเชื้อหากได้รับเชื้อในอนาคตแต่ต้องใช้เวลาระยะนึงหลังฉีดวัคซีนร่างกายจึงจะสร้างภูมิขึ้นมาdiazp121phoenix• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยงานวิจัย "เพลงซิมโฟนีหมายเลข 5 ของเบโธเฟน ฆ่าเซลล์มะเร็งได้ 20% " จริงหรือ ? มีการเผยแพร่ข่าวงานวิจัย จากประเทศบราซิล ที่อ้างทำนองว่า เมื่อทดลองเปิดเพลง 3 เพลงให้กับเซลล์มะเร็งเต้านม ในห้องปฏิบัติการ คือเพลง ซิมโฟนีหมายเลข 5 (Fifth Symphony) ของ เบโธเฟน (Beethoven) , เพลงโซนาต้า สำหรับเปียโนสองตัว ใน D (Sonata for Two Pianos in D) ของโมสาร์ท (Mozart) และเพลง "Atmosphères" ของ ลีเก็ตตี้ (Ligeti) ... พบว่าเพลง ซิมโฟนีหมายเลข 5 และเพลง "Atmosphères" ช่วยให้เซลล์มะเร็งตายลง เมื่อเทียบกับเพลงของโมสาร์ท หรือเมื่อเงียบสนิท !? แต่ทีมวิจัยชาวบราซิลดังกล่าว ไม่สามารถระบุได้ว่าทำไมเพลงที่ส่งผลให้เซลล์มะเร็งตายได้ และไม่รู้ว่าในเนื้อเยื่อปรกติจริงๆ จะให้ตอบสนองแบบนี้หรือไม่อย่างไร (งานนี้ เป็นการทดลองกับเซลล์มะเร็ง ที่เลี้ยงในจานเพาะเลี้ยง ไม่ใช้กับมะเร็งที่อยู่ในตัวของสัตว์ทดลอง) และนักวิจัยยังยอมรับด้วยว่า วิธีการที่ใช้ทดลองนั้น ไม่สามารถหาปริมาณการตายของเซลล์ได้ ตัวเลข 20% ที่มีข่าวกันนั้นเป็นตัวเลขที่ไปเขียนกันเอาเอง ! ซึ่งตอนนี้ นักวิจัยก็บอกว่าไม่ได้ทำการทดลองเรื่องผลของดนตรีต่อเซลล์มะเร็ง อีกต่อไปแล้ว โดยอ้างว่าไม่มีทุนวิจัย ดูรายละเอียดด้านล่างนี้ครับ - เมื่อไม่นานมานี้ มีการเผยแพร่ข่าวสารการวิจัยที่อ้างว่า "ซิมโฟนีหมายเลข 5 ของ ลุดวิก ฟาน เบโธเฟน ทำให้เซลล์มะเร็งตาย 20% ในห้องปฏิบัติการได้ โดยไม่เป็นอันตรายต่อเซลล์ปกติ" . .. โดยระบุว่า นักวิทยาศาสตร์ที่ Instituto de Biofísica Carlos Chagas Filho มหาวิทยาลัยแห่งชาติ ริโอเดจาเนโร (Federal University of Rio de Janeiro) ประเทศบราซิล ได้ศึกษาว่า ดนตรีอาจมีบทบาทในการรักษาโรคมะเร็งได้ ทีมวิจัยที่นำโดย ดร. มาร์เซีย อัลเวส มาร์เกว คาเปลลา (Dr. Márcia Alves Marques Capella) ได้ทดลองให้เซลล์เพาะเลี้ยง ทั้งเซลล์ปกติและเซลล์มะเร็ง ได้ฟังดนตรีหลายประเภท และผลลัพธ์ที่น่าทึ่งคือ ซิมโฟนีหมายเลข 5 ของเบโธเฟน ทำลายเซลล์มะเร็งประมาณ 20% ในเวลาเพียงไม่กี่วัน ในขณะที่เซลล์ปกติไม่เกิดผลกระทบ ซึ่งยังไม่ทราบว่ากลไกที่อยู่เบื้องหลังผลลัพธ์นี้คืออะไร แต่อาจเป็นไปได้ว่า จังหวะ ความถี่ หรือความข้นของเสียง อาจเป็นปัจจัยหลัก ซึ่งจะมีการทดลองเพิ่มเติมที่รวมถึงเพลงจังหวะแซมบา (Samba) และฟังค์ (Funk) ด้วย - จริงๆ แล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่ข่าวใหม่ เพราะข้อกล่าวอ้างดังกล่าวนี้ ได้เริ่มถูกเผยแพร่มาตั้งแต่ปี 2011 แล้ว โดยเป็นบทความข่าวที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์รายวัน O Globo ในบราซิล ที่ระบุว่าเซลล์มะเร็ง MCF-7 (เป็นเซลล์มะเร็งเต้านมของมนุษย์ ที่ตอบสนองต่อเอสโตรเจน โปรเจสเตอโรน และกลูโคคอร์ติคอยด์ และเป็นหนึ่งในเซลล์มะเร็งที่ได้รับการศึกษามากที่สุดในโลก) เมื่อถูกเปิดเพลงซิมโฟนีหมายเลข 5 ใส่เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ทำให้ 1 ใน 5 ของเซลล์มะเร็ง MCF-7 ที่เพาะเลี้ยงนี้ได้ตายลง ขณะที่บรรดาเซลล์ที่รอดชีวิตหลายเซลล์มีขนาดเล็กลง ส่วนเพลง "Atmosphères" ของลิเก็ตติ ให้ผลลัพธ์คล้ายกัน แต่ท่อนแรกของเพลงโซนาต้าสำหรับเปียโนสองตัว ของโมสาร์ทแทบไม่ส่งผลกระทบเลย ... ในบทความอ้างว่า การทดลองนี้ สามารถเปิดทางใหม่สำหรับการรักษาโรคมะเร็ง และอ้างคำพูดของนักวิจัยนำ คือ ดร. คาเปลลา ว่า "เราเชื่อว่าเพลงซิมโฟนีทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเมตาบอลิซึม ไม่ใช่ไปทำเซลล์มะเร็งตายโดยตรง" - หลังจากนั้น ดร. คาเปลลา ได้ตีพิมพ์บทความวิจัย ในปี 2013 ในวารสาร Noise and Health และอีกบทความหนึ่ง ในวารสาร Evidence-Based Complementary and Alternative Medicine ในปี 2016 หลังจากการทดลองอีกครั้งกับเซลล์มะเร็งเต้านม อีกชนิดหนึ่ง คือ เซลล์ MDA-MB-231 .. (แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า วารสาร Evidence-Based Complementary and Alternative Medicine นี้ ได้หยุดเผยแพร่ไปแล้ว ในปี 2024 หลังจากถูกถอดออกจากฐานข้อมูลวารสารวิชาการของ Clarivate's Web of Science เนื่องจากปัญหาด้านคุณภาพ) ซึ่งในบทความได้อ้างว่า มีการทดลองกับเซลล์มะเร็ง ที่เพาะเลี้ยงในจานเพาะเลี้ยง ด้วยการเปิดเพลงทั้งสามเพลง ผ่านลำโพง (มีอีกชุดการทดลองที่ไม่เปิดเพลงใดๆ เป็นชุดทดลองควบคุม) ทำซ้ำการทดลองอย่างน้อย 4 ครั้ง เพื่อยืนยันผลลัพธ์ - แต่บทความวิจัยเหล่านั้น ไม่ได้รายงานเกี่ยวกับ จำนวนของเซลล์ที่ตายแล้ว หรืออ้างว่า เพลงเหล่านี้มีพลังในการรักษาโรคมะเร็ง นอกจากนี้ ยังไม่ได้มีการเอาเพลงไปทดลองกับเซลล์ปกติ แต่บอกเพียงแค่ว่าเซลล์มะเร็งที่ใช้ในการทดลองนั้นมีลักษณะคล้ายเซลล์เยื่อบุผิวตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เลยเป็นแบบจำลองที่ดีในการศึกษาวิจัย ... ทีมวิจัยระบุว่า การทดลองนี้มีเป้าหมายเพียงเพื่อ "ทำความเข้าใจผลกระทบโดยตรง ของการสั่นสะเทือนทางเสียง ในรูปแบบของดนตรี ต่อเซลล์มนุษย์ที่เพาะเลี้ยงไว้ ให้ดีขึ้น" - ทาง ดร. Capella เน้นว่า การทดลองเหล่านี้กับเซลล์ในจานเพาะเลี้ยง และผลลัพธ์ "ไม่สามารถขยายไปยังมนุษย์ได้" พูดง่ายๆ ว่า แม้ว่าเพลงจะฆ่าเซลล์มะเร็งในสภาพห้องปฏิบัติการที่ควบคุมได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า จะเอาเพลงนี้ไปใช้ในการรักษาโรคมะเร็งได้ .. แถมเธอยังบอกว่า ไม่ถูกต้องที่จะไปพูดกันว่า "หนึ่งในห้า (หรือ 20%) ของเซลล์มะเร็งตายลง หลังจากถูกเปิดเพลงซิมโฟนีหมายเลข 5 ของเบโธเฟน" เพราะวิธีการที่ใช้ทดลองไปนั้น ไม่สามารถนำมาหาปริมาณการตายของเซลล์ได้ .. แถมด้วยว่า เธอก็ไม่เคยวางแผนการทดลองเพิ่มเติม กับเพลงฟังค์ หรือเพลงซัมบ้า ของบราซิลอย่างที่แชร์กันด้วย - ดร. Capella เพิ่มเติมด้วยว่า หลังจากที่ข้ออ้างเหล่านี้ได้แพร่ระบาดไวรัลไปทั่ว เธอก็พยายามให้สัมภาษณ์กับสื่อ CNN Radio เพื่อขจัดความสับสน และหลังจากนั้น เธอก็ได้หยุดงานวิจัยเรื่องผลของดนตรีต่อเซลล์มะเร็งไปแล้ว เพราะหาทุนสนับสนุนงานวิจัยได้ยาก ข้อมูลจาก https://www.snopes.com/news/2025/02/15/study-beethovens-5th-cancer-cells/?cb_rec=djRfMl8xXzBfMTgwXzBfMF8wXwมะเร็งมีมไม่ระบุชื่อ• 3 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยในเชิงภูมิศาสตร์และธรรมชาติ เมืองไทยเกือบไม่แพ้ประเทศแถบอบอุ่นที่พัฒนาแล้ว แต่ในเขิงสังคมและการเมือง ตอนนี้ประเทศไทยติดอันดับบ๊วยๆ แบบเขมรไม่มีผิดเลย…(หรือจะแย่กว่าเขมรก็ไม่รู้) ….นี่คือความจริง อย่างไรก็ตาม ปชช. คนไทยที่มีสติสัมปชัญญะ มีคุณธรรม อย่าพึ่งท่อนะครับ ต้องจำปล่อยวางและลองอ่านข้อเขียนเกี่ยวกับเมืองไทยในมุมหนึ่ง ของ ดร.ธรณ์ ดูว่าเผื่อจะหายเบื่อและไปพักผ่อนท่องเที่ยวในที่ซึ่งยังไม่เคยไป (ถ้ามีศักยภาพก็ไปเที่ยวเมืองนอกเปรียบเทียบกันดูด้วย) ... ------------------------------------ ระหว่าง นั่งรับลมหนาว น้อย ๆ ที่ ระเบียงหน้าบ้าน จู่ ๆ ก็คิดเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อนธรณ์ รู้ไหมครับว่า เราอยู่ในประเทศน่าเที่ยว ที่สุดแห่งหนึ่ง ในโลก... ผมมีเหตุผล รองรับตามนี้เลยครับ 1 - ประเทศไทย ทอดยาวอยู่ในแนว เหนือ/ใต้ ทำให้เรามีภูมิอากาศ หลากหลาย หน้าร้อนไปทะเล หน้าหนาว ขึ้นเหนือ/อีสาน ลองดู เพื่อนบ้านของเรา สิงคโปร์ แม้เจริญ แต่อากาศร้อน คงที่ตลอดปี หน้าหนาว อยากไปรับลมเย็นให้ขนลุก ก็ไม่รู้ทำไง ต้องบินไปประเทศอื่น สถานเดียว (ซึ่งก็มาไทย นั่นแหละ) มาเลย์ อินโดนีเซีย เป็นแบบนี้ทั้งนั้น แม้อาจขึ้นเขาไปรับลมหนาว แต่ใช่ว่า ทุกคนจะไปได้ อีกทั้ง ขึ้นไปมีแต่ หินกับต้นไม้ มันดี แต่ถ้ามีเมือง มีร้านค้า มีคาเฟ่ มันก็ดีกว่า เนอะ 🧋 เราไปเชียงใหม่ เชียงราย เชียงคาน หรืออีกหลายร้อยแห่ง ที่นั่งจิบกาแฟ กินไข่กระทะที่อุณหภูมิ สิบกว่าองศาได้ ไอฟีล กู้ดดดดดด… 2 - ประเทศเรา ต่อเนื่องเป็นแผ่นดินเดียวตลอด ลองคิดถึงประเทศเป็นเกาะ จากที่หนึ่งไปที่หนึ่ง ต้องใช้เฟอร์รี่ หรือไม่ก็เครื่องบิน ซึ่งทำได้ เพียงบางคน แค่นั้น แม้แต่ญี่ปุ่น ที่ทอดตัวแนวเหนือใต้ ยังแบ่งเป็นเกาะใหญ่หลายเกาะ คนโตเกียว จะไปเล่นน้ำทะเล อุ่น ๆ ที่โอกินาวา ก็ต้องใช้เครื่องบิน ขณะที่คนเชียงใหม่ จะไปบางแสน พัทยาก็ขับรถถึง 3 - เรามีทะเล จุดนี้คนลาว คงอิจฉา น้อย ๆ ยิ่งถ้าคิดว่า เรามีทะเล 2 ฝั่ง แม้แต่ คนเวียดนามคนเมียนมาร์ ก็อาจคิด ทะเล 2 ฝั่ง หมายถึง เที่ยวได้ตลอดปี เวียดนาม ชายฝั่งยาวไกล แต่รับลมมรสุม ด้านเดียว เมียนมาร์ ก็เช่นกัน แต่ไทย…ไม่ ช่วงนี้ แม้มีลมแรง / ฝนตกที่ภาคใต้ฝั่งตะวันตก แต่ภาคตะวันออก เริ่มสงบ หรือแม้กระทั่ง อันดามัน เริ่มเปิดให้เที่ยวกันแล้ว ครับ ในช่วงกลางปี ลมเปลี่ยนทาง เราย้ายที่ไป ประจวบ ชุมพร สุราษฎร์ ฯลฯ ได้เช่นกัน ทะเลไทย เที่ยวได้ตลอดปี เราเลือกเที่ยวได้มาตลอด จนอาจลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ หากันง่าย ๆ 4 - ประเทศเรา ไม่ใหญ่แต่หลากหลาย ไม่ต้องลงทุนเดินทาง มากมายก็เปลี่ยนอารมณ์ได้แล้ว หลาน ผมเรียนอยู่ แคนาดา ตอนนี้หนาวจัด น้องผมไปรับหนีหนาว ต้องบินไกลข้ามไปฟลอริดา ซึ่งตอนนี้ คนอเมริกาก็แห่กันไป รัสเซีย ใหญ่มหึมา แต่บินมาไทยคึ่ก ๆ เพื่อหนีความหนาว คนยุโรป อยากไปนอนอาบแดด แช่น้ำให้คลื่นซัดซู่ ๆจะไปไหนดีล่ะ ? เราอยู่เขาใหญ่ 14 องศา ขับรถไปบางแสน 3 ชั่วโมง อุณหภูมิเพิ่ม 10 องศา ไม่ใช่หากันได้ง่าย ๆ นะจ๊ะ นั่นแค่ สภาพภูมิศาสตร์ อย่างเดียว ยังไม่พูดถึงศิลปวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ที่หลากหลาย อาหารอร่อยมากมาย สายมู ก็มีที่ให้เลือกเต็มไปหมด ขอเพียง รักษาธรรมชาติที่แสนดี ศิลปวัฒนธรรมที่แสนงาม วิถีชีวิต ที่บ่งบอกถึงความเป็นไทย รักษาไว้ให้ได้ ประเทศเราจะเป็นประเทศ สุดสนุก แสนสบายในการเที่ยว ของคนไทย และเป็นประเทศ น่าเที่ยวที่สุดของคนทั้งโลก ไปอีกแสนนาน ขอบคุณ ประเทศไทย ครับ 🥰 🇹🇭 🙏🏼สภาพอากาศไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยสุดช็อค! “ธนาคารโลก”ประจานเศรษฐกิจไทย กำลังเจ๊งทั้งระบบเพราะ รัฐบาลโกงยอดคนอดตาย พุ่งเกินครึ่งของประชากร 27 พฤศจิกายน 2564 ราว 40 ล้านคน (57%) คนไทยรายได้ต่ำกว่า 150 บาท/วัน เพิ่มขึ้น 100% ตัวเลขหนี้ประเทศพุ่งทะลุเพดานสูงสุดในรอบ 18 ปี รวม 13 ล้านล้านบาท สูงแตะ 88-90% ต่อจีดีพี การคลังถังแตก-คนจนไม่มีจะกิน รัฐบาลกู้มือเติบ 7 ล้านล้านบาท ผลาญงบประมาณต่อท่อน้ำเลี้ยงคอร์รัปชั่น ⚫️เจ๊งทั้งประเทศ ธนาคารโลก (World Bank) เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจไทยในสภาวะวิกฤติ ผู้มีรายได้น้อย/คนไม่มีรายได้พุ่ง 40 ล้านคน หรือเกือบเท่ากับ 2 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ จากการขอรับสิทธิ์ช่วยเหลือช่วงโควิดจากรัฐบาล คอร์รัปชั่นรัฐบาลประยุทธ์ ถูกสื่อต่างชาติ รายงานผลการประเมิน ว่า ไทยเป็นประเทศที่มีการคอรัปชั่น โกงกิน เป็นอับดับที่ 1 ของโลก ฉุดประเทศถอยหลัง เศรษฐกิจพุ่งดิ่งลงเหว การคลังถังแตก-คนจนไม่มีจะกิน สอดคล้องกับตัวเลขคนจนที่พุ่งสูงขึ้น 100% โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าวันละ 150 บาท (ครึ่งนึงของค่าแรงขั้นต่ำ) มีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 4.7 ล้านคน เป็น 9.7 ล้านคนในปัจจุบัน นอกจากนี้ธนาคารโลกยังงัดตัวเลขตอกย้ำความเน่าเฟะในยุคลุงตู่อีกด้วยว่า อัตราความยากจนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7.2 ปี 2558 เป็นร้อยละ 9.8 ปี 2561 สวนทางกับการเติบโตของเศรษฐกิจ ทั้งที่รัฐบาลไทยกู้เงินมือเติบ 1.9 ล้านล้านบาท ถือว่ามากสุดในภูมิภาคอาเซียน คิดเป็น 13% ของ GDP แต่ผลทีได้คือเศรษฐกิจเจ๊งมากสุดในเอเชีย กระตุ้นเศรษฐกิจได้แค่ 6 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 4% ของ GDP และทำเงินหายไป 1.3 ล้านล้านบาท ⚫️หนี้ท่วมทะลุเพดาน ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ รัฐบาลที่สร้างหนี้มากสุดในประวัติศาสตร์ แต่เศรษฐกิจไทยก็เจ๊งมากสุดในประวัติศาสตร์เช่นกัน ตัวเลขหนี้ล้นเพดานเติบโตพุ่งพรวดไปพ้อมกับความเหลื่อมล้ำ ตอกย้ำเศรษฐกิจลิเกหลวงที่ใช้ระบบเอื้อศักดินาแล้วปล่อยปลาเล็กปลาน้อยตายเรียบ ตัวเลขหนี้ครัวเรือนของประเทศพุ่งสูงแตะ 88-90% ต่อจีดีพี สูงสุดในรอบ 18 ปี สอดคล้องกับปัญหาเศรษฐกิจพังจากฐานราก คนไทยชักหน้าไม่ถึงหลัง รายได้เท่าเดิมแต่หนี้สินเพิ่มขึ้น ไทยเหลื่อมล้ำพุ่งรอบ 10 ปี รวยจนห่างกันสูงสุด 20 เท่า หนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีเพิ่มทะลุ 80% คนจนมีโอกาสเรียน ป.ตรีแค่ 3% เมื่อพิจารณาในส่วนของผู้ที่มีรายได้มากที่สุดแตกต่างจากผู้ที่มีรายได้น้อยสุดกว่า 20 เท่า โดยมีกลุ่มคนชนชั้นกลางอยู่ประมาณ 35% สะท้อนถึงการกระจุกตัวของรายได้ในกลุ่มบน และการแบ่งปันผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ทั่วถึงไปสู่คนกลุ่มล่าง แม้ดูจะดีขึ้นจากปี 2550-2561 แต่จำนวนคนยากจนในปี 2560-2563 มีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่าจำนวนคนจนจะเพิ่มขึ้นมาในช่วง 3 ปีหลัง ⚫️โกง-จน-เจ๊ง ธนาคารโลกระบุถึงสาเหตุหลักที่เศรษฐกิจไทยถดถอย คือ ปัญหาการคอร์รัปชั่นของภาครัฐบาล [3] ซึ่งเป็นอันดับที่ 1 ในโลก นำไปสู่ ‘ความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุน’ ซึ่งเป็นปัญหาการขับเคลื่อนจีดีพีตามหลักเศรษฐศาสตร์ โดยเฉพาะปัญหาธรรมาภิบาล หรือการทุจริต มีปัญหาทั้งภาคราชการและฝ่ายการเมือง นำไปสู่ปัญหาเกี่ยวเนื่องที่ไทยกำลังเผชิญ คือ การโกงงบประมาณ ความเหลื่อมล้ำ หรือการบังคับใช้กฎหมายสองมาตรฐาน ‘ผู้นำบ้าอำนาจ’ คือเหตุผลที่ธนาคารโลกประจานไทยว่าเป็นต้นตอของการคอร์รัปชั่นในยุครัฐบาลประยุทธ์ เนื่องจากคนที่เข้ามามีอำนาจและมีหน้าที่ทางการเมืองไม่สามารถประนีประนอม (compromise) และหาจุดร่วมกันได้เพื่อนำพาประเทศให้ดีขึ้นได้ตามนโยบายที่ตนวางไว้ ผลคือในสายตาต่างประเทศ ประเทศเรามีปัญหาสนามแข่งขันที่ไม่ตรงหรือเอียง (Unlevel Playing Field) ระหว่างบริษัทไทยขนาดเล็ก บริษัทต่างชาติ เทียบกับบริษัทไทยขนาดใหญ่ เห็นได้จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ การจัดซื้อจัดจ้าง การให้สัมปทานสิทธิในการใช้ประโยชน์ทรัพยากรที่จัดสรรโดยรัฐมักจะไม่มีบริษัทที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศในธุรกิจนั้นๆ เข้าแข่งขัน ผู้ได้สัมปทานจะเป็นบริษัทใหญ่ของประเทศกับบริษัทแนวร่วมต่างชาติที่จัดตั้งขึ้น ผลคืออำนาจทางเศรษฐกิจของบริษัทใหญ่นับวันจะมากขึ้น ผลวิจัยของธนาคารแห่งประเทศไทยปี 2562 ชี้ว่า บริษัทขนาดใหญ่ 5% แรกของประเทศมีสัดส่วนรายรับสะสมสูงถึง 85% ของรายรับทั้งหมด มีส่วนแบ่งยอดขายมากถึง 46% และสัดส่วนกำไรกว่า 60% อำนาจทางธุรกิจแบบนี้ไม่จูงใจให้ผู้เล่นรายใหม่เข้าแข่งขัน ขณะที่ผู้บริโภคเสียประโยชน์ข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว
- 4 คนสงสัยน้ำมันมะพร้าว ในสหรัฐอเมริกา ประมาณ 5.4 ล้านคนได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอัลไซเมอร์ ตัวเลขนี้เติบโตอย่างรวดเร็วด้วยประชากรสูงอายุ หนึ่งในนั้นคือสตีฟ นิวพอร์ต แมรี่ นิวพอร์ต ภรรยาของเขาเป็นหมอ ดร.แมรีรู้ว่าสามีของเธอเป็นโรคอัลไซเมอร์ขั้นรุนแรง เมื่อแพทย์ตรวจดูสามีของเธอที่โรงพยาบาล เขาขอให้สตีฟทาสีนาฬิกา แต่เขาวาดวงกลมสองสามวงแล้ววาดรูปสองสามตัวโดยไม่มีตรรกะ ไม่เหมือนนาฬิกาเลย!. หมอดึงเธอออกมาแล้วพูดว่า: "สามีของคุณใกล้จะเป็นโรคอัลไซเมอร์ขั้นรุนแรงแล้ว!" ปรากฎว่าเป็นการทดสอบว่าบุคคลนั้นเป็นโรคอัลไซเมอร์หรือไม่ ดร. แมรี่ในตอนนั้นอารมณ์เสียมาก แต่ในฐานะหมอ เธอจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เธอเริ่มศึกษาโรค เธอพบว่าโรคอัลไซเมอร์เกี่ยวข้องกับการขาดกลูโคสในสมอง งานวิจัยของเธอกล่าวว่า: "ภาวะสมองเสื่อมของผู้สูงอายุก็เหมือนมีโรคเบาหวานที่ศีรษะ ! ก่อนที่จะมีอาการของโรคเบาหวานหรือโรคอัลไซเมอร์ ร่างกายมีปัญหามา 10 ถึง 20 ปีแล้ว" จากการศึกษาของ Dr. Mary โรคอัลไซเมอร์มีความคล้ายคลึงกับโรคเบาหวานประเภท 1 หรือประเภท 2 มาก สาเหตุก็คือความไม่สมดุลของอินซูลินด้วย เนื่องจากอินซูลินมีปัญหา จึงป้องกันไม่ให้เซลล์สมองดูดซับกลูโคส กลูโคสเป็นสารอาหารของเซลล์สมอง หากไม่มีกลูโคส เซลล์สมองก็ตาย ปรากฏว่าโปรตีนคุณภาพสูงเหล่านี้เป็นเซลล์ที่เลี้ยงร่างกายของเรา แต่สารอาหารสำหรับเซลล์สมองของเราคือกลูโคส ตราบใดที่เราเชี่ยวชาญแหล่งที่มาของอาหารสองประเภทนี้ เราก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพของเราเอง! คำถามต่อไปคือ จะหากลูโคสได้ที่ไหน? ไม่ใช่กลูโคสสำเร็จรูปที่เราซื้อจากร้านค้า ไม่ได้มาจากผลไม้อย่างองุ่น เธอเริ่มมองหาทางเลือกอื่น สารอาหารทดแทนสำหรับเซลล์สมองคือคีโตน คีโตนมีความจำเป็นในเซลล์สมอง ไม่พบคีโตนในวิตามิน *น้ำมันมะพร้าว* มีไตรกลีเซอไรด์ หลังจากบริโภคไตรกลีเซอไรด์ใน *น้ำมันมะพร้าว* แล้ว จะถูกเผาผลาญเป็นคีโตนในตับ นี่คือสารอาหารทางเลือกสำหรับเซลล์สมอง! หลังจากการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ ดร. แมรี่ได้เพิ่ม *น้ำมันมะพร้าว* ลงในอาหารของสามี หลังจากผ่านไปเพียงสองสัปดาห์ เมื่อเขาไปโรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อทำการทดสอบภาพวาดและนาฬิกา ความก้าวหน้านั้นน่าทึ่งมาก ดร.แมรี่กล่าวว่า: "ในตอนนั้น ฉันคิดว่า พระเจ้าได้ยินคำอธิษฐานของฉันหรือเปล่า น้ำมันมะพร้าวไม่ได้ผลหรอกหรือ แต่ไม่มีทางอื่นแล้ว ยังไงก็ดีกว่าถ้าใช้*น้ำมันมะพร้าว*ต่อไป" ปัจจุบัน ดร.แมรี่ เป็นส่วนหนึ่งของฐานปฏิบัติการทางการแพทย์แผนโบราณ เธอรู้ถึงความสามารถของยาแผนโบราณอย่างชัดเจน สามสัปดาห์ต่อมา ครั้งที่สามที่เธอพาเขาไปทำการทดสอบนาฬิกาอัจฉริยะ ผลงานดีขึ้นกว่าครั้งที่แล้ว ความก้าวหน้านี้ไม่เพียงแต่มีสติปัญญาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอารมณ์และร่างกายด้วย ดร.แมรี่กล่าวว่า "เขาวิ่งไม่ได้ แต่ตอนนี้เขาวิ่งได้ เขาอ่านหนังสือไม่ออกเป็นเวลาหนึ่งปีครึ่ง แต่ตอนนี้เขาสามารถอ่านได้อีกครั้งหลังจากกิน *น้ำมันมะพร้าว* เป็นเวลาสามเดือน" การกระทำของสามีของเธอเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่ได้พูดในตอนเช้า ตอนนี้เธอสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงมากมาย: "ตอนนี้หลังจากที่เขาลุกขึ้น เขาก็ร่าเริง พูดและหัวเราะ เขาดื่มน้ำเองและถือช้อนส้อมสำหรับตัวเอง" บนพื้นผิวงานเหล่านี้เป็นงานประจำวันที่เรียบง่าย แต่เฉพาะผู้ที่มาที่คลินิกหรือมีญาติที่เป็นโรคสมองเสื่อมที่บ้านเท่านั้นที่สามารถสัมผัสกับความสุขได้: ไม่ง่ายที่จะเห็นความก้าวหน้าดังกล่าว! หลังจากทอดผักใบเขียวและหัวหอมในน้ำมันมะพร้าว ทำเค้กกับมะพร้าว หลังจากทานน้ำมันมะพร้าว 3 ถึง 4 ช้อนโต๊ะต่อมื้อ 2-3 เดือนต่อมา ดวงตาก็สามารถโฟกัสได้ตามปกติเช่นกัน การศึกษาของเธอพิสูจน์ว่า *น้ำมันมะพร้าว* สามารถปรับปรุงปัญหาภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุได้จริงๆ ทา *น้ำมันมะพร้าว* ลงบนขนมปัง เมื่อใช้กะทิรสชาติดีเกินคาด คนหนุ่มสาวยังสามารถใช้เพื่อบำรุงสุขภาพและป้องกัน และสามารถปรับปรุงได้หากพวกเขามีอาการของภาวะสมองเสื่อม ภาวะสมองเสื่อมเกิดขึ้นเนื่องจากสารอาหารไม่สามารถขนส่งไปยังเซลล์สมองได้ และสารอาหารจะต้องส่งผ่านจากร่างกายไปยังสมองด้วยอินซูลิน โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวาน การหลั่งอินซูลินไม่ใช่เรื่องง่าย “โภชนาการไม่สามารถไปถึงสมองได้ เมื่อเซลล์สมองถูกอดอาหารจนตาย พวกเขาจะขาดสติปัญญา” *น้ำมันมะพร้าว* มีไตรกลีเซอไรด์สายกลาง ซึ่งสามารถให้สารอาหารไปยังสมองได้โดยไม่ต้องใช้อินซูลิน *ดังนั้นจึงสามารถปรับปรุงโรคอัลไซเมอร์และโรคพาร์กินสันได้* อ่านบทความเสร็จแล้วอย่าลืมแชร์สุขภาพยาสมุนไพรไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยวันนี้ "หนังสือพิมพ์เดอะซัน" ของอังกฤษเผยแพร่จดหมายเปิดผนึกของบิลเกตส์ จดหมายฉบับนี้ได้รับการให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และถูกส่งต่อจากคนในวงกว้าง คนทั้งหลายต่างกล่าวขานชื่นชมว่าบิลเกตส์เป็นผู้เปี่ยมสติสัมปชัญญะอย่างแท้จริง ******************************************** ต่อไปนี้คือ จดหมายเปิดผนึกของบิลเกตส์: ฉันเชื่ออย่างสนิทใจว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีจุดประสงค์ทางจิตใจอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าเราจะคิดว่ามันดีหรือไม่ดีก็ตาม ในขณะที่ฉันได้นั่งคิดอย่างมีสติรอบคอบ ฉันจึงอยากจะขอร่วมแบ่งปันเสียงสะท้อนจากใจของฉันให้กับท่านทั้งหลาย ว่าแท้จริงไวรัสโคโรน่าได้ทำอะไรกับพวกเราไปบ้าง 1)ไวรัสนี้ได้มาเตือนบอกเราทั้งหลาย ว่ามนุษย์ทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน ไม่ว่าวัฒนธรรม ศาสนา อาชีพ สภาพการณ์เศรษฐกิจของเราจะต่างกันอย่างไร หรือต่อให้เป็นคนที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งก็ตาม ในสายตาของไวรัสแล้วเราทุกคนล้วนเสมอภาคเท่ากัน เราทุกคนก็ควรปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยความเสมอภาคเช่นกัน ถ้าคุณไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูดมา คุณก็ไปถามทอมแฮ็งค์ดู 2)ไวรัสนี้ได้มาเตือนเรา ว่าชะตากรรมของเราทุกคนล้วนเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน สิ่งที่ส่งผลต่อคน ๆ หนึ่งก็สามารถส่งผลต่ออีกคนเช่นเดียวกัน ไวรัสยังเตือนเรา พรมแดนเท็จที่เราสร้างไว้นั้นมันไร้ค่าเสียจริง เพราะไวรัสไม่ต้องใช้หนังสือเดินทางก็ข้ามระหว่างประเทศได้ 3)ไวรัสเตือนสติเราว่า สุขภาพที่ดีมีค่าแค่ไหน แต่เรากลับละเลยสุขภาพนี้ ไปกินอาหารขยะทั้งหลาย ดื่มน้ำที่ปนเปื้อนสารเคมีต่างๆ ถ้าเราไม่ดูแลตนเอง แน่นอนว่าเราต้องเจ็บป่วย 4) ไวรัสเตือนเราว่า ชีวิตนั้นทุกข์และแสนสั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราควรทำคืออะไร โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ป่วยแล้ว. จุดมุ่งหมายของชีวิตไม่ได้อยู่ที่การซื้อกระดาษชำระแบบม้วน 5)ไวรัสเตือนเราว่า สังคมของเราเห็นวัตถุกลายเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก เมื่อเราประสบกับปัญหาความยากลำบาก เราเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ความต้องการพื้นฐานของเราคือ อาหาร น้ำและยา มากกว่าสินค้าฟุ่มเฟือยที่ไม่ได้มีมูลค่าอะไรเลย 6)ไวรัสเตือนเราว่า ครอบครัวมีความสำคัญเพียงใด แต่เรากลับมองข้ามจุดนี้ไปแล้ว ไวรัสบังคับให้เรากลับไปบ้านของเรา ดังนั้น เราจึงสามารถสร้างบ้านให้เป็นครอบครัว และสร้างสายสัมพันธ์ที่เข้มแข็งในครอบครัว 7)ไวรัสเตือนเราว่า งานที่แท้จริงของเราไม่ใช่งานที่เรากำลังรับจ้างอยู่นั้น แน่นอนว่าเราต้องทำงาน แต่ทว่าตามพระประสงค์ของพระเจ้าในการสร้างเรามา ไม่ใช่เพื่อให้เรามาทำงาน งานที่แท้จริงของเราทุกคน คือการดูแลซึ่งกันและกัน ปกป้องคุ้มครองซึ่งกันและกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อประโยชน์ร่วมกัน 8)ไวรัสเตือนเราว่า เราอย่าได้สำคัญตัวเองยิ่งใหญ่ หยิ่งผยอง ไวรัสยังเตือนเราด้วยว่า ไม่ว่าคุณจะคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่เพียงใด ไม่ว่าคนอื่นจะคิดว่าคุณยิ่งใหญ่เพียงใด ไวรัสขนาดเล็กๆเพียงแค่นิดเดียว ก็สามารถทำให้โลกทั้งใบหยุดนิ่งได้ทันที 9)ไวรัสเตือนเราว่า อิสรภาพอยู่ในมือของเราเอง เราสามารถเลือกที่จะร่วมมือและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เลือกที่จะแบ่งปันให้ และสนับสนุนซึ่งกันและกัน หรือเราสามารถเลือกที่จะเห็นแก่ตัว กักตุนเสบียงเพื่อดูแลแค่เฉพาะตัวเองเท่านั้น มีเพียงในยามยากลำบาก เราจึงสามารถมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของคนๆหนึ่งได้ 10) ไวรัสเตือนเราว่า เราสามารถอดทน หรือตื่นตระหนกได้ เรายังสามารถเข้าใจได้ว่าสถานการณ์เช่นนี้ เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในประวัติศาสตร์มาแล้ว แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านไป เราอาจตื่นตระหนก คิดว่าวันสิ้นโลกมาถึงแล้ว จนส่งผลทำร้ายตัวเราเอง 11)ไวรัสเตือนเราว่า การแพร่ระบาดของไวรัสเป็นทั้งจุดจบและจุดเริ่มต้น เวลานี้เราสามารถไตร่ตรองและทำความเข้าใจได้แล้ว เรียนรู้รับเอาบทเรียนจากความผิดพลาดนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเวียนว่าย และอาจจะดำเนินเช่นนี้ต่อไป จนกว่าเราได้รับบทเรียนทั้งหมด 12)ไวรัสเตือนเราว่าโลกของเรากำลังป่วย ไวรัสยังเตือนเราด้วยว่า เราต้องดูว่าผืนป่าหายไปเร็วแค่ไหน นอกจากนี้คุณต้องดูความเร็วที่กระดาษชำระม้วนหนึ่งหายไปจากชั้นวางว่าเร็วแค่ไหน เราทุกคนต่างป่วยกันหมดแล้ว เพราะครอบครัวของเราป่วย(โลกคือครอบครัวของเรา) 13)ไวรัสเตือนเราว่า ความยากลำบากมักจะผ่านไปได้เสมอ แล้วจากนั้นทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นมา ชีวิตเป็นวัฏจักรวนเวียน ตอนนี้เป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งในวัฏจักรเท่านั้น เราไม่ต้องตกใจ โรคระบาดจะผ่านไปได้แน่นอน 14)หลายคนคิดว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าเป็นหายนะ แต่ฉันคิดว่านี่จะเป็นการ "แก้ไขข้อผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด"โควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: false3 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข้อความนี้ พระเทพฯ ทรงให้สัมภาษณ์ จริงหรือไม่ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึงพ่ออยู่หัว ร.9 พระเทพฯ ทรงกล่าวให้สัมภาษณ์ 1. จากนี้ไปประเทศไทยของเราจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีก อาจมีหลายสิ่งเปลี่ยนไป รอยต่อของคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่อาจชัดเจนขึ้น มันคือการเปลี่ยนผ่านในวันที่พ่อไม่อยู่ ทุกคนมีสิทธิ์เสียใจ และควรเสียใจ ทุกคนมีสิทธิ์กลัว และควรกลัว แต่จงตระหนัก เตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงด้วยสติปัญญา 2. พ่อคือตัวแทนของความพอเพียง เป็นต้นฉบับของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในวันที่ประเทศไทยกำลังถูกปั่นด้วยกระแสความโลภ จงหยิบภูมิปัญญาของท่านมาใช้ให้เกิดประโยชน์ จดจำหลอดยาสีฟันของท่านไว้ จดจำการแต่งกายที่เรียบง่ายของท่านไว้ อะไรที่ประหยัดได้จงประหยัด อะไรที่พึ่งพาตนเองได้จงพึ่งพา อะไรที่แบ่งปันได้จงแบ่งปัน เมื่อยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้แล้ว เราจะพึ่งพาผู้อื่นน้อยลง 3. พ่อเป็นผู้มีความเพียรดุจพระมหาชนก ท่านเป็นผู้ว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรโดยไม่เคยถามว่าเมื่อไหร่จะถึงฝั่ง ความคิดเช่นนี้ทำให้ท่านทำงานที่ยิ่งใหญ่ได้ ฝากถึงคนไทย อย่าทำงานด้วยตัณหา อย่าขับเคลื่อนชีวิตด้วยความอยากมี อยากได้ อยากเป็น อย่าให้อำนาจวัตถุบังตาจนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี จงขับเคลื่อนชีวิตและการงานด้วยฉันทะ ความรัก ความเมตตา ด้วยประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เหมือนที่พ่อเคยทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง 4. พ่อยืนเคียงข้างคนยากจนเสมอ คนจนอยู่ที่ไหนท่านก็อยู่ที่นั้น ท่านเดินทางบุกป่าฝ่าดงไปเยี่ยมพวกเขาถึงบ้าน เป็นพระราชาผู้อยู่ง่าย กินง่าย ไม่ยึดติดความหรูหรา เมื่อพ่อไม่อยู่แล้ว เราอย่าหลงลืมปณิธานข้อนี้ อย่าทอดทิ้งคนยากจน จงหยิบยื่นโอกาสให้ผู้ด้อยกว่า อย่าใช้ช่องว่างกฎหมายซ้ำเติมและเอาเปรียบผู้อื่น 5. ไม่มีท่าน เราจะมานั่งทะเลาะกันเหมือนในอดีตไม่ได้ เพราะไม่มีใครที่จะมาห้ามเราได้ ไม่มีใครอีกแล้วที่เราจะเกรงใจ รับฟังเหมือนที่เคยรับฟังท่าน ถ้าทุกฝ่ายไม่คิดถึงข้อนี้ให้มาก ถ้ายังเอาแต่ความคิดตนเป็นใหญ่ ประเทศไทยที่เรารัก ย่อมตกอยู่ในฐานะอันตราย เมื่อพ่อไม่อยู่แล้ว จงรักและถนอมน้ำใจกันให้มากกว่าที่ผ่านมา 6. สิ่งที่พ่อทิ้งไว้ ไม่ใช่เพียงอิฐ หิน ปูน ทราย แต่เป็นความรู้ขั้นปรีชาญาณ เราอาจรักษาร่างกายท่านไว้ไม่ได้ เพราะนั่นคือกฎธรรมชาติ แต่เราสามารถรักษาภูมิปัญญาของท่านไว้ได้ จงค้นคว้าข้อมูลทางเทคนิคต่างๆ ฝนเทียมเกิดได้อย่างไร กังหันน้ำชัยพัฒนาคืออะไร มันมีความน่าทึ่งยังไงในมิติทางวิศวกรรม การเพาะปลูกโดยไม่พึ่งสารเคมีทำได้อย่างไร การพัฒนาดิน รักษาน้ำ ชุบชีวิตป่าเป็นอย่างไร ทำไมท่านไม่สนับสนุนให้ปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำไมท่านจึงส่งเสริมให้ชาวบ้านรู้จักการห่มดิน ท่านเคยสร้างรากฐานอันใดไว้ให้วงการเกษตรกรรมของชาติ สิ่งเหล่านี้ควรสนับสนุนให้มีการร่ำเรียนกันเป็นระบบ ในโรงเรียน มหาวิทยาลัย ถ้าเราทำเช่นนี้ได้ภูมิปัญญาที่ท่านคิดค้นมาหลายสิบปีจะไม่สูญหายไปจากสังคมไทย 7. จากนี้ไปจะมีคนอีกมาก ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง อาจมีคนที่ไม่เข้าใจท่านออกมาพูดในสิ่งที่เราไม่ชอบ จงใช้สติ อดทน ไม่โต้ตอบ เหมือนที่ท่านได้กระทำมาชั่วชีวิต พระพุทธเจ้าตรัสไว้เสมอ ไม่เคยมีสันติภาพใด เกิดจากความรุนแรงและคำด่าทอ 8. พ่อเป็นผู้ค้ำชูศาสนาโดยแท้จริง ไม่ใช่ด้วยคำพูด หรือแค่เม็ดเงินบริจาค แต่ท่านคือผู้พิสูจน์ธรรมะด้วยกายใจ ในฐานะผู้ปฏิบัติธรรม ท่านคือนักภาวนาที่หาตัวจับยาก เป็นผู้มีอานาปานสติเป็นวิหารธรรม ทำไมพ่อทำงานหนัก แต่ยังมีเวลาภาวนา ทำไมเราทำงานน้อยกว่าท่าน แต่เรากลับอ้างว่าเราไม่มีเวลา สิ่งนี้ต้องคิดให้มาก เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเอง 9. พ่อคือครูผู้ยิ่งใหญ่ที่สอนด้วยชีวิตและการกระทำ ชีวิตคือธรรมะ และธรรมะก็คือชีวิตที่ตั้งอยู่ในความธรรมดาที่เกิดขึ้นกับเราทุกคน พ่อกำลังบอกเราว่า จงดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท ทำให้ดีที่สุดในวันนี้ จะไม่ต้องติดค้างเสียใจในภายหลัง 10. แม้วันนี้พ่อจะไม่อยู่ แต่ขอให้ชาวไทยจงวางใจว่า สถานที่ที่ท่านเดินทางไปนั้น น่าอยู่และงดงามกว่านี้หลายเท่า ท่านคือพระโพธิสัตว์ผู้ผ่านมาสร้างแสงสว่าง การเกิดของท่านในชาตินี้เป็นการเกิดที่สมศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ และเราทั้งหลายควรภูมิใจไปกับท่าน ท่านคงไม่อยากให้เราคนไทยถูกทับถมด้วยทะเลแห่งความเศร้า อย่าทิ้งหน้าที่ อย่าทิ้งการงาน และสิ่งต่างๆ ที่รับผิดชอบอยู่ จงตั้งสติให้มั่นคง เป็นกำลังสมาธิ เป็นความสว่างเบิกบาน เพื่อน้อมส่งท่านสู่สวรรค์คาลัย ด้วยหัวใจแห่งความรักของเราชาวไทยทุกคน… อ่านจบ อดไม่ได้ที่จะแชร์ต่อ เพราะเป็นประโยชน์มากๆ ควรจดจำให้ขึ้นใจ..ทิ้งไม่ได้แม้แต่ข้อเดียว..เลยคัดลอกมาให้ทุกท่านได้อ่านด้วยกัน นะคะ.. เขียนด้วยความรัก สำนึก และบูชาตลอดไป อ่านแล้วน้ำตาไหล 😭 😭โควิด 2019วัคซีนโควิดผู้บริโภคเฝ้าระวังMrs.Doubt• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยนศ.หนุ่มวัย 19 เป็นลมหมดสติกะทันหัน พอผลการวินิฉัยของคุณหมอออกมา ทุกคนตกใจจนเข่าแทบทรุด เว็บไซต์ต่างประเทศ ได้รายงานว่าในช่วงเช้าของวันหนึ่ง มีนักศึกษาหนุ่มหลายคนพาเพื่อนอายุ 19 ปี ที่เป็นลมหมดสติกะทันหัน มาที่โรงพยาบาล พวกเขาตะโกนเรียกหมอว่า “คุณหมอครับ ช่วยเขาที เขาเป็นลมหมดสติกะทันหันครับ” หลังจากถามอาการของคนไข้จากเพื่อน ๆอที่พามาส่งก็พบว่า คนไข้มีอาการขาซ้ายปวดและบวมในตอนตื่นนอน เพื่อน ๆที่นอนในห้องเดียวกันต่างคิดว่า เป็นเพราะเขาเหนื่อยและนอนหลับไม่ดี จึงมีอาการดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากทุกคนแต่งตัวเสร็จ และกำลังจะไปกินอาหารเช้าก็พบว่าเขายังไม่ได้ลุกจากที่นอน และได้ยินเขาบอกว่าเขาปวดขาซ้ายมาก ๆ ให้ทุกคนช่วยส่งเขาไปโรงพยาบาลหน่อย และในระหว่างทางไปโรงพยาบาล เขาก็เป็นลมหมดสติไปทันที หมอตรวจพบว่าเขาเป็นโรคหลอดเลือดดำอุดตันอโรคหลอดเลือดดำอุดตัน เกิดจากลิ่มเลือดแข็งตัวในหลอดเลือดดำ อาการนี้พบมากในบริเวณขาซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดหรือบวมของขาข้างนั้น ๆ ตั้งแต่น่องจนมาถึงต้นขาได้ เพื่อน ๆ ของเขาฟังแล้วรู้สึกตกใจ จึงรีบถามหมอว่า เหตุใดเขาถึงได้เป็นโรคนี้ หมออธิบายว่า สาเหตุก็เพราะว่า เขานั่งนานเกินไป การนั่งนาน ๆ นั้นจะทำให้กล้ามเนื้อไม่ได้ขยับติดต่อกันเป็นเวลานานและเลือดไม่สามารถไหลเวียนออกจากขาขึ้นมาสู่หัวใจได้ ทำให้เส้นเลือดดำในขาและเท้าเกิดการอุดตัน นักศึกษาคนนี้ชื่อ เซียว เขาติดเล่นเกม นั่งเล่นแทบไม่ขยับไปไหน ทุกคืนต้องเล่นยันตีสองตีสาม ถึงจะยอมไปนอน ส่วนสาเหตุที่เขาเป็นลมหมดสติ หมออธิบายว่า การที่เขานั่งเล่นเกมนาน ๆ ทำให้เป็นโรคหลอดเลือดดำอุดตัน และมีอาการหายใจไม่ออก สุดท้ายก็เป็นลมหมดสติไป พอหมออธิบายเสร็จ เพื่อนคนหนึ่งที่พามาส่งก็ต้องตกกะใจว่า “ผมเองก็ติดเล่นเกมเช่นกัน หลังจากนี้ไปคงไม่กล้านั่งเล่นนาน ๆ แบบนี้อีกแล้วล่ะ ภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน เป็นภาวะที่เป็นอันตราย มันสามารถหลุดไปยังบริเวณปอด ทำให้เกิดภาวะ ลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด ซึ่งมีอันตรายถึงชีวิต อาการของลิ่มเลือดอุดตันในปอด คืออาการหายใจไม่สะดวกเฉียบพลัน แน่นหน้าอกและเจ็บหน้าอกเป็นต้น การนั่งอยู่ในท่าเดิมนาน ๆ เช่นการเดินทางบนเครื่องบิน หรือบนรถ สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ หมออธิบายต่อว่า ผู้ป่วยที่เป็นโรคลิ่มเลือดอุดตันในปอด มี 90% เกิดจากภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน และมีผู้ป่วย 80% เป็นโรคลิ่มเลือดอุดตันในปอด โดยจะเริ่มจากไม่มีอาการอะไรเลย โดยประมาณ 25% ของโรคลิ่มเลือดอุดตันในปอด พบว่ามีการเสียชีวิตเฉียบพลันก่อนที่จะได้รับการวินิจฉัย ลิ่มเลือดอุดตันในปอด เป็นภาวะแทรกซ้อนที่ต้องระวังให้มากที่สุด เกิดจากลิ่มเลือดกระจายไปอุดตันที่เส้นเลือดในปอดซึ่งส่วนมากมาจากเส้นเลือดดำที่ขา ภาวะนี้อันตรายถึงชีวิต ถ้าไม่ได้รับการรักษา โชคดีที่เพื่อน ๆ ส่งตัว เซียว มาโรงพยาบาลทันเวลา หลังจากได้รับการรักษาเขาก็เริ่มฟื้นตัว พอรู้อาการของตัวเองเข้า เขาถึงกับต้องตะลึงจนพูดซ้ำ ๆ ว่า “แม่เจ้า เกือบไปแล้ว หลังจากนี้ไปผมคงไม่กล้านั่งนาน ๆ อีก และก็ไม่กล้าเล่นเกมดึกอีกแล้ว” หมอแนะนำว่า ไม่ว่าจะทำงานหรือเรียน ควรหาเวลาพักผ่อน และออกกำลังกายด้วย จะได้มีสุขภาพที่แข็งแรง แต่สำหรับคนที่ต้องนั่งนาน ๆ ควรลุกขึ้นยืนและเดินทุก ๆ 2 ชั่วโมง ดื่มน้ำมาก ๆ ไม่ควรนั่งนานเกินไปและไม่ควรให้ร่างกายขาดน้ำ เพราะจะทำให้เลือดอุดตันได้ นอกจากนี้แล้วการนั่งนาน ๆ อาจจะส่งผลทำให้เกิดโรคพวกนี้ได้ : 1. การนั่งนานเกินไปจะทำให้เจ็บสะโพก โดยมีอาการตึงและขยับไม่ค่อยได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อหดและตึงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การเคลื่อนไหวสะโพกลำบากนี่เองที่เป็นสาเหตุสำคัญ ทำให้ผู้สูงอายุ ล้มได้ง่าย 2. เมื่อร่างกายอยู่นิ่งเป็นเวลานาน ๆ เลือดและออกซิเจนจะไหลเวียนผ่านสมองน้อยลง ส่งผลให้สมองทำงานช้าลง คนที่นั่งนาน ๆ จึงรู้สึกสมองตื้อ เฉื่อยชา เหนื่อยล้านอนไม่หลับ ความจำเสื่อม 3. การนั่งนานเกินไปทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง ก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่นท้องผูก จุกแน่น แสบร้อนหน้าอก ท้องอืดหรืออาจทำให้น้ำ หนักตัวเพิ่มขึ้นได้ 4. การนั่งจะสร้างแรงกดที่กระดูกสันหลัง มากกว่าการยืน และสุขภาพแผ่นหลังจะยิ่งแย่ หากคุณนั่งหลังค่อมหน้าคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ 5. การนั่งนาน ๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่ เต้านม และเยื่อบุโพรงมดลูก แม้กระบวนการเกิดยังไม่ทราบแน่ชัด ซึ่งอาจเกิดจากตับอ่อนผลิตอินซูลินมากเกินไป และไปกระตุ้นให้เซลล์เจริญเติบโต แต่ข้อเท็จจริง ก็คือ การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอ จะกระตุ้นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ให้คอยกำจัดอนุมูลอิสระที่ทำให้เกิดเซลล์มะเร็ง ขอบคุณ:http://www.liekr.com/post_159433.htmlาไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยโควิดเป็นแล้วกลับมาเป็นอีกได้หรือไม่จากกรณีข่าวของวันที่ 9เมย ที่แพทย์ตรวจพบหญิงสาวจากจังหวัดชัยภูมิ ติดเชื้อโควิดรักษาตัวหายแล้วครบ 14 วัน เมื่อเดินทางกลับภูมิลำเนา มีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว แพทย์ตรวจซ้ำพบเจอเชื้อโควิด 19 แต่ไม่มีไข้ และกรณีของคนเกาหลี เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ในวันศุกร์ (10 เม.ย.) รายงานว่า มีคนไข้ที่คิดว่าหายดีจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) กลับมีผลตรวจออกมาเป็นบวกอีกรอบ 91 คนโควิด 2019naydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยประเทศไทยมีหิมะวันที่32เดือน13มีหิมะตกที่ประเทศไทยMoui• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยปลุกเสกลูกเทพที่ดังรวมสถานที่คนที่ปลุกเสกลูกเทพเข้มขลังเสียดสีstd47926• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย“พิธา” อาจทำก้าวไกลถูกยุบ! พบ “แถลงแยกดินแดน” ก๊อบปี้ “ช่อ-ธนาธร”อ.เจษฎ์ ชี้คำปราศรัย "พิธา" ปัตตานีเลือกนายกฯ หากมีเจตนาแฝงจะเข้าข่ายยุยงปลุกปั่น อาจนำไปสู่การ “ยุบพรรค” ก้าวไกล ด้าน “พล.ท.นันทเดช” ระบุนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง “ขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ” จี้สอบทั้งพรรคส้ม-เป็นธรรม-ประชาชาติ พบเนื้อหาแถลงการณ์แยกดินแดนปาตานี เนื้อความเดียวกับคำกล่าวของ “ช่อ พรรณิการ์-ธนาธร” เมื่อปี 65 กรณีที่ “ขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ” ที่เรียกตัวเองว่า เปลาจาร์ บังซา จัดปาฐกถาเรื่อง “สิทธิในการกำหนดอนาคตตนเอง กับสันติภาพปาตานี” เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2566 ที่ห้องประชุมศรีวังสา ตึกรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ.ปัตตานี) โดยได้มีการแจกเอกสารเพื่อลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราช มีข้อความว่า “คุณเห็นด้วยกับสิทธิในการกำหนดชะตากรรมตนเองหรือไม่ ที่จะให้ประชาชนปาตานีสามารถออกเสียงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชได้อย่างถูกต้อง” ได้สร้างความหวั่นวิตกให้แก่คนไทยทั้งประเทศ ด้วยมองว่านี่คือความพยายามในการแบ่งแยกดินแดน!std48049• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยhttps://www.bbc.com/thai/thailand-60676759ไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเนเธอร์แลนด์กลายเป็นประเทศที่เหลื่อมล้ำด้านทรัพย์สินมากที่สุดในโลกhttps://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_wealth_inequality Here are the 10 countries with the highest wealth inequality: Netherlands (0.902) Russia (0.879) Sweden (0.867) United States (0.852) Brazil (0.849) Thailand (0.846) Denmark (0.838) Philippines (0.837) Saudi Arabia (0.834) Indonesia (0.833) https://worldpopulationreview.com/country-rankings/wealth-inequality-by-countryเสียดสีSuppakit Boontantapiwat• 4 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยมีผู้เสียชัวิต หลังการฉีดวัคซีน ชิโนแวค จริงหรือไม่มีผู้เสียชัวิต หลังการฉีดวัคซีน ชิโนแวค จริงหรือไม่โควิด 2019วัคซีนโควิดMrs.Doubt• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยมุสลิม 1 ล้านคน ร่วมละหมาดวันศุกร์ที่มัสยิดฮะรอมในวันดังกล่าว ผู้แสวงบุญส่วนหนึ่งที่เสร็จสิ้นการประกอบขั้นตอนต่าง ๆ ของพิธีฮัจญ์แล้ว ยังเดินทางไปมัสยิดฮะรอม เพื่อทำการเวียนรอบกะอฺบะฮ์ (ตอวาฟ) ที่เรียกว่า ตอวาฟอัล-วิดา (การตอวาฟอำลา) เป็นวันที่ 2 เป็นที่น่าสังเกตว่า การขยายตัวครั้งใหญ่ของมัสยิดฮะรอม รวมทั้งมาตอวาฟ และการจัดเตรียมการอย่างละเอียดถี่ถ้วน ทำให้ผู้แสวงบุญสามารถประกอบศาสนกิจได้อย่างสะดวกสบายstd48372• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยฝรั่งเศสลุกเป็นไฟ ตร.ยิงวัยรุ่นมุสลิม เพียงเพราะไม่มีสิ่งนี้!ผู้คนพากันออกมาประท้วงตามท้องถนน 3 คืนติดต่อกันหลังเกิดเหตุ มีการจุดไฟเผารถ ขว้างปาก้อนหิน และดอกไม้ไฟ มีผู้เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ที่ผ่านมา มีผู้ถูกจับกุมแล้ว 667 รายทั่วประเทศ หลังการประท้วงดำเนินมาเป็นเวลา 3 วัน ภาพวิดีโอที่แชร์กันบนโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย อยู่ข้างรถ เมอร์ซีเดส เอเอ็มจี โดยคนหนึ่งยิงใส่คนขัยวับรุ่นในระยะเผาขน ขณะที่เขากำลังถอยรถออกไป อัยการท้องถิ่นกล่าวว่า เขาเสียชีวิตหลังจากนั้นไม่นานเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหวstd48372• 2 ปีที่แล้ว
- 3 คนสงสัยเคี้ยวเม็ดมะละกอรักษามะเร็งเคี้ยวเม็ดมะละกอสุกแล้วกลืนโดยไม่ต้องกินน้ำตาม วันละ 3 เม็ด รักษามะเร็งระยะสุดท้าย เห็นผลใน 1 เดือนมะเร็งstd48316• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกัญชากัญชา เป็นพืชล้มลุกคล้ายต้นหญ้า มีสารเคมีอยู่ในใบกัญชาชื่อ Cannabinoids ซึ่งมีฤทธิ์สำคัญได้แก่ THC และ CBD ในปัจจุบัน กันชานิยมนำไปใช้อย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็น สเปรย์ น้ำมัน แคปซูล เครื่องพ่นไอระเหยทางการแพทย์ ไปจนถึงการนำมาใส่ในอาหาร และเครื่องดื่มต่างๆ และในทางการแพทย์นั้น กัญชาทุกนำมาใช้ในการรักษาโรคต่างๆ โดยแต่ละรูปแบบของการรักษา ให้ปริมาณความเข้มของสารแคนนาบินอยด์ที่ไม่เหมือนกัน และตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการดูแลstd46308• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยเคี้ยวเม็ดมะละกอรักษามะเร็ง ติดอันดับ 1 ข่าวปลอมถูกแชร์มากสุดปี 65ดีอีเอส เปิดสถิติข่าวปลอมประจำปี 2565 นโยบายภาครัฐครองแชมป์สูงสุด ส่วน เคี้ยวเม็ดมะละกอรักษามะเร็ง ข่าวปลอมถูกแชร์วนซ้ำบ่อยที่สุดอันดับ 1 น.ส.นพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ฝ่ายการเมือง เปิดเผย สถิติการตรวจสอบข่าวปลอม โดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประจำปี 2565 (ระหว่างวันที่ 1 ม.ค.2565 – 31 ธ.ค.2565) พบว่ามีข้อความข่าวที่ต้องคัดกรอง 517,965,417 ข้อความ หลังจากคัดกรองพบข้อความข่าวที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ 14,859 เรื่องแบ่งเป็น โดยหมวดหมู่นโยบายรัฐ 3,772 เรื่อง ตามมาด้วย หมวดหมู่สุขภาพ 2,344 เรื่อง หมวดหมู่เศรษฐกิจ 634 เรื่อง และหมวดหมู่ภัยพิบัติ 450 เรื่องstd47676• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยปชช. ระวังมิจฉาชีพแฝงตัวหลอกกดลิ้งก์ ลอยกระทงออนไลน์ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยปชช. ระวังมิจฉาชีพแฝงตัวหลอกกดลิ้งก์ ลอยกระทงออนไลน์ https://ch3plus.com/news/crime/ch3onlinenews/318993 #3PlusNews #ข่าวช่อง3ผู้บริโภคเฝ้าระวังMrs.Doubt• 3 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยซิลิโคนทำให้อุดตันจริงไหมถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาเป็นสิวง่าย และเป็นคนที่สนใจในการอ่านส่วนผสมบนฉลากเครื่องสำอาง คุณคงจะพยายามมองหาส่วนผสมที่ทำให้เกิดการอุดตันและเลี่ยงที่จะใช้มันKhairun Nisa• 4 ปีที่แล้วmeter: middle3 ความเห็น

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ