1003 ข้อความ
- 1 คนสงสัยประเทศต่อไปนี้ประกาศยกเลิกกระบวนการกักกันทั้งหมด การทดสอบโคโรนา และการฉีดวัคซีนภาคบังคับ และพิจารณาว่าโคโรนาเป็นเพียงไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล: 1) ตุรกี 🇹🇷 2) บราซิล 🇧🇷 3) สหราชอาณาจักร 🇬🇧 4) สวีเดน 🇸🇪 5) สเปน 🇪🇸 6) สาธารณรัฐเช็ก 🇨🇿 7) เม็กซิโก 🇲🇽 8) เอลซัลวาดอร์ 🇸🇻 9) ญี่ปุ่น 🇯🇵 10) สิงคโปร์ 🇸🇬 : จุดจบของไวรัสโคโรน่าด้วยการป้องกันแบบเยอรมันนี นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันประกาศหลังจากการศึกษาหลายครั้งว่า ไวรัสโคโรน่าไม่เพียงแต่แพร่พันธุ์ในปอดเหมือนไวรัสซาร์สในปี 2545 แต่ยังแพร่กระจายอย่างกว้างขวางในลำคอในช่วงสัปดาห์แรกของการติดเชื้อ นักวิทยาศาสตร์ได้แนะนำให้นายกรัฐมนตรีเยอรมนีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขสั่งให้พวกเขาทำภารกิจง่ายๆ หลายๆ ครั้งต่อวัน ซึ่งก็คือการกลั้วคอด้วยสารละลาย Abmonak แบบกึ่งร้อน พวกเขาเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการทำเช่นนี้มานานแล้ว และหลังจากผลการทดลองที่ดำเนินการโดยนักชีววิทยาชาวเยอรมันเกี่ยวกับการเพิ่มจำนวนของไวรัสโคโรน่าในลำคอ พวกเขาได้เน้นย้ำอีกครั้งถึงความจำเป็นในการกลั้วคอด้วยน้ำและเกลืออุ่นๆ .. นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันให้คำมั่นกับกระทรวงสาธารณสุขของเยอรมนีว่า หากทุกคนล้างคอวันละหลายๆ ครั้งด้วยการกลั้วคอด้วยน้ำเกลือกึ่งร้อน ไวรัสก็จะถูกกำจัดไปทั่วทั้งเยอรมนีภายในหนึ่งสัปดาห์ การทดลองแสดงให้เห็นว่าการกลั้วคอด้วยน้ำและเกลือจะทำให้คอของเรามีสภาพแวดล้อมที่เป็นด่างโดยสมบูรณ์ และสภาพแวดล้อมนี้เป็นสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายที่สุดสำหรับ coronavirus เพราะน้ำเกลือ pH ของปากจะเปลี่ยนเป็นด่าง ค่า pH และหากเรากลั้วคอวันละหลายๆ ครั้งด้วยการกลั้วคอด้วยน้ำเกลือ เกือบร้อนแล้ว เราจะไม่ให้โอกาสที่ coronavirus ทวีคูณ ทุกคนจึงจำเป็นต้องกลั้วคอด้วยน้ำเกลือกึ่งร้อนวันละหลายๆ ครั้ง โดยเฉพาะช่วงเช้า ก่อนออกจากบ้าน และหลังกลับบ้าน เพื่อไม่ให้เชื้อโคโรน่าเพิ่มจำนวนขึ้นแต่อย่างใด ในช่วงเริ่มต้นเดียวกัน ขอให้ทุกคนนำเคล็ดลับสุขภาพที่สำคัญและเรียบง่ายเหล่านี้ไปใช้ด้วยความมุ่งมั่น เมื่อบทความนี้กลายเป็นกระแสไวรัล คุณเองก็จะอยู่ในแวดวงของผู้ที่ต่อสู้กับการแพร่กระจายของ coronavirus ข่าวดี ๆ อย่างนี้ สื่อบ้านเราไม่เอามาลงหรอก กรุณาส่งให้คนที่คุณรักด้วยนะโควิด 2019ยาสมุนไพรผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้วmeter: false2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเปิดโทษนำเข้า‘กัญชา- กัญชง’ แต่ละชาติ ‘เกาหลีใต้’จำคุก5ปี -ห้ามเข้าประเทศอีก เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เตือนประชาชนคนไทยห้ามนำเข้า กัญชา กัญชง หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของพืชชนิดดังกล่าวไปยังต่างประเทศ ยืนยันรัฐบาลปลดล็อกกัญชากัญชงเพื่อประโยชน์ทางด้านการแพทย์และเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลบังคับใช้เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น ขอให้ผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ หรือยา ที่มีส่วนผสมของกัญชา ตลอดจนมีส่วนต่าง ๆ ของกัญชา กัญชงในครอบครอง ที่จะเดินทางไปต่างประเทศตรวจสอบกฎหมายของประเทศปลายทางเกี่ยวกับข้อกำหนด การอนุญาต ข้อห้ามโดยละเอียด หากพกติดตัวไปจะได้รับโทษ โดยทางกระทรวงการต่างประเทศได้รวบรวมข้อมูล ดังนี้ อินโดนีเซีย ปรับขั้นต่ำ 1 พันล้านรูเปียห์ โทษจำคุก 5 ปี – ตลอดชีวิต หรือโทษสูงสุดประหารชีวิต ญี่ปุ่น โทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี (กรณีนำเข้า/ส่งออก) โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 3 ล้านเยน (กรณีจำหน่าย) เวียดนาม โทษปรับ 5,000,000 – 500,000,000 ดองเวียดนาม โทษจำคุกตลอดชีวิต หรือโทษสูงสุดประหารชีวิต เนปาล โทษจำคุกตั้งแต่ 1 เดือน – 10 ปี โทษปรับ 2,000- 900,000 รูปี เกาหลีใต้ โทษจำคุก 5 ปีขึ้นไป หรือตลอดชีวิต (กรณีลักลอบนำเข้า) โทษจำคุกอย่างน้อย 1 ปี (กรณีปลูก/จำหน่าย) โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และถูกเนรเทศห้ามเดินทางเข้าเกาหลีใต้อีก (กรณีครอบครองหรือเสพ) สิงคโปร์ โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือทั้งจำทั้งปรับ (กรณีครอบครองหรือเสพ) โทษประหารชีวิต (กรณีลักลอบค้า/นำเข้า/ส่งออก) โทษจำคุก 5-14 ปี หรือปรับ หรือทั้งจำและปรับ จอร์แดน,อิรัก,ปาเลสไตน์ โทษอย่างรุนแรงตามกฎหมายท้องถิ่น (กรณีครอบครองหรือเสพ) บรูไนฯ โทษจำคุกอย่างต่ำ 20 ปี สูงสุด 30 ปี และโบย 15 ครั้ง หรือโทษประหารชีวิต (กรณีลักลอบนำเข้า) กัมพูชา โทษปรับ 100 ล้านเรียล โทษสูงสุดจำคุกตลอดชีวิต ออสเตรเลีย โทษจำคุกและปรับ (กรณีนำเข้ากัญชา) หมายเหตุ: บุคคลทั่วไปสามารถนำเข้ากัญชงได้เฉพาะบางรายการ และ เซเนกัล, โกตดิวัวร์,บูร์กินาฟาโซ, กินี, กินี-บิสเซา,มาลี, แกมเบีย, เซียร์ราลีโอน,โตโก, กาบอง, กาบูร์เวร์ดี,ไลบีเรีย, ไนเจอร์ โทษตามกฎหมายประเทศนั้น ๆ ทั้งจำคุกและปรับ “นอกจากกัญชา กัญชงแล้ว ขอให้ประชาชนคนไทยระมัดระวังการรับฝากสิ่งของผิดกฎหมายเข้าไปในประเทศต่าง ๆ ด้วย ห้ามรับฝากสิ่งของจากผู้อื่นโดยเด็ดขาด แม้กระทั่งญาติพี่น้องขอให้ตรวจสอบสิ่งของที่ฝากอย่างละเอียด เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ายาเสพติด ซึ่งแต่ละประเทศกำหนดโทษไว้อย่างชัดเจน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ย้ำชัดหลังจากที่ประมวลกฎหมายยาเสพติดบังคับใช้ ขอให้ผู้บริหารส่วนราชการทุกท่านทำความเข้าใจกฎหมายใหม่ ร่วมกันขับเคลื่อนสร้างความพร้อม มีแผนขั้นตอนในการทำงาน ติดตามแก้ไขปัญหาในระยะเปลี่ยนผ่านกฎหมาย นำประมวลกฎหมายยาเสพติดไปใช้อย่างเป็นรูปธรรม มีความชัดเจน” น.ส.รัชดา กล่าวยาสมุนไพรผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเมื่อวาน นักข่าวของคลื่นวิทยุ FM101 ก็โทรมาสัมภาษณ์เรื่อง "การทำ ice bathing นอนแช่น้ำแข็ง" นี้เหมือนกันครับ ... ซึ่งผมก็เตือนไปว่า วิธีแช่น้ำแข็งนี้ มันเป็นวิธีการรักษาของนักกีฬาที่เกิดอาการปวดบวมอักเสบกล้ามเนื้อ แต่ไม่ได้จะไปฆ่าเชื้อโรคในร่างกายอย่างที่เชื่อกันตามแนวรักษาทางเลือกแบบนั้น แถมจะมีอันตรายเอาด้วย กับคนที่มีปัญหาทางโรคหัวใจ หรือเกิดภาวะ hypothermal ร่างกายผิดปรกติจากอุณหภูมิต่ำเกินไปด้วยครับ --------------- (รายงานข่าว) กรณี นักร้องชื่อดังอย่าง แพท วง KLEAR โพสต์คลิปตัวเองนอนแช่น้ำแข็งในถีง ลงในอินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมระบุว่า เป็นการทำ Ice Bathing ตามข้อมูลมีการบรรยายสรรพคุณ ว่า เป็นการกระตุ้นเซลล์คนเป็นมะเร็ง และเป็นโควิด ทำแล้วอาการดีขึ้น ล่าสุด ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ชี้ทางการแพทย์ไม่มีงานวิชาการรองรับว่าการทำ Ice Bathing จะช่วยรักษาหรือยับยั้งเซลล์โรคมะเร็งได้ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คลิปวิดีโอ ที่ น.ส.รัณนภันต์ ยั่งยืนพูนชัย หรือ แพท วง KLEAR โพสต์คลิปลงในอินสตาแกรมส่วนตัว เป็นคลิปที่เธอลงไปนอนแช่ในถังน้ำที่มีน้ำแข็งอยู่เต็มถัง พร้อมข้อความระบุว่า “มาแชร์ประสบการณ์ Ice Bathing ครั้งที่สองในชีวิต” เนื้อหาของโพสต์นี้ แพท บอกว่า Ice Bathing คือ การน็อคเชื้อโรคในตัว ฆ่าเซลล์ที่ไม่ค่อยดี เซลล์ที่มีสิทธิ์กลายพันธุ์ หรือ ส่วนอักเสบในร่างกาย แพท เชื่อว่า การทำแบบนี้เป็นการกระตุ้นให้เซลล์ที่แข็งแรงดีมากขึ้น แพทย์ ยัน Ice Bathing รักษาเซลล์มะเร็งไม่ได้ หลังนักร้องดังอ้างทำแล้วอาการดีขึ้น นอกจากนี้ ยังบอกด้วยว่า “คนที่ป่วยหนักมาก ๆ แม้แต่โควิดหรือเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ถ้าได้ลงน้ำแข็ง อาการก็จะดีขึ้นทุกคน” โดยภายหลังคลิปนี้ถูกโพสต์มีคนเข้าไปแสดงความสนใจ บางคนถามแพทว่าทำเองที่บ้านได้ไหม ซึ่งแพทบอกว่าทำได้ พร้อมแนะนำวิธีการ ทีมข่าว PPTV ตรวจสอบข้อมูลเรื่องนี้กับนายแพทย์สกานต์ บุญนาค ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ถึงการทำ ice bathing แล้วจะช่วยรักษารักษาโรคมะเร็งได้จริงหรือไม่ แพทย์ ยัน Ice Bathing รักษาเซลล์มะเร็งไม่ได้ หลังนักร้องดังอ้างทำแล้วอาการดีขึ้น โดย คุณหมอสกานต์ กล่าวว่า ไม่เคยมีข้อมูลว่าวิธีการดังกล่าวรักษาหรือยับยั้งเซลล์โรคมะเร็งได้ แม้ว่าในทางการแพทย์ จะมีวิธีการใช้ความเย็นรักษาผู้ป่วยมะเร็งจริง แต่วิธีการที่ใช้จะต้องมีอุปกรณ์เครื่องมือ มีอุณหภูมิเย็นติดลบหลายองศา และมีแพทย์เป็นผู้รักษาใกล้ชิด รวมถึง ไม่ใช่การลงไปแช่ทั้งตัวตามที่ปรากฎ เพราะการลงไปแช่น้ำแข็งทั้งตัว มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัวอื่น เช่น โรคหัวใจ เนื่องจากการทำ ice bathing จะทำให้อุณหภูมิในร่างกายเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว อาจกระตุ้นให้เกิดโรคหัวใจได้ง่ายโควิด 2019มะเร็งไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: false2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยด่วน ! รายงานจากสำนักข่าวไทย แจ้งรายละเอียดเนื้อหาของหนังสือรัฐบาลสหรัฐฯส่งตรงถึงนายกรัฐมนตรี และ 7 รัฐมนตรีของไทย อ้างกระทบผลประโยชน์ของสหรัฐ 51,000 ล้านบาท ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทยทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายดอน ปรมัติวินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เนื้อหาสำคัญว่ากระทรวงเกษตรสหรัฐได้ตรวจสอบผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศไทยในการห้ามสารเคมีเกษตร 3 ชนิดที่อยู่ในระหว่างการพิจารณา ทางสถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทยยังได้แนบเอกสารจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐ ส่งถึงนายกรัฐมนตรีของไทยด้วยว่า การแบนสารไกลโฟเซต โดยไม่พิจารณาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างเต็มที่ อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการนำเข้าถั่วเหลืองและข้าวสาลีของไทย จึงหวังว่าประเทศไทยจะพิจารณาความกังวลนี้ เพราะไกลโฟเซทเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและศึกษาอย่างจริงจังในโลก หน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกา (EPA) ประเมินแล้วว่าไม่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์ สอดคล้องกับความคิดเห็นทางวิทยาศาสตร์ของหน่วยงานอื่นทั้งญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย และองค์การเกษตรแห่งสหประชาชาติ จึงขอให้ชะลอการตัดสินใจเกี่ยวกับไกลโฟเซต เพื่อหาทางออกสำหรับสหรัฐอเมริกา คาดการณ์ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นจากการห้าม 3 ประการ คือ 1.เกษตรกรไทยจะต้องเผชิญกับต้นทุนสารเคมีทดแทนสูงขึ้น 75,000-125,000 ล้านบาท ของราคาตลาดของไทยในปัจจุบัน 2.หากไม่พบสารเคมีทดแทนที่เหมาะสม (เนื่องจากกลูโฟซิเนต มีแอมโมเนียมมีพิษมากกว่า ไกลโฟเซท แต่น้อยกว่าพาราควอต) ทำให้ต้นทุนแรงงานสูงขึ้นสำหรับการปราบวัชพืช ทำให้การควบคุมรวมกับการสูญเสียผลผลิตพืช คาดว่าจะสูงถึง 128,000 ล้านบาท 3.สิ่งที่สหรัฐกังวลมากที่สุด คือ จะมีผลกระทบต่อการนำเข้าถั่วเหลือง ข้าวสาลี กาแฟ แอปเปิ้ล และองุ่น จากสหรัฐ มูลค่า 51,000ล้านบาท ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นยังไม่รวมถึงผลกระทบที่ตามมาของผู้ผลิตอาหาร เช่น อุตสาหกรรมเบเกอรี่และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่พึ่งพาข้าวสาลีที่นำเข้า 100% เพื่อมาดำเนินธุรกิจมูลค่า 40,000 ล้านบาท นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยอมรับว่าต้องศึกษารอบด้านในการหาสารทดแทนเข้ามาใช้ เพราะกระทบหลายส่วน การทำงานเมื่อเป็นปัญหาการเมืองมักมีปัญหาตามมา ที่มา : สำนักข่าวไทย https://tna.mcot.net/view/w57Q3zSไม่ระบุชื่อ• 6 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยครีมทาผิวใสx10 สว่างx100 ผิวแบบมีได้จริง รีวิวนับ10,000 มี อย. ราคาหลัก100 ❥คลิ้กรับสิทธิ์ส่งฟรีมีเก็บเงินปลายทางstd48297• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเตือนภัย!ใกล้ตัวลูกโป่งระเบิด!สธ.แนะ 3 วิธีหนีความเสี่ยงอันตรายหากนำไปใช้ในงานต่างๆ เลือกใช้แก๊สฮีเลียม ไม่เก็บในรถในที่ร้อน อย่ามัดรวมกันหลายลูก นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ลูกโป่งอัดแก๊สระเบิดในรถ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกไฟไหม้ตามร่างกายนั้น จากข้อมูลเบื้องต้นพบมีการเสียบโทรศัพท์มือถือในรถ และมีลูกโป่งอยู่ในรถด้วย ซึ่งอาจเป็นลูกโป่งที่บรรจุด้วยแก๊สไฮโดรเจน (เป็นแก๊สที่ไวต่อประกายไฟ) โดยลูกโป่งอาจจะรั่ว ทำให้กลุ่มแก๊สลอยอยู่ภายในห้องโดยสารรถยนต์ เมื่อดึงสายชาร์จอาจทำให้สปาร์คและเกิดระเบิดได้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีเหตุระเบิดจากลูกโป่งอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากแก๊สที่บรรจุเข้าไปในลูกโป่งคือแก๊สไฮโดรเจน ที่มีความไวไฟสูง ติดไฟง่ายเมื่อกระทบความร้อนหรือประกายไฟ ทำให้เกิดการระเบิดได้ สำหรับลูกโป่งที่ขายในประเทศไทยโดยทั่วไป พบบรรจุแก๊ส 2 ชนิด คือ ไฮโดรเจน และฮีเลียม ความแตกต่างของแก๊ส 2 ชนิดนี้ คือ แก๊สไฮโดรเจนมีความไวไฟสูง ส่วนแก๊สฮีเลียมเป็นแก๊สเฉื่อย ไม่ติดไฟ แต่หากจำเป็นต้องใช้แก๊สไฮโดรเจน ควรเพิ่มความระมัดระวังในการบรรจุและติดป้ายเตือนทุกครั้ง ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ประกาศให้ลูกโป่งบรรจุแก๊สไฮโดรเจนเป็นสินค้าควบคุมฉลาก ผู้จำหน่ายต้องติดคำเตือน “ห้ามนำเข้าใกล้เปลวไฟหรือความร้อน” นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า หากจะใช้งานลูกโป่งในสถานที่ซึ่งมีแสงไฟมาก เช่น จัดตกแต่งงานเลี้ยง งานฉลองต่างๆ ขอแนะนำ 3 วิธีเพื่อลดความเสี่ยงอันตรายจากลูกโป่งแตก ดังนี้ 1.เลือกลูกโป่งที่บรรจุด้วยแก๊สฮีเลียม ถึงแม้จะแพงกว่าแต่ปลอดภัยกว่า2.ไม่เก็บลูกโป่งที่อัดแก๊สไว้ในรถ ในที่อุณหภูมิสูง กลางแดด ใกล้หลอดไฟ ใกล้เปลวไฟ หรือความร้อน 3.ไม่ควรนำลูกโป่งมามัดรวมกันหลายลูก อาจทำให้เสียดสีและระเบิดได้ ทั้งขอเตือนผู้ปกครองดูแลบุตรหลานใกล้ชิด ส่วนผู้จัดงาน หากประดับตกแต่งลูกโป่งในงานต่างๆ ต้องวางให้พ้นมือเด็ก ถ้าลูกโป่งแตกควรเก็บเศษไปทิ้งถังขยะทันที ป้องกันไม่ให้เด็กหยิบเศษลูกโป่งมาอมหรือกัดเล่น เพราะอาจลื่นเข้าไปในลำคออุดทางเดินหายใจได้ผู้บริโภคเฝ้าระวังmaikingknow• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเตือนภัย ใครที่มีแอปธนาคารในมือถือ มีการโกงเงินทางบัญชีทั้งหมดเป็น 0 ภายในพริบตาเตือนภัย ใครที่มีแอปธนาคารในมือถือ มีการโกงเงินทางบัญชีทั้งหมดเป็น 0 ภายในพริบตาโควิด 2019วัคซีนโควิดMrs.Doubt• 4 ปีที่แล้วmeter: true2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยมีผลแล้ว จ่ายเงินชดเชยว่างงาน กรณีกักตัว คำสั่งปิดสถานที่ ปิดกิจการ | Thai PBS | LINE TODAY https://liff.line.me/1454988218-NjbXbq18/v2/article/0WYXKD?utm_source=lineshareโควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยhttps://mainstand.co.th/th/features/5/article/3844มีมไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 2 คนสงสัยวัคซีนวัคซีนพิษสุนัขบ้า วัคซีนพิษสุนัขบ้า คือวัคซีนที่ใช้ในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสเรบี (Rabies) โดยมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเป็นพาหะ เช่น สุนัข แมว ลิง ค้างคาว ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะได้รับเชื้อจากการถูกกัดหรือข่วน การฉีดวัคซีนนี้จะช่วยป้องกันผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้า โดยผลิตขึ้นมาจากเชื้อไวรัสเรบีที่ตายแล้ว เมื่อเข้าไปในร่างกาย เชื้อจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิdiazp121phoenix• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยวัคซีนพิษสุนัขบ้าวัคซีนพิษสุนัขบ้า คือวัคซีนที่ใช้ในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสเรบี (Rabies) โดยมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเป็นพาหะ เช่น สุนัข แมว ลิง ค้างคาว ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะได้รับเชื้อจากการถูกกัดหรือข่วน การฉีดวัคซีนนี้จะช่วยป้องกันผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้า โดยผลิตขึ้นมาจากเชื้อไวรัสเรบีที่ตายแล้ว เมื่อเข้าไปในร่างกาย เชื้อจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานต่อเชื้อพิษสุนัขบ้าหรือไวรัสเรบีpocky18b• 3 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยวิธีการตรวจมะเร็งง่าย ๆ โดยการเอาน้ำมันพืชมาทาแขน แล้วเอาเล็บขูดๆ เกาๆตามที่มีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นเรื่องวิธีการตรวจมะเร็งง่าย ๆ โดยการเอาน้ำมันพืชมาทาแขน แล้วเอาเล็บขูด ๆ เกา ๆ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จสุขภาพมะเร็งstd47951• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยวิธีการตรวจมะเร็งง่าย ๆ โดยการเอาน้ำมันพืชมาทาแขน แล้วเอาเล็บขูดๆ เกาๆตามที่มีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นเรื่องวิธีการตรวจมะเร็งง่าย ๆ โดยการเอาน้ำมันพืชมาทาแขน แล้วเอาเล็บขูด ๆ เกา ๆstd47950• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกินน้ำใบมะละกอช่วยต้านมะเร็งกินน้ำใบมะละกอ ช่วยให้หายจากมะเร็งsanukulmallika• 2 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยกกต.ยันใบแดง 10 ส.ส.ก้าวไกล เหตุไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งท้องถิ่น เป็นข่าวปลอม เตือนแชร์ต่อมีความผิดผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งชี้แจงกรณีที่มีผู้โพสต์ในทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ก นำข้อความอันเป็นเท็จ กล่าวว่า “สส.ก้าวไกล จะโดนใบแดงอีกเกือบ 10 คน เพราะว่า ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ก่อนหน้านี้ ซึ่ง ส่วนใหญ่ไม่ได้ไปเลือกตั้งท้องถิ่นนั่นแหละ เช่น อบต./เทศบาล/ อบจ./สก./สข./ ผู้ว่า กทม. แล้วไม่ได้ทำหนังสือแจ้งว่าทำไมไม่ไป อันนี้ก็เป็นคุณลักษณะต้องห้ามตาม รธน. อีก” โดยประชาชนได้นำข้อความดังกล่าว ไปโพสต์เผยแพร่ผ่านสื่อตามช่องทางต่างๆ นั้นstd46430• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยhttps://www.facebook.com/photo.php?fbid=2399966496951136&set=a.1510131092601352&type=3ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยโรคร้ายแรงที่ประกันสังคมไม่ครอบคลุม เป็นข้อมูลเก่าจริงหรอโรคมะเร็ง 10 ชนิดตามที่ปรากฏในข่าวสามารถใช้สิทธิประกันสังคมได้ และหากผู้ประกันตนเป็นโรคมะเร็งอื่นๆ ก็สามารถใช้สิทธิประกันสังคมได้เช่นเดียวกันโดยเข้ารับการรักษากับสถานพยาบาล ตามสิทธิประกันสังคมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายnaydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: mostly-true--middle3 ความเห็น
- 1 คนสงสัยยึดเมืองหลวงคืนจากโควิดด้วยวัคซีนได้จริงหรือ วีระศักดิ์ จงสู่วิวัฒน์วงศ์ 17 กรกฎาคม 2564 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมบอกว่าการระบาดในประเทศใช้เวลาสามสัปดาห์ก็จะเพิ่มจำนวนรายงานผู้ป่วยเท่าตัว และคาดว่าจะถึงอย่างน้อยหมื่นรายต่อวันในตอนปลายเดือน วันนี้เพิ่งพ้นกลางเดือนวันหวยออกได้วันเดียว ยอดติดเชื้อก็ทะลุไปเป็นตัวเลขห้าหลักอย่างว่าแล้ว ผมคาดคะเนว่าเวลาเพิ่มจำนวนของจำนวนตายจากโควิดจะเพิ่มเท่าตัวโดยใช้เวลาเพียงสัปดาห์เศษ ๆ วันนั้นดูเหมือนตัวเลขอยู่แถวห้าสิบตอนนี้ตัวเลขก็ทะลุเป็นเลขสามหลักเป็น 141 แล้ว สรุปแล้วผมคาดผิด ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะวันนี้ตัวเลขสวิงขึ้นสูงโดยบังเอิญ ถ้าเป็นเช่นนั้นพรุ่งนี้มะรืนนี้ตัวเลขจะลดกลับลงไป อีกส่วนหนึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าเวลาที่ใช้ในการเพิ่มเท่าตัวสั้นกว่าเมื่อเดือนที่แล้วจริง ๆ เราเพิ่งจะล็อคดาวน์กันมาไม่กี่วัน ผลของการตรวจพบเชื้อในวันนี้มาจากการแพร่เชื้อติดเชื้อก่อนหน้านี้ 4-5 วัน ส่วนจำนวนตายน่าจะเป็นผลจากการติดเชื้อแพร่เชื้อเมื่อสองสามสัปดาห์ที่แล้ว ถ้ากระบวนการล็อคดาวน์ได้ผล เราจะเห็นตัวเลขการติดเชื้อหยุดเพิ่มก่อน คงอีกราว 1 สัปดาห์ และกว่าตัวเลขคนตายจะหยุดเพิ่มอาจจะต้องใช้เวลาราว 3 สัปดาห์ขึ้นไป กล่าวกันว่า กทม. เป็นศูนย์กลางของการระบาด ความเร็วในการเพิ่มเท่าตัวก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ ผมมีข้อสังเกตสองสามประการสำหรับผู้รับผิดชอบและประชาชน ฝากพวกเราตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย นอกจากจังหวัดภูเก็ตซึ่งประชาชนได้รับวัคซีนสองเข็มไปกว่า 70% แล้ว สถิติต่าง ๆ บ่งบอกว่าอันดับสองของความครอบคลุมการรับวัคซีน คือ กทม. ถ้าเอาจำนวนคนฉีดวัคซีนใน กทม. หารด้วยประชากรในทะเบียนบ้าน จะได้ค่าระหว่าง 40-60% ซึ่งระดับนี้ถือว่าน่าพอใจ และวันนี้ได้ข่าวว่าตั้งเป้าจะฉีดให้ได้วันละหนึ่งแสนโดส ถ้าได้อย่างนี้จริงจะช่วยเสริมแรงการล็อคดาวน์ได้มาก เพราะถ้าไม่ฉีดวัคซีนให้มากพอ ตอนคลายล็อคก็จะเกิดการระบาดอีก ปรกติถ้าฉีดวัคซีนได้ถึง 50% ขึ้นไป เราจะเห็นการระบาดชะลอลง แต่ทำไมใน กทม. ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ทำไมเราไม่เห็นแบบนั้น ผมมีคำอธิบายอื่น ๆ ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้าง โปรดช่วยกันตรวจสอบครับ ผมคิดว่าที่ผ่านมาไม่มีใครรู้ว่าประชากร กทม. ที่แท้จริงอยู่ที่กี่ล้านคนเพราะปริมณฑลและเมืองบริวารกว้างขวางมาก ผู้คนเดินทางเข้า ๆ ออก ๆ การฉีดวัคซีนในกทม. อาจจะไม่ได้จำกัดเฉพาะคนที่มีทะเบียนบ้านอยู่ กทม. ทำให้คนรอบนอกเดินทางเข้ามาฉีดได้โดยไม่ยาก ถ้าคนที่ได้วัคซีนไปเป็นคนรอบนอกเสียเยอะ วัคซีนที่ฉีดไปก็คงจะไม่มีค่อยมีผลป้องกันกลุ่มเป้าหมายใน กทม. กลุ่มเป้าหมายหลักของระบบสาธารณสุข มีชื่อย่อ ๆ ว่า 607 หมายถึงคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปและมีโรคเรื้อรังประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ฯลฯ 7 โรค ปรากฏว่ากลุ่มนี้ฉีดวัคซีนได้ต่ำกว่าเป้าทั่วประเทศ แม้แต่จังหวัดภูเก็ตที่ได้ชื่อว่าฉีดวัคซีนได้มาก ก็ครอบคลุมผู้สูงอายุได้เพียง 10% เท่านั้น (เพราะช่วงนั้นฉีดวัคซีนไซโนแวค ต้องอายุต่ำกว่า 60 ปี) จังหวัดที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมผู้สูงอายุได้ดีที่สุด คือ สมุทรสาคร ก็ได้เพียง 15% ส่วน กทม. ฉีดผู้สูงอายุได้เพียง 3.14% และ กลุ่ม 7 โรคเรื้อรังได้เพียง 3.8% ของเป้าหมายเท่านั้น ตัวเลขที่ฉีดวัคซีนประชากรได้ดูเหมือนมาก แต่ ฉีดกลุ่มเป้าหมายหลักได้เพียงนิดเดียว น่าจะอธิบายสาเหตุของไอซียูและเครื่องช่วยหายใจไม่พอได้ระดับหนึ่ง ถ้ายังคงใช้ยุทธวิธีที่สะดวกแบบเดิมอยู่แบบนี้เพียงอย่างเดียว วัคซีนคงไม่ช่วยทำให้คลายล็อควัคซีนได้เท่าไรนัก การเปิดให้จองโดยระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต สะดวก รวดเร็วทั้งผู้รับและผู้ให้บริการ แต่ต้องเป็นผู้รับบริการที่รอบรู้ หูไวตาไว ใช้แอปเก่ง ๆ หรือที่เรียกว่า The Have Net ส่วนพวกที่ช้าหน่อยเข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสารและเท็คโนโลยี หรือที่เรียกว่า The Have Not ก็จะไม่ค่อยได้รับวัคซีน The Have Net จากรอบนอกเข้าถึงวัคซีน The Have Not ในกทม.เอง เข้าไม่ถึง เราก็แก้ปัญหา กทม. ไม่ได้ เวลาพวกเราคนต่างจังหวัดพูดถึง กทม. เรานึกถึง พื้นที่เศรษฐกิจที่มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ภาพพวกนั้นปิดบังกลุ่มคนยากจนที่อยู่ตามหลืบ ซอกซอย ชุมชนคนกลุ่มน้อย คนขายแรงงาน แคมป์คนงานก่อสร้าง ฯลฯ คนพวกนี้ คือ The Have Not ซึ่งเป็น Social Pathology หรือสภาพสังคมที่เจ็บป่วยอมโรคของเมืองหลวง ผมเชื่อว่าคนพวกนี้เข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสาร บริการสาธารณสุขโดยเฉพาะการฉีดวัคซีนซึ่งต้องการการแข่งขันอย่างสูง เมื่อป่วยก็จะไม่สามารถร้องเรียนกับผู้ใดได้ การแยกตัวของสมาชิกออกจากครัวเรือนไม่ให้แพร่โรคน่าจะลำบากมาก เป็นที่น่ายินดีที่ทางราชการจะได้จัดหน่วยเคลื่อนที่ออกไปยังชุมชน ไปเยี่ยม The Have Not เหล่านี้ และคงเอาวัคซีนไปฉีดให้เป้าหมาย 607 ด้วย แต่ก็คงไม่ง่ายนักที่จะฉีดให้ได้จำนวนมาก ๆ เพราะอาจจะหาสถานที่ที่เหมาะสมในการฉีดวัคซีนได้ลำบาก การจัดพยาบาลเข้าฉีดวัคซีนตามบ้านจะมีต้นทุนด้านเวลาสูงมาก เป้าหมายที่ตั้งว่าจะได้วันละแสนคนไม่น่าจะทำได้จริง หน่วยสาธารณสุขเคลื่อนทีเก่ง ๆ เหมือนหน่วยซีลทางทหาร คือ รบได้ทุกภูมิประเทศ ทั้งอากาศ ทะเล และ บนบก แต่ไม่สามารถยึดพื้นที่ได้ หน่วยแบบนี้จึงมีข้อจำกัด เมื่อ ห้าสิบปีที่แล้ว ในชนบทเราก็มีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เอาไว้ปฏิบัติการจิตวิทยา (ปจว) แสดงว่าทางการไม่ทอดทิ้งประชาชน มีความเมตตากรุณาสงสาร แต่ปัจจุบันนี้ เราสาธารณสุขปฐมภูมิครอบคลุมทุกพื้นที่ มีเครือข่าย อสม. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (สถานีอนามัยเดิม) ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ประจำถึง 4-5 คน นี่คือ กองร้อยทหารราบที่ประจำการ ปกป้องโรคภัย เขาดูแลตัวเองกันได้ ไม่ต้องรอความเมตตาจากคนนอก ผมไม่แน่ใจว่าเครือข่ายแบบนี้ในเมืองหลวงทำได้ดีเพียงไร การทำงานของหน่วยราชการโดยเฉพาะการควบคุมการระบาดของโควิดและการระดมฉีดวัคซีนโดยไม่มีประชาชนช่วยจัดตั้งน่าจะทำไม่ได้ผล ในช่วงล็อคดาวน์ เราต้องใช้ทหารราบ พลเดินเท้า และหน่วยประจำการทางสาธารณสุขจำนวนมหาศาล ทำงานสร้างพลัง (empower) ให้ประชาชนในชุมชนยากไร้ในเมืองหลวง ลุกขึ้นยืนหาทางช่วยตัวเองร่วมมือกับทางราชการแก้ปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด เพื่อยึดเมืองหลวงคืนจากโควิดให้ได้ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยสรุปสาระ ตากับสูงวัย โดย พญ.เตือนใจ วงศ์วรเศรษฐ์ (จักษุแพทย์) 18 เม.ย.66 โรคตาของ สว. 1. การหย่อนคล้อยรอบตา ถ้าหนังตาตกจนมาบังรูม่านตา อาจมีปัญหาเรื่องการมองเห็น แก้ไขโดยผ่าตัดดึงกล้ามเนื้อตาที่เปลือกตา ไม่ใช่แค่ตัดหนังตาทำตา2ชั้น 2. ต้อกระจก (เลนส์ตาขุ่น) ทุกคนจะเป็นเพราะ ความเสื่อมของเซล (เริ่มเสื่อมอายุ 50-90 ขึ้นไป) (*)การผ่าต้อกระจก คือ การใส่เลนส์เทียมแทนเลนส์ที่ขุ่น วิทยาการก้าวหน้าทุกวัน เลนส์มีหลายแบบควรปรึกษาหมอตา คนที่เปลี่ยนเลนส์ต้อกระจกแล้ว ต่อมาอาจมองไม่ชัด เพราะถุงรองรับเลนส์อาจขุ่น ไปให้หมอทำ Laser จะใสเป็นปกติ 3. ต้อหิน : การเสียของประสาทตาปัจจัยเสี่ยงคือความดันตาสูง แต่ก็มีต้อหินแบบความดันตาปกติ คนที่มุมตาแคบอาจเป็นต้อหินแบบเฉียบพลัน มีอาการปวด คลื่นไส้ มองไม่เห็น การแก้ไข ต้องไปหาหมอตา 4. วุ้นนัยตาเสื่อม เกิดแทบทุกคน อายุมาก ของเหลวในวุ้นตาตกตะกอน (*)วุ้นตาเสื่อม ถ้าพบแสงเหมือนแฟลช.. แว๊บ.. แว๊บ.. ต้องรีบพบหมอตาด่วน อาจต้องรักษาโดยทำ Laserถ้ามีประสาทตาฉีกขาด ถ้าไม่รักษาจะเป็นหายนะของตา น้ำในวุ้นตาจะเซาะไปทำให้ประสาทตาหลุดร่อน Laser เอาไม่อยู่ การมองเห็นอาจเสียไป 5. ตาแห้ง (Dry eye) ใส่คอนแทคเลนส์นานมาก ไม่เปลี่ยนมาใส่แว่นตาเลย อาการ : มีการระคายเคือง อักเสบ น้ำตาไหล : รักษาไม่หายขาด เพียงชะลอ 6. เบาหวาน ตามองไม่เห็นเพราะเส้นเลือดที่ผิดปกติ แตกง่าย การมองเห็นเสีย (*)เส้นเลือดผิดปกติที่ตา อาจมีที่ไต และหัวใจด้วย (*)คนที่เป็นเบาหวานต้องคุมความดัน คลอเรสตอรอลด้วย 7. แว่นสายตา สำหรับสายตาสูงวัยปกติจะเริ่มใส่แว่นสายตาสูงวัยเมื่ออายุ 39-45 ปี หลายคนมีแว่น 2 อัน สำหรับอ่านหนังสือ และดูไกล บางคนแก้ปัญหาโดยทำแว่น Progressive เพื่อจะไม่ต้องใส่ ๆ ถอด ๆ แว่น บางคนใส่แว่น progressive ไม่ได้ ใส่แล้ว.. งง.. งง.. ( ปจบ. เทคโนโลยี่พัฒนา.. ปัญหาใส่แว่นแล้ว.. งง.. งง.. ไม่ค่อยมีละ) 8. "แว่นกันแดด" สำคัญมาก ต้องเลือกที่กันแสง UV ได้ 100 % (ร้านแว่นจะมีเครื่องวัด )แว่นกันแดดควรมีราคา 160 บาท หรือ 500 บาทขึ้นไป แว่นแบรนด์เนม เช่น Ray Ban & ยี่ห้ออื่น ๆ ผลิตเพื่อป้องกันสายตาอยู่แล้ว (*)แว่นกันแดดปลอม คือ แว่นที่ย้อมสีดำ ใส่แล้ว ทำให้ม่านตาขยาย แสง UV เข้าตามากขึ้น ทำให้เป็นต้อเนื้อ ต้อกระจก และตาแห้ง "แว่นสายตา" สามารถทำเป็น "แว่นกันแดด" ได้การเคลือบสีเลนส์ เคลือบกัน UV เพื่อความสบายตา (*)แว่นสีเทา สบายตามาก (*)แว่นสีเหลือง ใส่กลางคืนชัดเจนมาก เป็นแว่นส่องสัตว์ (*)ข้อควรระวัง 1. "การนวดตา".. ไม่ดี จะทำให้เลนส์ตาหลุด 2. การถูมือ 2 ข้างเร็ว ๆ แล้วเอามาอังที่ตา (แบบชี่กง).. ดี เป็นการเพิ่มๆพลังให้(ดวงตา) 3. คนที่มีลูกหลานเล่นแบตมินตัน หรือ กอล์ฟ ควรให้ใส่แว่นตา ป้องกันลูกแบตฯ หรือลูกกอล์ฟมาอัดตา ทำให้ตาแตก เลือดออกในตา เลนส์หลุด อาจเป็นต้อหินได้ "ดวงตา.. เปิดโลกกว้าง".. ตรวจตาอย่างน้อย 1 ปี/ครั้งไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้ว
- 2 คนสงสัยส่งกลับตามคำแนะนำนะครับ ¤¤¤¤¤¤¤ ♥ โภชนาการบำบัด ♥ ~~~~~~~~~~~~~~~ ■ ใครที่มีเพื่อนรัก! ช่วยกันส่งกันต่อๆไป ความรู้ใหม่ โภชนาการบำบัดโรค ♥ 1. ดื่มน้ำร้อน ปลอดทุกโรค ♥ 2. กินไข่ลวกวันละ 2 ฟอง ใส่พริกไทยดำที่ตำเองหนึ่งช้อนชาจะห่างไกลจากอัลไซเมอร์ ไม่ต้องไปหาหมอ ♥ 3. หยุดกินน้ำตาลทราย เพราะเป็นสาเหตุในการก่อให้เกิดโรคต่างๆ ♥ 4. กินทุเรียน ช่วยรักษาโรคมะเร็ง และแก่ช้า ♥ 5. กินแตงโม ช่วยแก้เลือดอุดตัน ลิ่มเลือด และช่วยบำรุงเลือด ถ้าเป็นผู้ชาย จะทำให้สมรรถภาพทางเพศแข็งแรง ♥ 6. สตรีกินสับปะรด ช่วยกระช้บช่องคลอด ♥ 7. กินกล้วยไข่ ช่วยบำรุง ตับ ไต ผิว ตา กระดูก (เหมาะสำหรับคนทำงานหน้าคอมส์) ทำให้หน้าอกโตด้วย ♥ 8. กล้วยน้ำว้า นำไปเผาทั้งเปลือก ช่วยรักษา อาการปวดหัว ตัวร้อน และเบาหวาน ♥ 9. กล้วยหอม เด็กถ้ากินจะช่วยให้มีความจำดี และสตรีวัยทองช่วยปรับฮอร์โมน ให้กินกับน้ำมะพร้าวอ่อนจะดีมาก ช่วยรักษาโรคฮันจิสัน (สตรีถ้ากินมากจะเซ็กส์จัดนะ) ♥ 10. น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ใช้กิน และนวดหน้า นวดร่างกายทำให้ดูอ่อนกว่าวัย รักษาฝ้า กระ ดีมาก เพราะน้ำมันมะพร้าวเป็นสารตั้งต้นของเครื่องสำอางค์ทุกชนิด ♥ 11. กินน้ำมันหมูดีที่สุด เพราะช่วยซ่อม สร้างเนื้อเยื่อ ที่เหลือขับทิ้งได้ ไม่เหมือนน้ำมันพืช ที่ผ่านกรรมวิธีที่มีสารเคมีตกค้างมากมาย เป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวแน่นอน ♥ 12. กินหอมแดง หอมหัวใหญ่ กระเทียม และตามด้วยมะนาวฝานบางๆทั้งเปลือก 2-3 ชิ้น เพื่อดับกลิ่น เพื่อลดไขมันตัวร้ายในหลอดเลือด ดีกว่ากินยาลดไขมัน ซึ่งมีผลข้างเคียงที่อันตรายมาก ▪▪▪▪▪▪▪▪▪ ★ ส่งต่อเป็นวิทยาทานนะครับ ■ ใครคือเพื่อน 18 คน ที่คุณจะไม่สามารถลืมได้เลยในชีวิต ส่งให้แค่ 18 คน แล้วคอยดูว่า คุณเองจะได้รับกลับมาเท่าไหร่ เริ่มส่งได้เลยนะครับ! อย่าลืมส่งให้เพื่อนคนพิเศษของคุณ (รวมถึงส่งกลับมาให้ข้าพเจ้าด้วย ถ้าข้าพเจ้าเป็นคนพิเศษ) กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่ารักมากๆ เลยนะ ถ้าคุณหรือกลุ่มได้รับกลับมา อย่างน้อย 5 คน ลองดูเลยสุขภาพมะเร็งไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกัญชารักษา39โรคนี้ได้จริงไหมครับ💝39โรค หายได้ด้วยกัญชา ประโยชน์ของกัญชาทางการแพทย์💝 🍀💐เอาสิ พี่กัญออกฤทธิ์. ปราบเรียบ 39 โรค มีอะไรบ้างไปดูกันเล้ย😊🤟 1 กัญชาสามารถหยุดการแพร่กระจายของมะเร็งไม่ให้ลุกลามและกำจัดเซลมะเร็งได้ โดยไม่ทำร้ายหรือสร้างความเสียหายให้กับเซลปกติ 2 กัญชาสามารถรักษาต้อหิน 3 กัญชาสามารถป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้(thcสามารถยับยั้งเซลล์เอเบตาโปรตีนไม่ให้ผลิตสารพิษที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคอัลไซเมอร์) 4 กัญชาสามารถช่วยลดอาการอักเสบ 5 กัญชาสามารถควบคุมและรักษาโรคลมชัก 6 กัญชาสามารถลดความเจ็บปวดจากโรคระบบประสาทส่วนกลางเสื่อม 7 กัญชาสามารถรักษโรคโครห์น (Crohn’s Disease) ความผิดปกติเรื้อรังของลำไส้ใหญ่ได้ 8 กัญชาสามารถช่วยควบคุมและรักษาโรคพากินสัน 9 กัญชาสามารถลดความวิตกกังวล 10 กัญชาสามารถช่วยในการยับยั้งการสร้างสารก่อมะเร็งและปรับปรุงสุขภาพปอดได้ 11 กัญชาสามารถลดความเจ็บปวดจากเคมีบำบัด 12 กัญชาสามารถปรับปรุงอาการของโรคลูปัสหรือโรคเอสแอลอี (โรคพุ่มพวง) 13 กัญชาสามารถช่วยปกป้องสมองจากความเสียหายของโรคหลอดเลือดสมอง 14 กัญชาสามารถควบคุมกล้ามเนื้อกระตุก 15 กัญชาสามารถรักษาโรคลำไส้อักเสบ 16 กัญชาสามารถช่วยขจัดฝันร้าย 17 กัญชาสามารถปกป้องสมองจากการถูกกระทบกระแทกและการบาดเจ็บ 18 กัญชาสามารถช่วยให้เจริญอาหาร 19 กัญชาสามารถช่วยขยายหลอดลมและลดการหดตัวของหลอดลม 20 กัญชาสามารถแก้โรคบิด แก้ปวดท้อง และโรคท้องร่วง 21 กัญชาสามารถช่วยแก้อาการประจำเดือนไม่ปกติของสตรี 22 กัญชาสามารแก้โรคผิวหนังกลากเกลื้อน 23 กัญชาสามารถแก้ปวดหัวไมเกรน 24 กัญชาช่วยรักษาการอุดตันของเส้นเลือดในสมอง 25 กัญชาสามารถช่วยบำบัดผู้ติดยาเสพติดชนิดรุนแรงเช่นเฮโรอีน 26 กัญชาสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตสูงได้ (รักษาเบาหวาน) 27 กัญชาสามารถช่วยรักษาแผลสด แผลหายยากจากเบาหวาน ให้แห้งและหายได้ 28 กัญชาช่วยทำให้มีอารมณ์เบิกบานแจ่มใสมีสมาธิและจิตใจสงบ 29 กัญชาสามารถช่วยผู้ป่วยที่ติดเชื้อHIVหรือเอดส์ให้สามารถใช้ชีวิตได้ดีขึ้น 30 กัญชาสามารถช่วยป้องกันโรคตับแข็ง 31 กัญชาสามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น 32 กัญชาสามารถช่วยรักษาอาการกระดูกหักให้หายไวขึ้น และยังทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้นด้วย 33 กัญชาสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากความเสียหายของระบบปเส้นประสาททั้งร่างกายและระบบเชื่อมต่อในสมอง 34 กัญชาสามารถรักษาโรคภูมิแพ้ต่างๆได้ 35 กัญชาสามารช่วยรักษาอาการโรคปลอกประสาทอักเสบหรือโรคเอ็มเอส (MS) 36 กัญชาช่วยแก้อาการแข็งเกร็งจากอัมพฤกษ์อัมพาตได้ 37 กัญชาสามารถแก้ไข้ผอมเหลือง ไม่มีกำลัง ตัวสั่นได้ 38 กัญชาสามารถรักษาแผลในเซลล์ลำไส้ที่เกิดจาการอักเสบของโรค crohn's disease ได้ (จาการทดสอบในตาจึงอาจนำไปสู่การใช้ในผู้ป่วยเบาหวานที่กำลังจะสูญเสียตาได้อีกด้วย) 39 กัญชาสามารถช่วยต่อสู้กับโรคลูคีเมียได้ กัญชาสามารถยับยั้งอารมณ์เกรี้ยวกราดได้ นี่เป็นเพียงบางส่วนเล็กๆเท่านั้นที่กัญชาสามารถทำได้ และโปรดจำไว้ว่า กัญชาเป็นมากกว่ายา..แต่ในฐานะยา.. "กัญชาคือยาที่ปลอดภัยที่สุดในโลก" ..เท่าที่มนุษย์จะหาได้..ในเวลานี้ (กัญชาใช้เป็นยาได้ทั้งมนุษย์และสัตว์) และกัญชายังมีความลับซ่อนอยู่อีกมาก.. 🤔ยาสมุนไพรKlamongkhon Klinhom• 3 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยแชร์ประสบการณ์โอไมครอนแชร์ประสบการณ์โอไมครอนนิดหนึ่งนะ ถ้าแสบคอให้รีบตรวจเลย และถ้าตรวจแล้วขึ้น2 ขีดให้นับย้อนหลังไปอีก 3-4 วันว่าไปไหนมา แล้วจะรู้เองว่าติดมาจากใครเพราะมันติดไวติดง่าย แต่อาการไม่หนักหรอก เหมือนเราเป็นไข้หวัดใหญ่ธรรมดา เมื่อไรที่แสบคอ ให้รีบล้างจมูกด้วยน้ำเกลือทันทีทุก 4-6 ชม. กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ ดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆ ที่สำคัญอย่าเผลอ กลืนเสลดตัวเองเด็ดขาดเพราะเชื้อมันจะลงไปข้างใน (ในช่วง3-4วันแรกที่มีอาการใหม่ๆเชื้อมันยังไม่ลงปอด มันจะอยู่ที่โพรงจมูกและลำคอเราเท่านั้นดังนั้นถ้ารู้ตัวไวก็รักษาง่าย) ถ้ามีไข้ก็กินพาราเซตามอล ขาดไม่ได้เลยคือ น้ำขิง กับน้ำผึ้ง2ช้อนโต๊ะ มะนาวครึ่งลูกต่อน้ำร้อน1แก้ว ดื่มได้ทั้งวันครับ และพระเอกสุดคือ ฟ้าทะลายโจรชนิดแคปซูล กินวันละ 3 เวลาก่อนอาหาร ครั้งละ 3 แคปซูล ตกวันละ 9 แคปซูล กินต่อเนื่องไปเลย 5 วันแรก แล้วเว้นไป 1 วัน แล้วค่อยกลับมากินใหม่ (โดยในวันแรกที่กินฟ้าทะลายโจรทุกครั้ง ผมจะแกะแคปซูลออกแล้วเทฟ้าทะลายโจรลงคอไปเลย 1 แคปซูล ประมาณครึ่งชั่วโมงอาการเจ็บคอก็ทุเลาลงทันตาเห็นครับ ที่แปลกคือมันไม่ขม กินไปกินมาฟ้าทะลายโจรหวานในคอเฉยเลย แต่อย่าให้โดนลิ้นเรานะ ให้มันลงคอไปเลยจะหวานในลำคอครับ) ทำแบบนี้ครบ 7 วันลองเอาชุดตรวจ ATK มาตรวจดู เชื้อจะไม่มีเลย ช่วงแรกจะมีไข้อ่อนๆ 3-4 วัน หลังจากนั้นลิ้นจะไม่รู้รสอยู่เกือบอาทิตย์ครับ แต่พอเชื้อหายแล้ว อาการนี้ก็จะหายตาม คืนแรกๆผมเกือบไม่ได้นอน เพราะผมหายใจไม่ออก ปกติผมจะมีอาการหอบหืด ภูมิแพ้ฝุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผมก็จะมีวิค และยาดมไว้ตรงหัวเตียงตลอด ก็พอช่วยได้ครับ แต่ต้องนอนคว่ำหน้าถึงจะหายใจได้สะดวก พอคืนที่สองผมนึกขึ้นได้ว่าผมมีน้ำเกลืออยู่ เลยเอามาสวนล้างจมูก อาการที่หายใจตอนนอนไม่ได้ก็หายไปทันทีครับ ใครมีญาติหรือเพื่อนที่กำลังเจอโอไมครอนในช่วงนี้ก็แชร์ข้อมูลได้นะครับ เพราะช่วงนี้คนติดวันละหมื่นกว่าละ รพ.ก็เริ่มเตียงไม่พออีกละ แถมรัฐก็ไม่มีเงินช่วยค่ารักษาแล้ว ตอนนี้ใครป่วยก็ต้องรักษาตามสิทธิ์ตัวเอง หรือ ออกเงินเองนะครับ ดังนั้นการรักษาตัวเองที่บ้านจึงปลอดภัยและประหยัดที่สุดแล้วครับโควิด 2019Mrs.Doubt• 3 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยส่งกลับตามคำแนะนำครับ ¤¤¤¤¤¤¤ ♥โภชนาการบำบัด♥ ~~~~~~~~~~~~~~~ ■ใครที่มีเพื่อนรัก! ก็ช่วยส่งกันต่อๆไปนะ ความรู้ใหม่..โภชนาการบำบัดโรค ♥1.ดื่มน้ำร้อนปลอด ทุกโรค ♥2.กินไข่ลวกวันละ สองฟอง ใส่พริกไทยดำตำเองหนึ่งช้อนชาจะห่างไกลจากอัลไซเมอร์ไม่ต้องไปหาหมอ ♥3.หยุดกินน้ำตาล ทราย เพราะเป็นสาเหตุก่อให้ เกิดโรคต่างๆ ♥4.กินทุเรียน ช่วยรักษาโรคมะเร็ง และแก่ช้า ♥5.กินแตงโม ช่วยแก้เลือดอุดตัน ลิ่มเลือด และช่วยบำรุงเลือด ถ้าเป็นผู้ชาย จะทำให้สมถรรพภาพทางเพศแข็งแรง ♥6.สตรีกินสับปะรด ช่วยกระช้บช่องคลอด ♥7.กินกล้วยไข่ ช่วยบำรุง ตับ ไต ผิว ตา กระดูก (เหมาะสำหรับคนทำงานหน้าคอมส์) ทำให้หน้าอกโตด้วย ♥8.กล้วยน้ำว้านำไป เผาทั้งเปลือก ช่วยรักษา ปวดหัว ตัวร้อน และเบาหวาน ♥9.กล้วยหอม เด็กถ้ากินช่วยให้ความ จำดีและสตรีวัยทองช่วยปรับฮอร์โมนให้กินกับ น้ำมะพร้าวอ่อนจะดีมาก ช่วยรักษาโรคฮันจิสัน (สตรีถ้ากินมากจะเซ็กส์จัดนะ) ♥10.น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น ใช้กินและนวดหน้า นวดร่างกายทำให้ดูอ่อนกว่าวัย รักษา ฝ้า กระ ดีมาก เพราะน้ำมันมะพร้าวเป็นสารตั้งต้นของเครื่องสำอางค์ทุกชนิด ♥11.กินน้ำมันหมูดีที่ สุดเพราะซ่อมสร้างเนื้อ เยื่อได้ ที่เหลือขับทิ้งได้ ไม่เหมือนน้ำมันพืชที่ ผ่านกรรมวิธีมีสารเคมี ตกค้างมากมายมีอัน ตรายต่อสุขภาพระยะ ยาวแน่นอน ♥12.กินหอมแดง,หอมใหญ่,กระเทียมและ ตามด้วยมะนาวฝานบางๆทั้งเปลือก2-3ชิ้นเพื่อ ดับกลิ่นเพื่อลดไขมันตัวร้ายในหลอดเลือดดีกว่ากินยาลดไขมันซึ่งมีผล ข้างเคียงที่อันตรายมาก ▪▪▪▪▪▪▪▪▪ ★ส่งต่อเป็นวิทยาทาน นะครับ ■ใครคือเพื่อน18คน ที่คุณจะไม่สามารถลืม ได้เลยในชีวิต ส่งให้แค่18 คนนั้น แล้วคอยดูว่าคุณเองได้กลับมาเท่าไหร่. เริ่มส่งได้แค่18คนนะ! อย่าลืมส่งให้เพื่อนคน พิเศษของคุณ (รวมถึงส่งกลับมาให้ข้าพเจ้าด้วยถ้าข้าพเจ้าเป็นคนพิเศษ) กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่ารัก มากๆ เลยนะ ถ้าคุณหรือกลุ่มได้รับ กลับมาอย่างน้อย 5คน ลองดูเลยลดความอ้วนความสวยความงามผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเช็คตัวเอง 🌿🌼🌿 9 นิ สั ย ข อ ง ผู้ ที่ มี บุ ญ ม า ก 🔸1. ไม่คิดมาก เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นความสะอาด ความสว่าง ความสงบ ตามกำลังของบุญฤทธิ์ (ปัญญาญาณ) ทำให้เกิดพลังแห่งความสงบ แห่งจิตแห่งใจ ไม่ฟุ้งซ่านรำคาญใจ ไม่คิดเป็นทุกข์ ความคิดทุกความคิด ล้วนนำมาซึ่งความเบิกบานกายใจ ไม่คิดเบิกความทุกข์มาใช้ก่อน 🔸2. ไม่บ่น เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นปัญญา #ทำให้ยอมรับต่อความเป็นจริงของชีวิต ทำให้รู้เห็นและเข้าใจถึงระดับวาสนาของตนและบุคคลอื่น ความเป็นไปของชีวิตนั้นขึ้นตรงต่ออำนาจบุญกรรมที่ทำไว้ บ่นไปก็แค่นั้นเอง ที่ได้มา ที่มีอยู่ ที่เสียใจ ที่ไม่ได้ดั่งใจ ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น มันคือ “ผลแห่งกรรม” อันเป็นสมบัติของเราเอง 🔸3. รู้ได้ ตื่นได้ และเบิกบานได้ เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นความรู้ ตื่น เบิกบาน ตามกำลังของบุญฤทธิ์(ปัญญาญาณ) เป็นผู้รู้ ต่อความเป็นจริงของชีวิต ไม่ปล่อยชีวิตให้ตกไปในกระแสของความโลภ ความโกรธ ความหลง จิตใจมีความอิสระเต็มที่ ทุกวันทุกเวลาทุกนาที 🔸4. ปล่อยได้ วางได้ เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นคนที่รู้จักการละ การวาง ตามกำลังของบุญฤทธิ์ (ปัญญาญาณ) ไม่เป็นคนที่แบกทุกอย่างที่ขวางหน้า ยึดทุกอย่างที่เกิดขึ้น 🔸5. รอได้ คอยได้ เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นความใจเย็น มีความยืดหยุ่น ตามกำลังของบุญฤทธิ์ (ปัญญาญาณ) ไม่ใจร้อน ใจเร็ว เห็นถึงจังหวะ และโอกาสของชีวิต 🔸6. ไม่กลัว เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นความเข้มแข็ง กล้าหาญ ตามกำลังของบุญฤทธิ์ (ปัญญาญาณ) ทำให้ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคและปัญหาที่จะเกิดขึ้น เพราะมีความมั่นใจในความเป็นผู้บริสุทธิ์ ความเป็นผู้มีบุญของตน เมื่อจะคิด จะทำอะไรลงไป ล้วนมีกำลังบุญมารองรับทั้งหมดทั้งสิ้น 🔸7. สงบได้ เย็นได้ เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะเป็นสภาพให้เป็นคนที่สงบได้ เย็นได้ ตามกำลังของบุญฤทธิ์ (ปัญญาญาณ) ไม่เป็นคนที่ร้อนรน กระวนกระวาย สับส่าย วุ่นวาย ในสิ่งที่ไม่เป็นสาระ ในสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น แม้จะตกอยู่ในเหตุการณ์ที่เลวร้าย ก็ทำใจได้ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 🔸8. ไม่ทำชั่ว เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นตัวควบคุม บริหารจัดการ ตามกำลังของบุญฤทธิ์ (ปัญญาญาณ) ทำให้เกิดความกลัว ความละอายต่อบาป ต่อกรรม ความผิดน้อยใหญ่ ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง เห็นถึงความเสียหาย หลายภพหลายชาติ เห็นถึง ผลกระทบต่อครอบครัว ต่อโลกต่อสังคม อย่างมากมายมหาศาล 🔸9. อดได้ ทนได้ เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นพลังงานเข้มแข็ง ตามกำลังของบุญฤทธิ์ (ปัญญาญาณ) ทำให้มีความอดทน ที่เป็นหนึ่งเป็นเลิศ มีความคิดที่ไม่หวั่นไหว เห็นความสำเร็จทุกชนิดมาจากความอดทน อดทนอย่างมีความสุข 🍂 หลวงตามหาบัว ญาณสัมปัณโณ 🌷 ที่มา :: www.luangta.comไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยด่วน ด่วน ด่วน อจ.หมอประสิทธิ์ ออกประกาศ ให้ ปชช ล๊อคดาวน์ครอบครัว ระบาดหนัก หมอจะเอาไม่อยู่แล้ว ฟังแล้วแชร์ออกกันมากๆหน่อย เหตุเกิดมีนบุรี น่าจะเป็นสายพันธุ์แลมบ์ดา กำลังระบาด อาการไอเป็นเลือด แล้วเสียชีวิตเลย มีเพื่อนกี่คน มีกลุ่มไลน์กี่กลุ่มส่งไปให้หมดเลยนะคะ ช่วยกันเพื่อตัวเราเองและเพื่อนร่วมโลก นักฆ่าสายพันธุ์ดุ แรมบ์ดา (เปรู) อนาคตไทยอาจต้องเจอ ถ้าวางแผนไม่ดี ...☠️🎚"สายพันธุ์นักฆ่า" มาถึงทวีปเอเซียเรียบร้อย มันคือ "ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์แลมบ์ดา (เปรู)"💀 คนไทยไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมนายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธินโฆษก ศบค. ถึงเริ่มถอดใจเรื่องไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย เพราะประเทศไทยอ่อนแอและหย่อนยานที่สุด ที่เชื้อไวรัสโควิด-19 ทุกสายพันธุ์จะเข้ามาระบาดในประเทศไทย ได้อย่างสบายๆ สายพันธุ์แลมบ์ดา (เปรู) มีจุดกำเนิดการกลายพันธุ์ชนิดรุนแรงที่สุดในประเทศเปรู และปัจจุบันมีการระบาดไปทั่วโลกถึงกว่า 30 ประเทศแล้ว เมื่อการพบการระบาดของสายพันธุ์นี้ที่ประเทศออสเตรเลีย มันจึงง่ายมากที่จะระบาดเข้ามาสู่ประเทศในกลุ่มอาเซี่ยนได้อย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่นาน โดยเฉพาะประเทศไทย ที่มีคนไทยอาศัยอยู่ในออสเตรเลียจำนวนมาก ที่เข้าๆออกๆประเทศไทยกันเป็นว่าเล่น และผู้นำไทยรีบประกาศเปิดเมืองภูเก็ตทั้งๆที่ไทยยังไม่พร้อมอย่างยิ่ง ถือเป็นการเชื้อเชิญไวรัสสายพันธุ์ใหม่ๆอย่างดี สายพันธุ์แลมบ์ดา (เปรู) โหดร้ายกว่าสายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) ที่ขณะนี้กำลังระบาดหนักในประเทศไทยเยอะแบบไม่เห็นฝุ่น แถมยังมีความสามารถในการหลบหลีกวัคซีนที่ฉีดในไทย ได้ดีกว่า สายพันธุ์อินเดียเดลต้าพลัส เสียอีก กล่าวคือ อินเดียเดลต้าพลัสว่า เหนือกว่า อินเดียเดลต้าธรรมดาที่ วัคซีนหลายยี่ห้อในทั่วโลกเอาไม่อยู่ แต่สายพันธุ์เปรูแลมบ์ดา โหดกว่านั้นอีกคือ :- 1. ติดเชื้อเร็วกว่าทุกสายพันธุ์ 2. อัตราการตายของผู้ติดเชื้อสูง 3. ยังไม่มีวัคซีนในโลกนี้ ที่สามารถป้องกันได้ 4. ฉีดวัคซีนยี่ห้อไหน ก็ติดและตายได้ แถมยังแพร่เชื้อได้ต่อๆกันไปไม่มีหมด 5.โควิอ-19 สายพันธุ์เปรูแลมบ์ดา ยังสามารถกลายพันธุ์ได้เรื่อยๆ ไม่หยุดนิ่ง และสามารถเข้ากันได้ดีกับไวรัสสายพันธุ์อื่นๆ 6. อาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา ยากที่ผู้คนจะรู้รับรู้ได้ว่า ตนได้รับเชื้อมาแล้วหรือยัง ท่านต้องป้องตัวเองอย่างเคร่งครัด อย่าประมาทเด็ดขาด 7. ฟักตัวรวดเร็ว ขยายเชื้อเร็ว ทำให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิตเร็วมาก 8. เชื้อไวรัสนี้หลบหลีกภูมิกันได้แบบสมบูรณ์แบบ นี่คือเชื้อไวรัส โควิด-19 "สายพันธุ์นักฆ่า" ที่น่ากลัวที่สุดในโลกในเวลานี้ ทุกท่านจงร่วมกันป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัด เสียแต่วันนี้ ก่อนที่จะเสียใจอย่างคาดไม่ถึงในไม่กี่วัน! ไวรัสล้างโลก.โควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ