กรมอุตุนิยมวิทยา ยืนยัน ไม่เป็นความจริง "พายุหอยหมี" จ่อถล่มไทย 9-13 พ.ค. 68 ตามที่มีการแชร์ผ่านโลกโซเชียล ดังนั้นขอประชาชน ติดตามข่าวสารได้จากกรมอุตุนิยมวิทยา เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2568 เพจ “กรมอุตุนิยมวิทยา” โพสต์ชี้แจงข้อเท็จจริง หลังโลกออนไลน์ ได้ทำการเผยเเพร่ภาพถ่ายดาวเทียมพร้อมข้อความว่า "โทษน้า พายุเข้าเตือนภัยเนี่ย" เเละ พายุหอยหมี 9-13 พ.ค. 68 นั้น ล่าสุด “กรมอุตุนิยมวิทยาขอชี้แจงว่าข้อความดังกล่าวเป็นเท็จ (Fake News) 9-13 พ.ค. 68 ยังไม่มีพายุที่ก่อตัวใกล้ประเทศไทย และไม่มีรายชื่อตามตารางการเรียกชื่อพายุดังกล่าว ดังนั้น อย่าได้ตื่นตระหนกกับข้อความดังกล่าว ขอให้ตรวจสอบข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาหรือหน่วยงานราชการเท่านั้น ขอให้งดการส่งต่อข้อความดังกล่าว ผู้เผยเเพร่หรือส่งต่อข้อความ อาจมีความผิดตามกฎหมาย

จากกรณีที่มีข่าวเรื่อง SCB เก็บค่าธรรมเนียมการโอนเงินต่างธนาคาร 5 บาท โดยเริ่ม 7 มิถุนายนนั้น ธนาคารไทยพาณิชย์ขอเรียนชี้แจงว่า ค่าธรรมเนียมดังกล่าว สำหรับลูกค้านิติบุคคลที่ใช้บริการ SCB Business Anywhere เท่านั้น ลูกค้าบุคคลหรือผู้ใช้บริการแอป SCB EASY ไม่เสียค่าธรรมเนียมการโอนเงินแต่อย่างใด ชี้แจงเพิ่มเติม: ข้อมูลที่ถูกเผยแพร่เป็นการแจ้งอัตราค่าธรรมเนียมของบริการ SCB Business Anywhere ล่วงหน้าไปยังกลุ่มลูกค้านิติบุคคลที่สมัครใหม่ ซึ่งเป็นการแจ้งล่วงหน้าก่อนที่จะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามหลักเกณฑ์ทางการที่เกี่ยวข้อง โดยไม่มีผลกระทบกับลูกค้าปัจจุบันแต่อย่างใด ธนาคารขอเรียนให้ทราบว่าลูกค้านิติบุคคลปัจจุบันของธนาคารไทยพาณิชย์ จะยังคงได้รับเงื่อนไขและอัตราค่าธรรมเนียมตามสัญญาเดิมโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น หากมีการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าธรรมเนียม ธนาคารจะแจ้งให้ทราบในลำดับต่อไป สอบถามเพิ่มเติม ได้ที่ SCB Business Call Center 02-722-2222

โควิดรอบใหม่ร้ายแรง? ชัวร์หรือมั่ว! ไขข้อเท็จจริงกับโคแฟคสนทนา รวมพลคนเช็กข่าว ระบาดรอบใหม่ร้ายแรงไม่เป็นความจริง เทียบกับปีที่แล้วสถิติปีนี้น้อยกว่า 7 เท่า เป็นโรคประจำถิ่น เหมือนไข้หวัด ไม่รุนแรงเหมือนเดิม ความรุนแรงขึ้นกับบุคคล แต่ก็ควร ระวังตัวเองล้างมือใส่แมส โดยเฉพาะกลุ่ม 608 คือผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว และคนท้อง https://www.facebook.com/share/p/1EgchWeHa2/

ตามบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ. 2556 ระบุถึงสรรพคุณของยาเขียวหอมว่า ใช้บรรเทาอาการไข้ ร้อนในกระหายน้ำ บรรเทาอาการไข้จากหัดและอีสุกอีใส ถึงแม้ว่ายาเขียวหอมจะสามารถลดไข้ได้ แต่ไม่สามารถใช้รักษาโรคโควิด–19 ได้ เพราะโรคโควิด–19 ทำให้เกิดโรคทางระบบทางเดินหายใจ ตั้งแต่อาการน้อยไปจนถึงอาการโรคที่มีความรุนแรง ไม่ได้มีเพียงอาการไข้เพียงอย่างเดียว ดังนั้น ไม่ต้องรีบไปหาซื้อมากิน นอกจากจะเปลืองเงินแล้ว อาการของโรคก็ไม่หายจนอาจทำให้เกิดอันตรายจนถึงชีวิตได้

ตามที่มีการส่งต่อคลิปเสียงในสื่อสังคมโซเชียลมีเดีย ความยาว 3.55 นาที “โดยกล่าวอ้างว่าเป็นเสียงของคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ขอความร่วมมือเกี่ยวกับโควิด อีกทั้งพูดถึงยาเขียวและยาขม” จากการตรวจสอบพบว่า ไม่ใช่เสียงของคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล จึงขอความร่วมมือทุกท่านกรุณาอย่าแชร์ อย่าโพสต์คลิปเสียงผ่านสื่อโซเชียลต่อไป

ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคหัดในสหรัฐอเมริกา มีข่าวปลอมเกี่ยวกับโรคหัดและวัคซีนป้องกันโรคหัดเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยอ้างว่าสิ่งที่ต้องกังวลในช่วงการระบาดของโรคหัดไม่ใช่การติดเชื้อไวรัสโรคหัด แต่เป็นการฉีดวัคซีน MMR เนื่องจากอาการข้างเคียงจากวัคซีนมีความรุนแรงมากกว่าอาการจากการป่วยด้วยโรคหัด พร้อมอ้างว่าครั้งสุดท้ายที่ชาวอเมริกันเสียชีวิตจากโรคหัดเมื่อปี 2015 เกิดขึ้นกับผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดอีกด้วย

มีข้อมูลสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับประโยชน์ของฟลูออไรด์ต่อสุขภาพฟันเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในสหรัฐฯ โดยอ้างว่ายาสีฟันผสมฟลูออไรด์ไม่ปลอดภัย เพราะมีคำเตือนให้ระวังการใช้สำหรับเด็ก ส่วนขนาดที่ใช้สำหรับผู้ใหญ่ซึ่งมีปริมาณฟลูออไรด์ถึง 5,000 ppm เพิ่มความเสี่ยงโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์ โดยการทดลองพบว่า ฟลูออไรด์ปริมาณสูงทำให้หนูทดลองเสียชีวิตมาแล้ว 1.ปริมาณฟลูออไรด์ที่เผลอกลืนจากการแปรงฟันในแต่ละวัน ไม่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพ 2.ยาสีฟันปริมาณฟลูออไรด์ 5000 ppm ใช้สำหรับผู้ป่วยฟันผุรากฟันเท่านั้น 3.ไม่มีงานวิจัยเชื่อมโยงฟลูออไรด์กับอาการสมองเสื่อม

มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับทฤษฎีโลกแบนเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยอ้างว่าแนวคิดโลกกลมเป็นสิ่งที่ขัดต่อสามัญสำนึก เพราะหากเป็นจริงคนที่อยู่ในเมืองที่อยู่ฝั่งด้านใต้โลกจะต้องอยู่กันอย่างห้อยหัวลง และที่ผ่านมายังไม่มีภาพถ่ายจากอวกาศยืนยันว่ามีเมืองที่คนห้อยหัวลงมาก่อน บทสรุป : 1.ในอวกาศไม่มี การตั้ง หรือ การดิ่ง 2.การตั้งคือการอยู่ในทิศทางตรงกันข้ามกับแรงโน้มถ่วง ส่วนการดิ่งคือการไปในทิศทางเดียวกับแรงโน้มถ่วง 3.ไม่มีภาพเมืองแนวห้อยหัวเพราะกล้องซูมจากอวกาศไม่ถึงพื้นโลก

มติคณะรัฐมนตรีที่สำคัญ เห็นชอบตามที่ ศธ. เสนอพิจารณาอนุมัติการปรับเพิ่มค่าตอบแทนครูและค่าบริหารจัดการสำหรับโรงเรียนเอกชนในระบบและนอกระบบที่สอนศาสนาอิสลามใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีรายละเอียดการปรับเพิ่ม ดังนี้ 1. ตาดีกา เพิ่มอัตราค่าตอบแทนครูศาสนาจาก 3,000 บาท เป็น 3,500 บาท และเพิ่มอัตราค่าบริหารจัดการจาก 2,000 บาท เป็น 3,000 บาท 2. สถานศึกษาปอเนาะ โต๊ะครู และผู้ช่วยครู เพิ่มอัตราค่าตอบแทนจาก 2,000 บาท เป็น 3,500-4,000 บาท และเพิ่มอัตราค่าบริหารจัดการจาก 1,000 บาท เป็น 3,000 บาท 3. โรงเรียนเอกชนในระบบที่สอนศาสนาอิสลาม เพิ่มอัตราค่าตอบแทนครูสอนศาสนา จาก 2,000 บาท เป็น 3,500 บาท โดยอัตราค่าบริหารจัดการจะยังคงหลักการเดิมที่ไม่เคยได้รับการจัดสรร 4. โรงเรียนเอกชนนอกระบบที่สอนศาสนาอิสลาม เพิ่มอัตราค่าตอบแทนครูสอนศาสนา จาก 2,000 บาท เป็น 3,500 บาท และเพิ่มอัตราค่าบริหารจัดการจาก 1,000 บาท เป็น 3,000 บาท โดยการปรับเพิ่มค่าตอบแทนและค่าบริหารจัดการครั้งนี้ใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้น 169 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะขอรับการจัดสรรจากงบประมาณปี 2569 เป็นต้นไป เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีลักษณะพิเศษและมีความละเอียดอ่อน โดยมีเป้าหมายในการให้ความเป็นธรรมและเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้เกิดสันติสุขและสมานฉันท์ในสังคม

สำนักนายกรัฐมนตรี ประกาศใช้ ราชกิจจานุเบกษากำหนดวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2568 ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป โดยผ่อนคลายให้สามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ใน 5 วันพระใหญ่ ได้แก่ วันมาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา และวันออกพรรษา ให้สามารถขายได้ใน 5 กรณีดังนี้ 1.การขายในอาคารที่ให้บริการแก่ผู้โดยสารภายในสนามบินที่ให้บินการเที่ยวบินระหว่างประเทศ 2.การขายในสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ 3.การขายในสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานสถานบริการ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่หรือแหล่งที่เป็นบริเวณที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด โดยคำแนะนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 4.การขายในโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม 5.การขายในสถานที่ซึ่งใช้จัดกิจกรรมพิเศษระดับชาติหรือนานาชาติ และมีคนจำนวนมากไปทำกิจกรรมร่วมกันตามรายชื่อสถานที่ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด โดยคำแนะนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในส่วนของพื้นที่อื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ ยังคงการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เช่นเดิม

❓ เนื้อหาที่ตรวจสอบ: ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะไม่ให้คนจีนมาเที่ยวไทย-ซื้อสินค้าไทย ถ้ารัฐบาลไทยยังยืนยันจะเปิด #กาสิโน 📝 เนื้อหาโดยสรุป: ตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย. 68 จนถึงขณะนี้ มีข้อความที่ส่งต่อกันในแอปพลิเคชัน LINE ระบุว่า “กราบขอบพระคุณท่านประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่ประกาศออกมาแล้วว่าถ้ารัฐบาลไทยยังยืนยันจะเปิดกาสิโนและพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย จีนจะไม่ให้คนจีนมาเที่ยวเมืองไทยและจะไม่ซื้อสินค้าไทย” ❌ ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง: **เนื้อหาเป็นเท็จ** กระทรวงการต่างประเทศยืนยันกับโคแฟคว่านายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดี แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ไม่เคยประกาศต่อสาธารณะด้วยข้อความดังกล่าว โคแฟคตรวจสอบเพิ่มเติมจากการรายงานข่าวของทั้งสื่อไทยและต่างประเทศ ไม่พบสื่อใดรายงานว่าประธานาธิบดีสีประกาศต่อสาธารณะว่าจะไม่ให้คนจีนมาเที่ยวไทยหรือซื้อสินค้าไทย อย่างไรก็ตาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 68 เปิดเผยว่าประธานาธิบดีสีได้สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในการพบปะกันระหว่างที่นายกฯ เดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการเมื่อ 5-8 ก.พ. 68 “ท่านประธานาธิบดีถามถึงเรื่องนี้ ก็ได้เล่าให้ฟัง ท่านก็บอกว่าถ้ามีกาสิโน อาจเกิดเรื่องอย่างนั้นอย่างนี้ขึ้นได้ เราก็บอกว่ายินดีรับฟังความคิดเห็นของจีนแน่นอน ด้วยความที่ท่านมีประสบการณ์มากกว่าดิฉัน พวกเราจะเอาคอมเมนต์จากท่านไปดำเนินการศึกษาต่อ ท่านก็พูดว่ากาสิโนมีข้อดีข้อเสียงยังไงบ้าง” น.ส.แพทองธารกล่าว #วันนี้โคแฟคFactCheckอะไร

“กาแฟ” ไม่ได้มีส่วนทำให้ไขมันพอกตับ องค์ประกอบที่ใส่ในกาแฟส้มต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาล น้ำผลไม้ หรือน้ำหวานต่าง ๆ ที่อาจจะก่อให้เกิดไขมันพอกตับและตับอักเสบขึ้นได้ องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้บริโภคน้ำตาลไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา หรือประมาณ 24 กรัม เท่านั้น “น้ำตาล” เป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่งที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย โดยน้ำตาล 1 กรัม ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี แต่คนไทยบริโภคน้ำตาลสูงถึง 25 ช้อนชาต่อวัน (ประมาณ 100 กรัมต่อวัน) โดยเฉลี่ยแล้ว น้ำหวาน 1 แก้ว ที่ดื่มกันบ่อย ๆ มีน้ำตาลมากกว่า 6 ช้อนชา ดังนั้น ถ้าต้องการดื่มก็ควรสั่ง “หวานน้อย” และ/หรือ ไม่ควรเกิน 2 ช้อนชาต่อ 1 แก้ว หลีกเลี่ยงน้ำตาล ใช้น้ำตาลเทียมและสารให้ความหวาน ช่วยได้หรือไม่ ? มีการศึกษาเรื่อง “น้ำตาลเทียม” และ “สารให้ความหวานที่ไม่ได้ให้พลังงาน” พบว่า มีความสัมพันธ์กับการอักเสบที่ตับได้ ดังนั้น การได้รับน้ำตาลเทียมมากเกินไป ถึงแม้ว่าพลังงานจะน้อยก็ตาม แต่ก็เกิดการอักเสบที่ตับได้ รวมถึงไปก่อกวนจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหารที่ดี และการเสียสมดุลของแบคทีเรียในระบบทางเดินอาหารจากน้ำตาลเทียม

ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า สัณฐานของโลกไม่ได้มีรูปทรงแบนหรือมีลักษณะเป็นชามตามที่กล่าวอ้าง โดยสิ่งที่ดึงน้ำในมหาสมุทรเอาไว้บนผิวโลก ก็คือแรงที่เรียกว่าแรงโน้มถ่วง (Gravity) ของโลกนั่นเอง แรงโน้มถ่วง ยังเป็นสาเหตุให้โลกมีสัณฐานเป็นทรงกลม จากการดึงดูดสรรพสิ่งไปยังศูนย์กลางของโลก นอกจากนี้ ไม่ใช่พื้นดินทุกส่วนบนโลกจะอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลตามที่กล่าวอ้าง ประเทศเนเธอร์แลนด์มีพื้นที่ 26% ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล โดยจุดต่ำที่สุดอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 7 เมตร ยิ่งไปกว่านั้น ระดับน้ำทะเลในแต่ละที่ของโลกยังมีความแตกต่างกันเพราะแรงโน้มถ่วงที่ต่างกันอีกด้วย ระดับน้ำทะเลแต่ละแห่งของโลกมีความแตกต่างกัน เพราะโลกไม่ได้มีสัณฐานเป็นทรงกลมสมบูรณ์ ความแตกต่างของพื้นผิวของโลกในแต่ละแห่ง ส่งผลให้แรงโน้มถ่วงของโลกที่ไม่เท่ากัน (Gravity Anomaly) ทำให้ระดับน้ำทะเลในแต่ละแห่งมีความแตกต่างกัน นักวิทยาศาสตร์สามารถวัดระดับน้ำทะเลด้วยการส่งสัญญาณเรดาร์มาจากดาวเทียม และวัดระดับน้ำทะเลจากระยะเวลาที่สัญญาณเรดาร์สะท้อนกลับมาจากผิวน้ำ ในบางพื้นที่ที่แรงโน้มถ่วงของโลกมีกำลังอ่อน ทำน้ำทะเลในบริเวณดังกล่าวมีระดับต่ำกว่าที่อื่น ๆ บนโลก เช่น บริเวณคาบสมุทรอินเดียซึ่งเป็นบริเวณที่แรงโน้มถ่วงกำลังอ่อนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ส่งผลให้พื้นที่ในคาบสมุทรอินเดียกว่า 3 ล้านตารางกิโลเมตรมีระดับน้ำทะเลต่ำกว่าระดับปกติ โดยคิดเป็นพื้นที่เกือบเท่ากับขนาดของอินเดียทั้งประเทศ

จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 10.00 น. ต่อเนื่อง 4 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 18.30 น. ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้าน บ้านร่มฟ้าผาหม่น หมู่ 15 และบ้านผาตั้ง หมู่ 14 ตำบลปอ ว่า ได้ยินเสียงคล้ายเสียงปืนขึ้นเป็นระยะ ๆ ดังขึ้นทางฝั่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และดังขึ้นอีกหลายครั้งเป็นห้วง ๆ และยังได้รับแจ้งจากประชาชนว่า มีหัวลูกกระสุนปืนไม่ทราบขนาดตกลงใส่หลังคาบ้านได้รับความเสียหาย เพิ่มอีกจำนวน 1 หลัง และได้ประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ได้ติดตามข่าวสารการแจ้งเตือนของเจ้าหน้าที่ และหากไม่มีความจำเป็นขอให้งดการทำกิจกรรมในพื้นที่บริเวณตามแนวชายแดนเพื่อความปลอดภัย และขอให้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้น จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไปเที่ยวชมจุดชมวิวภูชี้ฟ้า (ชายแดนไทย-สปป.ลาว) ท้องที่ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น และตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย จึงขอประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวจุดชมวิวภูชี้ฟ้า อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า (เตรียมการ) เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่า ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านก่อนฤดูฝน (Pre-Southwest Monsoon) เนื่องจากช่วงนี้ลมเริ่มเปลี่ยนทิศทางจากลมตะวันออกเฉียงใต้เป็นลมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้ความชื้นในอากาศสูงขึ้น และจะมีฝนตกกระจายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะทางตอนบนของประเทศ คาดว่าฤดูฝนปีนี้จะเริ่มต้นประมาณสัปดาห์ที่ 3 หรือ 4 ของเดือนพฤษภาคม ในช่วงเปลี่ยนผ่านฤดูแบบนี้ อาจเกิดพายุฝนฟ้าคะนองขึ้นได้

VISA Thailand ได้ขยายบริการสำหรับผู้ที่มีบัตรเครดิตวีซ่า ให้สามารถชำระเงินด้วยการสแกนจ่ายผ่าน ‘QR Credit’ ได้แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องพกบัตรตัวจริง และสามารถใช้งานผ่านแอปฯ ของสถาบันการเงินได้โดยตรง วีซ่าได้ร่วมมือกับสถาบันการเงินชั้นนำของประเทศไทย ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารไทยพาณิชย์ บัตรเครดิตกรุงศรี บัตรกรุงไทย กรุงศรีเฟิร์สชอยส์ CardX และอิออน โดยคาดว่าจะอำนวยสะดวกได้ดีขึ้น

"GB/T 20810 คือ มาตรฐาน กระดาษชำระในห้องน้ำ , GB/T 20808 คือ มาตรฐาน กระดาษทิชชู่ทั่วไป" ของประเทศจีน (แค่นั้นครับ) ถามกันมาใหญ่เลย เรื่องที่มีคนโพสต์ขอความเตือนภัยเกี่ยวกับ "กระดาษทิชชู่" ว่ากระดาษทิชชู ที่มันราคาถูกและขายดี คือกระดาษทิชชูที่เค้าใช้แล้ว และนำกลับมารีไซเคิลและฟอกขาว ไม่เหมาะจะนำมาเช็ดปากเช็ดมือหรือนำมาสัมผัสกับผิว แต่เหมาะกับการเช็ดโต๊ะเช็ดสิ่งของที่เปื้อน ....โดยให้ดูเลขรหัสบนซอง ถ้าลงท้ายด้วย 810 คือกระดาษทิชชูที่นำกลับมารีไซเคิล / ถ้าลงท้ายด้วย 808 จะใช้เช็ดปากเช็ดผิวหรือร่างกายได้ !? ใจเย็นๆ ครับ ค่อยๆ ฟังคำอธิบาย (ด้านล่าง) นี้ก่อน ... ก่อนจะแตกตื่นกันโดยใช่เหตุ .. ถึงมันจะมีเลข 810 มันก็ไม่ได้จะทำจาก "กระดาษทิชชู่ที่ใช้แล้ว" นะครับ #เลขรหัส810/808นี้คืออะไรกันแน่ ? ข้อความที่แชร์กันเตือนเรื่องให้ดูเลขรหัส 810 หรือ 808 บนซองกระดาษทิชชู่นั้น จริงๆ แล้วมาจากตัวรหัสเต็มๆ คือ GB/T 20810-2018 และ GB/T 20808-2022 ซึ่งมันคือเลขรหัส ตามมาตรฐานอุตสาหกรรมของประเทศจีน ที่เรียกว่า GuoBiao Standards (หรือ GB standards) โดยประเทศจีนได้กำหนดมาตรฐานไว้ 2 ขั้น คือ ขั้นบังคับ (Mandatory) ตามที่กฎหมายบังคับให้ทำตามเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของมนุษย์ และขั้นแนะนำ (Recommended) ซึ่งเป็นข้อกำหนด ที่ไม่ได้มีการบังคับด้วยกฏหมาย โดยสามารถดูได้จากตัวรหัส ถ้าขึ้นต้นด้วย "GB" จะเป็นมาตรฐานบังคับ แต่ถ้าเป็น GB/T จะเป็นมาตรฐานแนะนำ (ข้อมูลจาก https://www.gbstandards.org/index.asp) และเมื่อเราเข้าไปตรวจสอบเลขรหัส GB standards แล้ว จะพบว่า GB/T 20810-2018 เป็นมาตรฐานของ กระดาษชำระในห้องน้ำ Toilet tissue paper (including toilet tissue base paper) ขณะที่ GB/T 20808-2022 เป็นมาตรฐานของ กระดาษทิชชู่ทั่วไป tissue (เลข 2018 และ 2022 เป็นปี ค.ศ. ที่ปรับปรุงมาตรฐานนั้นล่าสุด) สำหรับมาตรฐาน GB/T 20808 นั้น ก่อนนี้ เคยระบุว่าเป็น กระดาษทิชชู่สำหรับใบหน้า Facial tissue (GB/T 20808-2011) และ ทิชชู่ม้วนไว้สำหรับเช็ดของเปียก Toweling paper (including wet wipes) (GB/T 20808-2006) ซื่งมาตรฐานเหล่านี้ จะมีเอกสารระบุอย่างละเอียดถึงข้อกำหนดต่างๆ ตั้งแต่วัตถุดิบ คุณสมบัติ ไปจนถึงระดับการอนุญาตให้มีสารต่างๆ ปนเปื้อน ถ้าใครสนใจดูรายละเอียด สามารถจ่ายเงินเข้าไปดาวน์โหลดไฟล์ pdf ที่มีข้อมูลของมาตรฐานทั้งหมด มาดูได้ครับ (เป็นภาษาอังกฤษ) สำหรับประเทศไทยเราเอง ก็มีเลขรหัสมาตรฐานสำหรับกระดาษทิชชู่แบบต่างๆ มอก 214-2560 สำหรับกระดาษชำระ , มอก 215-2560 สำหรับกระดาษเช็ดหน้า , มอก 239 กระดาษเช็ดมือ , มอก 240 กระดาษเช็ดปาก และ มอก 2925 กระดาษอเนกประสงค์ (จาก https://www.chemihouse.com/การทดสอบกระดาษทิชชู่ตา) #ความแตกต่างระหว่างกระดาษทิชชู่ตามมาตรฐานGB/T20810และGB/T20808 ตามที่เขียนมาข้างต้น ถ้ากระดาษทิชชู่จากประเทศจีน ห่อไหน บอกว่าผลิตตามมาตรฐาน GB/T 20810-2018 แสดงว่ามันผลิตบนมาตรฐานสำหรับ "กระดาษชำระในห้องน้ำ" และถ้าเขียนว่าผลิตตามมาตรฐาน GB/T 20808-2022 แสดงว่ามันใช้มาตรฐานสำหรับ "กระดาษทิชชู่ทั่วไป" ซึ่งแน่นอนว่าการนำไปใช้งานก็จะต่างกันด้วย คือ กระดาษชำระในห้องน้ำ ก็ไม่ได้จะมีคุณสมบัติสูง เท่ากับกระดาษที่ทำมาสำหรับเช็ดมือ เช็ดปาก เช็ดหน้า โดยเฉพาะในแง่ของมาตรฐานสุขอนามัย (hygiene standards) โดยตามมาตรฐานของประเทศจีนนั้น กระดาษทิชชู่ทั่วไป จะผลิตจากเยื่อกระดาษชนิด "เยื่อบริสุทธฺ์ (Virgin Pulp)" เท่านั้น ไม่อนุญาตให้ใช้เยื่อกระดาษชนิด "เยื่อเวียนใหม่ (Recycled Pulp)" ... ในขณะที่ กระดาษชำระในห้องน้ำ สามารถใช้เยื่อเวียนใหม่ เป็นวัตถุดิบในการผลิตได้ เยื่อกระดาษที่เป็น “เยื่อบริสุทธิ์” จะเป็นเยื่อใหม่ 100 % ทำให้เนื้อกระดาษมีสัมผัสนุ่มละมุน มักนำไปทำกระดาษเช็ดหน้า และไม่มีสารเรืองแสงตกค้าง / ในขณะที่ "เยื่อเวียนใหม่ หรือเยื่อรีไซเคิล" จะทำมาจากกระดาษที่ใช้งานแล้ว เช่น กระดาษหนังสือพิมพ์ นิตยสาร กระดาษพิมพ์เขียน หรือกล่องกระดาษ เอากำจัดหมึกออกและขึ้นรูปใหม่ จึงมีสีขาวขุ่น ผิวขรุขระ มีคุณภาพต่ำลงและราคาถูก รวมถึงมีสารเรืองแสงหรือสารฟอกนวลตกค้าง นอกจากนี้ ยังมีเยื่อกระดาษชนิด "เยื่อผสม” ที่เอาทั้งเยื่อบริสุทธิ์และเยื่อรีไซเคิลมาผสมกัน ก่อนนำไปผลิตเป็นกระดาษทิชชู ทำให้มีคุณภาพดีกว่า กระดาษทิชชูที่ทำจากเยื่อรีไซเคิล 100 % แต่ส่วนใหญ่จะมีสารเรืองแสงตกค้าง เพราะมีส่วนผสมของเยื่อรีไซเคิล ดังนั้น กระดาษทิชชู่ที่ผลิตต่างมาตรฐานกัน อย่าง มาตรฐาน GB/T 20810 และ GB/T 20808 ก็จะมีทั้งวัตถุดิบที่ต่างกัน มีคุณสมบัติที่ต่างกัน รวมทั้งสารปนเปื้อนด้วย ซึ่งก็ควารนำมาพิจารณาในการเลือกซื้อเลือกใช้ ตัวอย่างเช่น กระดาษทิชชู่มาตรฐาน GB/T 20808 ก็จะไม่มีพวกสารเรืองแสง (Fluorescent agent) ปนอยู่เลยเนื่องจากใช้เยื่อกระดาษใหม่ และจะความขาว ความสว่าง ต่ำกว่าด้วย เนื่องจากไม่ได้เติมสารเรืองแสงลงไป หรืออย่างสารอาครีลาไมด์ตกค้าง (Acrylamide monomer residue) ซึ่งทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิวและดวงตา รวมถึงอาการแพ้ได้ ก็จะถูกควบคุมให้มีปริมาณน้อยกว่าหรือเท่ากับ 0.5 มิลลิกรัม/กิโลกรัมกระดาษ กระดาษทิชชู่ยังถูกควบคุมเรื่องสุขอนามัยอีกด้วย ซึ่งมีการกำหนดเอาไว้อย่างเข้มงวดถึงประมาณจำนวนโคโลนีทั่วหมดของเชื้อแบคทีเรียบนกระดาษ ... ซึ่งถ้าซื้อกระดาษจากประเทศจีน จะเห็นเลขรหัส GB15979-2002 อีกตัวด้วย (เพิ่มจาก GB/T 20808 ) ซึ่งก็คือ มาตรฐานสุขอนามัยของผลิตภัณฑ์อนามัยที่ใช้แล้วทิ้ง " Hygiene Standards for Disposable Hygiene Products" ซึ่งกำหนดให้มีเชือจุลินทรีย์ได้ไม่เกิน 200 cfu/กรัม ขณะที่กระดาษชำระในห้องน้ำ จะมีได้ไม่เกิน 600 cfu/กรัม (จาก https://j.021east.com/p/1645263548040780) #สรุป เรื่องเลข 810/808 บนกระดาษทิชชู่นั้น เป็นแค่รหัสมาตรฐานอุตสาหกรรมของประเทศจีน ใช้พิจารณากับกระดาษทิชชู่จากจีนเท่านั้น โดยถ้ามีเลข 808 จะหมายถึงกระดาษทิชชู่ทั่วไป ขณะที่ 810 จะหมายถึงกระดาษชำระในห้องน้ำ ซึ่งคุณภาพและความสะอาดจะต่ำกว่า มีสารเจือปนได้มากกว่า (แต่ไม่ใช่ว่า เอากระดาษชำระที่ใช้แล้ว มารีไซเคิลทำนะครับ) แถมเรื่อง "วิธีการเลือกซื้อกระดาษทิชชู่ให้เหมาะสม" - ควรเลือกซื้อกระดาษทิชชู่ชนิดต่างๆ ตามลักษณะงานที่จะใช้ ไม่ใช่เลือกเพราะราคาถูก และควรเลือกยี่ห้อที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี - สังเกตรายละเอียดของผลิตภัณฑ์จากฉลาก พิจารณาถึงวัตถุดิบ วิธีการผลิต และระดับความพรีเมียม ของสินค้า - กระดาษทิชชู่ที่ดี เนื้อต้องนุ่มละเอียด เวลาลองถูแล้ว ไม่มีเศษผง ขุยกระดาษ หรือผงแป้งออกมา ลองทดสอบความเหนียวของเนื้อกระดาษ โดยการใช้มือจับกระดาษแล้วลองดึงดูว่าขาดง่ายหรือไม่ - ลองดมกลิ่นของกระดาษ ซึ่งต้องไม่ได้กลิ่นของสารเคมีปนมาด้วย (ถ้าเป็นไปได้ จึงไม่ควรซื้อกระดาษทิชชู่ที่ใส่กลิ่นหอมมากลบ) และเวลานำไปเช็ดปาก ต้องไม่ได้รสชาติอะไรปนมา ซึ่งอาจมาจากสารเคมีปนเปื้อน

งดเหล้า ได้ช่วยคุณประหยัดเงิน ข้อมูลมาจาก แนวหน้า

แหล่งที่มาจาก tiktok ว่าต้อง รณรงค์ ให้เหล้าเท่ากับแช่ง ของ สสส. จริง เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา

...

ข้อความลวงให้กดลิงก์เข้ากลุ่มที่ไม่ได้เกี่ยวไรด้วยเลย

โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึง ภาระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ดังนี้ 1. หนี้ค่าจ้างติดตั้งงานระบบเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) หรือE&M ส่วนต่อขยาย 2 จำนวนเงิน 23,000 ล้านบาท ทางกทม. ชำระให้กับบริษัทกรุงเทพธนาคมแล้ว โดยใช้งบเพิ่มเติมปี 2567 และโอนกรรมสิทธิ์งานระบบเป็นของ กทม. แล้ว 2. หนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง หรือ O&M ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ที่ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ส่วนแรก หนี้ที่เกิดจาก BTS ฟ้องครั้งที่ 1 ส่วนต่อขยาย 1 เดินรถ พ.ค. 62 - พ.ค. 64 และส่วนต่อขยาย 2 เดินรถ เม.ย. 2560 – พ.ค. 2564 จำนวนเงิน 14,476 ล้านบาท กทม. ได้ชำระให้สำนักงานบังคับคดี สำนักงานศาลปกครองแล้ว เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2567 ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2567 ส่วนที่สอง หนี้ที่เกิดจาก BTS ฟ้องร้องครั้งที่ 2 ส่วนต่อขยาย 1 และ 2 เดินรถ มิ.ย. 2564 – ต.ค. 2565 กทม. ค้างชำระจำนวนเงิน 12,245 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลปกครอง ส่วนที่สาม หนี้หลังจากฟ้องร้องครั้งที่ 2 ประมาณ 25,000 ล้านบาท อยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางการชำระเงิน เนื่องจากมีประเด็นของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด โดยมีการสอบถามไปยัง ป.ป.ช. และอัยการสูงสุด แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป จึงยังไม่สามารถดำเนินการจ่ายเงินได้

มีการเผยแพร่ข้อมูลบนสื่อออนไลน์ว่า “มีชาวจีนจำนวนมากใช้วีซ่านักศึกษา ต่อวีซ่าที่ ตม. แล้วกระจายเข้าทำงานตามไซต์งานทั่วประเทศ โดยจ่ายหัวละ 10,000 บาท” ทำให้เกิดความตื่นตระหนกในสังคม สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว พบว่า แรงงานจีนในบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ได้รับอนุญาตให้ทำงานตามกฎหมาย ไซต์งานศาลมีนบุรี ไม่พบแรงงานจีน ตามที่เป็นข่าว ขณะนี้ ยังไม่พบหลักฐาน ว่ามีการใช้วีซ่านักศึกษาไปทำงานตามไซต์ต่าง ๆ ทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม สตม. ยังเดินหน้าตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการใช้วีซ่าผิดประเภท

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ ผู้ประกอบธุรกิจ Non-bank ที่เป็นกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ และ ผู้ประกอบธุรกิจ Non-bank อื่น ๆ ออกมาตรการชั่วคราวภายใต้ชื่อโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” (โครงการฯ) เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและ SMEs เฉพาะกลุ่ม นั้น ที่ผ่านมา มีลูกหนี้ทยอยสมัครเข้าร่วมโครงการฯ อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 24 เมษายน 2568 มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมแล้วทั้งสิ้น 1.6 ล้านบัญชี จากลูกหนี้ 1.3 ล้านราย โดยสถาบันการเงินได้พิจารณาคุณสมบัติของลูกหนี้ดังกล่าว และพบว่า ณ วันที่ 15 เมษายน 2568 มีลูกหนี้ลงทะเบียนที่มีคุณสมบัติเข้าข่ายร่วมโครงการฯ ได้ จำนวน 5.3 แสนราย (คิดเป็น 27% ของลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งหมด 1.9 ล้านราย) เป็นยอดหนี้ 3.85 แสนล้านบาท (คิดเป็น 43% ของยอดหนี้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งหมด 8.9 แสนล้านบาท)

ด้านกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยว่า ไนโตรซามีน เป็นกลุ่มสารเคมีโอกาสพบได้ในสิ่งแวดล้อมและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มนุษย์บริโภคหรือสัมผัส ในกุนเชียงของแต่ละผู้ผลิตมีโอกาสพบได้มากหรือไม่พบ ขึ้นอยู่กับปริมาณของสารเร่งเนื้อแดง แต่หากแหล่งผลิตได้มาตรฐาน ดำเนินการผลิตถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด จะไม่มีความเสี่ยงในการก่อมะเร็งจากสารไนโตรซามีน และในกระบวนการทำให้สุก หากไม่มั่นใจในแหล่งที่มาของกุนเชียง แล้วจำเป็นต้องนำมาประกอบอาหาร แนะนำให้หลีกเลี่ยงการทอดด้วยความร้อนที่สูงมากเป็นเวลานาน หรือใช้น้ำมันทอดซ้ำ เพื่อลดโอกาสการเกิดสารไนโตรซามีน ที่สำคัญที่สุดคือ การบริโภคแต่พอดี ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลัง พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อสุขภาพที่ดี ทั้งนี้ ไนโตรซามีน สำหรับอาหาร จะพบได้ในอาหารแปรรูป โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่ใช้ไนไตรต์และไนเตรตเป็นวัตถุเจือปนอาหารเพื่อรักษาสี และยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย เช่น ไส้กรอก เบคอน แฮม กุนเชียง รวมถึงอาหารหมักบางชนิด ปฏิกิริยาการเกิดไนโตรซามีนจะเพิ่มขึ้นเมื่อนำอาหารเหล่านี้ไปปรุงด้วยความร้อนสูง เช่น การทอด หรือ ย่าง