13170 ข้อความ
- 1 คนสงสัยมีม เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยบีบหัวใจ พี่ชายวัย 13 หอบน้อง 5 ขวบหนีตายไฟไหม้ ชาวบ้านกังวล ปีนี้เกิดเหตุถี่มากพี่ชายวัย 13 หอบน้อง 5 ขวบ หนีตายไฟไหม้ ด้านชาวบ้านจ่อทำบุญ ไม่สบายใจปีนี้ไฟไหม้บ่อย เกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นที่บ้านของนางสำราญ ซึ่งอยู่ใกล้กับวัดราษฎร์บรรทม หมู่ 2 ตำบลบ่อโพง อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจากคลิปของนายวัลลภ ยุทธศาสตร์ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ่อโพง ซึ่งนำรถดับเพลิงเข้าอำนวยการดับไฟ เปลวเพลิงได้ลุกโหมส่วนของตัวบ้านชั้นบนซึ่งเป็นไม้อย่างรุนแรง เปลวเพลิงลุกผมเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ ทำให้เกิดกลุ่มควันไฟมองได้เห็นในระยะหลายกิโลเมตร รถดับเพลิงขององค์การบริหารส่วนตำบลบ่อโพงไม่เพียงพอ ประกอบกับแหล่งน้ำอยู่ห่างไกล ต้องขอสนับสนุนรถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลนครหลวง และกรมสรรพาวุธกองวัตถุระเบิดรวมทั้งหมด 4 คัน ช่วยกันฉีดน้ำนานกว่า 30 นาทีจึงควบคุมเพลิงไว้ได้ จากการตรวจสอบในเบื้องต้น เปลวเพลิงได้ลุกไหม้พื้นบ้าน-ฝาบ้านวอดไปกับกองเพลิง หลังคาสังกะสีถูกความร้อนจนบิดงอ นายสมชัย อายุ 35 ปี สามีนางสำราญ บอกว่า โชคดีที่ลูกชายคนเล็กวัย 5 ขวบ นอนอยู่บนชั้น 2 ตื่นขึ้นมาเห็นเปลวเพลิงลุกไหม้ จึงรีบวิ่งลงมาเรียกพี่ชายวัย 13 ปีให้ไปตามชาวบ้านมาช่วย ไม่เช่นนั้นนอนหลับเพลินอาจจะถูกไฟคลอกตายค่ากองเพลิงอย่างแน่นอน พี่ชายวัย 13 ปี เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ตนอยู่ชั้นล่าง น้องมาเรียกให้วิ่งขึ้นไปดู เห็นไฟลุกไหม้รุนแรงออกมาทางโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่กลางบ้าน คาดว่าจะเป็นไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งนี้ ซึ่งขณะเกิดเหตุตนอยู่กับน้อง 2 คน ส่วนพ่อและแม่ออกไปทำงานแต่เช้า ตอนนี้ยังตามหาแมวที่เลี้ยงไว้ทั้งหมด 10 ตัว ไม่รู้ถูกไฟไหม้ไปบ้างหรือเปล่า เพราะตามเจอได้เพียง 3 ตัวเท่านั้น ตนเป็นห่วงแมว เพราะเลี้ยงดูเหมือนเป็นเพื่อนเป็นสมาชิกในครอบครัวสำหรับ ด้านการช่วยเหลือทาง อบต.บ่อโพง และอำเภอนครหลวง ได้เข้ามาดูแลจัดหาเต็นท์ที่พักอยู่อาศัย และจะช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือนตามระเบียบการช่วยเหลือของทางราชการอย่างเต็มที่ สำหรับหมู่บ้านนี้ชาวบ้านเริ่มเป็นกังวลเนื่องจากในรอบปีที่ผ่านมาได้เกิดเหตุไฟไหม้ติดต่อกันหลายครั้ง เพราะก่อนหน้านี้ได้เกิดไฟไหม้โบสถ์วัดราษฎร์บรรทม ซึ่งเป็นโบสถ์เก่าแก่ได้รับความเสียหาย หลังจากดับไฟผ่านไปไม่ถึง 24 ชั่วโมง ไฟก็มาลุกไหม้โบสถ์ซ้ำอีกระลอก และล่าสุดยังมาไหม้บ้านของนางสำราญ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดมากนัก มีชาวบ้านหลายคนบอกอยากทำบุญให้กับหมู่บ้านเพื่อเป็นสิริมงคลให้กลับหมู่บ้านและความสบายใจของชาวบ้านnamnami• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยคนที่ดีกับคนที่รักหากเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือก เราจะเลือกคนที่ดี หรือคนที่รักanywaystravel02• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยบุหรี่ไฟฟ้าการดูดบุหรี่ไฟฟ้ามีโทษน้อยกว่าบุหรี่มวนจริงหรือไม่anywaystravel02• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัวmeter: mostly-false--middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยฐานะการเงินหากเรามีแฟนที่ฐานะการเงินที่ดี แตกต่างจากเราที่จน จะทำให้ไปกันรอดไหมanywaystravel02• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยจริงหรือไม่ สลด เภสัชกรหญิง ภรรยา สส.นครปฐม เสียชีวิตในบ้านพัก เศร้าเพิ่งแต่งงานได้ปีเดียวสลด เภสัชกรหญิง ภรรยา ศุภโชค ศรีสุขจร สส.นครปฐม เสียชีวิตในบ้านพัก เศร้าเพิ่งแต่งงานแค่ปีเดียว (11 ต.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า ได้รับแจ้งจาก รพ.กรุงเทพฯ สนามจันทร์ ว่าญาติได้นำตัว ภญ.ญาดาภา อายุ 28 ปี ภรรยาของ นายศุภโชค ศรีสุขจร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 1 พรรคชาติไทยพัฒนา มาพบแพทย์เพื่อให้ช่วยเหลือชีวิต แต่แพทย์ระบุว่าได้เสียชีวิตลงแล้วก่อนที่จะนำส่งโรงพยาบาล และได้แจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ จึงให้มูลนิธินำศพส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้ง สำหรับ ภญ.ญาดาภา ตันสุดเจริญยิ่ง เสียชีวิตด้วยอายุเพียง 28 ปี โดยเพิ่งแต่งงานกับ นายศุภโชค ศรีสุขจร เมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา ยังไม่มีบุตร จากการสอบถามยังพบว่า ภญ. ญาดาภา มีอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามานาน โดยอยู่ในความดูแลของครอบครัวและสามี คอยเฝ้าระวังและทานยารักษามาโดยตลอดnamnami• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยความรักแอฟ ทักษอร มีหวานใจเป็น นนกุล ใช่หรือไม่มีมanywaystravel02• 1 ปีที่แล้ว2 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยคนท้องคนท้องเข้าห้องน้ำบ่อยจริงหรือไม่anywaystravel02• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอายุอายุต่างกันเป็นปัญหาในความรักหรือไม่anywaystravel02• 1 ปีที่แล้ว2 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยความรักผู้ชายถามหาถึงผู้หญิงดีๆ ผู้หญิงถามหาถึงผู้ชายดีๆ แต่ตัวเองใช่ว่าจะทำตัวดีอะเสียดสีanywaystravel02• 1 ปีที่แล้ว2 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยความเสี่ยงสองสิ่งที่ยิ่งใหญ่บนโลกใบนี้ คือ ความรัก กับ หวย ล้วนมีความเสี่ยงมีมล้อเลียนanywaystravel02• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัวmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเจ็บปวดถ้าจะกลับมาทำให้ฉันเสียใจก็จงกลับไปในที่คุณจากมาanywaystravel02• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยสาวเห็นยายน่าสงสาร เลยไปส่งที่บ้าน พอเห็นบ้านยาย อึ้งไปเลย ยิ่งกว่าละครคุณธรรมจริงหรือ?ไวรัลวันนี้มาจากจังหวัดร้อยเอ็ด โดยผู้ใช้ TikTok ชื่อ kikida29 โพสต์คลิปที่ทำเอาอึ้งกันทั้งโซเชียล เมื่อพบคุณยายคนหนึ่ง สูงอายุมากแล้ว ปั่นจักรยานคันเก่าๆ จึงเข้าไปสอบถามว่าจะไปที่ไหน ก่อนจะอาสาพามาส่งที่บ้าน ปรากฏว่าพอมาถึงจุดหมายปลายทาง เป็นบ้านหลังใหญ่โต สวยงาม อาณาบริเวณสุดกว้าง จนสาวผู้โพสต์ถามคุณยายว่า "นี่คือบ้านใครคะ" คุณยายหันมาตอบสั้นๆว่า "บ้านแม่(คุณยาย)นี่ล่ะ" ทำเอาสาวผู้โพสต์ถึงกับอึ้งไปเลย เพราะที่แท้คุณยายก็เป็นท่านประธานบริษัทปลอมตัวมาเหมือนพล็อตละครคุณธรรมแท้ๆ ในคอมเมนต์ก็ยังมีคนแซวว่า มันแปลกตั้งแต่ตอนที่คุณยายใช้ผ้าแพรไหมเช็ดน้ำหมากแล้ว ขณะที่หลานของคุณยายยังเข้ามาคอมเมนต์ด้วยว่า "ย่าเราเองค่ะ ชอบลปั่นจักยานทุกวันค่ะ"ภาคอีสานมีมnamnami• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยสองรักเราสามารถมีคนรักสองคนพร้อมกันได้ไหมมีม เสียดสีanywaystravel02• 1 ปีที่แล้ว2 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัย"เจนธิรา อรรถสกุลชัย" ไฮโซสาวคนดัง พี่สะใภ้อนิชา เจ้าสาวของเจ้าชายมาทีนแต่งงานแล้วจริงหรือไม่?รู้จัก "เจนธิรา อรรถสกุลชัย" ไฮโซสาวคนดัง ขึ้นแท่นว่าที่พี่สะใภ้ ของเจ้าชายอับดุล มาทีน แห่งบรูไน หลังจากที่มีประกาศพระราชทานพิธีเสกสมรสของ เจ้าชายอับดุล มาทีน โบลเกียห์ แห่งบรูไนดารุสซาลาม กับ อนิชา คาเลบิก ที่จะมีขึ้นในเดือนมกราคม 2567 ก็ทำให้ชื่อของ อนิชา ถูกค้นหาและพูดถึงเป็นอย่างมากในโลกออนไลน์ ในฐานะผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก ที่ได้แต่งงานกับเจ้าชายซึ่งเป็นชายในฝันของสาวๆ ทั่วโลก ซึ่งในประวัติของ อนิชา อิซา-คาเลบิก ที่เผยแพร่ตามสื่อ ปรากฎชื่อของหญิงสาวชาวไทยคือ เจนธิรา อรรถสกุลชัย ซึ่งเป็นภรรยาของ แดเนียล อิซา-คาเลบิก เศรษฐีบรูไนพี่ชายของอนิชา หรือมีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ของอนิชา นั่นเอง รู้จัก "อนิชา" สาวสวยผู้โชคดี ว่าที่พระชายาในเจ้าชายอับดุล มาทีน แห่งบรูไน สำหรับ เจนธิรา อรรถสกุลชัย หรือ เจน ทายาทรุ่นที่ 3 ของบริษัทนมเปรี้ยวชื่อดัง บีทาเกน ดีกรีปริญญาตรี (เกียรตินิยมอันดับ 2) ทางด้าน Global Business Management จาก Regent’s University London ประเทศอังกฤษ ศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจ โดยเฉพาะกลยุทธ์ในการผลักดันต่างประเทศ และเข้ามาสานต่อธุรกิจของที่บ้าน ขยายธุรกิจไปในส่วนของต่างประเทศ ทั้งที่สิงคโปร์ เวียดนาม ลาว พม่า มาเลเซีย รวมไปถึงเมืองจีน เจนธิรา คบหาดูใจกับ แดเนียล ดีน อิซ่า-คาเลบิก นักธุรกิจชาวบรูไน โดยจัดพิธีสวมแหวนตามประเพณีไทยไปเมื่อปลายปี 2563 และเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมาจูงมือกันเข้า พิธีนิกะห์ หรือพิธีแต่งงานตามหลักศาสนาอิสลาม โดยมี เจ้าชายมาทีน แห่งบรูไน เสด็จพร้อมด้วยพระมารดา และพระเชษฐภคินี มาทรงร่วมแสดงความยินดี ณ โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ (Capella Bangkok)มีมnamnami• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกินอาหารรสจัดกินอาหารรสจัดทำให้ผอมจริงหรือไม่anywaystravel02• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยการทำงานการทำงาน เราควรใช้เวลากับการทำงานกี่ชั่วโมงเพื่อไม่ให้กระทบต่อสุขภาพnamnami• 1 ปีที่แล้ว3 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: mostly-false--middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยผู้บริโภคเฝ้าระวังมีมไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยนิยายเรื่องเงินดิจิทัลฉบับลูกทุ่ง ตอนที่2.... เอาละครับ มาถึงตอนนี้คิดว่าทุกคนคงเข้าใจแล้วนะว่าเงินดิจิทัลมันมีที่มาที่ไปอย่างไร เข้าสร้างมันมาเพื่อวัตถุประสงค์อะไร แม้ว่าวัตถุประสงค์ดั้งเดิมของมันมันจะดูไม่ขาวนักก็หลิ่วตาเสียบ้าง ถ้ามันจะทำให้ท่านรวยได้เป็นหมื่นเป็นแสนล้านบาทได้ภายในห้าหกเดือนหลังที่มันออกมาใช้ ผมไม่ได้พูดเล่นๆนะ พูดเรื่องจริงเลย เรื่องเงินดิจิทัลนี้มันเป็นความฝันของนักการเงินและนักคอมพิวเตอร์ในเมืองไทยกันอย่างมาก ที่จะสร้างเหรียญดิจิทัลของคนไทยให้มันดังกระหึ่มโลก เย่างเช่นบิตคอยล์ แม้กระทั่งธนาคารพาณิชย์อย่าง ธนาคารไทยพาณิชย์เอง ก็ยังมาลงทุนในธุรกิจนี้เลย แต่มาติดขัดในกฎเกณฑ์ที่ออกมาโดย กกต., กลต., ธปท., และหน่วยงานอื่นๆอีกเยอะ เพื่อเบรกการทำธุรกิจเรื่องเงินดิจิทัลในเมืองไทย ใครจะทำธุรกิจในเรื่องนี้ต้องไปขออนุญาตจากหน่วยงานต่างๆมากมาย ที่อาจจะผ่าน อาจจะไม่ผ่าน อาจจะต้องรอฟังผลคำพิจารณา อาจะต้องรอแก้กฎหมายในสภาผู้แทนราษฎร์ก่อน ที่รวมๆแล้วไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานกี่สิบปี ธุรกิจนี้ก็เลยยังไม่รุ่งเรืองในเมืองไทย ซะที อีกประเด็นหนึ่งที่เป็นปัญหาอุปสรรคอันใหญ่หลวงของวงการเงินดิจิทัล ที่ทำให้ธุรกิจนี้ไม่มั่นคง ก็คือการรับประกันค่าเงินเหรียญที่ตนออกมาว่าจะมีค่าอย่างน้อยที่สุดเท่านี้ เท่านั้น ไม่มีวันต่ำกว่านี้ เช่นจะมีค่าต่ำสุดหนึ่งบาท ไม่มีวันต่ำกว่านี้ แม้ว่าทุกวันนี้จะมีบางเหรียญจะเริ่มมีคนออกมาค้ำประกันบ้างแล้วก็ตาม แต่ว่าเครดิตของคนค้ำประกันนั้น คนไม่ค่อยเชื่อถือ วันหนึ่งถ้าคนค้ำประกันอาจจะมุดดินหายไปแบบนาย Nakamoto จะไปตามเอากับใคร โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ผ่านมามีผู้ที่ทำธุระกิจเกี่ยวกับเงินดิจิทัลในต่างประเทศมีการล้มละลายไปแล้วหลายแห่ง พอมาถึงยุคพรรคเพื่อไทยเจ้าพ่อโปรแจ๊ค นักคิดแบบศรีธนนทชัย ก็มองออกว่า ช่องทางเดินมันจะทำอย่างไรจึงจะเลี้ยวลดผ่านวงเขาวงกตไปได้อย่างสบายบื้อ สะดือโบ๋ แก้ปัญหาข้างต้นได้ทั้งหมด ซึ่งต้องขอปรบมือให้นักคิดแห่งพรรคเพื่อไทยจริงๆ วิธีการของพรรคเพื่อไทยก็คือ 1) เอาเรื่องการแจกเงินดิจิทัล ที่มีมูลค่า 10,000 บาทให้กับประชาชน มาเป็นตัวดึงดูดเสียงสนับสนุนจากประชาชนหลายล้านคนที่ไม่รู้เรื่องในรายละเอียดของเงินแบบนี้ ทำให้เกิดความกดดันกับทุกหน่วยงานที่คุมกฎ 2) วางหมากให้นายกรัฐมนตรีควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ควบคุมบังคับบัญชาหน่วยงานต่างๆที่คุมกฎเรื่องนี้ ดังนั้นเมื่อรัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยจะทำเรื่องเงินดิจิทัลนี้ แทนที่ขั้นตอนต้องมายื่นเรื่องเพื่อขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแบบ Buttom Up จากข้างล่างไปข้างบน แบบนักธุรกิจทั่วไป มันกลายเป็นการสั่งลงมาจากข้างบนลงมาข้างล่าง แบบ Top Down เพื่อที่การแก้ไขกฎระเบียบต่างๆที่ขัดขวางการทำงานในโครงการนี้ ให้มันคล่องตัว หรืออนุมัติมาเลย แบบหลักการที่ว่ากฎนั้นคนออกมาได้ คนก็แก้ได้ แก้แล้วอะไรมันจะเกิด ก็ไม่รู้แล้ว แม้กระทั่งผู้ว่าแบ็งค์ชาติท่านยังเรียกมานั่งคุยเลย ถึงแม้ว่าไม่เปิดเผยเรื่องที่คุยกัน เราก็เดาได้ว่าคุยกันเรื่องอะไร 3) ปัญหาที่เป็นจุดอ่อนที่สุดของเงินดิจิทัล คือการประกันค่าเงินขั้นต่ำของเหรียญที่ต้องทำให้คนเชื่อมั่นว่าค่าเงินจะมั่นคง ทางพรรคก็บอกว่า รัฐบาลไทยจะค้ำประกันว่าค่าเงินของเหรียญที่พรรคออกมานั้นจะเท่ากับหนึ่งบาท หลังจากออกเหรียญไปแล้วหกเดือน ผู้ถือเหรียญสามารถนำมาขึ้นเงินกับรัฐบาลได้ ในอัตรา หนึ่งเหรียญต่อหนึ่งบาท โดยไม่ได้ระบุวันหมดอายุ หรือวันที่สิ้นสุดของการเอาเหรียญมาแลกเป็นเงินสดแดงๆ นั่นคือไม่ว่ารัฐบาลท่านเศรษฐาจะหมดสมัยไปด้วยสาเหตุอะไรก็ตามรัฐบาลใหม่ที่มาก็ต้องให้แลกเงินต่อไปในอัตราหนึ่งบาทเช่นเดิม นี่คือสววรค์ของพวกฟอกเงินชัดๆ ที่ไม่มีรัฐบาลใดในโลกนี้ที่จะกล้าออกมาค้ำประกันเงินดิจิทัลที่ตนเองไม่ได้เป็นผู้ออก เห็นไม๊ครับ ไม่ให้ผมปรบมือให้ได้อย่างไร เพราะกุนซือแห่งพรรคเพื่อไทยสามารแก้ปัญหาทั้งสามข้อที่เป็นจุดอ่อนของเงินดิจิทัลของโลกได้อย่างสวยงาม ไชโย! ไชโย! ไชโย! ขอให้โครงการนี้ของพรรคเพื่อไทยสำเร็จโดยเร็ว....... ไม่ใช่ผมอยากได้เงินหมื่นบาทที่จะมาแจกนะครับ เงินแค่หมื่นบาทมันกระจอกสำหรับผม เพราะโครงการนี้มันจะทำเงินให้ผมหลายแสนบาท หรืออาจจะหลายล้านบาท หรืออาจะหลายร้อยล้านบาทหากผมมีแรงทำ คุณคิดออกหรือยังว่าเราจะทำเงินกันได้อย่างไร? ผมหมดเวลาเขียนต่อพอดี ผมอยากให้ท่านไปลองคิดดูสักพักว่าเราจะทำเงินจำนวนมากๆจากโครงการนี้ได้อย่างไร? แล้วผมจะมาเฉลย มาดูว่าที่ท่านคิดกับที่ผมคิดมีอะไรตรงกันบ้าง และอะไรที่ไม่ตรงกันแต่เอามาปรับใช้หาประโยชน์จากโครงการนี้ไปด้วยกัน เขียนมาถึงตอนนี้มีคนข้างห้องตะโกนถียงกับโฆษกทีวีว่า “แล้วมันจะเอาเงิน 560,000 ล้านบาทมาจากไหนมาแจกให้ชาวบ้าน?” ทำให้ผมนึกถึงประเด็นนี้ขึ้นได้ ผมจะเฉลยคร่าวๆตรงนี้ก่อน แล้วจะอธิบายรายละเอียดต่อไปภายหลัง คำตอบของผมก็คือ มันจะมีคนมาขอขึ้นเป็นเงินสดแดงๆน้อยมาก น้อยพอๆกับภาษีมูลค่าเพิ่มที่รัฐบาลคาดการว่าจะเก็บมาได้นั่นแหละ ส่วนที่เหลือทำไมมันไม่มีคนมาขึ้นเงินหว่า???? ............ ผมจะมาเฉลยในตอนที่สามครับ ..... ...ณรงค์ กุลาข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยไม่พบข่าวดังกล่าวเลย และมีการพิมพ์ข้อความเติมเพิ่มลงไปในภาพด้วย(สังเกตได้จากแบบอักษร)ไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยนิยายเรื่องเงินดิจิทัลฉบับลูกทุ่ง ตอนที่1... เนื่องจากในขณะนี้มีการพูดถึงการที่รัฐบาลจะจ่ายเงินดิจิทัลให้กับประชาชนทุกคนที่อายุ 16 ปีขึ้นไปเป็นจำนวนเงิน เทียบเท่าเงินบาทที่เป็นกระดาษที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ 10,000 บาทต่อคน กันอย่างกว้างขวาง ทำให้ชาวบ้านทั่วๆไปงุนงง ฟังคนโน้นพูดที คนนี้พูดที บางคนว่าดี บางคนว่าไม่ดี สับสนไปหมด ผมเลยอยากจะเอาเรื่องนี้มาพูดอธิบายใหม่เพื่อให้ชาวบ้านเข้าใจง่ายๆ เอาแบบลูกทุ่งที่ไม่ใช่แบบนักวิชาการ หรือนักการเมืองพูด เริ่มแรก โปรดเข้าใจก่อนว่า รัฐบาลไม่ได้เอาเงินกระดาษใบแดงๆมาแจกให้ หรือไม่ได้เอาเงินไปเข้าธนาคารให้เราแต่อย่างใด แต่รัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทย ทำหน้าที่แทนธนาคารทั้งๆที่ไม่ใช้ธนาคาร เอาเงินดิจิทัลที่ตีมูลค่าว่าเท่ากับ 10,000 บาทมาจ่ายให้เราแทน ไอ้เงินดิจิทัลนี้พรรคเพื่อไทยก็สร้างขึ้นมาลอยๆโดยไม่มีอะไรมาค้ำเป็นหลักประกันมูลค่า เหมือนพิมพ์แบ็งค์กงเต็ก หรือคูปองออกมาแจก ถ้าให้เข้าใจง่ายๆ ให้นึกย้อนไปถึงยุคดึกดำบรรพ์ สมัยที่คนเรายังไม่มีเงินตราใช้ แต่เอาเปลือกหอยมาตีเป็นมูลค่า ไปใช้แรกสินค้าชนิดต่างๆ มายุคนี้พรรคเพื่อไทยก็ให้คอมพิวเตอร์มันมาสร้างเหรียญ (แทนที่จะเป็นเปลือกหอยแล้วตีมูลค่าว่าหนึ่งเหรียญมีคาเท่ากับหนึ่งบาท) ที่จับต้องไม่ได้ เก็บอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ลงทะเบียนไว้ว่าเหรียญดิจิทัลเลขที่เท่าไรถึงเลขที่เท่าไรเป็นของนายแดง เลขที่เท่าไรถึงเลขที่เท่าไรเป็นของนายดำ เลขที่ไหนบ้างเป็นของนายเขียว ฯลฯ .....ทำบัญชีแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครบ 56 ล้านคน ทุกอย่างควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ทั้งสิ้น ไม่มีใครเห็นอะไร ไม่มีใครจับต้องอะไรได้ เพราะมันเป็นประจุไฟฟ้าที่เก็บอยู่ในคอมพิวเตอร์ เหมือนกับเวลาที่คุณถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์มือถือ คุณจับต้องรูปไม่ได้ แต่รู้ว่ามันมีอยู่และเปิดดูได้จากโทรศัพท์ ฉันใดก็ฉันนั้น ก่อนที่จะไปในรายละเอียดอื่นๆ ผมอยากจะขอเล่าประวัติความเป็นมาของเงินดิจิตทัลก่อน เมื่อเข้าใจที่มาที่ไปของเงินดิจิทัลนี้แล้วคุณจะมองเห็นภาพทั้งหมดชัดเจนยิ่งขึ้น เรื่องให้คอมพิวเตอร์สร้างเงินดิจิทัลขึ้นมานี้ พรรคเพื่อไทยหรือคนในพรรคเพื่อไทย หรือท่านนายกเศรษฐาไม่ได้เป็นคนคิดขึ้นมาคนแรกของโลก แต่เรื่องนี้มีคนญี่ปุ่นชื่อนายนากาโมโต้เป็นผู้คิดค้นขึ้นมาเป็นคนแรกของโลกเมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว ตอนนั้นนายคนนี้เรียกมันว่า เหรียญคริปโต หรือคริปโตเคอร์เร็นซี่ และตั้งชื่อให้เหรียญชนิดนี้ของตนว่า “บิทคอยล์” พรรคเพื่อไทยก็ยืมไอเดียนี้มาใช้บ้าง ทีนี้มาดูกันว่าเรามีเงินที่พิมพ์บนกระดาษเป็นร้อยๆสกุลเงิน ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ โดยใช้กันมาหลายร้อยปีแล้ว ทำไมจะต้องคิดเงินดิจิทัลออกมาอีก? อะไรที่เป็นแรงบันดาลใจให้คิด ประเด็นมันก็คือ เงินที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้มันไม่ตอบโจทย์ของมนุษย์บางกลุ่ม คนบางจำพวก กล่าวคือ ปัญหาข้อที่ 1 เงินที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ เวลาเราจะส่งไปให้คนอื่น เราต้องส่งผ่านธนาคาร มีธนาคารเป็นตัวกลาง เพราะเราต้องเปิดบัญชีไว้กับธนาคารเอาเงินแดงๆฝากเข้าบัญชีไว้ ตอนเราจะส่งไปให้คนอื่น เราต้องแจ้งธนาคารที่เรามีบัญชีอยู่ว่า เราจะส่งเงินจากบัญชีของเราไปให้ใคร ชื่ออะไร มีบัญชีอยู่กับธนาคารไหน เลขที่บัญชีอะไร จำนวนเงินเท่าไร การแจ้งนั้นก็ทำได้หลายวิธี จะเดินไปที่ธนาคารที่เราเปิดบัญชีไว้ หรือจะแจ้งทางโทรศัพท์มือถือก็ได้ ถ้าส่งกันภายในประเทศก็จบแค่นี้ ไม่มีค่าโอน ไม่มีการซักถามอะไรอีก แต่ที่สำคัญมากๆคือ การทำธุรกรรมนี้ถูกเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ของธนาคารไปอีกหลายปี ดังนั้นกำนันนกคนดังแห่งนครปฐมจะโอนไปให้ใครที่ไหน ไม่ว่าพลเรือน ตำรวจ ทหาร ฯลฯ กี่ครั้ง กี่หน เป็นจำนวนรวมทั้งหมดเท่าไร สามารถเช็คเส้นทางการเงินได้หมด (แต่ท่านบิ๊กโจ๊กชอบพูดสั้นๆเวลาให้สัมภาษณ์ว่า “เส้นเงิน” นั่นแหละ) ดังนั้นมนุษย์มาเฟีย นักการเมืองที่ฉ้อโกงทั่วโลกไม่ชอบการโอนเงินแบบนี้ เพราะมันจะนำมาเป็นหลักฐานมัดตัวได้ ปัญหาข้อที่ 2 หากเราโอนไปให้ผู้รับที่อยู่ต่างประเทศ แบ็งค์ชาติก็มีกฎเกณฑ์แถมเข้ามาอีก ว่าจำนวนเงินโอนที่จะโอนไปแต่ละครั้ง ต้องไม่เกินเท่าไร ถ้าเกินต้องขออนุญาตก่อน ต้องบอกว่าโอนไปทำไม ถ้าโอนไปเป็นค่าซื้อขายสินค้า ก็ต้องมีเอกสารต่างๆประกอบอีกเป็นบึกๆ นอกจากนั้นธนาคารยังคิดค่าโอนอีกเป็นเปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินที่โอนไป เสียส่วนต่างในอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทกับสกุลเงินต่างประเทศอีกด้วย สรุปแล้วไม่ถูกจริตกับพวกค้าขายผิดกฎหมาย มาเฟีย นักการเมืองที่ฉ้อโกง พวกที่ต้องการฟอกเงิน ฯลฯ นี่แหละที่เป็นสาเหตุจูงใจ หรือแรงผลักดันให้นาย Nakamoto มานั่งคิดหาวิธีการว่าประชาชนชาวมาเฟียจะโอนเงินให้กันด้วยวิธีไหน จึงไม่ต้องผ่านธนาคารที่เป็นตัวกลาง ไม่ต้องเสียเงินให้ธนาคาร และที่สำคัญที่สุดไม่มีใครรู้ใครเห็น ไม่มีหลักฐาน ในที่สุดแล้วเมื่อสิบกว่าปีก่อนนายคนนี้ก็คิดสำเร็จ ออกเหรียญดิจิทัลของตัวเองออกมาชื่อเหรียญ “บิตคอยล์ (Bitcoin)” โดยระบุว่าจะแจกเหรียญนี้ให้กับประชาชนฟรีๆ โดยจะออกมาทั้งหมดแค่ 21 ล้านเหรียญเท่านั้น (เมืองไทยก็กำหนดว่าจะแจกแค่ ห้าแสนหกหมื่นล้านเหรียญเท่านั้น – ประเด็นนี้สำคัญนะครับจำไว้ให้ดี) ใครอยากได้เหรียญให้เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาดึงเอาเหรียญไป ---- ศัพท์ที่นักล่าเหรียญเค้าใช้คือ “การขุดหาเหรียญ” ผมจะไม่อธิบายในทางเทคนิคว่าทั้งหมดมันมีการทำงานอย่างไร เดี๋ยวเอกสารนี้จะกลายเป็นวิทยานิพนธ์ไป ประชาชนกินข้าวแกงอย่างเรารู้แค่นี้ก็พอ พอมีคนขุดเหรียญได้ คอมพิวเตอร์ควบคุมกลางของนายนากาโมโต้มันก็ลงบัญชีไว้ทันทีว่าเหรียญหมายเลขอะไรบ้างไปอยู่ที่คนไหน แต่มันไม่บอกให้ใครรู้ ใครจะมาบีบบังคับยังไงก็ไม่ได้ และพื่อให้ตัวเองปลอดภัยจากพวกมาเฟียที่จะมาจับตัวเอาไปรีด บีบบังคับ เอาความลับพวกนี้ไป นายนากาโมโต้ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ และปรากฏต่อมาชื่อที่ใช้ก็เป็นชื่อปลอม ในตอนนั้นก็มีแนวร่วมของนายคนนี้ออกมารณรงค์ให้คนออกมาใช้เหรียญนี้ในการซื้อขายจิรง โดยให้กำหนดมูลค่าของเหรียญกันเองตามความพอใจ มีประวัติระบุว่าการใช้เหรียญบิตคอยล์ในการซื้อขายครั้งแรกนั้น ทำกันแบบสนุกๆในอเมริกา โดยมีร้านพิซซ่าแห่งหนึ่งขายพิซซ่าไปสองถาดแลกกับบิตคอยล์จำนวน 10,000 เหรียญ พอเหรียญนี้ตกไปอยู่ในมือของร้านขายพิซซ่า เจ้าคอมพิวเตอร์ก็ลงบัญชีต่อท้ายจากเจ้าของเดิมว่าเหรียญนี้ไปเป็นของร้านพิซซ่าแล้ว ทุกครั้งที่เหรียญเปลี่ยนเจ้าของ คอมพิวเตอร์ก็จะลงรหัสของเจ้าของใหม่ต่อท้ายไปเรื่อยๆยาวเป็นบัญชีเป็นหางว่าว เทคนิคนี้เรียกว่าบล็อกเชน เห็นไม๊ครับว่าการเปลี่ยนมือของเหรียญนั้นไม่มีธนาคารใดๆมาเกี่ยวข้อง ไม่มีใครรู้ใครเห็นเก็บข้อมูลไม่ได้ นอกจากคอมพิวเตอร์ของนายนากาโมโต้ ที่มุดหายลงใต้ดินไปแล้ว มันก็เลยเป็นความลับที่บิ๊กโจ๊ก ปิ๊กต่อ ก็สืบไม่เจอ ครั้นพอเรื่องนี้รู้ไปถึงหูกลุ่มมาเฟีย พวกนี้ก็มองเห็นสวรรค์ของการฟอกเงินขึ้นมาทันใด อยากลองบ้าง ก็เลยมีการเปิดเว็บไซต์รับแลกเหรียญบิตคอยล์กับเงินแดงๆขึ้น ไม่ต้องไปเสียเวลาชุดหาเหรียญ โดยไม่ต้องเอาเหรียญนี้ไปซื้อสินค้าใดๆให้เสียเวลา ยิ่งความต้องการมีมากขึ้นเท่าไร คนก็ยิ่งให้ราคาที่ต้องการซื้อสูงขึ้นไป เหรียญก็มีจำนวนจำกัด คนก็แห่กันเข้าไปขุดมากขึ้น กว่าจะขุดได้ก็ใช้เวลาเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น......ตั้งแต่วันที่มีการใช้เหรียญบิตคอยล์ 10,000 เหรียญไปแลกซื้อพิซซ่าได้สองถาด จนถึงวันที่บิตคอยล์มีราคาสูงสุดในประวัติศาสตร์ของบิตคอยล์ ซึ่งอยู่ที่มากกว่า US$ 30,000. นั้นใช้เวลาไม่กี่ปี !!!!! จากนั้นคนก็แห่เข้ามาสร้างเงินดิจิทัลแบบเดียวกันอีกมากมายทั่วโลก ตั้งชื่อเหรียญไปต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยก็มีผู้ออกเหรียญต่างๆมาหลายชื่อ จนกระทั่งรัฐบาลแทบทุกประเทศทั่วโลกตกใจกลัวว่าหากไม่มีการหยุดยั้งการใช้เงินดิจิทัลนี้ การเงินของโลกคงจะเข้าขั้นวิกฤตเป็นแน่ ก็พากันมาออกกฎระเบียบต่างๆในการควบคุมการออกเหรียญดิจิทัล ไม่ปล่อยให้ออกกันแบบเสรีและมีกฎอื่นๆตามมาอีกเยอะ เช่นไม่อนุญาตให้ใช้จ่ายในการชำระหนี้แทนเงินแดงๆเป็นต้น ทำให้เหรียญที่ออกมาใหม่ๆในระยะหลังๆนี้ ไม่มีผู้สนใจ และมูลค่าไม่สูงมากเหมือนรุ่นแรกๆ เหรียญที่ออกโดยคนไทยก็แห้วแขวนดอยรอวันตายกันไป เอาละครับผมเล่าประวัติความเป็นมาและวัตถุประสงค์ของการสร้างเงินดิจิทัลขึ้นมาในโลกนี้ของนายนากาโมโต้ในการแก้ปัญหาที่ต้องโอนเงินผ่านธนาคารมาให้ท่านฟังแล้ว แรงบันดาลใจออกจะสีเทาๆชอบกลนะ ท่านพอมองเห็นอะไรในการเอาเงินดิจิทัลที่ออกโดยพรรคเพื่อไทยในนามของรัฐบาล มาให้คนไทยใช้ในการซื้อสินค้าแทนที่จะแจกเงินแดงๆแบบที่มีอยู่ในกระเป๋าทุกวันนี้ โดยการอ้างเหตุผลนานาประการ ผมคงจะขอจบตอนที่1 ไว้แค่นี้ก่อน ให้ท่านได้นอนคิดไปสักสองสามวัน ว่าท่านเห็นอะไร ...........................ในระหว่างที่ผมเขียนตอนที่ 2 เมื่อผมเขียนตอนที่สองเสร็จก็จะส่งมาให้ท่านอ่านต่อไป ...ขอกระซิบบอกให้ท่านทราบเบาๆว่า ในตอนหน้าผมจะบอกเคล็ดลับที่รัฐบาลไม่บอก ในการที่ท่านจะทำเงินได้มหาศาลจากเงินดิจิทัลของไทยได้อย่างไร เป็นเพียงเกาะกระแสร์ไว้ให้ดี อย่าพลาดนะครับ อ่านดีๆมีสิทธิรวยจ้า..... เขียนโดย ณรงค์ กุลาข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว