2208 ข้อความ
- 1 คนสงสัยกรมควบคุมโรคแนะวิธีใช้สารเคมีทำความสะอาดให้เหมาะกับพื้นผิวเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19กรมควบคุมโรคบอกวิธีใช้สารเคมีทำความสะอาดให้เหมาะกับพื้นผิว เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 - ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (3% H202) 1 ส่วน ต่อน้ำ 5 ส่วน แต่ต้องระวังการกัดกร่อนพื้นผิว และการสัมผัสของร่างกาย - แอลกอฮอล์ 70% เหมาะสำหรับพื้นผิวโลหะ - ซักฟอกผสมน้ำร้อน 70 องศาเซลเซียส เหมาะสำหรับผ้า น้ำยาฟอกขาว หรือสารโซเดียมไฮโปคลอไรด์ 1 ส่วน ต่อน้ำ 10 ส่วน เหมาะสำหรับพื้นผิวที่มีละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย สารเคมีบางชนิดไม่แนะนำให้ใช้กับผิวสัมผัสร่างกาย เนื่องจากอาจเกิดอันตรายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเข้าดวงตา และการซักเสื้อผ้าด้วยผงซักฟอก ชำระล้างร่างกายด้วยสบู่ แชมพู ก็เป็นการป้องกันแล้ว.โควิด 2019naruemonjoy• 5 ปีที่แล้วmeter: mostly-true--middle3 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจริงหรือ "มะเร็งตับ" ถือเป็นโรคใกล้ตัวและพบได้บ่อยมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ในเพศชาย และเป็นมะเร็งที่มีการเจริญเติบโตของโรคที่รวดเร็วมาก มักเสียชีวิตภายในระยะไม่เกิน 3-6 เดือน หากมีอาการเบื่ออาหาร ตัวเหลือง ตาเหลืองควรรีบพบแพทย์“มะเร็งตับ” เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในเพศชาย และอันดับ 3 ในเพศหญิง และเนื่องจากมะเร็งตับมีการดำเนินโรคที่รวดเร็วมาก ผู้ป่วยที่เข้ามารับการตรวจมักจะเพราะมีอาการผิดปกติหรือโรคลุกลามไปมากแล้ว พอวินิจฉัยแล้วพบว่าเป็นมะเร็งตับจริง ก็มักเสียชีวิตภายใน 3-6 เดือน!มะเร็งnaydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: true2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยอย.ขยายเครือข่ายภาคประชาชน “รู้ให้เท่า ก้าวให้ทัน กับข่าวลวง”นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ส่งผลให้เกิดชีวิตวิถีใหม่ ที่เรียกกันว่าNew Normal เช่น การจัดประชุม อบรม สัมมนา มีการปรับเปลี่ยนใช้การสื่อสารด้วยระบบออนไลน์มากขึ้น ซึ่งในวันที่ 3 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ผนึกกำลังกับคณะทำงานภาคประชาชน ซึ่งเป็นเครือข่ายของ อย. จัดเสวนา “รู้ให้เท่า ก้าวให้ทัน กับข่าวลวง” (Fake News) โดยใช้ระบบออนไลน์ในการสื่อสาร เนื่องจากพบว่าผู้บริโภคเปิดรับข้อมูลข่าวสารจากช่องทางสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้น เพราะสะดวก รวดเร็ว และเข้าถึงได้ง่าย ทำให้มีโอกาสได้รับข่าวลวงผ่านสื่อออนไลน์ได้เช่นกัน “สำหรับข้อมูลเท็จหรือข่าวลวงบนโลกออนไลน์ส่วนใหญ่เป็นเรื่องผลิตภัณฑ์สุขภาพ การจัดเสวนาดังกล่าวก็เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงาน รู้เท่าทันรูปแบบต่าง ๆ ของการหลอกลวงที่พบบนโลกออนไลน์ รวมถึงมีทักษะตรวจสอบและรับมือกับข่าวลวงด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพที่พบในสื่อออนไลน์ได้” นพ.ไพศาล กล่าว และว่า งานเสวนที่ผ่านมา นอกจากจะสร้างความรอบรู้แก่ผู้บริโภคให้รู้เท่าทันและป้องกันตนเองจากข่าวลวงได้แล้ว ยังสามารถขยายความร่วมมือของภาคีเครือข่ายในการช่วยขับเคลื่อนเฝ้าระวังข่าวลวงด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ (Fake News) ได้ด้วย โดยกลุ่มเครือข่ายจากภาคประชาชนและภาครัฐที่เข้าร่วมงาน สามารถกระจายความรู้ส่งต่อให้แก่เครือข่าย ตลอดจนบริหารจัดการและรับมือกับข่าวลวงด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ (Fake News) ในพื้นที่ เป็นเครือข่ายที่เข้มแข็งด้านการเฝ้าระวังข่าวลวงstd47848• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยดีเดย์ 9 มกราคม 2566 เริ่มใช้ระบบตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถต้องรู้ !! ดีเดย์ 9 มกราคม 2566 เริ่มใช้ระบบตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถ 20 ฐานความผิดตัด 1 - 4 คะแนน ค้างจ่ายค่าปรับตามใบสั่งตัดแต้มด้วย เปิดวิธีคืนคะแนน – เช็กสถานะ ช่องทางจ่ายค่าปรับจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ประชาสัมพันธ์ระบบตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถ หรือ ตัดแต้มใบขับขี่ เพื่อเสริมสร้างวินัยจราจร เป้าหมายเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 9 มกราคม 2566 • 6 เรื่องต้องรู้ 1.ขับรถต้องมีใบขับขี่ โดยผู้ขับขี่ทุกคน มี 12 คะแนน 2.ทำผิดกฎจราจร ใน 20 ฐานความผิดที่อาจก่ออุบัติเหตุ หรือไม่ชำระค่าปรับจราจร ถูกตัดคะแนนตั้งแต่ 1 – 4 คะแนน ขึ้นอยู่กับความผิด 3.หากถูกตัดคะแนนจนเหลือ 0 จะถูกพักใช้ใบขับขี่ 90 วัน 4.ฝ่าฝืนขับรถในช่วงถูกพักใบขับขี่ มีโทษจำคุก 3 เดือน และ/หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท 5.คืนคะแนนได้ ด้วยการเข้าอบรมกับกรมการขนส่งทางบก หรือรอให้ครบ 1 ปี จะได้คะแนนคืนอัตโนมัติ 6.หากถูกพักใช้ใบขับขี่เป็นครั้งที่ 3 ภายในรอบ 3 ปี อาจถูกพักใช้ใบขับขี่มากกว่า 90 วัน และหลังจากนั้น ภายใน 1 ปี หากถูกตัดคะแนนอีกจนถูกพักใช้ใบขับขี่เป็นครั้งที่ 4 อาจถูกเพิกถอนใบขับขี่ทุกประเภท “การตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถ เรายึดหลักความโปร่งใส และความเท่าเทียมกัน โดยให้โอกาสปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรม และป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ ตามมาตรฐานสากล เพื่อลดอุบัติเหตุ และสร้างความปลอดภัยให้ทุกคน” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าว #ตัดแต้มใบขับขี่ #มั่นใจทุกข่าวสารตำรวจเพื่อคุณ #policeofficial #สำนักงานตำรวจแห่งชาติMrs.Doubt• 3 ปีที่แล้วmeter: mostly-true--middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเพจดัง เหน็บ “ชัชชาติ” ผู้ว่าที่บังเอิญเก่งที่สุดใน 3 โลกเพจเฟซบุ๊ก Street Hero V3 เหน็บ “ชัชชาติ” ผู้ว่าที่บังเอิญเก่งที่สุดใน 3 โลก ล่าสุดไปเดินปากคลองตลาดบังเอิญเจอมิสแกรนด์ เพจเฟซบุ๊ก Street Hero V3 โพสต์ข้อความพร้อมภาพนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.ขณะ ผู้ว่าที่บังเอิญเก่งที่สุดใน 3 โลก ไปดูงานที่อังกฤษ บังเอิญเจอ บก. สื่อ สแตนดาร์ด ไปวิ่งที่สวนลุม บังเอิญเจอ ท่านทูตเมกา ล่าสุด ไปเดินงานปากคลองตลอด บังเอิญเจอ Miss Grand Interstd46239• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอย่าเชื่อ! รักษา "มะเร็งระยะสุดท้าย" ด้วยการดื่มน้ำปั่นผักจิงจูฉ่ายกรณีที่มีผู้โพสต์แนะนำผู้ที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายให้รักษาด้วยการดื่มน้ำปั่นผักจิงจูฉ่าย ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าผักจิงจูฉ่ายช่วยรักษามะเร็งระยะสุดท้ายในมนุษย์ได้ โดยผักจิงจูฉ่าย (Artemisia lactiflora) เป็นพืชท้องถิ่นของประเทศจีนนิยมนำมาใช้ปรุงอาหารอุดมไปด้วยวิตามิน ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น สารเบต้าแคโรทีน ไรโบฟลาวิน และแอสคอบิกแอซิด ซึ่งมีส่วนช่วยในการชะลอความเสื่อมของเซลล์ และช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตามงานวิจัยที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่อยู่ในระดับห้องทดลอง และปัจจุบันการรักษาโรคมะเร็งหลัก ๆ มี 3 วิธี ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด และรังสีรักษา ซึ่งทั้งนี้การรับฟังข้อมูลที่ไม่ผ่านการพิจารณาหรือตรวจสอบข้อเท็จจริง อาจทำให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อนและอาจลดโอกาสการรักษาทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน อีกทั้งควรศึกษารายละเอียดด้านสรรพคุณ ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา และวิธีการใช้สมุนไพรอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02 2026800 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าผักจิงจูฉ่ายช่วยรักษามะเร็งระยะสุดท้ายในมนุษย์ได้มะเร็งยาสมุนไพรstd47009• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอย่าเชื่อ! รักษา "มะเร็งระยะสุดท้าย" ด้วยการดื่มน้ำปั่นผักจิงจูฉ่ายกรณีที่มีผู้โพสต์แนะนำผู้ที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายให้รักษาด้วยการดื่มน้ำปั่นผักจิงจูฉ่าย ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าผักจิงจูฉ่ายช่วยรักษามะเร็งระยะสุดท้ายในมนุษย์ได้ โดยผักจิงจูฉ่าย (Artemisia lactiflora) เป็นพืชท้องถิ่นของประเทศจีนนิยมนำมาใช้ปรุงอาหารอุดมไปด้วยวิตามิน ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น สารเบต้าแคโรทีน ไรโบฟลาวิน และแอสคอบิกแอซิด ซึ่งมีส่วนช่วยในการชะลอความเสื่อมของเซลล์ และช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตามงานวิจัยที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่อยู่ในระดับห้องทดลอง และปัจจุบันการรักษาโรคมะเร็งหลัก ๆ มี 3 วิธี ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด และรังสีรักษา ซึ่งทั้งนี้การรับฟังข้อมูลที่ไม่ผ่านการพิจารณาหรือตรวจสอบข้อเท็จจริง อาจทำให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อนและอาจลดโอกาสการรักษาทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน อีกทั้งควรศึกษารายละเอียดด้านสรรพคุณ ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา และวิธีการใช้สมุนไพรอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02 2026800 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าผักจิงจูฉ่ายช่วยรักษามะเร็งระยะสุดท้ายในมนุษย์ได้std47894• 2 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 7 คนสงสัยอย่าเชื่อ! รักษา "มะเร็งระยะสุดท้าย" ด้วยการดื่มน้ำปั่นผักจิงจูฉ่ายกรณีที่มีผู้โพสต์แนะนำผู้ที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายให้รักษาด้วยการดื่มน้ำปั่นผักจิงจูฉ่าย ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าผักจิงจูฉ่ายช่วยรักษามะเร็งระยะสุดท้ายในมนุษย์ได้ โดยผักจิงจูฉ่าย (Artemisia lactiflora) เป็นพืชท้องถิ่นของประเทศจีนนิยมนำมาใช้ปรุงอาหารอุดมไปด้วยวิตามิน ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น สารเบต้าแคโรทีน ไรโบฟลาวิน และแอสคอบิกแอซิด ซึ่งมีส่วนช่วยในการชะลอความเสื่อมของเซลล์ และช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตามงานวิจัยที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่อยู่ในระดับห้องทดลอง และปัจจุบันการรักษาโรคมะเร็งหลัก ๆ มี 3 วิธี ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด และรังสีรักษา ซึ่งทั้งนี้การรับฟังข้อมูลที่ไม่ผ่านการพิจารณาหรือตรวจสอบข้อเท็จจริง อาจทำให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อนและอาจลดโอกาสการรักษาทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน อีกทั้งควรศึกษารายละเอียดด้านสรรพคุณ ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา และวิธีการใช้สมุนไพรอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02 2026800 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าผักจิงจูฉ่ายช่วยรักษามะเร็งระยะสุดท้ายในมนุษย์ได้มะเร็งstd46777• 2 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย10เทคนิค ช่วยให้นอนหลับเพียงพอนพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า กรมอนามัยร่วมกับสมาคมโรคจากการหลับแห่งประเทศไทย และภาคีเครือข่าย จัดงานวันนอนหลับโลกในประเทศไทย ประจำปี 2565 ภายใต้คำขวัญที่ว่า “นอนดีมีวินัย สร้างโลกสดใส จิตใจแข็งแรง” เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงการนอนหลับที่เพียงพอและมีสุขอนามัยการนอนหลับที่ดีทุกช่วงวัยซึ่งมีผลต่อสุขภาพ การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และโรคประจำตัว นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า วิธีการที่ช่วยให้หลับเพียงพอและมีสุขอนามัยการนอนหลับที่ดี สามารถปฏิบัติได้ตามหลัก 10 วิธี ดังนี้ 1.เข้านอนและตื่นนอนให้ตรงเวลาเป็นประจำทุกวัน 2.รับแสงแดดให้เพียงพอในตอนเช้าอย่างน้อย 30 นาที 3.ไม่นอนในเวลากลางวัน ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ควรเกิน 30 นาที 4.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ก่อนนอน 2 ชั่วโมง ไม่ควรออกกำลังกาย 5.หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน และอาหารมื้อดึก อย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนนอน 6.งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 4 ชั่วโมง ก่อนนอน 7.นอนเตียงนอนที่สบาย อากาศถ่ายเท ไม่มีแสงเล็ดลอด และเสียงรบกวน 8.ผ่อนคลาย เพื่อลดความวิตกกังวล เช่น การนั่งสมาธิ 9.ใช้ห้องนอนเพื่อนอนเท่านั้น ไม่เล่นโทรศัพท์มือถือ หรือกินอาหารบนเตียงนอน 10.หากนอนไม่หลับภายใน 30 นาที ควรลุกไปทำกิจกรรมอื่นๆแล้วกลับมานอนใหม่อีกครั้งเมื่อง่วง.น้องไข่จ้องคนสวยเองค่ะ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกทพ. ขยายเวลา ลดค่าผ่านทางพิเศษด่านพระราม 9-1 สำหรับรถทุกประเภทกทพ. ขยายเวลา ลดค่าผ่านทางพิเศษด่านพระราม 9-1 สำหรับรถทุกประเภท จริงหรือ? . ตามที่มีการประกาศเรื่อง กทพ. ขยายเวลา ลดค่าผ่านทางพิเศษด่านพระราม 9-1 สำหรับรถทุกประเภท ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม พบว่าข้อมูลดังกล่าว เป็นข้อมูลจริง ✅ . การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม ได้ขยายเวลาการให้ส่วนลดค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษฉลองรัช ที่ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษพระราม 9-1 (ฉลองรัช) โดยมีส่วนลดจำนวน 10 บาทต่อเที่ยว สำหรับรถทุกประเภทที่ใช้เงินสดและรถที่ใช้ระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติด้วยบัตร Easy Pass เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก และลดค่าใช้จ่ายของประชาชน . อัตราค่าผ่านทางที่ปรับลด มีดังนี้ 1. รถ 4 ล้อ อัตราค่าผ่านทางพิเศษ ปกติ 40 บาท ปรับลดเหลือ 30 บาท 2. รถ 6-10 ล้อ อัตราค่าผ่านทางพิเศษ ปกติ 60 บาท ปรับลดเหลือ 50 บาท 3. รถมากกว่า 10 ล้อ อัตราค่าผ่านทางพิเศษ ปกติ 80 บาท ปรับลดเหลือ 70 บาท . ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.exat.co.th หรือ โทร. 02-283-3000 สายด่วนศูนย์ปลอดภัยคมนาคม 1356 . หน่วยงานที่ตรวจสอบ : การทางพิเศษแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม . 📌 ช่องทางการติดตามและแจ้งเบาะแสข่าวปลอม . LINE : @antifakenewscenter (http://nav.cx/uyKYnsG) Website : https://www.antifakenewscenter.com/ Twitter: https://twitter.com/AFNCThailand สายด่วน : ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน 1111 ต่อ 87 . #ข่าวจริง #ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม #AntiFakeNewsCenter #AFNCThailand #ข่าวนโยบายรัฐ #ค่าผ่านทาง #ทางด่วน #ลดค่าทางด่วนP Ing Nuttaput• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย'กลุ่มเปราะบาง' ที่ลงทะเบียนหลัง 31 พ.ค. หมดสิทธิ์รับเงินเยียวยา 3,000 บาท จริงหรือคะกลุ่มเปราะบาง จำนวนรวมทั้งสิ้น 6,781,881 ราย ซึ่งประกอบด้วย 3 กลุ่ม ดังนี้ 1) เด็กที่ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด (อายุ 0-6 ขวบ) จำนวน 1,394,756 ราย 2) ผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จำนวน 4,056,596 ราย 3) คนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ จำนวน 1,330,529 ราย รองปลัด พม. ได้ย้ำถึงการรับสิทธิ์ว่า จะต้องเป็น "1 คน 1 สิทธิ์" คือ จะต้องไม่ได้รับเงินจากกระทรวงการคลัง จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือได้รับเงินประกันสังคมจากกระทรวงแรงงานมาก่อน จึงจะเป็นผู้ได้รับสิทธิ์เงินเยียวยา 3 พันบาทจาก พม. โดยไม่ต้องลงทะเบียนเพิ่มเติม อาจมีบางท่านที่จะ "ไม่ได้รับเงิน" เพราะเพิ่งลงทะเบียนของการรับเบี้ยยังชีพทั้งสามกลุ่ม ภายหลังจากวันที่ 31 พ.ค. 63 จริงหรือคะanonymous• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจริงหรือ กะปิมีประโยชน์ถึง 10 ข้อควรกินเป็นประจำกะปิมี 10 ข้อดีที่ควรกินเป็นประจำ โดยอ้างสรรพคุณ ดังนี้ 1. บำรุงกระดูก 2. บำรุงเลือด 3. ช่วยให้ฟันไม่ผุ 4. มีโอเมก้า 3 5. มีจุลินทรีย์ เสริมภูมิต้านทาน 6. บำรุงสายตา 7. มีวิตามินช่วยทำให้ผ่อนคลาย 8. ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี 9. บำรุงสมอง และ 10. บำรุงหัวใจ ควรกินเป็นประจำเพื่อทำให้สุขภาพแข็งแรงnaydoitall• 4 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 2 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! พายุเข้าไทย 77 จังหวัด ระวังน้ำท่วมใหญ่ ฝนตกหนักถึง 80%ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเรื่องพายุเข้าไทย 77 จังหวัด ระวังน้ำท่วมใหญ่ ฝนตกหนักถึง 80% ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากกรณีที่มีผู้เผยแพร่คลิปวิดีโอพยากรณ์อากาศว่า พายุเข้าไทย 77 จังหวัด ฝนตกหนัก 80% ของพื้นที่ น้ำท่วมใหญ่ และลมแรงนั้น ทางกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าว เป็นข่าวปลอม เป็นข้อมูลที่มิได้มีที่มาจากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา หากมีพายุเกิดขึ้นจริง กรมอุตุนิยมวิทยาจะประกาศเตือนล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน จากการติดตามสภาพอากาศ ในช่วง 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 7 – 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบนตลอดช่วง ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้และมีฝนตกหนักบางแห่งstd48134• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเล่นโทรศัพท์ตอนฟ้าร้อง จะโดนฟ้าผ่าไหม ?หลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องบอกต่อกันมานานแล้วว่า การคุยหรือเล่นโทรศัพท์มือถือตอนฝนตก ฟ้าร้อง เป็นอันตราย เพราะเสี่ยงทำให้โดนฟ้าผ่าได้ ซึ่งก็มีทั้งคนที่เชื่อและทำตาม ไม่กล้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใช้ตอนฟ้าร้อง แต่บางคนก็ยังไม่ค่อยเชื่อเต็มร้อย โดยในวันนี้เราจะพาไปคลายข้อสงสัยนี้พร้อม ๆ กัน จะได้รู้กันเสียทีว่าเป็นเรื่องจริงหรือแค่ความเชื่อกันแน่ ความเชื่อเรื่องเล่นโทรศัพท์จะโดนฟ้าผ่า มาจากไหน ? สำหรับที่มาของความเชื่อดังกล่าวนั้น มาจากข่าวที่มีคนถูกฟ้าผ่าเสียชีวิต แล้วพบว่าโทรศัพท์ที่อยู่กับตัวผู้ตายมีรอยไหม้หรือระเบิด ทำให้คนพากันตั้งข้อสงสัยว่า โทรศัพท์เป็นต้นเหตุที่ทำให้ฟ้าผ่าลงมา โดยมีสัญญาณโทรศัพท์เป็นตัวล่อฟ้านั่นเอง หลายคนจึงเกิดความหวาดกลัว ไม่กล้าใช้โทรศัพท์ตอนฝนตก ฟ้าร้อง หรือบางคนอาจถึงขั้นปิดเครื่องไปเลยก็มี เล่นโทรศัพท์ตอนฟ้าร้อง จะโดนฟ้าผ่าจริงหรือ ? เคยมีการพิสูจน์เพื่อยืนยันในเรื่องนี้มาแล้ว ด้วยการนำโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่องไปวางไว้บริเวณที่มีฟ้าผ่า โดยเครื่องแรกปิดเครื่องไว้ เครื่องที่สองเปิดเครื่องและมีสายเข้า ส่วนเครื่องสุดท้ายมีสายเข้าและตั้งให้รับสายอัตโนมัติ ซึ่งผลออกมาพบว่าไม่มีโทรศัพท์เครื่องใดถูกฟ้าผ่าเลย นั่นก็เป็นเพราะว่าสัญญาณและตัวเครื่องโทรศัพท์มือถือไม่ได้มีแรงเหนี่ยวนำไฟฟ้ามากพอที่จะทำให้ฟ้าผ่าลงมาได้นั่นเอง จึงสามารถสรุปได้ว่าการเล่นโทรศัพท์ตอนฟ้าร้องแล้วจะโดนฟ้าผ่านั้นไม่เป็นความจริงมีมShoyo Zx• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยอย. ยกเลิก เลขสารบบอาหาร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คอลลี่ เอสพีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เพิกถอนเลขสารบบอาหารของ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คอลลี่ เอสพีในช่วงปี พ.ศ.2561 ข้อมูลนี้ส่งถึงมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เพื่อเผยแพร่ต่อประชาชน มีรายละเอียด ดังนี้ ชื่ออาหารบนฉลาก: คอลลี่ เอสพี (ผงคอลลาเจนจากปลาทะเล, สารสกัดจากอะเซโรล่า เชอร์รี่, สารสกัดจากส้มแขก, แอล-คาร์นิทีน แอล-ทาเทรท, ผงไซเลี่ยม ฮัสก์, สารสกัดจากชาเขียว, ผงสตรอเบอร์รี่, กรดอัลฟาไลโปอิค) (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร) กรณีความผิด/สาเหตุที่ต้องยกเลิก: อาหารปลอม ข้อมูลสถานประกอบการ: บริษัท เอสพี สยามแพ็ค จำกัด (จ.นครปฐม)(ใบอนุญาตที่ 73-1-19156) ที่ตั้งสถานประกอบการ: บ้านเลขที่ 12/40 หมู่ 3 ตำบลงิ้วราย อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม 73120 เลขสารบบอาหารที่ถูกยกเลิก: 73-1-19156-1-0038 คำสั่งยกเลิก เลขสารบบอาหาร/ลงวันที่: คำสั่ง อย. ที่ 547/2561 ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2561 อ้างอิงจากเอกสารสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา: https://drive.google.com/open?id=1dZAqXAtvIHw1UPBlLaol19JLC2balkgTอย. เพิกถอนnaruemonjoy• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย“ปิ่น เก็จมณี” เลิกกับสามี“เจ เจตริน จริงหรือไม่ยังคงเป็นประเด็นให้ติดตามกันต่อเนื่อง เมื่อเพจดังได้ออกมาโพสต์ข้อความทิ้งบอมบ์ลูกใหญ่ถึงคู่รักดาราดังที่ได้เซ็นใบหย่ากันแล้ว ทำเอาหลายคนต่างเดากันไปต่างๆ นานา ซึ่งมีหลายคู่ที่โดนโยงกันจำนวนมาก รวมไปถึงคู่ของ เจ เจตริน กับ ปิ่น เก็จมณี ที่คบกันมาอย่างยาวนานกว่า 28 ปี จนใครๆ ต่างก็ยกให้เป็นคู่รักในตำนานไปแล้ว ซึ่ง ปิ่น เก็จมณี เคยให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ คุยแซ่บShow เมื่อปี 2561 ว่า ตนเองคบกับ เจ เจตริน เป็นแฟนกันก่อนแล้วก็เลิกกันไป แล้วก็กลับมาดีกัน แล้วก็เลิกกัน เลิกกันมา 3 รอบ คือเราเจอกันมาตั้งแต่เด็ก เราคบกันมาตั้งแต่อายุ 20 ปี เมื่อถามว่ารักกันขนาดนี้ ใครหึงใคร?พี่เจจะหึงปิ่นมาก แต่เขาเลือกเพศหึงด้วยนะคะ เพศชายไม่หึง เขาหึงทอม เพราะเขารู้ว่าไม่มีผู้ชายที่ไหนกล้าเข้ามายุ่งกับเราอยู่แล้ว เพราะเราก็มีสามีแล้ว มีลูกแล้ว อีกอย่างเราไม่เคยเข้าไปยุ่งใกล้ชิดกับผู้ชาย แต่ถ้าผู้หญิง หรือทอม จะเข้าไปใกล้หน่อย กับตัวพี่เจเอง ถ้าไม่ได้ผิดกลิ่นอะไร เราก็จะไม่เข้าไปยุ่ง หรือไปเช็ก ไปตามอะไร เพราะเขาก็รายงานตัวตลอด เขาจะถ่ายรูปให้เราดูตลอด" แล้วที่มันผิดกลิ่นมีมั้ย? "มี มันก็จะมีพฤติกรรมที่แปลกๆ ไปหน่อย บอกตามตรงว่าเจไม่ใช่คนเจ้าชู้ ไม่ใช่คนที่จะมาทำความเดือดร้อนให้ที่บ้านอยู่แล้ว แต่มันอาจจะมีแบบว่านิดหนึ่ง แต่เขามีชั่วโมงบินสูงก็เลยไม่ทำอะไรให้เดือดร้อนได้ เพราะเคยมีปัญหามาแล้วในชีวิตนี้หนึ่งรอบ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มาก เราก็เลยวางใจว่าเขาคงจะไม่พลาด ไม่ทำให้เป็นปัญหาอีก"น้องไข่จ้องคนสวยเองค่ะ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผลิตภัณฑ์ D.U.Dตามที่มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ เกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ D.U.D คืนความอ่อนเยาว์กลับไปได้ 20 ปี ใน 3 เดือน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีผลิตภัณฑ์ D.U.D ที่ใช้ข้อความโฆษณาแสดงสรรพคุณของผลิตภัณฑ์ว่าสามารถคืนความอ่อนเยาว์กลับไปได้ 20 ปี ใน 3 เดือนนั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ดังกล่าวและชี้แจงว่า ผลิตภัณฑ์ D.U.D จดแจ้งเป็นเครื่องสำอาง สำหรับบำรุงผิว มีเลขที่ใบจดแจ้ง 12-1-6300050347 และจากการตรวจสอบเว็บไซต์ขายผลิตภัณฑ์ D.U.D ได้ระบุสรรพคุณของผลิตภัณฑ์ว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสามารถฟื้นฟู คืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ผิวหน้า ลบริ้วรอยทันตาเห็น ลดอายุลงไปจากเดิม 20 ปี ใน 3 เดือน และกล่าวอ้างว่า เจ้าของผลิตภัณฑ์ดังความสวยความงามอย. เพิกถอนผู้บริโภคเฝ้าระวังstd47602• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยจริงหรือ รัฐบาลอนุมัติเงินเยียวยาให้กลุ่ม ที่ไม่มีสิทธิ์ได้รับการเยียวยาจากมาตรการอื่นๆ ทั้งเราไม่ทิ้งกัน เยียวยาเกษตรกร เรียกว่า"เยียวยากลุ่มเปราะบาง" คนละ 3000 บาทรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบในหลักการตามคณะกรรมการกลั่นกรองฯและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)เสนอ ให้จ่ายเงิน "เยียวยากลุ่มเปราะบาง" จำนวน 13 ล้านคน ใน 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.เด็กแรกเกิดถึง 6 ปีที่มีฐานะยากจน จำนวน 1.4 ล้านคน 2 ผู้สูงอายุ จำนวน 9.66 ล้านคน และ 3.ผู้พิการ จำนวน 2 ล้านคน ทั้งหมดรวม 13 ล้านคนโควิด 2019naydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยhttps://mof.c-th.cc/ เป็นเว็บไซต์ใหม่ของกระทรวงการคลังกรณีที่มีผู้บอกต่อว่า https://mof.c-th.cc/ เป็นเว็บไซต์ใหม่ของกระทรวงการคลัง ทางกลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลังstd46229• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยเปิดไอเดียสุดเจ๋งของเยาวรุ่น ร่วมแก้ปัญหาข่าวลวง สร้างนวัตกรรมพร้อมข้อเสนอผลักสู่ระดับนโยบาย11 ก.พ. 2565 12:30 น. ข่าว ทั่วไทย ข่าวประชาสัมพันธ์ เปิดไอเดียสุดเจ๋งของเยาวรุ่น ร่วมแก้ปัญหาข่าวลวง สร้างนวัตกรรมพร้อมข้อเสนอผลักสู่ระดับนโยบาย สิ้นสุดแล้วโครงการ “FACTkathon” นักศึกษาร่วมระดมสมองส่งผลงานนวัตกรรมเข้าประกวด เพื่อแก้ปัญหาข่าวลวง ข่าวปลอม พร้อมผลักดัน 7 ข้อเสนอให้เกิดเป็นนโยบายแก้ปัญหาเฟกนิวส์เกลื่อนโลกออนไลน์ เปิดไอเดียสุดเจ๋งของเยาวรุ่น ร่วมแก้ปัญหาข่าวลวง สร้างนวัตกรรมพร้อมข้อเสนอผลักสู่ระดับนโยบาย ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับกิจกรรมการแข่งขันระดมสมอง “หักล้างมูลเท็จ แสวงหาความจริงร่วม” “FACTkathon : Fact-Collab to Debunk Dis-infodemic” ที่ได้รับการสนับสนุนจาก กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ร่วมกับสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) และเป็นความร่วมมือกับสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ มูลนิธิสภาการหนังสือพิมพ์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มูลนิธิฟรีดริช เนามัน ประเทศไทย (Fnf Thailand) สถาบันเชนจ์ฟิวชั่น ChangeFusion Centre for Humanitarian Dialogue (HD) และ ภาคีโคแฟค (ประเทศไทย) งานนี้นอกจากจะเป็นการประชันไอเดียของคนรุ่นใหม่ระดับมหาวิทยาลัย ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมแก้ปัญหาข่าวลวงที่มากมายในโลกออนไลน์แล้ว ยังมีการระดมข้อเสนอแนะเชิงนโยบายถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแนวทางการหา “ความจริงร่วม” ที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ นำไปสู่การอยู่ร่วมกันในสังคมของผู้ที่มีความเห็นต่างได้อย่างปกติสุข จากการแข่งขันครั้งนี้ทีมที่ได้รับรางวัลที่ 1 ได้แก่ ทีมบอท เป็นการผสมผสานทีมจากนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ มีไอเดียสุดเจ๋ง “Check-on” หรือ “เช็กก่อน” โดยพัฒนาเครื่องมือ Extension เมื่อผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอ่านข่าวในเว็บหรือเห็นภาพต่างๆ แล้วสงสัยว่าจริงหรือไม่ ให้คลุมดำที่ข้อความ คลิกขวา จะมีปุ่ม Check หน้าต่างของ Check-On ขึ้นมาแล้วประมวลผลความน่าเชื่อถือจากฐานข้อมูลที่มีอยู่ อาทิ Cofact ชัวร์ก่อนแชร์ ศูนย์ต่อต้านข่าวลวง เป็นต้น ทีม TU Validator ซึ่งได้รับรางวัลที่ 2 รวมทีมจากคณะต่างๆ ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เสนอแพลตฟอร์มเป็นเว็บไซต์ที่เปิดให้ทุกคนเข้ามาร่วมค้นหาความจริงด้วยกัน พร้อมรับคะแนนและของรางวัล เพื่อสร้างชุมชนในสังคมออนไลน์ ให้ผู้ใช้งานได้มีการถกเถียง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อข้อมูลต่างๆ จัดกิจกรรม Debate ถกประเด็นกัน เชื่อว่าความจริงต้องเกิดขึ้นได้ สำหรับทีมที่ได้รับรางวัลที่ 3 คือ ทีม New Gen Next FACTkathon เป็นการรวมตัวของนักศึกษาคณะต่างๆ จากมหาวิทยาลัยพายัพ ออกแบบการนำข้อมูลข่าวสาร มาถ่ายทอดในรูปแบบของการ์ตูน ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันด้วยการสร้างการ์ตูนลงแพลตฟอร์มหนังสือการ์ตูนออนไลน์ (Webtoon) เพื่อเสริมสร้างทักษะการอ่านและได้สอดแทรกความรู้เกี่ยวกับการตรวจสอบข่าวลวงไปด้วย พร้อมมีลูกเล่นด้วยการให้ผู้อ่านมีส่วนร่วมไขปริศนา โหวตว่าจริงหรือไม่จริง โดยให้สิ่งตอบแทนเป็นเหรียญ สำหรับใช้เปิดอ่านตอนต่อไป นอกจากกิจกรรมการประกวดเสนอแนวคิดนวัตกรรมแล้ว ยังได้จัดการประชุมเพื่อร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาและข้อเสนอแนะที่จะแก้ปัญหาข่าวลวงอย่างยั่งยืน ซึ่งเห็นตรงกันว่าต้องผลักดันให้เกิดนโยบายที่แก้ปัญหาข่าวลวงที่เกลื่อนโลกออนไลน์ร่วมกันด้วย ดังนี้ 1) ทวงถามความรับผิดชอบกับผู้ผลิตและส่งต่อข่าวลวง : มีข้อเสนอแนะให้มีวิธีการป้องกันและแก้ไขข้อความผู้ผลิตและผู้ส่งต่อข่าวลวง ที่จะช่วยลดการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นลงได้ 2) ให้ความสำคัญกับทักษะ “รู้เท่าทันสื่อ” : การรู้เท่าทันสื่อ (Media Literacy) ไม่ใช่วิชาที่เกิดขึ้นใหม่ในยุคดิจิทัล แต่ถูกพูดถึงเรื่องนี้นับตั้งแต่มีการเกิดขึ้นของสื่อมวลชนยุคอนาล็อก (วิทยุ โทรทัศน์ และสื่อสิ่งพิมพ์) เช่น กลยุทธ์หรือเทคนิคที่ใช้ผลิตเนื้อหาผ่านสื่อแต่ละประเภทใช้ส่งสารถึงปัจเจกชนหรือกลุ่มคนซึ่งเป็นผู้รับสาร บทบาทของสื่อต่อการสร้างกระแสค่านิยม หรือวัฒนธรรมต่างๆ ในสังคม เมื่อโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัล การผลิตและส่งต่อข้อมูลข่าวสารเพิ่มมากขึ้นทั้งกว้างขวางและรวดเร็ว การรู้เท่าทันสื่อจึงยิ่งมีความสำคัญเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อข่าวลวงหรือข้อมูลบิดเบือน ความเข้าใจในแพลตฟอร์มออนไลน์ อาทิ Facebook, Twitter, Instagram, Line ฯลฯ ถูกออกแบบมาให้ทำงานอย่างไร และผู้ผลิตเนื้อหา (Content) ใช้วิธีการอย่างไรในการสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มเหล่านี้เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผู้รับสาร ซึ่งจะซับซ้อนกว่าสื่อดั้งเดิม เช่น แพลตฟอร์มบางชนิดสามารถใช้วิธีการบางอย่างเพื่อให้สาร (ข้อความ ภาพ คลิปวิดีโอ คลิปเสียง) ถูกมองเห็นอย่างกว้างขวางและในความถี่ต่อเนื่อง หรือมีสถิติการส่งต่อจำนวนมาก ผู้ที่ไม่รู้เท่าทันวิธีการเหล่านี้อาจเชื่อไปก่อนแล้วว่าเป็นเรื่องจริงโดยไม่ได้ตรวจสอบ 3) ลดความเหลื่อมล้ำด้านการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล : แม้เด็กและเยาวชนรุ่นใหม่จะถูกมองว่าเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Native) จึงใช้งานได้คล่องกว่าคนวัยอื่นๆ ที่อาจจะเพิ่งรู้จักเทคโนโลยีดิจิทัลในวัยกลางคนหรือวัยเกษียณ แต่ในความเป็นจริงก็ยังพบช่องว่าง กล่าวคือ เด็กและเยาวชนในครัวเรือนที่ไม่มีทุนทรัพย์จัดหาเครื่องมือเชื่อมต่อ (Device) อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน และเข้าไม่ถึงโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ด้านดิจิทัล อาทิ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่สัญญาณมีความเสถียร ย่อมมีข้อจำกัดในการเรียนรู้และฝึกฝนทักษะการรู้เท่าทันสื่อดิจิทัลเมื่อเทียบกับเด็กและเยาวชนในครัวเรือนที่มีความพร้อม 4) สนับสนุนบทบาทขององค์กรที่ทำงานต่อต้านข่าวลวงที่มีอยู่แล้ว ให้สามารถนำข้อมูลไปถึงผู้คนได้ง่าย : ปัจจุบันมีความพยายามจากหลายฝ่ายในการต่อสู้กับปัญหาข่าวลวง ทั้งภาครัฐที่มีศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) ภาคสื่อมวลชนที่มีศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ของ อสมท. และภาควิชาการ-ประชาชน ที่รวมตัวกันในนามโคแฟค ซึ่งนอกจากจะสนับสนุนให้องค์กรเหล่านี้ทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วแล้ว ควรพัฒนาเครื่องมือดิจิทัลที่เมื่อผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตไปพบข้อมูลบางอย่างแล้วสงสัย สามารถส่งไปประมวลผลกับระบบขององค์กรข้างต้นได้ทันทีว่าเคยมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วหรือไม่ เนื่องจากพบว่าข่าวลวงหลายข่าวมักมีลักษณะ “แชร์วนซ้ำ” บางเรื่องพิสูจน์กันไปแล้วหลายปีว่าไม่จริงแต่ก็ยังมีการส่งต่อวนกลับมาอีก 5) ขยายแนวร่วมตรวจสอบข่าวลวงสู่ระดับท้องถิ่น : ในความเป็นจริงที่การสื่อสารรวดเร็ว ข้อมูลถูกผลิตและส่งต่ออย่างมหาศาล ข่าวลวงหรือข้อมูลบิดเบือนจึงมีความหลากหลายซึ่งบางเรื่องอาจจะไม่ได้เป็นกระแสมากพอที่องค์กรจากส่วนกลางจะมองเห็นและเข้าไปตรวจสอบ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสร้างแนวร่วมในระดับชุมชน ซึ่งอาจเป็นสื่อมวลชนท้องถิ่น หรือแกนนำชุมชน (กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. ฯลฯ) โดยให้ผู้ที่สนใจประเด็นข่าวลวงมาฝึกฝนทักษะการตรวจสอบ รวมถึงพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะว่าจะส่งเสริมเรื่องนี้ในระดับท้องถิ่นของตนเองอย่างไร เพราะแต่ละพื้นที่นั้นมีบริบททางสังคมไม่เหมือนกันผู้บริโภคเฝ้าระวังstd48026• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเตือนภัยสำหรับผู้มีที่ดินมิจฉาชีพหากินแนวใหม่ด้วยการขอซื้อที่ดินโดยวางมัดจำไว้สูงระบุวันโอนขายที่ดินเช่น 1/3/66แต่ก่อนถึงวันโอนจะโทรมาบอกยกเลิกการซื้อขายยอมให้ยึดเงินมัดจำแต่พอถึงวันที่ 1/3/66 ผู้ซื้อจะไปที่ที่ดินนั่งรอตั้งแต่เช้าให้กล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้หรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปและพนักงานที่ดินเห็นเป็นพยานส่วนผู้ขายก็เข้าใจว่าผู้ซื้อไม่ซื้อแล้วก็ไม่ไปก็จะผิดสัญญาผู้ซื้อจะเรียกค่าปรับตามที่ระบุไว้ในสัญญา3-10เท่าครับเตือนภัยสำหรับผู้มีที่ดินมิจฉาชีพหากินแนวใหม่ด้วยการขอซื้อที่ดินโดยวางมัดจำไว้สูงระบุวันโอนขายที่ดินเช่น 1/3/66แต่ก่อนถึงวันโอนจะโทรมาบอกยกเลิกการซื้อขายยอมให้ยึดเงินมัดจำแต่พอถึงวันที่ 1/3/66 ผู้ซื้อจะไปที่ที่ดินนั่งรอตั้งแต่เช้าให้กล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้หรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปและพนักงานที่ดินเห็นเป็นพยานส่วนผู้ขายก็เข้าใจว่าผู้ซื้อไม่ซื้อแล้วก็ไม่ไปก็จะผิดสัญญาผู้ซื้อจะเรียกค่าปรับตามที่ระบุไว้ในสัญญา3-10เท่าครับผู้บริโภคเฝ้าระวังMrs.Doubt• 2 ปีที่แล้ว
- 3 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! ตำรับยาสมุนไพร ดื่มรักษาโรคมะเร็งปอดตามที่ได้มีบทความชวนเชื่อเรื่องตำรับยาสมุนไพร ดื่มรักษาโรคมะเร็งปอด ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีคำแนะนำสุขภาพให้ดื่มน้ำต้มทองพันชั่ง ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ ตังกุยจี้ รากชะเอม พลูคาว และกะเม็งตัวเมีย เพื่อรักษามะเร็งปอด ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่า สมุนไพรตามที่กล่าวอ้างช่วยรักษาโรคมะเร็งปอดในมนุษย์ได้ โดยจากผลการศึกษาวิจัยระดับเซลล์ในห้องปฏิบัติการพบว่าอาหารในกลุ่มพืชผักสมุนไพรอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น สารไตรเทอร์ปีนอยด์ สารฟีนอลิกส์ สารฟลาโวนอยด์ และสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ สารต้านอนุมูลอิสระอาจมีส่วนในการยับยั้งเซลล์มะเร็งในหลอดทดลอง แต่ผลดังกล่าวเป็นเพียงงานวิจัยเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันการรักษาโรคมะเร็งหลัก ๆ มี 3 วิธี ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด และรังสีรักษา ผู้ป่วยควรศึกษารายละเอียดด้านสรรพคุณ ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา และวิธีการใช้สมุนไพรอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์มีมstd47661• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเตือนภัยสภาพอากาศเลวร้าย มรสุม 3 ชุดใหญ่ เข้าไทยต่อเนื่องจากกรณีที่มีผู้โพสต์เตือนภัยเรื่องเตือนภัยสภาพอากาศเลวร้าย มรสุม 3 ชุดใหญ่เข้าไทยต่อเนื่อง เตรียมรับมือพื้นที่สีแดง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า คลิปเตือนภัยข้างต้นเป็นข้อมูลที่มิได้มีที่มาจากกรมอุตุนิยมวิทยา โดยพยากรณ์อากาศ ในช่วงวันที่ 6 – 11 มี.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ประกอบกับจะมีความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร และอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ดังนั้นขอประชาชนอย่าแชร์หรือส่งต่อข่าวลือนี้ และให้ติดตามข่าว พยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยจากกรมอุตุนิยมวิทยาเท่านั้น เพื่อมิให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนกขึ้นในสังคม และหากมีสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพื่อเติม สามารถสอบถามได้ที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา https://www.tmd.go.th, Facebook กรมอุตุนิยมวิทยา Application Thai weatherสายด่วน 1182 (ตลอด 24 ชั่วโมง) บทสรุปของเรื่องนี้คือ : คลิปเตือนภัยในข่าวมิได้มาจากกรมอุตุฯ ประเทศไทยจะไม่มีมรสุมเข้าแต่อย่างใด และจากการตรวจสอบพยากรณ์อากาศพบว่า ไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน และภาคใต้มีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาคสภาพอากาศstd46432• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม! ผลิตภัณฑ์ไวท์โรส พลาเซนต้าครีม ช่วยบำรุงให้หน้าขาวใส และลดจุดด่างดำจากกรณีที่มีการแนะนำผลิตภัณฑ์ ไวท์โรส พลาเซนต้าครีม ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบและชี้แจงว่า พบสารประกอบของปรอท ซึ่งเป็นสารห้ามใช้ในเครื่องสำอาง ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารห้ามใช้ จัดเป็นเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัย อาจทำให้เกิดการแพ้ ผื่นแดง ผิวหน้าดำ ผิวบางลง และเกิดพิษสะสมของสารปรอท ทำให้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ และไตอักเสบ วันนี้ (3 พ.ค.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ไวท์โรส พลาเซนต้าครีม ช่วยบำรุงให้หน้าขาวใส และลดจุดด่างดำ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากกรณีที่มีการแนะนำผลิตภัณฑ์ ไวท์โรส พลาเซนต้าครีม ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบและชี้แจงว่า พบสารประกอบของปรอท ซึ่งเป็นสารห้ามใช้ในเครื่องสำอาง ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารห้ามใช้ จัดเป็นเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัย อาจทำให้เกิดการแพ้ ผื่นแดง ผิวหน้าดำ ผิวบางลง และเกิดพิษสะสมของสารปรอท ทำให้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ และไตอักเสบ วันนี้ (3 พ.ค.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ไวท์โรส พลาเซนต้าครีม ช่วยบำรุงให้หน้าขาวใส และลดจุดด่างดำ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากกรณีที่มีการแนะนำผลิตภัณฑ์ ไวท์โรส พลาเซนต้าครีม ช่วยบำรุงให้หน้าขาวใส และลดจุดด่างดำ ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า จากฐานข้อมูลใบรับจดแจ้งเครื่องสำอางไม่พบชื่อผลิตภัณฑ์ “ไวท์โรส พลาเซนต้าครีม” จึงได้ไปตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้ พบว่าอย. ได้เคยประกาศผลวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ “ไวท์โรส พลาเซนต้าครีม ครีมรกแกะ หน้าขาวใสลดจุดด่างดำ” ว่าพบสารประกอบของปรอท (Mercury compound) ซึ่งเป็นสารห้ามใช้ในเครื่องสำอาง ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารห้ามใช้ จัดเป็นเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัย อาจทำให้เกิดการแพ้ ผื่นแดง ผิวหน้าดำ ผิวบางลง และเกิดพิษสะสมของสารปรอท ทำให้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ และไตอักเสบ ขอแนะนำให้ประชาชนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ มีฉลากภาษาไทยที่ระบุชื่อที่ตั้งผู้ผลิต/ผู้นำเข้า เลขที่ใบรับจดแจ้งอย่างชัดเจน หากไม่แน่ใจสามารถตรวจสอบข้อมูลการได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ อย. ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุขผู้บริโภคเฝ้าระวังstd46484• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย5สาเหตทำไห้คันบั้นท้ายข่าวปลอม อย่าแชร์! ❌ 5 สาเหตุทำให้เกิดอาการคันบั้นท้าย . ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อออนไลน์เรื่อง 5 สาเหตุทำให้เกิดอาการคันบั้นท้าย ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบ โดยโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ . จากกรณีที่มีผู้โพสต์คลิปบทความให้ความรู้ว่า อาการคันบั้นท้ายเกิดจาก 5 สาเหตุ ได้แก่ 1. กินอาหารเครื่องเทศเยอะ 2. การทำความสะอาดไม่ดีพอ 3. โรคผิวหนังบางชนิด 4. อาการท้องเสีย และ 5. ความเครียด ทางโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า อาการที่บทความกล่าวเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องทั้งหมดตามข้อเท็จจริงทางการแพทย์ กล่าวคืออาการคันมีสาเหตุได้หลายประการ และความเครียดอาจทำให้อาการคันจากโรคต่าง ๆ แย่ลง แต่อาการคันจากความเครียดเองนั้นพบได้น้อยกว่าจากสาเหตุอื่นมาก . ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากโรงพยาบาลราชวิถี สามารถติดตามได้ที่ www.rajavithi.go.th หรือ โทร. 02-206-2900 . บทสรุปของเรื่องนี้คือ : อาการดังกล่าวไม่ถูกต้องทั้งหมด กล่าวคืออาการคันมีสาเหตุได้หลายประการ และความเครียดอาจทำให้อาการคันจากโรคต่าง ๆ แย่ลง แต่อาการคันจากความเครียด พบได้น้อยกว่าจากสาเหตุอื่นมาก . หน่วยงานที่ตรวจสอบ : โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข . 📌 ช่องทางการติดตามและแจ้งเบาะแสข่าวปลอม . LINE : @antifakenewscenter (http://nav.cx/uyKYnsG) Website : https://www.antifakenewscenter.com/ Twitter: https://twitter.com/AFNCThailand Tiktok : @antifakenewscenter สายด่วน : ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน 1111 ต่อ 87 . #ข่าวปลอม #ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม #AntiFakeNewsCenter #AFNCThailand #ข่าวสุขภาพ #บั้นท้าย #อาการคัน #คันstd48133• 2 ปีที่แล้ว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ