(1012 ข้อความ)
- 1 คนสงสัยประเทศต่อไปนี้ประกาศยกเลิกกระบวนการกักกันทั้งหมด การทดสอบโคโรนา และการฉีดวัคซีนภาคบังคับ และพิจารณาว่าโคโรนาเป็นเพียงไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล: 1) ตุรกี 🇹🇷 2) บราซิล 🇧🇷 3) สหราชอาณาจักร 🇬🇧 4) สวีเดน 🇸🇪 5) สเปน 🇪🇸 6) สาธารณรัฐเช็ก 🇨🇿 7) เม็กซิโก 🇲🇽 8) เอลซัลวาดอร์ 🇸🇻 9) ญี่ปุ่น 🇯🇵 10) สิงคโปร์ 🇸🇬 : จุดจบของไวรัสโคโรน่าด้วยการป้องกันแบบเยอรมันนี นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันประกาศหลังจากการศึกษาหลายครั้งว่า ไวรัสโคโรน่าไม่เพียงแต่แพร่พันธุ์ในปอดเหมือนไวรัสซาร์สในปี 2545 แต่ยังแพร่กระจายอย่างกว้างขวางในลำคอในช่วงสัปดาห์แรกของการติดเชื้อ นักวิทยาศาสตร์ได้แนะนำให้นายกรัฐมนตรีเยอรมนีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขสั่งให้พวกเขาทำภารกิจง่ายๆ หลายๆ ครั้งต่อวัน ซึ่งก็คือการกลั้วคอด้วยสารละลาย Abmonak แบบกึ่งร้อน พวกเขาเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการทำเช่นนี้มานานแล้ว และหลังจากผลการทดลองที่ดำเนินการโดยนักชีววิทยาชาวเยอรมันเกี่ยวกับการเพิ่มจำนวนของไวรัสโคโรน่าในลำคอ พวกเขาได้เน้นย้ำอีกครั้งถึงความจำเป็นในการกลั้วคอด้วยน้ำและเกลืออุ่นๆ .. นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันให้คำมั่นกับกระทรวงสาธารณสุขของเยอรมนีว่า หากทุกคนล้างคอวันละหลายๆ ครั้งด้วยการกลั้วคอด้วยน้ำเกลือกึ่งร้อน ไวรัสก็จะถูกกำจัดไปทั่วทั้งเยอรมนีภายในหนึ่งสัปดาห์ การทดลองแสดงให้เห็นว่าการกลั้วคอด้วยน้ำและเกลือจะทำให้คอของเรามีสภาพแวดล้อมที่เป็นด่างโดยสมบูรณ์ และสภาพแวดล้อมนี้เป็นสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายที่สุดสำหรับ coronavirus เพราะน้ำเกลือ pH ของปากจะเปลี่ยนเป็นด่าง ค่า pH และหากเรากลั้วคอวันละหลายๆ ครั้งด้วยการกลั้วคอด้วยน้ำเกลือ เกือบร้อนแล้ว เราจะไม่ให้โอกาสที่ coronavirus ทวีคูณ ทุกคนจึงจำเป็นต้องกลั้วคอด้วยน้ำเกลือกึ่งร้อนวันละหลายๆ ครั้ง โดยเฉพาะช่วงเช้า ก่อนออกจากบ้าน และหลังกลับบ้าน เพื่อไม่ให้เชื้อโคโรน่าเพิ่มจำนวนขึ้นแต่อย่างใด ในช่วงเริ่มต้นเดียวกัน ขอให้ทุกคนนำเคล็ดลับสุขภาพที่สำคัญและเรียบง่ายเหล่านี้ไปใช้ด้วยความมุ่งมั่น เมื่อบทความนี้กลายเป็นกระแสไวรัล คุณเองก็จะอยู่ในแวดวงของผู้ที่ต่อสู้กับการแพร่กระจายของ coronavirus ข่าวดี ๆ อย่างนี้ สื่อบ้านเราไม่เอามาลงหรอก กรุณาส่งให้คนที่คุณรักด้วยนะโควิด 2019ยาสมุนไพรผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้วmeter: false2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเปิดโทษนำเข้า‘กัญชา- กัญชง’ แต่ละชาติ ‘เกาหลีใต้’จำคุก5ปี -ห้ามเข้าประเทศอีก เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เตือนประชาชนคนไทยห้ามนำเข้า กัญชา กัญชง หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของพืชชนิดดังกล่าวไปยังต่างประเทศ ยืนยันรัฐบาลปลดล็อกกัญชากัญชงเพื่อประโยชน์ทางด้านการแพทย์และเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลบังคับใช้เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น ขอให้ผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ หรือยา ที่มีส่วนผสมของกัญชา ตลอดจนมีส่วนต่าง ๆ ของกัญชา กัญชงในครอบครอง ที่จะเดินทางไปต่างประเทศตรวจสอบกฎหมายของประเทศปลายทางเกี่ยวกับข้อกำหนด การอนุญาต ข้อห้ามโดยละเอียด หากพกติดตัวไปจะได้รับโทษ โดยทางกระทรวงการต่างประเทศได้รวบรวมข้อมูล ดังนี้ อินโดนีเซีย ปรับขั้นต่ำ 1 พันล้านรูเปียห์ โทษจำคุก 5 ปี – ตลอดชีวิต หรือโทษสูงสุดประหารชีวิต ญี่ปุ่น โทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี (กรณีนำเข้า/ส่งออก) โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 3 ล้านเยน (กรณีจำหน่าย) เวียดนาม โทษปรับ 5,000,000 – 500,000,000 ดองเวียดนาม โทษจำคุกตลอดชีวิต หรือโทษสูงสุดประหารชีวิต เนปาล โทษจำคุกตั้งแต่ 1 เดือน – 10 ปี โทษปรับ 2,000- 900,000 รูปี เกาหลีใต้ โทษจำคุก 5 ปีขึ้นไป หรือตลอดชีวิต (กรณีลักลอบนำเข้า) โทษจำคุกอย่างน้อย 1 ปี (กรณีปลูก/จำหน่าย) โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และถูกเนรเทศห้ามเดินทางเข้าเกาหลีใต้อีก (กรณีครอบครองหรือเสพ) สิงคโปร์ โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือทั้งจำทั้งปรับ (กรณีครอบครองหรือเสพ) โทษประหารชีวิต (กรณีลักลอบค้า/นำเข้า/ส่งออก) โทษจำคุก 5-14 ปี หรือปรับ หรือทั้งจำและปรับ จอร์แดน,อิรัก,ปาเลสไตน์ โทษอย่างรุนแรงตามกฎหมายท้องถิ่น (กรณีครอบครองหรือเสพ) บรูไนฯ โทษจำคุกอย่างต่ำ 20 ปี สูงสุด 30 ปี และโบย 15 ครั้ง หรือโทษประหารชีวิต (กรณีลักลอบนำเข้า) กัมพูชา โทษปรับ 100 ล้านเรียล โทษสูงสุดจำคุกตลอดชีวิต ออสเตรเลีย โทษจำคุกและปรับ (กรณีนำเข้ากัญชา) หมายเหตุ: บุคคลทั่วไปสามารถนำเข้ากัญชงได้เฉพาะบางรายการ และ เซเนกัล, โกตดิวัวร์,บูร์กินาฟาโซ, กินี, กินี-บิสเซา,มาลี, แกมเบีย, เซียร์ราลีโอน,โตโก, กาบอง, กาบูร์เวร์ดี,ไลบีเรีย, ไนเจอร์ โทษตามกฎหมายประเทศนั้น ๆ ทั้งจำคุกและปรับ “นอกจากกัญชา กัญชงแล้ว ขอให้ประชาชนคนไทยระมัดระวังการรับฝากสิ่งของผิดกฎหมายเข้าไปในประเทศต่าง ๆ ด้วย ห้ามรับฝากสิ่งของจากผู้อื่นโดยเด็ดขาด แม้กระทั่งญาติพี่น้องขอให้ตรวจสอบสิ่งของที่ฝากอย่างละเอียด เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ายาเสพติด ซึ่งแต่ละประเทศกำหนดโทษไว้อย่างชัดเจน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ย้ำชัดหลังจากที่ประมวลกฎหมายยาเสพติดบังคับใช้ ขอให้ผู้บริหารส่วนราชการทุกท่านทำความเข้าใจกฎหมายใหม่ ร่วมกันขับเคลื่อนสร้างความพร้อม มีแผนขั้นตอนในการทำงาน ติดตามแก้ไขปัญหาในระยะเปลี่ยนผ่านกฎหมาย นำประมวลกฎหมายยาเสพติดไปใช้อย่างเป็นรูปธรรม มีความชัดเจน” น.ส.รัชดา กล่าวยาสมุนไพรผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเมื่อวาน นักข่าวของคลื่นวิทยุ FM101 ก็โทรมาสัมภาษณ์เรื่อง "การทำ ice bathing นอนแช่น้ำแข็ง" นี้เหมือนกันครับ ... ซึ่งผมก็เตือนไปว่า วิธีแช่น้ำแข็งนี้ มันเป็นวิธีการรักษาของนักกีฬาที่เกิดอาการปวดบวมอักเสบกล้ามเนื้อ แต่ไม่ได้จะไปฆ่าเชื้อโรคในร่างกายอย่างที่เชื่อกันตามแนวรักษาทางเลือกแบบนั้น แถมจะมีอันตรายเอาด้วย กับคนที่มีปัญหาทางโรคหัวใจ หรือเกิดภาวะ hypothermal ร่างกายผิดปรกติจากอุณหภูมิต่ำเกินไปด้วยครับ --------------- (รายงานข่าว) กรณี นักร้องชื่อดังอย่าง แพท วง KLEAR โพสต์คลิปตัวเองนอนแช่น้ำแข็งในถีง ลงในอินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมระบุว่า เป็นการทำ Ice Bathing ตามข้อมูลมีการบรรยายสรรพคุณ ว่า เป็นการกระตุ้นเซลล์คนเป็นมะเร็ง และเป็นโควิด ทำแล้วอาการดีขึ้น ล่าสุด ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ชี้ทางการแพทย์ไม่มีงานวิชาการรองรับว่าการทำ Ice Bathing จะช่วยรักษาหรือยับยั้งเซลล์โรคมะเร็งได้ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คลิปวิดีโอ ที่ น.ส.รัณนภันต์ ยั่งยืนพูนชัย หรือ แพท วง KLEAR โพสต์คลิปลงในอินสตาแกรมส่วนตัว เป็นคลิปที่เธอลงไปนอนแช่ในถังน้ำที่มีน้ำแข็งอยู่เต็มถัง พร้อมข้อความระบุว่า “มาแชร์ประสบการณ์ Ice Bathing ครั้งที่สองในชีวิต” เนื้อหาของโพสต์นี้ แพท บอกว่า Ice Bathing คือ การน็อคเชื้อโรคในตัว ฆ่าเซลล์ที่ไม่ค่อยดี เซลล์ที่มีสิทธิ์กลายพันธุ์ หรือ ส่วนอักเสบในร่างกาย แพท เชื่อว่า การทำแบบนี้เป็นการกระตุ้นให้เซลล์ที่แข็งแรงดีมากขึ้น แพทย์ ยัน Ice Bathing รักษาเซลล์มะเร็งไม่ได้ หลังนักร้องดังอ้างทำแล้วอาการดีขึ้น นอกจากนี้ ยังบอกด้วยว่า “คนที่ป่วยหนักมาก ๆ แม้แต่โควิดหรือเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ถ้าได้ลงน้ำแข็ง อาการก็จะดีขึ้นทุกคน” โดยภายหลังคลิปนี้ถูกโพสต์มีคนเข้าไปแสดงความสนใจ บางคนถามแพทว่าทำเองที่บ้านได้ไหม ซึ่งแพทบอกว่าทำได้ พร้อมแนะนำวิธีการ ทีมข่าว PPTV ตรวจสอบข้อมูลเรื่องนี้กับนายแพทย์สกานต์ บุญนาค ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ถึงการทำ ice bathing แล้วจะช่วยรักษารักษาโรคมะเร็งได้จริงหรือไม่ แพทย์ ยัน Ice Bathing รักษาเซลล์มะเร็งไม่ได้ หลังนักร้องดังอ้างทำแล้วอาการดีขึ้น โดย คุณหมอสกานต์ กล่าวว่า ไม่เคยมีข้อมูลว่าวิธีการดังกล่าวรักษาหรือยับยั้งเซลล์โรคมะเร็งได้ แม้ว่าในทางการแพทย์ จะมีวิธีการใช้ความเย็นรักษาผู้ป่วยมะเร็งจริง แต่วิธีการที่ใช้จะต้องมีอุปกรณ์เครื่องมือ มีอุณหภูมิเย็นติดลบหลายองศา และมีแพทย์เป็นผู้รักษาใกล้ชิด รวมถึง ไม่ใช่การลงไปแช่ทั้งตัวตามที่ปรากฎ เพราะการลงไปแช่น้ำแข็งทั้งตัว มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัวอื่น เช่น โรคหัวใจ เนื่องจากการทำ ice bathing จะทำให้อุณหภูมิในร่างกายเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว อาจกระตุ้นให้เกิดโรคหัวใจได้ง่ายโควิด 2019มะเร็งไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: false2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยด่วน ! รายงานจากสำนักข่าวไทย แจ้งรายละเอียดเนื้อหาของหนังสือรัฐบาลสหรัฐฯส่งตรงถึงนายกรัฐมนตรี และ 7 รัฐมนตรีของไทย อ้างกระทบผลประโยชน์ของสหรัฐ 51,000 ล้านบาท ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทยทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายดอน ปรมัติวินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เนื้อหาสำคัญว่ากระทรวงเกษตรสหรัฐได้ตรวจสอบผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศไทยในการห้ามสารเคมีเกษตร 3 ชนิดที่อยู่ในระหว่างการพิจารณา ทางสถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทยยังได้แนบเอกสารจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐ ส่งถึงนายกรัฐมนตรีของไทยด้วยว่า การแบนสารไกลโฟเซต โดยไม่พิจารณาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างเต็มที่ อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการนำเข้าถั่วเหลืองและข้าวสาลีของไทย จึงหวังว่าประเทศไทยจะพิจารณาความกังวลนี้ เพราะไกลโฟเซทเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและศึกษาอย่างจริงจังในโลก หน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกา (EPA) ประเมินแล้วว่าไม่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์ สอดคล้องกับความคิดเห็นทางวิทยาศาสตร์ของหน่วยงานอื่นทั้งญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย และองค์การเกษตรแห่งสหประชาชาติ จึงขอให้ชะลอการตัดสินใจเกี่ยวกับไกลโฟเซต เพื่อหาทางออกสำหรับสหรัฐอเมริกา คาดการณ์ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นจากการห้าม 3 ประการ คือ 1.เกษตรกรไทยจะต้องเผชิญกับต้นทุนสารเคมีทดแทนสูงขึ้น 75,000-125,000 ล้านบาท ของราคาตลาดของไทยในปัจจุบัน 2.หากไม่พบสารเคมีทดแทนที่เหมาะสม (เนื่องจากกลูโฟซิเนต มีแอมโมเนียมมีพิษมากกว่า ไกลโฟเซท แต่น้อยกว่าพาราควอต) ทำให้ต้นทุนแรงงานสูงขึ้นสำหรับการปราบวัชพืช ทำให้การควบคุมรวมกับการสูญเสียผลผลิตพืช คาดว่าจะสูงถึง 128,000 ล้านบาท 3.สิ่งที่สหรัฐกังวลมากที่สุด คือ จะมีผลกระทบต่อการนำเข้าถั่วเหลือง ข้าวสาลี กาแฟ แอปเปิ้ล และองุ่น จากสหรัฐ มูลค่า 51,000ล้านบาท ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นยังไม่รวมถึงผลกระทบที่ตามมาของผู้ผลิตอาหาร เช่น อุตสาหกรรมเบเกอรี่และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่พึ่งพาข้าวสาลีที่นำเข้า 100% เพื่อมาดำเนินธุรกิจมูลค่า 40,000 ล้านบาท นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยอมรับว่าต้องศึกษารอบด้านในการหาสารทดแทนเข้ามาใช้ เพราะกระทบหลายส่วน การทำงานเมื่อเป็นปัญหาการเมืองมักมีปัญหาตามมา ที่มา : สำนักข่าวไทย https://tna.mcot.net/view/w57Q3zSไม่ระบุชื่อ• 6 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยใช้น้ำอัดลมเทใส่เนื้อหมูสด ทำให้หนอนหรือพยาธิออกจากเนื้อหมูใช้น้ำอัดลมเทใส่เนื้อหมูสด ทำให้หนอนหรือพยาธิออกจากเนื้อหมูทำให้เนื้อหมูไม่มีหนอนหรือพยาธิเลยthachadapiynuch• 2 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์std46604• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยมิจฉาชีพหลอกซื้อกองทุน “ตลาดหลักทรัพย์ฯ-ก.ล.ต.” คนแห่สนใจอันดับ 1ดีอีเอส พบโจรไซเบอร์แสบ! ปั่นข่าวปลอมสุดสัปดาห์ ล่าสุดประชาชนแห่ให้ความสนใจและหลงเชื่อ “ตลาดหลักทรัพย์ฯ กับ ก.ล.ต.” เปิดซื้อกองทุน เริ่มต้น 1,000 บาท ขึ้นแท่นอันดับ 1 ระวัง! ถูกหลอกให้ลงทุน อย่าหลงเชื่อ SMS เพจ เว็บไซต์ปลอม พร้อมย้ำเป็นข้อมูลเท็จstd46678• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอมอย่าแชร์! ผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงตามที่มีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นเรื่องผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีที่มีการแชร์ข้อความว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิงแต่อย่างใด โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae จัดอยู่ในจีนัส Orthopoxvirus เชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะ เช่น กระรอก หนูป่า เป็นต้น รวมทั้งคนก็สามารถติดโรคได้ จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัดข่วน การประกอบอาหารจากเนื้อสัตว์ป่า หรือกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ หรืออาจติดทางอ้อมจากการสัมผัสที่นอนของสัตว์ป่วย การแพร่เชื้อจากคนสู่คนแม้มีโอกาสน้อย แต่อาจเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยผ่านทางสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ ผิวหนังที่เป็นตุ่ม หรืออุปกรณ์ที่มีการปนเปื้อนเชื้อสุขภาพวัคซีนโควิดKhemmachart Jandum• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยข่าวปลอมอย่าแชร์! ผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงกรณีที่มีการแชร์ข้อความว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิงแต่อย่างใด โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae จัดอยู่ในจีนัส Orthopoxvirus เชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะ เช่น กระรอก หนูป่า เป็นต้น รวมทั้งคนก็สามารถติดโรคได้ จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัดข่วน การประกอบอาหารจากเนื้อสัตว์ป่า หรือกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ หรืออาจติดทางอ้อมจากการสัมผัสที่นอนของสัตว์ป่วย การแพร่เชื้อจากคนสู่คนแม้มีโอกาสน้อย แต่อาจเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยผ่านทางสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ ผิวหนังที่เป็นตุ่ม หรืออุปกรณ์ที่มีการปนเปื้อนเชื้อวัคซีนโควิดstd46748• 2 ปีที่แล้ว4 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยโรงพยาบาลสงฆ์ กำลังขาดแคลนสิ่งของจำเป็นวันที่ 30 พฤษภาคม 2565 เพจเฟสบุ๊ค "โรงพยาบาลสงฆ์ PriestHospital" ขอประชาสัมพันธ์ จากกรณีที่มีข้อความ โพสและส่งต่อแชร์ข้อความตามสื่อออนไลน์ต่างๆ ขอรับบริจาคของโรงพยาบาลสงฆ์ ว่ากำลังขาดแคลนสิ่งของจำเป็นโรงพยาบาลสงฆ์ ขอชี้แจงถึงประเด็นนี้ว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลสงฆ์ ไม่ได้ขาดแคลนสิ่งของตามที่ต้นทางระบุ เนื่องจากยังมีข่าวปลอมเรื่อง รพ.สงฆ์ ขาดแคลน เครื่องอุปโภคบริโภคสำหรับพระอาพาธออกมาอยู่อย่างต่อเนื่องขอได้โปรด อย่าหลงเชื่อและติดตามข้อมูลสิ่งที่ควรบริจาคและเว้นการบริจาคให้ website ของ รพ.สงฆ์เองเท่านั้นstd48066• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงกรณีที่มีการแชร์ข้อความว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิงแต่อย่างใด โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae จัดอยู่ในจีนัส Orthopoxvirus เชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะ เช่น กระรอก หนูป่า เป็นต้น รวมทั้งคนก็สามารถติดโรคได้ จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัดข่วน การประกอบอาหารจากเนื้อสัตว์ป่า หรือกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ หรืออาจติดทางอ้อมจากการสัมผัสที่นอนของสัตว์ป่วย การแพร่เชื้อจากคนสู่คนแม้มีโอกาสน้อย แต่อาจเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยผ่านทางสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ ผิวหนังที่เป็นตุ่ม หรืออุปกรณ์ที่มีการปนเปื้อนเชื้อstd48066• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงเนื่องจากพบเว็บไซต์ที่บอกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงstd47615• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสต้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงใครที่ฉีดวัคซีนแอสต้า ให้เฝ้าระวังตนเอง เพราะ มีความเสี่ยงที่ตะเป็นโรคฝีดาษลิงstd46766• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงกรณีที่มีการแชร์ข้อความว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทาstd48924• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอมอย่าแชร์! ผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิง และเชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิดโดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะรวมทั้งคนก็สามารถติดโรคได้ จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัดข่วน การประกอบอาหารจากเนื้อสัตว์ป่า หรือกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอstd46538• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงประเด็นเรื่องผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จโควิด 2019std47896• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงกรณีที่มีการแชร์ข้อความว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิงแต่อย่างใดphaisal9123• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยแจกใบแดง ส.ส.ก้าวไกล 10 คน เตือนคนแชร์ผิด พรบ.คอมฯผู้โพสต์ในทวิตเตอร์ ใช้ชื่อบัญชีว่า “Democracy PheuthaiParty” และเฟซบุ๊กชื่อ“แหม่มโพธิ์ดำ.” ได้นำข้อความอันเป็นเท็จ กล่าวว่า “สส.ก้าวไกล จะโดนใบแดงอีกเกือบ 10 คน เพราะว่า ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ก่อนหน้านี้ ซึ่ง ส่วนใหญ่ไม่ได้ไปเลือกตั้งท้องถิ่นOom Patcharaphon• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงมีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นเรื่องผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงManeewan Rotmala• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอมอย่าแชร์! ผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิงแต่อย่างใด โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae จัดอยู่ในจีนัส Orthopoxvirus เชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะ เช่น กระรอก หนูป่า เป็นต้นketsuda070449• 2 ปีที่แล้ว
- 6 คนสงสัยผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงกรณีที่มีการแชร์ข้อความว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิงแต่อย่างใด โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae จัดอยู่ในจีนัส Orthopoxvirus เชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะ เช่น กระรอก หนูป่า เป็นต้นวัคซีนโควิดstd48064• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงstd46620• 2 ปีที่แล้ว
- 10 คนสงสัยข่าวปลอมอย่าแชร์! ผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงตามที่มีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นเรื่องผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จวัคซีนโควิดชุมพล ศรีสมบัติ• 3 ปีที่แล้วmeter: middle2 ความเห็น
- 2 คนสงสัยราคาใบกระท่อมก้านแดงมีราคาแพงจริงหรือไม่กระท่อมก้านแดงตอนนี้กำลังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคอย่างมาก โดยเฉพาะบริเวรภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งราคาของกระท่อมก้านแดงตอนนี้ก็ปรับขึ้นราคาขึ้นแล้ว ประมาณ 400 บาท ต่อกิโลกรัมPHARAOH• 4 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยปลัดขิกลงยันต์อักขระ ป้องกันโควิดได้จริงหรือมีข่าวว่าในจังหวัดมหาสารคามชาวบ้านนำปลัดขิกขนาดใหญ่มาวางไว้พร้อมหุ่นจำลอง ทำตามความเชื่อของผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านว่าปลัดขิกจะปัดเป่าให้อาเพศโรคร้ายให้หมดไป งานนี้เอามาวางเพื่อไล่โควิด มันได้ผลจริงหรือคะโควิด 2019anonymous• 6 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ
