13223 ข้อความ
- 1 คนสงสัยSwabลึกถึงเพดานจมูกทำให้เนื้อเนื่อพังคนที่ชอบตรวจโควิดด้วยการแยงจมูกระวังอันตรายโดยสามารถสร้างความเสียหายต่อเนื้อเยื่อพังผืดที่หุ้มolfactory Nerveซึ่งส่งผลเสียต่ออายุขัยของมนุษย์เนื่องจากolfactory nerveเป็นเซลล์ป้องกันสมองส่วนหนึ่ง ไวรัสและแบคทีเรียจึงสามารถเดินทางเข้าสมองได้std47924• 1 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยสธ.เตือน! หยุดส่งต่อข้อมูลเท็จ "โรคมะเร็ง" ต้องตรวจสอบก่อนแชร์สธ.ร่วมกับภาคีเครือข่าย 20 หน่วยงาน เดินหน้ารณรงค์ “วันมะเร็งโลก” ภายใต้แนวคิด ปี 2566 “Uniting our voices and taking action ชวนให้กำลังใจผู้ป่วยมะเร็ง หยุดส่งต่อข้อมูลเท็จด้านโรคมะเร็ง เนื่องในวันมะเร็งโลก หากวินิจฉัยเร็ว รักษาไว เพิ่มโอกาสรอดชีวิต มีโอกาสหายขาดได้ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ศูนย์การค้าเดอะไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์ จ.ปทุมธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดกิจกรรม “วันมะเร็งโลก” โดยมีนายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ นายแพทย์สกานต์ บุนนาค ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ คณะผู้บริหาร ภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน บุคลากรสาธารณสุข อสม. และ ประชาชน เข้าร่วมงานstd48006• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยตร.เร่งสืบ เหตุพัสดุระเบิดเจ้าหน้าที่ ม.ดังบอสตันเจ็บ 1 ส่อเป็นการจัดฉากตำรวจเมืองบอสตันกำลังสืบสวนข้อเท็จจริงของ เหตุพัสดุระเบิดที่วิทยาเขตของมหาวิทยาลัยนอร์ทอีสเทิร์น ซึ่งทำให้มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย โดยพวกเขาสงสัยว่าเหตุการณ์นี้อาจเป็นการจัดฉาก สำนักข่าว WCVB รายงานว่า ตำรวจหลายนายบอกกับทีมข่าวสืบสวนของพวกเขา เหตุการณ์พัสดุระเบิด ซึ่งทำให้ลูกจ้างวัย 45 ปี ของมหาวิทยาลัยนอร์ทอีสเทิร์น วิทยาเขตบอสตัน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 1 รายเมื่อวันอังคารที่ 13 ก.ย. 2565 ที่ผ่านมา กำลังได้รับการสืบสวนว่าอาจเป็นการจัดฉาก ตำรวจนายหนึ่งบอกกับสำนักข่าวเอพี ว่า เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่าลูกจ้างรายนี้ซึ่งเป็นผู้แจ้งเหตุระเบิด อาจโกหกเจ้าหน้าที่และจัดฉากเหตุการณ์ขึ้นมา เนื่องจากพวกเขาพบความไม่สอดคล้องหลายอย่างในคำให้การของลูกจ้างรายนี้ ทำให้เกิดความสงสัย เพราะบาดแผลของเขาไม่ตรงกับบาดแผลตามปกติที่เกิดจากเหตุระเบิดทีมข่าวสืบสวนของ WCVB รายงานก่อนหน้านี้ว่า ในกล่องพัสดุที่เกิดระเบิดมีกระดาษข้อความระบุถึง เทคโนโลยีความจริงเสมือน และนายมาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ขณะที่สถานที่เกิดเหตุคือห้องปฏิบัติการสื่อเสมือนจริง (Immersive Media) สำหรับศึกษาเรื่องโลกเสมือนจริง รวมถึงเทคโนโลยีวีอาร์และวัตถุเสมือนด้วย ทั้งนี้ ตำรวจบอสตันถูกเรียกให้เดินทางไปยังอาคาร Holmes Hall ของมหาวิทยาลัยนอร์ทอีสเทิร์น ในเวลาประมาณ 19.20 น. วันอังคาร หน่วยดับเพลิงก็ถูกเรียกไปเช่นกันและช่วยตำรวจอพยพผู้คนออกจากอาคารบางส่วนภายในวิทยาเขต เจ้าหน้าที่ยังพบพัสดุต้องสงสัยอีกกล่องระหว่างตรวจค้น ก่อนที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดจะเข้ามาจัดการ ต่อมาในวันพุธ มหาวิทยาลัยนอร์ทอีสเทิร์นออกแถลงการณ์ยืนยันว่า วิทยาเขตบอสตันของพวกเขาปลอดภัย และสามารถเปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติในวันเดียวกันนี้std47987• 1 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชวนลงทุนหุ้น รับปันผล 30,000 บาทต่อเดือนกรณีที่มีผู้โพสต์เชิญชวนโดยระบุว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชวนลงทุนหุ้น รับปันผล 30,000 บาทต่อเดือน ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ได้เชิญชวนลงทุนหุ้นโดยให้รับเงินปันผล 30,000 บาทต่อเดือนแต่อย่างใด และเพจดังกล่าวที่ลงโฆษณานั้นมีการแอบอ้างชื่อ โลโก้ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตอีกด้วยsomosiri14• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย"ห้องเช่าสุดเฮี้ยน" หมอปลายอมรับสมคำร่ำลือ สาวเผยเรื่องหลอนหลังเลิกงาน"หมอปลา" ลงพื้นที่พิสูจน์ความเฮี้ยน "อาถรรพณ์ห้องเช่า" ที่ระยอง สังเวย 4 ศพ ยอมรับสมคำร่ำลือ เชื่อ "อดีตดีเจ" เขียนบรรยายไดอารี่ "เห็นผีเต็มห้อง" ด้าน ขณะที่หนึ่งในผู้อยู่อาศัยเผยเรื่องสุดหลอน เห็นผู้ตายยืนอยู่หน้าห้อง-มองหน้าทุกวันstd47912• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสาวเล่าเจอดวงไฟสีแดงๆ คล้าย "กระสือ" ที่ราชบุรี หมอปลา เตรียมบุกพิสูจน์หนีอุตลุด สาววัยรุ่นเล่านาทีระทึก เจอดวงไฟสีแดงๆ ลอยขึ้นๆ ลงๆ อยู่เหนือยอดต้นมะพร้าว เชื่อเป็นกระสือแน่นอน บริเวณดังกล่าวเป็นสวน ขณะที่ "หมอปลา" และทีมงาน เตรียมบุกพิสูจน์ใช่เรื่องลี้ลับหรือไม่ภาคเหนือstd47912• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกกต.ชี้ ผู้แทนก้าวไกลตีหญิง ลาออก-ถูกขับ หาพรรคไม่ทัน พ้น ส.ส.ทันที ต้องเลือกใหม่ อุบชดใช้ค่าเสียหายเลขาฯ กกต.ขอรอดูปม ส.ส.ก้าวไกล ทุบผู้ช่วยหาเสียง ชี้ หากลาออกจากสมาชิกพรรค-ถูกขับ หาพรรคใหม่สังกัดไม่ทัน ทำพ้น ส.ส.ทันที ต้องเลือกตั้งใหม่ อุบตอบฟ้องชดใช้ค่าเสียหายจัดเลือกตั้ง แต่ยันรักษาผลประโยชน์รัฐstd47912• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! โครงการไทยมีงานทำ จากกรมการจัดหางาน รับสมัครคนมีเวลาว่าง จำนวนจำกัดX mobile-menu Logo ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย Anti-Fake News Center Thailand searchiconmobile mobile-menu Logo ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย Anti-Fake News Center Thailand searchiconmobile จำนวนผู้เข้าชม 15,590,327 ข่าวปลอม นโยบายรัฐบาล-ข่าวสาร ข่าวปลอม อย่าแชร์! โครงการไทยมีงานทำ จากกรมการจัดหางาน รับสมัครคนมีเวลาว่าง จำนวนจำกัด 14 มิถุนายน 2023 | 13:30 Facebook Twitter Link Youtube กรณีที่มีการโฆษณาว่า โครงการไทยมีงานทำ จากกรมการจัดหางาน รับสมัครคนมีเวลาว่าง จำนวนจำกัด ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ ตามที่มีข่าวสารเผยแพร่เกี่ยวกับกรมการจัดหางาน โครงการไทยมีงานทำ รับสมัครคนมีเวลาว่าง รายได้ 300-1,500 บาท รับจำนวนจำกัด ทางกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและชี้แจงว่า ภาพประกาศเชิญชวนรับสมัครงาน ที่มีการใช้ตราสัญลักษณ์กรมการจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต นั้น ไม่ใช่ข้อเท็จจริง กรมการจัดหางานตรวจสอบพบว่าข้อความดังกล่าวมิได้มาจากส่วนราชการของกรมการจัดหางาน ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค หากพบเห็นข้อความดังกล่าวโปรดอย่าหลงเชื่อ เพราะอาจมีการขอข้อมูลส่วนตัวเพื่อนำไปใช้ในทางมิชอบ หรืออาจถูกหลอกลวงจนเกิดความเสียหายstd47606• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยคนชรากินปาท่องโก๋ที่ใส่แอมโมเนียมไบคาร์บอเนต ทำให้ไตทำงานหนักกรณีที่มีการบอกต่อข้อมูลโดยระบุว่า หากให้ผู้สูงอายุ รับประทานปาท่องโก๋ที่ใส่แอมโมเนียมไบคาร์บอเนต จะทำให้ไตทำงานหนัก ทางกรมอนามัย หน่วยงานสำนักอนามัยผู้สูงอายุ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า แอมโมเนียมไบคาร์บอเนตไม่มีโซเดียมเป็นส่วนประกอบ หากคนชรากินจะทำให้ไตทำงานหนัก ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ซึ่งปาท่องโก๋มีสารที่นิยมใช้ในการทำให้ขึ้นฟู 3 ชนิด คือ ผงฟู ยีสต์ และแอมโมเนียมไบคาร์บอเนต (NH₄HCO₃) จะช่วยให้ปาท่องโก๋กรอบพองฟู สารแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติในการทำให้เกิดการขึ้นฟูในขั้นตอนที่ต่างกัน หากใช้แอมโมเนียมไบคาร์บอเนตในปริมาณที่เหมาะสม แก๊สจะระเหยออกไปหมดโดยจะไม่ส่งกลิ่นทิ้งไว้ในปาท่องโก๋ แต่การทอดด้วยน้ำมันไม่ร้อนจัด ทอดแบบแน่นเกินไป หรือใส่สารมากเกิน สารแอมโมเนียระเหยไม่หมด ทำให้เกิดกลิ่นของแอมโมเนีย ไม่เป็นอันตราย แต่จะทำให้ผู้ทอดระคายคอ แต่ไม่ควรกินปาท่องโก๋เป็นประจำ เพราะให้พลังงานสูงราว 120 – 180 กิโลแคลอรี พลังงานส่วนใหญ่มาจากไขมัน มีไขมันอิ่มตัวสูง ส่งผลเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด และส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ตามมา และหากทอดแบบผ่านความร้อนนาน หรือผ่านการทอดในน้ำมันซ้ำ จะเกิดสารก่อมะเร็งได้ อันตรายต่อทั้งผู้ทอดและผู้บริโภค และการที่รับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง ส่งผลเสียต่อไต และความดันโลหิตสูง ผลที่ตามมาคือเกิดความดันในหน่วยไตสูงขึ้น และเกิดการรั่วของโปรตีนในปัสสาวะมากขึ้น นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารบางอย่าง ทำให้ไตเสื่อมเร็วขึ้น แต่ในปาท่องโก๋ไม่ได้ใส่เกลือหรือผงฟูมากขนาดนั้น หากไม่กินมากจนเกินไปก็ไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายbhoonbhoon743• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยบ้านปู ร่วมกับ ก.ล.ต. เปิดโอกาสฝากหุ้นระยะยาว ปันผลกำไรมากกว่า 3%จากกรณีที่มีการตรวจพบข่าวสารเกี่ยวกับบริษัท บ้านปู จำกัด ร่วมกับ ก.ล.ต. เปิดโอกาสฝากหุ้นระยะยาว เริ่มต้นลงทุน 1,000 หน่วย ปันผลกำไรมากกว่า 3% ต่อสัปดาห์ ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ตรวจสอบและชี้แจงว่า เป็นการให้ข้อมูลลงทุนโดยแอบอ้างใช้ชื่อบริษัทจดทะเบียนและโลโก้ ก.ล.ต. โดยไม่ได้รับอนุญาต ก.ล.ต. มีคำแนะนำเกี่ยวกับจุดสังเกตที่ต้องระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ 6 ข้อดังนี้ 1. เสนอผลตอบแทนสูงเกินจริง เร่งรัดให้ตัดสินใจลงทุน 2. คำโฆษณา ชักชวนว่า ไม่มีความรู้ก็ลงทุนได้ 3. อ้างสัญลักษณ์ ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือสมาคมที่เกี่ยวกับการลงทุน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ 4. แอบอ้างรูปดารา คนดัง หรือผู้บริหารบริษัทขนาดใหญ่ 5. ชื่อผู้รับโอนใช้ชื่อบัญชีส่วนตัว 6. ปลอมแปลงใบอนุญาต/อ้างชื่อ/ตั้งชื่อให้ใกล้เคียงบริษัทที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานรัฐbhoonbhoon743• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน รับสมัครผู้สนใจหารายได้เสริม วุฒิ ป.6 ขึ้นไป รายได้ดีLogo ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย Anti-Fake News Center Thailand searchiconmobile จำนวนผู้เข้าชม 15,590,327 ข่าวปลอม นโยบายรัฐบาล-ข่าวสาร ข่าวปลอม อย่าแชร์! กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน รับสมัครผู้สนใจหารายได้เสริม วุฒิ ป.6 ขึ้นไป รายได้ดี 14 มิถุนายน 2023 | 10:30 Facebook Twitter Link Youtube กรณีที่มีการโฆษณาว่า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน รับสมัครผู้สนใจหารายได้เสริม วุฒิ ป.6 ขึ้นไป รายได้ดี ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ ตามที่มีข่าวสารเผยแพร่เกี่ยวกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน รับสมัครผู้สนใจหารายได้เสริม วุฒิการศึกษา ป.6 ขึ้นไป รายได้ 500-850 บาทต่อวัน รับสมัคร วันนี้ถึง 31 ก.ค. 66 ทางกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและชี้แจงว่า ตามที่เพจ Facebook Jook มีการแอบอ้างกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยใช้ชื่อ “กระทรวงมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ” รับสมัครคนทำงานฝีมือเพื่อนำไปทำงานที่บ้าน ซึ่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงานเป็นหน่วยงานภาครัฐมีภารกิจหน้าที่ในการฝึกอบรมอาชีพให้แก่ประชาชน จึงไม่มีนโยบายในการรับงานไปทำที่บ้าน รวมถึงมีการใช้โลโก้ “มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ” ซึ่งกรมฯ ไม่ได้ใช้โลโก้และชื่อดังกล่าวstd47606• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกระทรวงแรงงานเปิดโควตาไปนิวซีแลนด์ ทำงานนวดและงานฟาร์มแกะกรณีที่มีโฆษณาประกาศว่า กระทรวงแรงงานเปิดโควตาไปนิวซีแลนด์ ทำงานนวดและงานฟาร์มแกะ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ ตามที่มีข้อมูลเผยแพร่เกี่ยวกับรับสมัครโควตาแรงงานไปทำงานที่ประเทศนิวซีแลนด์ งานนวด 2 อัตรา และงานฟาร์มแกะ 4 อัตรา ผ่านกระทรวงแรงงาน ทางกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า การโฆษณาจัดหางานเชิญชวนคนหางานไปทำงานทางสื่อโซเชียลมีเดียดังกล่าว ไม่มีรายละเอียดชื่อบริษัทจัดหางาน ตำแหน่งงาน และคุณสมบัติ ซึ่งไม่สามารถทำได้ เนื่องจากฝ่าฝืนพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มีความผิดตามมาตรา 66 โดยการโฆษณาจัดหางานเพื่อพาคนไปทำงานต่างประเทศสามารถทำได้เฉพาะผู้ได้รับอนุญาตเท่านั้นbhoonbhoon743• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยลดน้ำหนัก ดีท็อกซ์ลำไส้ ด้วยสูตรน้ำส้มสายชู โยเกิร์ต และน้ำอัดลมmobile-menu Logo ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย Anti-Fake News Center Thailand searchiconmobile จำนวนผู้เข้าชม 15,589,656 ข่าวปลอม ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ลดน้ำหนัก ดีท็อกซ์ลำไส้ ด้วยสูตรน้ำส้มสายชู โยเกิร์ต และน้ำอัดลม ข่าวปลอม อย่าแชร์! 15 มกราคม 2020 | 10:09 Facebook Twitter Link Youtube ตามที่ได้มีข่าวปรากฎในสื่อออนไลน์ต่างๆ ในประเด็นเรื่อง ลดน้ำหนัก ดีท็อกซ์ลำไส้ ด้วยสูตรน้ำส้มสายชู โยเกิร์ต และน้ำอัดลม ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าข้อมูลที่ปรากฏดังกล่าว เป็น ข้อมูลเท็จ จากที่มีการแชร์ข้อมูลว่าให้นำน้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ นมเปรี้ยว 2 ขวดเล็ก และน้ำสไปรท์ 1 ขวดเล็ก มาผสมรวมกันแล้วดื่มเพื่อลดน้ำหนักนั้น นักปฏิบัติการวิจัยของสถาบันโภชนาการ ได้ให้ข้อมูลว่า จากสูตรดังกล่าวไม่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ แถมยังมีโอกาสเพิ่มน้ำหนัก เพิ่มการสะสมของไขมันบริเวณหน้าท้องอีกด้วย เมื่อพิจารณาสูตรจากส่วนผสมที่ละอย่าง ได้แก่ น้ำส้มสายชู ที่คาดว่าน่าจะเริ่มต้นมาจากแอปเปิลไซเดอร์หรือผลไม้ที่ผ่านการหมักดอกแล้วนำไปกลั่น ยังไม่มีงานวิจัยมาสนับสนุนอย่างชัดเจนว่าช่วยลดน้ำหนักหรือดีท็อกซ์ได้ นมเปรี้ยว มีคุณค่าทางโภชนาการที่ดีกับสุขภาพ คือแคลเซียม และวิตามินต่างๆ แต่ว่าในนมเปรี้ยวปกติจะมีน้ำตาลอยู่ที่ 2-3 % ซึ่งมีส่วนทำให้เรามีโอกาสที่จะได้รับน้ำตาลเพิ่ม 8.5 กรัม น้ำสไปรท์ จะมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบที่ประมาณ 9 % โดยหนึ่งขวด 450 มิลลิลิตร จะมีน้ำตาล 40.5 กรัม เมื่อทั้งสามส่วนผสมรวมกันที่น่าเป็นห่วงคือ ปริมาณน้ำตาล ที่สูงถึง 49 กรัม เกินจากที่องการอนามัยโลก (WHO) ได้แนะนำไว้ว่า ในหนึ่งวันควรได้รับน้ำตาลไม่เกิน 24 กรัม สำหรับผู้ที่อยากลดน้ำหนักหรือดีท็อกซ์ ให้ทานผักในทุกมื้ออาหารและทานผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อยจะดีกว่า เพราะมีใยอาหารที่จะช่วยตรงนี้อยู่แล้ว โดยในหนึ่งวันแนะนำให้กินผัก และผลรวมกันอยู่ที่ 400-500 กรัม หลีกเลี่ยงกลุ่มอาหาร หวาน มัน เค็ม ก็จะมีส่วนช่วยในการดูแลสุขภาพป้องกันโอกาสน้ำหนักเกินได้bhoonbhoon743• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! หัวไชเท้าผสมน้ำผึ้งรักษาโรคริดสีดวงทวารตามที่มีข้อความข่าวสารถูกเผยแพร่เกี่ยวกับผู้บริหาร ก.ล.ต. เป็นสมาชิกทีมผู้ดูแลโทเคนดิจิทัลนั้น ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีที่มีโฆษณาเรื่องผู้บริหาร ก.ล.ต. เป็นสมาชิกทีมผู้ดูแลโทเคนดิจิทัล ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้ตรวจสอบและชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ด้วยมีการเผยแพร่ภาพผู้บริหาร ก.ล.ต. พร้อมด้วยโลโก้ สำนักงาน ก.ล.ต. และอ้างว่า เป็นสมาชิกทีมผู้ดูแลโทเคนดิจิทัลนั้นไม่ได้มาจากหน่วยงานแต่อย่างใด ทั้งนี้ มีคำแนะนำเกี่ยวกับจุดสังเกตที่ต้องระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ 6 ข้อดังนี้ 1. เสนอผลตอบแทนสูงเกินจริง เร่งรัดให้ตัดสินใจลงทุน 2. คำโฆษณาชักชวนว่า ไม่มีความรู้ก็ลงทุนได้ 3. อ้างสัญลักษณ์ ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือสมาคมที่เกี่ยวกับการลงทุน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ 4. แอบอ้างรูปดารา คนดัง หรือผู้บริหารบริษัทขนาดใหญ่ 5. ชื่อผู้รับโอนใช้ชื่อบัญชีส่วนตัว 6. ปลอมแปลงใบอนุญาต/อ้างชื่อ/ตั้งชื่อให้ใกล้เคียงบริษัทที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานรัฐผู้บริโภคเฝ้าระวังแอคปลอมstd47606• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! ตั้งแต่เดือน มิ.ย. – ก.ค.นี้ จะเกิดสภาวะฝนทิ้งช่วงในบางพื้นที่ตามที่มีการโพสต์ข้อความเผยแพร่ระบุตั้งแต่เดือน มิ.ย. – ก.ค.นี้ จะเกิดสภาวะฝนทิ้งช่วงในบางพื้นที่ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีที่มีการเตือนโดยกล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ มิ.ย. – ก.ค. หรือ ส.ค. นี้ เกิดสภาวะฝนทิ้งช่วงในบางพื้นที่ ทางกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงข้อเท็จจริงว่า เดือน มิถุนายน 2566 ช่วงประมาณครึ่งแรกของเดือน ประเทศไทยยังคงมีฝนตกชุกและต่อเนื่อง โดยจะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 – 60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่งในบางวัน เว้นแต่ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 – 80 ของพื้นที่ กับจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในบางวัน จากนั้นปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลง เนื่องจาก ช่วงประมาณครึ่งแรกของเดือน มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมบริเวณประเทศไทยยังคงมีกำลังค่อนข้างแรงเป็นระยะ ๆ จากนั้นจะมีกำลังอ่อนลง ประกอบกับในบางช่วงจะมีร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านบริเวณตอนใต้ของประเทศจีนในช่วงปลายเดือน สรุปเดือนนี้ คาดว่า ปริมาณฝนรวมส่วนใหญ่จะน้อยกว่าค่าปกติร้อยละ 5 – 10 เว้นแต่ภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะใกล้เคียงค่าปกติ ส่วนอุณหภูมิเฉลี่ยยังคงใกล้เคียงค่าปกติ เดือนนี้มักจะมีพายุหมุนเขตร้อนก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือด้านตะวันตก และเคลื่อนตัวผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ ซึ่งจะส่งผลให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริเวณชายฝั่งภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก จึงขอให้ประชาชนติดตามข่าวพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาไว้ด้วยสภาพอากาศstd47606• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปดิบ จะถูกดูดน้ำย่อยในลำไส้ ทำให้ร่างกายขาดน้ำกรณีที่มีบทความเตือนโดยระบุว่า กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปดิบจะดูดน้ำย่อยในลำไส้ ทำให้เกิดอาการขาดน้ำ จนเกิดภาวะช็อกได้นั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า การกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปดิบ ไม่สามารถดูดน้ำย่อยในลำไส้ได้ และไม่ทำให้ร่างกายขาดน้ำ เนื่องจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทำมาจากแป้งและทำให้สุกด้วยน้ำร้อน ก่อนจะนำไปทอดในน้ำมัน หรือนำไปอบแห้ง แล้วถึงจะนำมาต้มอีกที ซึ่งเมื่อนำมาเติมน้ำร้อน หรือต้ม เส้นบะหมี่จะดูดน้ำและพองตัวในระดับหนึ่ง รวมทั้งมีความอ่อนนุ่ม เหมาะแก่การบริโภค หากนำมากินดิบ เมื่อบริโภคเข้าไปในร่างกายก็เหมือนกับการกินแป้งหรือขนมปัง จึงไม่สามารถไปดูดน้ำย่อยในลำไส้ และทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ แต่การกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปดิบอาจทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่นท้องได้bhoonbhoon743• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 2 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วันตามที่มีการโฆษณาทางสื่อโซเชียลเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วัน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มที่ระบุสรรพคุณว่า หากทาสามารถช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าไม่มีครีมหรือเซรั่มใดที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน ได้จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นเพียงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายนอกเพื่อทำความสะอาด สวยงามแต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ โดยเภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ได้ให้ข้อมูลว่า โครงสร้างของจมูกประกอบด้วย 2 ส่วน คือ โครงสร้างส่วนด้านบนเป็นกระดูกแข็ง ด้านล่างเป็นกระดูกอ่อน โดยห่อหุ้มด้วยผิวหนังและไขมัน ดังนั้นครีมที่ทำให้ดั้งโด่งจึงไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระดูก ส่งผลให้จมูกโด่งอย่างแน่นอน ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับภายนอกร่างกายของมนุษย์ รวมถึงฟันและเยื่อบุในช่องปาก เพื่อความสะอาด ความสวยงาม แต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ การโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเครื่องสำอางที่ทำให้ดั้งโด่งได้อย่างรวดเร็วภายใน 7 วัน ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณที่โกหก เพราะครีมหรือเซรั่มเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ภายนอกเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ผลิตหรือขายผลิตภัณฑ์ที่หลอกลวงสรรพคุณให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด ถือเป็นการโฆษณาที่แสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือเกินความจริง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และขอเตือนผู้บริโภคให้คิดก่อนตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีการโฆษณาสรรพคุณต่าง ๆ ว่า ไม่มีผลิตภัณฑ์ใดสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของร่างกายได้ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th และหากพบเห็นการโฆษณาโอ้อวดเกินจริงขอให้แจ้งร้องเรียนมาที่สายด่วน อย. 1556 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ไม่มีครีมหรือเซรั่มใดที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน ได้จริง เนื่องจากครีมหรือเซรั่มเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ภายนอกเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ความสวยความงามอย. เพิกถอนผู้บริโภคเฝ้าระวังpeekapatpeekapat• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวฉลอมผลิตภัณฑ์ keyto ลดน้ำหนัก 15กิโล 1สัปดาห์ตามที่มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ เกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ KeyTo ช่วยลดน้ำหนักได้ 15 กิโลกรัมใน 1 สัปดาห์ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีชวนเชื่อโดยอ้างสรรพคุณผลิตภัณฑ์ KeyTo สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ 15 กิโลกรัมใน 1 สัปดาห์ ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบและชี้แจงว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าวไม่สามารถลดน้ำหนักได้ อย่าหลงเชื่อรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าว เพราะไม่ได้ผลแถมอาจมีสารที่เป็นอันตราย มีผลข้างเคียงรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ลดความอ้วนอย. เพิกถอนผู้บริโภคเฝ้าระวังpeekapatpeekapat• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกรมจัดหางาน เปิดรับสมัครงาน ผ่านเพจ Ange Bianตามที่มีข่าวสารเผยแพร่เกี่ยวกับกรมการจัดหางาน เปิดรับสมัครผู้ที่สนใจสร้างรายได้รับค่าจ้าง 1,500 – 2,500 บาทต่อวัน ผ่านเพจ Ange Bian ทางผู้บริโภคเฝ้าระวังแอคปลอมPakin Bunya-arak• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอมอย่าแชร์!สมุนไพรขันทองพยาบาทรักษามะเร็งกรณีที่มีการแชร์สรรพคุณของสมุนไพรขันทองพยาบาท ว่าสามารถใช้รักษาโรคมะเร็งได้ ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทางวิชาการพบว่าขันทองพยาบาทไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคมะเร็ง และไม่สามารถนำมาใช้รักษามะเร็งได้ ซึ่งปัจจุบันการรักษาโรคมะเร็งหลัก ๆ มี 3 วิธี ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด และรังสีรักษา โดยผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ สำหรับสมุนไพรขันทองพยาบาท (Suregada multiflora) เป็นพืชที่ถูกนำมาใช้ในตำหรับยาสมุนไพรพื้นบ้านมีกลุ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น อัลคาลอยด์ ซาโปนิน ฟลาโวนอยด์ เป็นต้น และจากผลการศึกษาวิจัยระดับเซลล์ในห้องปฏิบัติการ พบว่าสารนี้อาจมีส่วนในการยับยั้งเซลล์มะเร็งในหลอดทดลอง แต่ผลดังกล่าวเป็นเพียงงานวิจัยเบื้องต้น และยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าขันทองพยาบาทช่วยรักษาโรคมะเร็งในมนุษย์ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02 2026800 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : จากการตรวจสอบข้อมูลวิชาการพบว่าขันทองพยาบาทไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคมะเร็งและไม่สามารถนำมาใช้รักษามะเร็งได้มะเร็งยาสมุนไพรpeekapatpeekapat• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสรรพสามิตเตรียมแผนปฏิรูปโครงสร้างภาษีใหม่สรรพสามิตเตรียมแผนปฏิรูปโครงสร้างภาษีใหม่ ทางกรมสรรพสามิตข่าวการเมืองPakin Bunya-arak• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยห่วงแชร์ข่าวปลอมหายารักษาโควิดเองสถานการณ์ของโควิด-19 ในหลายพื้นที่ยังคงน่าเป็นห่วง อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องช่วยกันเฝ้าระวังอีกอย่างในช่วงนี้ คือข่าวปลอม หรือ Fake News การโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ โดยเฉพาะยารักษาโควิด-19 ซึ่งหากใครหลงเชื่อ ก็อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ถึงขั้นเสียชีวิตได้ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนกรณีการแชร์ข้อมูลข่าวปลอมในหัวข้อยา 6 ชนิด ที่เตรียมไว้ใช้รักษาโควิด-19 ด้วยตนเองที่บ้าน โดยทางรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้มีนโยบายในการสร้างการรับรู้ข่าวสารที่ถูกต้องให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนหรือข่าวปลอม (Fake News) จากผู้ไม่หวังดีที่โดยเฉพาะในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งได้มีการตรวจพบข่าวปลอม (Fake News) กรณียา 6 ชนิด ที่เตรียมไว้ใช้รักษาโควิด-19 ด้วยตนเองที่บ้านนั้น ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย ได้ตรวจสอบข้อมูลกับกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข แล้ว ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวนั้น เป็นข่าวปลอม (Fake News) เนื่องจากในการจ่ายยาให้ผู้ป่วยโควิด-19 ต้องได้รับการประเมินจากแพทย์เป็นรายบุคคล เพราะหากเลือกรับประทานยาเอง อาจทำให้เกิดอันตราย จากภาวะแทรกซ้อนของยาได้ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่งต่อ หรือแชร์ข้อมูล จนกว่าจะตรวจสอบความถูกต้องให้ชัดเจนเสียก่อน เพื่อมิให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนกในสังคม และเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพ เพราะในปัจจุบันนี้มีข่าวปลอมในลักษณะนี้เกิดขึ้นทุกวัน การกระทำของผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (2), (5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอม และผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไปpeekapatpeekapat• 1 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยยาผีบอกรักษาทุกโรคยาผีบอก คือ ผลิตภัณฑ์ยาแผนโบราณที่โฆษณาโอ้อวดสรรพคุณเกินกว่าความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นแก้ปวดเมื่อย รักษามะเร็ง โรคเก๊า ภูมิแพ้ รูมาตอยด์ ขับสารพิษ โดยจะมีลักษณะเป็นผงสีน้ำตาลอยู่ในบรรจุภัณฑ์สีใส อยู่ในหมวดหมู่ยาควบคุมพิเศษ ภายใต้การดูแลของแพทย์ ก่อนจะใช้ต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพราะมีผลข้างเคียงสูง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว แม้ว่าในช่วงแรกที่ใช้นั้นมันจะบรรเทาอาการความเจ็บป่วยได้ก็ตามstd47611• 1 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยเปิดตัว“โคแฟค” ตัดวงจรข่าวลวงที่ระบาดมากับโควิด-19Main navigation" style="box-sizing: border-box; color: rgb(255, 255, 255); background-color: transparent; text-decoration: none; transition: color 0.4s ease 0s; border-bottom: 1px solid rgb(67, 67, 67); display: block; margin: 0px; padding: 10px 0px;">หน้าแรกข่าวเฟคนิวส์สุขภาพปฐมภูมิโรคอุบัติใหม่รายงานInfographicชุมชนสุขภาพ Search Wednesday, 15 April 2020 เปิดตัว“โคแฟค” ตัดวงจรข่าวลวงที่ระบาดมากับโควิด-19 สสส.จับมือ ภาคีป้องกันและตรวจสอบข่าวลวง เปิดตัวเว็บไซต์-Chatbot “โคแฟค” ชวนสังคมค้นหาข่าวจริง ตัดวงจรข่าวลวงที่ระบาดมากับโควิด-19 ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลงว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ได้มาพร้อมกับการระบาดของข้อมูลข่าวสาร ทำให้เกิดข่าวลวงข่าวปลอมแพร่กระจายในสื่อไปทั่วโลก รวมทั้งในไทย สร้างความเข้าใจผิด ๆ ในเรื่องการป้องกันและควบคุมโรคระบาด และความปลอดภัยของประชาชน สสส. ร่วมกับ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ChangeFusion Wisesight Open Dream Center for Humanitarian Dialogue (HD) มูลนิธิ Friedrich Naumann Foundation for Freedom (FNF) สำนักงานกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ และภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคม ภาควิชาการ และองค์กรวิชาชีพสื่อ นำร่องกลไกภายใต้โครงการโคแฟค (Collaborative Fact Checking : Cofact) เปิดพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงผ่านเว็บไซต์ cofact.org และโปรแกรมการพูดคุยอัตโนมัติ (Chatbot) ไลน์ @cofact เพื่อร่วมตรวจสอบข่าวลวงด้านสุขภาพ โดยเฉพาะประเด็นโควิด-19 เป้าหมายสำคัญ คือ การทำให้ทุกคนเปิดรับสื่ออย่างรู้เท่าทัน ร่วมตรวจสอบข่าว นำมาสู่การเรียนรู้และพัฒนาทักษะเท่าทันสื่อของพลเมืองดิจิทัล ควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อร่วมสร้างระบบนิเวศสื่อและสังคมสุขภาวะ นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ อดีตกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ผู้ร่วมก่อตั้ง กล่าวว่า โครงการโคแฟค เปิดพื้นที่ให้ช่วยกันค้นหาข้อเท็จจริงกับข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นเพียงผู้รู้จริง เพราะบางครั้งข้อเท็จจริงอาจเปลี่ยนแปลงไปได้ตามกาลเวลาและเหตุปัจจัย ดังนั้นจึงต้องการสร้างพื้นที่กลางในการค้นหาความจริงร่วมกัน โดยผ่านเว็บไซต์ cofact.org เป็นการผสานการผลักดันการใช้เทคโนโลยีของภาคพลเมือง กับงานเชิงข่าวด้านวารสารศาสตร์ มีกองบรรณาธิการร่วมกับอาสาสมัครทำการกรองข่าวที่เกิดขึ้นโดยอิงข้อมูลจากหน่วยงาน หรือผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องstd47620• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยInfodemic: การแพร่ระบาดของข้อมูลเท็จในวิกฤติ 'โควิด-19'Infodemic: การแพร่ระบาดของข้อมูลเท็จในวิกฤติโควิด-19 กับมาตรการจัดการข่าวลวงของแต่ละประเทศ ในขณะที่เชื้อโคโรนาไวรัส 2019 หรือโรคโควิด-19 กำลังแพร่ระบาดใน 180 ประเทศทั่วโลก รัฐบาลต้องประสบกับการแพร่กระจายของข่าวลวง (Fake news) และข่าวลือ (Rumor) ที่สร้างความตระหนก และความสับสน รวมทั้งเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ปรากฏการณ์นี้เรียกกันว่า “การแพร่ระบาดของข้อมูล” หรือ “Infodemic” ซึ่งพบทั้งข้อมูลเท็จที่ปล่อยมาอย่างตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ (Misinformation) ได้แก่ ข่าวลือและข่าวเล่นตลกซึ่งผู้ปล่อยไม่มีเจตนาสร้างความเสียหาย และข่าวบิดเบือนที่ปล่อยอย่างตั้งใจ (Disinformation) เช่น ข้อมูลให้ร้าย โฆษณาชวนเชื่อ หรือข่าวลวงที่ตั้งใจก่อให้เกิดความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นใน Facebook, Instagram, Youtube, Whatsapp ไปจนถึง Line ต่างพบว่าข้อมูลเท็จในหลายโพสต์มียอดเอ็นเกจเมนท์สูงกว่าข้อมูลถูกต้อง ที่มาจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และภาครัฐเสียอีก Infodemic สร้างความกังวลให้กับรัฐบาลและองค์กรนานาชาติต่างๆ รวมทั้งองค์การอนามัยโลก (World Health Organization) ซึ่งต้องรีบออกแก้ไขข้อมูลเท็จในหน้าเว็บ Myth Busters และยังส่งตัวแทนเข้าหารือกับบริษัทโซเชียลมีเดียและสื่อดิจิตัลต่างๆ รวมทั้ง Facebook, Pinterest และ Amazon เพื่อขอความร่วมมือในการลบข้อมูลเท็จหรือสินค้าปลอมที่เกี่ยวข้องกับเชื้อโควิด-19 แม้ว่าบริษัทเหล่านั้นจะรีบออกนโยบายจัดการกับข้อมูลเท็จในทันที แต่ก็ไม่สามารถเก็บล้างได้หมด ร้อนถึงรัฐบาลในแต่ละประเทศ ที่ต่างต้องออกมาตรการออกมาจัดการกับข้อมูลเท็จเพื่อมิให้สร้างความสับสนต่อสาธารณะ รวมทั้งกระทบต่อความเชื่อมั่นการทำงานของรัฐบาลในการระงับการระบาดของโรคโควิด-19std47620• 1 ปีที่แล้ว