“คนจะแก่ที่ขาก่อน”
เดิน ๆ ๆ เดินให้ได้ทุกวัน
ธรรมชาติกำหนดให้เท้าเป็นผู้รับใช้ตลอดชีวิต
ชีวิตความร่วงโรยจากการแก่ชรา จะเริ่มจากเท้าขึ้นมา...
..จงทำให้ขาทั้งสองของท่านแข็งแรงและคล่องแคล่วว่องไวอยู่เสมอ..
▪️ในขณะที่เราร่วงโรยลงทุกวัน ขาทั้งสองของเราต้องแข็งแรงอยู่ตลอดเวลา เราไม่ควรกังวลไปกับเผ้าผมที่เปลี่ยนเป็นสีดอกเลา ผิวหนังและผิวหน้าที่เหี่ยวย่น
▪️วารสารชื่อดังของสหรัฐชื่อ Prevention ได้สรุปไว้ว่า คนที่อายุยืนยาวนั้น การมีกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรง ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด..จงออกกำลังด้วยการเดินทุกวัน..
▪️หากคุณไม่ขยับแข้งขยับขาสักสองอาทิตย์ ความแข็งแรงของขาของคุณขะลดลงไป 10 ปี...จงเดินเถิด..
▪️มหาลัยโคเปนเฮเก้นที่เดนมาร์ก ได้ศึกษาพบว่า ไม่ว่าคนหนุ่มหรือคนแก่ หากไม่เคลื่อนไหวตัวเองเลยราวสองสัปดาห์ จะทำให้กล้ามเนื้อขาอ่อนแอลงไปราวหนึ่งในสาม ซึ่งจะเทียบเท่ากับการชราภาพลงไปถึง 20-30 ปี..ดังนั้น จงออกแรงเดินเสมอ...
▪️เมื่อกล้ามเนื้อขาเราอ่อนแอลง การฟื้นตัวจะใช้เวลานานมาก แม้ว่าเราจะพยายามฟื้นฟูร่างกายและออกกำลังกายในภายหลังก็ตาม.. จงตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไป..
▪️ด้วยเหตุนี้ การออกกำลังกายด้วยการเดินเสมอ จึงสำคัญมาก
▪️ร่างกายทั้งร่างและน้ำหนักตัวของเรา ต่างมีขาทั้งสองประคองเอาไว้
▪️ขาทั้งสองจึงทำหน้าที่เป็นเสาหลักที่รับน้ำหนักทั้งหมดของตัวเรา...จงเดินต่อไป...
▪️ที่น่าสนใจคือ 50%ของกระดูกและ 50%ของกล้ามเนื้อ ต่างอยู่ที่ขาทั้งสองของเรา..จงอย่าหยุดเดิน..
▪️ส่วนของข้อต่อและกระดูกที่ใหญ่และแข็งแรงที่สุด อยู่ที่ขาทั้งสอง..จงเดินวันละหมื่นก้าว...
▪️กระดูกและกล้ามเนื้อขาที่แข๊งแรงและข้อต่อที่ยืดหยุ่นได้ดี เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของ "สามเหลี่ยมดุจเหล็ก" ที่ทำหน้าที่รองรับน้ำหนักทั้งหมดของร่างกาย
▪️70%ของกิจกรรมทางร่างกายและการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ใช้ขาทั้งสองเป็นหลัก
▪️ใครรู้บ้างว่า เมื่อเรายังมีอายุน้อย ต้นขาของเราไม่ว่าหญิงหรือชาย สามารถจะยกรถยนต์ขนาดเล็กที่หนักได้ถึง 800 กก.
▪️ขาของเราคือ จุดศูนย์กลางของการเคลื่อนไหวของร่างกาย
▪️ขาทั้งสองของเราประกอบไปด้วย 50%ของเส้นประสาท 50%ของเส้นโลหิต และ50%ของระบบโลหิตที่ไหลเวียนผ่านเท้าทั้งคู่...
▪️เท้าทั้งสองจึงเป็นระบบไหลเวียนที่ใหญ่ที่สุดที่เชื่อมโยงทั้งร่างกายเข้าด้วยกัน..จงเดินต่อไป..
▪️เมื่อเท้าทั้งสองแข็งแรง จะทำให้เลือดหมุนเวียนได้ดีและกล้ามเนื้อขาเข้มแข็ง ซึ่งทั้งหมดจะทำให้หัวใจแข็งแรง..จงเดินต่อไป..
▪️การชราภาพเริ่มจากเท้าขึ้นไปยังส่วนบนของร่างกาย
▪️เมื่อเราแก่ตัวลง ความแม่นยำและความรวดเร็วในการส่งคำสั่งระหว่างสมองกับเท้าทั้งสอง จะลดลง..ไม่เหมือนตอนที่ยังมีอายุน้อย.. จงเดินต่อไป...
▪️นอกจากนั้น ส่วนที่เรียกว่า Bone Fertilizer Calcium ที่สูญเสียไปตามกาลเวลาเมื่อเราแก่ตัวลง จะทำให้คนแก่กระดูกหัก (bone fractures)ได้ง่าย..จึงควรเดินต่อไป...
▪️อาการกระดูกหักของคนแก่อาจนำไปสู่อาการที่ยุ่งยากซับซ้อนอีกหลายอย่างที่ร้ายแรง อาทิเช่นอาการเส้นเลือดในสมองอุดตัน (brain thrombosis)
▪️รู้กันบ้างไหมว่า 15%ของคนแก่ที่มีอาการกระดูกต้นขาหัก จะเสียชีวิตไปในเวลาไม่เกินหนึ่งปี..จงเดินทุกวันอย่าได้ขาด...
▪️การเดินออกกำลัง ไม่มีคำว่าสายไปแม้คุณจะอายุเกิน 60 ไปแล้ว
▪️แม้กำลังขาของเราจะเสื่อมลงตามกาลเวลา แต่การเดินถือเป็นภารกิจตลอดชีวิตของเรา..จงเดินให้ได้ถึง 10,000 ก้าว..
▪️หากเราเดินเพื่อทำให้เท้าแข็งแรง จะช่วยให้ขาของเราลดการอ่อนแอลง..จงเดินตลอด 365 วัน...
▪️จงเดินอย่างน้อย 30-40 นาทีทุกวัน เพื่อให้เท้าทั้งสองได้ออกกำลัง และทำให้กล้ามเนื้อขาแข็งแรงเสมอ
เดิน ๆ ๆ เดินให้ได้ทุกวัน
ธรรมชาติกำหนดให้เท้าเป็นผู้รับใช้ตลอดชีวิต
ชีวิตความร่วงโรยจากการแก่ชรา จะเริ่มจากเท้าขึ้นมา...
..จงทำให้ขาทั้งสองของท่านแข็งแรงและคล่องแคล่วว่องไวอยู่เสมอ..
▪️ในขณะที่เราร่วงโรยลงทุกวัน ขาทั้งสองของเราต้องแข็งแรงอยู่ตลอดเวลา เราไม่ควรกังวลไปกับเผ้าผมที่เปลี่ยนเป็นสีดอกเลา ผิวหนังและผิวหน้าที่เหี่ยวย่น
▪️วารสารชื่อดังของสหรัฐชื่อ Prevention ได้สรุปไว้ว่า คนที่อายุยืนยาวนั้น การมีกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรง ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด..จงออกกำลังด้วยการเดินทุกวัน..
▪️หากคุณไม่ขยับแข้งขยับขาสักสองอาทิตย์ ความแข็งแรงของขาของคุณขะลดลงไป 10 ปี...จงเดินเถิด..
▪️มหาลัยโคเปนเฮเก้นที่เดนมาร์ก ได้ศึกษาพบว่า ไม่ว่าคนหนุ่มหรือคนแก่ หากไม่เคลื่อนไหวตัวเองเลยราวสองสัปดาห์ จะทำให้กล้ามเนื้อขาอ่อนแอลงไปราวหนึ่งในสาม ซึ่งจะเทียบเท่ากับการชราภาพลงไปถึง 20-30 ปี..ดังนั้น จงออกแรงเดินเสมอ...
▪️เมื่อกล้ามเนื้อขาเราอ่อนแอลง การฟื้นตัวจะใช้เวลานานมาก แม้ว่าเราจะพยายามฟื้นฟูร่างกายและออกกำลังกายในภายหลังก็ตาม.. จงตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไป..
▪️ด้วยเหตุนี้ การออกกำลังกายด้วยการเดินเสมอ จึงสำคัญมาก
▪️ร่างกายทั้งร่างและน้ำหนักตัวของเรา ต่างมีขาทั้งสองประคองเอาไว้
▪️ขาทั้งสองจึงทำหน้าที่เป็นเสาหลักที่รับน้ำหนักทั้งหมดของตัวเรา...จงเดินต่อไป...
▪️ที่น่าสนใจคือ 50%ของกระดูกและ 50%ของกล้ามเนื้อ ต่างอยู่ที่ขาทั้งสองของเรา..จงอย่าหยุดเดิน..
▪️ส่วนของข้อต่อและกระดูกที่ใหญ่และแข็งแรงที่สุด อยู่ที่ขาทั้งสอง..จงเดินวันละหมื่นก้าว...
▪️กระดูกและกล้ามเนื้อขาที่แข๊งแรงและข้อต่อที่ยืดหยุ่นได้ดี เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของ "สามเหลี่ยมดุจเหล็ก" ที่ทำหน้าที่รองรับน้ำหนักทั้งหมดของร่างกาย
▪️70%ของกิจกรรมทางร่างกายและการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ใช้ขาทั้งสองเป็นหลัก
▪️ใครรู้บ้างว่า เมื่อเรายังมีอายุน้อย ต้นขาของเราไม่ว่าหญิงหรือชาย สามารถจะยกรถยนต์ขนาดเล็กที่หนักได้ถึง 800 กก.
▪️ขาของเราคือ จุดศูนย์กลางของการเคลื่อนไหวของร่างกาย
▪️ขาทั้งสองของเราประกอบไปด้วย 50%ของเส้นประสาท 50%ของเส้นโลหิต และ50%ของระบบโลหิตที่ไหลเวียนผ่านเท้าทั้งคู่...
▪️เท้าทั้งสองจึงเป็นระบบไหลเวียนที่ใหญ่ที่สุดที่เชื่อมโยงทั้งร่างกายเข้าด้วยกัน..จงเดินต่อไป..
▪️เมื่อเท้าทั้งสองแข็งแรง จะทำให้เลือดหมุนเวียนได้ดีและกล้ามเนื้อขาเข้มแข็ง ซึ่งทั้งหมดจะทำให้หัวใจแข็งแรง..จงเดินต่อไป..
▪️การชราภาพเริ่มจากเท้าขึ้นไปยังส่วนบนของร่างกาย
▪️เมื่อเราแก่ตัวลง ความแม่นยำและความรวดเร็วในการส่งคำสั่งระหว่างสมองกับเท้าทั้งสอง จะลดลง..ไม่เหมือนตอนที่ยังมีอายุน้อย.. จงเดินต่อไป...
▪️นอกจากนั้น ส่วนที่เรียกว่า Bone Fertilizer Calcium ที่สูญเสียไปตามกาลเวลาเมื่อเราแก่ตัวลง จะทำให้คนแก่กระดูกหัก (bone fractures)ได้ง่าย..จึงควรเดินต่อไป...
▪️อาการกระดูกหักของคนแก่อาจนำไปสู่อาการที่ยุ่งยากซับซ้อนอีกหลายอย่างที่ร้ายแรง อาทิเช่นอาการเส้นเลือดในสมองอุดตัน (brain thrombosis)
▪️รู้กันบ้างไหมว่า 15%ของคนแก่ที่มีอาการกระดูกต้นขาหัก จะเสียชีวิตไปในเวลาไม่เกินหนึ่งปี..จงเดินทุกวันอย่าได้ขาด...
▪️การเดินออกกำลัง ไม่มีคำว่าสายไปแม้คุณจะอายุเกิน 60 ไปแล้ว
▪️แม้กำลังขาของเราจะเสื่อมลงตามกาลเวลา แต่การเดินถือเป็นภารกิจตลอดชีวิตของเรา..จงเดินให้ได้ถึง 10,000 ก้าว..
▪️หากเราเดินเพื่อทำให้เท้าแข็งแรง จะช่วยให้ขาของเราลดการอ่อนแอลง..จงเดินตลอด 365 วัน...
▪️จงเดินอย่างน้อย 30-40 นาทีทุกวัน เพื่อให้เท้าทั้งสองได้ออกกำลัง และทำให้กล้ามเนื้อขาแข็งแรงเสมอ