314 ข้อความ
- 2 คนสงสัยใครชอบกินมะม่วงต้องอ่าน!!! เปิดอนาคตวงการแพทย์ คิดไม่ถึงว่า "มะม่วง" จะส่งผลต่อร่างกายขนาดนี้ ถ้าไม่อ่าน ระวังคุยกับคนทั้งโลกไม่รู้เรื่อง!!! ถ้าพูดถึงผลไม้ที่คนไทยนิยมทานกันอย่างแพร่หลาย เชื่อว่าหนึ่งในตัวเลือกของคุณต้องมี "มะม่วง" อยู่อย่างแน่นอน ทั้งมะม่วงเปรี้ยว มะม่วงมัน มะม่วงน้ำปลาหวาน แต่ละเมนูทำเอาเปรี้ยวปากทั้งนั้น แต่ความเด็ดของมะม่วงไม่ได้มีดีแค่รสชาติเท่านั้น แต่มะม่วงยังมีประโยชน์ต่อร่างกายชนิดที่คุณคาดไม่ถึงเลยทีเดียว มะม่วงนั้นไม่ว่าจะกินตอนดิบหรือสุกแล้วก็อร่อยไม่แพ้กัน แต่ก็มีหลายคนไม่ชอบทาน เพราะเชื่อว่ามะม่วงมีแป้งเยอะ ทานแล้วจะทำให้อ้วน หารู้ไม่ว่ามะม่วงนี่ล่ะคือผลไม้มากคุณประโยชน์ที่รู้แล้วต้องกรี๊ด วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปพบกับข้อมูลคุณประโยชน์ของมะม่วงอันน่าตื่นตาตื่นใจ ว่าจะดีจริงหรือไม่ รับประทานแล้วจะอ้วนหรือเปล่า ต้องอ่านไม่งั้นเดี๋ยวคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องนะ มะม่วง เป็นผลไม้ที่มีไขมันอิ่มตัว คอเลสเตอรอล และโซเดียมต่ำ และยังเป็นแหล่งอาหารที่อุดมด้วยไฟเบอร์ วิตามินบี 6 วิตามินเอ และวิตามินซี รวมทั้งโพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี นอกจากนี้ก็ยังมีเควอซิทิน (Quercetin) เบต้าแคโรทีน (Beta Carotine) กรดโฟลิก และ แอสตรากาลิน (astragalin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีทรงพลัง ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคหัวใจ ริ้วรอยก่อนวัย โรคมะเร็ง หรือภาวะเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ ที่เกิดจากสารอนุมูลอิสระ ลองมาดูกันสิว่ามะม่วง มีแร่ธาตุและวิตามินที่มีประโยชน์ขนาดนี้ แล้วคุณประโยชน์จะมีมากขนาดไหนกัน บอกได้เลยว่าเพียบ ! 1. ช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต มะม่วงเป็นผลไม้ที่สามารถลดระดับความดันโลหิตได้ เพราะในมะม่วงมีสารอาหารที่สำคัญต่อระบบการไหลเวียนของเลือดอย่างโพแทสเซียมและแมกนีเซียม ทำให้ระดับความดันโลหิตถูกควบคุมให้อยู่ในระดับที่ปกติ นอกจากนี้มะม่วงยังมีวิตามินอีที่ช่วยเสริมสร้างฮอร์โมนเพศอีกด้วย 2. ป้องกันโรคมะเร็ง สารประกอบฟีนอล ที่พบในมะม่วงอย่างเช่น เควอซิทิน (Quercetin) ไอโซเควอซิทริน (isoquercitrin) แอสตรากาลิน (astragalin) ไฟเซติน (fisetin) เมทิลแกทเลท (methylgallat) มีฤทธิ์เป็นสารต้านนุมูลอิสระที่ทำหน้าที่ในการตอต้านการเกิดโรคมะเร็ง นอกจากนี้ในมะม่วงก็ยังมีเพคติน (pectin) สูง และมีผลการวิจัยพบว่าสารเพคตินนี่ล่ะที่มีผลต่อการป้องกันการเกิดมะเร็งในระบบทางเดินอาหารได้ 3. ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น ใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารขอแนะนำให้รับประทานมะม่วงเลยล่ะ เพราะในมะม่วงนั้นมีเอนไซม์ที่ช่วยย่อยสลายโปรตีนให้ง่ายต่อการดูดซึมของร่างกาย ขณะที่ไฟเบอร์ในมะม่วงก็สามารถช่วยในการย่อยอาหารได้อีกด้วย 4. ป้องกันโรคหัวใจ วิตามินเอและวิตามินอีในมะม่วงรวมทั้งซีลีเนียม (Selenium) สามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ ไม่เพียงเท่านั้นในมะม่วงยังมีวิตามินบี 6 ที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจด้วยการลดระดับโฮโมซิสเตอีน (Homocysteine) เพราะเจ้าโฮโมซิสเตอีนนี่เป็นกรดอะมิโนที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับผนังหลอดเลือดได้ อันเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจนั่นเอง 5. ลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) ในร่างกาย เพคตินและวิตามินซีในมะม่วงเป็นพระเอกที่ขาดไม่ได้เลย เพราะสารอาหารทั้ง 2 ชนิดนี้สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดีในร่างกายได้ แต่ทั้งนี้ผู้ที่ป่วยด้วยโรคไขมันในเลือดสูงก็ควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนจะรับประทานจะดีกว่า 6. บำรุงสมอง วิตามินบี 6 ในมะม่วงนอกจากจะช่วยป้องกันโรคหัวใจแล้ว ก็ยังช่วยป้องกันและสร้างเสริมการทำงานของสมอง เพราะเจ้าวิตามินบี 6 นี้มีส่วนสำคัญในการทำงานของสารสื่อประสาทที่มีส่วนช่วยในการกำหนดอารมณ์และรูปแบบในการนอนหลับ การเติมมะม่วงลงไปในอาหารจะช่วยให้ร่างกายได้รับกลูตาไมน์ (Glutamine) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้สมองสามารถจดจำและมีสมาดีขึ้น และยังทำให้เซลล์สมองตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย 7. รักษาโรคเบาหวาน โรคเบาหวาน วิธีการดูแลตัวเองที่ดีที่สุดคืออการไม่รับประทานของหวาน ซึ่งมะม่วงก็เป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงแต่ขอบอกไว้เลยว่ามะม่วงนี่ล่ะช่วยรักษาโรคเบาหวานได้ เพียงแค่นำใบมะม่วง 10-15 ใบแช่ลงในน้ำอุ่นและปิดฝาให้สนิททิ้งไว้ข้ามคืน จากนั้นในตอนเช้านำน้ำนี้มาดื่มในขณะที่ท้องว่าง จะสามารถช่วยลดปริมาณน้ำตาลในเลือดได้ วิธีนี้สามารถรับประทานได้ทั้งคนที่เป็นเบาหวานหรือไม่เป็นก็ได้หากผู้ที่มีสุขภาพปกติดื่มน้ำแช่ใบมะม่วงก็จะยิ่งช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้ดียิ่งขึ้น 8. บำรุงสายตา มะม่วงมีวิตามินเอสูง ดังนั้นจึงช่วยบำรุงสายตาให้ยังใสปิ๊งปั๊งอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยป้องการการเสื่อมของจอประสาทตาเมื่ออายุมากขึ้นได้อีกด้วยค่ะ 9. บำรุงผิวพรรณ ต้องยกความดีความชอบให้กับวิตามินเออีกครั้งเพราะวิตามินเอในมะม่วงนั้นมีคุณประโยชน์เพียบพร้อมจริง ๆ แม้แต่ในเรื่องผิวพรรณ การรับประทานมะม่วงทำให้เราได้รับวิตามินเอที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในเนื้อเยื่อและผิวหนัง ช่วยให้การอุดตันของรูขุมขนลดลงส่งผลให้ผิวพรรณเรียบเนียนได้ 10. รักษาสิว หากใครไม่ชอบทานมะม่วงแต่ก็อยากรักษาสิวให้หายโดยไม่พึ่งยาละก็ลองหันมาใช้มะม่วงในการรักษาได้ค่ะ เพราะเนื้อมะม่วงนี้แม้เราจะไม่ได้รับประทานแต่ก็สามารถใช้บำรุงผิวพรรณ ลดสิวบนใบหน้าที่กวนใจได้ เพียงฝานมะม่วงบาง ๆ วางใบหน้าทิ้งไว้ 30 นาที จากนั้นล้างออก วิตามินเอในมะม่วงก็ช่วยลดการเกิดสิวได้เป็นปลิดทิ้งเลย 11. รักษาโรคโลหิตจางในหญิงที่ตั้งครรภ์ มะม่วงเปรี้ยว ๆ ถือเป็นของที่ถูกใจว่าที่คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์เป็นอย่างมาก เพราะช่วยรักษาอาการแพ้ท้องได้เป็นอย่างดี แต่อย่าเพิ่งคิดว่ามะม่วงมีดีเพียงแค่นั้น เพราะมะม่วงก็มีธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อหญิงที่กำลังตั้งครรภ์เช่นเดียวกันเพราะหญิงตั้งครรภ์นั้นมักจะเกิดภาวะโลหิตจางได้ง่าย และการรับประทานมะม่วงก็จะช่วยให้ธาตุเหล็กอันเป็นสาเหตุของโรคโลหิตจางมีระดับสูงขึ้นอยู่ในเกณฑ์ปกติ 12. สร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย มะม่วงมีสารเบต้าแคโรทีมเช่นเดียวกับผักผลไม้มีสีส้มและสีเหลืองอื่น ๆ เช่น แครอท เป็นต้น โดยสารเบต้าแคโรทีนนั้นเป็นสารแคโรทีนอยด์อันมีคุณสมบัติในการสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ฉะนั้นถ้าไม่อยากป่วยง่ายก็ควรจะรับประทานมะม่วงเป็นประจำ จะทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับสารพิษและแบคทีเรียต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น โอ้โห! ประโยชน์ดีเพียบพร้อมขนาดนี้ จะให้เมินมะม่วงก็คงจะไม่ใช่เรื่องแล้วใช่ไหมล่ะ แต่จะเลือกมะม่วงดิบหรือมะม่วงสุกก็ว่ากันไป ที่สำคัญคือห้ามลืมว่ามะม่วงสุกมีน้ำตาลสูง ไม่อยากอ้วนละก็อย่ารับประทานจนเกินพอดีละ ไม่อย่างนั้นจะได้รอบเอวหนา ๆ มาเพิ่มด้วยจะร้องไม่ออกนะจะบอกให้ นี่คือข้อดีของมะม่วง เมื่อผู้ป่วย เป็นโรคมะเร็งเราจะให้เข้าคอร์สกินข้าวสวยมะม่วงเกลือผลไม้อื่นๆ 10 วัน ทุกคน กินผ่านวิกฤตของอาการป่วยได้ เพราะมันคือยาฆ่าเชื้อ และมีแร่ธาตุวิตามิน เสริมให้กับร่างกายครบถ้วนสมบูรณ์แล้วร่างกายฟื้นขึ้นมาเร็วและสามารถขับของเสีย จนร่างกายมีภูมิต้านทานสู้กับโรคได้สุขภาพมะเร็งยาสมุนไพรไม่ระบุชื่อ• 9 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยดร.วาดะในญี่ปุ่นสนับสนุนการเรียกคนที่อายุมากกว่า 70 ปีว่า "คนที่โชคดี" แทนที่จะเรียก "ผู้สูงอายุ" เขาสรุปเคล็ดลับที่คนอายุ 70 ปี กลายเป็น "ผู้โชคดี" เป็น "42 ประโยค" ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 70 ปีไม่จำเป็นต้องตรวจร่างกายเป็นประจำเพราะ "มาตรฐานของสุขภาพ" แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล เขายังพูดว่า "อย่าเชื่อสิ่งที่หมอพูด" เนื่องจากแพทย์ติดต่อกับ "คนไข้" จึงไม่เข้าใจว่าสุขภาพคืออะไร ในขณะเดียวกัน เขายังต่อต้านการใช้ยาหลายชนิดในระยะยาวของผู้สูงอายุ และสนับสนุนให้ "ใช้ยาเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น" กล่าวอีกนัยหนึ่ง "การรับประทานยาเพื่อป้องกันบางสิ่ง" ไม่สมเหตุสมผลเลย ตามมุมมองนี้ ผู้สูงอายุไม่จำเป็นต้องกินยานอนหลับบ่อย ๆ การอดนอนขณะอายุมากขึ้นเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ และไม่มีใครตายเพราะโรคนอนไม่หลับ. ตลอด 24 ชั่วโมง นอนเมื่อไหร่ก็ได้ ตื่นเมื่อไรก็ได้ นี่คือสิทธิพิเศษของผู้สูงอายุ นอกจากนั้น ระดับคอเลสเตอรอลที่ผู้สูงอายุโดยทั่วไปเป็นห่วง แม้จะสูงในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกังวล เพราะคอเลสเตอรอลเป็นวัตถุดิบสำหรับร่างกายในการสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกัน ยิ่งเซลล์ภูมิคุ้มกันมากเท่าไหร่ ความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งในผู้สูงอายุก็ยิ่งลดลงเท่านั้น นอกจากนั้น ฮอร์โมนเพศชายส่วนหนึ่งยังประกอบด้วยคอเลสเทอรอลด้วย. ถ้าระดับคอเลสเตอรอลต่ำเกินไป สุขภาพกายและจิตใจของผู้ชายจะไม่ยั่งยืน เช่นเดียวกัน ความดันโลหิตสูงไม่สำคัญเลย มากกว่า 50 ปีมาแล้ว ภาวะทุโภชนาการของมนุษย์แพร่หลาย. ดังนั้น เมื่อความดันโลหิตสูงถึงประมาณ 150 เส้นเลือดจะแตก. แต่มีไม่กี่คนที่ขาดสารอาหารในทุกวันนี้ ดังนั้นแม้แต่ความดันโลหิตมากกว่า 200 ก็จะไม่ทำให้หลอดเลือดแตก. ดร.วาดะสรุปเคล็ดลับที่คนอายุ 70 ปี กลายเป็น "คนมีโชค" เป็น "42 ประโยค" ดังนี้ 1. เดินต่อไป 2. หายใจลึก ๆ เมื่อคุณรู้สึกหงุดหงิด 3. ออกกำลังกายเพื่อไม่ให้ร่างกายรู้สึกตึง 4. ดื่มน้ำมากขึ้นเมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศในฤดูร้อน 6. ยิ่งเคี้ยวมากเท่าไหร่ ร่างกายและสมองก็จะยิ่งมีพลังมากขึ้นเท่านั้น 7. ความจำเสื่อมไม่ใช่เพราะอายุ แต่เพราะไม่ใช้สมองในระยะยาว 8. ไม่ต้องกินยาเยอะ 9. ไม่จำเป็นต้องจงใจลดความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือด 13. ทำในสิ่งที่เธอรัก ไม่ใช่สิ่งที่เธอเกลียด 15. ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าอยู่บ้านตลอดเวลา 16. กินอะไรก็ได้ ร่างกายอ้วนก็พอดี 17. ทำทุกอย่างอย่างพิถีพิถัน 18. อย่าจัดการกับคนที่คุณเกลียด 20. แทนที่จะต่อสู้กับโรคจนถึงที่สุดจะดีกว่าที่จะอยู่กับมัน 21. "รถต้องมีทางขึ้นเขา" คือมนต์วิเศษที่ทำให้คนแก่มีความสุข 24. ถ้าเผลอหลับ ห้ามฝืน 25. ทำสิ่งที่มีความสุขดีที่สุดเพื่อกระตุ้นการทำงานของสมอง 27. หา "หมอครอบครัว" ก่อนเวลา 28. อย่าอดทนหรือบังคับตัวเองมากเกินไป ไม่มีอะไรผิดปกติกับการเป็น "คนแก่ที่ไม่ดี" 31. เลิกเรียนแล้วจะแก่ 32. อย่าโลภอยากได้ของไร้สาระ มันเป็นสิ่งที่ดีที่จะมีทุกอย่างที่คุณมีตอนนี้ 33. ความบริสุทธิ์เป็นสิทธิพิเศษของผู้สูงอายุ 34. ยิ่งมีปัญหามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น 36. ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น 37. อยู่อย่างสบาย ๆ วันนี้ 38. ความปรารถนาเป็นต้นกำเนิดของอายุยืน 39. ใช้ชีวิตอย่างมองโลกในแง่ดี 40. คนร่าเริงจะเป็นที่นิยม 41. กฎแห่งชีวิตอยู่ในมือของคุณเอง 42. ยอมรับทุกอย่างอย่างสงบ FORTUNATE 04/12/2022 · by deemagclinic · in neuropsychiatry · 10 Comments Let’sสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 9 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัย30 บาทรักษาทุกที่ เฟส 2 เริ่ม มี.ค. 67 เพิ่ม 8 จังหวัดสุขภาพภาคอีสานภาคเหนือภาคใต้ภาคตะวันออกไม่ระบุชื่อ• 9 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยดื่ม ดื่มน้ำโซดาช่วยย่อยอาหารได้สุขภาพไม่ระบุชื่อ• 9 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยผู้มีบัตรทองสามารถจองคิวพบแพทย์ผ่านแอปฯ หมอพร้อมและเป๋าตังได้สุขภาพไม่ระบุชื่อ• 9 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสุดลำเค็ญ...ตา-ยายพิการเก็บขยะเลี้ยงหลาน 5 ชีวิต ลูกตายชาวบ้านต้องช่วยทำศพ สุโขทัย - น่าเวทนา..ตายายพิการเก็บขยะขายเลี้ยงดูหลาน 5 คน ลูกสาวเพิ่งเสียชีวิต ญาติ เพื่อนบ้าน ผู้ใหญ่บ้าน รวมถึง ส.อบต.ต้องเรี่ยไรเงินทำศพให้ บอกอดบ้างอิ่มบ้างก็อยู่กันไป มีกล้วยกินกล้วย เสื้อเก่าก็ใส่ไม่ต้องอายใคร ห่วงแต่อนาคตหลาน ครอบครัว “นายไพศาล แซ่ตั๊น” พักอาศัยบ้านเลขที่ 51/12 หมู่ 12 ต.ดงเดือย อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย ถือเป็นอีกครอบครัวหนึ่งใน อ.กงไกรลาศที่ชาวบ้านต่างเวทนากันทั่ว เพราะนอกจากนายไพศาลจะพิการขาเดินไม่ได้แล้ว ภรรยาก็ตาบอด ยังชีพด้วยเบี้ยผู้พิการ และรับซื้อของเก่าเลี้ยงหลานอีก 5 ชีวิต ล่าสุดลูกสาวคนโตเพิ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ ญาติๆ รวมทั้งผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้าน ต้องช่วยกันเรี่ยไรเงินจัดงานพิธีบำเพ็ญกุศล และฌาปนกิจไปเมื่อ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา นายไพศาลเปิดเผยว่า ตนขาพิการเดินไม่ได้ และป่วยเบาหวาน ไขมัน เส้นเลือดตีบ มานานหลายปีแล้ว ส่วนนางเย็น ภรรยาก็ตาบอด 1 ข้าง และป่วยสารพัดโรค มีลูกด้วยกัน 2 คน คือ นางกินรี อายุ 32 ปี ที่เพิ่งจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ ส่วนอีกคนเป็นลูกชายทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ โดยนางกินรีมีลูก 4 คน คือ ด.ญ.แตงกวา อายุ 14 ปี, ด.ช.โหนก, ด.ช.แฟง อายุ 13 ปี เป็นคู่แฝดกัน และ ด.ญ.ข้าวฟ่าง อายุ 8 ขวบ ส่วนลูกชายมีลูก 3 คน แต่เอามาฝากให้เลี้ยง 1 คน คือ ด.ช.ปังปอน อายุ 2 ขวบ รวมมีหลานทั้งหมด 5 คนที่ตากับยายพิการต้องช่วยกันหาเงินเลี้ยงดู นายไพศลบอกว่า มีอาชีพขี่สามล้อรับซื้อของเก่าและหาเก็บขยะขาย มีรายได้เดือนละประมาณ 1,000-1,500 บาท และได้เบี้ยผู้พิการอีกคนละ 800 บาทเอาไว้กิน ไว้ใช้ และเป็นทุนซื้อของเก่า เมื่อตอนลูกสาวยังมีชีวิตอยู่ก็จะช่วยทำงานแทนทุกอย่าง กินอยู่กันตามอัตภาพ อดบ้างอิ่มบ้าง ส่วนลูกชายก็ส่งเงินมาให้ใช้บ้างเดือนละ 1,000 บาทเพราะต้องหาเช้ากินค่ำเหมือนกัน “เกิดมาเป็นลูกหลานของเราแล้วก็ต้องดูแลกันจนถึงที่สุด แต่ก็อดห่วงพวกเขาไม่ได้ เพราะร่างกายของเราไม่รู้จะสู้ได้นานถึงเมื่อไหร่ วันนี้มีกล้วยก็กินกล้วย มีเสื้อผ้าเก่าๆ ก็สวมใส่กันไปไม่ต้องอายใคร อาชีพสุจริต แต่ก็อยากให้หลานๆ ได้มีโอกาสเรียนสูงๆ จะได้มีงานทำ ไม่ต้องลำบากเหมือนทุกวันนี้” นายไพศาลกล่าวด้วยน้ำตาคลอ สำหรับผู้ใจบุญที่ต้องการช่วยเหลือ สามารถโอนเงินมาได้ที่ธนาคารกสิกรไทย สาขากงไกรลาศ ชื่อนายไพศาล แซ่ตั๊น บัญชีเลขที่ 177-3-412258 โทรศัพท์ 09-4371-4208 หรือส่งสิ่งของจำเป็น เช่น เสื้อผ้า รองเท้า ชุดนักเรียน นมผงเด็ก ฯลฯ มายังบ้านเลขที่ 51/12 หมู่ 12 ต.ดงเดือย อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัยสุขภาพภาคเหนือไม่ระบุชื่อ• 9 เดือนที่แล้ว
- 2 คนสงสัยกินกาเเฟหัใจเต้นเร็วห้ามกินสุขภาพKanoksina Kawee• 9 เดือนที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยผู้มีบัตรทองสามารถจองคิวพบแพทย์ผ่านแอปฯ หมอพร้อมและเป๋าตังได้สุขภาพไม่ระบุชื่อ• 9 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยศิริราชพยาบาล แนะนำวิธีทำสมาธิ ที่มีคุณค่ามาก ในระยะเวลาอันสั้นและดีต่อระยะยาว (สมาธิเป็นวิทยาศาสตร์ 100% บางครั้งเรียกว่า"ออกซิเจนบำบัด") ทำให้ร่างกายเปลี่ยนไปมากจริงๆ ถ้าได้กินอาหารสะอาดอีกนิดเกือบไม่ต้องไปหาหมอเลย ทดลองทำดูนะครับ สรุปแล้ว คิดว่า (จิตเป็นนาย "ใจกับกายเป็นบ่าว") 1. หายใจเข้าช้าๆ ให้ลึกๆ ยาวๆ ให้เลือดกับออกซิ เจนไปเลี้ยงสมอง จะนอน หรือนั่ง ก็ได้ นอนดีที่สุด 2. กลั้นลมหายใจ และไว้เลี้ยงสมอง 3-4 วินาที เพื่อให้เลือดและออกซิเจน ทำปฏิกิริยากัน 3. จากนั้น ปล่อยลมหายใจออกมาทางปาก ช้าๆ ยาวๆ จนสุด ทำอย่างนี้ 20 ครั้งต่อเนื่องกัน 4. จากนั้น การผ่อนคลายจิต หยุดคิดเรื่องในอดีต ในอนาคตโดยอัตโนมัติ จะเกิดอาการ ปีติ ตามมา 5. อาการปิติ เช่น ตัวเบา น้ำตาไหล น้ำมูกไหล ขนลุก เห็นแสงสว่าง และสบายใจเป็นต้น 6. ระหว่างที่มีอาการเหล่านี้ แสดงว่า ร่างกายเรากำลังผลิตสเตมเซลล์ (Stem Cell)เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ซึ่ง ปกติโดยธรรมชาติ จะได้จากการหลับลึกเท่านั้น 7. การหยุดคิด 1 นาที จะได้ผล เท่ากับหลับลึกถึง 1 ชม. (ปฏิบัตินานอีกนิดจะซ่อมแซมได้มากขึ้น) 8. ให้ทำทุกครั้ง ที่คิดได้ หรือ เมื่อมีเวลาจำกัด ให้เอาเวลาเล่นไลน์ เล่นเฟส เล่นอินสตราแกรม มาฝึกหายใจแบบนี้ ทำให้ทำอย่างน้อยวันละ 10 ครั้ง ผลดีที่ท่านจะได้รับ ก็คือ อารมณ์ท่าน จะดีขึ้น ความจำ จะดีมากขึ้น อัลไซเมอร์ จะถอยห่าง สุขภาพจะดีมากขึ้น ความคิดเชิงบวก จะมีมากขึ้น ถ้าได้"ออกซิเจน"ไปเลี้ยงพอ มะเร็งต่างๆจะถอยออกห่าง (โรค NCDs จะหายไป) ขอให้ท่านมีสุขภาพดีตลอดไปสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 9 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสิทธิประกันสังคมสามารถผ่าตัดเส้นเลือดสำหรับฟอกไตได้ฟรี ที่ รพ. ลานนาสุขภาพภาคเหนือไม่ระบุชื่อ• 9 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสุขภาพมีมไม่ระบุชื่อ• 9 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผู้ประกันตนป่วยหยุดหายใจขณะหลับ สามารถเบิกค่า Sleep test และเครื่อง CPAP ได้สุขภาพไม่ระบุชื่อ• 9 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเล่นมือถือในที่มืดนาน ทำให้เป็นมะเร็งตาหรือตาบอดถาวรสุขภาพมะเร็งไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยคำแนะนำใช้ไข่ขาวทาแผลไฟไหม้สุขภาพไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้วmeter: false2 ความเห็น
- 1 คนสงสัย“คนจะแก่ที่ขาก่อน”จริงหรือไม่ ?“คนจะแก่ที่ขาก่อน” เดิน ๆ ๆ เดินให้ได้ทุกวัน ธรรมชาติกำหนดให้เท้าเป็นผู้รับใช้ตลอดชีวิต ชีวิตความร่วงโรยจากการแก่ชรา จะเริ่มจากเท้าขึ้นมา... ..จงทำให้ขาทั้งสองของท่านแข็งแรงและคล่องแคล่วว่องไวอยู่เสมอ.. ▪️ในขณะที่เราร่วงโรยลงทุกวัน ขาทั้งสองของเราต้องแข็งแรงอยู่ตลอดเวลา เราไม่ควรกังวลไปกับเผ้าผมที่เปลี่ยนเป็นสีดอกเลา ผิวหนังและผิวหน้าที่เหี่ยวย่น ▪️วารสารชื่อดังของสหรัฐชื่อ Prevention ได้สรุปไว้ว่า คนที่อายุยืนยาวนั้น การมีกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรง ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด..จงออกกำลังด้วยการเดินทุกวัน.. ▪️หากคุณไม่ขยับแข้งขยับขาสักสองอาทิตย์ ความแข็งแรงของขาของคุณขะลดลงไป 10 ปี...จงเดินเถิด.. ▪️มหาลัยโคเปนเฮเก้นที่เดนมาร์ก ได้ศึกษาพบว่า ไม่ว่าคนหนุ่มหรือคนแก่ หากไม่เคลื่อนไหวตัวเองเลยราวสองสัปดาห์ จะทำให้กล้ามเนื้อขาอ่อนแอลงไปราวหนึ่งในสาม ซึ่งจะเทียบเท่ากับการชราภาพลงไปถึง 20-30 ปี..ดังนั้น จงออกแรงเดินเสมอ... ▪️เมื่อกล้ามเนื้อขาเราอ่อนแอลง การฟื้นตัวจะใช้เวลานานมาก แม้ว่าเราจะพยายามฟื้นฟูร่างกายและออกกำลังกายในภายหลังก็ตาม.. จงตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไป.. ▪️ด้วยเหตุนี้ การออกกำลังกายด้วยการเดินเสมอ จึงสำคัญมาก ▪️ร่างกายทั้งร่างและน้ำหนักตัวของเรา ต่างมีขาทั้งสองประคองเอาไว้ ▪️ขาทั้งสองจึงทำหน้าที่เป็นเสาหลักที่รับน้ำหนักทั้งหมดของตัวเรา...จงเดินต่อไป... ▪️ที่น่าสนใจคือ 50%ของกระดูกและ 50%ของกล้ามเนื้อ ต่างอยู่ที่ขาทั้งสองของเรา..จงอย่าหยุดเดิน.. ▪️ส่วนของข้อต่อและกระดูกที่ใหญ่และแข็งแรงที่สุด อยู่ที่ขาทั้งสอง..จงเดินวันละหมื่นก้าว... ▪️กระดูกและกล้ามเนื้อขาที่แข๊งแรงและข้อต่อที่ยืดหยุ่นได้ดี เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของ "สามเหลี่ยมดุจเหล็ก" ที่ทำหน้าที่รองรับน้ำหนักทั้งหมดของร่างกาย ▪️70%ของกิจกรรมทางร่างกายและการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ใช้ขาทั้งสองเป็นหลัก ▪️ใครรู้บ้างว่า เมื่อเรายังมีอายุน้อย ต้นขาของเราไม่ว่าหญิงหรือชาย สามารถจะยกรถยนต์ขนาดเล็กที่หนักได้ถึง 800 กก. ▪️ขาของเราคือ จุดศูนย์กลางของการเคลื่อนไหวของร่างกาย ▪️ขาทั้งสองของเราประกอบไปด้วย 50%ของเส้นประสาท 50%ของเส้นโลหิต และ50%ของระบบโลหิตที่ไหลเวียนผ่านเท้าทั้งคู่... ▪️เท้าทั้งสองจึงเป็นระบบไหลเวียนที่ใหญ่ที่สุดที่เชื่อมโยงทั้งร่างกายเข้าด้วยกัน..จงเดินต่อไป.. ▪️เมื่อเท้าทั้งสองแข็งแรง จะทำให้เลือดหมุนเวียนได้ดีและกล้ามเนื้อขาเข้มแข็ง ซึ่งทั้งหมดจะทำให้หัวใจแข็งแรง..จงเดินต่อไป.. ▪️การชราภาพเริ่มจากเท้าขึ้นไปยังส่วนบนของร่างกาย ▪️เมื่อเราแก่ตัวลง ความแม่นยำและความรวดเร็วในการส่งคำสั่งระหว่างสมองกับเท้าทั้งสอง จะลดลง..ไม่เหมือนตอนที่ยังมีอายุน้อย.. จงเดินต่อไป... ▪️นอกจากนั้น ส่วนที่เรียกว่า Bone Fertilizer Calcium ที่สูญเสียไปตามกาลเวลาเมื่อเราแก่ตัวลง จะทำให้คนแก่กระดูกหัก (bone fractures)ได้ง่าย..จึงควรเดินต่อไป... ▪️อาการกระดูกหักของคนแก่อาจนำไปสู่อาการที่ยุ่งยากซับซ้อนอีกหลายอย่างที่ร้ายแรง อาทิเช่นอาการเส้นเลือดในสมองอุดตัน (brain thrombosis) ▪️รู้กันบ้างไหมว่า 15%ของคนแก่ที่มีอาการกระดูกต้นขาหัก จะเสียชีวิตไปในเวลาไม่เกินหนึ่งปี..จงเดินทุกวันอย่าได้ขาด... ▪️การเดินออกกำลัง ไม่มีคำว่าสายไปแม้คุณจะอายุเกิน 60 ไปแล้ว ▪️แม้กำลังขาของเราจะเสื่อมลงตามกาลเวลา แต่การเดินถือเป็นภารกิจตลอดชีวิตของเรา..จงเดินให้ได้ถึง 10,000 ก้าว.. ▪️หากเราเดินเพื่อทำให้เท้าแข็งแรง จะช่วยให้ขาของเราลดการอ่อนแอลง..จงเดินตลอด 365 วัน... ▪️จงเดินอย่างน้อย 30-40 นาทีทุกวัน เพื่อให้เท้าทั้งสองได้ออกกำลัง และทำให้กล้ามเนื้อขาแข็งแรงเสมอสุขภาพQ&A• 10 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอันตรายการโทรทางไลน์เสี่ยงเกิดเนื้องอกในสมองสุขภาพมีมไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัวmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยนักบินอวกาศรัสเซีย ใช้ขดลวดลาคอฟสกี รักษาสภาพร่างกายสุขภาพมีมไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย10 สัญญาณเตือนโรคแพนิกสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสปสช. แจ้งคนไทยต่างแดนสามารถใช้สิทธิบัตรทอง พบหมอออนไลน์ผ่าน 4 แอปพลิเคชัน ฟรีสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสุขภาพผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้วmeter: true2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยกัลยาณมิตรทุกท่าน เจียดเวลาอ่านข้อความนี้สักนิด เพื่อเป็นข้อคิดดี ๆ สำหรับตัวเรา ไม่ได้ว่าใครดี ใครเลว แค่เปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย ๆ ยิ่งขึ้น.. ☆ หมอกับโจรเหมือนกันตรงปล้นเงิน ☆ โจรส่วนมากจะออกมาปล้นตอนกลางคืน ☆ หมอสามารถปล้นเงินเราได้ทุกวันเวลา ☆ เรายอมเอาเงินให้โจรเพราะต้องการรักษาไว้ซึ่งชีวิต ☆ เราต้องรักษาชีวิต เลยต้องยอมเอาเงินให้หมอ ☆ โจรนั้นปล้นเอาเงินที่ติดต้วเราไปเท่านั้น ☆ แต่..หมอจะปล้นเอาเงินที่คุณเก็บมาทั้งชีวิต จนกว่าคุณจะตาย..! ☆ โจรเพียงแค่บังคับให้คุณควักเงินออกมาให้เท่านั้น ☆ แต่..! หมอสามารถบังคับให้คุณไปยืมเงินมาให้ ☆ เจอโจรปล้นเงินอาจหมดตัว ☆ เจอหมอปล้นเงินอาจล้มละลาย ☆ โจรเมื่อปล้นเอาเงินเราไปแล้วมักจะหลบหนีไป ☆ แต่..หมอเมื่อปล้นเงินเราหมดแล้ว มักจะไล่เราให้ออกจาก รพ. ☆ วันนี้ หากเราไม่ใส่ใจเลี้ยงดูสุขภาพให้แข็งแรง จะต้องเลี้ยงหมอ ☆ วันนี้หากเรายังไม่ใส่ใจ เลี้ยงดูสุขภาพให้แข็งแรง พรุ่งนี้ต้องเลี้ยง รพ. (นพ.วัชรา ทรัพย์สุวรรณ) วิทยาทาน 💰 มีเงินหมื่นล้านก็ซื้อเวลากลับมาไม่ได้🤗 💊 ยาไม่ใช่คำตอบสุดท้าย 😊 ❤️ ผมเขียนเรื่องรักษา alzheimer (อัลไซเมอร์) ไม่ต้องกินยา ผมใช้ไข่ลวกรักษาอาการสมองเสื่อมของพ่อ ❤️ ผมเขียนเรื่องรักษา อาการไตเสื่อมใกล้วายของแม่ ไม่ต้องกินยา เพียงกินน้ำมะพร้าววันละห้าลูก ❤️ ความดันโลหิตสูง เพียงนอนมาก ๆ หายใจเข้าออกเต็มปอด ❤️ เบาหวานเพียงเลือกกินอาหารรสเปรี้ยวและขม ❤️ ปวดเมื่อยต่าง ๆ เพียงทาน้ำมันว่านแล้วโยคะ (ฤาษีดัดตนยืดเส้น) ไม่ต้องกินยาอะไรทั้งนั้น ❤️ กรดไหลย้อนเพียงงดน้ำเย็น กินแต่น้ำร้อน ❤️ มะเร็งปอดหมอ รพ. หยุดรักษาให้กลับบ้านนอนรอเวลาสิ้นบุญที่บ้าน ผมแนะนำเพียงตากแดดเช้า สูดโอโซนใต้ต้นไม้ใหญ่เที่ยง อาการดีขึ้นจนหมอ รพ. รักษาต่อ ❤️ ท่านที่ไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ ท่านที่กังวลก็อย่าทำตาม ดีชั่วอยู่ที่ท่านเลือก สุขภาพท่านท่านดูแลเอง ทำที่ท่านเชื่อ ทำที่ท่านสบายใจเลยครับ ❤️ ผมเชื่อของผมอย่างนี้ ผมดูแลครอบครัวของผมอย่างนี้ ❤️ ลูกสาวแนะนำให้ผมเขียนเล่าเป็นวิทยาทานให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่บอกเล่าเพราะเดิมแม่ป่วยถามใครก็ไม่บอกจะขายแต่ยา ❤️ ผมจึงเอาประสบการณ์มาเล่า ให้เพื่อน ๆ ธรรมชาตินิยมฟังครับ ท่านโปรดใช้โยนิโสมนัสสิการนะครับ 👨⚕️🥼 นพ.บวร จันทร์โภคาไพบูลย์ ขอบคุณข้อมูลดีดีจากคุณหมอทั้งสองท่านสุขภาพมะเร็งมีม เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสุขภาพผู้บริโภคเฝ้าระวังมีมไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยประกันสังคมให้เบิกค่า sleep test ได้ 7 พันบาท กับค่าเครื่อง CPAP ได้ 2 หมื่นบาท และหน้ากากอีก 4 พันบาท พ่วงฟิลเตอร์ด้วย เพิ่งเซ็นมาเงียบๆ วันก่อน มีผลย้อนไปถึงต้นปีนี้ ใครสงสัยว่าตัวเองเป็น sleep apnea แบบนอนกรนหนักๆ และ/หรือหยุดหายใจตอนนอนควรไปตรวจครับสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยฝุ่นละออง PM2.5 ในอากาศ ทำให้การทำงานของระบบประสาทลดลงสุขภาพสภาพอากาศไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น