352 ข้อความ
- 1 คนสงสัยใช้ห้องน้ำสาธารณะเสี่ยงติดเชื้อ HPVสุขภาพผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 5 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยกินเต้าหู้ถั่วเหลืองทำให้เป็นโรคพาร์กินสันสุขภาพภาคใต้ไม่ระบุชื่อ• 5 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยผักโขมไร้หนาม มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคเบาหวาน และช่วยบำรุงกำลังสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 5 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยรับประทานผลไม้สีสดใส ช่วยขับสารพิษและลดอาการอักเสบสุขภาพยาสมุนไพรไม่ระบุชื่อ• 5 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยน้ำกัญชาคั้นสด ป้องกันและรักษาโรคได้ดีกว่าสารสกัดกัญชาสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 5 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข่าวการเมืองสุขภาพความสวยความงามลดความอ้วนสภาพอากาศAIไม่ระบุชื่อ• 5 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยช็อควงการประกันชีวิต !!!! จ่ายเบี้ยปีละ 1,699 บาท (ค่าแรกเข้า 100 บาท) เจ็บ ป่วย ตาย จ่าย 4 แสน อุบัติเหตุจ่ายเพิ่มให้อีก รับอายุ 12-75 ปี สมัครที่ธนาคารออมสินทั่วไทยสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 5 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสาวไต้หวันเสียชีวิตกระทันหัน ผลชันสูตรพลิกศพเป็น.. - - - คุณต้องดู! ล่าสุด, ในไต้หวัน จู่ๆ เด็กหญิงคนหนึ่งเสียชีวิตจากเลือดออกจากหลุมเจ็ดหลุมโดยไม่ทราบสาเหตุ ค้างคืน, เขารีบลงนรกและชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น วินิจฉัยว่าเขาเสียชีวิตจากพิษสารหนู สารหนูมาจากไหน? ศาสตราจารย์โรงเรียนแพทย์ได้รับเชิญให้ช่วยในการสืบสวน ศาสตราจารย์ตรวจสอบสิ่งที่อยู่ในท้องของผู้ตายอย่างระมัดระวัง ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ความลึกลับของการตายอย่างกะทันหันถูกเปิดเผย ศาสตราจารย์กล่าวว่า “ผู้ตายไม่ได้ฆ่าตัวตาย และเขาก็ไม่ได้ถูกฆ่าตาย แต่ตายเพราะไม่รู้ “มันฆ่า” ทุกคนถึงกับงง ศาสตราจารย์กล่าวว่า: "สารหนูถูกผลิตขึ้นในช่องท้องของผู้ตาย" ผู้ตายยังจะรับประทาน "วิตามินซี" ทุกวันก่อนที่เขาจะเสียชีวิต นั่นไม่ใช่ปัญหาเลย ปัญหาคือเธอกินกุ้งเยอะมากในมื้อเย็น ตัวกุ้งเองก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ดังนั้นเธอสบายดีแม้ว่าเธอจะกินข้าวที่บ้านก็ตาม แต่ผู้ตายกิน "วิตามินซี" ไปพร้อมๆ กัน ปัญหาอยู่ตรงนี้! นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยชิคาโก สหรัฐอเมริกา โดยค้นพบจากการทดลองแล้วว่า อาหารเปลือกนิ่ม เช่น กุ้ง มีสารประกอบสารหนูเพนตะโพแทสเซียมสารหนูจำนวนมากซึ่งมีความเข้มข้นค่อนข้างสูง เมื่อสารนี้เข้าสู่ร่างกายแล้ว ไม่มีผลเป็นพิษต่อร่างกาย แต่, หลังจากรับประทาน “วิตามินซี” แล้ว เนื่องจากผลกระทบทางเคมี สารหนูเพนทาโปแตสเซียมดั้งเดิมปลอดสารพิษ (สารหนูแอนไฮไดรด์ เรียกอีกอย่างว่าสารหนูเพนทอกไซด์ มีสูตรทางเคมีคือ (As05) เปลี่ยนเป็นสารหนูไตรโพแทสเซียมที่เป็นพิษ (สารหนูแอนไฮไดรด์) หรือที่เรียกว่าสารหนูไตรออกไซด์ มีสูตรทางเคมีคือ (As203) นี่คือสิ่งที่คนทั่วไปเรียกว่าสารหนู! สารหนูมีฤทธิ์เป็นพิษต่อโปรโตพลาสซึม สามารถทำให้เส้นเลือดฝอยเป็นอัมพาตได้ ยับยั้งการทำงานของเมอร์แคปโตเมอร์ นอกจากนี้ยังทำให้เกิดไขมันในตับ, เนื้อร้ายส่วนกลางของกลีบตับ, การอุดตันของหัวใจ, ตับ, ไตและลำไส้, เนื้อร้ายของเซลล์เยื่อบุผิว และการขยายตัวของเส้นเลือดฝอย ดังนั้นเขาจึงถูกวางยาพิษและเสียชีวิต เลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดเป็นเรื่องปกติ ดังนั้น; เพื่อเป็นการเตือนสติ ในขณะที่รับประทาน "วิตามินซี" ควรหลีกเลี่ยงกุ้ง ปัจจุบันเครื่องดื่มหลายชนิดมีวิตามินซี กุ้ง + วิตามินซี = พิษ ยาแก้หวัด + โค้ก = ยาพิษ ทุเรียน+โคล่า=พิษ ทุเรียน+ไวน์ก็เทียบเท่ากับพิษในกรณีร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ห้ามดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 8 ชั่วโมงก่อนและหลังรับประทานทุเรียน รวมทั้งไก่โชชู เป็ดขิง และอาหารที่มีแอลกอฮอล์อื่นๆ ก่อนอ่าน, กรุณาอย่าขี้เหนียว แบ่งปันกับเพื่อนและญาติรอบตัวคุณ!สุขภาพไม่ระบุชื่อ• 5 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยการใช้โทรศัพท์นานเกินวันละ 2 ชั่วโมง ทำให้ปวดหัวจริงไหม?ผู้ปกครองหลายท่านมักจะพูดว่า ที่ปวดหัวเป็นเพราะเล่นโทรศัพท์นาน จึงเกิดข้อสงสัยว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่สุขภาพสายชล ประโพธิ์ศรี• 5 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสุขภาพอย. เพิกถอนไม่ระบุชื่อ• 5 เดือนที่แล้วmeter: false2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจริงหรือไม่ขวดน้ำพลาสติกตากแดดในรถยนต์หากดื่มเสี่ยงมะเร็งปัจจุบันยังคงมีการแชร์เรื่องหากดื่มน้ำที่ตากแดดในรถยนต์เสี่ยงเป็นมะเร็ง เพราะอาจมีสารอันตรายที่ปนเปื้อนในขวดพลาสติกเนื่องจากตากแดดในรถยนต์นาน จึงเกิดข้อสงสัยว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่สุขภาพมะเร็งนภสรณ์ สมสายผล• 5 เดือนที่แล้วmeter: mostly-true--middle3 ความเห็น
- 1 คนสงสัยhttps://vt.tiktok.com/ZSYTbkCoW/สุขภาพไม่ระบุชื่อ• 5 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยปัจจุบันน้ำฝนยังสามารถดื่มได้หรือไม่?ในปัจจุบันสังเกตเห็นได้ว่ามีผู้คนหลายครัวเรือนรองรับและกักเก็บน้ำฝนไว้ดื่มกันอยู่ เนื่องจากฝนที่ตกในปัจจุบันเหมือนจะไม่สะอาดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว จึงเกิดข้อสงสัยว่าน้ำฝนยังดื่มได้หรือไม่?สุขภาพสภาพอากาศคมเพชร ทาบุตตะ• 5 เดือนที่แล้วmeter: middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 5 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยhttps://vt.tiktok.com/ZSYWode5X/สุขภาพไม่ระบุชื่อ• 5 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยชายแดนสระแก้วมีมาตรการเข้มงวด หลังกัมพูชาพบไข้หวัดนก H5N1 ระบาดสุขภาพภาคตะวันออกไม่ระบุชื่อ• 6 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสุขภาพมีมไม่ระบุชื่อ• 6 เดือนที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัย"6 เหตุผล (ทางสมอง) ที่ทำให้คนสูงอายุมักจะโดนมิจฉาชีพหลอกได้ง่าย" พอดีตอนเช้าเห็นหัวข้อข่าว เจ้าหน้าที่ธนาคารพยายามอธิบาย (ด้วยเหตุผล) ว่านี่เป็นมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงิน แต่คุณยายก็ไม่เชื่อ สูญเงินไปเป็นล้าน เลยอยากจะเขียนถึงเรื่องนี้สั้น ๆ และอธิบายว่าทำไมวิธีการที่แนะนำกันอยู่ มันไม่ค่อยได้ผลในคนสูงอายุ 1 สมองส่วนหน้าหรือที่เรียกว่า prefrontal cortex ฝ่อบางลง (ตามวัย) สมองส่วนนี้เป็นสมองส่วนสำคัญที่อาจจะเรียกได้ว่า ทำให้มนุษย์ต่างจากสัตว์อื่น สมองส่วนนี้จะเกี่ยวข้องกับ การคิดด้วยตรรกะ การใช้เหตุผล และการยับยั้งชั่งใจ เมื่อสมองส่วนนี้บางลง ผลคือ การคิดด้วยตรรกะที่ซ้ำซ้อนจะทำได้แย่ลง และ การตัดสินใจจะหุนหันพลันแล่นมากขึ้น เบรกไม่ค่อยอยู่ คิดอะไรก็พูดเลย คิดอะไรก็ทำเลย ด้วยเหตุนี้ คนสูงอายุจึงคิดตามการหลอกที่ซับซ้อนไม่ค่อยทัน และเมื่อตัดสินใจไปแล้วก็จะทำเลย เบรกตัวเองไม่ค่อยได้ คนอื่นห้ามก็จะไม่ค่อยฟัง 2 ความยืดหยุ่นของระบบประสาทหรือที่เรียกว่า neuroplasticity ลดลง สิ่งที่เกิดขึ้นคือเซลล์ประสาทจะสร้างเน็ตเวิรก์ได้ไม่ดีเท่าคนอายุน้อย เมื่อเซลล์ประสาทสร้างเน็ตเวิรก์ได้ไม่ดี จะทำให้สมองเรียนรู้หรือปรับตัวกับสถานการณ์ใหม่ ๆ (หรือการหลอกลวงแบบใหม่ ๆ ) ได้ช้าลง ดังนั้น หลายอย่างที่คนอายุน้อยมองว่า นี่มันหลอกชัด ๆ คนสูงอายุอาจจะมองไม่เห็น 3 สมองของคนสูงอายุส่วนใหญ่จะมีภาวะที่เรียกว่า positivity effect หมายความว่า สมองคนสูงอายุมีแนวโน้มจะเลือกรับข้อมูล เลือกจำ หรือเลือกนึกถึง ข้อมูลด้านบวก ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีและอธิบายว่าทำไมคนสูงอายุมักจะมองโลกในแง่ดีกว่าตอนอายุน้อย หรือเมื่อนึกถึงความทรงจำเก่า ๆ ก็มีแนวโน้มจะนึกถึงในแง่ดี ลักษณะนี้ทำให้คนสูงอายุมีแนวโน้มจะอยากช่วยเหลือคน อยากบริจาค ขณะเดียวกันก็จะทำให้คนสูงอายุจะมองคนอื่นในแง่ดี ไว้ใจคนอื่นง่าย ทำให้ง่ายต่อการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพมากขึ้น 4 ความเหงา ข้อนี้ตรงไปตรงมา คนอายุน้อยมีแนวโน้มจะรำคาญคนที่เข้ามาหลอก แต่คนสูงอายุที่เหงา มีแนวโน้มจะอยากคุยกับคนที่เข้ามาคุยด้วย เมื่อคุยนานโอกาสจะโดนหลอกให้เชื่อก็จะยิ่งสูงขึ้น 5 คนสูงอายุจะมีสิ่งที่เรียกว่า temporal discounting เปลี่ยนไป สิ่งที่เรียกว่า temporal discounting อาจจะพออธิบายแบบง่าย ๆ ได้ว่ามันคือ ความสามารถในการ อดเปรี้ยวไว้กินหวาน คือ อดทนรอที่จะกินของหวาน ๆ ในอนาคตดีกว่า กินของเปรี้ยวตอนนี้ ซึ่ง คนสูงอายุจะคิดถึงสิ่งเหล่านี้น้อยลง คือ จะไม่รอถึงอนาคต แต่ยอมกินเปรี้ยวเลย ทำให้ง่ายต่อการโดนหลอกที่บอกว่า เดี๋ยวอีกสองวันก็ได้ผลตอบแทนแล้ว หรือ ต้องรีบโอนนะไม่งั้นจะไม่ทัน หรือแนว “แต่ช้าก่อน ถ้าคุณซื้อใน 5 นาทีนี้ คุณจะยังได้รับ บลา ๆๆๆ ” (เหตุผลนึงก็จากข้อ 1 ที่เขียนไว้ข้างบนด้วย) 6 คนสูงอายุจะมีสิ่งที่เรียกว่า introception ลดลง สิ่งที่เรียกว่า introception คือ การเปลี่ยนแปลงภายในของร่างกายเมื่อรู้สึกได้ถึงอันตราย ในคนทั่วไป เมื่อสมอง (นอกจิตสำนึก) เรารับรู้ได้ว่า กำลังมีอะไรไม่ชอบมาพากล หรือ กำลังจะโดนหลอก หรืออันตราย สมองจะส่งสัญญานให้ร่างกายทำงานต่างไป หัวใจเราจะเต้นเร็วขึ้น เหงื่อจะออกมากขึ้น กล้ามเนื้อจะตึงตัวมากขึ้น แล้วทั้งหมดนี้จะทำให้เรารู้สึกว่า มันมีอะไรที่ไม่น่าไว้ใจ หรือ ภาษาทั่วไปอาจจะใช้คำว่า มันเซนส์ได้ว่า นี่น่าจะเป็นมิจฉาชีพ แต่ในคนสูงอายุภาวะนี้จะน้อยลง เพราะระบบประสาทในร่างกายทำงานได้ช้าหรือน้อยลง สรุป จากทั้ง 6 ข้อนี้ จะเห็นว่าวิธีการต่าง ๆ ที่แนะนำกันอยู่ตามที่ต่าง ๆ ไม่น่าจะได้ผลดีนัก เพราะจะเน้นไปที่ การใช้ตรรกะ หรือเข้าใจกลโกลที่ซับซ้อน ซึ่งต้องใช้สมองส่วนหน้า (prefrontal cortex) ซึ่งมักจะบางลงในคนสูงอายุ ถ้าถามว่าแล้วจะป้องกันยังไง ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่คิดว่าสิ่งเหล่านี้อาจจะพอช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อย 1 สำคัญสุด คือ ทำให้คนสูงอายุที่บ้านมี insight หรือยอมรับว่า สมองของตัวเองไม่เหมือนแต่ก่อน โลกที่มองเห็น หรือการตัดสินใจของตัวเอง อาจจะบิดเบือนจากที่เป็นจริง เมื่อยอมรับตรงนี้ได้ ก็น่าจะยอมให้ลูกหลาน ที่ไว้ใจ ตัดสินใจแทน (แม้ในใจลึก ๆ ว่าจะยังเชื่อว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกก็ตาม) 2 จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัยมากขึ้น ข้อนี้อธิบายยากเพราะมันขึ้นกับบริบทของแต่ละคนหรือแต่ละบ้าน แต่ไอเดียหลักคือ ต้องหาระบบที่ทำให้การโดนหลอกหรือ การทำธุรกรรมทางการเงินทำได้ยากขึ้น หรือมีขั้นตอนการตรวจสอบมากขึ้น เช่น จะไม่โอนจนกว่าลูกจะอนุญาต (ซึ่งจะเป็นแบบนี้ได้ต้องมี ข้อ 1 ก่อน) หรือ มีกฎว่าจากนี้ไปจะไม่รับโทรศัพท์จากเบอร์ที่รู้จัก หรือ จ้างลูกหลานที่มีความรู้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลย (ลูกหลานมีรายได้เสริมด้วย) 3 สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว เช่น เจอกันบ่อยขึ้น โทรหากันบ่อยขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเหงา และความสัมพันธ์ที่ดีอาจจะช่วยให้เกิด ข้อ 1 ข้อ 2 คือ ยอมรับให้ลูกหลานตัดสินใจการเงินแทนตัวเองมากขึ้น 4 ข้อนี้ไม่เกี่ยวซะทีเดียว คือ ไม่ได้ผลทันที แต่เป็นวิธีการชะลอ การฝ่อหรือบางของสมองส่วนหน้าที่ได้ผลจริง ได้แก่ หนึ่ง การฝึกจิต หรือฝึกสมาธิ สอง การออกกำลังกาย ทั้งแบบแอโรบิกและการสร้างกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อมัดใหญ่อย่างก้นและต้นขา สาม นอน ตื่น อย่างเป็นเวลาและเพียงพอ สี่ กินอาหารที่ดีกับสุขภาพ เพราะอาหารที่ดีกับร่างกายก็จะดีกับสมองด้วย ห้า ไขมันโอเมกา 3 จากอาหาร และอาจจะเพิ่มในรูปอาหารเสริม ขอให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพกันทุกคนนะครับ... สวัสดีสุขภาพการเงินผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 6 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสุขภาพผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 6 เดือนที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยนอนพื้นแข็งเป็นเวลานาน เสี่ยงปวดตัว ปวดหลัง สะดุ้งตื่นตลอดคืนสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 6 เดือนที่แล้ว2 คนว่า มีความเห็นส่วนตัวmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยน้ำผึ้งใช้รักษาโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร และช่วยล้างลำไส้ได้สุขภาพไม่ระบุชื่อ• 6 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยคลอรีนผงผสมน้ำเพื่ออาบ ทำให้ผิวขาวสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 6 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสุขภาพผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 6 เดือนที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยน้ำเชื่อมข้าวโพด (High Fructose Corn Syrup: HFCS) ความหวานอันตราย ที่อยู่ในขนมและเครื่องดื่มแทบทุกชนิด 🌽 . น้ำตาล คือความหวานที่มากับอันตราย ทั้งสะสมเป็นไขมัน ทำให้เกิดโรคอ้วนและเบาหวาน ก่อให้เกิดการเสพติดเหมือนยา เราเน้นย้ำเรื่องอันตรายของน้ำตาลมาตลอด แต่แม้น้ำตาลจะเป็นของเสียสุขภาพ แต่จะให้ไม่กินเลยก็คงเลี่ยงลำบาก อย่างน้อยที่สุดเราก็ควรู้จักน้ำตาลที่ควรเลี่ยงที่สุด แล้วน้ำตาลแบบไหนที่อันตรายที่สุดกันล่ะ วันนี้เรามีคำตอบค่ะ . น้ำตาลที่ดี คือน้ำตาลที่ผ่านกระบวนการแปรรูปน้อยที่สุดค่ะ เช่น ความหวานจากผลไม้ น้ำผึ้ง อ้อย ความหวานในข้าวหรือมันหวาน หรือความหวานจากพืชที่พบได้ในนมหรือหญ้าหวานค่ะ ยิ่งน้ำตาลชนิดนั้นผ่านกระบวนการแปรรูปมากเท่าไหร่ อันตรายก็จะยิ่งสูงขึ้น และความหวานที่ผ่านกระบวนการแปรรูปมากที่สุดก็คือ HFCS (high fructose corn syrup) หรือน้ำเชื่อมข้าวโพดนั่นเอง . น้ำเชื่อมข้าวโพด (HFCS) เกิดจากการนำเอาน้ำตาลฟรุกโตสและน้ำตาลกลูโคสผสมกันแล้วแต่สัดส่วนที่ผู้ผลิตต้องการ ผ่านกระบวนการเพิ่มความเข้นข้นจนได้ความหวานมากกว่าน้ำตาลปกติถึง 2 เท่า เป็นประโยชน์กับอุตสาหกรรมอาหาร ช่วยลดต้นทุนได้มาก แต่เป็นอันตรายกับสุขภาพผู้บริโภคอย่างเราๆ มากค่ะ . เกิดภาวะดื้ออินซูลินได้ง่าย สาเหตุของโรคเบาหวานอันดับหนึ่ง . กินเยอะขึ้น เพราะ HFCS ไม่สามารถกระตุ้นฮอร์โมนเกรลิน หรือฮอร์โมนแห่งความอิ่มได้ เพราะแบบนี้ เวลาเราดื่มเครื่องดื่มที่มี HFCS จึงทำให้เราดื่มได้อีกเรื่อยๆ ไม่รู้สึกพอค่ะ . ภาวะไขมันพอกตับ เวลาที่เราทานน้ำตาลมากไป ร่างกายจะเก็บน้ำตาลที่ไม่ถูกใช้เป็นพลังงานในรูปไขมันที่ตับ เจ้า HFCS ร้ายกว่านั้นค่ะ เพราะร่างกายเราไม่สามารถย่อย HFCS เป็นพลังงานได้ แต่จะส่งตรงไปเก็บเป็นไขมันเลย เรียกได้ว่าเพิ่มเสี่ยงให้ตับพังพอๆ กับคนติดแอลกอฮอล์เลยค่ะ . เพิ่มเสี่ยงโรคหัวใจและมะเร็ง งานวิจัยหลายชิ้นพบว่าปริมาณ HFCS ที่ทานมีความสัมพันธ์กับการเกิดของโรคหัวใจและมะเร็งอย่างชัดเจน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ HFCS มีผลให้ร่างกายเกิดการอักเสบภายในได้มากค่ะ . ‼️แม้ HFCS จะได้ชื่อว่าเป็นน้ำเชื่อม แต่ใช่ว่ามันจะมีอยู่แต่ในเครื่องดื่มเท่านั้นนะคะ มันซ่อนตัวอยู่ในอาหารได้แทบทุกชนิด ทั้งยังมีอีกหลายชื่อด้วย เรามีวิธีสังเกตและหลีกเลี่ยง HFCS มาเป็นแนวทางให้ดังนี้ค่ะ . สังเกตส่วนประกอบบนฉลาก อาหารที่มี HFCS อาจถูกระบุบนฉลากในชื่ออื่นๆ ได้ตามส่วนประกอบและวิธีผลิต เช่น corn sugar, maize syrup, glucose/fructose syrup, isolated fructose, crystalline fructose, isoglucose, น้ำเชื่อมข้าวโพด, ไซรัปข้าวโพด, น้ำเชื่อมกลูโคส, น้ำเชื่อมฟรุคโตส, แบะแซ, ผลึกฟรุคโตส, ฟรุคโตสก้อน, ไอโซกลูโคส เป็นต้นค่ะ . อย่าเชื่อคำโฆษณาบรรจุภัณฑ์ หลายครั้งเครื่องดื่มและอาหารในซุปเปอร์มักจะติดคำว่า “น้ำตาล 0%” หรือ “sugar free” อย่าหลงเชื่อเด็ดขาดค่ะ ให้อ่านที่ส่วนผสมอีกที หาคำที่บ่งบอกว่ามี HFCS ดูค่ะ . ระวังอาหารที่มักใส่ HFCS ทานให้น้อยที่สุด เช่น น้ำสลัดสำเร็จรูป อาหารแปรรูป ขนมถุง ซีเรียล น้ำผลไม้กล่อง น้ำหวาน ครีมเทียม เครื่องดื่มชูกำลัง แยม ไอศกรีม . หัดทำอาหารทานเอง นี่คือวิธีหลีกเลี่ยง HFCS ที่ดีที่สุดค่ะ เพราะคงไม่มีใครอยากเติมของปนเปื้อนอันตรายลงในอาหารตัวเองให้สุขภาพเสียอยู่แล้ว เลือกใช้น้ำตาลที่ผ่านกระบวนการน้อยๆ มาใช้ปรุงอาหารและเครื่องดื่มกันค่ะ . เห็นไหมคะว่า HFCS นั่นอันตรายขนาดไหน นอกจากจะทำคุณติดความหวานได้ง่าย ให้เกิดโรคร้าย เพิ่มเสี่ยงโรคหัวใจ มันยังไม่มีสารอาหารและใช้เป็นพลังงานไม่ได้ด้วย HFCS กลายเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของโรคเบาหวานและโรคอ้วนทั่วโลก เพียงคุณตัดน้ำตาล HFCS ออกจากชีวิตได้สักอย่าง ความเสี่ยงโรคต่างๆ ของคุณก็จะลดลงได้มากเลยค่ะสุขภาพผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 6 เดือนที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยรถพยาบาลจะต้องขับไม่เกิน 80 ก.ม./ชม. และห้ามฝ่าไฟแดงทุกกรณีข่าวการเมืองสุขภาพมีมไม่ระบุชื่อ• 6 เดือนที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัวmeter: middle1 ความเห็น