(1461 ข้อความ)
- 1 คนสงสัยพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว. กลาโหม สมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อย่างเป็นทางการ อาสานำพาประเทศไทยไปต่อ ท่ามกลางมวลชนสมาชิกพรรคที่มาร่วมงานที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่พรรคอ้างว่า มีมากกว่าเรือนหมื่นคน การประชุมใหญ่วิสามัญของพรรค รทสช. ครั้งที่ 1/2566 วันนี้ (9 ม.ค.) พล.อ. ประยุทธ์ เดินทางมาถึงที่ประชุมด้วยรถเบนซ์สีดำส่วนตัว ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชน ก่อนลงนามสมัครเข้าเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการ พร้อมเปลี่ยนเสื้อแจ็คเก็ตสีขาว คาดแถบธงชาติของพรรค รทสช. "เป็นครั้งแรกในชีวิตของผมในการสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมือง" พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวตอนต้น และยอมรับว่า "ตื้นตันใจ และไม่เคยตื่นเต้นกับอะไรมาก่อน" เช่นวันนี้std46461• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยวัคซีนแอสตราเซเนก้าShop icon แชทกับเภสัช สั่งยาแบบไม่เสียค่าส่ง ติดตามประจำเดือน และอื่นๆ ที่ไม่มีในเว็บ ติดตั้ง Logo ค้นหาแพ็กเกจ วัคซีนโควิดแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) HDmall สรุปให้! ปิด วัคซีนแอสตราเซเนก้า (AstraZeneca) เป็นวัคซีนป้องกันโควิดชนิดไวรัลเวคเตอร์ (Viral Vector) ได้รับการพัฒนาโดยบริษัทแอสตราเซเนก้า ร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (Oxford University) กระบวนการทำงานหลักๆ คือการนำไวรัสชนิดอื่นมาดัดแปลงและฉีดเข้าร่างกาย เมื่อไวรัสเข้าสู่เซลล์ก็จะสร้างโปรตีนหนามที่คล้ายกับโคโรนาไวรัสขึ้นมา ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายสามารถตอบสนองเชื้อได้โดยไม่ป่วยเป็นโควิด จากการศึกษาพบว่าวัคซีนแอสตราเซเนก้า มีประสิทธิภาพโดยเฉลี่ยสูงถึง 70% และมีประสิทธิภาพ 67% ต่อโควิดสายพันธุ์เดลต้าเมื่อฉีดครบ 2 เข็ม แต่ยังคงต้องศึกษาเพิ่มเติมต่อไปวัคซีนโควิดnattikasaunsawatsuga• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยหมอพนิตไขปริศนา หลับไม่เคยเต็มตื่น! “ลุกฉี่กลางดึก” ปัญหากวนใจ ส.ว. เปิดความลับ “ตากแดด” และ “กาแฟ” ที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดทั้งชีวิต! “...คุณเคยไหม? ตั้งใจนอนตั้งแต่ 3 ทุ่ม หวังหลับยาวถึงเช้า แต่ร่างกายกลับทรยศ!สะดุ้งตื่นตอน 5 ทุ่ม... ตี 1... และอีกทีตอนตี 4 ไม่ใช่เพราะฝันร้าย แต่เพราะ “ปวดฉี่” นี่คือปัญหาระดับชาติที่คนเริ่ม “สูงวัย” (แค่เริ่มนะครับ!) ต้องเจอ จนพาลคิดว่าไตมีปัญหา หรือกินน้ำเยอะไปหรือเปล่า? วันนี้ ผู้สื่อข่าวสายสุขภาพ ได้คว้าตัว นพ. พนิต จันทรภักดี มาไขคำตอบแบบบ้านๆ แต่ลึกถึงหลักการวิทยาศาสตร์ ที่รับรองว่าคุณจะร้องอ๋อ... และพบว่าวิธีแก้ปัญหาง่ายกว่าที่คิด แถมยังได้เคล็ดลับ “โบนัส” เรื่องตากแดดและกินกาแฟ ที่จะเปลี่ยนชีวิตตอนเช้าของคุณไปตลอดกาล! เปิดแฟ้มคดี: ทำไมเราต้องตื่นมาฉี่ตอนดึก? เรื่องนี้เริ่มต้นจากคำถามคาใจของ “น้าต๋อย” สุวิทย์ บุตรพริ้ง บรรณาธิการข่าวอาวุโส ที่เล่าประสบการณ์ตรงว่า “หมอ! ทำไมนอนแป๊บๆ ก็ตื่น ตื่นมาก็อิ่มนะ แต่ต้องลุกไปฉี่ พอกลับมานอนต่อ อีกแป๊บก็ตื่นอีก... นี่มันอะไรกัน!” คุณหมอพนิต ยิ้มมุมปาก ก่อนจะเฉลยเรื่องที่หลายคนคาดไม่ถึง... ไขความลับจากคุณหมอ 🩺 “ปัญหามันอยู่ที่ ‘ขา’ ไม่ใช่ที่ ‘ไต’ อย่างเดียวครับ! ต้องเข้าใจก่อนว่า ตอนเรายืนหรือนั่งทั้งวัน แรงดึงดูดของโลก (Gravity) มันดึงน้ำและเลือดให้ไปกองอยู่ที่ส่วนล่าง โดยเฉพาะ ‘น่อง’ ครับ” คุณหมออธิบายต่อว่า พอน้ำไปกองที่น่องเยอะๆ (ซึ่งน่องเนี่ย เปรียบเหมือน "กระเพาะปัสสาวะที่สอง" ของร่างกายเลยนะ) มันก็ค้างอยู่ตรงนั้น แต่พอถึงเวลาเรา “นอนราบ” เท่านั้นแหละ! “พอเรานอนราบปุ๊บ แรงดึงดูดมันหายไป” คุณหมอเล่าอย่างออกรส “น้ำที่มันไปกองอยู่ที่ขาตอนกลางวัน ทีนี้ก็ไหลกลับเข้าสู่ระบบเลือดส่วนกลาง พอมันกลับมาเยอะ ไต (Kidney) ที่ทำหน้าที่กรองของเสีย ก็เลยต้องทำงานหนักขึ้น ผลิตน้ำปัสสาวะออกมาเยอะ กระเพาะปัสสาวะคุณก็เลย ‘เต็มเร็ว’ กว่าปกติไงครับ!” นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงตื่นมาฉี่รอบแรกตอน 5 ทุ่ม หรือ ตี 1 ทั้งที่เพิ่งหลับไปไม่นาน! 💡 The Solution: ท่าไม้ตาย “เขย่งน่อง” สู้แรงโน้มถ่วง! ข่าวดีคือ เราไม่ต้องไปโรงพยาบาล หรือกินยาเพื่อเรื่องนี้ (ถ้าฉี่ยังพุ่งปกติดี ไม่ได้มีปัญหาต่อมลูกหมากโตนะครับ) คุณหมอพนิตให้การบ้านง่ายๆ ที่ทำได้ทันที How-to จากคุณหมอ 🩺 “ง่ายมาก... ให้เขย่งปลายเท้าครับ!” ใช่ครับ อ่านไม่ผิด! คุณหมอแนะนำว่า หลังทานข้าว (เช่น ข้าวกลางวัน หรือ ข้าวเย็น) ให้เรายืนตรง แล้ว “เขย่งปลายเท้า” ขึ้น-ลง ทำสลับกันไปมา หรือทำพร้อมกันก็ได้ สัก 30 ครั้ง “การทำแบบนี้” คุณหมอเสริม “มันคือการปั๊ม! บีบกล้ามเนื้อน่อง ให้มันช่วยปั๊มน้ำและเลือดที่ค้างอยู่ ให้กลับขึ้นมาสู่ส่วนกลางตั้งแต่ตอนกลางวัน พอกลางคืนน้ำที่ค้างที่ขามันน้อยลง ไตก็ไม่ต้องทำงานหนักตอนเราหลับ เราก็จะฉี่น้อยลง หลับได้ยาวขึ้น... แถมกล้ามเนื้อน่องแข็งแรงขึ้นด้วย!” แฉต่อ... ความเชื่อที่ผิดมหันต์! พอคุยเรื่องสุขภาพไหลลื่น วงสนทนาก็ขยับไปสู่การ “สร้างภูมิคุ้มกัน” และ “วิตามิน” ซึ่งพาเราไปเจอ 2 เรื่องสุดพีคที่คุณหมอขอเบรกหัวทิ่ม! 1. ตากแดด 7 โมงเช้า: “คุณได้แค่ ‘ดำ’ ครับ ไม่ได้วิตามินดี!” นี่คือความจริงที่เจ็บปวดที่สุด! เราทุกคนถูกสอนให้ไปตากแดดอ่อนๆ ยามเช้า (6-8 โมง) เพื่อรับวิตามินดี แต่คุณหมอพนิตส่ายหัว... ความจริงที่ต้องรู้ (จากปากหมอ) 🩺 “ผิดครับ! แดด 7 โมงเช้า คุณได้แค่ UVA (ยูวีเอ) ซึ่งทำให้ผิวคล้ำ ทำให้ดำ แต่ไม่ได้วิตามินดี! สิ่งที่คุณต้องการคือ UVB (ยูวีบี) ครับ!” แล้ว UVB มาตอนไหน? “UVB มันเป็นคลื่นสั้น มันจะมาแรงที่สุดตอนที่พระอาทิตย์อยู่ตรงหัวเรามากที่สุด... นั่นคือเวลา 11 โมงเช้า ถึง บ่าย 3 โมงครับ!” คำแนะนำคือ: ถ้าอยากได้วิตามินดี ให้ไปตากแดดช่วง 11 โมง (เลือกเอาสักวัน) แค่ 15 นาที ใส่เสื้อแขนสั้น กางเกงขาสั้น (ให้ผิวหนังสัมผัสแดดเยอะๆ) และ "ห้ามทากันแดด" ในช่วง 15 นาทีนั้น ร่างกายจะสร้างวิตามินดีได้มหาศาล แถมยังช่วยรีเซ็ตนาฬิกาชีวิต ทำให้นอนหลับดีขึ้น และช่วยลดอาการซึมเศร้าได้ด้วย! 2. กาแฟตอนตื่นนอน: “เปล่าประโยชน์! คุณกินเร็วเกินไป” คอกาแฟที่ตื่นมาต้องกระดกแก้วแรกทันที โปรดฟังทางนี้... คุณหมอพนิตบอกว่า นั่นคือการเสียของ! ดื่มกาแฟให้เป็น (จากปากหมอ) 🩺 “ตอนเราตื่นนอนเช้าเนี่ย แบตเตอรี่สมองเรามัน ‘เต็ม 100%’ อยู่แล้วครับ ร่างกายเพิ่งพักมา พลังงาน (ATP) มันเต็มเปี่ยม คุณกินกาแฟไปตอนนั้น มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย” แล้วควรกินตอนไหน? “ควรกินหลังจากตื่นนอนไปแล้วประมาณ 2-3 ชั่วโมง ครับ!” เหตุผลคือ: หลังจากเราตื่น 2-3 ชั่วโมง สมองจะเริ่มใช้พลังงาน และจะสร้างสารที่ทำให้ “ง่วง” (Adenosine) ออกมา ทีนี้แหละ... “กาแฟที่คุณกินเข้าไป มันจะไป ‘บล็อก’ ไอ้ตัวที่ทำให้ง่วงพอดี มันถึงจะได้ผลเต็มที่ ทำให้คุณตื่นตัวได้ยาวนานขึ้นครับ!” ปิดท้ายชวนคิด... จากการนั่งคุยกับคุณหมอพนิตวันนั้น สิ่งที่ผู้สื่อข่าวได้เรียนรู้ไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพ แต่คือ “ศิลปะการดูแลตัวเอง” ที่เรามักมองข้ามรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไป การตื่นมาฉี่กลางดึกอาจเป็นสัญญาณเตือนว่ากล้ามเนื้อน่องเราเริ่มไม่แข็งแรง... การตากแดดผิดเวลา อาจทำให้เราขาดวิตามินดีโดยไม่รู้ตัว... หรือการดื่มกาแฟผิดจังหวะ ก็อาจทำให้เราไม่ได้ประโยชน์จากมันเต็มที่... สุขภาพดีเริ่มต้นจากการ “รู้ให้จริง” และ “ปรับให้ถูก” ครับ ว่าแต่... พรุ่งนี้เช้า คุณจะยังตากแดด 7 โมง และดื่มกาแฟทันทีที่ตื่นนอนอยู่หรือเปล่าครับ? #สืบจากข่าว รายงาน --- ดูคลิปในเฟซบุ๊ก >> https://www.facebook.com/share/v/1DuPuA8GVV/สุขภาพไม่ระบุชื่อ• 1 เดือนที่แล้ว
- 2 คนสงสัยเปิดไอเดียสุดเจ๋งของเยาวรุ่น ร่วมแก้ปัญหาข่าวลวง สร้างนวัตกรรมพร้อมข้อเสนอผลักสู่ระดับนโยบาย11 ก.พ. 2565 12:30 น. ข่าว ทั่วไทย ข่าวประชาสัมพันธ์ เปิดไอเดียสุดเจ๋งของเยาวรุ่น ร่วมแก้ปัญหาข่าวลวง สร้างนวัตกรรมพร้อมข้อเสนอผลักสู่ระดับนโยบาย สิ้นสุดแล้วโครงการ “FACTkathon” นักศึกษาร่วมระดมสมองส่งผลงานนวัตกรรมเข้าประกวด เพื่อแก้ปัญหาข่าวลวง ข่าวปลอม พร้อมผลักดัน 7 ข้อเสนอให้เกิดเป็นนโยบายแก้ปัญหาเฟกนิวส์เกลื่อนโลกออนไลน์ เปิดไอเดียสุดเจ๋งของเยาวรุ่น ร่วมแก้ปัญหาข่าวลวง สร้างนวัตกรรมพร้อมข้อเสนอผลักสู่ระดับนโยบาย ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับกิจกรรมการแข่งขันระดมสมอง “หักล้างมูลเท็จ แสวงหาความจริงร่วม” “FACTkathon : Fact-Collab to Debunk Dis-infodemic” ที่ได้รับการสนับสนุนจาก กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ร่วมกับสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) และเป็นความร่วมมือกับสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ มูลนิธิสภาการหนังสือพิมพ์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มูลนิธิฟรีดริช เนามัน ประเทศไทย (Fnf Thailand) สถาบันเชนจ์ฟิวชั่น ChangeFusion Centre for Humanitarian Dialogue (HD) และ ภาคีโคแฟค (ประเทศไทย) งานนี้นอกจากจะเป็นการประชันไอเดียของคนรุ่นใหม่ระดับมหาวิทยาลัย ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมแก้ปัญหาข่าวลวงที่มากมายในโลกออนไลน์แล้ว ยังมีการระดมข้อเสนอแนะเชิงนโยบายถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแนวทางการหา “ความจริงร่วม” ที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ นำไปสู่การอยู่ร่วมกันในสังคมของผู้ที่มีความเห็นต่างได้อย่างปกติสุข จากการแข่งขันครั้งนี้ทีมที่ได้รับรางวัลที่ 1 ได้แก่ ทีมบอท เป็นการผสมผสานทีมจากนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ มีไอเดียสุดเจ๋ง “Check-on” หรือ “เช็กก่อน” โดยพัฒนาเครื่องมือ Extension เมื่อผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอ่านข่าวในเว็บหรือเห็นภาพต่างๆ แล้วสงสัยว่าจริงหรือไม่ ให้คลุมดำที่ข้อความ คลิกขวา จะมีปุ่ม Check หน้าต่างของ Check-On ขึ้นมาแล้วประมวลผลความน่าเชื่อถือจากฐานข้อมูลที่มีอยู่ อาทิ Cofact ชัวร์ก่อนแชร์ ศูนย์ต่อต้านข่าวลวง เป็นต้น ทีม TU Validator ซึ่งได้รับรางวัลที่ 2 รวมทีมจากคณะต่างๆ ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เสนอแพลตฟอร์มเป็นเว็บไซต์ที่เปิดให้ทุกคนเข้ามาร่วมค้นหาความจริงด้วยกัน พร้อมรับคะแนนและของรางวัล เพื่อสร้างชุมชนในสังคมออนไลน์ ให้ผู้ใช้งานได้มีการถกเถียง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อข้อมูลต่างๆ จัดกิจกรรม Debate ถกประเด็นกัน เชื่อว่าความจริงต้องเกิดขึ้นได้ สำหรับทีมที่ได้รับรางวัลที่ 3 คือ ทีม New Gen Next FACTkathon เป็นการรวมตัวของนักศึกษาคณะต่างๆ จากมหาวิทยาลัยพายัพ ออกแบบการนำข้อมูลข่าวสาร มาถ่ายทอดในรูปแบบของการ์ตูน ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันด้วยการสร้างการ์ตูนลงแพลตฟอร์มหนังสือการ์ตูนออนไลน์ (Webtoon) เพื่อเสริมสร้างทักษะการอ่านและได้สอดแทรกความรู้เกี่ยวกับการตรวจสอบข่าวลวงไปด้วย พร้อมมีลูกเล่นด้วยการให้ผู้อ่านมีส่วนร่วมไขปริศนา โหวตว่าจริงหรือไม่จริง โดยให้สิ่งตอบแทนเป็นเหรียญ สำหรับใช้เปิดอ่านตอนต่อไป นอกจากกิจกรรมการประกวดเสนอแนวคิดนวัตกรรมแล้ว ยังได้จัดการประชุมเพื่อร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาและข้อเสนอแนะที่จะแก้ปัญหาข่าวลวงอย่างยั่งยืน ซึ่งเห็นตรงกันว่าต้องผลักดันให้เกิดนโยบายที่แก้ปัญหาข่าวลวงที่เกลื่อนโลกออนไลน์ร่วมกันด้วย ดังนี้ 1) ทวงถามความรับผิดชอบกับผู้ผลิตและส่งต่อข่าวลวง : มีข้อเสนอแนะให้มีวิธีการป้องกันและแก้ไขข้อความผู้ผลิตและผู้ส่งต่อข่าวลวง ที่จะช่วยลดการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นลงได้ 2) ให้ความสำคัญกับทักษะ “รู้เท่าทันสื่อ” : การรู้เท่าทันสื่อ (Media Literacy) ไม่ใช่วิชาที่เกิดขึ้นใหม่ในยุคดิจิทัล แต่ถูกพูดถึงเรื่องนี้นับตั้งแต่มีการเกิดขึ้นของสื่อมวลชนยุคอนาล็อก (วิทยุ โทรทัศน์ และสื่อสิ่งพิมพ์) เช่น กลยุทธ์หรือเทคนิคที่ใช้ผลิตเนื้อหาผ่านสื่อแต่ละประเภทใช้ส่งสารถึงปัจเจกชนหรือกลุ่มคนซึ่งเป็นผู้รับสาร บทบาทของสื่อต่อการสร้างกระแสค่านิยม หรือวัฒนธรรมต่างๆ ในสังคม เมื่อโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัล การผลิตและส่งต่อข้อมูลข่าวสารเพิ่มมากขึ้นทั้งกว้างขวางและรวดเร็ว การรู้เท่าทันสื่อจึงยิ่งมีความสำคัญเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อข่าวลวงหรือข้อมูลบิดเบือน ความเข้าใจในแพลตฟอร์มออนไลน์ อาทิ Facebook, Twitter, Instagram, Line ฯลฯ ถูกออกแบบมาให้ทำงานอย่างไร และผู้ผลิตเนื้อหา (Content) ใช้วิธีการอย่างไรในการสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มเหล่านี้เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผู้รับสาร ซึ่งจะซับซ้อนกว่าสื่อดั้งเดิม เช่น แพลตฟอร์มบางชนิดสามารถใช้วิธีการบางอย่างเพื่อให้สาร (ข้อความ ภาพ คลิปวิดีโอ คลิปเสียง) ถูกมองเห็นอย่างกว้างขวางและในความถี่ต่อเนื่อง หรือมีสถิติการส่งต่อจำนวนมาก ผู้ที่ไม่รู้เท่าทันวิธีการเหล่านี้อาจเชื่อไปก่อนแล้วว่าเป็นเรื่องจริงโดยไม่ได้ตรวจสอบ 3) ลดความเหลื่อมล้ำด้านการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล : แม้เด็กและเยาวชนรุ่นใหม่จะถูกมองว่าเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Native) จึงใช้งานได้คล่องกว่าคนวัยอื่นๆ ที่อาจจะเพิ่งรู้จักเทคโนโลยีดิจิทัลในวัยกลางคนหรือวัยเกษียณ แต่ในความเป็นจริงก็ยังพบช่องว่าง กล่าวคือ เด็กและเยาวชนในครัวเรือนที่ไม่มีทุนทรัพย์จัดหาเครื่องมือเชื่อมต่อ (Device) อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน และเข้าไม่ถึงโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ด้านดิจิทัล อาทิ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่สัญญาณมีความเสถียร ย่อมมีข้อจำกัดในการเรียนรู้และฝึกฝนทักษะการรู้เท่าทันสื่อดิจิทัลเมื่อเทียบกับเด็กและเยาวชนในครัวเรือนที่มีความพร้อม 4) สนับสนุนบทบาทขององค์กรที่ทำงานต่อต้านข่าวลวงที่มีอยู่แล้ว ให้สามารถนำข้อมูลไปถึงผู้คนได้ง่าย : ปัจจุบันมีความพยายามจากหลายฝ่ายในการต่อสู้กับปัญหาข่าวลวง ทั้งภาครัฐที่มีศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) ภาคสื่อมวลชนที่มีศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ของ อสมท. และภาควิชาการ-ประชาชน ที่รวมตัวกันในนามโคแฟค ซึ่งนอกจากจะสนับสนุนให้องค์กรเหล่านี้ทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วแล้ว ควรพัฒนาเครื่องมือดิจิทัลที่เมื่อผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตไปพบข้อมูลบางอย่างแล้วสงสัย สามารถส่งไปประมวลผลกับระบบขององค์กรข้างต้นได้ทันทีว่าเคยมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วหรือไม่ เนื่องจากพบว่าข่าวลวงหลายข่าวมักมีลักษณะ “แชร์วนซ้ำ” บางเรื่องพิสูจน์กันไปแล้วหลายปีว่าไม่จริงแต่ก็ยังมีการส่งต่อวนกลับมาอีก 5) ขยายแนวร่วมตรวจสอบข่าวลวงสู่ระดับท้องถิ่น : ในความเป็นจริงที่การสื่อสารรวดเร็ว ข้อมูลถูกผลิตและส่งต่ออย่างมหาศาล ข่าวลวงหรือข้อมูลบิดเบือนจึงมีความหลากหลายซึ่งบางเรื่องอาจจะไม่ได้เป็นกระแสมากพอที่องค์กรจากส่วนกลางจะมองเห็นและเข้าไปตรวจสอบ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสร้างแนวร่วมในระดับชุมชน ซึ่งอาจเป็นสื่อมวลชนท้องถิ่น หรือแกนนำชุมชน (กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. ฯลฯ) โดยให้ผู้ที่สนใจประเด็นข่าวลวงมาฝึกฝนทักษะการตรวจสอบ รวมถึงพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะว่าจะส่งเสริมเรื่องนี้ในระดับท้องถิ่นของตนเองอย่างไร เพราะแต่ละพื้นที่นั้นมีบริบททางสังคมไม่เหมือนกันผู้บริโภคเฝ้าระวังstd48026• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยทฤษฎี "ลิงโกง"ทฤษฎี "ลิงโกง" เรื่องน่าคิด น่าอ่าน มากๆ อย่าพลาด คุณคิดว่าพฤติกรรมการโกงนั้นจะส่งผลต่อวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตอย่างไรบ้าง? บทความน่าสนใจจาก “นณณ์ ผานิตวงศ์” ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ www.siamensis.org อธิบายเรื่องนี้ด้วยหลักชีววิทยา Evolutionary Stable Strategy โดย นณณ์ ผานิตวงศ์ เคยเห็นลิงหาเห็บหาเหาให้กันไหมครับ? ตัวนี้หาให้อีกตัว แล้วก็มีอีกตัวหาให้อีกตัว เสร็จแล้วมันก็ผลัดกันวนๆ หาให้กัน ถ้าทำอย่างนี้ทุกตัวในฝูงก็จะไม่มีเห็บมีเหาเหมือนกันเพราะต่างตัวต่างช่วยกันผลัดกันหา ทีนี้ลองนึกภาพว่ามีลิงหัวหมอตัวหนึ่ง เกิดเอาเปรียบเพื่อน นั่งให้เพื่อนหาเสร็จแล้วแทนที่จะหาให้เพื่อนบ้าง ก็หนีไปหาอะไรกินเสียอย่างนั้น ลิงที่ “โกง” ตัวนี้ได้เปรียบเพื่อนฝูงชัดเจนมาก เพราะกินแรงเพื่อนอย่างเดียว ถ้าไม่มีลิงตัวไหนจับได้ปล่อยให้เป็นแบบนี้ ลิงตัวนี้มีแนวโน้มสูงมากที่จะประสบความสำเร็จกว่าเพื่อนๆ ตามสังคมลิงคงไม่ใช่ได้ตำแหน่งหรือเงินทอง แต่อาจจะมีลูกที่แข็งแรงและโตเร็วกว่าตัวอื่นๆ เพราะแม่มีเวลาหาอาหารมากกว่าเพื่อน เพราะโกงแรงงานเพื่อน ทีนี้สมมติว่าแม่ลิงขี้โกงมีลูกสามตัวก็สอนให้ลูกลิงขี้โกงด้วย คือไปนั่งให้เพื่อนหาเห็บเสร็จแล้วไม่หาคืนให้เพื่อน พากันไปหากินเที่ยวเล่นหาผัวหาเมียไปเรื่อย ปรากฏว่าครอบครัวนี้ประสบความสำเร็จสืบต่อกันหลายชั่วลิง เพิ่มจำนวนประชากรลิงโกงขึ้นเรื่อยๆ ถามว่าความซวยจะตกแก่ใคร? ถ้าหากมีประชากรลิงขี้โกงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ลิงนิสัยดีที่โดนเอาเปรียบจะมีเห็บเหาเต็มตัวและมีเวลาหากินน้อยกว่าประชากรลิงโกง ลิงนิสัยดีในฝูงก็จะมีจำนวนน้อยลงไปเรื่อยๆ และเมื่อถึงจุดหนึ่ง ลิงดีก็จะมีจำนวนน้อยเกินไปที่จะมาคอยนั่งหาเห็บหาเหาให้ลิงโกงเปล่าๆ ปรี้ๆ ผลก็คือลิงโกงก็จะมีเห็บเหา และไม่มีใครให้เอาเปรียบอีก เมื่อถึงจุดนั้น ประชากรลิงฝูงนี้ก็จะมีปัญหาเห็บหมัดและเหารุนแรงจนอาจจะล่มสลายไปก็เป็นได้ นี่คือสิ่งที่ถูกเรียกว่า “กลยุทธทางวิวัฒนาการที่ไม่เสถียร” (Evolutionary Unstable Strategy) คือการโกงจะทำให้ผู้ที่ถูกเอาเปรียบอ่อนด้อยลงเรื่อยๆ และเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งก็จะไม่เหลือใครให้โกงและเอาเปรียบ ในที่สุดแล้วทุกคนจะเป็นผู้แพ้ในกลยุทธเช่นนี้ แต่ในทางกลับกันถ้าลิงทั้งฝูงทุกตัวร่วมมือร่วมใจกัน ช่วยเหลือกันไม่โกงกัน เอ็งหาเห็บให้ข้า ข้าหาเหาให้เอ็ง ลิงทั้งฝูงก็จะอยู่ร่วมกันได้อย่างปรกติสุขตราบนานเท่านาน แบบนี้เรียกว่าเป็น Evolutionary Stable Strategy (ESS) หรือ "กลยุทธทางวิวัฒนาการที่เสถียร" กล่าวคือถ้าหากมีการใช้กลยุทธเช่นนี้ในสังคมแล้วจะทำให้สังคมนั้นๆ ดำรงค์ต่อไปได้อย่างยั่งยืน ในกรณีนี้คือการร่วมมือกันต่างตอบแทนกันไม่โกงกันของสัตว์สังคมอย่างลิงอย่างคน จะทำให้สังคมก้าวไปข้างหน้าได้ จะเห็นว่าการโกง แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ ถ้าหากมีการยอมรับและปล่อยให้สะสมไปเรื่อยๆ ก็จะก่อให้เกิดเรื่องใหญ่ได้ ที่เขียนเรื่องนี้เพราะมีเพื่อนส่งคำถามนี้มาถาม "ถ้ามีรัฐบาลอยู่ 2 ประเภท โดยทั้งสองประเภทมีงบประมาณเท่ากันคือ 100 บาท ประเภทที่ 1 โกงไป 80 บาท แต่ทำงานเป็น ใช้เงิน 20 บาทบริหารประเทศ ทำให้ประชาชนได้รับความสุขความเจริญ สร้างความมั่นคงให้ชาติได้เป็น 100 บาทเท่าเดิม ส่วนประเภทที่ 2 เป็นคนดี สะอาด แต่ทำงานไม่เป็น ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ใช้เงิน 100 บาท แต่สร้างประโยชน์ให้ประชาชน...ได้แค่ 5 บาท เป็นคุณจะเลือกแบบไหน?” เลือกยากไหม? แต่ถ้าเอาตาม ESS ยังไงก็ต้องเลือกประเภทที่ 2 เพราะการที่มีคนดีมาเป็นผู้บริหาร ถึงแม้ว่าคนนี้อาจจะด้อยความสามารถ แต่ในทางวิวัฒนาการแล้ว ในที่สุดสังคมนั้นๆก็จะต้องหาคนที่ดีและเก่งมาปกครองบ้านเมืองได้ และจะไม่ล่มสลายไปเสียก่อนเนื่องจากมีตัวอย่างผู้นำที่เป็นคนดี สังคมโดยรวมก็จะเป็นคนดี ไม่เห็นการโกงเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ในสังคม ต่างกับถ้าหากเลือกประเภทที่หนึ่ง คือปล่อยให้มีการโกงเกิดขึ้นในสังคม โดยอ้างว่าโกงไปแล้วทำงานเป็น เอาไปคนเดียว 80 ให้คืนมา 20 แต่ก็ทำคืนอีก 4 เท่าขึ้นมาเป็น 100 ได้ ในระยะสั้น ทางเลือกนี้อาจจะดีกว่าทางเลือกที่สอง แต่ถ้าหากมองให้ไกลไปกว่านั้น คนที่โกง มีหรือที่จะโกงอยู่เท่านั้น? สังคมที่ส่งเสริมคนโกง มีหรือที่จะไปได้ไกล? ลองนึกในทางกลับกัน สังคมที่ส่งเสริมให้คนที่คิดดีได้ปกครองบ้านเมืองถึงแม้จะตำน้ำพริกละลายแม่น้ำไป แต่น้ำพริกนั้นก็ยังตกแก่ส่วนรวมทั้งหมด ถามว่าสังคมที่มีแต่คนดีในที่สุดแล้วจะเป็นไปไม่ได้เชียวหรือที่จะหาคนเก่งมาปกครองบ้านเมืองและลองนึกดูเมื่อถึงวันนั้นคนที่ทำงานเก่งก็จะสามารถทำเงิน 100 มาเป็น 400 ได้ เชียวนะ Homo sapiens ไม่ได้มีวิวัฒนาการเจริญก้าวหน้ามาได้จนถึงทุกวันนี้ จากการสนับสนุนและยอมรับคนโกงในสังคม ผมเชื่อเช่นนั้น หรือถ้าใครอยากลงลึกละเอียดขึ้นแนะนำหนังสือเรื่อง Selfish Gene ของ Richard Dawkins อ่านแล้วการมองโลกของคุณจะเปลี่ยนไปMrs.Doubt• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย🍃🍂ตอนใกล้ตาย” มันมีความรู้สึกอย่างไร🍂🍃 คุณหัชชา ณ บางช้าง เคยค้นคว้าเรื่องนี้มาเขียนใน “ภาวะหลังตาย” และเล่าว่า “กระบวนการตาย” ในระยะต่าง ๆ นั้นเป็นเช่นไร ท่านบอกว่ามันมี 4 ขั้นตอนอย่างนี้ ๑. ระยะแรก เป็นระยะที่ธาตุดินเริ่มสลายตัว กลายเป็นน้ำ ผู้ตายจะรู้สึกอ่อนระโหย ไม่มีแรง การมองเห็นต่าง ๆ เริ่มเสื่อม มองอะไร ๆ ก็ไม่ชัด ทุกอย่างดูมัว ไปหมด ทุกอย่างที่เห็น เหมือนมองไปกลางถนน ขณะแดดจัดๆภาพต่างๆจะเต้นระยิบระยับ เต็มไปหมด ๒. ระยะที่น้ำจะกลายเป็นไฟ ช่วงนั้น น้ำในร่างกายเริ่มแห้งลง จะรู้สึก ชา ๆ ตื้อ ๆ เริ่มหมดความรู้สึก ไล่จากปลายเท้าขึ้นมา ประสาทหูเริ่มไม่รับรู้คือเริ่มไม่ได้ยินเสียง อะไร มองไปทางไหนก็เห็นแต่ควัน ๓. ระยะนี้ไฟเปลี่ยนเป็นลม หูจะไม่ได้ยินอะไรอีกเลย รู้สึกหนาว จับใจ ความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ หยุดหมด ลมหายใจอ่อนลงเรื่อย ๆ จมูกเริ่มไม่รับความรู้สึกเรื่องกลิ่น ๔. ระยะนี้ ธาตุลมจะเปลี่ยนเป็นอากาศธาตุ ตอนนี้ เจตสิกทุกอย่าง รวมทั้งการหายใจ จะหยุดหมดพลังงานทั้งหลายที่เคย ไหลเวียนอยู่ในร่างกายจะไหลกลับคืนไปสู่ ระบบประสาทส่วนกลางหมด ลิ้นแข็ง ไม่รับรู้เรื่องรสชาติใดๆความรู้สึกสัมผัส หมดไป ความรู้สึกอยากโน่น อยากนี่ต่าง ๆ ที่เคยมีก็หมดไป มีความรู้สึกเหมือน อยู่กับแสงเทียนที่กำลังลุกโพลงอยู่เท่านั้น ท่านบอกว่าตอนนี้แหละที่แพทย์จะประกาศว่า ผู้ป่วยในความดูแล “ถึงแก่กรรม” แล้ว (clinical death) นั่นก็คือจุดที่ “เวทนา” ทั้งหมดดับไป สมองและระบบไหลเวียนต่าง ๆ ของร่างกายหยุดทำงานหมด แปลว่ารูปและนาม หรือเบญจขันธ์ ตายไปแล้ว ก็ต้องถกกันต่อไปว่า ถ้าเราเชื่อว่า วิญญาณยังอยู่ต่อเมื่อร่างกายสลายไป จะไปอยู่ที่ไหนอย่างไรต่อไป อ่านเจออีกแหล่งหนึ่งเรื่อง “ลักษณะการตาย” ตามแนวคิดแบบ “เซน” ที่คุณ “โชติช่วง นาดอน” เคยรวบรวมไว้ในหนังสือ “จิตคือพุทธะ” เมื่อนานมาแล้ว ท่านบอกว่าคนเราตายได้สองลักษณะ คือ “ตายอย่างปราศจากที่พึ่ง” และ “ตายอย่างสมบูรณ์ด้วยที่พึ่ง” คนที่ตายย่างแรกนั้นเวลาใกล้จะสิ้นลม มีอารมณ์ผิดไปจากปกติ จิตใจกลัดกลุ้มยุ่งเหยิง เรียกว่า “จิตวิการ” ซึ่งหมายถึงจิตเกิดความปวดร้าวทรมานเพราะ ยัง “ยึดติด” กับหลายเรื่อง หรือที่เรียกว่า “ไม่ยอมตายทั้ง ๆ ที่ต้องตาย” นั่นคือจิตใจยังติดข้องกับอุปาทาน ๔ ประการคือ ๑. ติดอยู่กับทรัพย์สินเงินทอง ๒. ห่วงใยอาลัยในสิ่งที่เป็นรูป และอรูป โดยเห็นว่าเป็นของเที่ยง ๓. มีนิวรณ์ความวุ่นวาย ฟุ้งซ่าน มาห้ามจิตมิให้บรรลุความดี ๔. มีความดูแคลนเมินเฉยในคุณพระรัตนตรัย เขาบอกว่าคนส่วนใหญ่ตายลักษณะอาการ อย่างนี้ เรียกว่าตายอย่างอนาถา ส่วนการตายอย่างสมบูรณ์ด้วยที่พึ่งนั้น แปลว่าคนใกล้ตายมีสติอารมณ์ผ่องใส ไม่หวั่นไหว และซาบซึ้งในวิธีของมรณกรรม และยึดหลัก ๔ ประการคือ ๑. มีอารมณ์เฉย ๆ ซาบซึ้งถึงกฎธรรมดาแห่งความตาย ๒. ซาบซึ้งถึงสภาพการณ์สิ่งในโลกของ ความไม่เที่ยง ไม่เป็นแก่นสาร ๓. รำลึกถึงกุศลกรรมที่ได้ผ่านมาในชีวิต และเกิดปิติปลาบปลื้ม ๔. ยึดมั่นเอาคุณพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง อยู่ตลอดเวลาจนสิ้นลมหายใจ ด้วยเหตุนี้แหละ, จึงเห็นว่าการ “ฝึกตายก่อนตาย”ดั่งที่ท่านพุทธทาส หรือ.. หลวงพ่อ หลวงปู่ ครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะ.. หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี ท่านเคยสอนเรานั้น เป็นเรื่องที่ประเสริฐสุดแล้ว แต่คนส่วนใหญ่กลัวตาย แม้จะเอ่ยถึงคำว่าตายก็รับไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นการ “แช่ง” ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครหนีความตายได้แม้แต่คนเดียว การเรียนรู้ “มรณาอุปายะ” หรือ “ฝึกตายก่อนตาย” นั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญ ทำให้มันสนุกเสีย ให้มันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นน่ายินดี ก็จะทำให้ความทุกข์ระหว่างมีชีวิตอยู่นั้น ลดน้อยถอยลง และเมื่อถึงเวลาที่ต้องจากโลกนี้ไปก็ไม่ตกใจ ไมตื่นเต้น ไม่รันทดและทรมานเพราะ.. ความกลัวและความไม่ต้องการที่จะจากไป ชาวพุทธที่ฝึกปฏิบัติธรรมในสาระจริง ๆ (ไม่ใช่แค่ทำบุญแล้วนึกว่าจะต้องไปสวรรค์ โดยไม่ต้องปฏิบัติธรรม) ก็จะเข้าใจว่า.. “ขันธ์ทั้งห้า” ล้วนไม่เที่ยง ไม่มีความแน่นอน เปลี่ยนแปลงและทรุดโทรม และท้ายสุดก็แตกดับไป และระหว่างที่มรณกาลมาถึงนั้น ขันธ์ห้าก็ย่อมจะแปรปรวน จึงควรจะเตรียมตัวและเตรียมใจไว้ เมื่อความตายมาถึง, เราก็จะได้ไม่ทุรนทุราย และตายอย่างมีสติ และ “รู้เท่าทันความตาย” ซึ่งเป็นสุดยอดของการมีชีวิตอยู่นั่นเอง.. #ธรรมะ #อมตะธรรม #ธรรมะสอนใจ :ღ´¨) ¸.•´¸.•*´¨) ¸.•*¨) (¸.•´ (¸.•` อสงไขย⋰⋱⋰ (✿◠‿◠) Cr.อมตะธรรม ประเทศไทยไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอ่านหน่อยนะ เตรียมตัวไว้นะ คนเยอะแยะบอกเราว่า ทำอย่างไรจึงจะไม่ติดไวรัสโคโรน่า แต่ไม่ยักมีใครสักคนบอกว่า ถ้าเกิดติดไวรัสแล้ว จะต้องทำอย่างไร ขอบคุณนะ คุณพยาบาลในจักรภพอังกฤษที่รวบรวมคำแนะนำนี้ให้เรา นี่เป็นคำแนะนำที่มีเหตุผลบางประการ จากพยาบาลทั่วไปในอังกฤษ นี่เป็นสิ่งที่ดิฉันเจอคำแนะนำว่า แรกที่สุดต้องทำอย่างไร จึงจะหลีกพ้นจากการติดไวรัส: • ล้างมือให้สะอาดหมดจด รักษาอนามัยร่างกาย อยู่ห่างๆ ผู้คน แต่ที่ดิฉันไม่เคยเห็นเลย คือ คำแนะนำว่า ถ้าเกิดติดไวรัสขึ้นมาจริงๆ จะเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง ซึ่งนี่อาจจะเกิดขึ้นกับพวกเราได้นะ ดังนั้น ในฐานะเป็นพยาบาลเพื่อนใกล้บ้าน ดิฉันขอให้คำแนะนำบางประการ: ถ้าคุณ เกิดติดเชื้อ โควิด-19 ขึ้นมา คุณต้องรู้จักเตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อน คล้ายๆกับว่า คุณรู้แล้วว่าคุณโดนไอ้เจ้าเชื้อทางเดินลมหายใจเล่นงานเข้าแล้ว เช่น เป็นมีภาวะหลอดลมอักเสบ หรือ ภาวะปอดบวม คุณต้องนึกไว้นะว่าอาการเหล่านี้จะเกิดกับตัวคุณ คุณต้องเริ่มทำสิ่งต่อไปนี้เดี๋ยวนี้เลย : ให้แสงแดดชะโลมทั่วตัววันละ 20 นาทีทุกวัน (หรือมากที่สุดเท่าที่จะทำได้) แสงแดดจะเพิ่มระดับไวตามิน D ให้คุณมากมาย นี่จะไปเสริมความสามารถของภูมิคุ้มกันของตัวคุณ ถ้ามีกำลังทรัพย์ ให้กินอาหารเสริมดีๆ ร่วมกับไวตามิน C 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน รวมทั้ง สังกะสี ซิลิเนียม และ สารกลูทาไธโอน น้ำมันตับปลายี่ห้อ Scott’s Emulsion ก็เป็นอาหารบำรุงชั้นดีทีเดียว (น้ำมันตับปลาค้อด) สิ่งที่คุณจำเป็นต้องซื้อล่วงหน้าเข้าไว้ก่อน คือ: *กระดาษ Kleenex* *ยาพาราเซตามอล Paracetamol* *ยาแก้ไอ ตามที่ชอบ (ให้ดูฉลากยาด้วย เพื่อให้แน่ใจว่า ยาแก้ไอจะไม่มียาพาราเซตามอลไปเพิ่มอีก) *ยาอมผสมสังกะสี *สะเปรย์พ่นคอ เช่น Andolex หรือ TCP *น้ำผึ้งกับมะนาวก็ได้นะ ดีทีเดียวละ ! ยาหม่อง Vicks* vaporub ก็ดีนะ คนใช้กันเยอะ *เครื่องลดความชื้น ก็ควรจะซื้อมาใช้ในห้องที่คุณจะนอนทั้งคืน (คุณอาจจะใช้วิธีอาบน้ำอุ่นจากฝักบัว และนั่งในห้องน้ำ หายใจเอาไอน้ำเข้าตัวก็ได้นะ) ถ้าคุณเคยเป็นหอบหืด และหมอเคยจ่ายยาพ่นให้ ต้องแน่ใจนะว่า มันยังไม่หมดอายุ ให้หายาพ่นมาสำรองไว้นะ *อาหารการกิน* นี่เป็นเวลาเหมาะแก่การทำอาหารดีๆกิน ให้ทำซุบไว้เยอะๆเลย ใส่ตู้เย็นเอาไว้ พร้อมทุกเมื่อ *น้ำ น้ำ น้ำ* ตุนไว้เลยนะ ของเหลวใสๆที่คุณชอบนั่นแหละ เอาไว้ดื่มกิน น้ำประปาก็น่าจะดีนะ บางครั้งบางคราวคุณอาจนะต้องใช้ *การจัดการกับอาการที่เกิดขึ้น เมื่อมีไข้สูงกว่า 38°c ให้กินยา Paracetamol จะดีกว่ายา Ibuprofen. *พักผ่อนเยอะๆ * คุณไม่ควรออกจากบ้านนะ ! ถึงแม้ว่าคุณรู้สึกดีขึ้น ไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ก็อาจจะมีเชื้อไวรัสอยู่กับตัวไปตั้ง 14 วัน ดังนั้น คนแก่กับคนที่มีปัญหาสุขภาพอยู่แล้ว อย่าไปใกล้เขานะ *ใส่ถุงมือและหน้ากากอนามัย* เพื่อป้องกันไม่ให้กระจายเชื้อไปให้คนอื่นในบ้านของคุณเอง *กักตัว* ในห้องนอน ถ้าคุณไม่ได้อยู่แต่ลำพัง ให้บอกเพื่อนและคนในครอบครัวให้ วางสิ่งที่จะส่งให้คุณไว้ภายนอก เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสติดต่อ *ทำความสะอาด* ซักผ้าปูที่นอน เสื้อผ้าบ่อยๆ และล้างห้องน้ำด้วยน้ำยาทำความสะอาดด้วย *คุณไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล เว้นไว้แต่ว่า คุณกำลังหายใจลำบาก หรือมีไข้สูงมาก(มากกว่า 39°C) แล้ว ใช้หยูกยาต่างๆ ไม่ได้ผล กับผู้ใหญ่ ที่มีสุขภาพดีแล้ว 90% สามารถดูแลได้ที่บ้าน โดยการพักผ่อน ดื่มน้ำ กินยาที่หาซื้อได้จากร้านขายยา ถ้าคุณกังวล หรือไม่สบายใจ รู้สึกว่า ตัวเองอาการจะหนักขึ้น *ความเสี่ยงที่มีอยู่แล้ว* ถ้าคุณมีปัญหาเกี่ยวกับสภาพปอด (เช่น หายใจติดขัด ถุงลมโป่งพอง มะเร็งปอด) หรือกำลังได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ต้องคุยกับหมอแล้วละว่า คุณควรจะทำอย่างไร หากคุณเกิดไม่สบายขึ้นมา *สำหรับเด็กๆ* พ่อแม่ออกจะโล่งใจว่า โคโรนาไวรัส ญาติดีกับเด็กมาก มันมักจะเป็นไม่กี่วันก็หาย (แต่มันก็ยังเป็นเชื้อโรคติดต่อนะ) จึงต้องคำนึงถึงสภาพเด็กๆ ด้วย . *ให้มีสติและตระเตรียมตามควรแก่เหตุ* แล้วทุกอย่างจะไม่เสียหาย จะบอกคุณเอาไว้ว่า ค่า pH ของโคโรนาไวรัสทั้งหลาย มีได้ตั้งแต่ 5.5 ถึง 8.5. สิ่งที่เราต้องทำ ในการจัดการกับไวรัสโคโรนา คือ เราต้องกินอาหารที่มีฤทธิ์เป็นด่าง โดยมีค่า pH สูงกว่าของไวรัส ดังที่บอกไว้ข้างบนนี้ อาหารเหล่านั้น เช่น *มะนาวฝรั่ง - 9.9pH* *มะนาว - 8.2pH* *อะโวคาโด - 15.6pH* *กระเทียม - 13.2pH* *มะม่วง - 8.7pH* *ส้มเขียวหวาน - 8.5pH* *สับปะรด - 12.7pH* *ดอกเก็กฮวย(?) - 22.7pH* *ส้ม - 9.2pH* คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณติดไวรัสโคโรนาเข้าให้แล้ว? 1. คันคอ 2. คอแห้ง 3. ไอแห้งๆ 4. มีไข้ตัวร้อน 5. หายใจถี่ หอบ 6. ไม่ได้กลิ่น และไม่รู้รส 7. นิ้วเท้า มีสีเขียวคล้ำ หรือดำ ดังนั้น เมื่อใดมีอาการอย่างนี้ให้กินน้ำอุ่น ร่วมกับน้ำมะนาวเข้าไปเลย อย่าเก็บข้อมูลนี้ไว้ กรุณาส่งต่อๆไปให้คนในครอบครัวและเพื่อนๆด้วยนะโควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัย⏰ถ้าไม่อ่าน..คุณจะเสียใจ💥 ■ รองเท้าเด็กน้อยถูกคลื่นทะเลซัดหายไป..เด็กน้อยเขียนที่ริมหาด ว่า.⭐." ทะเลคือขโมย " (black small square)อีกชายฝั่งของทะเลชาวประมงหาปลาได้เป็นจำนวนมาก..ชาวประมงเขียนที่หาดทรายว่า... " ⭐ทะเลคือผู้ให้ " ◾ชายหนุ่มคนหนึ่งจมทะเลตาย..แม่ของเขาเขียนที่ชายหาดว่า.. " ⭐ทะเลคือฆาตกร " . ◾ชายชราเดินหลังค่อม ก้มหน้าเดินถือไม้เท้า พบไข่มุกอันล้ำค่า จึงเขียนว่า ⭐." ทะเลคือผู้เมตตา " . ทันใดนั้น " คลื่น " ได้ซัดยังชายฝั่งและลบการเขียนทั้งหมด ! พร้อมกล่าวขึ้นเบาๆ ว่า.. ▪️."อย่าไปสนใจคำตัดสินของผู้อื่น หากเจ้าคิดจะเป็นทะเล " ▪️.อย่าไปวิตกกับสิ่งที่ผ่านมา ความพ่ายแพ้ หรือความผิดหวัง ความสุข หรือความทุกข์ เพราะหากชีวิตมนุษย์จะเรียบง่าย คงไม่เริ่มต้นด้วยการร้องไห้เมื่อแรกเกิด ▪️คนเรา " เกิดมา " พร้อมกับเสียงร้องไห้ของตัวเอง แต่ ▪️ " ตายไป " พร้อมกับเสียงร้องไห้ของผู้อื่น ช่วงเวลาระหว่างนั้น เรียกว่า " ชีวิตคน " ▪️แมวชอบกินปลา แต่แมวลงน้ำไม่ได้ ▪️ปลาชอบกินไส้เดือน แต่ขึ้นฝั่งมากินไส้เดือนไม่ได้ ▪️ ชีวิตคนเรา " มีได้ - มีเสีย " มีทั้ง "ได้เลือก" และต้อง "ล้มเลิก" ▪️.ในชีวิตคนเราไม่มีทางที่ทุกอย่างจะเป็นไปดั่งใจนึกได้หมด .▪️จงอย่าไปคิดเล็กคิดน้อยกับใครเพราะมันไม่คุ้ม ▪️จงอย่าจริงจังกับ ตัวเองเกินไปเพราะจะทำร้ายตัวเอง ▪️จงอย่าไปจมอยู่แต่อดีต เพราะมันไม่ได้อะไรขึ้นมา.. ▪️จงอย่าจริงจังกับปัจจุบันมากไปเพราะชีวิตยังคงต้องเดินต่อไป.. ▪️ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นของๆ เรานอกจากสุขภาพกายที่แข็งแรง (⭐อันมาจากสุขภาพใจที่เข้มแข็ง เปี่ยมกำลังใจ) ▪️อย่าได้อวดเรื่องเงินเรื่องทอง ตายไปก็กลายเป็นเพียงเศษกระดาษ ▪️.อย่าได้อวดเรื่องหน้าที่การงาน ลาออกไปแล้วจะมีคนมาแทนที่คุณและอาจทำได้ดีกว่าคุณ ▪️อย่าอวดเรื่องบ้านเรื่องรถ ตายไปแล้วก็เป็นของทายาท..คุณหมดเวลา ▪️คุณอวดเรื่อง"สุขภาพแข็งแรง"จะดีกว่า คนอื่นตายไปแล้วคุณยังนอนเล่นริมทะเลนั่งจิบชามองดูลูกหลาน..อย่างมีความสุขและเข้าใจในชีวิต. ⭐ "10 ปี 7 ครั้ง" ค่อยๆตั้งใจอ่าน เปิดใจรับแล้วจะพบแต่ความสุขที่ได้เกิดมาบน โลกใบนี้..... ▪️"ชีวิตคนเราจะมีสิบปีสักกี่ครั้งกัน" ชอบประโยคนี้มากมันจริงอย่างยิ่ง ▪️ถ้าคนเราอายุเฉลี่ย 70 ปี เราก็มี 10 ปีแค่ 7 ครั้ง ▪️1. สิบปีแรก...หมดไปกับความไร้เดียงสา ▪️2. สิบปีต่อมา...หมดไปกับการศึกษาเล่าเรียน ▪️3. สิบปีต่อมา...หมดไปกับการทำงานและการใช้ชีวิต ▪️4. สิบปีต่อมา...หมดไปกับการสร้างฐานะ สร้างครอบครัว ▪️5. สิบปีต่อมา...หมดไปกับการลงหลักปักฐาน รักษาสิ่งที่หามา ▪️6.สิบปีต่อมา...หมดไปกับการดูแลรักษาสุขภาพกายใจให้แข็งแรง ▪️7.สิบปีสุดท้าย...หมดไปกับการปล่อยวางทุกสิ่งรอคอยการกลับบ้าน ▪️แต่ละสิบปีผ่านไป... ไวเหมือนโกหกอีกไม่นานปีนี้ก็จะผ่านไป ▪️มีอะไรที่เราทำไปแล้วมากมายและก็ยังมีอะไรอีกมากมายที่เรายังไม่ได้ทำ ▪️ เวลา คือ หน่วยเงินในกำมือของเราที่เอาไปแลกสิ่งอื่น - เราเอาเวลาไปแลกงาน - เราเอางานไปแลกเงิน - แต่เราก็ไม่เคยเอาเงินไปแลกเวลาคืนกลับมาได้สักที ▪️ถ้า 'ธนาคารเวลา'มีจริง เราก็ไม่เคยมีสมุดบัญชีสักเล่มที่จะให้เราดูได้..ว่าตอนนี้เหลือเวลาอยู่เท่าไหร่? ◾เรารู้ว่าเราใช้"สิบปี"ของเราไปกี่ครั้งแล้ว ◾แต่เราไม่อาจรู้ว่า... เราจะใช้"สิบปี"ที่เหลือของเราได้ครบมั้ย ▪️แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับเราใช้เวลาสิบปีของเราไปคุ้มค่าหรือเปล่า ▪️เมื่อเราหันหลังกลับมาขอให้พูดได้เต็มปากว่าเราใช้มันไปอย่างไม่น่าเสียดาย ⭐ ชี วิ ต ค น เ ร า จ ะ มี "สิ บ ปี" สั ก กี่ ค รั้ ง กั น? ⭐ ใช้สิบปี เจ็ดครั้งของเรา ใ ห้ คุ้ ม ค่า สวัสดีกับสิบปีปัจจุบันของท่าน เขียนดีมาก อ่านให้จบ คุณอาจจะหัน มารักตัวเอง... ⭐สรุป: ชีวิตที่เรียบง่าย ให้สนุกกับการใช้ชีวิต 30% ที่เป็นของคุณ ⭐- ไม่เจ็บปวดแต่ก็ต้อง บำรุง ⭐- ไม่กระหายแต่ก็ต้อง ดื่มน้ำ ⭐- ว้าวุ่นแค่ไหนก็ต้อง ปล่อยวาง ⭐- มีเหตุมีผลแต่ก็ต้อง ยอมคน ⭐- มีอำนาจแต่ก็ต้องรู้จัก ถ่อมตน ⭐- ไม่เหนื่อยแต่ก็ต้อง พักผ่อน ⭐- ไม่รวยแต่ก็ต้อง รู้จักพอเพียง ⭐- ธุระยุ่งแค่ไหนก็ต้องรู้จัก พักผ่อน ⭐- หมั่นเตือนตน : ชีวิตนี้สั้นนัก 🔺️# อยากกิน...กิน 🔺️# อยากเที่ยว....เที่ยว 🔺️# เรื่องกลุ้มอย่าเก็บไว้ 🔺️# ไม่เครียด ปล่อยวาง 🔺️# สุขสบายทุกเพลา ◾ เวลาที่ยังจับมือไหว ให้เชิญเพื่อนมาสังสรรค์ หรือออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆบ้าง ◾ เวลาที่ยังกอดไหว ให้โอบกอดให้ชื่นใจ ◾ ทำหน้าที่พ่อ แม่ ลูก สามี ภรรยา พี่ น้อง และเพื่อนที่ดีต่อไป ▪️ ครอบครัวสุขสรรค์ มาก่อนเสมอ !!! ▪️ เวลาที่อยู่ด้วยกัน อย่าได้โกรธกันง่ายๆ ▪️ที่สำคัญ ต้องเป็น "ผู้ให้" ก่อนเสมอ ▪️เต็มใจ - สุขใจ ที่เป็นผู้ "ให้" ▪️รู้จัก "ขอโทษ" และ "สำนึกผิด" ทุกครั้งที่ทำ "ผิด" ▪️ ท้ายสุด "ปล่อยวาง" และ "พอเพียง" ⭐ คิดดี ทำดี พูดดี...มีสุข # ถ้าคุณส่งให้เพื่อนๆแสดงว่าคุณเป็นคนรักและหวังดีกับเพื่อนคุณ #ถ้าไม่ส่งแสดงว่าคุณรักแต่ตัวเองไม่คิดจะเผื่อแผ่ความสุขให้คน รอบข้างและเตือนสติเพื่อนของคุณไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยกล่องสุ่มตำรวจ ปคบ.บุกจับ “นารา เครปกะเทย” คาบ้านแฟนหนุ่ม ที่บางปะอิน หลังไลฟ์สดหลอกขายกล่องสุ่มหลายราคาตั้งแต่ 1 หมื่นถึง 1 แสนบาท โฆษณาจะได้เงินสดและทองคำน้ำหนักตามแต่ราคาที่ซื้อ เมื่อผู้เสียหายโอนเงินให้กลับไม่ได้กล่องสุ่มตามที่ตกลง เผยเจ้าตัวไม่สะทกสะท้านระหว่างคุมตัวถึง ปคบ. ทั้งร้องเพลงสลับกับขายของ ด้าน ผบก.ปคบ.ระบุยอดเสียหายขณะนี้ประมาณ 1 ล้านบาท เชื่อยังมีเหยื่ออีกมากที่ยังไม่เข้าแจ้งความpeerawitjanpaitoon• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยใส่บราทุกวัน หน้าอกจะไม่หย่อนคล้อย??ใส่บราทุกวัน หน้าอกจะไม่หย่อนคล้อย Jean-Denis Rouillon ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา ชาวฝรั่งเศส ได้ศึกษาหน้าอกของผู้หญิงหลายร้อยคนในช่วง 15 ปี และพบว่าโดยทั่วไปแล้วผู้ที่ไม่สวมเสื้อชั้นในจะมีหัวนมที่สูงขึ้นและมีตำแหน่งที่ดีกว่าผู้ที่สวมใส่ทุกวัน นอกจากนี้ยังกล่าวว่าบราไม่มีความจำเป็นต่อผู้หญิงเลย เพราะไม่สามารถป้องกันหน้าอกจากความหย่อนคล้อยตามแรงโน้มถ่วง แต่กลับยิ่งทำให้หน้าอกอ่อนแอและไม่กระชับอีกด้วยภัทรลภา ปลอดขันเงิน• 2 ปีที่แล้ว
- 4 คนสงสัยแค่แปะแผ่นนี้ก็”ผอม”ได้แผ่นแปะสะดือช่วยลดไขมันจริงหรือไม่ความสวยความงามsanukulmallika• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยลด 6 กิโลใน 1 เดือน ทำได้จริง แบบปลอดภัย ไม่โยโย่เราชงดื่มวันละ 1 ซอง ปรากฏว่า 1 เดือนผลคือน้ำหนักลงไป 6 กิโล ดีใจมากกกก!!std48317• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยห้ามโอนเงินผ่านwifiสาธารณะเสี่ยงถูกแฮ็กบัญชีในพื้นที่สาธารณะจุดนี้มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากมิจฉาชีพสามารถดัดแปลงหรือสร้างwifi เพื่อให้ผู้ใช้งานเข้าถึงได้ง่ายที่สุดและนำข้อมูลของผู้ใช้งานนั้นไปใช้ในทางที่ไม่ดีหรือทำให้เสียหายได้ผู้บริโภคเฝ้าระวังjaruwan91492• 3 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยอายุ 18 รับเงินไปเลย รัฐใจดี ให้ 5,000 เที่ยวสงกรานต์อายุ 18 รับเงินไปเลย รัฐใจดีให้ 5,000 เที่ยวสงกรานต์มะเร็งโควิด 2019Mrs.Doubt• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยมวลอากาศเย็นมาแล้ว! เหนือ-อีสาน หนาว กทม.เย็น 23 องศา ฝนตกร้อยละ 40 https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_5223256ไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยมีคนในโลกออนไลน์โพสท์ว่า ไทยขึ้นอันดับ 1 สาธารณสุขของโลก จริงหรือคะมีโพสท์ของท่านหนึ่งในเฟสบุค โพสท์ว่า ประเทศไทยขึ้นอันดับหนึ่งของโลกจาก 195 ประเทศ จริงหรือคะข่าวการเมืองสุขภาพโควิด 2019มีมanonymous• 6 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยมีกระแสข่าวว่าเชื้อโคโรน่าไวรัสเป็นอาวุธชีวภาพของรัฐบาลจีนหรือไม่ก็สหรัฐเก็บไว้แล้วทำพลาดหลุดออกมา?ทั้งสหรัฐฯ และจีนต่างเคยสนใจที่จะสร้างอาวุธชีวภาพ ด้านสงครามเชื้อโรคโควิด 2019naruemonjoy• 6 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย#มีความจำเป็นต้องอ่านเพื่อรู้เท่าทันไม่หลงเป็นเหยื่อทำลายประเทศชาติตัวเอง #สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่เคยใช้ภาษีประชาชน สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ลงทุนหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย # ซึ่งต้องชำระภาษีอากรเช่นเดียวกับบริษัททั่วไป มีข้อมูลเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ดังต่อไปนี้ บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) - ทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ - ถือหุ้นร้อยละ 98.54 จำนวน 49,272,239 หุ้น (ออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2551) บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SET:SCC) - ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 1,200 ล้านบาท ราคาตลาดหุ้นละ 474 บาท สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ - ถือหุ้นร้อยละ 30 จำนวน 360 ล้านหุ้น บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด - ถือหุ้นร้อยละ 1.6 จำนวน 19.22 ล้านหุ้น ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SET:SCB) - ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 33,944.38877 ล้านบาท ราคาตลาดหุ้นละ 144 บาท สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ - ถือหุ้นร้อยละ 21.3 จำนวน 722.941958 ล้านหุ้น บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด - ถือหุ้นร้อยละ 2.43 จำนวน 82.3678 ล้านหุ้น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (SET:DIF) - ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 58,080 ล้านบาท ราคาตลาดหุ้นละ 12.2 บาท บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด - ถือหุ้นร้อยละ 0.86 จำนวน 50 ล้านหุ้น บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) (SET:JMART) - ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 524.463106 ล้านบาท ราคาตลาดหุ้นละ 9 บาท บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด - ถือหุ้นร้อยละ 0.61 จำนวน 3.1827 ล้านหุ้น บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (SET:PTG) - ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 1,670 ล้านบาท ราคาตลาดหุ้นละ 16.3 บาท บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด - ถือหุ้นร้อยละ 0.5 จำนวน 8.3521 ล้านหุ้น และยังมีการลงทุนในบริษัทดังต่อไปนี้ -สยามพิวรรธน์ -ดอยคำ -บริษัท สยามสินธร จำกัด -บริษัท นวุติ จำกัด -บริษัท เอเพ็กซ์เซล่า จำกัด -บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด -เครือโรงแรมเคมปินสกี้ (จากประเทศเยอรมนี ซึ่งสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์) -บริษัท หินอ่อน จำกัด -บริษัท ฮอนด้าออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด -บริษัท องค์การเภสัชกรรม - เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด -บริษัท ปตท.จำหน่ายก๊าซธรรมชาติ จำกัด -บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด -บริษัท นันทวัน จำกัด (ไทยโอบายาชิ) -บริษัท พรีมัส (ประเทศไทย) จำกัด -มหาวิทยาลัยเอเชียน บริษัทในเครือ สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ดำเนินการจัดตั้งบริษัทในเครือขึ้น 2 แห่ง เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการสินทรัพย์ต่างๆ โดยชำระภาษีอากรเช่นเดียวกับบริษัททั่วไป ดังต่อไปนี้ บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด - ทำหน้าที่บริหารการลงทุนในหุ้นอื่นๆ บริษัท วังสินทรัพย์ จำกัด - ทำหน้าที่ดูแลการลงทุนอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ผลการดำเนินงาน ภายหลังการมีสถานะเป็นนิติบุคคลในปี พ.ศ. 2491 สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ มีการบริหารงานเช่นเดียวกับองค์กรทั่วไป จนกระทั่งเมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจใน พ.ศ. 2540 ซึ่งบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ถือหุ้นอยู่ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จึงมีการปรับปรุงการบริหารงานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง และกิจการต่างๆ ที่ลงทุน เริ่มฟื้นตัวได้ในปี พ.ศ. 2546จึงทำให้สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ มีรายได้ในปีนั้นที่ประมาณ 3,800 ล้านบาท จากการแถลงข่าวประจำปี พ.ศ. 2548 ของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ โดยจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานฯ แจ้งว่าในปี พ.ศ. 2547 สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ มีรายได้ประมาณ 5 พันล้านบาท โดยประมาณร้อยละ 90 เป็นรายได้จากเงินปันผลของหุ้นที่ลงทุนใน บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ และ บมจ.เทเวศประกันภัย ที่เหลืออีกประมาณร้อยละ 8 หรือประมาณ 400 ล้านบาท เป็นรายได้จากค่าเช่าที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ 👉 https://bit.ly/2CBG1oO Cr. Tharnn Noiplookไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: middle1 ความเห็น
- 2 คนสงสัยคุณรู้อะไรแล้วบ้างเกี่ยวกับ ChatGPT ทั้งข้อดีและข้อพึงระวัง"ปัญญาประดิษฐ์" นอกจากจะมีบทบาทสำคัญต่อแวดวงไอทีแล้ว ยังรุกคืบมาสร้างผลกระทบต่อวงการอื่น ๆ ด้วยไม่ว่าจะเป็นวงการศิลปะ การศึกษา ดนตรี การท่องเที่ยว การเมือง รวมไปจนถึงสื่อมวลชน หลังจากได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องstd48075• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยคุณรู้อะไรแล้วบ้างเกี่ยวกับ ChatGPT ทั้งข้อดีและข้อพึงระวังปัญญาประดิษฐ์" นอกจากจะมีบทบาทสำคัญต่อแวดวงไอทีแล้ว ยังรุกคืบมาสร้างผลกระทบต่อวงการอื่น ๆ ด้วยไม่ว่าจะเป็นวงการศิลปะ การศึกษา ดนตรี การท่องเที่ยว การเมือง รวมไปจนถึงสื่อมวลชน หลังจากได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว บีบีซีไทยได้เล่าถึงข้อถกเถียงในวงการศิลปะจาก AI หลังกระแสการเปิดตัวของ Midjourney ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการศิลปะ เนื่องจากเครื่องมือดังกล่าวสามารถรังสรรค์ศิลปะได้จากคำสั่งของศิลปิน ในปีนี้คำที่กำลังเป็นที่พูดถึงก็คือ ChatGPT หรือ Chatbot Generative Pre-trained Transformer เป็นซอฟท์แวร์ที่ได้รับการพัฒนาให้สามารถตอบโต้กับมนุษย์ในรูปแบบปัญญาประดิษฐ์ โดยมีผู้พัฒนาคือ Open AI บริษัทวิจัยและพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ ที่มีอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีระดับโลกเคยเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งstd47980• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยดร.ณัฎฐ์” ฟันธง “พิธา” ไม่พ้นผิดปมหุ้นสื่อ ตัดสินคดีต้องยึดหลักข้อกม. ซัดกองเชียร์ดูความเป็นจริง ไม่มีใครเขากลั่นแกล้งดร.ณัฎฐ์" ฟันธง "พิธา" ไม่พ้นผิดปมหุ้นสื่อ ตัดสินคดีต้องยึดหลักข้อกม. ซัดกองเชียร์ดูความเป็นจริง ไม่มีใครเขากลั่นแกล้ง จากกรณีที่รายการข่าวสามมิติ ทางช่อง 3 ได้เปิดเผยคลิปส่วนหนึ่งของการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี ประจำปี 2566 จนในเวลาต่อมา มีการวิพากษ์วิจารณ์มาก โดยต่อมา ทางด้านนายคิมห์ สิริทวีชัย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทอินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามในหนังสือถึง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ถึงประเด็นที่สังคมกำลังวิพาก์วิจารณ์ในขณะนี้ ระบุว่าทางบริษัทได้รับทราบข้อมูล และได้ให้ทางคณะกรรมการและฝ่ายจัดการของไอทีวี ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าวที่เกิดขึ้นและหากมีประเด็นใด ๆ ที่จะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ทางไอทีวีจะดำเนินการให้เร็วที่สุดนั้นstd46239• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเมื่อต่างฝ่ายต่างปล่อยข่าวปลอม แล้วเราต้องรู้ทันข่าวปลอมทางการเมืองอย่างไร? [ส่องสื่อ X COFACT EP.1]เมื่อต่างฝ่ายต่างปล่อยข่าวปลอม แล้วเราต้องรู้ทันข่าวปลอมทางการเมืองอย่างไร? [ส่องสื่อ X Cofact Ep.1] 25 มกราคม 2564 กฤตนัน ดิษฐบรรจง บทความชุดนี้ได้รับความร่วมมือในการร่วมผลิตระหว่างทีมกองบรรณาธิการเว็บไซต์ส่องสื่อ , COFACT ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับตรวจสอบข่าวปลอมในประเทศไทย และมูลนิธิฟรีดริช เนามัน (Friedrich Naumann Foundation for Freedom) ประเทศไทยผู้บริโภคเฝ้าระวัง เสียดสีstd48204• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอาหารเสริมของกาละแมร์ Powershotโฆษณาเกินจริง อวดอ้างสรรคุณเกินจริง กินแล้วจมูกจะเข้ารูป หน้ายกกระชับผู้บริโภคเฝ้าระวังstd48083• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยไม่น่าเชื่อถือ! ป.ป.ช.ตีตกข้อเสนอขอกันตัวพยาน 'ผู้ถูกกล่าวหารายสำคัญ' คดีแอร์บัส 10 ลำหลังจากที่ผู้ถูกกล่าวหารายนี้ ได้แจ้งขอความประสงค์ขอให้ ป.ป.ช.กันตัวเองเป็นพยาน โดยแจ้งว่ามีข้อมูลสำคัญ แต่กลับไม่มีและให้การไม่เหมือนกันกับตอนเป็นพยาน ขัดกับพยานปากอื่น กรรมการ ป.ป.ช.เลยไม่เชื่อถือ ตีตกข้อเสนอขอกันตัวเป็นพยานดังกล่าวไป สำหรับคดีนี้ สำนักข่าวอิศรา รายงานข่าวไปแล้วว่า ในช่วงเดือน ธ.ค.2565 ที่ผ่านมา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหานายทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายพิเชษฐ สถิรชวาล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมช.คมนาคม ,นายทนง พิทยะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ บมจ.การบินไทย และนายกนก อภิรดี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย ในความผิดฐานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีการจัดซื้อเครื่องบินแอร์บัสแบบ A340-500 และแบบ A340-600 จำนวน 10 ลำ ในช่วงปี 2546-2547 ทำให้ บมจ.การบินไทย ได้รับความเสียหายชลิษา ล่องวัด• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยลม (พัด) หาย (เข้าไปใน) ใจ รู้จักสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่มาพร้อมกับเราตั้งแต่เกิด จนสุดท้ายของชีวิต แค่นั้นยังไม่พอ ยังสามารถนำพาเราไปสู่ภพภูมิต่างๆ ที่เป็นที่สุด แห่งภพภูมิ ได้อีกด้วย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือ ลม หาย ใจ ณ ปัจจุบันนี้ มีงานวิจัยมากมาย รวมถึงคัมภีร์โบราณ ต่างบรรยายสรรพคุณของ ลมหายใจ ไว้มากมายมหาศาล โดยที่ ผู้ที่นำความลับนี้มาบอกเป็นคนแรก ได้แก่ “พระพุทธเจ้า” นั่นเอง ลมหายใจคือ สิ่งมหัศจรรย์ที่สุดในตัวเรา แต่ก็ เป็นสิ่งที่ถูกมองข้าม มากที่สุด เช่นกัน ลมหายใจ เป็นสิ่งที่มีพลังมหาศาล และเป็นเหตุปัจจัยสำคัญที่ทำให้พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงของจักรวาล แม้ในวันนี้ โลกได้มีวิวัฒนาการกว้างไกลไปมาก มาลองดูวิจัยต่างๆที่เกี่ยวกับลมหายใจดูบ้าง เพื่อที่จะให้ทุกคนได้เห็นคุณค่าของลมหายใจอย่างเป็นรูปธรรม จะได้รู้จักการทำงานของกายและใจของตน ผ่านลมหายใจ ตอนนี้จะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว มาดูกัน 1) ลมหายใจกำหนดอายุขัย รู้ไหมว่า ลมหายใจมีความสัมพันธ์โดยตรงกับอัตราการเต้นของ "หัวใจ" ด้วย สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด มีขีดจำกัดของการเต้นของหัวใจอยู่ที่ 1 พันล้านครั้งในชีวิต หากสัตว์ชนิดไหน "หายใจถี่หายใจตื้น" มันจะอายุสั้น ส่วนสัตว์ชนิดไหน "หายใจช้าหายใจลึก" มันจะอายุยืน ฉะนั้น สิ่งนี้จึงเป็นข้อบ่งชี้ให้คุณประเมินตัวเองได้เลยว่า คุณจะอายุสั้นหรืออายุยืน ก็จะสามารถรู้ได้จากการฝึกดูลมหายใจนี้เอง 2 ) หายใจถูกต้องป้องกันและรักษาโรคร้าย ได้มากมาย -เมื่อเรา "ฝึกลมหายใจให้ลึกและยาว" -คุณจะพบว่าโรคต่างๆ ที่เป็นเรื้อรังมานาน สามารถหายไปได้ ได้แก่ 2.1 โรคไมเกรน - ท่านโกเอ็นก้า วิปัสสนาจารย์มหาเศรษฐีชาวอินเดีย ไปรักษาโรคนี้ที่ไหนก็ไม่หาย สุดท้ายก็หายได้จากการฝึก อานาปานสติ นี่ก็คือต้นเหตุที่ทำให้การปฏิบัติธรรมสายท่านโกเอ็นก้า เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก เฉกเช่นทุกวันนี้ 2.2 โรคหัวใจและโรคความดัน - การ "หายใจลึกและช้า" สามารถลดความดันโลหิตลงได้อย่างเห็นผลทันตา และสามารถช่วยผู้ป่วยที่มีอาการหัวใจกำเริบ ให้อาการดีขึ้นได้ด้วยการ "หายใจลึกๆ และช้า" 2.3 โรคเครียดเรื้อรัง -โรคนี้นำมาซึ่งโรค อื่นๆ เป็นแพคเกจใหญ่เลย ทั้งนอนไม่หลับ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง สารพิษเพิ่มในเลือด -ซึ่งสำหรับวิธีแก้นี้ นพ.แอนดรู ไวล์ แพทย์ชื่อดังเคยกล่าวเอาไว้ว่า “หากจะให้ผมแนะนำเคล็ดลับการมีสุขภาพที่ดีเพียงข้อเดียว ผมจะบอกสั้นๆ แค่ว่า จงฝึก "หายใจอย่างถูกวิธี” 3 ) ลมหายใจกับออกซิเจน -ร่างกายคนเราต้องการออกซิเจน ในการทำทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งกิน กะพริบตา เคี้ยว -นอกจากนั้นการ "หายใจลึกและยาว" จะช่วยบำรุงสมอง รักษาความจำ และชะลอโรคต่างๆ ยิ่งคุณหายใจถูกต้อง "ลึกและยาว" เท่าไหร่ ออกซิเจนก็จะเข้าสู่ร่างกายคุณได้มากมายมหาศาลเท่านั้น และมันจะทำให้คุณฉลาดมากขึ้นเพราะสมองได้รับออกซิเจน ที่เพียงพอ 4 ) หายใจเป็น ทำให้หน้าเด็ก -เมื่อหายใจเป็น หายใจเต็มปอด ออกซิเจนจะไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายอย่างทั่วถึง -ทำให้ใบหน้ามีน้ำมีนวล เต่งตึง สดใส อ่อนกว่าวัย และขับสารพิษได้อีกด้วย 5 ) ลมหายใจเป็นตัวกำหนด ระดับความสำเร็จในชีวิต -คุณควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีแค่ไหน? -รู้ไหมว่า อากาศที่เราหายใจเข้าไป มีผลต่ออารมณ์โดยตรง -หากคุณตื่นเต้น โกรธ กลัว หรือประหม่า ลองฝึก "หายใจเข้าออกยาวๆ" ดู เพราะการหายใจลึกๆ ยาวๆ จะทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนหน้า ที่เป็นตัวบริหารและควบคุมอารมณ์ต่างๆ โดยตรง -สมองส่วนนี้ ยิ่งแข็งแรงมากขึ้นเท่าไหร่ คุณก็จะเป็นอีกคนที่มีสิทธิ์ที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเอง และกำหนดชะตาชีวิตใหม่ให้ตัวเอง ไม่ตกเป็นทาสของความกลัว ความโกรธ ความเกลียด มากขึ้นเท่านั้น 6) สุดท้ายนี้ อยากให้ลองเอาสิ่งที่บอกเล่านี้ ไปฝึกทำดูน่ะ -นั่นก็คือฝึก "หายใจเข้า/ออกให้ยาวๆ" -แรกๆ อาจจะอึดอัด ก็ให้ลดการบังคับควบคุมมัน และออกมาดูว่า ตอนนี้ธรรมชาติของลมหายใจ ที่ไม่เคยฝึกมันก็เป็นแบบนี้ -ค่อยๆ ทำไปและบอกตัวเองเป็นเชิงสัญลักษณ์ เช่น ทุกครั้งที่เห็นวัตถุสีขาว จะกลับมาอยู่กับลมหายใจ และฝึกหายใจยาว -ทำไปสบายๆ สนุกกับมัน สังเกตสิ่งที่ปรากฎขึ้นกับร่างกายและความรู้สึกนึกคิดของเรา ออกมาเป็นผู้รู้ ผู้ดู ผู้สังเกตการณ์ ซะบ้าง -เพราะการเอาแต่ควบคุม ทุกอย่าง โดยไม่รู้จักธรรมชาติของมันนั้น ทำให้เราเป็นทุกข์มานานเกินไปแล้ว ทีนี้ก็ลอง ออกมาเป็นผู้ดู เพื่อเห็นความจริง เกี่ยวกับตัวเองดูบ้าง ทำไปเรื่อยๆ เน้นต่อเนื่องมากกว่า เก่ง แล้วคุณก็จะเป็นอีกคนหนึ่งที่ "หายใจเป็น” และรู้ด้วยตัวเองกับตากับใจว่า ไม่มีสมบัติชิ้นใดจะมีค่ามากไปกว่า “การหายใจอย่างถูกต้อง” อีกแล้ว ขออนุโมทนาในบุญกุศลของทุกท่าน ที่ได้ทำ ด้วยadmin• 1 ปีที่แล้ว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ
