2434 ข้อความ
- 1 คนสงสัยทะลวงหลอดเลือดด้วยภูมิปัญญาโบราณ เพียง 2 นาที🌹ทะลวงหลอดเลือดด้วยภูมิปัญญาโบราณ เพียง 2 นาที ทะลวงหลอดเลือดด้วยภูมิปัญญาโบราณ เพียง 2 นาที เป็นของขวัญอันล้ำค่าแก่พ่อแม่และเพื่อนๆ ของคุณ 📍ชายชาวลอนดอนคนหนึ่งได้เล่าประสบการณ์ส่วนตัว เมื่อเขาไปประชุมที่ปากีสถาน เกิดมีอาการเจ็บหน้าอกอย่างเฉียบพลัน แพทย์ตรวจพบว่าเส้นเลือดหัวใจของเขา 3 เส้นอุดตันอย่างรุนแรง จำเป็นต้องผ่าตัดทำบายพาส. กำหนดการผ่าตัดคืออีก 1 เดือน ในช่วงระหว่างนั้นเขาไปพบหมอบำบัดมุสลิมโบราณ หมอบำบัดให้เขาทำยาทานเองที่บ้าน เมื่อทานครบ 1 เดือน ก็ไปตรวจที่โรงพยาบาลเดียวกันก่อนผ่าตัด พบว่าเส้นเลือดทั้ง 3 เส้นใสสะอาด ที่เคยอุดตันก็ถูกทะลวงออกหมด เพื่อช่วยให้คนอื่นได้รับประโยชน์ เขาได้บอกเล่าประสบการณ์ของตัวเองบนอินเทอร์เน็ต รวมทั้งโชว์ภาพถ่ายเส้นเลือดของเขาก่อนและหลัง เพื่อให้แสดงความแตกต่างก่อนและหลังทานยา ▪️วัตถุดิบที่ใช้ ... - 1 น้ำมะนาว 1 ถ้วย - 1 น้ำขิง 1 ถ้วย - 1 น้ำคั้นกระเทียม 1 ถ้วย - 1 น้ำส้มสายชูแอปเปิล 1 ถ้วย ▪️วิธีเตรียม.. 1.ลอกเปลือกกระเทียมและขิง หั่นขิงเป็นชิ้นบางๆ นำทั้งสองอย่างใส่เครื่องปั่นเครื่องคั้นน้ำผลไม้ ปั่นละเอียดแล้วเทลงบนผ้ากรอง เพื่อบีบน้ำคั้นออกมา 2.นำน้ำคั้นกระเทียมและขิงลงไปในหม้อ เติมน้ำมะนาวและน้ำส้มสายชูแอปเปิลลงไป ต้มจนเดือด แล้วค่อยๆเคี่ยวไปโดยไม่ต้องปิดฝาหม้อ เพื่อให้น้ำระเหยออก ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ก็จะได้ยาที่เคี่ยวแล้วประมาณครึ่งหนึ่งของปริมาณเริ่มต้น 3. ตั้งทิ้งไว้จนอุณหภูมิลดลง ก็ให้เติมน้ำผึ้งลงไปผสมเพื่อให้ทานได้ง่าย (ใส่มากเท่าที่รสชาดพอจะทานได้) 4.ใส่น้ำสมุนไพรนี้ในขวดแก้ว แช่ในตู้เย็นเก็บไว้ ▪️วิธีรับประทาน : ทาน 1 ช้อนโต๊ะก่อนอาหารเช้าทุกวัน สามารถขจัดโรคหัวใจและหลอดเลือดให้หายขาดได้ คนทั่วไปยังสามารถใช้เป็นเครื่องดื่มในชีวิตประจำวัน เพื่อป้องกันโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง รวมทั้งป้องกันโรคหวัดและโรคภัยอื่นๆ ได้อีกด้วย เมื่อทานได้ 1 เดือน ให้ไปตรวจที่โรงพยาบาล คุณจะพบหลอดเลือดสะอาด เส้นที่มีการอุดกั้นถูกทะลวงไปแล้ว 📍สูตรลับนี้จะต้องบันทึกเก็บไว้นะครับ...! และต้องเผยแพร่ส่งต่อให้คนที่ท่านรักและปรารถนาดี! **** หมายเหตุ น้ำส้มสายชูที่ทำจากแอปเปิ้ล มีจำหน่ายตามห้างต่างๆ "ถ้าข้อมูลนี่เป็นประโยชน์และสามารถช่วยใครได้อีกหลายๆ คน อย่าเก็บไว้อ่านคนเดียวละอย่าลืมส่งให้กับคุณที่คุณรักได้อ่านกันนะค่ะ" ———————SK—————ยาสมุนไพรAZ• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 2 คนสงสัยส่งกลับตามคำแนะนำนะครับ ¤¤¤¤¤¤¤ ♥ โภชนาการบำบัด ♥ ~~~~~~~~~~~~~~~ ■ ใครที่มีเพื่อนรัก! ช่วยกันส่งกันต่อๆไป ความรู้ใหม่ โภชนาการบำบัดโรค ♥ 1. ดื่มน้ำร้อน ปลอดทุกโรค ♥ 2. กินไข่ลวกวันละ 2 ฟอง ใส่พริกไทยดำที่ตำเองหนึ่งช้อนชาจะห่างไกลจากอัลไซเมอร์ ไม่ต้องไปหาหมอ ♥ 3. หยุดกินน้ำตาลทราย เพราะเป็นสาเหตุในการก่อให้เกิดโรคต่างๆ ♥ 4. กินทุเรียน ช่วยรักษาโรคมะเร็ง และแก่ช้า ♥ 5. กินแตงโม ช่วยแก้เลือดอุดตัน ลิ่มเลือด และช่วยบำรุงเลือด ถ้าเป็นผู้ชาย จะทำให้สมรรถภาพทางเพศแข็งแรง ♥ 6. สตรีกินสับปะรด ช่วยกระช้บช่องคลอด ♥ 7. กินกล้วยไข่ ช่วยบำรุง ตับ ไต ผิว ตา กระดูก (เหมาะสำหรับคนทำงานหน้าคอมส์) ทำให้หน้าอกโตด้วย ♥ 8. กล้วยน้ำว้า นำไปเผาทั้งเปลือก ช่วยรักษา อาการปวดหัว ตัวร้อน และเบาหวาน ♥ 9. กล้วยหอม เด็กถ้ากินจะช่วยให้มีความจำดี และสตรีวัยทองช่วยปรับฮอร์โมน ให้กินกับน้ำมะพร้าวอ่อนจะดีมาก ช่วยรักษาโรคฮันจิสัน (สตรีถ้ากินมากจะเซ็กส์จัดนะ) ♥ 10. น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ใช้กิน และนวดหน้า นวดร่างกายทำให้ดูอ่อนกว่าวัย รักษาฝ้า กระ ดีมาก เพราะน้ำมันมะพร้าวเป็นสารตั้งต้นของเครื่องสำอางค์ทุกชนิด ♥ 11. กินน้ำมันหมูดีที่สุด เพราะช่วยซ่อม สร้างเนื้อเยื่อ ที่เหลือขับทิ้งได้ ไม่เหมือนน้ำมันพืช ที่ผ่านกรรมวิธีที่มีสารเคมีตกค้างมากมาย เป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวแน่นอน ♥ 12. กินหอมแดง หอมหัวใหญ่ กระเทียม และตามด้วยมะนาวฝานบางๆทั้งเปลือก 2-3 ชิ้น เพื่อดับกลิ่น เพื่อลดไขมันตัวร้ายในหลอดเลือด ดีกว่ากินยาลดไขมัน ซึ่งมีผลข้างเคียงที่อันตรายมาก ▪▪▪▪▪▪▪▪▪ ★ ส่งต่อเป็นวิทยาทานนะครับ ■ ใครคือเพื่อน 18 คน ที่คุณจะไม่สามารถลืมได้เลยในชีวิต ส่งให้แค่ 18 คน แล้วคอยดูว่า คุณเองจะได้รับกลับมาเท่าไหร่ เริ่มส่งได้เลยนะครับ! อย่าลืมส่งให้เพื่อนคนพิเศษของคุณ (รวมถึงส่งกลับมาให้ข้าพเจ้าด้วย ถ้าข้าพเจ้าเป็นคนพิเศษ) กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่ารักมากๆ เลยนะ ถ้าคุณหรือกลุ่มได้รับกลับมา อย่างน้อย 5 คน ลองดูเลยสุขภาพมะเร็งไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย∆ ด่วน..!!! และสำคัญ..!! ∆ ผู้มีรถ.. ** ต้องอ่าน..!!! 😧😲😟😦😖😤😴😆😅🎯👻 ตอนนี้มันเล่นทั้งชายหญิงเลยนะ เคยประสบเหตุนี้แล้วกับตัวเอง ที่ถนนมเหศักดิ์ ซึ่งเชื่อม ถนนสาธรกับถนนสีลมเป็นเวลากลางวันระหว่างที่รถผมหยุดรอไฟเขียว มีชาย 2 คนเดินมาข้างหลัง ทั้งคู่กระตุกประตูหลัง คนละข้าง โชคดีที่ประตูล๊อก 1 ใน 2 คนนั้นพยายามดึงแรงขึ้นอีก แล้วทั้งคู่ก็เดินเร็วผ่านรถผม แล้วปนไปในฝูงชน เดี๋ยวนี้ เหตุร้ายเกิดได้ตลอด ไม่ว่ามืดหรือสว่าง เราคงต้องระวังอย่าเผลอเชียวละ 😀😷😖😦😟🎆🌺🌺🎯🎇🌀 เหตุการณ์ที่ 1 ดิฉันจะมีนิสัยเมื่อขึ้นรถแล้วต้องกดเซ็นทรัลล๊อคทั้งก่อนสตาร์ทเครื่อง และก่อนดับเครื่อง มีรถเก๋งคันหนึ่งสีเงิน มีคนสองคนเดินลงมาจากรถแล้วก็เดินมาอย่างสุภาพ ขณะที่กำลังจัดของอยู่ เพลินๆก็ได้ยิน เสียงตึ๊กจากข้างหลัง ก็ตกใจรู้สึกตัวว่ามีคนพยายามเปิดประตูหลังของรถ แต่เพราะรถล๊อคพวกมันก็เดินกลับไปขึ้นรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คิดว่าเหลือเชื่อจริงๆ กลางวันแสกๆแท้ๆ ถ้าหากบังเอิญรถไม่ได้ล๊อค ไม่กล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยากจะให้ทุกคนมีนิสัย ขึ้นรถต้องล๊อครถพวกผู้ร้ายมักจะลงมือจากเบาะหลัง เพราะจะควบคุมสถานการณ์ได้ง่าย 🎈😅😋🌷🎯🌺😆😅😋😖😦 เหตุการณ์ที่ 2 หลังจาก จ่ายเงินค่าจอดรถเลี้ยวออกจากโรงพยาบาล ก็จอดติดไฟแดง ขณะนั้น ( ยังไม่ ถึง 3 นาที ระบบล๊อคอัตโนมัติคงยังไม่ทำ งาน ) ชายหนุ่ม สองคนก็เข้ามานั่งที่เบาะหลังของรถ โชคดีที่พ่อแม่ของผมไหวตัวเร็วมาก รีบถอดเข็มขัดนิรภัย ดับเครื่อง ดึงกุญแจออกแล้วออกมายืนนอกรถโดยเร็ว คนทั้งสองคนนั้นก็ยังนั่งอยู่ในรถหน้าตาเฉย จนกระทั่งคุณแม่ของผมตะโกนใส่พวกเขาว่า พวกเรายังมีเพื่อนฝูงอยู่ในโรงพยาบาลอีกเยอะ จะให้ เรียกพวกเขาลงมาคุยกับพวกแกไหม ? พวกเขาจึงออกมาจากรถแล้วบอกว่าขอโทษขึ้นผิดคัน(นี่มันปล้นกันชัดๆ ) แล้วรถคันข้างหลัง ( มีคนอยู่ในรถสองคน ) ก็ขับมารับพวกเขาจากไป น่ากลัวที่สุด 🌀😧😆😲😷😤😴😖🎯🌺💟 เหตุการณ์ที่ 3 ตอนจอดติดไฟแดง รถของผมอยู่ห่างจากทางแยกประมาณคันที่สามหรือสี่ สักครู่ หนึ่ง จู่ ๆ ก็มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจอดอยู่ท้ายรถผม บนรถมีชายหนุ่มอายุ ประมาณ 20 กว่า สองคน แล้วที่น่าสงสัยก็คือ พวกเขาพยายามมองเข้ามาในรถของผม ผมจึงจ้องพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง พอไฟเขียวก็ออกรถพร้อมมัน ผมบังเอิญได้ยินหนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า "รถมันล๊อคหมด" แล้วก็ขับเลยไป 🎇🎆🌀🎯🌺💟🌷🎈🎇🎈🎆 ขอให้ช่วยกัน Forward มากๆ ทั้งชายทั้งหญิงนะครับ ตำรวจเคยบอกว่ามักจะพบผู้หญิงถูกลอกคราบ ข่มขืน และถ่ายรูปแบล็คเมลล์ ตบทรัพย์มากราย ส่วนมากถูกยาสลบ ส่งแค่คนสองคนก็ได้บุญมากแล้วครับผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัย🌹ทะลวงหลอดเลือดด้วยภูมิปัญญาโบราณ เพียง 2 นาที ทะลวงหลอดเลือดด้วยภูมิปัญญาโบราณ เพียง 2 นาที เป็นของขวัญอันล้ำค่าแก่พ่อแม่และเพื่อนๆ ของคุณ 📍ชายชาวลอนดอนคนหนึ่งได้เล่าประสบการณ์ส่วนตัว เมื่อเขาไปประชุมที่ปากีสถาน เกิดมีอาการเจ็บหน้าอกอย่างเฉียบพลัน แพทย์ตรวจพบว่าเส้นเลือดหัวใจของเขา 3 เส้นอุดตันอย่างรุนแรง จำเป็นต้องผ่าตัดทำบายพาส. กำหนดการผ่าตัดคืออีก 1 เดือน ในช่วงระหว่างนั้นเขาไปพบหมอบำบัดมุสลิมโบราณ หมอบำบัดให้เขาทำยาทานเองที่บ้าน เมื่อทานครบ 1 เดือน ก็ไปตรวจที่โรงพยาบาลเดียวกันก่อนผ่าตัด พบว่าเส้นเลือดทั้ง 3 เส้นใสสะอาด ที่เคยอุดตันก็ถูกทะลวงออกหมด เพื่อช่วยให้คนอื่นได้รับประโยชน์ เขาได้บอกเล่าประสบการณ์ของตัวเองบนอินเทอร์เน็ต รวมทั้งโชว์ภาพถ่ายเส้นเลือดของเขาก่อนและหลัง เพื่อให้แสดงความแตกต่างก่อนและหลังทานยา ▪️วัตถุดิบที่ใช้ ... - 1 น้ำมะนาว 1 ถ้วย - 1 น้ำขิง 1 ถ้วย - 1 น้ำคั้นกระเทียม 1 ถ้วย - 1 น้ำส้มสายชูแอปเปิล 1 ถ้วย ▪️วิธีเตรียม.. 1.ลอกเปลือกกระเทียมและขิง หั่นขิงเป็นชิ้นบางๆ นำทั้งสองอย่างใส่เครื่องปั่นเครื่องคั้นน้ำผลไม้ ปั่นละเอียดแล้วเทลงบนผ้ากรอง เพื่อบีบน้ำคั้นออกมา 2.นำน้ำคั้นกระเทียมและขิงลงไปในหม้อ เติมน้ำมะนาวและน้ำส้มสายชูแอปเปิลลงไป ต้มจนเดือด แล้วค่อยๆเคี่ยวไปโดยไม่ต้องปิดฝาหม้อ เพื่อให้น้ำระเหยออก ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ก็จะได้ยาที่เคี่ยวแล้วประมาณครึ่งหนึ่งของปริมาณเริ่มต้น 3. ตั้งทิ้งไว้จนอุณหภูมิลดลง ก็ให้เติมน้ำผึ้งลงไปผสมเพื่อให้ทานได้ง่าย (ใส่มากเท่าที่รสชาดพอจะทานได้) 4.ใส่น้ำสมุนไพรนี้ในขวดแก้ว แช่ในตู้เย็นเก็บไว้ ▪️วิธีรับประทาน : ทาน 1 ช้อนโต๊ะก่อนอาหารเช้าทุกวัน สามารถขจัดโรคหัวใจและหลอดเลือดให้หายขาดได้ คนทั่วไปยังสามารถใช้เป็นเครื่องดื่มในชีวิตประจำวัน เพื่อป้องกันโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง รวมทั้งป้องกันโรคหวัดและโรคภัยอื่นๆ ได้อีกด้วย เมื่อทานได้ 1 เดือน ให้ไปตรวจที่โรงพยาบาล คุณจะพบหลอดเลือดสะอาด เส้นที่มีการอุดกั้นถูกทะลวงไปแล้ว 📍สูตรลับนี้จะต้องบันทึกเก็บไว้นะครับ...! และต้องเผยแพร่ส่งต่อให้คนที่ท่านรักและปรารถนาดี! **** หมายเหตุ น้ำส้มสายชูที่ทำจากแอปเปิ้ล มีจำหน่ายตามห้างต่างๆ "ถ้าข้อมูลนี่เป็นประโยชน์และสามารถช่วยใครได้อีกหลายๆ คน อย่าเก็บไว้อ่านคนเดียวละอย่าลืมส่งให้กับคุณที่คุณรักได้อ่านกันนะค่ะ" ———————SK—————ไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย‘อัจฉริยะ’ แจ้งจับ 3 นายตำรวจดังมือขวา ‘บิ๊กโจ๊ก’ เปิดเว็บพนัน ‘มาเก๊า888’ ตัวจริงเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาญากรรมทางเทคโนโลยี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจ 3 นาย ที่มีความเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ “เครือข่ายมาเก๊า 888” และอื่นๆ โดยมีเงินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท... นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตำรวจทั้ง 3 นาย ที่ตนมาร้องทุกข์กล่าวโทษในวันนี้ เป็นตำรวจระดับรองผู้บังคับการ ยศ พ.ต.อ. มี 2 คน สังกัดอยู่ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. และอีก 1 คน อยู่ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี โดยทั้ง 3 คน ได้ร่วมกันเปิดเว็บพนันออนไลน์ มีเวินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท เป็นเจ้าของเว็บและให้นอมินีดูแลแทน ส่วนตัวเองจะคอยเคลียร์หน้าเสื่อให้ และมีนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือร่วมด้วย นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ที่ตนได้นำพยานหลักฐานเรื่องเว็บพนันออนไลน์มาเก๊า 888 และเว็บเครือข่ายอื่นๆ มาให้กับ บช.สอท. นั้น ตอนนี้ได้พบความเชื่อมโยงไปถึงตำรวจทั้ง 3 นาย จึงมาแจ้งความให้เอาผิดเพิ่มเติม แต่ขอยังไม่เปิดเผยว่าหลักฐานดังกล่าวคืออะไร... นายอัจฉริยะ กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ ตำรวจทั้ง 3 นาย ยังเป็นชุดสืบสวนของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่เป็นชุดทำคดีอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีกับพวก ร่วมกันรีดทรัพย์ผู้ต้องหาพนันออนไลน์ 140 ล้านบาทด้วย โดยเป็นระดับมือซ้ายมือขวาของบิ๊กโจ๊ก แสดงให้เห็นว่ามีการเลือกปฏิบัติ คนของตัวเองไม่จับกุม แต่ยังเอามาทำคดีอื่น โดยใช้วิธีสกปรก มีลิ่วล้อ นายอัจฉริยะ ยังระบุต่อว่า ตำรวจชุดนี้มีการแอบอ้างบิ๊กโจ๊ก ว่าได้สั่งการให้ไปอุ้มพยานมาให้การปรักปรำบุคคลต่างๆ ในคดีรีดทรัพย์ 140 ล้าน ซึ่งตนได้พูดคุยกับเหยื่อที่ถูกอุ้ม และถูกบังคับให้ให้การแล้ว ซึ่งเหยื่อรายนี้เป็นคนของนายเป้ ผู้ต้องหาที่ถูกรีดทรัพย์ 140 ล้านบาท โดยในวันพฤหัสบดีที่ 29 มิ.ย. นี้ ตนจะนำเหยื่อมาแถลงข่าวรายละเอียดอีกครั้ง แต่เบื้องต้นมีการยืนยันว่า กลุ่มของนายเป้ ไม่ได้ต้องการจะแจ้งความตำรวจ สอท. แต่ถูกปั้นพยานเท็จขึ้นมา เพื่อเอาผิดคนที่ไม่ใช่คนของตัวเอง นายอัจฉริยะ ยังบอกอีกว่า ตนจะดำเนินคดีกับผู้กำกับการ สภ.คูคต ด้วย ที่ปล่อยให้มีคนนอกมาควบคุมการสืบสวนในคดีนี้ ซึ่งตอนนี้ได้ยื่นเรื่องให้ บก.ปปป. ดำเนินการแล้ว คาดว่าจะมีการแจ้งความในสัปดาห์หน้า และตนยังตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดคดีนี้ จึงต้องมีการไปแจ้งความที่ สภ.คูคต ทั้งที่ไม่ใช่พื้นที่ที่เกิดเหตุถูกรีดเงิน หรือพื้นที่ที่นายเป้ถูกจับกุม ซึ่งตนทราบมาว่า บิ๊กโจ๊ก มีเพื่อนเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ก็อาจจะควบคุมคดีได้ง่ายกว่าพื้นที่นครบาล....Phatthananya Sathiranon• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสวมหน้ากาก = ตายผ่อนส่ง เคยสังเกต ร่างกายตัวเอง กันบ้างไหม ว่าเหนื่อยง่าย ปวดหัวบ่อย นอนไม่ค่อยหลับ ตั้งแต่มีโควิดมา หลายคนเหมารวมว่า เป็นเพราะลองโควิด แต่ไม่มีใครเอะใจเลยสักนิดว่า สาเหตุที่แท้จริงเป็นเพราะอะไร พีเอ็น เมดิคัล (PN Medical) องค์กรที่ทำงานวิจัยและพัฒนาสุขภาพระบบทางเดินหายใจ ในสหรัฐฯ มากว่า 40 ปี ได้ทำการวิจัย กับกลุ่มตัวอย่างในวิชาชีพต่างๆ ถึงผลกระทบ ต่อการสวมหน้ากากอนามัย พบว่า การสวมหน้ากากทำให้ จังหวะการหายใจเปลี่ยนไป การควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย แปรปรวน โดยอาจสังเกตได้จากอุณหภูมิในร่างกาย ที่สูงขึ้น โดยเริ่มต้นจาก ใบหน้า ส่งผลกระทบ ทั้งทาง ร่างกาย และ จิตใจ แม้หลังจากถอดออกแล้ว ไม่ว่าจะใช้ หน้ากากทางการแพทย์ หน้ากากผ้า หรือ แม้แต่ N 95 ก็ตาม ล้วนมีผลให้ระดับออกซิเจน และ ภาวะความเป็นกรด ในเลือดไม่ปกติ ส่งผลกระทบต่างๆ ตามมา เช่น อาการปวดหัว มึนงง หายใจไม่เต็มปอด วิตกกังวล นอนไม่หลับ เหน็บชา ตามมือและ เท้า เป็นต้น การหายใจ ที่มีคุณภาพ คือการหายใจเต็มปอด เพื่อให้กระบังลม ได้ขยายตัวเต็มที่ และ เส้นประสาทบริเวณนั้น ซึ่งช่วยให้ร่างกาย ผ่อนคลายได้ถูกกระตุ้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย หากยังต้องสวมหน้ากาก อยู่ตลอดเวลา ทุกวัน อย่างไรก็ดี หากท่านยัง จำเป็นต้องใช้หน้ากาก ทางพีเอ็น ก็มีข้อแนะนำ ให้สูดหายใจ ให้เต็มปอด 5 ครั้ง ทั้งก่อนการสวม ทันทีที่สวม และ หลังจากสวม โดยการหายใจแต่ละครั้ง ให้ทำตามลำดับดังนี้ - หายใจเข้า 4 วินาที ทางจมูก - หายใจออก 6 วินาที ทางปาก - หยุดพัก 2 วินาที ก่อนเริ่มครั้งถัดไป นอกจากนี้ พึงเตือนสติให้หายใจยาว และ ช้ากว่าปกติเสมอ ตลอดเวลาที่สวมหน้ากาก หากต้องใช้ หน้ากากเป็นเวลานาน ควรหาพื้นที่ปลอดภัย เพื่อถอดหน้ากาก และ ฝึกหายใจ ตามข้างต้น เป็นระยะ ร่างกายมนุษย์ ไม่ได้สร้างเพื่อรองรับ การสวมหน้ากากอนามัย ในระยะยาว เราจึงควรใช้เฉพาะเวลา ที่ไม่สบาย เพื่อป้องกัน การแพร่กระจายไปยังคนอื่นเท่านั้น ไม่ควรจะใช้ตลอดเวลา เพราะ นอกจากหน้ากากอนามัย จะไม่ได้ช่วยป้องกันเรา จากโควิดแล้ว ยังทำร้ายสุขภาพเราแบบ # ตายผ่อนส่ง อีกด้วย https://www.pnmedical.com/breather-university/effects-of-wearing-face-mask/โควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยตัวเเทนผู้ส่งสารพระเจ้าของศาสนาคริสต์การประกาศเป็นบุญราศี (อังกฤษ: Beatification) คือกระบวนการที่คริสตจักรโรมันคาทอลิกกำหนดขึ้นเพื่อรับรองว่าบุคคลหนึ่งได้เข้าสู่สวรรค์และสามารถวอนขอพรจากพระเป็นเจ้าแทนมนุษย์บนโลกได้ กระบวนการนี้ถือเป็นขั้นตอนที่สี่ของการประกาศเป็นนักบุญ ประวัติ แก้ไข แต่เดิมการประกาศเป็นบุญราศีเป็นกระบวนการที่แต่ละมุขมณฑลดำเนินการเอง และมักจะเป็นการยกย่องมรณสักขีในท้องถิ่นนั้น ๆ ตั้งแต่ ค.ศ. 1983 เป็นต้นมาศาสนจักรคาทอลิกกำหนดว่าต้องมีปาฏิหาริย์หนึ่งอย่างที่ (เชื่อว่า) เกิดจากการที่ผู้นั้นได้อ้อนวอนขอพรพระเจ้าตามการอธิษฐานของคริสต์ศาสนิกชน ในกรณีที่ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นมรณสักขี ศาสนจักรจะดำเนินการประกาศเป็นบุญราศีให้โดยไม่จำเป็นต้องมีเรื่องปาฏิหาริย์มารับรองความศักดิ์สิทธิ์ เพราะถือว่าการพลิชีพเพื่อยืนยันความเชื่อในคริสต์ศาสนาถือเป็นวีรคุณธรรมที่แสดงความศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว ความเคารพและการเฉลิมฉลองบุญราศีจะจำกัดเฉพาะภายในภูมิภาคหรือประชาคมที่บุญราศีนั้นเคยเกี่ยวข้องขณะยังมีชีวิตอยู่ จนเมื่อได้รับการประกาศเป็นนักบุญแล้วจึงจะได้รับความเคารพและจัดงานฉลองจากคริสต์ศาสนิกชนได้ทั่วโลก[1] เช่น คริสตจักรโรมันคาทอลิกในประเทศไทยกำหนดให้ฉลองเจ็ดบุญราศีมรณสักขีแห่งสองคอนในวันที่ 16 ธันวาคม[2] และฉลองบุญราศีนิโคลัส บุญเกิด กฤษบำรุง ในวันที่ 12 มกราคม[3] บุญราศีชาวไทย แก้ไข ชาวไทยได้รับการประกาศเป็นบุญราศี 2 ครั้ง รวม 8 องค์ ได้แก่ เจ็ดบุญราศีมรณสักขีแห่งสองคอน ผู้สร้างวีรกรรมความศรัทธาเมื่อ ค.ศ. 1940 ในสมัยที่ไทยมีกรณีพิพาทอินโดจีนกับฝรั่งเศส กรณีดินแดนในแถบอินโดจีน ช่วงนั้นมีคนไทยหลายคนเข้าใจผิดว่าศาสนาคริสต์เป็นศาสนาของฝรั่งเศส ทางการไทยจึงได้มีคำสั่งให้ชาวบ้านเลิกนับถือศาสนาคริสต์ แต่มีชาวบ้านอยู่ 7 คนที่ไม่ยอมละทิ้งศาสนา นำโดยนายสีฟอง อ่อนพิทักษ์ (อายุ 33 ปี) , ภคินี 2 รูปคือ ซิสเตอร์พิลา ทิพย์สุข (อายุ 31 ปี) และซิสเตอร์คำบาง สีฟอง (อายุ 23 ปี) , สตรีสูงวัย 1 ท่านคือนางพุดทา ว่องไว (อายุ 59 ปี) , และเด็กสาวอีก 3 ท่านคือ นางสาวบุดสี ว่องไว (อายุ 16 ปี ), นางสาวคำไพ ว่องไว (อายุ 15 ปี) และเด็กหญิงพร ว่องไว (อายุ 14 ปี) ทั้งหมดถูกยื่นคำขาดว่าจะต้องถูกฆ่า หากไม่ยอมละทิ้งศาสนาคริสต์ ทั้ง 7 คนจึงพร้อมใจกันยอมสละชีวิตที่ป่าศักดิ์สิทธิ์ โดยมีตำรวจเป็นคนคร่าชีวิต ปี 1989 สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ได้ประกาศสดุดีให้ทั้ง 7 คน เป็น "บุญราศีมรณสักขี" หมายถึง คริสตชนผู้ที่ประกอบกรรมดีและพลีชีพเพื่อประกาศยืนยันความเชื่อในพระเจ้าไม่ยอมละทิ้งศาสนา อีกทั้งประกาศให้มีพิธีรำลึกบุญราศีสองคอนทั้ง 7 ในวันที่ 16 ธันวาคม โดยมีการฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในมหาวิหารนักบุญเปโตร กรุงโรม ซึ่งหลังจากการสถาปนาบุญราศีทั้ง 7 แล้ว โบสถ์สองคอน จึงได้จัดงานชุมนุมครั้งใหญ่ เพื่อฉลองบุญราศีที่ประเทศไทย เรียกงานนี้ว่า “งานสันติร่วมจิตใจเดียว” ในปีต่อ ๆ มา จัดเป็นงานวันรำลึกบุญราศีทั้ง 7 แต่เพื่อความสะดวกแก่ผู้ที่สนใจอยากไปร่วมงาน การฉลองที่โบสถ์สองคอนจึงกำหนดให้จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ใกล้เคียงกับวันที่ 16 ธันวาคมที่สุด [4] บุญราศีนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง[5] เกิดเมื่อวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1895 และรับศีลล้างบาปวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1895 ที่โบสถ์นักบุญเปโตร สามพราน นครปฐม และรับศีลอนุกรมเป็นบาทหลวง โดยมุขนายกเรอเน-มารี-โฌแซ็ฟ แปโร เมื่อวันที่ 24 มกราคม ค.ศ. 1926 ที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก กรุงเทพฯ บาทหลวงบุญเกิดทำงานอภิบาลที่โบสถ์หลายแห่ง คือ อาสนวิหารแม่พระบังเกิด บางนกแขวก, โบสถ์เซนต์นิโคลาส พิษณุโลก, อาสนวิหารพระหฤทัย เชียงใหม่, โบสถ์คาทอลิกในลำปาง, อาสนวิหารแม่พระประจักษ์ที่เมืองลูร์ด นครราชสีมา และโบสถ์นักบุญเทเรซา โนนแก้ว บาทหลวงบุญเกิดถูกจับในวันสมโภชพระคริสต์แสดงองค์ หลังจากประกอบศาสนกิจที่โบสถ์นักบุญยอแซฟ บ้านหัน เมื่อวันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 1941 ในข้อหาเป็นกบฏภายนอกราชอาณาจักร ถูกตัดสินจำคุก 15 ปี ระหว่างอยู่ในคุกที่เรือนจำกลางบางขวางเป็นปีที่สาม ท่านป่วยเป็นวัณโรคเป็นเวลา 9 เดือน และถึงแก่กรรมในคุกนั้นเอง เมื่อวันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 1944 รวมอายุ 49 ปี ศพของท่านถูกนำไปฝังไว้ที่วัดบางแพรกซึ่งเป็นวัดที่อยู่ใกล้เรือนจำ หลังจากนั้นในเดือนมีนาคม มุขนายกเรอเน-มารี-โฌแซ็ฟ แปโรจึงได้รับอนุญาตให้นำศพของท่านมาฝังที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก กรุงเทพฯ บาทหลวงนิโคลาสเป็นบาทหลวงที่เอาใจใส่งานอภิบาล มีใจเมตตาต่อคนยากจน และมีความกระตือรือร้นในการประกาศข่าวดี ระหว่างที่อยู่ในคุก ท่านได้สอนคำสอนและโปรดศีลล้างบาปให้นักโทษด้วยกันที่ใกล้ตายจำนวน 68 คน พระคาร์ดินัลไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู ได้เสนอกรณีของท่านให้สมณะกระทรวงการสถาปนานักบุญพิจารณา หลังจากตรวจสอบอย่างถ้วนถี่ชัดแจ้งว่าท่านเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ พลีชีพเพราะเห็นแก่ความเชื่อในพระเป็นเจ้า สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ได้ประกาศรับรองความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน เมื่อวันที่ 27 มกราคม ค.ศ. 2000 และประกอบพิธีสถาปนาเป็นบุญราศีมรณสักขี ในวันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 2000 ณ มหาวิหารนักบุญเปโตร กรุงโรม ประเทศอิตาลีข่าวการเมืองภาคอีสานputilp148• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัวmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยถ้าไม่เจอกับตัว ไม่มีทางเข้าใจ และส่วนตัว ดิฉันจะสู้ค่ะ แต่อยากขอถามด้วยเหมือนกันว่า ถ้าเป็นคุณ คุณจะสู้ไหม?!! ออกรถใหม่ ประกันชั้น 1 เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย แต่ถูกตีค่าเสียหายสูงลิบจนประกันฯเสนอคืนทุนฯแบบอุบัติเหตุหนักที่เสียหายทั้งคันและให้โอนกรรมสิทธิเป็นซาก!! ดิฉันได้ออก รถ ORA Good GAT รุ่น Ultra500 ใหม่ จ่ายไปร่วมๆล้านเศษ พร้อมประกันชั้น 1 ตามแคมเปญจากทาง GWM .. ขับมาได้เดือนนึง เกิดอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย มุมกล่องครอบแบตใต้ท้องรถครูดกับสันขอบทางทำให้มุมฝากล่องแบตอ้าออกมา ซึ่งรถก็ยังขับได้ตามปกตินำรถเข้าตรวจที่ศูนย์ GWM สาขาอุดมสุข และนำกลับไปใช้ตามปกติเพื่อรอนัดหมายฯ แต่กลายเป็นว่าทางประกันติดต่อมาแจ้งพิจารณาคืนทุนประกันที่ 770,000 บาทและให้โอนกรรมสิทธิของรถแก่ประกันเสมือนเป็นซาก เพราะทาง GWM ตีค่าซ่อมสูงเกิน 70% ของวงเงินคุ้มครอง....ช๊อคไหมคะ ...หากเป็นคุณ คุณคิดว่าอย่างไร...จากอุบัติเหตุที่มีเสียหายภายนอกเพียงเล็กน้อย ถูกตีมูลค่าความเสียหายสูงลิบ ราวกับอุบัติเหตุรุนแรงจนเป็นซากถึงขนาดที่ประกันฯพิจราณาคืนทุกประกัน!! … หากเป็นอย่างนี้ ไม่เท่ากับว่าลูกค้าจู่ๆก็ต้องสูญเงินราว 2 แสนกว่าบาทจากอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย ทั้งที่มีประกันชั้น 1 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา หลังจาก ออกรถมาได้1เดือนพอดี (18 สิงหาคม 2565) สามีดิฉันและดิฉันขับรถเข้าซอยทางศรีนครินทร์ และเนื่องจากเป็นซอยแคบ มีรถสวนมา เราจึงถอยรถ เพื่ออำนวยความสะดวกให้รถเขาผ่านไปก่อน แต่ในขณะถอย ขับปีนขึ้นสันขอบทางเล็กน้อย ทำให้สันขอบทางไปโดนถูกใต้ท้องรถ มีเสียงดังเล็กน้อยแต่รถยังขับได้ปกติ เหมือนไม่เป็นอะไร จนเมื่อกลับถึงบ้าน เราก็ลองก้มลงมองใต้รถ ก็พบว่ามุมของฝาครอบกล่องแบตอ้าออก จึงรีบแจ้งบริษัทประกันมาช่วยดู ว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง และดำเนินการเคลมตามขั้นตอนปกติ โดยไม่คิดอะไร เพราะเราวางใจว่าเรามีประกันชั้น 1 และเห็นว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุเล็กน้อย จึงได้นัดหมายนำรถเข้าศูนย์ที่ GWM สาขาอุดมสุข หลังจากนั้น เราก็นำรถกลับไปใช้ก่อนเพื่อรอนัดหมายการเข้าซ่อมแซมตามเลขเคลมต่อไป แต่แล้ว อีกประมาณ 2 สัปดาห์ ถัดมา ทางบริษัทประกันฯ แจ้งมาว่า ทาง GWM ตีมูลค่า ค่าซ่อม 602,998.50 บาท (ข๊อคครั้งที่ 1) และทางประกันฯ บอกว่าเกินมูลค่าที่ประกันชั้น1 จึงต้องตีเป็นซากรถ โดยคืนเงินทุนประกันให้ 770,000 บาทพร้อมกับต้องส่งซากให้ประกันฯ (ช๊อคครั้งที่ 2) เราตกใจมาก ทำไมเป็นแบบนี้ เราเจอประสบอุบัติเหตุที่เล็กน้อยมากๆ และรถก้อยังขับได้ปกติ ไม่มีปัญหา และเราก้อรักรถเรามาก ถึงขนาดเคยเขียนชื่นชมใน เวป Ora Good Cat แต่สิ่งที่เราได้รับจาก GWM หลังจากที่เราได้ร้องขอฝ่านสาขาอุดมสุขไป ให้เข้ามาดูแลกรณีนี้โดยเร็ว แต่ผ่านมากว่า 2 เดือน กลับ มีเพียงจดหมายจากทางฝั่งประกัน ยืนยันว่าจะตีเป็นซากรถให้เรา ถึง 3 ฉบับ โดยทาง GWM กลับเงียบเฉย ไม่เคยแม้แต่จะนัดหมายเพื่อขอตรวจสอบความเสียหายในรายละเอียดหรือให้ข้อมูลการวิเคราะห์ทางเทคนิคฯอะไรเลย จนล่าสุดเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ทางฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของ GWM จึงติดต่อกลับมา และ ยังยืนยันว่าค่าซ่อมเป็นมูลค่า 602,998.50 บาท โดยประกันจะช่วย 5 แสนกว่า และ GWM จะให้ส่วนลดอีกประมาณ 40,000 กว่า ส่วนที่เหลือราวๆ 30,000 ลูกค้าจะต้องจ่ายเอง คำถามคือ 1) ดิฉันสมควรต้องรับผิดชอบส่วนต่างร่วม 30,000 บาทนี้อย่างนั้นหรือ ทั้งที่รถมีประกันชั้น1 ด้วยอุบัติเหตุที่มีความเสียหายภายนอกเพียงเล็กน้อย แต่กลับถูกประเมินอย่างไม่ใส่ใจให้ต้องแบกมูลค่าความเสียหายที่สูงลิบลิ่ว (ด้วยราคาค่าอะไหร่+ค่าแรง ที่กำหนดโดย GWM) ซึ่งจนแม้ถึงขณะนี้ ดิฉันก็ยังไม่ได้รับการนัดหมายเข้าตรวจสอบทางเทคนิคใดๆจาก GWM เพื่อให้ความกระจ่างกับลูกค้าว่า อะไรบ้างต้องซ่อม ต้องเปลี่ยน เพราะอะไร มีราคารายละเอียดอะไรบ้าง ฯลฯ 2) ทำไมแคมเปญประกันชั้น 1 ที่ทาง GWM ให้กับลูกค้า เป็นทุนคุ้มครองความเสียหายเพียง 770,000 บาท ทั้งที่ตัวรถมีมูลค่า 959,000 บาท (หลังหักเงินสนับสนุนจากรัฐ) ซึ่งถามจริง มีลูกค้าท่านไหนบ้างที่ซื้อรถจากทางบริษัทฯ จะสังเกตมูลค่าเอาประกันไม่ตรงคุ้มครองเต็มมูลค่าจริงที่ซื้อมา …. แต่เอาเป็นว่า ทุนประกันฯคุ้มครองไม่เต็มมูลค่ารถทั้งคันตั้งแต่ต้น พอมีความเสียหายสูงจึงเสนอจะปิดคืนเพียงทุนประกัน แล้วจะเอาความชอบธรรมอะไรเข้าครอบครองกรรมสิทธิในรถทั้งคัน โดยเหมาเอาเองว่าเป็นซากและจะต้องโอนให้ประกันฯ … ประเด็นนี้ คงต้องพึ่งความเป็นธรรมจาก คปภ. 3) ทำไมบริษัท GWM ถึงตีมูลค่าซ่อมสูงถึง 602,998.50 บาท ทั้งๆที่ ความเสียหายมีเพียงแค่ฝากล่อมคุมแบตที่อ้าออก แม้จะอ้างว่าต้องเปลี่ยนกล่องครอบแบตและชุดแบตใหม่ทั้งชุด แต่ จริงๆแล้วคุณเป็นผู้ผลิตแบตดังกล่าว จะไม่มีหนทางเชียวหรอ ถ้าเช่นนั้น ใครก้อตามที่เจออุบัติเหตุใต้ท้องรถเพียงเล็กน้อย คงต้องได้รับความเสียหายเช่นเดียวกับดิฉันทุกรายไป! หากผู้บริโภครับรู้ในเรื่องนี้ ใครจะกล้าเลือกซื้อรถจากค่ายนี้ ดิฉันอยากเห็นการบริหารจัดการของบริษัท GWM ที่ดีและสมควรกว่านี้ ใส่ใจดูแลและไม่ละเลยลูกค้าอย่างกรณีของดิฉัน ที่คิดค่าใช้จ่ายทำกำไรฉาบฉวยแบบเอาง่ายเข้าว่า จากความเสียหายเล็กน้อยนี้ในราคาที่แม้แต่บริษัทประกันฯ ยังต้องส่ายหน้า และรถนี้ก้อเป็นของลูกค้าคุณ คุณควรจะบริหารค่าใช้จ่ายแบตที่มีความเสียหายเพียงแค่ฝาที่คลอบแบตแบบไหนกัน เดิมทีดิฉันชอบรถคันนี้มาก และยังได้จองรถรุ่นGT ไว้อีกคันหนึ่งด้วย จนเมื่อเจอปัญหานี้ ดิฉันจึงคิดจะสละสิทธิ์การจองฯ และ หันมาต่อสู้ให้ถึงที่สุด และใช้เรื่องราวของดิฉันเป็นกรณีศึกษาแก่เพื่อนๆผู้บริโภคได้พึงระวัง ให้พิจารณารายละเอียดความเสี่ยงให้รอบด้าน และคำนึงถึงความเป็นมืออาชีพและจรรยาบรรณของผู้ประกอบการเป็นสำคัญ #ไม่เจอกับตัวไม่มีทางรู้ #OraGoodCat #GWM #ถ้าเป็นคุณจะสู้ไหมผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้วmeter: true3 ความเห็น
- 1 คนสงสัยอาการบอกเหตุและการรับมือ เมื่อผู้หญิงหัวใจวาย ประสบการณ์จริงจากพยาบาลชำนาญการ ========================== พวกเราคงเคยดูหนังและมีบทของคนหัวใจวายในบางฉากที่ดาราผู้ชายเอามือกุมหน้าอก ปวดจนมีอาการหน้าบูดเบี้ยว เหงื่อออกแล้วก็ล้มลงกองบนพื้น (สูตรนี้ตลอด ) ดิฉันจะบอกว่าอาการหัวใจวายในผู้หญิงนั้นแตกต่างออกไปดังเรื่องจริงต่อไปนี้ “เวลา 22.30 น. ฉันกำลังนั่งเล่นอย่างสบายใจกับแมวคู่ใจ พร้อมกับอ่านหนังสือเพลินๆพร้อมกับขำๆกับเนื้อหาในหนังสือ จู่ๆฉันก็รู้สึกจุกเสียดแน่นท้อง(อาการคล้ายมีก้อนอาหารขนาดใหญ่ไปกระจุกตัวขวางหลอดอาหารอยู่)ทั้งๆที่ฉันไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่ 17.00 น. สักพักอาการค่อยเบาลงก็มีอาการใหม่เหมือนสันหลังและกระดูกหน้าอกถูกบิดเป็นเกลียวจากล่างขึ้นบนจนขึ้นไปถึงคอหอย กรามและขากรรไกร ตอนนี้ฉันไม่รู้สึกแค่เอ๊ะอีกแล้ว รู้แน่แล้วว่าเพราะเคยอ่านมาว่าอาการปวดเกร็งบริเวณขากรรไกรเป็นสัญญาณบอกเหตุหัวใจขาดเลือด ฉันภาวนาในใจนึกถึงพระเจ้า”โปรดช่วยลูกด้วยลูกกำลังหัวใจวาย” ฉันโยนแมวออกไปจากตักย่ำเท้าลงกับพื้นเพื่อจะเดินไปโทรศัพธ์แต่แล้วฉันก็ล้มลงกองกับพื้น ฉันใช้ความพยายามยึดเก้าอี้เพื่อพยุงตัวขึ้นไปโทรศัพธ์เรียกรถพยาบาลฉุกเฉิน ค่อยๆเล่าอาการว่าฉันสงสัยว่าหัวใจวายเพราะมีแรงกดบริเวณหน้าอกและแผ่ขยายไปบริเวณขากรรไกร และกราม เจ้าหน้าที่ปลายสายบอกฉันให้ค่อยพยุงตัวเองไปที่หน้าประตู ปลดกลอนประตูแล้วนอนราบแถวๆใกล้ประตู ฉันทำตามคำแนะนำแล้วก็หมดสติไป รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็เห็นหมอพาฉันออกมาจากเปลพยาบาล หมอถามฉันว่า”ทานยาอะไรมาไหม?” ฉันไม่มีแรงตอบคำถาม ไม่มีกระทั่งสัมปชัญญะที่จะทบทวนหาคำตอบ และม่อยหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าหมอโรคหัวใจและทีมได้ขยายหลอดเลือดหัวใจด้านขวาด้วยบอลลูน(บางคนเรียกว่าStent)ผ่านทางเส้นเลือดแดงที่แขนเสร็จแล้ว ฉันลองลำดับเหตูการณ์ดูแล้ว พบว่า กว่าที่ฉันจะสามารถโทรศัพธ์ตามรถพยาบาลได้ไม่น่าจะต่ำกว่า20-30นาที นับว่ายังเป็นโชคดีของฉันที่บ้านฉันอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมากนัก จากเหตุการณ์นี้ฉันจึงอยากแชร์กับทุกท่านถึงนาทีวิกฤติว่าควารทำอย่างไร จึงจะปลอดภัย 1. จำเอาไว้ว่าอาการหัวใจวายของผู้หญิงนั้นแตกต่างไปจากอาการที่เกิดขึ้นกับผู้ชาย อย่ารอจนกระทั่งมีอาการขากรรไกรแข็ง ปวดบริเวณกระดูกสันอก ทันทีที่มีอาการจุกเสียดท้องอย่างแรงไม่มีปี่มีขลุ่ยทั้งๆที่ไม่ได้ทานอะไรเลยนั่นแหละสํญญาณบอกเหตุเริ่มแล้ว หลายๆคนคิดไปว่ามีอาการกรดไหลย้อน อาหารไม่ย่อย กินยาแล้วก็ไปนอนพัก คาดว่าประเดี๋ยวอาการก็ทุเลา...แต่เธอก็หลับไม่ตื่นอีกเลย 2. ฉันยังพอมีสติโทรเรียกรถพยาบาล แต่จะดีไปกว่านั้นหากฉันรีบทานแอสไพรินสักเม็ดระหว่างรอรถพยาบาล แต่อย่าได้คิดขับรถไปเองเป็นอันขาด และอย่าได้ให้สามีขี้ตื่น ขับรถให้เพราะเขาอาจไม่มีสติพอจะพาคุณไปถึงโรงพยาบาล อาจขับลงข้างทางเสียก่อน ให้เรียกรถพยาบาลเท่านั้นเพราะบนรถจะมีถังอ็อกซิเจนและเครื่องปั้มหัวใจ 3. อย่าเขาข้างตัวเองว่าคงไม่ใช่หัวใจวายหรอกน่า คลอเรสโตรอลของฉันก็ปกติดีออก เพราะมีงานวิจัยมากมายชี้ตรงกันว่าระดับคลอเรสโตรอลสูงๆไม่ได้สัมพันธ์ใดๆกับอาการหัวใจวาย แต่อาการหัวใจวายสัมพันธ์กับความเครียดต่อเนื่อง และการอักเสบเรื้อรังในร่างกายทำใหกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนและสารคัดหลั่งที่เป็นพิษต่อเส้นเลือดหัวใจ ดังนั้นหากต้องสะดุ้งตื่นกลางดึก ด้วยอาการปวดเกร็งบริเวณกรามและขากรรไกรให้รีบทำตามที่แนะนำทันทีเพราะคุณเหลือเวลาไม่มากนัก https://www.facebook.com/419951058051062/posts/2204633902916093/ไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม! ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วันกรณีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มที่ระบุสรรพคุณว่า หากทาสามารถช่วยทำให้จมูกโด่งภายใน 7 วัน ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ตรวจสอบและชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ไม่มีครีมหรือเซรั่มใดที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกโด่งภายใน 7 วัน ได้จริง เนื่องจากครีมหรือเซรั่มเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ภายนอกเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใดๆ ของร่างกายได้ วันนี้ (24 ธ.ค.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีการโฆษณาทางสื่อโซเชียลเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วัน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มที่ระบุสรรพคุณว่า หากทาสามารถช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าไม่มีครีมหรือเซรั่มใดที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน ได้จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นเพียงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายนอกเพื่อทำความสะอาด สวยงามแต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ โดยเภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ได้ให้ข้อมูลว่า โครงสร้างของจมูกประกอบด้วย 2 ส่วน คือ โครงสร้างส่วนด้านบนเป็นกระดูกแข็ง ด้านล่างเป็นกระดูกอ่อน โดยห่อหุ้มด้วยผิวหนังและไขมัน ดังนั้นครีมที่ทำให้ดั้งโด่งจึงไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระดูก ส่งผลให้จมูกโด่งอย่างแน่นอน ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับภายนอกร่างกายของมนุษย์ รวมถึงฟันและเยื่อบุในช่องปาก เพื่อความสะอาด ความสวยงาม แต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ การโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเครื่องสำอางที่ทำให้ดั้งโด่งได้อย่างรวดเร็วภายใน 7 วัน ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณที่โกหก เพราะครีมหรือเซรั่มเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ภายนอกเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ผลิตหรือขายผลิตภัณฑ์ที่หลอกลวงสรรพคุณให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด ถือเป็นการโฆษณาที่แสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือเกินความจริง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และขอเตือนผู้บริโภคให้คิดก่อนตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีการโฆษณาสรรพคุณต่าง ๆ ว่า ไม่มีผลิตภัณฑ์ใดสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของร่างกายได้ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th และหากพบเห็นการโฆษณาโอ้อวดเกินจริงขอให้แจ้งร้องเรียนมาที่สายด่วน อย. 1556 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ไม่มีครีมหรือเซรั่มใดที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน ได้จริง เนื่องจากครีมหรือเซรั่มเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ภายนอกเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ หน่วยงานที่ตรวจสอบ : สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุขความสวยความงามstd48378• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยการดื่มนมเปรี้ยวช่วยลดกลิ่นคาวน้องสาวได้จริงหรือไม่ ?โดยปกติแล้วในช่องคลอดมีแบคทีเรียดี ที่เรียกว่า “แลคโตบาซิลัส” ที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียก่อโรคที่มีอยู่ภายในช่องคลอด เมื่อไหร่ก็ตามที่แบคทีเรียดีลดน้อยลง แบคทีเรียก่อโรคเพิ่มจำนวนมากขึ้น ก็จะทำให้ช่องคลอดเสียสมดุลได้และน้องสาวส่งกลิ่นนั่นเอง แล้วการดื่มนมเปรี้ยวช่วยลดกลิ่นคาวน้องสาวได้จริงหรือไม่ ? ในนมเปรี้ยวมีแบคทีเรีย “แลคโตบาซิลัส” ที่ช่วยรักษาสมดุลและลดกลิ่นคาวของน้องสาวได้ แต่ปริมาณแลคโตบาซิลัสที่อยู่ในนมเปรี้ยว 1 ขวด ไม่เพียงพอต่อการรักษาสมดุลของน้องสาวได้ และถ้าหากกินนมเปรี้ยวมากกว่า 1 ขวดต่อวัน ก็เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานและอ้วนได้ เนื่องจากนมเปรี้ยว 1 ขวด มีน้ำตาล 2-4 ช้อนชา ( ข้อมูลจากศัลยแพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง พญ.เสาวนีย์ ชั่งยงสุวรรณ / โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ) วิธีดูแลน้องสาวที่ถูกวิธี 1.ทำความสะอาดให้ถูกวิธี ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสบู่และน้ำหอม การล้างที่ดีที่สุดคือล้างด้วยน้ำเปล่า 2.ไม่สวนล้างช่องคลอด เพราะจะทำลายเชื้อแลคโตบาซิลัสบริเวณปากมดลูก ส่งผลให้ติดเชื้อได้ง่าย 3.ดูแลขนบริเวณจุดซ่อนเร้น ไม่ควรโกน แว๊ก ถอน 4.ไม่ควรใช่เสื้อผ้าที่รัด คับ จนเกินไป เพราะจะทำให้อับชื้น 5.ไม่ควรกินยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อ หากไม่จำเป็น 6.เลี่ยงอาหารหมักดอง อาหารรสจัด 7.ช่วงเป็นประจำเดือน ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ ทุกๆ 3-4 ชม. รวมถึงหลีกเลี่ยงชนิดที่มีน้ำหอมเพื่อลดการระคายเคือง ( ข้อมูลจากที่มา : ศัลยแพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง พญ.เสาวนีย์ ชั่งยงสุวรรณ Aura soul clinic / โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ / คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล Rama Channel ) ทั้งนี้ทั้งนั้นหากมีความผิดปกติแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ทันทีสุขภาพPare Petchara• 7 เดือนที่แล้วmeter: mostly-false--last5 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเตือนโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ใหม่ BA4.5 ร้ายกว่าเดลต้า…จริงหรือ?อุทาหรณ์เตือนใจ หมออุดมศิลป์ อายุ 83 วิ่งออกกำลังกายทุกวัน แข็งแรงมากกว่าคนวัยเดียวกัน ติดโควิดจากแม่บ้าน ไม่ไป รพ จนลงปอด ข่วยไม่ทันแล้ว อย่าลืมสวมหน้ากากเนื่องจากโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ COVID-Omicron BA 4.5 นั้นแตกต่าง อันตรายถึงชีวิต และตรวจไม่พบอย่างถูกต้อง:- อาการของไวรัส COVID-Omicron BA 4.5 มีดังนี้:- 1. ไม่มีไอ 2.ไม่มีไข้ จะมีอาการมากใน :- 3. ปวดข้อ 4. ปวดหัว 5. ปวดคอ 6. ปวดหลังส่วนบน 7. โรคปอดบวม 8. โดยทั่วไปจะไม่มีความอยากอาหาร แน่นอนว่า COVID-Omicron BA 4.5 นั้นรุนแรงกว่าตัวแปรเดลต้าถึง 5 เท่า และมีอัตราการตายสูงกว่าเดลต้า ต้องใช้เวลาไม่นานกว่าอาการจะรุนแรงถึงขั้นรุนแรง และบางครั้งก็ไม่มีอาการชัดเจน ให้ระวังมากขึ้น! ไวรัสสายพันธุ์นี้ไม่มีอยู่ในบริเวณโพรงจมูก และจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อปอด "หน้าต่าง" ในระยะเวลาอันสั้น ผู้ป่วยหลายรายที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ Covid Omicron BA 4.5 ถูกจำแนกเป็นไม่มีไข้และไม่เจ็บปวด แต่รังสีเอกซ์เรย์พบว่ามีปอดบวมที่หน้าอกเล็กน้อย การตรวจด้วยไม้กวาดทางจมูกโดยทั่วไปแล้วเป็นผลลบต่อเชื้อ COVID-Omicron BA 4.5 และกรณีการตรวจทางจมูกที่มีผลลบแบบเท็จก็เพิ่มมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าไวรัสสามารถแพร่กระจายในชุมชนและติดเชื้อในปอดโดยตรง นำไปสู่โรคปอดอักเสบจากไวรัส ซึ่งจะทำให้เกิดความเครียดทางเดินหายใจเฉียบพลัน สิ่งนี้อธิบายได้ว่าทำไม Covid-Omicron BA 4.5 จึงรุนแรง เป็นพิษสูง และเป็นอันตรายถึงชีวิต โปรดทราบ หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด รักษาระยะห่าง 1.5 เมตร แม้ในที่โล่ง สวมหน้ากาก 2 ชั้น หน้ากากที่เหมาะสม และล้างมือบ่อยๆ เมื่อทุกคนไม่มีอาการ (ไอหรือจาม) Covid Omicron BA 4.5 นี้ *"WAVE"* ร้ายกาจกว่าระลอกแรกของ Covid-19 ดังนั้น เราจึงต้องระมัดระวังให้มากและใช้ *มาตรการป้องกัน corona virus ขั้นสูงที่หลากหลาย*โควิด 2019std47998• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเรื่อง mobile application@Pantip เมื่อเช้าได้ข้อเท็จจริงและแนวทางปฏิบัติมาจากฝ่าย cybersecurity แล้วค่ะ เรื่อง mobile application 1) โจรสามารถเข้ามือถือเราผ่านระบบ remote ได้ หากเราอนุญาต ผ่านการ click link ที่โจรส่งมา => ดังนั้นไม่ควร click link ใดๆ 2) แม้ remote มาเข้าหน้าจอได้ โจรก็จะเข้า mobile app ไม่ได้ หากไม่มี Pin นอกจากเจ้าของ app บอกเอง หรือพิมพ์ PIN ไว้ใน note หรือตรงไหนสักแห่งในมือถือที่โจรสามารถมองเห็นจากการ remote ได้ แต่โจรจะไปเอา pin ออกมาเองจาก mobile application ไม่ได้ แต่ทั้งนี้ พบว่า มี user ที่ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ที่ยอมบอก PIN ให้กับโจรเอง เพราะรู้เท่าไหม่ถึงการณ์ จึงนำไปสู่การป้องกันข้อที่ 3 ที่กำลังดำเนินการคือ 3) ปี 2023 ทุกธนาคารกำหนดให้ การ remote เข้าหน้าจอมือถือ จะไม่สามารถเข้า mobile application ได้ อดีตอาจเข้าได้หากมี PIN แต่ตอนนี้ ต่อให้มี PIN ก็เข้าไม่ได้ PIN จะทำงานก็ต่อเมื่อเจ้าของมือถือกดจากหน้าจอเองเท่านั้น และต้องไม่ใช่ในระหว่างที่มีการ remote ด้วย 4. สำหรับความเสี่ยงเรื่อง เอาข้อมูลส่วนตัวไปลงแอพใหม่ในมือถือเครื่องใหม่ อดีตอาจทำได้ เพราะธนาคารอำนวยความสะดวกให้คนที่มีอุปกรณ์หลายเครื่องใช้พร้อมกันได้ แต่ตอนนี้ธนาคารใหญ่ๆ ทั้งหมด กำหนดเรื่อง single device แล้ว คือ ลง mobile application ได้ ในมือถือเพียงเครื่องเดียวเท่านั้น หากจะลงเครื่องใหม่ จะต้อง disable เครื่องเก่าก่อนค่ะ คนที่ถือเครื่องที่ใช้อยู่จะต้องมีการอนุญาตให้ลงเครื่องใหม่ จึงจะลงได้ ดังนั้นค่ะ *แนวทางในการป้องกัน* คือ 1.อย่าคลิกลิงค์ใดๆ จากคนไม่รู้จักและที่ดูดีมีประโยชน์เกินจริง 2.อย่ายอมให้ใคร remote เข้าเครื่องได้ การ remote เจ้าของเครื่องต้อง accept เขาจึงจะเข้าได้ หากเราไม่ accept ผ่านหน้าจอเราเข้าก็เข้าไม่ได้ 3.อย่าพิมพ์ PIN หรือรหัสผ่านอะไรไว้ตาม note หรืออะไรในมือถือ ถ้าจะพิมพ์ก็เอาที่ใกล้เคียง พอให้เราช่วยนึกออกก็พอ อย่าเขียนตรงๆ เพราะโจรจะเดายาก ถ้าเดาผิดหลายครั้ง ระบบก็จะ lock โจรก็ทำรายการไม่ได้ เราอาจจะลำบากไปปลดล็อคกับด้วยตัวเอง แต่ก็ปลอดภัยกว่าให้โจรเข้าระบบเราได้ค่ะ ประมาณนี้ค่ะทุกท่าน ขอให้ปลอดภัยในการใช้ mobile application ค่ะผู้บริโภคเฝ้าระวังMrs.Doubt• 2 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยปั้มหัวใจกู้ชีพ (CPR) กับตัวเอง โปรดสละเวลา 2 นาทีอ่านข้อมูลนี้:ปั้มหัวใจกู้ชีพ (CPR) กับตัวเอง โปรดสละเวลา 2 นาทีอ่านข้อมูลนี้: 1. สมมุติว่าเป็นเวลา 19.25 น. คุณกำลังกลับบ้านตามลำพังคนเดียวหลังจากทำงานหนักเป็นพิเศษมาแล้วทั้งวัน 2. คุณอ่อนล้า อารมณ์ก็ไม่ดี 3. คุณรู้สึกปวดอย่างรุนแรงขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน เริ่มที่น่าอก ลามลงไปที่แขน แล้วย้อนกลับขึ้นไปที่ขากรรไกร คุณอยู่ห่างจากโรงพยาบาลใกล้บ้านที่สุดประมาณ 5 ก.ม. 4. โชคร้ายที่คุณไม่รู้ว่าจะไปถึงหรือไม่ 5. คุณผ่านการฝึกให้เป็นนักปั้มหัวใจกู้ชีพ (CPR) แต่ครูไม่ได้สอนวิธีทำกับตัวเอง 6. คุณจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรถ้าอยู่คนเดียว เนื่องจากมีคนจำนวนมากที่เผชิญภาวะหัวใจล้มเหลวขณะที่อยู่ตามลำพังโดยไม่มีคนช่วย คนที่หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะและเริ่มรู้สึกจะเป็นลมมีเวลาเพียง 10 วินาทีเท่านั้นก่อนที่จะหมดสติ 7. อย่างไรก็ตาม ผู้ตกเป็นเหยื่ออาการดังกล่าวสามารถช่วยตัวเองได้โดยไอแรง ๆ และถี่ ๆ ก่อนไอให้หายใจเข้ายาว ๆ ลึก ๆ แบบเดียวกับเวลาจะขากเสมหะหรือเสลด การหายใจเข้าแรง ๆ สลับขากเสมหะต้องทำอย่างต่อเนื่องทุกสองวินาทีจนกว่าจะมีคนมาช่วยหรือเมื่อรู้สึกว่าหัวใจเต้นเป็นปกติ 8. การหายใจเข้าแรงและลึกทำให้อ๊อกซิเจนเข้าไปในปอด อาการไอบีบหัวใจและช่วยกระตุ้นระบบหมุนเวียนของโลหิต การนวดห้วใจช่วยให้จังหวะเต้นของหัวใจเป็นปกติเพื่อผู้ป่วยจะได้ไปถึงโรงพยาบาลทันท่วงที 9. โปรดบอกต่อให้ทราบทั่วกัน คุณอาจช่วยชีวิตพวกเขาได้ 10. แพทย์โรคหัวใจบอกว่า ใครก็ตามที่ได้รับข้อความนี้ โปรดส่งต่อให้เพื่อน 10 คน รับรองได้ว่าคุณจะช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ได้อย่างน้อย 1 ชีวิต 11. แทนที่จะส่งเรื่องขำขัน... โปรดส่งข้อมูลนี้ ซึ่งสามารถช่วยชีวิตคนได้ 12. ถ้าข้อมูลนี้มาถึงคุณมากกว่า 1 ครั้ง โปรดอย่าเสียอารมณ์... คุณควรมีความสุข ที่คุณมีเพื่อนผู้หวังดีที่คอยพร่ำเตือนคุณว่าต้องทำอย่างไรถ้าหัวใจเกิดล้มเหลว เพื่อน ๆ ช่วยกันหน่อยรู้แล้วก็ช่วยแชร์ต่อ เราสามารถช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ได้เป็นกุศล !!!Mrs.Doubt• 3 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสาเหตุของการนอนไม่หลับ1. ปัญหาสิ่งแวดล้อม เสียงดังรบกวน สว่างเกินไป หรือคับแคบเกินไป ทำให้นอนหลับยาก 2. อาการเจ็บป่วย เช่น ปวดท้อง ปวดตามเนื้อตัว เป็นโรคเกี่ยวกับการนอนหลับ มีปัญหาเรื่องระบบการหายใจ มีอาการไอ 3. ความเครียด อาการวิตกกังวล แรงกดดัน หรือมีอาการซึมเศร้าและท้อแท้ หมดกำลังใจ หมดหวังในการใช้ชีวิต คิดว่าตัวเองไร้ค่า ยึดติดและอยู่กับตัวเองมากเกินไป 4. แอลกอฮอล์ คาเฟอีนในกาแฟ บุหรี่ หรือการใช้ยาบางชนิดนั้นอาจส่งผลเกี่ยวกับการนอนหลับ 5. ท้องว่าง ทำให้เกิดอาการอึดอัด หิวขึ้นมาในช่วงดึก หรืออิ่มมากเกินไป จนทำให้มีอาการแน่นท้องกลางดึก จนนอนไม่หลับ 6. ภาวะการนอนหลับ เช่น การนอนละเมอ ฝันร้าย หรือนอนไม่หลับจนติดเป็นนิสัย 7. หน้าที่การงานที่ต้องเปลี่ยนเวลาการนอนอยู่สม่ำเสมอ เช่น พยาบาล ยามanywaystravel02• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกฏจราจรใหม่เริ่มใช้แล้ววันนี้(ปรับสุดโหด) 1.ขับเร็วเกินกำหนด ปรับ 4,000 บาท 2. ผ่าไฟแดงปรับ 4,000 บาท 3. ไม่หยุดรถคนข้ามทางม้าลายปรับ 4,000 บ. 4. ย้อนศรปรับ 2,000 บาท 5.ไม่คาดเข็มขัด ปรับ 2,000บาท 6.ไม่สวมหมวกกันน๊อก ปรับ 2,000บาท 7. ขับทำให้คนอื่นเดือดร้อน แซงซ้ายแซงขวา เบรคจะให้เขาชนท้าย ปรับ 5,000-20,000บาท 8.เมาแล้วขับ 8.1. จับครั้งที่1 ปรับ 5,000-20,000บาท ติดคุก 1ปี 8.2.จับครั้งที่2 เมาอีกในรอบ2ปี ปรับ50,000-100,000 ติดคุก 2ปี 8.3.เมาขับชนคนตาย ปรับ60,000-200,000 ติดคุก 3-10 ปี พอหรือยังสำหรับพฤติกรรม เมาแล้วขับ หัวร้อนบนถนน ขับเร็วแซงซ้ายแซงขวาไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยวางโทรศัพท์ไว้มือถือใกล้หัวนอนอันตรายหรือไม่การวางโทรศัพท์มือถือใกล้หัวนอนอันตรายหรือไม่ ? นอกจากความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งแล้วนั้น คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและคลื่นความร้อนยังส่งผลก่อกวนระบบประสาทและสมองขณะที่คุณหลับได้หากวางไว้ใกล้ตัว แม้ว่าคุณจะไม่ได้ใช้งานอยู่ก็ตามแต่ก็ยังมีคลื่นสัญญาณอ่อน ๆ ที่ถูกปล่อยมาส่งผลให้คุณเกิดอาการนอนหลับยาก นอนหลับไม่สนิท บางคนอาจมีอาการปวดหัวเล็กน้อยหลังจากตื่นนอน แม้จะดูไม่ได้มีอันตรายรุนแรงแต่หากสะสมกันเป็นระยะเวลานานอาจส่งผลให้คุณมีอาการหงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า อ่อนล้า อ่อนเพลีย และนอนหลับไม่เพียงพอ อีกทั้งการวางโทรศัพท์มือถือไว้ใกล้ที่นอนอาจกระตุ้นให้คุณมีพฤติกรรมติดโทรศัพท์มือถือได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ทางที่ดีคือวางโทรศัพท์มือถือของคุณไว้ไกลตัวหน่อย อย่างน้อย 2 เมตรขึ้นไปstd48382• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสเปรย์พ่นคอ’ อ้างป้องกันเชื้อโควิด19สเปรย์ฟ้าทะลายโจรสำหรับพ่นปากและลำคอ’ อ้างสรรพคุณป้องกันโควิด-19 จึงแจ้งไปยังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อขอให้ตรวจสอบการโฆษณาสเปรย์สำหรับพ่นลำคอข้างต้นว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ ขณะนี้ อย. ตอบกลับมาในวันที่ 23 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมาว่าได้ตรวจสอบโฆษณาผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 รายการ ได้แก่ 1. วีเฟรช เม้าท์สเปรย์ (V-FRESH) เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ได้จดทะเบียนไว้กับ อย. เลขที่ใบจดแจ้ง 65-1-6400022581 2. เฉิดฉาย เม้าท์ สเปรย์ (CHERDCHINE MOUTH SPRAY) เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ได้จดทะเบียนไว้กับ อย. เลขที่ใบจดแจ้ง 13-1-6400026579 3. เดนทิสเต้ แอนโดรกาฟิส พานิคูลาต้า เม้าท์สเปรย์ (Dentiste Mouth Spray) ไม่ปรากฏเลขที่จดแจ้งในแพลตฟอร์มออนไลน์ มีวัตถุประสงค์ในการใช้งานผลิตภัณฑ์เป็นสเปรย์ระงับกลิ่นปากผู้บริโภคเฝ้าระวังstd48008• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยครีมจมูกโด่งอย. ชี้แจง ไม่มีครีมหรือเซรั่มใดที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน ได้จริง เป็นเพียงการอ้างสรรพคุณเกินจริง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ภายนอกไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างใด ๆ ของร่างกายได้ เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากกรณีมีผู้แชร์ข้อมูลบนโลกออนไลน์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกดั้งโด่งขึ้น ภายใน 7 วัน นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอเรียนว่า โครงสร้างของจมูกประกอบด้วย 2 ส่วน คือ โครงสร้างส่วนด้านบนเป็นกระดูกแข็ง ด้านล่างเป็นกระดูกอ่อน โดยห่อหุ้มด้วยผิวหนังและไขมัน ดังนั้น ครีมที่ทำให้ดั้งโด่งจึงไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระดูก ส่งผลให้จมูกโด่งอย่างแน่นอนความสวยความงามstd48008• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยวัคซีนฉีดแค่พอดี 2-3 เข็มก็พอแล้ว เพราะเชื้อไวรัสกลายพันธ์ไปเรื่อยๆๆ ตอนนี้รอก่อนให้วัคซีนดีๆออกมาเพราะเจอรายงาน ADR(adverse drug reaction) ออกมาค่อนข้างเยอะ มีผลต่อระบบร่างกายเกือบทุกอวัยวะคือสมอง หัวใจ ภูมิแพ้ ปอด ระบบเส้นประสาท ฯลฯ เช่นเจอBell’ s pulsy หน้าเบี้ยวครึ่งซีก ชาปลายประสาท ฯลฯ รอก่อนฉีดดีกว่าแบบว่าพยายามป้องกันตัวเองโดยหลักUniversal Precautions ล้างมือบ่อยๆ ไม่ไปที่คนหนาแน่น ใส่มาสก์ ตามความจำเป็น อยู่ที่โล่งแจ้งมีแสงแดด พักผ่อนเพียงพอ ฯลฯ ถึงติดโควิทแล้วเฝ้าระวังไปพบแพทย์เนิ่นๆๆ ทานยารักษาโควิทเท่าที่จำเป็น ตามแพทย์สั่ง รักษาแบบคนเคยติด โควิทก็จะมีภูมิตามธรรมชาติ ดีกว่านะ ดูแลสุขภาพกันด้วยเพื่อนๆทุกคนโควิด 2019วัคซีนโควิดไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย🤔รู้ไหมว่า.. ยักษ์ในสนามบินสุวรรณภูมิมีทั้งหมดกี่ตน ..ชื่ออะไรบ้าง😏🤔รู้ไหมว่า.. ยักษ์ในสนามบินสุวรรณภูมิมีทั้งหมดกี่ตน ..ชื่ออะไรบ้าง😏 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มียักษ์ทั้งหมด 12 ตน ดังนี้ 1. ทศกัณฐ์ 2. มังกรกัณฐ์ 3. จักรวรรดิ 4. อินทรชิต 5. สหัสเดชะ 6. ไมยราพ 7. สุริยาภพ 8. อัศกรรณมาลา 9. วิรุญจำบัง 10. วิรูฬหก 11. ทศคีรีธร 12. ทศคีรีวัน #SuvarnabhumiAirportMrs.Doubt• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยLive ขายของบน Instagram สามารถ CF รหัสสินค้าผ่านคอมเมนต์ได้แล้วInstagram สามารถ live พร้อมกับใช้ระบบ CF รหัสสินค้าผ่านคอมเม้นท์ได้แล้ว ! พ่อค้าแม่ค้าหลายคน ที่ทำแบรนด์ของตัวเองหรือขายสินค้าแฟชั่นที่ส่วนมากมักมีหลักฐานลูกค้าหรือแฟนคลับอยู่ที่ Instagram การ Live สด ขายสินค้าก่อนหน้านี้อาจจะลำบากกว่าเฟสบุ๊กเพราะต้องใช้วิธีการแคปสินค้าแล้วทักแชท หรือเปลี่ยนช่องทางไป Live ขายบนเฟสบุ๊คแทน ก็อาจจะไม่ได้ลูกค้ามากนัก แต่ข่าวดีล่าสุด ! ทีม Meta (ชื่อใหม่บริษัท Facebook ) มาอัปเดตกับทีมงานอายุน้อยร้อยล้านแล้วว่าตอนนี้ Instagram รองรับระบบ CF ดูดรหัสสินค้าผ่านคอมเม้นท์ได้แล้ว ทำให้ไลฟ์ขายสินค้าและการปิดการขายง่ายๆเหมือน Facebook ได้แล้ว โดยสามารถใช้งานผ่านโปรแกรมช่วยขายที่เป็น Partner กับทาง Facebook ได้เลย ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 5 แบรนด์ ที่ทีม Facebook เปิดเผยอย่างเป็นทางการว่า รองรับระบบ CF ได้แก่ 1. Zwiz.Al 2.Shipnity 3. V Rich App 4.Kaojao และ 5. Page 365amatasneem• 4 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยบันทึกไว้ "มโน"จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือภายหลัง จากข้อตกลงการซื้อวัคซีนไฟเซอร์ (แน่นอนข้อความในสัญญาเป็นความลับ แต่ร่องรอยที่ตามกันทำให้รู้ว่าตัวแทนในการเจรจาคือหน่วยงานไหนของสหรัฐ) 1 ไต้หวันตกซื้ออาวุธจากสหรัฐ ในที่สุดก็ซื้อวัคซีนได้ (ไม่ระบุว่าจะได้เมื่อไหร่ แต่ทำสัญญาแล้ว) 2 ฟิลิปปินส์ ตกลงต่ออายุสัญญาฐานทัพและการฝึกร่วม ทำให้ฟิลิปปินส์สามารถซื้อวัคซีน 3 ไทยทำสัญญาซื้อวัคซีนเพิ่มและได้รับบริจาค อีกไม่นานก็มีข่าวไทยซื้ออาวุธจากสหรัฐ ในอดีต ความช่วยเหลือจากต่างประเทศที่มีพันธะผูกพันเรียกว่า Tied-aid แบบนี้ชุดของสองเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันเกิดขึ้นต่อเนื่องในหลายประเทศเหมือนกับ Tied-vaccine tradeไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยโรงพยาบาลในเครือบางปะกอกและปิยะเวท ได้เปิดให้ลงทะเบียนรับวัคซีน COVID-19 ฟรี จริงหรือไม่เรียน ผู้บริหารและพนักงาน ด้วยโรงพยาบาลในเครือบางปะกอกและปิยะเวท ได้เปิดให้ลงทะเบียนรับวัคซีน COVID-19 ฟรี จัดสรรโดยรัฐบาล สำหรับประชาชนไทยอายุ 18 ปีขึ้นไป ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยเริ่มนัดฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป และสามารถเลือกสถานที่ฉีดวัคซีนนอกสถานที่ได้ 7 แห่ง ได้แก่ 1. ธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์ 2. Central World 3. Big C บางบอน 4. เอเชียทรีค 5. โรบินสัน ลาดกระบัง 6. Central Eastville 7. โลตัส มีนบุรี ทั้งนี้พนักงาน และบุคคลในครอบครัวของท่านที่สนใจฉีดวัคซีน COVID-19 สามารถลงทะเบียนตาม Link ด้านล่างโดยด่วนที่สุด เนื่องจากวัคซีนจัดสรร First Come First Serve ตามคิวการลงทะเบียน (ไม่ควรเกินวันที่ 16 พฤษภาคม 2564) โดยระบุวัน และสถานที่ฉีดวัคซีน พร้อมกับอัพโหลดรูปหน้าบัตรประชาชน และลงลายมือชื่อครับ http://bpkconnect.com/survey/form/survey-bpk9-Vaccine_Covid *** วัคซีนที่ดีที่สุด คือวัคซีนที่ฉีดได้เร็วที่สุด ***โควิด 2019วัคซีนโควิดMrs.Doubt• 4 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย* ข่าวดีคือ * ในที่สุด Ram นักศึกษาชาวอินเดียที่มหาวิทยาลัยพอนดิเชอร์รีได้พบยาสามัญประจำบ้านสำหรับ * Covid 19 * ซึ่งได้รับการอนุมัติจาก WHO เป็นครั้งแรก เขาพิสูจน์แล้วว่า * พริกไทยป่น 1 ช้อนชาน้ำผึ้ง 2 ช้อนชาน้ำขิงเล็กน้อยที่รับประทานติดต่อกัน 5 วันสามารถกำจัดผลของโคโรนาได้ถึง 100% * ทั่วโลกเริ่มรับการรักษานี้ในที่สุดก็เป็นประสบการณ์แห่งความสุขของปี 2021 * ส่งถึงทุกกลุ่มของคุณ ... * ไม่มีอะไรจะหลวมจากการลองสิ่งนี้โควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: false2 ความเห็น

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ