(1559 ข้อความ)
- 1 คนสงสัยดื่มฉี่รักษาโรคดื่มฉี่แล้วสุขภาพดีหายจากโรคต่างๆได้std47777• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกินปัสสาวะกินปัสสาวะช่วยรักษาโรคstd47677• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกัญชารักษาโรคหัวใจได้จริงหรือป่าวครับกัญชา”และ“โรคหัวใจ”เป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของคนไทยโดยในส่วนของกัญชานั้นมีงานวิจัยทั่วโลกที่ยืนยันได้ว่าช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยและรักษาคนไข้ได้ยาสมุนไพรpocky18b• 3 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยด่วน!! ครม.ไฟเขียวแจกเงินคนละครึ่งเฟส 3 คนละ 3,000 บาท กว่า 9 หมื่นล. https://www.matichon.co.th/politics/news_2707038ไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข่าวดี รัฐบาลทานไม่อยู่ รพ.เอกชน ได้รับไฟเขียว ให้นำเข้าวัคซีนหลายค่ายแล้ว ... คาดว่าราคาฉีดประมาณ โดสละ 2,000 บาท https://youtu.be/9yothNwzEvQโควิด 2019วัคซีนโควิดไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้วmeter: mostly-true--middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยรวมทุกเรื่องต้องรู้เกี่ยวกับ “เรือดำน้ำไททัน” หลังไร้ปาฏิหาริย์นิวมีเดีย พีพีทีวี รวบรวมทุกข้อมูลและไทม์ไลน์เหตุการณ์ที่เกี่ยวกับ “เรือดำน้ำไททัน” ซึ่งสูญหายไปและจบลงที่ความสูญเสีย มาไว้ที่นี่แล้ว กรณีการสูญหายไปอย่างเป็นปริศนาของ “เรือดำน้ำไททัน” ซึ่งเป็นเรือดำน้ำพาชม ซากเรือไททานิก ที่หลับใหลอยู่ใต้มหาสมุทรแอตแลนติก ถือเป็นประเด็นที่ทั่วโลกต่างกำลังจับตาอย่างใกล้ชิดด้วยความเอาใจช่วย และขอให้มีปาฏิหาริย์ทุกคนรอดชีวิต เมื่อเส้นตายเวลาที่ออกซิเจนในเรือจะหมดลงใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ นิวมีเดีย พีพีทีวี ได้รวบรวมทุกข้อมูลและไทม์ไลน์เหตุการณ์ที่เกี่ยวกับ เรือดำน้ำไททัน ที่ผ่านมาไว้ที่นี่แล้วsmart.kab• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยประโยชน์ของสาร CBD ในกัญชาประโยชน์ของสาร CBD ที่มีงานวิจัยรองรับ คือ ใช้รักษาโรคลมชักในเด็กเฉพาะกลุ่มอาการ Lennox-Gastaut และ Dravet ส่วนประโยชน์ต่อร่างกายและสมองที่มีแนวโน้มจะเป็นไปได้ แต่ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาวิจัยpocky18b• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยโทษของสาร THC ในกัญชาโทษของสาร THC ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท เมาหลอนประสาท เสพติดและเพิ่มอัตราการฆ่าตัวตาย เกิดภาวะเป็นพิษเมื่อได้รับเป็นปริมาณสูงpocky18b• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข้อดีของสารTHCของกัญช้าประโยชน์ของสาร THC ลดการคลื่นไส้จากยาเคมีบำบัด ลดอาการปวดเรื้อรัง ลดอาการเบื่ออาหารในผู้ป่วยบางกลุ่ม (ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์) ลดการเกร็งในผู้ป่วยโรคทางระบบประสาทบางชนิด ได้แก่ Multiple sclerosispocky18b• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกัญชากัญชาเป็นพืชที่มีทั้งประโยชน์ และโทษ โดยในปัจจุบัน ทางการแพทย์กำลังศึกษาวิจัยสารในกัญชาเพื่อนำมารักษาอาการเจ็บป่วยและโรคต่างๆยาสมุนไพรpocky18b• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย‘กินเมล็ดมังคุด’ ลดอาการปวดเข่า?อ.เจษฎา อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ ชี้เคส “กินเมล็ดมังคุดวันละกิโลกรัมติดกัน 7 วัน หายปวดเข่า” คือข่าวปลอม วอนอย่าหลงเชื่อ แนะหากอยากใช้สมุนไพรรักษาอาการปวดเข่า หรือเพื่อดูแลสุขภาพ ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์แผนไทย ผู้มีใบประกอบวิชาชีพรองรับข้อเท็จจริง จากกรณีโลกออนไลน์มีการแชร์ กินเมล็ดมังคุดลดอาการปวดเข่า ทำให้หลายคนที่ได้รับข่าวสารต่างเกิดความเข้าใจผิดต่างพากันเชื่อ และบอกต่อกันมากมายนั้นยาสมุนไพรStd47802• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย‘กินเมล็ดมังคุด’ ลดอาการปวดเข่าจากโลกออนไลน์มีการแชร์ กินเมล็ดมังคุดลดอาการปวดเข่าstd47857• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกัญชากัญชา เป็นพืชล้มลุกคล้ายต้นหญ้า มีสารเคมีอยู่ในใบกัญชาชื่อ Cannabinoids ซึ่งมีฤทธิ์สำคัญได้แก่ THC และ CBD ในปัจจุบัน กันชานิยมนำไปใช้อย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็น สเปรย์ น้ำมัน แคปซูล เครื่องพ่นไอระเหยทางการแพทย์ ไปจนถึงการนำมาใส่ในอาหาร และเครื่องดื่มต่างๆ และในทางการแพทย์นั้น กัญชาทุกนำมาใช้ในการรักษาโรคต่างๆ โดยแต่ละรูปแบบของการรักษา ให้ปริมาณความเข้มของสารแคนนาบินอยด์ที่ไม่เหมือนกัน และตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการดูแลstd46308• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยส.ว. เย้ยอาจมีเพียง 5 คน โหวตหนุน “พิธา” นั่งนายกฯ หากยังดันแก้ ม.112วันที่ 26 มิถุนายน นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ "กรรมกรข่าว คุยนอกจอ" ถึงทิศทาง ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ตอนหนึ่งว่า ไม่จริง ซึ่งสิ่งที่เขาเสนอไปตนไม่อยากให้ประชาชนสับสน เพราะจริงๆแล้ว วุฒิสภาให้ความสำคัญเกี่ยวกับข้อเสนอแก้ไข ม.112 โดยได้พูดและยืนยันมาตั้งแต่แรก แม้เรื่องแก้มาตรา 112 จะไม่ได้ระบุใน MOU แต่ก็ยังเป็นเรื่องสำคัญที่นายพิธา และพรรคก้าวไกล เสนอที่จะทำเรื่องนี้ต่อไป เราก็ไม่เห็นด้วยเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญTunchanok Saetia• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกินน้ำแข็งที่มีเชื้อโควิด เราจะติดโควิดหรือไม่ข้อสงสัยว่า เชื้อโควิด-19 ปนเปื้อนในน้ำแข็งได้หรือไม่ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยกับทีมข่าวพีพีทีวีว่า โอกาสที่เชื้อจะปนเปื้อนไปในน้ำแข็ง “ขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิต” ถ้าผู้ติดเชื้อไม่ได้อยู่ในกระบวนการผลิตน้ำแข็งที่ผลิตออกมาก็จะมีความปลอดภัย แต่ถ้ามีคนติดเชื้อเข้าไปอยู่ในกระบวนการผลิตหรือสัมผัสกับตัวน้ำแข็ง เชื้อที่ปนเปื้อนจะอยู่ได้ 2-3 ชั่วโมง แต่ถ้ามีความชื้นสูงและมีความเย็นมากขึ้นเชื้ออาจจะอยู่ได้นาน 2-3 วันMrs.Doubt• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยหลังสิ้นสุดสมบัติยุค "ท่านเซอร์" เผยชื่อ 5 รับใช้ "แมนยูฯ" ยาวนานที่สุดในปัจจุบันวันที่ 11 ก.ค. 66 ภายหลังสิ้นสุดสมบัติในยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เมื่อ ดาบิด เด เคอา นายทวารชาวสเปน ต้องอำลาทีมไป ปิดฉากช่วงระยะเวลา 12 ปี กับสโมสรต้นสังกัด หลังไม่อยู่ในแผนการทำทีมระยะยาวของ เอริก เทน ฮาก ผู้จัดการทีมคนปัจจุบันชาวเนเธอร์แลนด์ ที่ต้องการผู้รักษาประตูที่เล่นด้วยเท้าได้ดี นั่นทำให้มือกาววัย 32 ปี ต้องระเห็จออกไป ตาม ฟิล โจนส์ ที่หมดสัญญาและจากทีมไปแบบเงียบๆstd46610• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย"ใจถึงพุทธ" เผยเหตุผลทำไมถึงดื่มฉี่ แถมเอามาล้างตา ล้างจมูก ล้างแผล"ใจถึงพุทธ" หนึ่งในผู้ที่หันมาดื่มน้ำปัสสาวะตัวเอง แถมเอามาใช้ล้างตา ล้างจมูก ล้างแผล เผยสาเหตุในหนึ่งพระไตรปิฎก มีกล่าวไว้ว่า น้ำปัสสาวะเป็นยาstd47617• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเหม็นเหมือนอะไรตาย ตะลึง เห็ดมือผีโผล่สวนหย่อม จดเลขที่บ้าน-นับนิ้วตีเลขเด็ดเจอเห็ดหน้าตาประหลาดโผล่อยู่ในบ้านน้องสาว ลักษณะคล้ายกับมือคน มีกลิ่นเหมือนซากสัตว์แห้งๆตาย ถามว่าเห็ดอะไรก็ไม่มีใครรู้เลยต้องรบกวนอากูให้ช่วยไขคำตอบ คำตอบที่ได้คือ #เห็ดมือผี หรือ #เห็ดปลาหมึก น้องสาวบอก ว่าอยู่ๆมันโผล่ขึ้นมา ที่เห็นคือดอกที่ 2 ดอกแรกเด็ดทิ้งไปแล้วเพราะกลิ่นเหมือนหนูตายแถมมีแมลงวันตอม ถามว่ามันขึ้นได้อย่างไรยังหาคำตอบไม่ได้?? แต่ที่แน่ๆ คือเป็นเห็ดที่หายากเป็นอันดับ 2 ของโลก เปิดดูในยูทูปว่ากันว่าถ้าเห็ดนี้ขึ้นบ้านไหนเจ้าของบ้านจะมีโชคลาภ ป.ล.บ้านน้องสาวเลขที่ 85/66 เผื่อได้มีโชคลาภกันถ้วนหน้า#เด็กเลหลงกรุง"เกีย มึน'น• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยน้ำท่วมอุทกภัย ที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งมักมีสาเหตุ และมีสัญญาณเตือนมาก่อนแล้ว ดังนั้นเราจึงควรเรียนรู้ว่าอะไรคือปัจจัยของการเกิดเหตุ รวมถึงวิธีเตรียมตัวในการรับมือสภาพอากาศkewrinbangnachati• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย[ข่าวปลอม] ผลิตภัณฑ์ Lutiana VIS ช่วยบำรุงสายตา และฟื้นฟูการมองเห็น[ข่าวปลอม] ผลิตภัณฑ์ Lutiana VIS ช่วยบำรุงสายตา และฟื้นฟูการมองเห็น กรณีที่มีการโฆษณาถึงสินค้าข้างต้น ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่มีการยื่นข้อมูลประสิทธิผลในการบำรุงสายตา และฟื้นฟูการมองเห็นตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่มีผลในการ บำบัด บรรเทา หรือรักษาโรคและต้องแสดงคำเตือนดังกล่าวบนฉลาก 14 มิ.ย. 65อย. เพิกถอนผู้บริโภคเฝ้าระวังชุมพล ศรีสมบัติ• 3 ปีที่แล้วmeter: mostly-true--middle3 ความเห็น
- 1 คนสงสัยแผนการยึดครองประเทศไทยภายใน 10 ปีตื่นเถิดพี่น้องชาวไทยผู้ใจบุญทั้งหลายก่อนที่ลูกหลานเหลนโหลนไทยจะไม่มีแผ่นดินจะอยู่ นี่คือเรื่องจริงไม่ใช่นิยายได้โปรดพิจารณาช่วยกันยับยั้ง เพราะสถานการณ์ปัจจุบันมันเป็นจริงตามที่กล่าว แผนการยึดครองประเทศไทยภายใน 10 ปี https://youtu.be/8DbLvbEfR_8ข่าวการเมืองภาคใต้อันดามันผู้บริโภคเฝ้าระวังมีมMrs.Doubt• 4 ปีที่แล้ว2 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยhttps://youtu.be/CMCQBr8hQhoไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยหมอพนิตไขปริศนา หลับไม่เคยเต็มตื่น! “ลุกฉี่กลางดึก” ปัญหากวนใจ ส.ว. เปิดความลับ “ตากแดด” และ “กาแฟ” ที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดทั้งชีวิต! “...คุณเคยไหม? ตั้งใจนอนตั้งแต่ 3 ทุ่ม หวังหลับยาวถึงเช้า แต่ร่างกายกลับทรยศ!สะดุ้งตื่นตอน 5 ทุ่ม... ตี 1... และอีกทีตอนตี 4 ไม่ใช่เพราะฝันร้าย แต่เพราะ “ปวดฉี่” นี่คือปัญหาระดับชาติที่คนเริ่ม “สูงวัย” (แค่เริ่มนะครับ!) ต้องเจอ จนพาลคิดว่าไตมีปัญหา หรือกินน้ำเยอะไปหรือเปล่า? วันนี้ ผู้สื่อข่าวสายสุขภาพ ได้คว้าตัว นพ. พนิต จันทรภักดี มาไขคำตอบแบบบ้านๆ แต่ลึกถึงหลักการวิทยาศาสตร์ ที่รับรองว่าคุณจะร้องอ๋อ... และพบว่าวิธีแก้ปัญหาง่ายกว่าที่คิด แถมยังได้เคล็ดลับ “โบนัส” เรื่องตากแดดและกินกาแฟ ที่จะเปลี่ยนชีวิตตอนเช้าของคุณไปตลอดกาล! เปิดแฟ้มคดี: ทำไมเราต้องตื่นมาฉี่ตอนดึก? เรื่องนี้เริ่มต้นจากคำถามคาใจของ “น้าต๋อย” สุวิทย์ บุตรพริ้ง บรรณาธิการข่าวอาวุโส ที่เล่าประสบการณ์ตรงว่า “หมอ! ทำไมนอนแป๊บๆ ก็ตื่น ตื่นมาก็อิ่มนะ แต่ต้องลุกไปฉี่ พอกลับมานอนต่อ อีกแป๊บก็ตื่นอีก... นี่มันอะไรกัน!” คุณหมอพนิต ยิ้มมุมปาก ก่อนจะเฉลยเรื่องที่หลายคนคาดไม่ถึง... ไขความลับจากคุณหมอ 🩺 “ปัญหามันอยู่ที่ ‘ขา’ ไม่ใช่ที่ ‘ไต’ อย่างเดียวครับ! ต้องเข้าใจก่อนว่า ตอนเรายืนหรือนั่งทั้งวัน แรงดึงดูดของโลก (Gravity) มันดึงน้ำและเลือดให้ไปกองอยู่ที่ส่วนล่าง โดยเฉพาะ ‘น่อง’ ครับ” คุณหมออธิบายต่อว่า พอน้ำไปกองที่น่องเยอะๆ (ซึ่งน่องเนี่ย เปรียบเหมือน "กระเพาะปัสสาวะที่สอง" ของร่างกายเลยนะ) มันก็ค้างอยู่ตรงนั้น แต่พอถึงเวลาเรา “นอนราบ” เท่านั้นแหละ! “พอเรานอนราบปุ๊บ แรงดึงดูดมันหายไป” คุณหมอเล่าอย่างออกรส “น้ำที่มันไปกองอยู่ที่ขาตอนกลางวัน ทีนี้ก็ไหลกลับเข้าสู่ระบบเลือดส่วนกลาง พอมันกลับมาเยอะ ไต (Kidney) ที่ทำหน้าที่กรองของเสีย ก็เลยต้องทำงานหนักขึ้น ผลิตน้ำปัสสาวะออกมาเยอะ กระเพาะปัสสาวะคุณก็เลย ‘เต็มเร็ว’ กว่าปกติไงครับ!” นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงตื่นมาฉี่รอบแรกตอน 5 ทุ่ม หรือ ตี 1 ทั้งที่เพิ่งหลับไปไม่นาน! 💡 The Solution: ท่าไม้ตาย “เขย่งน่อง” สู้แรงโน้มถ่วง! ข่าวดีคือ เราไม่ต้องไปโรงพยาบาล หรือกินยาเพื่อเรื่องนี้ (ถ้าฉี่ยังพุ่งปกติดี ไม่ได้มีปัญหาต่อมลูกหมากโตนะครับ) คุณหมอพนิตให้การบ้านง่ายๆ ที่ทำได้ทันที How-to จากคุณหมอ 🩺 “ง่ายมาก... ให้เขย่งปลายเท้าครับ!” ใช่ครับ อ่านไม่ผิด! คุณหมอแนะนำว่า หลังทานข้าว (เช่น ข้าวกลางวัน หรือ ข้าวเย็น) ให้เรายืนตรง แล้ว “เขย่งปลายเท้า” ขึ้น-ลง ทำสลับกันไปมา หรือทำพร้อมกันก็ได้ สัก 30 ครั้ง “การทำแบบนี้” คุณหมอเสริม “มันคือการปั๊ม! บีบกล้ามเนื้อน่อง ให้มันช่วยปั๊มน้ำและเลือดที่ค้างอยู่ ให้กลับขึ้นมาสู่ส่วนกลางตั้งแต่ตอนกลางวัน พอกลางคืนน้ำที่ค้างที่ขามันน้อยลง ไตก็ไม่ต้องทำงานหนักตอนเราหลับ เราก็จะฉี่น้อยลง หลับได้ยาวขึ้น... แถมกล้ามเนื้อน่องแข็งแรงขึ้นด้วย!” แฉต่อ... ความเชื่อที่ผิดมหันต์! พอคุยเรื่องสุขภาพไหลลื่น วงสนทนาก็ขยับไปสู่การ “สร้างภูมิคุ้มกัน” และ “วิตามิน” ซึ่งพาเราไปเจอ 2 เรื่องสุดพีคที่คุณหมอขอเบรกหัวทิ่ม! 1. ตากแดด 7 โมงเช้า: “คุณได้แค่ ‘ดำ’ ครับ ไม่ได้วิตามินดี!” นี่คือความจริงที่เจ็บปวดที่สุด! เราทุกคนถูกสอนให้ไปตากแดดอ่อนๆ ยามเช้า (6-8 โมง) เพื่อรับวิตามินดี แต่คุณหมอพนิตส่ายหัว... ความจริงที่ต้องรู้ (จากปากหมอ) 🩺 “ผิดครับ! แดด 7 โมงเช้า คุณได้แค่ UVA (ยูวีเอ) ซึ่งทำให้ผิวคล้ำ ทำให้ดำ แต่ไม่ได้วิตามินดี! สิ่งที่คุณต้องการคือ UVB (ยูวีบี) ครับ!” แล้ว UVB มาตอนไหน? “UVB มันเป็นคลื่นสั้น มันจะมาแรงที่สุดตอนที่พระอาทิตย์อยู่ตรงหัวเรามากที่สุด... นั่นคือเวลา 11 โมงเช้า ถึง บ่าย 3 โมงครับ!” คำแนะนำคือ: ถ้าอยากได้วิตามินดี ให้ไปตากแดดช่วง 11 โมง (เลือกเอาสักวัน) แค่ 15 นาที ใส่เสื้อแขนสั้น กางเกงขาสั้น (ให้ผิวหนังสัมผัสแดดเยอะๆ) และ "ห้ามทากันแดด" ในช่วง 15 นาทีนั้น ร่างกายจะสร้างวิตามินดีได้มหาศาล แถมยังช่วยรีเซ็ตนาฬิกาชีวิต ทำให้นอนหลับดีขึ้น และช่วยลดอาการซึมเศร้าได้ด้วย! 2. กาแฟตอนตื่นนอน: “เปล่าประโยชน์! คุณกินเร็วเกินไป” คอกาแฟที่ตื่นมาต้องกระดกแก้วแรกทันที โปรดฟังทางนี้... คุณหมอพนิตบอกว่า นั่นคือการเสียของ! ดื่มกาแฟให้เป็น (จากปากหมอ) 🩺 “ตอนเราตื่นนอนเช้าเนี่ย แบตเตอรี่สมองเรามัน ‘เต็ม 100%’ อยู่แล้วครับ ร่างกายเพิ่งพักมา พลังงาน (ATP) มันเต็มเปี่ยม คุณกินกาแฟไปตอนนั้น มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย” แล้วควรกินตอนไหน? “ควรกินหลังจากตื่นนอนไปแล้วประมาณ 2-3 ชั่วโมง ครับ!” เหตุผลคือ: หลังจากเราตื่น 2-3 ชั่วโมง สมองจะเริ่มใช้พลังงาน และจะสร้างสารที่ทำให้ “ง่วง” (Adenosine) ออกมา ทีนี้แหละ... “กาแฟที่คุณกินเข้าไป มันจะไป ‘บล็อก’ ไอ้ตัวที่ทำให้ง่วงพอดี มันถึงจะได้ผลเต็มที่ ทำให้คุณตื่นตัวได้ยาวนานขึ้นครับ!” ปิดท้ายชวนคิด... จากการนั่งคุยกับคุณหมอพนิตวันนั้น สิ่งที่ผู้สื่อข่าวได้เรียนรู้ไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพ แต่คือ “ศิลปะการดูแลตัวเอง” ที่เรามักมองข้ามรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไป การตื่นมาฉี่กลางดึกอาจเป็นสัญญาณเตือนว่ากล้ามเนื้อน่องเราเริ่มไม่แข็งแรง... การตากแดดผิดเวลา อาจทำให้เราขาดวิตามินดีโดยไม่รู้ตัว... หรือการดื่มกาแฟผิดจังหวะ ก็อาจทำให้เราไม่ได้ประโยชน์จากมันเต็มที่... สุขภาพดีเริ่มต้นจากการ “รู้ให้จริง” และ “ปรับให้ถูก” ครับ ว่าแต่... พรุ่งนี้เช้า คุณจะยังตากแดด 7 โมง และดื่มกาแฟทันทีที่ตื่นนอนอยู่หรือเปล่าครับ? #สืบจากข่าว รายงาน --- ดูคลิปในเฟซบุ๊ก >> https://www.facebook.com/share/v/1DuPuA8GVV/สุขภาพไม่ระบุชื่อ• 2 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัย"6 เหตุผล (ทางสมอง) ที่ทำให้คนสูงอายุมักจะโดนมิจฉาชีพหลอกได้ง่าย" พอดีตอนเช้าเห็นหัวข้อข่าว เจ้าหน้าที่ธนาคารพยายามอธิบาย (ด้วยเหตุผล) ว่านี่เป็นมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงิน แต่คุณยายก็ไม่เชื่อ สูญเงินไปเป็นล้าน เลยอยากจะเขียนถึงเรื่องนี้สั้น ๆ และอธิบายว่าทำไมวิธีการที่แนะนำกันอยู่ มันไม่ค่อยได้ผลในคนสูงอายุ 1 สมองส่วนหน้าหรือที่เรียกว่า prefrontal cortex ฝ่อบางลง (ตามวัย) สมองส่วนนี้เป็นสมองส่วนสำคัญที่อาจจะเรียกได้ว่า ทำให้มนุษย์ต่างจากสัตว์อื่น สมองส่วนนี้จะเกี่ยวข้องกับ การคิดด้วยตรรกะ การใช้เหตุผล และการยับยั้งชั่งใจ เมื่อสมองส่วนนี้บางลง ผลคือ การคิดด้วยตรรกะที่ซ้ำซ้อนจะทำได้แย่ลง และ การตัดสินใจจะหุนหันพลันแล่นมากขึ้น เบรกไม่ค่อยอยู่ คิดอะไรก็พูดเลย คิดอะไรก็ทำเลย ด้วยเหตุนี้ คนสูงอายุจึงคิดตามการหลอกที่ซับซ้อนไม่ค่อยทัน และเมื่อตัดสินใจไปแล้วก็จะทำเลย เบรกตัวเองไม่ค่อยได้ คนอื่นห้ามก็จะไม่ค่อยฟัง 2 ความยืดหยุ่นของระบบประสาทหรือที่เรียกว่า neuroplasticity ลดลง สิ่งที่เกิดขึ้นคือเซลล์ประสาทจะสร้างเน็ตเวิรก์ได้ไม่ดีเท่าคนอายุน้อย เมื่อเซลล์ประสาทสร้างเน็ตเวิรก์ได้ไม่ดี จะทำให้สมองเรียนรู้หรือปรับตัวกับสถานการณ์ใหม่ ๆ (หรือการหลอกลวงแบบใหม่ ๆ ) ได้ช้าลง ดังนั้น หลายอย่างที่คนอายุน้อยมองว่า นี่มันหลอกชัด ๆ คนสูงอายุอาจจะมองไม่เห็น 3 สมองของคนสูงอายุส่วนใหญ่จะมีภาวะที่เรียกว่า positivity effect หมายความว่า สมองคนสูงอายุมีแนวโน้มจะเลือกรับข้อมูล เลือกจำ หรือเลือกนึกถึง ข้อมูลด้านบวก ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีและอธิบายว่าทำไมคนสูงอายุมักจะมองโลกในแง่ดีกว่าตอนอายุน้อย หรือเมื่อนึกถึงความทรงจำเก่า ๆ ก็มีแนวโน้มจะนึกถึงในแง่ดี ลักษณะนี้ทำให้คนสูงอายุมีแนวโน้มจะอยากช่วยเหลือคน อยากบริจาค ขณะเดียวกันก็จะทำให้คนสูงอายุจะมองคนอื่นในแง่ดี ไว้ใจคนอื่นง่าย ทำให้ง่ายต่อการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพมากขึ้น 4 ความเหงา ข้อนี้ตรงไปตรงมา คนอายุน้อยมีแนวโน้มจะรำคาญคนที่เข้ามาหลอก แต่คนสูงอายุที่เหงา มีแนวโน้มจะอยากคุยกับคนที่เข้ามาคุยด้วย เมื่อคุยนานโอกาสจะโดนหลอกให้เชื่อก็จะยิ่งสูงขึ้น 5 คนสูงอายุจะมีสิ่งที่เรียกว่า temporal discounting เปลี่ยนไป สิ่งที่เรียกว่า temporal discounting อาจจะพออธิบายแบบง่าย ๆ ได้ว่ามันคือ ความสามารถในการ อดเปรี้ยวไว้กินหวาน คือ อดทนรอที่จะกินของหวาน ๆ ในอนาคตดีกว่า กินของเปรี้ยวตอนนี้ ซึ่ง คนสูงอายุจะคิดถึงสิ่งเหล่านี้น้อยลง คือ จะไม่รอถึงอนาคต แต่ยอมกินเปรี้ยวเลย ทำให้ง่ายต่อการโดนหลอกที่บอกว่า เดี๋ยวอีกสองวันก็ได้ผลตอบแทนแล้ว หรือ ต้องรีบโอนนะไม่งั้นจะไม่ทัน หรือแนว “แต่ช้าก่อน ถ้าคุณซื้อใน 5 นาทีนี้ คุณจะยังได้รับ บลา ๆๆๆ ” (เหตุผลนึงก็จากข้อ 1 ที่เขียนไว้ข้างบนด้วย) 6 คนสูงอายุจะมีสิ่งที่เรียกว่า introception ลดลง สิ่งที่เรียกว่า introception คือ การเปลี่ยนแปลงภายในของร่างกายเมื่อรู้สึกได้ถึงอันตราย ในคนทั่วไป เมื่อสมอง (นอกจิตสำนึก) เรารับรู้ได้ว่า กำลังมีอะไรไม่ชอบมาพากล หรือ กำลังจะโดนหลอก หรืออันตราย สมองจะส่งสัญญานให้ร่างกายทำงานต่างไป หัวใจเราจะเต้นเร็วขึ้น เหงื่อจะออกมากขึ้น กล้ามเนื้อจะตึงตัวมากขึ้น แล้วทั้งหมดนี้จะทำให้เรารู้สึกว่า มันมีอะไรที่ไม่น่าไว้ใจ หรือ ภาษาทั่วไปอาจจะใช้คำว่า มันเซนส์ได้ว่า นี่น่าจะเป็นมิจฉาชีพ แต่ในคนสูงอายุภาวะนี้จะน้อยลง เพราะระบบประสาทในร่างกายทำงานได้ช้าหรือน้อยลง สรุป จากทั้ง 6 ข้อนี้ จะเห็นว่าวิธีการต่าง ๆ ที่แนะนำกันอยู่ตามที่ต่าง ๆ ไม่น่าจะได้ผลดีนัก เพราะจะเน้นไปที่ การใช้ตรรกะ หรือเข้าใจกลโกลที่ซับซ้อน ซึ่งต้องใช้สมองส่วนหน้า (prefrontal cortex) ซึ่งมักจะบางลงในคนสูงอายุ ถ้าถามว่าแล้วจะป้องกันยังไง ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่คิดว่าสิ่งเหล่านี้อาจจะพอช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อย 1 สำคัญสุด คือ ทำให้คนสูงอายุที่บ้านมี insight หรือยอมรับว่า สมองของตัวเองไม่เหมือนแต่ก่อน โลกที่มองเห็น หรือการตัดสินใจของตัวเอง อาจจะบิดเบือนจากที่เป็นจริง เมื่อยอมรับตรงนี้ได้ ก็น่าจะยอมให้ลูกหลาน ที่ไว้ใจ ตัดสินใจแทน (แม้ในใจลึก ๆ ว่าจะยังเชื่อว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกก็ตาม) 2 จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัยมากขึ้น ข้อนี้อธิบายยากเพราะมันขึ้นกับบริบทของแต่ละคนหรือแต่ละบ้าน แต่ไอเดียหลักคือ ต้องหาระบบที่ทำให้การโดนหลอกหรือ การทำธุรกรรมทางการเงินทำได้ยากขึ้น หรือมีขั้นตอนการตรวจสอบมากขึ้น เช่น จะไม่โอนจนกว่าลูกจะอนุญาต (ซึ่งจะเป็นแบบนี้ได้ต้องมี ข้อ 1 ก่อน) หรือ มีกฎว่าจากนี้ไปจะไม่รับโทรศัพท์จากเบอร์ที่รู้จัก หรือ จ้างลูกหลานที่มีความรู้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลย (ลูกหลานมีรายได้เสริมด้วย) 3 สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว เช่น เจอกันบ่อยขึ้น โทรหากันบ่อยขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเหงา และความสัมพันธ์ที่ดีอาจจะช่วยให้เกิด ข้อ 1 ข้อ 2 คือ ยอมรับให้ลูกหลานตัดสินใจการเงินแทนตัวเองมากขึ้น 4 ข้อนี้ไม่เกี่ยวซะทีเดียว คือ ไม่ได้ผลทันที แต่เป็นวิธีการชะลอ การฝ่อหรือบางของสมองส่วนหน้าที่ได้ผลจริง ได้แก่ หนึ่ง การฝึกจิต หรือฝึกสมาธิ สอง การออกกำลังกาย ทั้งแบบแอโรบิกและการสร้างกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อมัดใหญ่อย่างก้นและต้นขา สาม นอน ตื่น อย่างเป็นเวลาและเพียงพอ สี่ กินอาหารที่ดีกับสุขภาพ เพราะอาหารที่ดีกับร่างกายก็จะดีกับสมองด้วย ห้า ไขมันโอเมกา 3 จากอาหาร และอาจจะเพิ่มในรูปอาหารเสริม ขอให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพกันทุกคนนะครับ... สวัสดีสุขภาพการเงินผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย##วิกฤตมหาวิทยาลัย Lay off อาจารย์ - ขาย - ยุบเลิกกิจการ เผยแพร่: 26 ส.ค. 2561 07:29 โดย: ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ผู้อำนวยการหลักสูตร Ph.D. และ M.Sc. (Business Analytics and Data Science) สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ผมต้องออกมายอมรับว่าตัวเองพยากรณ์พลาดไปมาก เพราะได้เขียนบทความว่า เมื่อมหาวิทยาลัยไทยต้อง lay off อาจารย์และเจ้าหน้าที่ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2561 แต่สิ่งที่ผมคาดไว้กลับเกิดขึ้นไวกว่าที่ผมพยากรณ์ไว้มาก วันก่อนลูกศิษย์ผมที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเอกชนมาเล่าให้ฟังว่าตัวเธอเองต้องรับหน้าที่ไปบอกเพื่อนอาจารย์ว่าต้อง lay off แล้วเพราะไม่มีภาระงานสอน มหาวิทยาลัยต้องเลิกจ้างโดยไม่มีความผิดใด ๆ มีมหาวิทยาลัยเอกชนหนึ่งแห่ง ได้ขายให้กลุ่มทุนจีนแล้ว และเปลี่ยนผู้บริหารชุดใหม่ และเริ่ม lay off อาจารย์ที่สอนได้แต่ภาษาไทยและภาษาอังกฤษออกไป และเริ่มหาอาจารย์ชาวจีนที่สอนเป็นภาษาจีนได้เข้ามาทำงานแทน ไม่มีนักเรียนไทยเพียงพอแล้ว เด็กไทยมีอัตราการเกิดต่ำมาก เราเป็นสังคมสูงอายุรุนแรงมาก ถ้าไม่มีนักศึกษาจีนเลยไม่มีทางไปรอดสำหรับมหาวิทยาลัยเอกชน และที่ผ่านมาก็เอาเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาเป็นเครื่องจูงใจให้เด็กมากู้เงินแล้วเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนกันมาก แต่ก็ไม่ยั่งยืนและไปไม่รอด นอกจากนี้ยังมีมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง มีนักเรียนจีนเยอะ เด็กนักเรียนไทยหายไปมากกว่าสองในสาม กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาให้ได้ข้อตกลงเพื่อจะซื้อขายกัน แน่นอนว่าทุนจีนจะเป็นคนซื้ออีกเช่นกัน ยังไม่ได้ราคาที่ลงตัว ผมได้ยินข่าวมาว่ากลุ่มทุนจีนที่ทำธุรกิจพานักเรียนจีนเข้ามาเรียนในประเทศไทยจะลงทุนซื้อมหาวิทยาลัยเอกชนเอง และบริหารเอง และหาอาจารย์จีนมาสอนเอง และหานักเรียนจีนมาเรียนด้วยตัวเอง ครบวงจรอย่างยิ่งครับ เข้าใจว่าจะทำหอพักและร้านอาหารรอบมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำไป เรื่องนี้น่าจะมีเค้าความจริง ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ากังวลแต่อย่างใด ที่น่ากังวลกว่าคือนักเรียนมาแล้วไม่เรียนกลับมาสนใจแต่ค้าขายรอบมหาวิทยาลัยหรือมาทำธุรกิจอย่างอื่น เรื่องนี้ต่างหากที่ไทยเราโดยเฉพาะตรวจคนเข้าเมืองต้องดำเนินการจริงจังได้แล้ว เอาเป็นว่า ณ บัดนี้ เริ่มมีการ lay off อาจารย์มหาวิทยาลัยที่ไม่มีภาระการสอนกันแล้วอย่างเป็นเรื่องเป็นราวหลายๆ ที่ครับ ที่แย่สุดคือ รองอธิการบดี หรือ คณบดี ไม่ลงไปพูดกับผู้ถูก lay off เอง แต่ให้หัวหน้าภาควิชาลงไปพูด ทำไมไม่ลงไปบอกเองหนอ สาขาวิชาที่เสี่ยงจะถูก lay off คือสาขาวิชาที่ไม่มีนักศึกษาเรียนครับได้แก่ เศรษฐศาสตร์ วันก่อนอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยออกมาพูดเองเลย สถิติคณิตศาสตร์ฟิสิกส์ วิทยาการคอมพิวเตอร์การจัดการระบบสารสนเทศ วิชาพวกนี้ยากไป เด็กไทยไม่อยากเรียน ปรัชญาประวัติศาสตร์ วิชาพวกนี้จบไปไม่มีงานโดยตรง เด็กไทยก็ไม่อยากเรียน อาจารย์มหาวิทยาลัยในสาขาวิชาพวกนี้น่าจะไปก่อนครับผม เอาเข้าจริงเห็นอาจารย์ในสาขาวิชาเหล่านี้เริ่มถูก lay off แล้วครับ ส่วนสาขาวิชาบางสาขากลับขาดแคลนหนักมาก เช่น พยาบาลศาสตร์ ผลิตเท่าไหร่ก็ไม่พอ หาอาจารย์พยาบาลก็ยากลำบากเหลือเกิน สาขาแพทย์ก็ขาดแคลนแต่ไม่เท่าพยาบาล เพราะเราเข้าสังคมผู้สูงอายุ การเจ็บป่วยก็มากขึ้น ต้องการคนดูแลมากขึ้น การปรับตัวเป็นเรื่องจำเป็นมาก โดยเฉพาะการปรับตัวหลังถูก lay off จะไปทำอะไร อายุก็มากแล้ว และอยู่ใน comfort zone ในมหาวิทยาลัยมีอำนาจเหนือนักศึกษา และหลายคนไม่ได้ทำงานจริง ๆ มานานมาก สอนหนังสืออย่างเดียว จนทำอะไรไม่เป็นแล้วก็มีมาก TCAS รอบนี้ หนักหนามากครับ ระบบห่วย ซับซ้อน และซ้ำซ้อนมากเกินไป เพราะทุกมหาวิทยาลัยแย่งเด็กที่มีจำกัดมาก มีที่นั่งให้เรียนมากกว่าจำนวนเด็กที่อยากเข้าเรียนมหาวิทยาลัย วันก่อนได้สนทนากับรองเลขาธิการ สกอ. ได้เล่าให้ผมฟังว่าปีที่ผ่านมามีมหาวิทยาลัยไทยขอเลิกกิจการไปสองแห่ง และขณะนี้มีการยื่นเรื่องเพื่อขอปิดมหาวิทยาลัยอีก 5 แห่ง มีบางมหาวิทยาลัยในต่างจังหวัดเล็ก ๆ รับเด็กได้สิบกว่าคนทั้งมหาวิทยาลัย อย่างไรก็ไม่รอด ต้องเลิกกิจการแน่นอน ปีหน้าน่าจะหนักหนากว่านี้ TCAS ปีนี้ที่มีปัญหามาก ส่วนหนึ่งคือนักเรียนสมัครน้อย และเกิดการชิงเปรต แย่งเด็กกัน TCAS เที่ยวนี้เอาเข้าจริงคือ 7 รอบ (รวม 3/1 และ 3/2) ใช้เวลานานเกือบครึ่งปี และมีระบบสอบมากกว่า 50 ระบบ มหาวิทยาลัยแย่งเด็กกันเพราะสถานการณ์เช่นข้างบน รอดูครับ มีแต่จะเลวร้ายลงไปกว่านี้ พวกมหาวิทยาลัยราชภัฎ ในต่างจังหวัด ที่นักศึกษาลดลงมากก็มีการเลิกจ้างและเลย์ออฟอาจารย์ที่เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยกันมากมาย ที่ยังอยู่กันไล่ไม่ได้คืออาจารย์มหาวิทยาลัยที่เป็นข้าราชการเท่านั้น ซึ่งก็เหลืออยู่ไม่มากนัก พวกพนักงานมีสัญญากันไม่กี่ปีตอนนี้จะเริ่มถูกเลย์ออฟครับ ถ้าไม่มีภาระงานสอน และไม่มีภาระงานอย่างอื่น ใครจะขึ้นมาเป็นคณบดี อธิการบดี รองอธิการบดี โปรดเตรียมตัวมาทำหน้าที่นี้เพื่อความอยู่รอดของหน่วยงานของตัวเอง โปรดเตรียมตัวไปศาลปกครองด้วย ขอให้โชคดีกันนะครับ มหาวิทยาลัยของรัฐก็อย่าชะล่าใจ มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ จะมีวิธีการบริหารที่เด็ดขาดกว่า เช่น สาขาวิชาไหน ไม่มีนักศึกษาเรียนพอแล้วทำให้ขาดทุน ก็ต้องยุบไป ต้องเกลี่ยอาจารย์ไปสอนในสาขาวิชาที่มีนักศึกษา หากปรับตัวไม่ได้หรือไม่มีสาขาวิชาไหนต้องการก็ต้องลาออกไป ไม่ต่อสัญญาจ้าง จะถูกบีบให้ออก เพราะไม่มี value และ ไม่มี contribution อะไรที่มาทดแทนกันได้ หรือไม่ก็ให้โอกาสให้ไปเขียนหลักสูตรมาใหม่ ทำให้มีนักศึกษามาเรียนให้ได้ เวลานี้สถานการณ์มหาวิทยาลัยไทย ย่ำแย่มาก ไม่มีนักศึกษา และอาจารย์กำลังจะถูก lay off มากขึ้นเรื่อยๆ ประเทศเล็กๆ มีมหาวิทยาลัยมากเกือบสามร้อยแห่ง ยุบๆ ไปบ้าง หรือยุบรวมกันไปบ้าง มากกว่าครึ่งหนึ่งยังเหลือแหล่เกินพอเพียง โรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาก็ควรยุบไปบ้างครับ ตำแหน่งครูก็ยุบลงไปรวมกันในโรงเรียนใหญ่กว่าได้ครับ ที่พูดมานี้ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำอำมหิต หรือไม่เห็นใจครูบาอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่สถานการณ์จะเป็นนายของทุกคน เด็กไม่มี เงินไม่มี ก็ไม่มีเงินจะจ้าง สถานการณ์จะบีบให้ผู้บริหารต้องบีบอาจารย์มหาวิทยาลัยลาออกไปครับ ดังนั้นอาจารย์มหาวิทยาลัย ควรมีอาชีพอื่นหรือแหล่งรายได้อื่นสำรองได้แล้วครับ ที่จะเอาทุนไปเรียนต่อปริญญาเอกก็คิดกันให้ดี ๆ กลับมาอาจจะไม่มีนักศึกษาให้สอน แล้วต้องไปทำงานธุรการก็ได้ ใครจะไปรู้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ สวัสดีอาจารย์มหาวิทยาลัยไทย นี่คือความจริงอันเจ็บปวดที่ท่านกำลังต้องเผชิญ แต่ที่ผมห่วงยิ่งกว่าคือเจ้าหน้าที่ในมหาวิทยาลัย ซึ่งมีจำนวนมากยิ่งกว่าอาจารย์มหาวิทยาลัย และมีวุฒิการศึกษาน้อยกว่าอาจารย์ ซึ่งน่าจะถูกเลย์ออฟไปด้วย จะไปอยู่ที่ไหน จะไปทำงานอะไรหลังถูก lay off นี่ก็เป็นเรื่องที่น่าห่วงมาก เพราะโอกาสน่าจะน้อยกว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยค่อนข้างมาก ก็ต้องเตรียมตัวกันให้ดีครับ.ข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้ว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ
