14202 ข้อความ
- 1 คนสงสัย"มะนาวพันธุ์ไทย" สามารถรักษาโดควิดให้หายขาดได้?เมื่อวันที่12 มค 62 มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมากต่างเชื่อว่า มะนาวสามารถรัษาโควิดได้หายขาด ต่างคนพากันฮือฮา คนผู้เชี่ยวชาญได้มาบอกว่า ไม่สามารถรักษาได้จริงstd46606• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยรัสเซีย ยูเครน : เทียบภาพต่อภาพ หักล้างข้อกล่าวหาการจัดฉากเหตุสังหารหมู่ในเมืองบูชาภาพถ่ายดาวเทียมจากบริษัท Maxar ที่ถ่ายเมื่อ 19 มี.ค. ได้รับการเผยแพร่ครั้งแรกโดยหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ และได้รับการพิสูจน์ยืนยันโดยบีบีซี เผยให้เห็นหลักฐานที่ขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียที่ระบุว่า คลิปวิดีโอที่มีศพนอนเกลื่อนถนนในเมืองบูชาเป็นการ "จัดฉาก" ขึ้นหลังจากรัสเซียถอนกำลังทหารออกไปแล้ว รัสเซียระบุว่าได้ถอนทหารออกจากเมืองนี้ไปเมื่อ 30 มี.ค. แต่ภาพถ่ายดาวเทียมที่ถ่ายไว้เมื่อ 19 มี.ค. เผยให้เห็นสิ่งที่ดูเหมือนศพนอนอยู่ในตำแหน่งที่กองทัพยูเครนเข้าไปพบตอนที่พวกเขากลับเข้าควบคุมเมืองได้อีกครั้ง ภาพถ่ายของถนนอีกช่วงหนึ่งก็ดูเหมือนจะมีศพอยู่บนถนนอีกยาสมุนไพรสภาพอากาศอันดามันล้อเลียนstd46619• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยยืนยัน “สะพานไทย-เบลเยี่ยม” ใช้งานได้ตามปกติ เตือน แชร์ข่าวปลอมมีความผิดสำนักการโยธา กทม. ยืนยัน “สะพานไทย-เบลเยี่ยม” มั่นคงแข็งแรงดี รัฐบาลเตือนอย่าแชร์ข่าวปลอม มีความผิดตามกฎหมาย โทษสูงสุดคุก 5 ปี ปรับ 1 แสน วันที่ 30 มิถุนายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีมีการเผยแพร่ข้อมูลและข่าวทางโซเชียลมีเดีย ระบุ “ตอนนี้อย่าผ่านไป สะพานไทย-เบลเยี่ยม นะ สะพานแอ่นลง กลัวอันตราย จส.100 แจ้งมา” เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เนื่องจากทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร มีการเข้าไปตรวจสอบสะพานไทย-เบลเยี่ยมแล้ว ยืนยันว่าไม่พบความผิดปกติ และสะพานมีความมั่นคงแข็งแรงดี สามารถเปิดใช้งานได้ตามปกติ โฆษกรัฐบาล ย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยประชาชนต่อปัญหาข้อมูลอันเป็นเท็จบนโลกอินเทอร์เน็ตและช่องทางออนไลน์ประเภทต่างๆ เช่น เว็บไซต์ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หรือแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ ไลน์ ฯลฯ โดยกำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และตรวจสอบ หากพบข่าวสารที่ไม่ถูกต้องให้รีบแก้ไขปัญหา และชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องให้ประชาชนและสังคมรับทราบโดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเผยแพร่ข้อมูลหรือข่าวสารที่เป็นเท็จขยายวงกว้างเพิ่มขึ้น อันจะส่งผลเสียหายต่อประชาชนทั้งชีวิตและทรัพย์สิน “ขอย้ำให้ประชาชนตระหนักรู้ถึงการใช้เทคโนโลยีและการรับข้อมูลข่าวสารต่างๆ โดยเฉพาะในโลกสังคมออนไลน์ต่างๆ ต้องเป็นไปอย่างรู้เท่าทัน และมีการคิดวิเคราะห์ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเชื่อถือได้ ก่อนที่จะเชื่อและแชร์ทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบและความเสียหายต่อตนเองและผู้อื่นรวมถึงสังคมในวงกว้าง ทั้งนี้ การแชร์ข้อมูลอันเป็นเท็จยังเป็นการกระทำผิดกฎหมาย โดยหากการแชร์ข้อมูลนั้นไปกระทบกับบุคคลอื่น อาจเข้าข่ายกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 14 (1) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.Jane Thanatcha• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยยืมเงินจากแอปเป๋าตังค์ได้แอปเป๋าตังค์สามารถทำการยืมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่อนเพียงแค่ 217 ต่อเดือน และลงทำเบียนได้ทุกอาชีพKewalee Khrutsuek• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม! กรมการขนส่งทางบกเปิดอบรมใบขับขี่ออนไลน์ที่บ้านกรมการขนส่งทางบก เปิดอบรมใบขับขี่ออนไลน์ที่บ้าน ทางกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริง การทำใบขับขี่ต้องดำเนินการด้วยตนเองที่สำนักงานขนส่งเท่านั้น แนะนำอย่าให้บัตรประชาชนหรือเอกสารสำคัญที่มีข้อมูลส่วนบุคคลกับผู้อื่น เสี่ยงข้อมูลถูกนำไปก่อคดีต่าง ๆ หรือใช้แอบอ้างทำธุรกรรมผิดกฎหมายKiws• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยการยืนตากแดดสามารถฆ่าเชื้อโควิดได้28 มี.ค.2563 เป็นครั้งแรกที่โซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อมูลว่าการยืนตากแดดสามารถช่วยฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้ โดยมีคนแสดงความคิดเห็นว่า อยากให้มีการรณรงค์ให้ประชาชนออกมาตากแดดตอนเช้า เพื่อให้แดดฆ่าเชื้อโรคเหมือนนักเรียนสมัยก่อน เพราะเชื่อว่าเชื้อโรคชอบความเย็นมากกว่าความร้อนกระทั่ง 13 ธ.ค.2563 ที่ผ่านมา ประเด็นนี้ถูกนำมาแชร์ในโลกออนไลน์อีกครั้งหนึ่ง โดยระบุว่ายืนตากแดด วันละ 20 นาทีช่วยฆ่าเชื้อ โควิด-19 ได้ คราวนี้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ออกมายืนยันอีกรอบว่าประเด็นดังกล่าวนั้นเป็นข้อมูลเท็จmeandyouxq• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยข่าวปลอม! ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วันวันนี้ (24 ธ.ค.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีการโฆษณาทางสื่อโซเชียลเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วัน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มที่ระบุสรรพคุณว่า หากทาสามารถช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าไม่มีครีมหรือเซรั่มใดที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน ได้จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นเพียงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายนอกเพื่อทำความสะอาด สวยงามแต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ความสวยความงามwonnisa.love• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยกรมการแพทย์ เผยใช้น้ำปัสสาวะหยอดจมูก รักษาโรคไซนัสได้ เป็นข้อมูลเท็จกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เผย กรณีที่มีการโพสต์และแชร์ข้อความในสื่อต่าง ๆ ว่า ใช้น้ำปัสสาวะหยอดจมูก รักษาโรคไซนัสได้ พบเป็นข้อมูลเท็จ เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ หรือแชร์ข้อมูลต่อ วันนี้ (28 ม.ค.2566) จากที่มีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการรักษาโรคไซนัส ด้วยการใช้น้ำปัสสาวะหยอดจมูกทุกวัน ทำให้อาการจะดีขึ้นเรื่อย ๆ จนหายขาดในที่สุดนั้น ทางกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่าขณะนี้ยังไม่มีงานวิจัยทางการแพทย์และทางคลินิกที่น่าเชื่อถือรองรับ โดยน้ำปัสสาวะเป็นของเสีย หรือสารที่เป็นส่วนเกินของร่างกายที่ไตขับออกมา แม้ว่าจะมีสารต่าง ๆ อยู่มาก ทั้งยูเรีย เกลือแร่ แคลเซียม และโซเดียมคลอไรด์ รวมถึงสารอื่น ๆ แต่สารเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกินความต้องการของร่างกาย หากสะสมไว้มากเกินไปกลับจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น เกิดภาวะความดันโลหิตสูง น้ำท่วมปอด หัวใจวาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น ร่างกายจึงขับทิ้งตามระบบ ดังนั้นหากนำกลับเข้าไปซ้ำอีก จะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เพิ่มขึ้น แต่ในทางกลับกันอาจส่งผลเสียต่อร่างกาย หากต้องการรักษาโรค ประชาชนควรเข้ารับการรักษาอาการเจ็บป่วย หรือปรึกษาปัญหาสุขภาพกับแพทย์ หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในโรงพยาบาลในพื้นที่ เพราะการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบันเป็นวิธีการรักษาโรคที่ได้มาตรฐาน และมีประสิทธิภาพมากกว่าทางเลือกอื่น ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.dms.go.th หรือโทร. 02 5906000ยาสมุนไพรachiii• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยแจก 10,000 บาทผ่าน กระเป๋าเงินดิจิทัล เป็น “ยาแรง” ที่ต้องระวังกลายเป็น ทอล์ค ออฟ เดอะทาวน์ เมื่อพรรคเพื่อไทยที่ประกาศนโยบายหาเสียงด้วยการแจก “เงินดิจิทัล” คนละ 10,000 บาท ต่อมาภายหลังเปลี่ยนมาเป็นคำว่าแจก “คูปอง 10,000 หมื่นบาท” แทน โดยจะให้กับทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ไม่ว่าจะยากดีมีจนมหาเศรษฐีหรือยาจก ลองคิดเล่น ๆ ว่าในบ้านหนึ่งถ้ามีลูกหลาน 4-5 คนครอบครัวนั้นรับ 40,000-50,000 บาททันที บางครอบครัวที่เป็นครอบครัวใหญ่อาจจะรับเหนาะ ๆเกือบแสนบาทเลยYanisa Praifah• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยUFO ที่ปราจีนบุรี มันมาอีกแล้ว ยิงแสงทักทายคุณป้าคนเดิม (คลิป)หญิงวัย 66 ปี ที่ปราจีนบุรี ไปออกกำลังกายในสวนสาธารณะที่เก่าเวลาเดิม เจออีกแสงประหลาดคล้ายจานบิน UFO โผล่ทักทายยิงแสงใส่ ก่อนหน้าแค่ถายคลิปให้ดู ล่าสุดทั้งถ่ายคลิปและไลฟ์สดออกอากาศ ให้แฟนเพจเห็นไปพร้อมๆ กันว่าแสงนี้มีจริง จะใช่ยาน UFO หรือเปล่าไม่รู้ พบ นางอุทัยวดี ตระการเจริญสุข ชี้ให้ดูแสงสว่างที่เห็นบนท้องฟ้าที่คิดว่าอาจเป็นจาน UFO เหตุผลที่ทำให้ตนเองเชื่ออย่างนั้น เนื่องจากบนท้องฟ้าจะมีไม่มีดาวดวงอื่นให้เห็นเลย และในขณะที่ใช้โทรศัพท์ถ่าย VDO ยังมีแสงสว่างยิงออกมาให้เห็นอีกด้วยstd46767• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสีเสื้อมงคล สีเสื้อวันหวยออกงวดนี้ 1/7/66 พร้อมทริคเสริมโชคสีเสื้อวันหวยออกงวดนี้ โค้งสุดท้ายของการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันเสาร์ ที่ 1 กรกฎาคม 2566 เหล่านักเสี่ยงโชคคนใดที่มีความเชื่อในเรื่องของสีมงคลวันหวยออก มาดูกันว่าในงวดนี้การแต่งกายต่าง ๆ หวยออกวันศุกร์ใส่เสื้อสีอะไร โดยเพจเฟซบุ๊ก โน๊ตบุ๊คปลุกดวง หนึ่งในหมอดูที่มีรีวิวแน่น และคิวทองสุด ๆ ได้มาเผยทริคสีมงคลในงวดวันที่ 1/7/66 แล้วstd48352• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยฮือฮา เศรษฐีเมืองโอ่งทำพิธีบวงสรวงตั้งศาล เลขหางประทัดตรงกับ "เลขพิธา"แต่ภายหลังจากสิ้นเสียงประทัด บรรดาคอหวยต่างแอบส่องเลขเด็ดจากหางประทัด ซึ่งสร้างความฮือฮาให้กับนักเสี่ยงโชค คือ เลขที่ปรากฎภายในหางประทัด แถวบน เลข 2 ตัว คือ 4 4 ส่วนแถวล่าง เลข 3 ตัว คือ 5 7 6 ซึ่งตรงกับเลขที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีstd48352• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเตรียมร้อนอีกรอบช่วง 16 – 18 พ.ค. อุณหภูมิสูงสุดทะลุ 40 องศาฯตามที่มีข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นเตรียมร้อนอีกรอบช่วง 16 – 18 พ.ค. อุณหภูมิสูงสุดทะลุ 40 องศาฯ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีที่มีผู้ส่งต่อข้อมูลในโลกออนไลน์ว่า เตรียมร้อนอีกรอบช่วง 16 – 18 พ.ค. อุณหภูมิสูงสุดทะลุ 40 องศาฯ ทางกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่ได้มาจากกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งอุณหภูมิไม่ได้สูงถึง 40 องศา โดยช่วงวันที่ 16 – 19 พ.ค. 66 ลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมในบริเวณดังกล่าวมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง แต่ยังคงมียังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ สำหรับภาคใต้ในช่วงวันที่ 16 – 17 พ.ค. 66 ลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง โดยมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 18 – 19 พ.ค. 66 ลมตะวันตกและลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งStd48358• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยชายคนนี้ได้ตะโกนว่า nissannnnnnnnชายชาวจีนคนนี้ ได้ออกรถป้ายแดงและได้ฝากเพื่อนให้ขับรถมาส่งให้ แต่เพื่อนของเขาได้ขับรถป้ายแดงของเขาชนเสาไฟฟ้าจนรถพัง เมื่อเขารู้จึงตะโกนด้วยความเสียใจว่า นิสสันนนนนstd48341• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเสี้ยวพระจันทร์บนเล็บบอกโรคมีคนโพสต์ว่าเสี้ยวพระจันทร์บนเล็บบอกโรค เเต่ทางการเเพทย์ออกมาเตือนว่าเป็นข้อมูลเท็จstd48300• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสเปรย์พ่นปากฟ้าทะลายโจร ตราวี เฟรช สามารถป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ลงปอดได้ตามที่มีการโฆษณาทางสื่อสั่งคมออนไลน์ต่างๆ เรื่อง สเปรย์พ่นปากฟ้าทะลายโจร ตราวี เฟรช สามารถป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ลงปอดได้ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีที่ผลิตภัณฑ์วี เฟรช เม้าท์ สเปรย์ โฆษณาสรรพคุณของผลิตภัณฑ์ว่า สามารถป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ลงปอดได้นั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบและชี้แจงว่า ผลิตภัณฑ์วี เฟรช เม้าท์ สเปรย์ V FRESH MOUTH SPRAY ผลิตโดย บ. บิวตี้ คอสเมต จก. จดแจ้งไว้ว่าเป็นเครื่องสำอาง ประเภทสเปรย์ระงับกลิ่นปาก ใบรับจดแจ้งเลขที่ 65-1-6400022581 ผลิตภัณฑ์นี้เป็นเครื่องสำอาง ใช้เพื่อระงับกลิ่นปาก ไม่มีผลในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ลงปอดได้ หากผู้บริโภคหลงเชื่อซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาใช้ เพื่อหวังผลในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ลงปอด อาจเสียโอกาสในการรักษา ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้องStd48358• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยโคตรโหด หนุ่มแค้นจัดจับได้แฟนสาวนอกใจ เอา "ขรี้" ป้ายหน้า แล้วบังคับให้กินชายคนหนึ่งในอินโดนีเซียที่รักแฟนสาวของเขาอย่างสุดซึ้ง เขาไม่เพียงจ่ายค่าเช่าบ้านให้เธอเท่านั้น แต่ยังยินดีให้การสนับสนุนทางการเงินทั้งหมด กระทั่งวันหนึ่งเมื่อเขาไปเยี่ยมแฟนสาวที่บ้าน และเห็นว่าเธอกำลังเล่นชู้กับชายแปลกหน้า เขาตัดสินใจแก้แค้นเธอ เอาอุจจาระป้ายหน้า แล้วบังคับให้อีกฝ่ายกิน สุดท้ายแฟนสาวไปแจ้งความกับตำรวจ และเขาอาจถูกตัดสินจำคุก 2 ปี 8 เดือน เว็บไซต์ HK01 รายงานว่า ช่างสักชาวอินโดนีเซีย วัย 39 ปี และแฟนสาว วัย 23 ปี ทั้งสองคบหากันมาอย่างดี ชายหนุ่มไปรับไปส่งแฟนสาวกลับจากที่ทำงานทุกวัน และหากเธอเดือดร้อนเรื่องเงินเขาก็จะโอนเงินให้ทันที รวมถึงเป็นคนจ่ายค่าเช่าบ้านให้กับแฟนสาวด้วย กระทั่งในวันหนึ่งชายหนุ่มจำเป็นต้องไปทำงานที่เมืองอื่นเป็นเวลา 1 เดือน ฝ่ายหญิงใช้จังหวะนี้แอบนอกใจไปกับเพื่อนร่วมงานของเธอ กัมพล วาฮิดจิ โฆษกตำรวจเมืองชิลันดา กรุงจาการ์ตา ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่บ้านพักของหญิงสาว เมื่อจู่ๆ แฟนหนุ่มก็อยากไปเยี่ยมบ้านของเธอในวันนั้น แต่บังเอิญเห็นเธออยู่กับชายแปลกหน้า ชายแปลกหน้าจากไปด้วยความตื่นตระหนก ขณะที่ชายหนุ่มเมื่อรู้ว่าแฟนสาวนอกใจ เขาพยายามไล่ล่าชายแปลกหน้า แต่น่าเสียดายที่ฝ่ายตรงข้ามหนีไปได้ ต่อมาเมื่อเขากลับไปที่บ้านแฟนสาวของเขา แฟนสาวของเขาปฏิเสธที่จะยอมรับว่านอกใจ และด้วยความโมโหเขาจึงทุบตีเธอเพื่อระบายความโกรธ ใบหน้าและข้อมือของแฟนสาวมีรอยฟกช้ำจากการถูกตี ต่อมาเมื่อชายหนุ่มไปห้องน้ำ เมื่อออกมาเขาก็ยังควบคุมอารมณ์โกรธไม่ได้ จึงเอาอุจจาระป้ายหน้าแฟนแล้วบังคับให้แฟนกินอุจจาระ แม้ว่าหญิงสาวจะรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เธอก็ทนไม่ได้ที่ถูกดูถูกและแจ้งความกับตำรวจ ไม่กี่วันต่อมา ตำรวจได้จับกุมชายที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว มีรายงานว่าหากชายคนดังกล่าวถูกตัดสินว่ามีความผิด เขาจะต้องรับโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือนstd48355• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยFake newsข่าวปลอม อย่าแชร์! ❌ สินเชื่อออมสินเพื่อธุรกิจ เงินกู้ด่วน กู้ได้ทุกอาชีพstd48348• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยนักแข่งวาโลชื่อดัง Zmjkk หรือ KangKang เป็นฝาแฝดกับ ชาวอินโดนิเซีย KangkangKuKangkangKu KangkangKustd48342• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยชาวบ้านช็อก! หญิง 2 ชาย 1 เดินเปลือยโทงๆ กลางถนน คาดเป็นผลจากเบียร์ชนิดใหม่Dailystar รายงานเหตุการณ์ชวนอึ้ง ที่ทำให้ชาวบ้านใน คาลดัส เมเดยิน ประเทศโคลอมเบีย ต้องแตกตื่นตกใจไปตามๆ กัน เมื่อเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 3 คน เป็นชาย 1 คน หญิงอีก 2 คน เดินเรียงแถวกันกลางถนน ในสภาพเปลือยกายล่อนจ้อน ไม่ใส่เสื้อผ้าสักชิ้น โดยทั้ง 3 เดินผ่านเขตชุมชนไปตามถนน ตามทางเท้า ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของชาวบ้านในพื้นที่ โดยทั้ง 3 คนเดินผ่านมาถึง หน่วยบริการฉุกเฉินของทางการ เจ้าหน้าที่ได้เข้าช่วยทั้ง 3 คนเอาไว้ รีบหาเสื้อผ้าให้นุ่งห่ม โดยทั้ง 3 อยู่ในสภาพตัวสั่นเทาด้วยความหนาว และฤทธิ์จากสารหลอนประสาท เจ้าหน้าที่รีบส่งทั้ง 3 คนไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที รายงานเบื้องต้นระบุว่า ทั้ง 3 น่าจะรับประทานเบียร์ชนิดใหม่ที่ชื่อว่า "ยาเก" ซึ่งกำลังแพร่ระบาดในประเทศ และมีฤทธิ์หลอน ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ซึ่งเรื่องนี้ต้องรอการตรวจสอบจากแพทย์อย่างละเอียดอีกครั้งstd48355• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยFake newsข่าวปลอม อย่าแชร์! ❌ ช่วงประจำเดือนมีอาการปวดศีรษะ ตึงผิว ตัวร้อน เนื่องจากสารเคมีสะสมที่ตับ ตกค้างที่เอ็นstd48348• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผลิตภัณฑ์ KeyTo ช่วยลดน้ำหนักได้ 15 กิโลกรัมใน 1 สัปดาห์KeyTo ช่วยลดน้ำหนักได้ 15 กิโลกรัมใน 1 สัปดาห์ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ ad กรณีชวนเชื่อโดยอ้างสรรพคุณผลิตภัณฑ์ KeyTo สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ 15 กิโลกรัมใน 1 สัปดาห์ ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบและชี้แจงว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าวไม่สามารถลดน้ำหนักได้ อย่าหลงเชื่อรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าว เพราะไม่ได้ผลแถมอาจมีสารที่เป็นอันตราย มีผลข้างเคียงรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบสืบค้นข้อมูลผลิตภัณฑ์ พบผลิตภัณฑ์ KeyTo ขออนุญาตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในชื่อ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (ตรา คีย์ทู) เลขสารบบอาหาร 24-1-00761-5-0322 และจากการตรวจสอบเว็บไซต์ขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร KeyTo ได้ระบุสรรพคุณของผลิตภัณฑ์ว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสามารถลดน้ำหนักได้ 15 กก. ใน 1 สัปดาห์ โดยไม่พึ่งสารเคมี, ไม่ต้องอดอาหารหรือออกกำลังกาย, เผาผลาญไขมันได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ลดได้ถึง 10 เท่า, ลดความอยากอาหาร และไขมันใต้ผิวหนังส่วนเกินจะถูกกำจัดออกไปอย่างถาวร กำจัดได้ถึง 500 กรัมต่อคืน อย. ตรวจสอบแล้วพบว่า เว็บไซต์ขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าว แสดงข้อมูลทางการแพทย์ที่เป็นเท็จ และมีการใช้ข้อความโฆษณาแสดงคุณประโยชน์หรือสรรพคุณของอาหารที่ไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ยังพบมีการแอบอ้างชื่อบุคลากรทางการแพทย์ ในตำแหน่ง ศาสตราจารย์ นักโภชนาการ และผู้ศึกษาต่อมไร้ท่อ โดยกล่าวว่าเป็นผู้ร่วมวิจัยผลิตภัณฑ์ดังกล่าว แต่แท้จริงแล้วนั้น ไม่มีตำแหน่งดังกล่าวตามที่กล่าวอ้าง และภาพหญิง-ชายที่อ้างว่าเป็นผู้วิจัยและร่วมวิจัยนั้น เป็นภาพหญิง-ชายที่เผยแพร่ทั่วไปอยู่บนอินเทอร์เน็ต ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางด้านสุขภาพ หรือหากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัย สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1556 และสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าวไม่สามารถลดน้ำหนักได้ อย่าหลงเชื่อรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าว เพราะไม่ได้ผลแถมอาจมีสารที่เป็นอันตราย มีผลข้างเคียงรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ลดความอ้วนstd48349• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยชายคนนี้ถูกทำร้ายจึงขอขมาพระพุทธเจ้าและพระรามให้ปกป้องเขานาย บุนด้า รามา ถูกทำร้ายจึงสวดว่า บุนด้าาาา รามาาาาาาา ซึ่ง บุนด้า หมายถึง พระพุทธเจ้า รามา คือ พระรามstd48341• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเข้าใจเฟคนิวส์ในมุมมองแพทย์ด้านประสาทวิทยา: “เราเชื่อ เพราะเราอยากเชื่อ”ในยุคที่ข่าวสารหมุนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เฟคนิวส์ (Fake news) กลายเป็นองค์ประกอบหนึ่งบนช่องทางการสื่อสาร โดยเฉพาะบนโซเชียลมีเดีย ที่มีอิทธิพลต่อความคิดของผู้คนจำนวนมาก ตั้งแต่เรื่องความเข้าใจด้านสุขภาพ ไปจนถึงทัศนคติทางการเมือง และการสร้างความเกลียดชังระหว่างกลุ่มคนที่มีอุดมการณ์แตกต่างกัน แม้ว่าจะมีความพยายามจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคม ที่พยายามเคลื่อนไหวเพื่อหยุดยั้งเฟคนิวส์ ด้วยการรวมกลุ่มตรวจจับและพิสูจน์ข้อมูล แต่ดูเหมือนว่าเฟคนิวส์ยังคงแพร่กระจายอย่างต่อเนื่อง พร้อมคำถามที่เกิดขึ้นว่า “เหตุใดคนถึงเชื่อเฟคนิวส์?” ทั้งๆ ที่การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารสามารถทำได้ง่ายในปัจจุบัน การพิสูจน์ความจริงในหลายเรื่องจึงไม่ใช่เรื่องยากเกินตัว Hfocus ชวนคุยกับ หมอแพท-อุเทน บุญอรณะ นักเขียนและแพทย์ด้านประสาทวิทยา โดยมองเฟคนิวส์ผ่านมุมมองด้านจิตวิทยา หาคำอธิบายถึงสาเหตุที่คนพร้อมเชื่อในสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ พร้อมข้อเสนอการรับมือเฟคนิวส์ที่มีประสิทธิผล หมอแพทมองเห็นสถานการณ์การแพร่ระบาดของเฟคนิวส์ในตอนนี้ อย่างไรบ้าง? สถานการณ์เฟคนิวส์มัน “เคยรุนแรง” เราผ่านช่วงความรุนแรงของเฟคนิวส์ไปแล้ว คำว่ารุนแรงของเฟคนิวส์ แพทไม่ได้นับที่ปริมาณเฟคนิวส์เยอะหรือน้อย แพทนับที่ปริมาณสติสัมปชัญญะของคนที่ React (ตอบสนอง) ต่อเฟคนิวส์ สมัยก่อน เวลาที่เฟคนิวส์ออกมา ทุกคนพร้อมจะรับเฟคนิวส์และดราม่ากับเฟคนิวส์ แต่เดี๋ยวนี้ คนเริ่มมีความ “เอ๊ะ” หรือ “จริงเหรอ?” การที่คนเริ่ม “เอ๊ะ” มากขึ้น แพทถือว่าคนเริ่มมีสติสัมปชัญญะขึ้น เราก็เลยผ่านจุด Crisis (วิกฤติ) ของเฟคนิวส์มาแล้ว เพราะทุกครั้งที่มีข่าว มันจะต้องมีใครสักคนที่จุดประกายขึ้นมาว่า “เฮ่ย จริงหรือเปล่า” แพทให้ไม่เกินคอมเมนท์ที่ร้อย มันต้องมีคนมาแบบว่า “ใช่เหรอ” “ความจริงเป็นแบบนี้ต่างหาก” หลายคนที่เล่นอินเตอร์เน็ต ยังเป็นนักจับเฟคนิวส์อีกด้วย เฟคนิวส์เป็นสิ่งที่มีมานานแล้ว เฟคนิวส์ไม่ได้มีเยอะขึ้น แต่เราแค่เห็นมันเยอะขึ้นในปัจจุบัน เพราะเราใช้โซเชียลมีเดียกันเยอะขึ้น เฟคนิวส์คือสิ่งเดียวกับกอซซิป (Gossip) หรือการนินทาชาวบ้าน เหมือนทฤษฎีสมคบคิด (Conspiracy theory) และเหมือนแชร์ลูกโซ่ สี่เรื่องนี้คือเรื่องเดียวกัน มันคือ คือการโฆษณาชวนเชื่อแบบหนึ่ง เช่น เวลาเรานินทาใครสักคนหนึ่ง เราต้องการให้เขามาเป็นพวกเรา เราต้องการให้เค้า Against (ต่อต้าน) อีกฝ่าย ทฤษฎีสมคบคิดก็เหมือนกัน เราต้องการ Manipulate (ชี้นำ) ให้คนฟังเลือกข้าง และด่าอีกข้างหนึ่ง เช่นเดียวกับแชร์ลูกโซ่ เราต้องการให้อยู่ฝ่ายเรา จงเอาเงินมาให้ฉัน ทั้งหมดนี้ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐาน แต่คนก็เชื่อ คิดว่าทำไมคนถึงเชื่อโดยไม่มีหลักฐาน? จริงๆ แล้วข้อความหลายอย่างไม่ได้น่าเชื่อถือสำหรับเรา เราไม่ได้เชื่อข้อความที่เขาบอกเรา แต่สิ่งที่เขาพูดมันดันไปตรงกับอะไรลึกๆ ในใจเราต่างหาก มันเป็นอะไรที่สั่นพ้อง หรือ Resonance ตรงกับความเชื่อในใจเรา เราจึงเชื่อ แล้วรับมันมาทันที ฉะนั้น ข่าวลวงอะไรที่เราเชื่อ มันคือสิ่งที่บ่งบอกความเป็นตัวตนจริงๆ ของเรา มีกระบวนการทางจิตวิทยาอย่างไรที่ทำให้คนเชื่อ? เราเคยไหม ที่เราเกลียดใครบางคนโดยที่เราไม่เคยเจอเขา แค่ฟังเรื่องเล่าของเขาเฉยๆ จริงๆ สิ่งที่เราเกลียด คือ นามธรรมในตัวเขา เช่น เราได้ยินเรื่องเล่าของเขาที่เกี่ยวกับความโลภ เราเกลียดคนโลภ เลยไม่ชอบเขา แต่มันมีข้อความต่อท้ายอีกนิดหนึ่ง “ขนาดชั้นเป็นคนโลภ ยังไม่ทำแบบเขาเลย” เวลาเราเกลียดใคร สิ่งที่เราเกลียดคือภาพขยายของตัวเราที่เราเกลียด บางเรื่องที่ไม่ดีของเรา เรารู้ว่าไม่ดี เช่น ความโลภไม่ดี ขี้นินทาไม่ดี เราก็เลยเก็บไว้เป็นหลืบในใจ เราไม่ทำ แต่ทันทีที่เราเห็นใครทำสิ่งนี้ออกมาอย่างโจ่งแจ้ง โดยไม่ละอายอะไรเลย เราจึงเกลียดเขา ในแง่การทำงานของสมอง เฟคนิวส์ทำให้คนเชื่อได้อย่างไร? เราอาจใช้เฟคนิวส์เป็นตัวศึกษาสมอง หรือศึกษาความเชื่อของคน สมมติเวลาเรารับสารมาบางเรื่อง เราต้องไตร่ตรอง ดูหลักฐานข้อมูล ใช้ความรู้ที่เรามีคิดวิเคราะห์ สมองส่วนหน้า หรือ Prefrontal cortex ของเราจะทำงานว่าสารที่เรารับมาสมเหตุสมผลไหม ตรงกับความรู้ทั่วไปหรือเปล่า มีอะไรยืนยันไหม ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก (ทำท่าเช็คลิสต์) โอเค ครบหมด เชื่อถือได้ เรารับเข้ามา แต่ก็จะมีบางข้อความ ที่เหมือนว่าจะไม่ผ่าน Prefrontal cortex คือ เข้ามาในสมองเราปุ๊ป แล้วแบบมันใช่เลย ไม่ผ่านการคิดวิเคราะห์ใดทั้งสิ้น ทั้งๆ ที่ข้อความเข้าหูวิธีเดียวกัน ไป Activate (ทำงานกับ)สมองวิธีเดียวกัน แต่มันกลายเป็นความเชื่อฝังหัวไปเลยโดยที่ไม่ต้องผ่านสมองส่วนหน้า แสดงว่ามีบางส่วนในสมองเป็น “ทางผ่านลัด” เขาเชื่อกันว่าคือส่วนสมองบริเวณอะมิกดะลา (Amygdala) คือสมองส่วนที่เกี่ยวกับสัญชาตญาณ เช่น หากเรามีความเกลียดความชังฝังอยู่ หรืออะไรก็ตามที่ฝังไว้ลึก ถ้ามันไปสั่นพ้องกับตรงนี้ปุ๊ป ก็จะได้เข้าทางด่วน ไม่ต้องผ่านการพิจารณาใดๆ ทั้งสิ้น การคิดวิเคราะห์เรื่องเหตุผลและหลักการจะถูกยกเลิก ฉันจะเชื่อเขาทันที ที่พูดว่าคนเชื่อเพราะตรงกับอะไรบางอย่างในใจ แล้วถ้ามองในมุมของคนที่ปล่อยเฟคนิวส์ เราใช้จิตวิทยาเดียวกันกับการที่คนเชื่อเฟคนิวส์ มองคนปล่อยเฟคนิวส์ได้ไหม? ทุกคนทำอะไรมีจุดประสงค์ คนที่ปล่อยเฟคนิวส์ก็มีจุดประสงค์ จุดประสงค์ของเฟคนิวส์ส่วนมาก คือ สร้างความเกลียด ที่เหลืออาจเป็นการหวังผลทาง Financial (การเงิน) เพราะโลกเราหมุนด้วยสองอย่างนี้ คือความเกลียดและทุนนิยม เช่น แชร์ลูกโซ่ ปล่อยออกมาเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า หรือเรื่องการกักตุนหน้ากาก ตอนแรกหน้ากากไม่ขาดแคลนจริงๆ ทันทีที่มีคนปล่อยข่าวว่าหน้ากากขาดแคลน คนก็จะเริ่มกักตุนหน้ากาก คนที่มีอำนาจ ก็ Panic (ตระหนก) ตามเฟคนิวส์ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น หน้ากากขาดแคลนมีหลักฐานอะไรบ้าง หลักฐานมาโผล่ 1 สัปดาห์หลังจากที่เขามาบอกว่าหน้ากากขาดแคลน โรงพยาบาลเริ่มไม่มีหน้ากาก มีคนที่ได้ประโยชน์จากการกักตุนสินค้า นี่คือการหวังผลทางการเงิน การหวังผลทางการเงิน โยงกับการที่มีเฟคนิวส์ระบาดมากในประเด็นสุขภาพหรือไม่? การที่เขาบอกว่าให้กินมะนาวโซดาแก้ทุกโรค เราอาจมองว่าไม่มีใครได้รับประโยชน์ เพราะเขาไม่ได้ขายโซดา ไม่ได้ขายมะนาว แต่จริงๆ มีคนได้รับประโยชน์ พวกนี้จะมี Seeding คือการวางเมล็ดพันธุ์แห่งความไม่ไว้วางใจศาสตร์การแพทย์ปัจจุบัน ให้มาเชื่ออย่างอื่นแทน มันจะไม่จบที่มะนาวกับโซดา มันจะไปจบที่ผลิตภัณฑ์อะไรสักอย่างหนึ่งที่เขารออยู่ที่ปลายทาง เขาหยดเมล็ดพันธุ์ ใส่ปุ๋ยนิดหน่อย ใส่น้ำตาม พอเมล็ดโตขึ้น ก็เก็บเกี่ยวพืชผล สมมติว่าคุณตั้งโพสต์เรื่องมะนาวโซดาในเฟซบุ๊คคุณ แล้วคุณให้มันโปรโมต ให้มันเก็บข้อมูลว่าใครที่เข้าถึงโพสต์นี้ แล้วคุณตั้ง Target (เป้าหมาย) คนที่เชื่อเรื่องมะนาวโซดามีแนวโน้มที่จะเชื่อเรื่องอาหารเสริม แล้วคุณค่อยแอดอย่างอื่นเข้ามาทีหลัง ผ่านคนที่เข้าถึงข้อมูลมะนาวโซดา หรือเรียกว่า Retargeting คนกลุ่มนี้ ดังนั้น มะนาวโซดาคือด่านแรก คล้ายแบบสอบถามว่าเขาสนใจเรื่องการแพทย์นอกกระแส หรือการแพทย์หลอกลวงหรือไม่ ถ้าเขาชอบ คุณก็จะได้รายชื่อคนกลุ่มนี้มาขายของอย่างอื่นต่อ หลายครั้งที่เราเห็นความเกลียดเกี่ยวโยงกับกับเฟคนิวส์ หมอแพทมองว่าเฟคนิวส์จะทำงานไปได้ถึงขั้นไหน ทำให้เราเกลียดกันได้มากกว่านี้อีกมั้ย ? เฟคนิวส์เป็น “อุปกรณ์” ในการสร้างความเกลียด Boss (หัวหน้า) ของเฟคนิวส์ คือ ความเกลียด ถ้าให้ความเกลียดเป็นคนหนึ่งคน หรือเป็นหัวหน้าคนหนึ่ง มันใช้ลูกน้องที่ชื่อเฟคนิวส์มาทำให้มนุษย์เกลียดกัน แพทมองว่าตอนนี้เป็นจุดที่เฟคนิวส์อยู่ในช่วง Decline (ตกต่ำลง) คือ ปล่อยเฟคนิวส์มากี่ครั้ง ก็โดนคนจับได้ ต่อไป คนจะพบว่าเฟคนิวส์เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ไม่ได้เรื่อง สร้างความเกลียดไม่ได้แล้ว มันจะมีอุปกรณ์ใหม่เกิดขึ้น เพราะความเกลียดจะยังอยู่ต่อไป Boss ใหญ่ยังอยู่ Boss แค่เปลี่ยนอุปกรณ์ เปลี่ยนลูกน้องในการสร้างความเกลียด คิดว่าอุปกรณ์ใหม่จะเป็นอะไรได้บ้าง? เมื่อก่อนอุปกรณ์คือ ความเชื่อ ใครเห็นไม่ตรงกันกับเราจะถูกตีตราเป็นแม่มด ถัดมาคือ ใครเห็นไม่ตรงกับเราถูกตีตราว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ปัจจุบัน ใครเห็นไม่ตรงกับเรา หากเป็นฝ่าย liberal หน่อย คนเห็นไม่ตรงกับเราคือสลิ่ม ทั้งๆ ที่การเห็นไม่ตรงกับเราไม่ได้แปลว่าทุกคนเป็นสลิ่ม อุปกรณ์จะมีการเปลี่ยนโฉมหน้าไปเรื่อยๆ ต่อไปไม่รู้ อาจเป็นอย่างอื่นแทน อาจเป็นเฟคนิวส์ที่มีวิวัฒนาการกว่านี้ เช่น เฟคนิวส์ที่มีการสร้างหลักฐานมาเพิ่ม มีการศึกษาในเรื่อง Peer group (กลุ่มสมาชิก) ที่พูดกันว่าเรามักจะได้รับอิทธิพลจากสมาชิกกลุ่มให้คิดหรือเชื่อเหมือนกัน สามารถนำการศึกษานี้มาอธิบายเรื่องเฟคนิวส์ได้หรือไม่? มีงานวิจัยที่ทำมานานแล้ว เรื่อง “People in the lift” คือในลิฟต์มีหน้าม้าของทีมวิจัยอยู่ประมาณ 10 คน ทุกคนหันหน้าไปทางซ้ายหมด พอเราขึ้นลิฟต์เราก็จะหันไปทางซ้ายตาม เพราะเรากลัวการที่จะไม่เหมือนชาวบ้านเขา เพราะเราไปอยู่ใน Chamber (ห้อง) ที่แคบเดียวกัน ถ้าเราไปอยู่ใน Chamber หนึ่ง มันจะทำให้เราอยากทำแบบหนึ่งโดยที่เราคิดว่าเราอยากทำ ทั้งๆ ที่เปล่าเลย สิ่งแวดล้อมบังคับให้เราอยากทำ การมองสังคมกับ Social network (เครือข่ายทางสังคม) ก็เหมือนกัน มันคือ Echo chamber (ห้องสะท้อนเสียง) เช่น บนทวิตเตอร์ คุณไปทวิตหรือรีทวิตอะไรที่เกี่ยวกับดาราเกาหลี แป็ปเดียวเท่านั้น หน้าฟีดของคุณจะมีแต่เรื่องศิลปินเกาหลีเต็มไปหมด เราจะเข้าใจว่าสังคมนี้ชอบศิลปินเกาหลีกันหมด แต่จริงๆ เปล่าเลย สังคมในทวิตเตอร์นั้นมีคนชอบเกาหลีแค่ติ่งหนึ่ง ที่เหลือพูดเรื่องอื่น เรื่องหมาแมว แต่เราเข้าใจว่าทวิตเตอร์เป็นโลกของเกาหลี เพราะเราไปอยู่ใน Echo chamber ที่มีแต่เสียงสะท้อนพูดถึงศิลปินเกาหลี มันเป็นการสะกดจิตบน Cyber space (พื้นที่บนโลกไซเบอร์) แบบใหม่ มันเป็น Echo chamber ที่ Force (บังคับ) ให้เราอินไปด้วย แต่บางครั้งหากเราอินอยู่แล้ว เราก็พยายามไขว่คว้าหา Echo chamber ที่เราอิน เข้าไปในนั้นเพราะรู้สึก Fit in (เหมาะสมกับเรา) มีแต่คนที่ชอบแบบเดียวกับเรา แต่สังคมไม่เหมือนในลิฟต์ เราเข้าถึงข้อมูลเยอะมากวันนี้ อยากเสิร์ชอะไรก็เสิร์ชได้ ทำไม Echo chamber ยังมีอยู่? เพราะความอยาก เราไม่อยากจะไปหาข้อมูลเพราะเราเชื่อมันแล้ว เหมือนเวลาที่เรากลับถึงบ้าน เราอยากจะหาบ้านใหม่อีกไหม ไม่ หรือเวลาเราอยู่ในฝูงของเราแล้ว เราอยากจะหาฝูงใหม่อีกไหม ก็ไม่ เวลาเราเจอคนที่เราอยู่ด้วยแล้วสบายใจ เราอยากจะหาคนใหม่ไหม บางคนก็ใช่ (หัวเราะ) แต่บางคนก็ไม่ มันคือความรู้สึก Feel at home ถ้าคุณเชื่อ คุณจะไม่หาข้อมูลเพิ่มเติม ไม่ว่ามันสมควรเชื่อหรือไม่ คนเรา เราอยากจะเป็นคนแบบไหน หรืออยากเสแสร้งเป็นคนแบบไหนให้สังคมเห็น ให้ไปดูเฟซบุ๊คของเรา สิ่งที่เราโพสต์ลงบนเฟซบุ๊ค คือสิ่งที่เราอยากให้สังคมมองเราว่าเป็นแบบนั้น เราเป็นหรือเปล่า ไม่รู้ แต่เราเป็นคนยังไงที่แท้ทรู ให้ไปดูใน Google search history คือสิ่งที่บอกตัวตนของเราที่แท้จริง ถ้าเราไม่มีสิ่งที่คนเขาบอกเราใน Google search history นั่นแปลว่าเราพร้อมจะเชื่อเขา โดยที่ไม่ต้องไปหาข้อมูลมายืนยัน เรากลัวการที่เราไม่มีฝูง เราเป็นม้าลายที่อยากอยู่ในฝูงม้าลาย เราอยากอยู่ท่ามกลางคนที่คิดแบบเดียวกับเรา หรือเรารู้สึกว่านี่แหล่ะ ครอบครัว หรือฝูงของเราที่แท้จริง นี่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ธรรมชาติของสัตว์ ถ้าเป็นธรรมชาติของมนุษย์ การแก้ไขปัญหาเฟคนิวส์ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยหรือเปล่า? แล้วทำไมเราต้องมองว่าเฟคนิวส์เป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข เฟคนิวส์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกลไกการสร้างความเกลียด ความเกลียดเป็นสิ่งที่มีอยู่ตั้งแต่โบร่ำโบราณมาจนปัจจุบัน เรายอมรับว่าความเกลียดเป็นสิ่งที่ผลักดันโลกไปข้างหน้า ถึงแม้ว่ามันจะเป็น Bad energy (พลังงานเชิงลบ) ถ้าเรากำจัดความเกลียดได้ โลกเราจะเป็นอีกโฉมหน้าไปนานแล้ว แต่เรากำจัดความเกลียดไม่ได้ จริงๆ เฟคนิวส์เป็นส่วนหนึ่งของกลไกทางธรรมชาติ มันอาจถูก Invent (คิดค้น) ด้วยมนุษย์ แต่มันคือกลไกธรรมชาติที่ดลใจให้มนุษย์เป็นไป แพทไม่ได้มองว่าต้องไปกำจัดมัน เรามองว่าจะรับมือกับมันยังไง หากเฟคนิวส์เกิดขึ้น เรามีการชั่งใจหนึ่งจังหวะก่อนเราจะเชื่อ ถามว่าตรงนี้เพียงพอไหมกับสังคม ตอบว่าเพียงพอ ถ้าเป็นแบบนี้ สังคมไม่ได้เสียสมดุลด้วยเฟคนิวส์แน่นอน ปัจจุบัน มีแนวคิดจัดการเฟคนิวส์ด้วยการรวมศูนย์ เช่น รัฐบาลตั้งศูนย์เฟคนิวส์มา หรือภาคประชาชนก็ตั้งกลุ่ม Fact checking ขึ้นมาเช่นกัน หมอแพทมองว่าการแก้ไขปัญหาควรเป็นทิศทางใด ถ้ามี Center (ศูนย์)มาดูแลตรงนี้ มันคือการให้อำนาจกับจุดใดจุดหนึ่ง ไม่เคยมีอะไรดีๆ ตามมาเลย เช่นที่ผ่านมา หน่วยงานต่อต้านคอรัปชั่น กลายเป็นหน่วยงานที่คอรัปชั่นเยอะสุด หรือศูนย์ต่อต้านเฟคนิวส์ก็อาจเป็นจุดปล่อยเฟคนิวส์ซะเอง เราใช้วิธีการรับมือกับมันได้ก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะเอาศูนย์พวกนี้มาจัดการกับเฟคนิวส์ มันเหมือนเราเจอผี เหมือน “เอาซาดาโกะมาสู้กับคายาโกะ” มันมีแต่ความวิบัติ สิ่งที่ง่ายสุดคือผีก็อยู่ส่วนผี เราก็อยู่ส่วนเรา ถ้ามองให้เฟคนิวส์เป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่งของสังคม วันนี้มีเฟคนิวส์เรื่องนี้ อีกวันก็ซาไป เราจะรู้สึกว่าแล้วยังไง ไม่ต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ การตั้งศูนย์มาสู้กับเฟคนิวส์ แพทมองว่าเรื่องใหญ่ไปหรือเปล่า จริงๆ สอนลูกที่บ้านก่อนสิ กาลามสูตรทั้งสิบ จงอย่าเชื่อใน 10 อย่าง จงรู้จักชั่งตวงวัดก่อนที่จะเชื่อ เริ่มต้นจากหน่วยเล็กที่สุดจากครอบครัว ให้ครอบครัวมี Critical thinking (การคิดเชิงวิพากษ์) ก่อน สักวันเฟคนิวส์อาจจะหายไปเลยก็ได้ Critical thinking คือ “ภูมิคุ้มกัน” ที่เราจะต้องมีก่อนออกจากบ้าน ในเมื่อเราไม่มีทางกำจัดเฟคนิวส์ได้ทั้งหมด เราต้องติดอาวุธให้ตัวเอง ให้เราไม่เป็นเหยื่อของมัน และอาวุธที่ง่ายมาก คือ คุณมีการคิดวิเคราะห์ แยกแยะข้อเท็จจริง แค่นี้พอแล้วstd48359• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยติดเชื้อไวรัส Parabola จากสุนัขและแมว ทำให้ไขกระดูกไม่สร้างเลือดตามที่มีการโพสต์แจ้งข่าวสารเกี่ยวกับประเด็นเรื่องติดเชื้อไวรัส Parabola จากสุนัขและแมว ทำให้ไขกระดูกไม่สร้างเลือด ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีที่มีการแชร์ข้อมูลว่า พบเชื้อไวรัส Parabola แพร่จากหมาและแมวมาสู่คน โดยผู้ที่ติดเชื้อไวรัสนี้จะทำให้ไขกระดูกไม่สร้างเลือด ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบและชี้แจงว่า ไม่มีชื่อเชื้อไวรัส Parabola ปรากฏในสารบบทางการแพทย์ในประเทศไทย ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ของโรคโควิด 19 ในประเทศไทย และวิธีการป้องกันตนเอง สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.ddc.moph.go.th หรือโทร. 1422 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ไม่มีชื่อเชื้อไวรัส Parabola ปรากฏในสารบบทางการแพทย์ในประเทศไทยStd48358• 2 ปีที่แล้ว