743 ข้อความ
- 1 คนสงสัยวัคซีนมีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ต้องห้ามตามหลักศาสนายอมรับว่าทีมงานต่อต้านข่าวปลอมทำงานกันอย่างยากลำบากด้วยข้อจำกัดด้านภาษาและวัฒนธรรม จากกรณีพบผู้มีเชื้อสายเอเชียใต้ (ภูมิภาคที่ประกอบด้วยประเทศอินเดีย ปากีสถาน อัฟกานิสถาน บังกลาเทศ ศรีลังกา เนปาล ภูฏาน และมัลดีฟส์) ที่อาศัยอยู่ในอังกฤษมีแนวโน้มปฏิเสธการรับวัคซีนโควิด-19 โดยต้องทำงานร่วมกับผู้นำศาสนา อธิบายให้ศาสนิกชนเหล่านี้มั่นใจว่าวัคซีนโควิด-19 ไม่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนผสม ทาง Newsweek ก็มีการตรวจสอบว่าเป็นข่าวลวงเช่นกัน โดยเฉพาะในวัคซีนของไฟเซอร์ ส่วนในประเทศอินโดนีเซียที่ประชากรนับถือศาสนาอิสลามส่วนใหญ่ก็เริ่มต้นฉีดวัคซีนไปแล้ววัคซีนโควิดstd48096• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยวัคซีนเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอมนุษย์การกล่าวถึงพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอ (DNA) ในกระบวนการผลิตและการทำงานของวัคซีน นำไปสู่ความกังวลว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนจะมีผลข้างเคียงคือรหัสพันธุกรรมของตนจะเปลี่ยนไปด้วย ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ชี้แจงเรื่องนี้ว่า วัคซีนที่ใช้เทคโนโลยีทั้ง 2 ชนิด แม้จะส่งสารพันธุกรรมเข้าไปในร่างกายมนุษย์ แต่สารนั้นจะไม่เข้าไปถึงนิวเคลียสอันเป็นที่เก็บดีเอ็นเอ จึงไม่ส่งผลกระทบต่อดีเอ็นเอแต่อย่างใด ทางสำนักข่าวบีบีซีและรอยเตอร์ตรวจสอบแล้วพบว่าข่าววัคซีนเปลี่ยนดีเอ็นเอนี้ไม่เป็นความจริงวัคซีนโควิดstd48096• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยจริงหรือไม่ แคลเซียมไม่ได้ทำให้ตัวสูงแคลเซียมเพิ่มความสูงได้จริงหรือไม่? แร่ธาตุที่สำคัญต่อระบบร่างกายของเรา ถือว่าเป็นแร่ธาตุที่สำคัญ ที่ส่งผลต่อสุขภาพที่ดี เราจำเป็นต้องบริโภค แคลเซียม เพื่อช่วยให้กระดูกแข็งแรง และทำให้สารสื่อประสาทระหว่างสมอง และอวัยวะต่าง ๆ ทำงานได้ปกติ แคลเซียมในรูปแบบของอาหารเสริม นำมากินเพื่อที่จะเพิ่มความสูง ซึ่งแท้จริงแล้ว การบริโภค แคลเซียมอย่างเดียวนั้น ไม่ได้ทำให้ส่วนสูงเพิ่มขึ้น แต่จะต้องทานร่วมกับโปรตีน และจะต้องเป็นโปรตีนที่ได้จากพืชตระกูลถั่วเท่านั้น รวมถึงการออกกำลังกายร่วมด้วย จึงจะทำให้สูงขึ้นได้ โปรตีน และแคลเซียม มีบทบาทสำคัญต่อร่างกายเป็นอย่างมาก เราจำเป็นต้องรับประทานโปรตีนให้เพียงพอต่ตอความต้องการของร่างกาย และถ้าอยากสูงและมีร่างกายที่แข็งแรง ควรควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อผลลัพธ์ที่ดี และสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วยPYU4 kunticha• 4 ปีที่แล้วmeter: true2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยช็อค ค่าไฟแพง ครวญผ่านโลกโซเชียล เจอค่าไฟถึงกับจุกทวิตเตอร์ ติดเทรนด์ 19 เมย "ค่าไฟแพง" เห็นบิลค่าไฟถึงกับต้องครวญผ่านสื่อโซเชียลกันถัวนหน้าnaydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยแอร์หรือเครื่องปรับอากาศเป็นตัวช่วยกระจายเชื้อโควิดหรือไม่มีรายงานจากประเทศจีนเรื่อง ในวันที่ 23 มกราคมมีผู้ไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งกลับจากอู่ฮั่น เป็นผู้ติดเชื้อแล้วแต่ยังไม่รู้ตัว ได้ไปรับประทานอาหารที่ร้าน ซึ่งในร้านนั้นได้เปิดเครื่องปรับอากาศและไม่มีหน้าต่าง เป็นเหตุให้มีผู้ป่วยจากร้านอาหารนี้ 10 คน เป็นคนที่นั่งโต๊ะเดียวกัน(มาด้วยกัน) และลุกค้ารายอื่นโต๊ะติดกันอีกสองโต๊ะ ระยะห่างของทั้งสามโต๊ะห่างกันเพียงแค่ 1 เมตร เวลารับประทานอาหารเป็นช่วงเวลาเดียวกันแต่แสดงอาการป่วยห่างกันราวๆ 1 อาทิตย์ ซึ่งผู้ป่วยทั้งหมดนั่งรับประทานอาหารในทิศทางที่แอร์พุ่งมาในทิศทางเดียวกัน (ใน LINK มีรูปประกอบ) ทางจีนสันนิษฐานได้ว่าเชื้อโควิดแพร่กระจายโดยผ่านละอองฝอยออกมาและเครื่องปรับอากาศเป็นตัวนำพาให้เชื้อกระจายในทิศทางของ airflow ในขณะที่ลูกค้าในร้านอีก 73 คนที่รับประทานอาหารในชั้นนั้นๆและพนักงานเสิร์ฟในร้านทั้งหมดไม่ติดเชื้อโควิด และในเครื่องปรับอากาศเองก็ไม่มีเชื้อโควิดอยู่ในระบบไหลเวียนอากาศอยู่ในตัวเครื่อง วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการเว้นระยะห่าง และอยู่ในที่อากาศถ่ายเทน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดโควิด 2019anonymous• 5 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยติดเชื้อในบ้านพุ่ง!!ย้ำใส่หน้ากาก รักษาระยะห่างสธ.พบผู้ติดเชื้อรายใหม่โควิด-19 เพิ่ม 28 ราย รวมยอดสะสม1,288 ราย ใน 68 จังหวัด เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย ระบุ 3 แหล่งติดเชื้อของผู้ป่วยโควิด-19 เผยติดเชื้อในบ้านพุ่ง ย้ำประชาชนใส่หน้ากาก รักษาระยะห่างทางบุคคลในบ้านโควิด 2019Ad.tar• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเกิดการดื้อ-ขัดขืน! ‘ประธาน กสทช.’รวบอำนาจสั่ง‘พนง.’เบ็ดเสร็จ อ้างปย.สูงสุดต่อประเทศชาติ https://www.isranews.org/article/isranews-news/120461-NBTC-new-Fulfill-duties-and-authority-order-news.htmlข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้วmeter: middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยพรรคเป็นธรรม ในสมรภูมิวาทกรรม “แบ่งแยกดินแดน”ทันทีที่พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลประกาศหลังชนะการเลือกตั้ง 14 พ.ค. 2566 ว่าได้ทาบทามพรรคเป็นธรรมเข้าร่วมรัฐบาล โซเชียลมีเดียก็เริ่มปรากฏข้อความโจมตีพรรคเป็นธรรมว่า “เป็นพวกแบ่งแยกดินแดน” ซึ่งโคแฟคตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นข้อกล่าวหาที่เกิดจากการตีความนโยบายแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้และการกระจายอำนาจของพรรคเป็นธรรม ขณะที่บางกลุ่มอาจจงใจใช้วาทกรรมนี้โจมตีฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ข้อกล่าวหานี้แพร่หลายในโซเชียลมีเดียมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่จำกัดอยู่แค่พรรคเป็นธรรมเท่านั้น แต่ยังพุ่งเป้าไปที่พรรคก้าวไกลและพรรคประชาชาติด้วย กระทั่งกลายเป็นประเด็นที่ผู้สื่อข่าวหยิบยกไปถามในการแถลงข่าวลงนามข้อตกลงร่วมจัดตั้งรัฐบาล (เอ็มโอยู) เมื่อ 22 พ.ค. 2566 โดยอ้างว่าเหตุที่ต้องถามจุดยืนในเรื่องนี้เพราะ “สัญญาณของการแบ่งแยกดินแดนค่อนข้างที่จะหนาหู…ประชาชนกังวลว่ารัฐบาลชุดใหม่จะทำให้ด้ามขวานทองหายไป” พรรคเป็นธรรมในชายแดนใต้ พรรคเป็นธรรมเป็นพรรคการเมืองใหม่ที่มีนายปิติพงศ์ เต็มเจริญ อดีต ส.ส. กทม. พรรคไทยรักไทยและอดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรค ในการเลือกตั้ง 14 พ.ค. 2566 พรรคเป็นธรรมชูนโยบายเรื่องการ “สร้างสันติภาพในปาตานี” โดยส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต 11 คนในกรุงเทพฯ นราธิวาส ยะลาและปัตตานี และ ส.ส. บัญชีรายชื่อ 9 คน ผลการเลือกตั้ง พรรคเป็นธรรมได้ ส.ส. บัญชีรายชื่อเข้าสภา 1 คน คือ นายกัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคstd47964• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยการดื่มน้ำมะนาวฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้???การดื่มน้ำมะนาวฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้ : หลายคนอาจเคยได้ยินวลี “มะนาวโซดาฆ่ามะเร็ง” ที่หมายถึงยุคหนึ่งเคยมีการส่งต่อข้อมูลบนโลกออนไลน์ว่าการดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำโซดาสามารถรักษาโรคมะเร็งได้ ซึ่งต่อมาได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง กระทั่งเมื่อเกิดวิกฤติไวรัสโควิด-19 มะนาวถูกยกมาเป็นยาวิเศษอีกครั้งหนึ่ง โดยช่วงเดือน มี.ค. 2563 มีการแชร์ข้อมูลว่าน้ำมะนาวสามารถฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้ ซึ่ง นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อดีตอธิบดีกรมควบคุมโรค อธิบายผ่านสื่อมวลชน เมื่อ 28 มี.ค. 2563 ว่า มะนาวมีวิตามินซีสูง ช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกัน เชื้อโรคไม่สามารถฝังเข้าไปในเซลล์ของทางเดินหายใจและปอดได้ง่ายเท่านั้น แต่ไม่สามารถฆ่าไวรัสได้ ในช่วงไล่เลี่ยกันยังมีการแชร์ข้อมูลน้ำมะนาวผสมโซดา (อีกแล้ว) แต่คราวนี้ผสมน้ำส้มสายชูไปด้วยโดยอ้างว่าสูตรนี้ฆ่าไวรัสโควิด-19 ได้แน่นอน เพราะจะไปทำลายไวรัสที่พบในลำคอ ซึ่งทาง กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ออกมาเตือนประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อ เพราะข้อมูลดังกล่าวยังไม่มีผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ใดๆ มารับรองstd46342• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเลือดเป็นด่างมีโอกาสติดโควิด-19 ได้น้อยลงเป็นเรื่องที่แชร์กันมากตั้งแต่ ไวรัสโควิด-19 เริ่มระบาดใหม่ ๆ เลยทีเดียว โดยมีการอ้างว่า คนที่กินเจ กินแต่ผักผลไม้ จะทำให้เลือดเป็นด่าง และเชื้อโควิด-19 จะไม่สามารถทำอันตรายใด ๆ ได้ ซึ่งไม่เป็นความจริง โดย พ.ต.ต.นพ.ธนิต จิรนันท์ธวัช อายุรแพทย์ และโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ ได้อธิบายผ่านสื่อมวลชน เรื่องค่า pH ของเลือดมนุษย์ที่จะอยู่ที่ 7.35-7.45 และการบริโภคผักและผลไม้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนค่านี้ได้ นอกจากนี้ยังไม่มีข้อพิสูจน์ทางการแพทย์ และวิทยาศาสตร์ใด ที่ยืนยันว่าการรับประทานผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นด่าง มีผลในการช่วยฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ไstd48030• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยยืนตากแดดฆ่าเชื้อโควิด-19 ในร่างกายได้ข้อความที่แชร์บนโลกออนไลน์ เสนอให้รณรงค์ชักชวนผู้คนมายืนตากแดดออกกำลังกายยามเช้าเพื่อให้แสงแดดฆ่าเชื้อโรค เพราะเชื้อโรคชอบความเย็นstd47725• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยพัสดุไปรษณีย์เป็นแหล่งแพร่เชื้อโควิด-19ข่าวลือเรื่องมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากจดหมายหรือพัสดุไปรษณีย์และให้ระมัดระวังการรับจดหมายหรือพัสดุที่มาส่ง เกิดขึ้นมาก่อนแล้วในช่วงที่มีสถานการณ์ระบาดรอบแรกstd47725• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเลือดเป็นด่างมีโอกาสติดไวรัสโควิด-19 ได้น้อยลงเรื่องที่แชร์กันมากตั้งแต่ช่วงที่ไวรัสโควิด-19 เริ่มระบาดใหม่ๆ และมักถูกนำไปโยงกับความเชื่อทางศาสนา ที่อ้างว่าบุคคลใดกินเจไม่แตะต้องเนื้อสัตว์ ไวรัสโควิด-19 จะไม่สามารถทำอันตรายใดๆ ได้ หรือถึงได้ก็มีอาการไม่รุนแรง เพราะอาหารเจทำให้เลือดเป็นด่าง (วัดจากค่า pH ซึ่งมีระดับตั้งแต่ 1-14 โดย 1 หมายถึงเป็นกรดรุนแรงที่สุด และ 14 หมายถึงเป็นด่างรุนแรงที่สุด) โดยอ้างชื่อแพทย์บางท่านที่หันไปทำงานด้านส่งเสริมการกินเจstd47725• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยการดื่มน้ำมะนาวฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้หลายคนอาจเคยได้ยินวลี “มะนาวโซดาฆ่ามะเร็ง” ที่หมายถึงยุคหนึ่งเคยมีการส่งต่อข้อมูลบนโลกออนไลน์ว่าการดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำโซดาสามารถรักษาโรคมะเร็งได้ เกิดวิกฤติไวรัสโควิด-19 มะนาวถูกยกมาเป็นยาวิเศษอีกครั้งหนึ่ง โดยช่วงเดือน มี.ค. 2563 มีการแชร์ข้อมูลว่าน้ำมะนาวสามารถฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้std47725• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยลดน้ำตามกรุ๊ปเลือดการลดน้ำหนักตามกรุ๊ปโดนการเลือกทานตามแต่ละกรุ๊ปที่เขาบอกกันความสวยความงามลดความอ้วนผู้บริโภคเฝ้าระวังstd47926• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเลือดเป็นด่าง โอกาสติดโควิดน้อยลงกรมควบคุมโรคได้ชี้แจงถึงประเด็นนี้ว่าข้อความดังกล่าวเป็นข้อมูลเกินจริงและไม่ถูกต้อง ถูกนำมาส่งต่อซ้ำๆโดยขณะนี้ยังไม่มีข้อพิสูจน์ทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ใดๆที่ยืนยันว่าการรับประทานผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นด่างมีผลในการช่วยฆ่าเชื้อไวรัส โควิด-19 ได้โควิด 2019Worsorkubpom• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเลือดเป็นด่างมีโอกาสติดโควิด-19 ได้น้อยลงเป็นเรื่องที่แชร์กันมากตั้งแต่ ไวรัสโควิด-19 เริ่มระบาดใหม่ ๆ เลยทีเดียว โดยมีการอ้างว่า คนที่กินเจ กินแต่ผักผลไม้ จะทำให้เลือดเป็นด่าง และเชื้อโควิด-19 จะไม่สามารถทำอันตรายใด ๆ ได้ ซึ่งไม่เป็นความจริง โดย พ.ต.ต.นพ.ธนิต จิรนันท์ธวัช อายุรแพทย์ และโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ ได้อธิบายผ่านสื่อมวลชน เรื่องค่า pH ของเลือดมนุษย์ที่จะอยู่ที่ 7.35-7.45 และการบริโภคผักและผลไม้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนค่านี้ได้ นอกจากนี้ยังไม่มีข้อพิสูจน์ทางการแพทย์ และวิทยาศาสตร์ใด ที่ยืนยันว่าการรับประทานผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นด่าง มีผลในการช่วยฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้โควิด 2019std46348• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยไขกลลวงของแก๊งมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงินออนไลน์ ก่อนตกเป็นเหยื่อ!เงินช็อต! เลยเอาเงินเก็บฉุกเฉินมาใช้ก่อน แล้วค่อยเก็บใหม่ทีหลังเมื่อตอนที่การเงินคงที่ จะได้ไม่ต้องเป็นหนี้ใครเพราะไปกู้ยืม หากทำตามวิธีที่ว่าถือเป็นเรื่องดี แต่ใช่ว่าจะมีเงินเก็บฉุกเฉินกันได้ทุกคน เพราะบางคนก็หาเช้ากินค่ำเลยไม่มีเงินเก็บ พอต้องใช้เงินเลยไป กู้เงินด่วน 30 นาที แต่โชคร้ายซ้ำสอง เจอมิจฉาชีพหลอกโอนเงินทางไลน์เข้าจนได้ เพื่อไม่ให้คุณเป็นเหยื่อ นี่คือเรื่องราวของแก๊งมิจฉาชีพหลอกโอนเงินที่คุณต้องรู้std46308• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเที่ยวแบบ VVIP : ปมจ้างตำรวจไทยนำขบวน นทท. จีน สะท้อนภาพปราบโกงล้มเหลวหรือไม่จากมหากาพย์ทุนจีนสีเทา คดีจับกุมอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช คาโต๊ะทำงานจากข้อหาเรียกรับเงินเพื่อซื้อขายตำแหน่งในกรม จนถึงล่าสุด กรณีปมจ้างตำรวจนำขบวน นทท. จีนเดินทางจากสนามบินถึงที่พักstd46517• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกัญชากัญชา” เป็นหนึ่งในพืชที่มีสารสำคัญอยู่ภายใน มนุษย์รู้จักพืชชนิดนี้นำมาใช้เป็นสรรพคุณทางยากันอย่างแพร่หลายในยุคสมัยหนึ่ง ต่อมาเมื่อกัญชาถูกควบคุมให้เป็นยาเสพติดจึงถูกระงับการใช้ในวงการแพทย์ไป แต่ก็ยังมีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยใช้เป็นยารักษาอาการบางอย่างด้วยภูมิปัญญาชาวบ้านอยู่ จนเมื่อมีนักวิทยาศาสตร์ ได้มาไขปริศนาจนเกิดเป็นองค์ความรู้เกี่ยวกับกัญชาทางการแพทย์สมัยใหม่ จน “กัญชา” กลับมาเป็นพืชที่ได้รับความสนใจอีกครั้ง รวมถึงในประเทศไทยได้อนุญาตให้ ปลูกและนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ และปลดล๊อคให้บางส่วนของกัญชา ไม่เป็นยาเสพติดให้โทษอีกต่อไปdiazp121phoenix• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยโคแฟคเตือนข่าวลวงโควิดวนซ้ำ วอนหยุดแชร์ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ที่นอกจากนำมาสู่โรคระบาดโควิด19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกแล้ว ยังนำมาสู่ภาวะการระบาดของข้อมูลข่าวสาร (Infodemic) ที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดหรือที่เรียกกันติดปากว่าข่าวลวง (fake news) เพิ่มอย่างมากมายทั่วโลกด้วย . โคแฟค เผย 5 ข่าวลวงโควิดวนซ้ำระบาดรอบใหม่ แนะสังคมร่วมสกัดไวรัสข่าวสารด้วยความจริงร่วมโควิด 2019supinya• 4 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเรื่องนี้น่าสนใจมาก...หากประสบผลสำเร็จ คนที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดคงจะสบายสักที...... --------‐--‐-----//------------------ มนุษย์จะมีอายุขัยเพิ่มขึ้น! ทำความรู้จัก “อนุภาคนาโน” ที่ถูกค้นพบเมื่อปีที่แล้ว และอาจทำให้ “โรคหัวใจ” กลายเป็นแค่ประวัติศาสตร์ ทุกวันนี้ เวลาได้ยินข่าวคนดังเสียชีวิต มักมีสาเหตุมาจาก “มะเร็ง” และพานคิดว่ามะเร็งน่าจะเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของมนุษย์ แต่นั่นคือความเข้าใจผิด เพราะสาเหตุการตายอันดับ 1 ของมนุษย์ปัจจุบันคือ “โรคหัวใจ” หรือชื่อเต็มๆ ก็คือ “โรคหัวใจและหลอดเลือด” มนุษย์ที่เสียชีวิตเพราะโรคกลุ่มนี้ในแต่ละปีมากถึง 30% และเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 แซงหน้ามะเร็ง 1.เราอาจสังเกตว่า “คนสมัยก่อน” มักจะไม่ได้ตายเพราะ “โรคมะเร็ง” หรือ “โรคหัวใจ” . เหตุที่ช่วงหลังมานี้ “โรคมะเร็ง” และ “โรคหัวใจ” ขึ้นอันดับ 1 และ 2 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่ามนุษย์ปัจจุบันอายุยืนขึ้น เราไม่ค่อยตายจากสงครามและโรคติดเชื้อต่างๆ แบบในอดีต พออยู่มาจนแก่ . เราจึงเผชิญหน้ากับโรคที่โดยทั่วไปใช้เวลาพัฒนาหลายสิบปีกว่าจะพัฒนาจนคร่าชีวิตผู้คนได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคตับ โรคปอด โรคไต ฯลฯ 2.ก่อนหน้านี้ โรคที่ฆ่ามนุษย์เป็นอันดับ 1 คือ “มะเร็ง” เหตุที่เป็นเช่นนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะคำว่า “มะเร็ง” นั้นกินความกว้างมากๆ เพราะเกิดจากการที่เซลล์ของอวัยวะร่างกายกลายพันธุ์เป็นเนื้อร้าย เรียกได้ว่าเกิดเนื้อร้ายส่วนไหนก็นับเป็นมะเร็งหมด พอแก่ตัวไป แนวโน้มที่เซลล์จะกลายพันธุ์ก็ยิ่งเยอะมากขึ้น . ผลในทางสถิติคนก็เลยเป็นมะเร็งกันเยอะ และในอดีตเป็นโรคที่ “ไม่มีทางรักษา” . แต่ยุคหลังๆ เริ่มมีแนวทางการรักษาใหม่ๆ เริ่มมีเทคนิคการคัดกรองที่ดีขึ้น คนก็เลย “จัดการ” กับมะเร็งได้ดีกว่าก่อนมาก ส่งผลให้ “โรคหัวใจ” เป็นโรคที่กลายเป็นภัยต่อชีวิตอันดับ 1 ของมนุษย์ 3.คำว่า “โรคหัวใจ” ในความหมายของโรคหัวใจและหลอดเลือดก็เป็นคำที่กินความกว้างมากคือ กินความตั้งแต่ภาวะหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ตีบทำให้อวัยวะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ไปจนถึงภาวะผิดปกติทางกายภาพของหัวใจที่ส่งผลต่อการสูบฉีดเลือด . อย่างไรก็ดี สิ่งที่ใกล้ชิดกับโรคหัวใจที่สุดก็คือภาวะอย่าง ‘หลอดเลือดแข็งตัว’ (atherosclerosis) หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า “ไขมันเกาะผนังหลอดเลือด” ในระดับที่เรียกได้ว่า เป็นภาวะยอดฮิตที่คนจะป่วย และพัฒนาไปเป็นโรคหัวใจในที่สุด . แม้ว่าคนจะนิยมเรียกกันแบบนี้ แต่สิ่งที่ไปพอกผนังหลอดเลือดนั้นไม่ใช่ “ไขมัน” แต่คือซากเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ตายขณะที่มันพยายามจะทำลายคอเลสเตอรอลที่หลุดเข้ามาในผนังหลอดเลือด . (ซึ่งคอเลสเตรอลไม่ใช่ไขมัน ร่างกายใช้คอเลสเตอรอลเป็นพลังงานไม่ได้ ดังนั้นอย่าเข้าใจผิดๆ ว่าเวลาเรา “เบิร์น” ตอนออกกำลังกาย แล้วจะเอาคอเลสเตอรอลมาใช้ ร่างกายเราไม่ได้ทำงานอย่างนั้น) . พอซากเซลล์เม็ดเลือดขาวตายสะสมกันในผนังหลอดเลือดมากๆ หลอดเลือดก็จะหนาขึ้นและยืดหยุ่นน้อยลง เราเลยเรียกภาวะนี้ว่า “หลอดเลือดแข็งตัว” 4.ถ้าที่ว่ามาฟังเข้าใจยากไป ก็คิดซะว่าหลอดเลือดเราเป็น “ท่อ” ก็ได้ . ภาวะที่ว่ามาคือภาวะ “ท่อตัน” และพอ “ท่อตัน” เลือดก็จะไปต่อไม่ได้ ซึ่งถ้านั่นเป็นอวัยวะสำคัญอย่างหัวใจหรือสมอง เราก็จะเสียชีวิต (ทั้งนี้เวลาเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่ได้จะเรียก Heart Attack ส่วนเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ได้ จะเรียก Stroke สองภาวะนี้มีสาเหตุพื้นฐานคือ “ท่อตัน” นั่นเอง) . ดังนั้นปัญหาที่คร่าชีวิตมนุษย์แบบนับไม่ถ้วน ก็คือเรื่องง่ายๆ อย่าง “ท่อตัน” นี่เอง เพียงแต่ท่อที่ว่าคือเส้นเลือดแดงในร่างกายที่คอยส่งออกซิเจนและสารอาหารต่างๆ ไปเลี้ยงอวัยวะ 5.คำถามต่อมาคือ แล้วภาวะ “ท่อตัน” นี่จัดการแค่ใส่ “น้ำยาล้างท่อ” ลงไปไม่ได้หรือ? . คำตอบคือ “ไม่ได้” เพราะฉะนั้นวิธีการรักษาจึงต้อง “ผ่าตัด” “ทำบอลลูน” และ “ทำบายพาส” กันให้วุ่นวาย . วิธีการรักษาปัจจุบันคือ ถ้า “ท่อตัน” ทำได้แต่ผ่าตัด (ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่) ซึ่งก่อนผ่าตัด เราก็ต้องระบุให้ได้ว่า “ท่อ” ตรงส่วนไหนตัน โดยการ “ฉีดสี” และทำ MRI . ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ บอกเลยว่า “แพงมาก” แม้ว่าประกันสังคมจะครอบคลุมค่ารักษา แต่ไม่ว่าจะเป็นในประเทศยุโรปหรือไทย คุณต้องผ่านกระบวนการคัดกรองอย่างละเอียด ถึงจะได้ทำการวินิจฉัยว่าคุณกำลังจะ “ท่อตัน” ตรงส่วนไหนของร่างกาย เรียกว่าผู้ป่วยจะได้ทำเมื่อจำเป็นจริงๆ เท่านั้น . ปัญหาคือทุกวันนี้ เราไม่สามารถรู้ได้ว่าร่างกายของเรา “กำลังจะท่อตัน” ตรงไหน เพราะมันไม่มีทางจะมองเห็นเส้นเลือดในร่างกายของเราด้วยการวินิจฉัยทั่วๆ ไป การไป “ตรวจสุขภาพประจำปี” ซึ่งตรวจด้วยวิธีทั่วไป ก็ไม่มีทางรู้ได้ 6.ปกติเราจะรู้ได้ว่า ตัวเรามีความเสี่ยงต่อโรคกลุ่มนี้ก็ต่อเมื่อไปตรวจสุขภาพแล้วพบว่า ค่าความดันโลหิตและคอเลสเตอรอลสูง และวิธีการ “พยุงอาการ” ของกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดหลักๆ คือเขาจะให้กิน “ยาลดความดัน” กับ “ยาลดคอเลสเตอรอล” ซึ่งต้องกินไปตลอดชีวิต . และผลหลักๆ คือการชะลอภาวะ “หลอดเลือดแข็งตัว” หรือลดความเสี่ยงของการที่คุณจะ “ท่อตัน” จนเลือดไปเลี้ยงหัวใจและสมองไม่พอ จนพิการหรือถึงแก่ความตายในที่สุด . นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งก็เน้นว่าคือการ “ชะลอ” เท่านั้น ยังไม่ใช่การ “รักษา” และที่เป็นแบบนี้ เพราะระบบสาธารณสุขไม่ว่าที่ใดในโลก ยังไม่มีต้นทุนพอที่จะจับคนทุกคนมาฉีดสีและทำ MRI เพื่อหาว่าคนๆ นั้นกำลังจะ “ท่อตัน” ตรงไหนของร่างกาย . ผลก็คือ วิธีชะลอดังกล่าวก็เลยให้กินยาไปเรื่อยๆ แทน เพราะนั่นสมเหตุสมผลในเชิงงบประมาณมากกว่า ถ้าต้องจัดการกับ “กลุ่มเสี่ยง” จำนวนมากหลักล้านคน 7.ประเด็นคือ ภาวะหลอดเลือดแข็งตัวเป็นภาวะที่แทบทุกคนที่อยู่ในสังคมสมัยใหม่แก่ตัวไปยังไงก็เป็น ไม่ว่าจะด้วยอาหาร ด้วยวิถีชีวิต และด้วยอายุที่ยืนขึ้น . เรียกได้ว่าถ้า “ท่อยังไม่ตัน” เมื่อแก่ตัวไป ทุกคนกำลังก้าวเดินไปสู่ภาวะ “ท่อกำลังจะตัน” . ดังนั้น ถ้าจะว่ากันในแง่หนึ่งแล้ว นี่คือ “โรคของทุกคน” ที่ในทางเทคนิค ในปัจจุบันยังไม่มี “ยารักษา” ใดๆ ที่จะแจกจ่ายให้ทุกๆ คนกินทีเดียวแล้วหายได้ 8.แต่ก็อย่างที่บอกไว้ในชื่อเรื่อง ต่อไปนี้โรคหัวใจอาจเป็นแค่อดีต . เพราะเมื่อต้นปี 2020 ในขณะที่ชาวโลกกำลังตื่นตระหนกกับโรคระบาดใหม่อย่างโควิด-19 นักวิจัยกลุ่มหนึ่งได้ตีพิมพ์งานวิจัยชิ้นหนึ่ง ซึ่งเนื้อหาหลักๆ คือพวกเขาค้นพบอนุภาคนาโนที่จะ “คืนชีพ” ให้พวกเซลล์ภูมิคุ้มกันที่กินคอเลสเตอรอลแล้วตายในผนังหลอดเลือด ให้ฟื้นขึ้นมากินพวกคอเลสเตอรอลและซากเซลล์ที่ตายไปแล้วในผนังหลอดเลือด . ผลก็คือ สิ่งที่ไปพอกผนังหลอดเลือดจน “แข็งตัว” ก็จะค่อยๆ ลดลงไป และผนังหลอดเลือดก็จะเป็นปกติในที่สุด . หรือพูดให้มันง่ายกว่านั้น “อนุภาคนาโน” ก็คือ “น้ำยาล้างท่อ” ของ “ภาวะท่อตัน” ในหลอดเลือดนั่นเอง . เรียกได้ว่ามีอนุภาคนี้คือจบเลย เราไม่ต้องรู้ด้วยซ้ำว่า “ท่อตัน” ตรงไหน ฉีดเข้าไปในเลือด อนุภาคนี้จะค่อยๆ จัดการท่อที่ตันเอง ไม่ต่างจากที่คุณเทน้ำยาล้างท่อตอนต่อตัน คุณไม่ต้องรู้หรอกว่ามันตันตรงส่วนไหน น้ำยาจัดการให้หมด . และนี่ก็ไม่ใช่แค่คอนเซปต์ลอยๆ เพราะขณะนี้ อนุภาคนี้ทดลองในหนูสำเร็จแล้ว และก็ไม่แปลกเลยที่อีกไม่นานก็น่าจะได้ทดลองในมนุษย์แน่ๆ . ถ้าสำเร็จ ถึงตอนนั้น คนที่ต้องกินยาทุกวันไปตลอดชีวิตก็อาจไม่ต้องกินกันอีกแล้ว . และถ้ามากไปกว่านั้น นี่อาจเป็นการบอกลาโรคหัวใจและหลอดเลือดสำหรับคนแทบทั้งหมดในโลกก็เป็นได้ อ้างอิง: ScienceDaily. Nanoparticle chomps away plaques that cause heart attacks. https://bit.ly/3dzPx9V NHI. Plaque-eating nanoparticles may help prevent heart attacks. https://bit.ly/3iTUNX2 #Nanoparticle Cr.BrandThinkไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจากหมอ โสภณ เมฆธน อดีตปลัด สธ และผู้ช่วยรัฐมนตรี สธ Covid-19: ความหวังและความยากลำบาก Update ข่าวดีและข่าวร้าย หลังผ่านไป 18 วัน จากนี้ไปข้างหน้าเราต้องเตรียมตั้งรับกับสิ่งใด และมองย้อนหลังไปเราทำกันมาได้ขนาดไหน ผมทำกราฟมาอธิบายให้ครับ ประเมินสถานการณ์ตัวเลข ณ วันนี้: 1. ข่าวดีสำคัญ สงกรานต์ที่เงียบมาก ทำให้เราสามารถช่วยกันหนี %Increase ระดับ 40% ของ British Variant มาได้แล้ว วันนี้ตัวเลขมาอยู่ที่ 15.26% และเริ่มเข้าสู่ Negative Exponential Curve ของกราฟ %Increase เราซื้อเวลาสำเร็จระดับนึง 2. ข่าวร้าย การผ่านตัวเลขระดับ 13,000 ที่ %Increase ระดับ 15.26% ถือว่าร้ายแรงมาก แทบไม่เคยมีประเทศใดจบที่ต่ำกว่าแสนและไม่มีประเทศใดที่เจอแบบนี้ครั้งแรกแล้วระบบสาธารณสุขไม่ล่มอย่างหนัก EURO5 โดนแบบนี้ไปเมื่อ Wave#1 เอาตัวไม่รอดทั้งที่เป็น Variant ที่รุนแรงน้อยกว่านี้ ดังนั้นอย่าไปเดินตามและทำตาม EURO5 ครับ 3. ตัวเลข 13,000 ใหญ่กว่าทั้ง Wave#2 ของไทยเราที่ตัดแรงงานต่างด้าวออกไปแล้วซึ่งแค่ 9,300 เท่านั้น โดย Wave#3 นี้แทบไม่มีตัวเลขจากแรงงานต่างด้าวเลย 4. ความหวังสำคัญ ผมมีข้อมูลพอทำกราฟของ Best Case Scenario ได้แล้ว กราฟบอกเราว่า ถ้าช่วยกันสู้เต็มที่ ยังสามารถต่ำกว่าแสนได้ครับ กราฟตัวเลขจริงเปรี่ยบเทียบ 3 Wave: ข่าวร้าย: เส้นสีแดงของ Wave#3 เห็นได้ชัดเจนนะครับว่า หนักหนาสาหัสกว่า Wave 1 และ 2 แบบเทียบกันไม่ได้เลย นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมทีมงานสาธารณสุขของเราจึงทำงานหนักมากตอนนี้ และทำไมศบค.จึงต้องวางมาตรการที่เข้มข้นมาก ถึงแม้จะไม่สามารถ Lockdown ได้เพราะแรงกดดันรอบทิศก็ตาม และทุกคนควรตระหนักอย่างยิ่งและทำตามมาตรการต่างๆอย่างเคร่งครัดครับ จากข้อมูล 17 วัน ผม Fine Tune พารามิเตอร์ต่างๆของกราฟใหม่ และมองไปข้างหน้า 1 เดือนได้ตามนี้ครับ กราฟ Total Case ประเมินไปข้างหน้า 1 เดือนครึ่ง: ข่าวร้าย: 1. ถึงจะทำดีที่สุดเต็มที่ ปลายเดือนเม.ย.ก็น่าจะถึง 35,000 คือจากนี้ไปอีก 13 วันเตรียมรับอีกอย่างน้อย ประมาณ 20,000 ครับ 2. ตัวเลข Daily New Case จะยืนอยู่ระดับ 1,600 - 1,800 ไปอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ 3. ตัวเลข Daily New Case จะอยู่ระดับ >1,000 ไปจนสิ้นเดือนเม.ย. เดือนพ.ค.เราจึงจะเริ่มเห็นระดับที่ต่ำกว่าพันอย่างมีนัยะสำคัญ 4. วันที่ 18 พ.ค. เปิดเทอมตัวเลขจะอยู่แถวๆ 44,000 และมี Daily New Case ประมาณ 215 จะเป็นการตัดสินใจที่ยากมากครับ 5. วันที่ 31 พ.ค. ตัวเลขจะอยู่แถวๆ 45,500 และมี Daily New Case ประมาณ 48 จะใกล้จบถ้าไม่มีใครการ์ดตกยืนระยะไม่อยู่เสียก่อน 6. นี่คือ Best Case Scenario 7. แทบไม่เคยมีใครวิ่งตามเส้น Best Case Scenario นี้ได้ ยกเว้น จีน ออสเตรเลีย เกาหลี และประเทศไทยเราเองใน Wave#1 และ Wave #2 ช่วงเดือนม.ค. ข่าวดี: 1. อย่างน้อยวันจันทร์ที่จะถึงนี้ก็ยังอยู่แถวๆ 15,000 ซึ่งต่ำกว่า 40,000 ซึ่งเป็น Worst Case มาก 2. ถ้าช่วยกันจะสามารถจบได้ภายใน 2 เดือนโดยอยู่แถว 45,000 ครับ 3. เราเคยวิ่งตาม Curve แบบนี้สำเร็จมาแล้ว 2 ครั้ง ถ้าร่วมมือกันทำเต็มที่ครับ กราฟ %Increase ข่าวดี: %Increase ลดลงมาอยู่ที่ 15.26% แล้ว และลู่เข้าสู่กราฟ Negative Exponential ที่มี Time Constant 9.1 มาแล้ว 5 วัน ซึ่งหมายถึงเรากำลังเริ่มตั้งหลักได้และสงกรานต์ที่ผ่านมาเราก็ทำได้ดีครับ จากนี้ไปต้องรักษา Momentum ให้ได้ และอย่าให้การเริ่มกลับมาทำงานหลังวันหยุดเปลี่ยนแนวโน้มของกราฟนี้เด็ดขาด ข่าวร้าย: ไม่มีสำหรับกราฟนี้ คำแนะนำที่สำคัญที่สุด "อย่าทำแบบ EURO5 โดยเฉพาะอังกฤษ ห้ามเอาพวกเขามาเป็นบรรทัดฐานโดยเด็ดขาดครับ" สาเหตุครับ 1. พวกเขาทุกประเทศตายมาแล้วเป็นแสน ประเทศไหนยังไม่ถึงแสน เดี๋ยวก็จะถึงครับ 2. อัตราการตายของ EURO 5 อยู่ที่ 1.9 - 3.0% มากว่าเรากว่า 10 เท่า 3.อังกฤษอยู่ใน Lockdown รวมกัน 2 ครั้งกว่า 7 เดือน มากกว่าไทยเราที่อยู่ใน Full Lockdown 1.5 เดือน Semi Lockdown ประมาณ 1.5 เดือนเท่านั้น 4. เศรษฐกิจก็แย่กว่าเรา UK Annual GDP fell by 9.9% in 2020, the largest yearly fall on record 5. มีคนตายคาบ้านเยอะมากเพราะโรงพยาบาลไม่พอ โรงพยาบาลสนามก็ไม่พอ การรักษาตัวอยู่บ้านคือทางสุดท้ายเพราะจนแต้มนะครับ ไม่ใช่ทางเลือกที่ใครต้องการเลย แม้แต่ญี่ปุ่นก็ตายคาบ้านไปหลายศพเช่นกันครับ 6. อังกฤษไม่มีตัวเลขอะไรที่ดีกว่าเราเลยนะครับ ยกเว้นอัตราการฉีดวัคซีน สิ่งที่ต้องทำอย่างตั้งใจทุกฝ่ายในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า 1. ช่วยกันรักษาปกป้องระบบสาธารณสุขของเรา นี่คือ 1st Priority ครับ กำลังใจของทีมงานสาธารณสุขสำคัญมาก ครั้งนี้พวกเขาหลายคนมีโอกาสติดเชื้อและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ มันเกิดขึ้นมาแล้วทั่วโลก อย่าโกหก Timeline อย่าปล่อยปละละเลยจนติดเชื้อมากเกินไปจนล้นร.พ. 2. ภาคเอกชนใหญ่ต้องช่วยกันสร้างรพ.สนามและ Hospitel อย่าให้ต้องรักษาตัวอยู่บ้านกัน เพราะเมื่อนั้นอัตราการตายจะพุ่งสูงทันที อย่าให้ได้มีใครต้องเสียชีวิตที่บ้านโดยไม่ทันถึงมือหมอเลยนะครับ 3. ต้อง Work from Home กันอย่างจริงจังมากๆ ใครทำได้ต้องทำ คนทำไม่ได้มีเยอะครับ เขาจะเสี่ยงน้อยลง ต้องช่วยกันรักษา Momentum ของเราไปอีก 1 - 2 เดือน ให้สำเร็จครับ 4. ป้องกันการติดเชื้อในภาคอุตสาหกรรมอย่างเต็มที่ครับ โดยเฉพาะชลบุรี ระยอง 5. อย่าให้เกิด Cluster ตลาดและแรงงานต่างด้าวขึ้นมาซ้ำเติม เพราะเราไม่มีทรัพยากรจะไปปิดกรณีแบบนั้นอีกแล้ว 6. โรงเรียนจะเปิดเทอม 18 พ.ค. ต้องช่วยกันทำให้สำเร็จให้ได้ เด็กรุ่นนี้เรียนออนไลน์กันมานานมากจนแย่แล้ว มันไม่ดีกับพวกเขาเลย อย่าให้อบายมุขและความละเลยเป็นสาเหตุทำให้เด็กต้องอดไปโรงเรียนอีกเลยนะครับ 7. ยึดกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรี กลับคืนมาให้ได้ และต้องรักษาหัวเมืองใหญ่ โคราช ขอนแก่น อุบล อุดร นครศรี สุราษฎร์ สงขลา เอาไว้ให้สำเร็จครับ 8. ดีเดย์วันที่ 1 มิ.ย. วัคซีนต้องปูพรมครับ ไม่งั้นโดน Wave#4 แน่ ภาคเอกชนต้องช่วยกันเสริมทัพแล้วล่ะครับ ภาครัฐอย่างเดียวเอาไม่อยู่แน่ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับทุกคนจากนี้ไปอีก 1 เดือนคือการมีวินัยและดูแลตัวเอง อย่าป่วยไข้ อย่าขับรถเร็วประมาทจนเกิดอุบัติเหตุ ระบบสาธารณสุขของเราคือด่านหน้าที่ตอนนี้ข้าศึกบุกมาเต็มกำลังจนยากแก่การรับมือแล้ว ขอเพียงพวกเรามีวินัย ดูแลตัวเอง รักษาสุขภาพ มีน้ำใจแบ่งปันช่วยเหลือ อยู่บ้านให้มากๆเข้าไว้ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยบุคลากรด่านหน้าและประเทศชาติได้มากแล้วครับ ช่วยกันครับ เรายังมีความหวังอยู่เสมอครับโควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: mostly-true--start4 ความเห็น
- 1 คนสงสัยคนตายจากโควิด-19กี่คนhttps://cofact.org/article/1swm9f1jt67hdโควิด 2019gatakoy90• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยแม่พิมพ์ชำรุด ? หรือใส่เสื้อติดกระดุมผิด ? หรือศึกษาพาณิชย์ ? คือต้นเหตุของการฝังรากลึกของการคอรัปชั่นในทุกย่อมยาก 1.ไม่มีที่ไหนในโลกหรอกครับ ที่คนจบมหาวิทยาลัยตกงานมากกว่าคนไม่จบมหาวิทยาลัย แต่สถิตินี้สะท้อนปัญหาระบบการศึกษาไทยในปัจจุบันได้ดีครับ 2.ขอวกเข้าเรื่องสาเหตุข้อสังเกตุมั้ยครับ อยู่ๆเมืองไทยก็มี “โรงเรียนอินเตอร์” เกิดขึ้นมากมาย แน่นอน ส่วนหนึ่งเป็นเด็กต่างชาติแต่อีกส่วนมาก ที่เอามารวมๆกันเป็นจำนวนหลายพันคนในวันนี้คือ “เด็กเยาวชนไทย” ครับ 3.คำถามคือคนรวยในไทยที่สามารถจ่ายค่าเทอมลูกอย่างต่ำปีละ 600,000-1,000,000 บาท มันมีมากขนาดนั้นจริงๆเหรอ?คำตอบคือ “ไม่ครับ”ประเทศเราไม่มีคนรวยมากมายขนาดนั้น 4.แล้วปัญหาคืออะไร?ปัญหาคือ เรากำลังเกิดวิกฤติหนีตายทางการศึกษาติดกระดุมผิดครับ 5.ในอดีต คุณภาพโรงเรียนในไทยไม่ต่างจากเมืองนอกเท่านี้เอาง่ายๆ ไม่ต้องสาธิต มาแตร์ เซ็นโยเชฟ สตรีวิทยา หรือพวกเซ็นต่างๆก็ได้ เอาลงมาอีกหน่อย เช่นโรงเรียนวัดดังๆ ผมว่าคุณภาพก็ยังสู้ประเทศอื่นๆในอาเซียน หรือบางประเทศในเอเชียสบาย 6.แต่วันนี้ไม่ใช่ Ranking โรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาตกหนักมากโรงเรียนจำนวนมากมีมาตรฐานต่ำกว่าสปป.ลาวแล้ว ชนะแค่เมียนม่าร์ และกัมพูชา เห็นข้อสอบที่สอบแทบอ้วก ยิ่งสอนเด็กยิ่งโง่น่าสงสารเด็กและครูมาก 7.พ่อแม่ผู้ปกครองที่ลูกๆเข้าสาธิต มาแตร์ สตรีวิทยา เซ็นต์ต่างๆไม่ได้ จึงต้องหนีตายเข้าอินเตอร์อีกพวก ขี้เกียจลุ้นโรงเรียนไทยดีๆ ก็เอาเข้าอินเตอร์ไปเลยขายบ้านขายที่ดินส่งลูก 8.ซึ่งวนกลับมาคำถามที่ว่า คนรวยในไทยเยอะขนาดนี้จริงหรือ? คำตอบคือเปล่าครับเพราะเกิน 60% นั้น ใช้การ “ขายทรัพย์สิน” เพื่อให้ลูกเรียนครับ 9.อย่างคนรู้จักผมหลายคน ทำงานรัฐวิสาหกิจดีๆ เงินเดือน 80,000-160,000 บาทรวมสามี-ภรรยา หักค่าใช้จ่ายรายเดือน ให้ตายก็ส่งลูก 2-3 คนเรียนอินเตอร์ไม่ไหวผมพูดถึง 700,000 X 2 คน X 12 ปี = 16.8 ล้าน กลมๆก็ 17 ล้านหละครับหมด 17 ล้าน ยังไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัยเลยแล้วเอาเงินที่ไหน? คำตอบคือขายที่ดินของปู่ย่าตายายครับ 10.เพื่อสร้าง “ทุน” เพื่อให้เข้ามหาวิทยาลัยดี เพื่อไม่ให้ตกงาน เช่นหมอ สถาปัตย์ วิศวะ ไบโอเคมี จีโนม เอไอในจุฬาฯ, มหิดล, มอ.หาดใหญ่, มข., มช., บางมด, ลาดกระบังนะ ที่มีโอกาสได้งานสูง 11.ดีขึ้นไปอีก คือส่งเรียนมหาวิทยาลัยดีเมืองนอกเน้นนะครับ ส่งไปมหาวิทยาลัยดีเมืองนอก ไม่ใช่แค่ส่งไปเมืองนอก แล้วไปเข้ามหาวิทยาลัยอะไรก็ไม่รู้เป็นห้องแถวขายปริญญา 12.ถ้าสำเร็จตามนี้หมด 17 ล้านแรก ก็จะได้ลูก 2 คน ที่เข้าจุฬาฯ หรือ มช. ได้ “แน่ๆ” หรือไปถึงมหาวิทยาลัยดีๆในอังกฤษ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อเมริกาได้เพื่อจบแล้ว “ไม่ตกงาน”ส่วนค่าเทอมมหาวิทยาลัย ก็ว่ากันอีกรอบ ขายที่ดินกันอีกผืนหรือหลายผืน 13.นี่แหละครับความเป็นจริงของปัญหาการ “ขายที่เพื่อหาทางหนีตายให้ลูก” จากระบบการศึกษาที่ล้มเหลว"ศึกษาพาณิชย์"เพื่อการถอนทุนคอรัปชั่นจึงฝังรากลึกด้วยความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา "มือใครยาวสาวได้สาวเอา" 14.นักการเมืองถึงกับพลั้งปากว่าเป็นฝ่ายค้านอดอยากปากแห้ง "รักชาติจนน้ำลายไหล" 15.เพื่อไม่ให้ลูกตัวเองตกอยู่ใน 60% ของการจบมหาวิทยาลัยแล้วตกงานเพราะตัวเลขนี้เกิดจาก 16. เรียนโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาที่ห่วย วิชาการเรียนห่วย เอาแต่ท่องจำ ไม่สอน critical thinking ไม่สร้าง growth mindset ยังเรียนแบบเดิมไม่รู้จะเอาไปทำอะไรอยู่เลย 17.แล้วไปเข้ามหาวิทยาลัยที่ห่วยต่อเรียนเพื่อให้ได้วุฒิปริญญาตรี ทำการเรีนวิชาที่ล้าสมัย ไม่ตรงความต้องการของตลาดแรงงาน "ไม่มีหลักสูตรรองรับอนาคต" ที่เป็นยุทธศาสตร์ของพื้นที่และชุมชน เช่นยุทธศาสตร์ 5เชียงกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ 4 เหลี่ยมเศรษฐกิจ(ไทย เมียนม่าร์ จีน สปป.ลาว)เอาแต่ ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง เน้นแต่แต่งตัวสวย พิธีการเยอะชอบงานสบายขายของเก่า 18.ข้อสอบเน้นปรนัยเลือกคำตอบครูตรวจง่ายเรียนมาทั้งปีมาวัดผลการเรียนกันไม่กี่วันไม่กี่ชั่วโมง ถ้าเป็นแบบอัตนัยครูตรวจยากให้คะแนนยาก ต้องคิด เขียน ตอบต่างกันแต่ตรงเป้าหมาย ต่างวิธีคิด มีวิธีทำแต่เป้าหมายเดียวกัน 19.ครูเองก็ต้องทำผลงานเพื่อปรับวุฒิให้ตัวเองเพื่อให้ได้ตำแหน่งทางวิชนการ งานสูงขึ้นเงินเดือนมากขึ้นไม่สนใจพัฒนาระบบสารสนเทศการศึกษาต่อนักเรียนของครูเองก็ยังเอาตัวเองไม่รอด 20.บุคคลากรทางการศึกษา ทั้งระบบเน้นปรับวุฒิ/เรียนจบง่าย/รายได้สูง/ไม่รับผิดชอบต่อสังคมศาสตร์ที่จะเกิดและที่เป็นไปในอนาคต 21.ครูจัดระเบียบตัวเองด้านเศรษฐกิจและสังคมยังไม่ได้ไม่มีวุฒิภาวะเป็นหนี้สินมาก กว่าที่จะมีความตั้งใจที่จะไปสอนเด็กทำให้คุณภาพการศึกษาตกต่ำลงในอัตราเร่งขึ้น 22.การเรียนป.โท /ป.เอก วิทยานิพนธ์ ไม่ได้เอาไปใช้จริงให้ขับเคลื่อนสังคมได้ เรียนทำเพื่อให้จบ พาอาจารย์ไปดูงานต่างประเทศช่วยกันจ่ายดูแลอาจารย์ก็จบเกม ได้ปรับชั้นยศตำแหน่งเงินเดือน 23.ห่วย 2 เด้ง เด็กมันถึงตกงาน พ่อแม่คนไหนไม่มีที่ดินให้ขายแพงๆ โอกาสการศึกษาลูกก็ต่ำเตี้ย แพ้เด็กสปป.ลาว ปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาเกิดขึ้นในอัตราที่เพิ่มขึ้นปัญหานี้สร้างโดยผู้ใหญ่ครับ 24.รัฐบาลใหม่ต้องแก้ด่วน ชุมชนร้าง ภูมิปัญญาสูญหาย ไม่มีคนสืบสานต่อ มีแต่คนชรา ปราชญ์ชาวบ้านหาย สูญพันธุ์ โรงเรียนร้าง วัดร้าง หลักสูตรที่ผูกกับท้องถิ่นไม่มี ต้องทำงานหากินในเมืองใหญ่แล้วส่งเงินให้พ่อแม่เลี้ยงลูกตัวเอง ถ้าพ่อแม่เสียชีวิต ลูกกับหลานเกิดช่องว่างทางสังคม เกิดปัญหายาเสพติด เด็กติดเกมพนัน ท้องก่อนแต่ง ปัญหาหย่าร้างสูง 25.ไม่รู้จักหน้าที่ตนเองและความรับผิดชอบต่อครอบครัว และสังคมเพราะว่า"เลิกเรียนวิชาหน้าที่พลเมืองและศีลธรรม" การหย่าร้างสูง ภาคภูมิใจที่เอาความรู้ที่เรียนมาไปเอาเปรียบสังคมทุกมิติ(แก๊งคอลเซ็นเตอร์) แล้วยังภูมิใจ 26.หาเงินโดยเอาสุขภาพตนเองไปแลกเงินในทุกมิติ สุดท้ายเงินที่หามาได้ก็ซื้อสุขภาพคืนมาไม่พอจ่ายเพาะว่าเลิกเรียนวิขาสุขศึกษา แม้พุทธวจน ได้กล่าวไว้ว่า" คนไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ" 27.ประเทศไทยมีโรงเรียนกวดวิชา และสอนพิเศษมากที่สุดในโลกในทุกระดับชั้น และทุกสาขาวิชาอาชีพ นี่แหละ คือต้นตอของการตกต่ำด้านการศึกษา คิดไม่เป็น เก็งข้อสอบ ต้องท่องจำ เพราะว่าเจ้าของโรงเรียน พิเศษ กวดวิชาและต้องการให้นักเรียนสอบได้ " เป็นการศึกษาพาณิชย์ " และเป็นต้นทางสาเหตุ และปัจจัยที่ต้องคอร์รัปชั่นถอนเงินทุนคืน ที่ต้องเสียเงินไปเพื่อการศึกษาเรียนพิเศษ กวดวิขาเพิ่มคนจนๆไม่มีสิทธิ์นะครับ 28.มีการขายปริญญาดร.กิติมศักดิ์โดยต้อวจ่ายเงินมีคนมาเสนอให้ผมผ่านไปอีก1ปีจะให้ตำแหน่งศาสตราจารย์ โดยต้องจ่ายเงินเดือนผมไม่ตอบรับปริญญา กระดาษ แต่ผมขอเป็นปราชญ์ชาวบ้านในปริญญาชีวิต เป็น นักคิด นักพัฒนา ด้านสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ มีความสุข ภูมิใจที่มีคนเรียกว่าครูอาจารย์ ได้รับเขิญบรรยายพิเศษในหลายเรื่อง ในปัญหาของสังคม และความมั่นคงของมนุษยชาติอยู่อย่างมีความสุข มีคุณค่าและมีคุณภาพ Facebook: Pongprom Yamarat CD.ชูศักดิ์ ไตรศรี ศิลป์ 0819509566 นักวิชาการอิสระ ด้นการศึกษา ปราชญ์ชาวบ้าน นักคิด นักพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ข่าวการเมืองการเงิน เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ