2434 ข้อความ
- 1 คนสงสัยขยับนิ้วช่วยเช็กเส้นเลือดสมองจากกรณีที่มีพบวิดีโอแนะนำด้านสุขภาพเกี่ยวกับวิธีเช็กเส้นเลือดสมองโดยการขยับนิ้ว ทางสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบและชี้แจงว่า การที่นิ้วก้อยขยับได้ ไม่ได้หมายความว่าเส้นเลือดสมองเป็นปกติ วิธีการขยับนิ้วดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิธีการเช็กเส้นเลือดสมองแต่อย่างใดstd47686• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอย.เตือน “Royal Jelly 2180” อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง-นำเข้าผิดกฎหมายนายแพทย์พูลลาภ ฉันทวิจิตรวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนให้ตรวจสอบการโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Royal Jelly 2180 (นมผึ้ง) ทางเว็บไซต์ชื่อ http://www.auswelllife-awl.com/ อย. จึงได้ดำเนินการตรวจสอบโฆษณาดังกล่าว พบข้อความโอ้อวดสรรพคุณ เช่น ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดความดันโลหิต ปรับสมดุลฮอร์โมนเพศหญิง ช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง และอื่นๆ ซึ่งข้อความเหล่านี้เป็นการโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. และเป็นการโฆษณาหลอกลวงโอ้อวดเกินจริง โดยจากการสืบค้นข้อมูลในระบบตรวจสอบผลิตภัณฑ์ ไม่พบข้อมูลการอนุญาตผลิตภัณฑ์อาหาร หรือผลิตภัณฑ์ยาในชื่อดังกล่าวแต่อย่างใด รวมทั้งผลิตภัณฑ์มีการแสดงฉลากเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นการนำเข้ามาจากประเทศออสเตรเลียโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมกันนี้ อย. ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ณ สถานที่นำเข้า และสถานที่จำหน่าย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าสถานที่ดังกล่าวมีลักษณะรกร้าง ไม่แสดงป้ายเลขที่บ้าน ทั้งนี้ อย. อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพื่อประกอบการดำเนินคดีลงโทษตามกฎหมายอย่างเข้มงวด ทั้งในเรื่องการโฆษณาขายผลิตภัณฑ์และการขายผลิตภัณฑ์โดยไม่ได้รับอนุญาต รวมไปถึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบหาตัวผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ต่อไปด้วย แชร์เรื่องนี้ คัดลอกลิงก์ แท็ก : อาหารเสริมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดูแท็กทั้งหมด INN News สนับสนุนเนื้อหา ความคิดเห็น 0 รายการ แสดงความคิดเห็น เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น! ( อ่านทั้งหมด ) Sanook Y-VOTE โหวตยกด้อม หัวใจ(ชาว)วายยาสมุนไพรstd48089• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยสวดมนต์ สร้างกำลังใจ ปัดเป่าโควิด-19กรุงเทพฯ 10 พ.ค. – ในวันพรุ่งนี้วัดทั่วประเทศจะร่วมกันสวดบทเจริญพระพุทธมนต์มหาราชปริตร และรัตนสูตร เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับประชาชน และเพื่อความเป็นสิริมงคลของประเทศชาติ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งบทสวดนี้เคยใช้ปัดเป่าโรคระบาดร้ายมาตั้งสมัยพุทธกาล.-สำนักข่าวไทยข่าวการเมืองโควิด 2019วัคซีนโควิดผู้บริโภคเฝ้าระวังมีมstd46533• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยhttps://mgronline.com/factcheck/detail/9640000112609ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยก.ล.ต. เชิญลงทุนกองทุนวัยเกษียณเริ่มต้นที่ 20,000 บาทบทสรุปของเรื่องนี้คือ : เป็นการให้ข้อมูลชักชวนลงทุนโดยแอบอ้างโลโก้ ก.ล.ต. โดยไม่ได้รับอนุญาต และทาง ก.ล.ต. ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการลงทุนดังกล่าว เป็นการกระทำที่แอบอ้างและไม่ประสงค์ดีผู้บริโภคเฝ้าระวังแอคปลอมมาร์ค’ ลูก ส.ท• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเส้นสีขาวในตัวหอยแมลงภู่คือพยาธิบทสรุปของเรื่องนี้คือ : เส้นสีขาว ๆ ยาว ๆ คล้ายตัวพยาธิที่พบ แท้จริงเป็นลำไส้หอยไม่ใช่พยาธิอย่างที่เข้าใจ โดยในหอยส่วนใหญ่สามารถพบจุลินทรีย์ก่อโรคได้แก่ เชื้อวิบริโอ พาราฮิโมไลติคัส เป็นแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษได้ผู้บริโภคเฝ้าระวังมาร์ค’ ลูก ส.ท• 2 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเปิดเพจเฟซบุ๊กใหม่อย่างเป็นทางการบทสรุปของเรื่องนี้คือ : เพจดังกล่าวไม่ได้ถูกสร้างขึ้นจากหน่วยงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งยังมีการแอบอ้างชื่อ และโลโก้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นการกระทำที่ไม่เป็นผลดีต่อองค์กรและประชาชนมาร์ค’ ลูก ส.ท• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกรมการจัดหางานร่วมกับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ รับสมัครงานโปรโมทสินค้าและตรวจสอบสินค้าบทสรุปของเรื่องนี้คือ : กรมการจัดหางานไม่ได้มีการประกาศรับสมัครงานโปรโมทสินค้าและตรวจสอบสินค้าแต่อย่างใด ข้อมูลที่ปรากฏบนสื่อออนไลน์เป็นเพียงการแอบอ้างใช้ตราสัญลักษณ์ของกรมการจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตมาร์ค’ ลูก ส.ท• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยระวังพายุ 2 ลูก เตือนฝนตกหนัก ช่วงวันที่ 17-25 ก.ค. นี้บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ข้อมูลดังกล่าว เป็นข่าวปลอม โดยวันที่ 11-13 ก.ค. มีจะมีฝนลดลง แต่ยังตกหนักในบางแห่ง ส่วนวันที่ 14-16 ก.ค. มรสุมจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้มีฝนเพิ่มขึ้นและตกหนักในบางแห่ง ในช่วงนี้ขอประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก หลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณฝนฟ้าคะนองมาร์ค’ ลูก ส.ท• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวลวง “เนื้อดิบ” ป้องกันโควิด-19สถานการณ์แพร่ระยาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ แต่การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ไม่มีมูลความจริงทำให้เกิดความเข้าใจผิดในประเด็นเดิมมๆ ก็ยังคงวนกลับมาให้เห็นซ้ำอีก ล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมามีผู้แจ้งข้อมูลเพื่อตรวจสอบข่าวลวงมายัง www.cofact.org กรณีมีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อโซเชียลมีเดียว่าเนื้อดิบมีสรรพคุณเป็นยาป้องกันและรักษาโควิด-19 ได้ โดยผลการตรวจสอบได้ข้อสรุปว่าเป็นข่าวลวง เพราะไม่มีหลักฐานวิทยาศาสตร์ยืนยันแน่ชัดว่าการรับประทานเนื้อดิบจะสามารถช่วยป้องกันโรคโควิด-19 ได้ อีกทั้งการรับประทานเนื้อดิบอาจมีผลทำให้เป็นโรคพยาธิใบไม้ตับ ข่าวลวงเรื่องเนื้อดิบป้องกันรักษาโควิด-19 นั้นเคยถูกเผยแพร่ออกมาครั้งแรกช่วงที่ประเทศไทยพบการระบาดเมื่อปลายเดือน ก.พ. 2563 (ปีที่แล้ว) โดยทางเพจสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า องค์การอนามัยโลกมีคำเตือน ให้งดกินของดิบ ปลาดิบชั่วคราว เพราะนอกจากจะไม่ช่วยรักษาหรือป้องกันไวรัสโควิด-19 แล้วยังสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ติดไวรัสโควิด-19 อีกด้วย ทั้งนี้เชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ทนความร้อนสามารถถูกทำลายได้ด้วยการประกอบอาหารที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส ทั้งนี้ เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นนิยมรับประทานปลาดิบเป็นจำนวนมาก ทางเพจสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น จึงทำการโพสต์เฟซบุ๊ก ระบุ องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำผู้นิยมกินของดิบ เช่น ปลาดิบ ซาเซมิ ให้หลีกเลี่ยงชั่วคราว เนื่องจากสุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีข้อความเตือน ดังนี้ เชื้อไวรัส COVID-19 ไม่ทนความร้อน และถูกทำลายได้ด้วยวิธีการประกอบอาหารที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส องค์การอนามัยโลก (WHO) จึงแนะนำให้ 1)หลีกเลี่ยงการบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารจากสัตว์ที่ดิบหรือปรุงไม่สุก และ(2) จัดการกับเนื้อสัตว์ดิบ นมดิบ หรืออวัยวะของสัตว์ด้วยความระมัดระวังเพื่อป้องกันการปนเปื้อนเข้าสู่ผลิตภัณฑ์อาหารที่รับประทานสด ญี่ปุ่นมีการรับประทานปลาดิบ เนื้อสดกันเยอะ ช่วงนี้เลี่ยงการรับประทานปลาดิบ เนื้อสด ของดิบไปก่อน ไม่เพียงเท่านี้ เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความไขข้อสงสัยเรื่องการรับประทานอาหารทะเลในช่วงที่โควิดระบาด โดยระบุว่า อาหารทะเลโดยมากจะต้องทำความเย็นหรือแช่แข็งเพื่อให้คงคุณภาพได้ดี ถ้าชาวประมง ผู้ขาย มีการติดเชื้อโควิด-19 โอกาสที่จะเชื้อปนเปื้อนอยู่ในอาหารทะเลและไวรัสคงชีวิตอยู่ได้นาน จึงมีความเป็นไปได้ ที่จะตรวจพบไวรัสในอาหารทะเลแช่เย็น เช่นการตรวจพบในปลาแซลมอน กุ้งนำเข้าในประเทศจีน การติดต่อของโรคโควิด-19 ผ่านทางอาหารทะเล มีการตั้งข้อสงสัยในประเทศจีน อย่างไรก็ตามอาหารทะเลสามารถบริโภคได้ถ้าปรุงสุก ความร้อนสามารถทำลายไวรัสได้อย่างแน่นอน โควิด-19 สามารถทำลายด้วยความร้อน 56 องศานานครึ่งชั่วโมง และถ้าความร้อนสูงขึ้นระยะเวลาก็จะสั้นลง โดยทั่วไปแล้วถ้าความร้อนสูงกว่า 85 องศา ก็จะมั่นใจในการทำลายไวรัสได้ และถ้าต้มให้เดือดที่อุณหภูมิ 100 องศาไวรัสจะถูกทำลายทันที ในช่วงที่มีการระบาดของโรคจึงไม่ควรรับประทานอาหารทะเลดิบหรือไม่สุก สิ่งที่จะต้องคำนึงคือการจับต้องกับอาหารทะเล ที่แช่เย็นมา จะต้องล้างมือให้สะอาด และชำระล้างอาหารทะเล โดยใช้น้ำสะอาดให้มีปริมาณมากพอ และจะต้องทำความสะอาดมือด้วยสบู่ ถ้าเป็นไปได้ควรใส่ถุงมือและล้างถุงมือ หรือใช้แบบครั้งเดียวแล้วทิ้ง ทุกครั้งต้องล้างมือก่อนจับต้องใบหน้า ในระบบนำส่งอาหารทะเล ก็จะต้องมีมาตรการควบคุมดูแลเรื่องความสะอาด ตลอดเส้นทาง อุตสาหกรรมอาหารทะเล โรงงาน จะต้องหมั่นตรวจดูคนงาน และอาจจำเป็นต้องสุ่มตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เพราะผู้ติดเชื้อจำนวนหนึ่งอาจไม่มีอาการของโรค อาหารทะเลยังคงรับประทานได้ตามปกติและมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมากโดยเฉพาะ ปลาทะเล แต่ขั้นตอนตั้งแต่ผลิตหรือจับมาจากชาวประมง จำหน่าย การเตรียมมาทำอาหาร ทุกขั้นตอนให้คำนึงเรื่องความสะอาดและความปลอดภัย ในการจับต้องกับอาหารทะเลแช่เย็นหรือแช่แข็ง เพื่อความปลอดภัยของทุกคน ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเนื้อดิบ ปลาดิบ อาหารทะเลดิบ นอกจากจะไม่สามารถช่วยป้องกันรักษาไวรัสโควิด-19 ได้แล้ว ยังเสี่ยงต่อการเป็นพยาธใบไม้ในตับอีกด้วยpgolfpaotung• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยhttps://www.facebook.com/photo.php?fbid=2399966496951136&set=a.1510131092601352&type=3ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยกระทรวงแรงงานออก www.จ้างงานเด็กจบใหม่.com จริงหรือโครงการจ้างงานเด็กจบใหม่ กระทรวงแรงงานตั้งใจออกแบบเพื่อกลุ่มคนที่จบใหม่ แก้ปัญหาการว่างงานอย่างถูกจุด ด้วยการช่วยเหลือค่าจ้างครึ่งหนึ่ง เพื่อลดค่าใช้จ่าย และเป็นการช่วยสร้างประสบการณ์ให้แก่เด็กจบใหม่ จริงหรือanonymous• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยใครไปโรงพยาบาลศิริราชโปรดระวังด้วย ข้อมูลล่าสุดจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราชครับ เรียนคณบดี ผู้บริหาร หัวหน้าภาคฯ อาจารย์ แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่าน วันนี้ทีมผอ รองผอ ร่วมกับทีมวิศวกรรมศิริราช วิศวะมหิดล วิศวะเกษตร สมาคมวิศวกรที่ปรึกษาแห่งประเทศไทย บริษัท PAC บริษัท Meinhard บริษัท วและสหาย บริษัท KLA บริษัท power line บริษัทกรีไทย และบริษัท interpac ได้สำรวจอาคารในศิริราชทั้งวัน รวมถึงหอพัก 8 ไร่ ดำเนินการโดยวิศวะที่มีใบอนุญาตรับรองการตรวจสำรวจ และแบ่งทีมออกสำรวจทั้งหมด 8 ทีม ผลสำรวจอาคารทั้งหมดที่ได้สำรวจ เป็นดังนี้ 1. พบตำแหน่งจุดวิกฤตมาก (สีแดง) ได้แก่ ก. ทางเชื่อมระหว่างตึกสยามินทร์ชั้น 6 กับตึกเฉลิมพระเกียรติฯ ข. ทางเชื่อมระหว่างตึกสยามินทร์(ห้องผ่าตัด)ชั้น 3 กับตึกเฉลิมพระเกียรติ ทั้งสองจุดมีความเสี่ยงสูงมากในการหลุดร่วงทั้งทางเชื่อมตกลงมาชั้น 1 (ทั้งสองทางเชื่อม) (ถ้าไปยืนดูจะเห็นว่าแกว่งอยู่ตลอดเวลา) ซึ่งจะทะลุลงหลังคามายังทางเดินชั้น 1 ระหว่างตึกทั้งสอง จึงต้องปิดตั้งแต่ทางเดิน **ห้ามผ่านเด็ดขาด** ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แผนการแก้ไข จะเริ่มเข้ามาจัดการรื้อหลังคา ตั้งนั่งร้าน ตัดทางเชื่อม โรยส่งลงชั้นล่าง ทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 1.5 เดือน (เริ่มพรุ่งนี้) ผลกระทบ 1.ปิดช่วงทางเดินระหว่างตึกสยามินทร์และตึกเฉลิมพระเกียรติ ตั้งแต่ทางลงบันไดไปชั้น B1 ในด้านศิริราชมูลนิธิ จนถึงทางขึ้น ramp ฝั่งด้านตึกกายวิภาคฯ 2.บุคลากรจะต้องเดินผ่านขึ้นบันไดข้างตึกศิริราชมูลนิธิ ผ่านไปลงที่ ramp 3.การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยรถนั่ง เปลนอน รถเข็นต่างๆ ขึ้นทาง ramp 4.จะรีบดำเนินการสร้าง ramp ชั่วคราวพาดบันไดและเชื่อมไปบริเวณสนามหญ้าหน้าศิริราชมูลนิธิ เพื่อใช้ในการเคลื่อนย้ายรถนั่ง เปลนอน ได้นำเรียนถึงความจำเป็นของการดำเนินการแผนนี้ต่อศิริราชมูลนิธิแล้ว ซึ่งจะมีแผนย้ายจุดรับบริจาคกลับมายังตึกมหิดลบำเพ็ญใหม่อีกครั้ง 2. ตำแหน่งจุดวิกฤตปานกลาง (สีเหลือง) ได้แก่ ก.ทางเชื่อมระหว่างตึกพระศรี 100 ปีและตึกโกศล พบว่าโครงสร้างตึกแข็งแรง แต่พบว่ามีพื้นผิวแผ่นปูนตกลงมาที่ทางเดิน และจะมีโอกาสตกเพิ่มขึ้น การแก้ไข วันนี้เริ่มตั้งนั่งร้านขึ้นแก้ผิวฉาบ แต่ต้องระมัดระวังสายต่างๆที่เชื่อมโยง ใช้เวลาดำเนินการ 5 วัน ในระหว่างนี้จะปิดกันทางเดินตั้งแต่ทางออกตึกพระศรี (ข้างร้าน ณ ศิริราช) ที่ต้องเดินผ่าน ramp และซอกทางเดินระหว่างสองตึกนี้ เนื่องจากเศษปูนมีชิ้นใหญ่มาก ให้เดินผ่านทางหน้าร้าน S&P แทน ข.หอพัก 8 ไร่ จากการตรวจสอบภายในตัวอาคารทั้งสองตึก (ตรวจทุกชั้นรวมที่จอดรถ) ไม่กระทบโครงสร้างใด ๆ เป็นเพียงรอยร้าวของผนังฉาบ แต่พบว่าด้านนอกของอาคาร A&B ด้านปลายทั้งสองฝั่งของทั้งสองตึก มีเศษปูนชิ้นใหญ่ที่สามารถร่วงหล่นลงมา ตึก A จะร่วงลงที่จอดรถด้านนอก ด้านสถานีรถไฟและอีกด้านเป็นด้านคนเดินเข้าตึก ตึก B เป็นด้านติดกับวัดและด้านที่เป็นที่จอดรถหน้าศูนย์ฟอกเลือด การแก้ไข จะต้องโรยตัวลงมากระเทาะพื้นผิวทั้ง 4 ฝั่ง ฉาบพื้นผิวใหม่ ผลกระทบ จะกั้นพื้นที่ช้้น 1 ห้ามจอดรถ ห้ามเดินผ่าน และเข้าแจ้งให้ทางวัดทราบ 3. จุดที่พบว่า ไม่พบความเสียหายต่อโครงสร้างหลัก (สีเขียว) อาคารที่สำรวจมีความปลอดภัยในการใช้งาน ยืนยันไม่มีผลต่อโครงสร้าง ก.ตึกที่พบว่าเป็นการแตกร้าวของผนังฉาบหลายชั้น ได้แก่ ตึกนวมินทรฯ ตึกเฉลิมพระเกียรติฯ ตึกศรีสวรินทราฯ ซึ่งจะดำเนินการเข้าพื้นที่เพื่อซ่อมแซม แก้พื้นผิว ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ไล่ตามตึกที่แจ้ง ข.กระเบื้องห้องน้ำหอผู้ป่วยนวมินฯ 12 ที่กำลังจะหลุด 3 ห้อง และที่แขวนทีวี ได้ดำเนินแก้ไขวันนี้แล้ว ค.ฝ้าที่มีความเสี่ยงหลุดร่วงที่โถงตึกศรีสวรินฯ ชั้น 1 ได้ดำเนินการแก้ไขวันนี้แล้ว (วันนี้มีระดับคนงานจากภายนอกมาเตรียมพร้อมแก้ไขหน้างานเลยประมาณ 30 คน) ง.แผ่นผนังกระเบื้องหินหลังพระรูปปั้นสมเด็จย่า มีความเสี่ยงที่จะหลุดร่วงทั้งสองแผ่น จะรีบดำเนินการแก้ไขในวันพรุ่งนี้ จ.ทางเชื่อมระหว่างศูนย์โรคหัวใจและตึกนวมินฯ มีความแข็งแรงปกติ ในการสำรวจมีการลงนามรับรองในส่วนสีเขียวโดยวิศวกร จึงเรียนมาเพื่อให้ทุกท่านได้เกิดความมั่นใจ และโปรดประชาสัมพันธ์ให้ทุกหน่วยงานทราบถึงผลการสำรวจดังกล่าว ตลอดจนความจำเป็นในการปิดทางสัญจรทางช่่วง ขอบคุณมากครับ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราชผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 3 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยหลังจากติดตามปัญหาคุณภาพอากาศทุกวันมาราวๆ 6 ปีเต็ม มีสิ่งนึงที่ไม่ค่อยมีใครพูดกัน โพสต์นี้ขอสรุปเรื่องการซื้อบ้านครับ ภาพแรก อากาศกรุงเทพตอนกลาง ภาพสอง อากาศกรุงเทพตะวันตก ภาพสาม อากาศกรุงเทพตะวันออก ภาพสี่ อากาศกรุงเทพตอนเหนือ โดยเฉลี่ยแล้ว อย่าซื้อบ้านในโซนกรุงเทพตะวันตกครับ ตะวันตกหมายถึง บางแค ตลิ่งชัน ราชพฤกษ์ ทวีวัฒนา บางใหญ่ ศาลายา โซนนี้อากาศวิกฤติสุด เพราะมีการขยายพื้นที่เกษตรเชิงเดี่ยวจำนวนมากในเขตจังหวัดนครปฐม สมุทรสาคร และปทุมธานี จึงเกิดการเผาเพื่อหมุนคร็อปหนัก และถี่ขึ้นมากจนวิกฤติ โซนที่ไม่ควรซื้อรองมา คือเขตกรุงเทพตอนเหนือ หมายถึงแจ้งวัฒนะขึ้นไป หลักสี่ ดอนเมือง บางเขน สายไหม รังสิต ปทุมธานี เขตนี้เจอรุมจากการเผาเกษตรเชิงเดี่ยว และโรงงานอุตสาหกรรม แต่ถึงโดนรุม ค่ามลภาวะอากาศยังแย่เป็นรองกรุงเทพตะวันตก แต่ก็ถือว่าแย่มากอยู่ดี โซนที่พอซื้อบ้านได้ คือกรุงเทพตะวันออก จริงๆก็แย่ครับ แต่แย่น้อยกว่าตะวันตก และเหนือ เดาว่าการมีสนามบินสุวรรณภูมิอาจทำให้เกิดการควบคุมเกษตรเชิงเดี่ยวมากกว่าบ้าง โซนที่คนเข้าใจผิดหมด ว่าอากาศแย่ แต่ที่จริงอากาศดีสุดกลายเป็นกรุงเทพตอนกลางครับ อารีย์ จิตรลดา บางรัก เพลินจิต พระราม 4 คลองเตย ทองหล่อ พระราม 3 จนถึงแยกบางนา อากาศดีสุด ทำไม? 1. มลภาวะหลักวันนี้คือเกษตรเชิงเดี่ยว และโรงงานอุตสาหกรรม 2. เขตเกษตรเชิงเดี่ยวขนาดใหญ่สุด อยู่ฝั่งกรุงเทพตะวันตก นครปฐม ปทุมธานี รองมาคือกรุงเทพตอนเหนือ ปทุมธานี ที่แถมโรงงานอุตสาหกรรมมาด้วย มาสิ่งสำคัญ ใครจำได้ ยุคปี 90-2000 เขตบางรัก สาทร สีลม ดินแดง เคยเป็นเขตที่มีข่าวเสมอว่าคุณภาพอากาศเข้าขั้นวิกฤติ แต่วันนี้ปัญหาลดลงมาก 3. หากใครสังเกตุดีๆ กรุงเทพตอนกลางมีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นเยอะมาก และกำลังเพิ่มขึ้นอีก 4. ปริมาณรถไฟฟ้าราวๆ 70-80% ของ 75,000 คันที่ขายไปในเวลาแค่ 2 ปี ที่ผ่านมาอยู่ในกรุงเทพเป็นหลักจึงลดมลภาวะได้เป็นจำนวนมหาศาล ค่าคุณภาพอากาศฟ้องตรงนี้เลย โพสต์นี้ไม่อยากให้เกิดการ panic แต่อยากเป็นข้อแนะนำถึงการเลือกซื้อบ้าน หาบ้านในโซนพื้นที่ตอนกลางกรุงเทพครับ ไม่ก็ไปทางตะวันออกหน่อย แล้วหลีกเลี่ยงฝั่งตะวันตก กับเหนือให้มาก วิกฤติอากาศพิษกรุงเทพหนักขึ้นมาก คนจะเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นอีกมากเช่นกัน โดยที่คนที่รับผิดชอบได้แก่กระทรวงเกษตร และกระทรวงมหาดไทย ยังไม่ออกมาหาทางแก้ปัญหานี้อย่างไร แถมยังส่งเสริมให้ทำเพิ่มขึ้นด้วย ผลประโยชน์ปุ๋ยมันเยอะครับ จำหน้า รมว.แต่ละคนไว้ดีๆ ตอนเราป่วย เค้าไปอยู่ไหนกันน้า ( Cr: LINE)ข่าวการเมืองสภาพอากาศ เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว2 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยคำแนะนำจาก แพทย์หญิง Bonnie Henryโอ๊ยยยยยยยย! สบายใจ อ่านแล้วค่อยหายเครียดลงหน่อย อิอิอิอ แพทย์หญิง Bonnie Henry เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ประจำจังหวัดบริติชโคลัมเบีย แคนาดา ซึ่งเป็นผู้หญิงคนแรกในตำแหน่งนี้ เธอยังเป็นรองศาสตราจารย์ ที่มหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย เธอมีพื้นฐานด้านระบาดวิทยา และเป็นผู้เชี่ยวชาญ ด้านสาธารณสุขและเวชศาสตร์ป้องกัน เธอยังมาจาก PEI (เกาะปรินซ์เอ็ดเวิร์ด) ภูมิปัญญาของ ดร. บอนนี่ เฮนรี่ 1. เราอาจต้องอยู่กับ COVID-19 เป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี อย่าปฏิเสธหรือตื่นตระหนก อย่าทำให้ชีวิตของเราไร้ประโยชน์ มาเรียนรู้ที่จะอยู่กับข้อเท็จจริงนี้ กันเถอะ 2. คุณไม่สามารถทำลายไวรัส COVID-19 ที่เจาะผนังเซลล์ได้ โดยการดื่มน้ำร้อนมากๆ อีกทั้งจะทำให้คุณเข้าห้องน้ำ บ่อยขึ้นด้วย 3. การล้างมือและ รักษาระยะ -ห่-า-ง ทางกายภาพ——สองเมตร ✅ เป็นวิธีที่ดีที่สุด สำหรับการป้องกันของคุณ 4. หากคุณไม่มีผู้ป่วย COVID-19 ที่บ้าน ก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าเชื้อพื้นผิว ที่บ้านของคุณ 5. ตู้สินค้า ปั๊มน้ำมัน รถเข็น และ ตู้เอทีเอ็ม ไม่ก่อให้เกิดการติดเชื้อ หากมีการล้างมือบ่อย จากใช้ชีวิตตามปกติ 6. โควิด -19 ไม่มีความเสี่ยง ที่แสดงให้เห็นว่า COVID-19 ติดต่อทางอาหารได้ 7. คุณสามารถสูญเสียความรู้สึก ในการดมกลิ่น ด้วยอาการแพ้ และการติดเชื้อไวรัสจำนวนมาก 🦠นี่เป็นเพียงอาการไม่เฉพาะเจาะจง ของ COVID-19🦠 8. เมื่ออยู่บ้าน คุณไม่จำเป็นต้อง เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเร่งด่วน แล้วไปอาบน้ำ 🖐🏽 ไม่ควรถึงกับหวาดระแวง 9. ไวรัส COVID-19 ไม่ค้างอยู่ ในอากาศเป็นเวลานาน นี่คือการติดเชื้อในระบบ ทางเดินหายใจที่ต้องสัมผัสใกล้ชิด 10. อากาศสะอาด คุณสามารถเดินผ่านสวนและ ผ่านสวนสาธารณะ (เพียงแค่รักษาระยะป้องกัน ทางกายภาพของคุณ) 11. ควรใช้สบู่ธรรมดาเพื่อป้องกัน ไวรัสโควิด -19 🖐🏽 ไม่ใช่สบู่ต้านเชื้อแบคทีเรีย เพราะนี่คือไวรัส ไม่ใช่ แบคทีเรีย 12. คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับ การสั่งอาหารของคุณ แต่คุณสามารถอุ่นทั้งหมด ในไมโครเวฟได้หากต้องการ 13. โอกาสที่จะนำ COVID-19 กลับบ้านพร้อมกับรองเท้า ก็เหมือนกับการถูกฟ้าผ่า 2 ครั้ง ในหนึ่งวัน 👉🏾 ฉันทำงานกับไวรัสมา 20 ปี การติดเชื้อไม่แพร่กระจายแบบนั้น 14. คุณไม่สามารถป้องกันไวรัสได้ ด้วยน้ำส้มสายชู น้ำอ้อย และขิง! #สิ่งเหล่านี้มีไว้เพื่อภูมิคุ้มกัน #ไม่ใช่การรักษา 15. การสวมหน้ากากอนามัย เป็นเวลานาน อาจจะรบกวน การหายใจและระดับออกซิเจน ของคุณลดลง 😷 จงสวมใส่ในฝูงชนเท่านั้น 16. การสวมถุงมือ ก็เป็นความคิดที่ไม่ดีเช่นกัน ไวรัสสามารถสะสมเข้าไปในถุงมือ และแพร่เชื้อได้ง่าย หากคุณสัมผัสใบหน้า ดังนั้นจึงควรล้างมือเป็นประจำ ✅ จะดีกว่า #ภูมิคุ้มกันจะอ่อนแอลง #เมื่อร่างกายอยู่ในสภาพแวดล้อม #ที่ปลอดเชื้อ แม้ว่าคุณจะกินอาหารเสริมภูมิคุ้มกัน แต่ควรจะออกจากบ้าน ไป สวนสาธารณะ / ชายหาด ✅ เป็นประจำ #ภูมิคุ้มกันจะเพิ่มขึ้นตามการสัมผัส ❌ ไม่ใช่โดยการนั่งอยู่บ้านและ บริโภคอาหารทอด / เผ็ด / หวาน และเครื่องดื่มเติมอากาศ 🧠 จงฉลาด ใช้ชีวิต 🗣🦻🏼รับทราบข้อมูล อย่างมีเหตุผล ❌ อย่าวิตก จนเกินไป ✅ ชีวิตจะปลอดภัย 🗣 ——— 🗣 หลังแชร์ข้อมูลนี้ ให้เพื่อนที่ แวนคูเวอร์ แคนาดา 📲 เพื่อนตอบมาว่า @Piangporn ดีใจมากว่าชื่อเสียงคุณหมอหญิง Bonnie Henry ไปถึงเมืองไทยแล้ว คุณหมอท่านน่ารักมากค่ะ คนที่นี่ (แคนาดา) ก็ประทับใจการอุทิศตัว ทำงานหนัก(มาก) เลยมีแฟนคลับ มากมาย ฮับ (เพื่อนที่แคนาดา) ชอบฟังเวลาคุณหมอออกมาแถลงข่าว รายงานสถานการณ์หวัดโควิด พูดเป็นระบบ อิงข้อมูลวิทยาศาสตร์ และที่สำคัญแสดงความเอื้ออาทร ผู้ป่วยและญาติ เจ้าหน้าที่ หมอ พยาบาล ฯลฯ แบบเสมอต้น เสมอปลาย เป็นตัวอย่างของ การแพทย์ที่มีความเป็นมนุษย์ อย่างแท้จริง ทุกครั้งก่อนจบแถลงข่าว คุณหมอจะมีสามคำหลัก เตือนใจประชาชน จนท่องกันได้ คือ BE KIND, BE CALM, BE SAVE.ล้อเลียนMrs.Doubt• 4 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยโอโม่น้ำผงซักฟอกดื่มแล้วขาวใส!?โอโม่พลัสผงซักฟอก นอกจากซักผ้าให้สะอาดขาวไร้สิ่งสกปรก ก็ยังมีหอมและรสชาติอร่อยมากๆ ต้องลอง!!!??มีมล้อเลียนสาวน้อยหมวกแดง• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยราคาใบกระท่อมก้านแดงมีราคาแพงจริงหรือไม่กระท่อมก้านแดงตอนนี้กำลังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคอย่างมาก โดยเฉพาะบริเวรภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งราคาของกระท่อมก้านแดงตอนนี้ก็ปรับขึ้นราคาขึ้นแล้ว ประมาณ 400 บาท ต่อกิโลกรัมPHARAOH• 3 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยชาไข่มุก 2 แก้ว/สัปดาห์ เสี่ยงมะเร็งอันตรายที่ซ่อนในความหวานมากเกินกว่าที่คาดคิด พญ.ชุติมา ศิริกุลชยานนท์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ และ อาจารย์ประจำวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยรังสิต ถึงกับบอกว่า รสหวานทำให้สดชื่น ดื่มติดต่อกันต่อเนื่องก็จะติด แต่ภัยความหวานส่งผลกระทบต่อสุขภาพ แม้จะยังไม่มีรายงานว่า คนไทยบริโภคหวานแล้วเป็นมะเร็งเหมือนเช่นเด็กหญิงชาวจีน แต่ก็พบว่า หากบริโภคหวานต่อเนื่องทุกวันในปริมาณที่เกินกำหนด อาจส่งผลต่อสุขภาพ ได้ เช่น โรคอ้วน อ้วนลงพุง โรคเบาหวาน ไขมันอุดตันในเส้นเลือด ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด เซลล์ในร่างกายอักเสบ และนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็งในอนาคต “ปกติในร่ายกายของคนเรา ผู้ชายต้องการพลังงานอยู่ที่ 2,000 แคลลอรี่ต่อวัน ผู้หญิง 1,800 แคลอรี่ต่อวัน หากต้องการบริโภคน้ำตาลหรือว่าของหวาน ควรบริโภคได้ไม่เกิน 10% ของพลังงานทั้งหมด”มะเร็งstd48372• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยได้ข้อมูลจาก คุณ พงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร มติชน อ่านเลย! มีประโยชน์ช่วยคนได้ครับ.... ท่านผู้นี้ชื่อจริงไชยวรรณ พิมพนิช คนส่วนมากเรียกติดปากว่าพ่อเลี้ยงวรรณ เป็นคนแม่สอดจ.ตาก มีอาชีพทำการเกษตร ปลูกมันสำปะหลังปลูกอ้อย ปลูกส้ม สุดท้ายก็มาปลูกกล้วยส่งต่างประเทศ ก็ทำมาสิบกว่าปีแล้ว มีลูกชายสามคนจบปริญญาโทด้านการเกษตรทั้งสามคน คนโตเรียนพืชไร่ คนที่สองเรียนพืชสวน คนที่สามเรียนส่งเสริมการเกษตร ปัจจุบันอายุก็หกสิบกว่าแล้ว ปกติจะเป็นคนชอบออกกำลังกาย สุขภาพก็แข็งแรงดี เพื่อนๆหรือคนรู้จักจะชมว่าทำไมอายุมากขนาดนี้ถึงแข็งแรงเดินเหินได้สบาย @ เข้าตรวจอาการที่โรงพยาบาล @ อยู่มาไม่นานเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเกิดอาการปวดที่หลังและไม่หายประมาณ 2 เดือนกว่า รักษาหลายวิธีทั้งแช่น้ำอุ่นและให้หมอนวด ก็ไม่หาย วันหนึ่งไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯเพื่อนเป็นหมอ อาตมาเล่า(ขณะที่เล่า..บวชแล้ว) ให้เพื่อนฟังว่าปวดหลังมา สองเดือนกว่าแล้วไม่หายสักที เพื่อนก็นิ่งแล้วมองหน้ากันเขาไม่พูดอะไร สักพักเพื่อนก็พูดขึ้นมาว่าเอกซเรย์หน่อยดีไหม เพราะคนปกติปวดธรรมดาทั่วๆไป กล้ามเนื้ออักเสบเอ็นพลิก ใช้เวลาประมาณ 3 อาทิตย์ก็หายแล้ว แต่พ่อเลี้ยงวรรณ ปวดจากหลังลามมาถึงหน้าอก 2 เดือนแล้วไม่หายต้องเอกซเรย์หน่อย พอเอกซ์เรย์เสร็จ ก็เห็นว่ามันมีรอยจุดด่างๆอยู่ 2 จุด หมอบอกว่ายังไม่แน่ใจนะต้องเข้าเครื่องสะแกน เข้าเครื่อง สะแกน 1 ชั่วโมง ก็ยังไม่ทราบผล พอออกมาจากเครื่องสะแกนก็กลับบ้าน หมอบอกว่า 10 โมงเช้าพรุ่งนี้ค่อยมาฟังผล เพราะ ฟิมล์ผลตรวจจะออกมาวันพรุ่งนี้ รุ่งขึ้น 10 โมงเช้าก็ไปโรงพยาบาล มีหมอ 4-5 คนอยู่ในห้องคุณหมอที่เป็นเพื่อนสนิทกันพูดขึ้นมาว่า ไม่น่าจะเกิดกับเพื่อนเราเลย อีกประมาณ 20 นาทีก็ให้หมอผู้หญิง ที่เป็นหมออายุรกรรมมาบอกว่า พ่อเลี้ยงวรรณ ต้อง ( ATMID) แอดมิด แล้วละ หมายถึงต้องนอนที่โรงพยาบาล ตกลงวันนั้นก็ต้องนอนโรงพยาบาล หมอก็เอาเลือดไปตรวจเข้าเครื่องอัลตร้าซาวด์ ตรวจคลื่นหัวใจ วันนั้นผลเลือด หมอส่วนใหญ่ก็จะรู้แล้วว่าเป็นมะเร็ง เพราะว่า PHA ค่าของเลือดอยู่ที่ 300.800 สำหรับคนปกติ จะอยู่ที่ 000.000-4.0000 ถัดไปประมาณ 2-3 วันหมอก็ตัดเนื้อเยื่อไปตรวจ แล้วลงมติว่าเป็นมะเร็ง หลังจากทราบผลว่าเป็นมะเร็งที่กระดูกสันหลังขั้นสุดท้าย ก็ตกใจช็อกไปประมาณ 20 นาที 20 นาทีที่บอกไม่ถูก เป็น 20 นาทีที่ทรมานมาก ไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตดี ความดันก็ขึ้นไป 180 จากปกติ 110 ถึงขั้นสุดท้ายแล้วจะทำยังไงดี หมอบอกว่าต้องให้คีโม ( เคมีบำบัด ) ต้องฉายแสง ต้องฝังแร่ ก็เลยถามกลับไปว่า ถ้าฝังแร่แล้วอยู่ได้นานเท่าไหร่ หมอบอกว่าอยู่ได้ปีหนึ่งไม่รับรองมากกว่านี้ พอดีมีเพื่อนคนหนึ่งอยู่ที่อเมริกา เชี่ยวชาญด้านมะเร็ง เขาบอกให้ไปที่นั่น เขาจะดูแลให้ ก็ถามเขาว่าไปแล้วจะให้ไปทำอะไร เขาบอกให้ไปฝังแร่ ผมก็ไม่ไป ยังไงหนึ่งปีก็ตายอยู่แล้วจะไปทำไมให้เสียเงิน @ ตัดสินใจบวชหนีโรคร้าย @ ตัดสินใจเข้าวัดปฏิบัติธรรมอยู่ 1 อาทิตย์ ก็เลยนั่งคิดต่อว่าถ้าอยู่แต่ที่วัดจะรอดไหม น่าจะสู้กับมัน จะต้องสู้ให้ได้ จะต้องชนะ ชีวิตเกิดมาเพียงแค่ชีวิตเดียวอยู่ๆจะมายอมตายง่ายๆได้อย่างไร ผมคิดขึ้นมาได้ว่ากษัตริย์สีหนุ ท่านเคยเป็นมะเร็ง เมื่ออายุ 40 กว่าปีก่อนไปรักษาที่ต่างประเทศเวลานี้อายุตั้ง 90 ปียังมีชีวิตอยู่ คิดถึงตรงนี้ เลยโทรศัพท์หาน้องที่เป็นกงสุลใหญ่อยู่ต่างประเทศ ตรวจสอบข้อมูลทราบว่าที่ประเทศที่สาม ( เกาหลีเหนือ ) มีสถานที่บำบัดมะเร็งจริงแต่การเดินทางไปลำบากมาก @ หนีความตายไปประเทศที่สาม @ มะเร็งระยะสุดท้าย ฟังแล้วน่ากลัวจริงๆ หนทางรอดแทบไม่มี จึงตัดสินใจทำพินัยกรรมให้ลูกๆแล้วรวบรวมเงินทองที่หามาได้ตลอดชีวิตเดินทางไปประเทศที่สามเผชิญความตายด้วยใจสงบ ถ้าโชคดีคงได้กลับมาอีกมันเป็นภาวะจนตรอกที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต ถึงแม้ชีวิตของคนเราจะเกิดมาแล้วต้องตายกันทุกคน แต่ถึงวินาทีนั้นคนเราต่างก็กลัวความตายโดยสัญชาตญาณ อยากจะยืดชีวิตต่อลมหายใจออกไปอีก นั่งเครื่องบินไปลงที่ประเทศญี่ปุ่น แล้วจึงนั่งรถยนต์ไปอีก 8 ชั่วโมง แทบเอาตัวไม่รอดสุดทรมานโดยเฉพาะช่วงที่นั่งบนเครื่องบิน นั่งพิงเบาะไม่ได้ ปวดหลังอึดอัดทรมานมากนั่งเอามือเกาะเบาะด้านหน้าร้องโอดครวญตลอดการเดินทาง น้ำตาลูกผู้ชายมันหยดไหลอย่างไม่รู้ตัว นึกในใจว่าการเดินทางครั้งนี้คงไม่ได้กลับเมืองไทยอีกแล้ว ยิ่งช่วงการเดินทางโดยรถยนต์ไปยังประเทศที่สาม ลำบากมากทั้งเจ็บปวดสุดทรมานตลอดการเดินทาง 8 ชั่วโมงเต็ม ที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลแต่เป็นศูนย์บำบัดตั้งอยู่บนเขา ผู้ที่มาบำบัดรักษาส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรป อเมริกา อาหรับ ญี่ปุ่น คนไทยมีอาตมาเพียงคนเดียว เน้นการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติบำบัด ใช้แสงตะวัน ใช้สายน้ำ ใช้หิมะ อาหารทุกอย่างต้องสด คนป่วย 1 คน จะมีพยาบาลประจำตัว 1 คนดูแลเราอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่เช้า 05.00-20.00 น.ไปไหนไปด้วยกันนอนด้วยกัน ดูแลทุกย่างก้าว เข้าห้องน้ำก็ไปนั่งเฝ้า เป็นพี่เลี้ยงตลอด อาบน้ำก็ไปดูว่าน้ำได้อุณหภูมิไหม อุ่นพอไหมเย็นพอไหม อาหารการกินก็กินโอสถ เน้นธรรมชาติล้วนๆ อยู่ที่นี่ยาสักเม็ดก็ไม่มี ศูนย์ธรรมชาติบำบัดแห่งนี้ จะมีคอร์สบำบัดรักษา 30 วัน 60 วัน และ 90 วัน ของผม 30 วันอาการก็ดีขึ้นมาก ผิดกับตอนที่มาใหม่ๆ เจ็บปวดจนทนไม่ไหว คนที่มาที่นี่ป่วยเป็นมะเร็งทุกชนิดบางคนปฏิบัติตัวได้ตามที่เขาให้ทำให้กินก็ประสบความสำเร็จ ในแต่ละวันตื่นเช้าขึ้นมาประมาณ 05.00น.ก็จะเอาน้ำโอสถมาให้ดื่ม 1 ลิตร รสชาดจืดชืดสีเขียวเข้ม เวลาประมาณ 06.30น. ก็จะพาไปเดินออกกำลังกาย แล้วพาไปรับแสงตะวัน เรียกว่าแสงตะวันบำบัด นั่งรถประมาณชั่วโมงครึ่ง ไปกลับวันละ 3 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็จะพาเดินบนหิมะประมาณ 1 ชั่วโมงทุกวัน เสร็จแล้วมาประคบน้ำอุ่นที่ฝ่าเท้า ถามเขาว่าทำไมต้องทำอย่างนี้ เขาบอกว่าเพื่อสร้างภูมิภูมิต้านทานขึ้นมา บางคนก็ทำไม่ได้ ทำได้ประมาณ 20-30 % แต่ของอาตมาอาศัยเป็นนักกีฬาเก่า วันแรกก็ไม่ไหวเหมือนกันเย็นจัด วันที่สองวันที่สามก็เริ่มทำได้ และทำได้มาตลอด พอทำได้ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดีขึ้น ค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ สำหรับโอสถสีเขียวเข้มจะดื่มช่วงเช้า 1 ลิตร บ่าย 1 ลิตร ตอนเย็นอีก 1 ลิตร และก่อนนอนอีก 1 ลิตร วันหนึ่งจะดื่มโอสถวันละ 4 ลิตร น้ำนี้น่าจะเข้าไปช่วยกำจัดอาจจะเป็นน้ำที่เชื้อมะเร็งไม่ชอบ เอาไปล้างพิษในร่างกายออกมา เพราะเรากินเข้าไปวันละตั้ง 4 ลิตรก็ต้องมีการถ่ายเทออกมา แต่เป็นเรื่องที่แปลกนะ เวลาเรากินน้ำกินยาแคปซูลอะไรก็แล้วแต่ เวลาเราปัสสาวะออกมาจะเป็นสีเหลือง แต่เวลาเราดื่มโอสถพวกนี้เวลาปัสสาวะออกมาก็ยังใส แสดงว่ามันเอาไปใช้หมด เป็นเรื่องที่แปลก ใสกว่าปกติด้วยซ้ำไป ช่วงไปอยู่ทีนั่นใหม่ๆนอนหงายไม่ได้ มันปวดหลังมากต้องนอนคว่ำเหมือนจระเข้ หลังมันปวดร้าวไปหมดเพราะถูกมะเร็งทำลายไปเยอะรวมไปถึงหัวเข่าด้านซ้ายด้วย เวลานั่งหลังก็พิงไม่ได้ เรื่องอาหารการกิน เขาจะให้ทานข้าวบาร์เลย์ กับข้าวก็เป็นกับข้าวพื้นๆไม่มีอะไรมากมายเน้นผักเป็นส่วนใหญ่ ผักที่นี่เขาปลูกเอง ปลูกในกระโจม ปรับอุณหภูมิและไร้สารพิษ ดินที่ใช้ปลูกเปลี่ยนทุก 3 เดือน เขาบำบัดด้วยวิธีธรรมชาติบำบัดล้วนๆแต่ค่าใช้จ่ายสูงมาก ค่าใช้จ่ายต่อวันเขาคิด 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ ผมอยู่ที่นี่ 30 วัน ปฏิบัตตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดมีระเบียบวินัย ถึงเวลาออกกำลังกายก็ต้องออก พักผ่อนก็ต้องพักผ่อน ถึงเวลากินก็ต้องกิน มั่นใจว่าดีขึ้นแน่ อาการป่วยของผมดีขึ้นตามลำดับ เพียง 10 วันแรกเราจะสัมผัสได้เลยว่าเรามาถูกทางแล้วอาการปวดเริ่มลดลงๆ ร่างกายแข็งแรงขึ้น ผิดกับวันแรกๆที่นอนร้องโอดโอยตลอดเวลา พอร่างกายแข็งแรงก็ขยับตัวเองไปเป็นพี่เลี้ยงช่วยคนอื่นต่อ ก็คิดว่าเราน่าจะนำวิชาความรู้เหล่านี้ไปช่วยเหลือเพื่อนคนไทยที่ต้องทุกข์ทรมานกับมะเร็งร้าย ถ้าจะให้ดีต้องบุกครัวเข้าไปช่วยในครัวจะได้จดจำโอสถยาให้ได้ แต่โชคร้ายเขาไม่อนุญาต ผมจึงตัดสินใจว่าไหนๆก็เดินทางมาถึงที่สุดของชีวิตแล้ว จึงทรุดตัวลงคุกเข่าก้มกราบเขาจนกระทั่งเขาสงสาร จึงอนุญาตให้เข้าไปช่วยในครัว คิดถึงบ้านขอกลับ ผมรู้สึกร่างกายเราแข็งแรงแล้วเราไม่ตายแล้ว คิดถึงบ้านก็เลยขอกลับ เขาก็มาตรวจร่างกาย เขาบอกร่างกายแข็งแรงดีเขาก็ให้กลับ ระหว่างนั่งอยู่บนเครื่องบินก็คิดว่าเราน่าจะกลับไปช่วยคนที่เป็นมะเร็งได้ เพราะคนที่รู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งตรงไหนก็แล้วแต่ ส่วนใหญ่ 90 % จิตใจมันตายแล้ว มันเหลือแค่ 10 % เท่านั้นในร่างกาย จะมีสักกี่คนที่ใจสู้แล้วยอมหาวิธีรักษาตนเอง มีน้อยมาก ผมตั้งใจว่าถ้ากลับถึงเมืองไทยจะช่วยคนที่เป็นมะเร็ง ถึงช่วยได้ไม่ถึง 100 % ช่วยได้ 50 % ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีแล้ว กลับมาเลยปรึกษาญาติๆว่าจะตั้งมูลนิธิเป็นของตัวเองชื่อว่ามูลนิธิวรรณ จุดเป้าหมายก็คือ ดูแลพวกที่เป็นโรคร้ายเกี่ยวกับมะเร็ง ส่งเสริมให้การศึกษาเด็กดีขยันเรียน คืนป่าให้แผ่นดิน มูลนิธิเราคงมีรายได้จากการปลูกผักไร้สารจากอำเภอแม่สอดจังหวัดตากส่งมาขายที่กรุงเทพฯ หลายคนพอทราบข่าวก็ยินดีให้การสนับสนุน หลังจากกลับจากต่างประเทศแล้วก็ไปตรวจร่างกายตรวจเลือดที่โรงพยาบาลที่เคยตรวจ ผลเลือดที่เรียกว่า PHA ( ช่วงที่ป่วยก่อนรักษาอยู่ที่ 311.800) หมอใช้เวลาตรวจ 6 ชั่วโมง วัดได้ 5.090 ต่อมาวันที่ 28 พฤษภาคม 2550 ไปตรวจอีกครั้งวัดได้ 0.268 หมอไม่แน่ใจส่งเลือดไปให้โรงพยาบาลอีก 2 แห่งตรวจอีก ผลการตรวจออกมาตรงกันหมด ถือว่าเยี่ยมแล้ว คนปกติทั่วไปที่ไม่มีเชื้อมะเร็ง จะอยู่ที่ 0.000-4.000 ของเราเลือดดีกว่าคนปกติอีก หมอถามว่าไปทำอะไรมา อาตมาบอกไปรักษามา อาตมาไม่ยอมตาย คิดว่ามะเร็งยังหลบอยู่ในตัวเรา แต่ไม่รู้อยู่ที่ไหน เราก็ไม่ชะล่าใจ มะเร็งเกิดจากภูมิบกพร่องของชีวิต มันต้องการอาหาร อาหารโปรดของมันคือ โปรตีนจากเนื้อสัตว์ทุกชนิด ซึ่งเราก็ไม่ให้มันกินเลย มะเร็งถ้าเราไม่ให้อาหารมัน มันก็จะฝ่อ และอ่อนแรง เราไม่ให้กินนานๆเข้ามันก็จะตายในที่สุด บ้านเราผู้ป่วยใหม่ที่เป็นมะเร็งมี 284 คน/วัน ตายชั่วโมงละ 11 คน เราต้องมาปรับเปลี่ยนวิธีกินอยู่กันใหม่ การเจริญเติบโตของมะเร็ง เขาจะก้าวกระโดด จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 4 จาก 4 เป็น 8 จาก 8 เป็น 16 บวกขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นคนที่ป่วยเป็นมะเร็งส่วนใหญ่ที่ตายเพราะโลเล ตัดสินใจไม่เด็ดขาด มะเร็งหยุดได้ถ้าใจสู้” “ เราต้องมีวินัยถ้ามีวินัยเราสามารถหยุดมะเร็งได้ ต้องยึดกฎเหล็กดูแลเรื่องอาหารการกิน การปฏิบัติตัว สิ่งแวดล้อมอากาศบริสุทธิ์ การออกกำลังกาย ผมอาจจะมีบุญเพราะเป็นมะเร็งแต่ไม่เคยคิดว่าเป็นมะเร็ง คิดอยู่อย่างเดียวว่าทำอย่างไรถึงจะชนะ ทำอย่างไรถึงจะมีชีวิตที่ยืนยาวดูแลลูกเต้าต่อไป ไม่เคยกังวลเลย แล้วเรื่องพืชผักต้องไร้สารจริงๆไม่ใช่ปลอดสาร ไร้สารคือดูแลการปลูกตั้งแต่เริ่มต้นจนเก็บเกี่ยวจะไม่ใช้ยา แต่ถ้าปลอดสารคือใช้เคมีพอใกล้วันเก็บเกี่ยวประมาณ 15 วันก็จะหยุดใช้สารเคมีอันนี้ไม่ปลอดภัย จะมีสารตกค้างตามมา” มะเร็งไม่น่ากลัวอย่างที่คิดถ้าเรารู้จักวิธีป้องกันดูแลสุขภาพเราก็สามารถชนะมันได้ขอเพียงอย่างเดียวจิตใจต้องเข้มแข็ง บางรายเกิดวิตกจริตนอนไม่หลับเพราะญาติพี่น้องเสียชีวิตเพราะมะเร็งไม่รู้จะถึงตัวเองเมื่อไหร่ หลายรายทำตามคำแนะนำของพ่อเลี้ยงวรรณอาการดีขึ้นทันตาเห็น ปัจจุบันพ่อเลี้ยงวรรณมีโครงการสร้างศูนย์ธรรมชาติบำบัดที่สวนเกษตรของพ่อเลี้ยงเองที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ผมเลยแนะนำพ่อเลี้ยงให้สร้างหิมะเทียมขึ้นเอง ในอนาคตเราคงได้เห็นศูนย์ธรรมชาติบำบัด ของมูลนิธิวรรณ ในเมืองไทย ซึ่งที่ อ.แม่สอด จ.ตากอากาศดีมาก นอกจากได้สูดอากาศบริสุทธ์แล้วยังมีแปลงเกษตรไร้สารพิษอีกด้วย พ่อเลี้ยงวรรณมีปณิธานว่าสำหรับผู้ยากไร้ มูลนิธิวรรณจะรักษาให้ฟรี สำหรับผู้มีอันจะกินให้สนับสนุนค่าโอสถเพียงวันละ 100 บาท ทางมูลนิธิจะจัดส่งโอสถไปให้ เรียกว่าคนมีฐานะช่วยคนด้อยโอกาสนะครับ ถ้าท่านอยากทราบรายละเอียดและขอคำ ปรึกษาเรื่องการดูแลสุขภาพเพิ่มเติม ติดต่อมูลนิธิวรรณ(ปัจจุบันลูกชาย-ภรรยาดูแลอยู่) เลขที่ ๓/๖๘๑ ประชานิเวศน์ ถนนเทศบาลนิมิตรเหนือ ลาดยาวจตุจักร กรุงเทพฯ โทร. ๐-๒๑๕๘-๐๖๕๘ ช่วยกันเผยแพร่นะครับ ได้บุญมะเร็งไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยมะเร็ง กับ มะนาว🟣 ถ้ารักตัวเองก็อ่าน.. ถ้าคิดแค่อยู่แค่วันนี้ พรุ่งนี้ไม่สน ไรจะเกิดก็เกิด ก็ปัดผ่านไป... 👉ขอเล่า.. ผมได้ไปตรวจสุขภาพ ทำอัลตราซาวน์ เมื่อปลายปี 59 พบติ่งเนื้อในถุงน้ำดี ยาว 4 มม. หมอบอกไม่เป็นไร ถือว่าผิดปกติเล็กน้อย อีก 6 เดือน ให้ไปอัลตราซาวน์ใหม่ ครั้งที่ 2 รอบนี้พบว่า ติ่งเนื้อ มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 6 มม. หมอบอก ยังไม่เป็นไรอีก อีก 6 เดือน ให้ไปอัลตราซาวด์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ผมไม่ได้ไปตามนัด คิดว่าจะไม่ไปแล้ว จนกระทั่ง เลยกำหนดไป 2 เดือนกว่า ลูกๆจึงขอร้องให้ไปตรวจ จึงได้ไปทำ อัลตร้าซาวน์อีกครั้ง เป็นครั้งที่ 3 คราวนี้พบว่า ติ่งเนื้อเดิม เพิ่มขนาดขึ้นเป็น 1 ซม. หมอบอก ควรผ่าตัดถุงน้ำดีออก เพราะหากปล่อยไว้ ติ่งเนื้อ อาจกลายเป็น เนื้อร้ายได้ (ผมตรวจที่ โรงพยาบาลเอกชน ที่กรุงเทพฯ) เมื่อสอบถามค่าใช้จ่าย เห็นว่าสูงพอสมควร จึงขอประวัติ ไปรักษาต่อเนื่อง ที่โรงพยาบาลรัฐบาล (ผมใช้สิทธิ์ ข้าราชการ เบิกค่าใช้จ่ายได้) เป็นโรงพยาบาลใหญ่ ในกรุงเทพฯ เช่นกัน หมอดูผลตรวจแล้ว แนะนำว่า หากติ่งเนื้อ มีขนาดใหญ่กว่า 1 ซม. ควรผ่าตัดถุงน้ำดีออก ไม่ควรเก็บไว้ โดยท่านให้เวลาอีก 4 เดือน เพื่อมาอัลตราซาวด์ ซ้ำอีกครั้ง ก่อนผ่าตัด ผมกลับบ้านที่ นครศรีธรรมราช เล่าให้บางคนได้ฟัง หลังพูดคุยกับ คุณณัชชา ปรีชา (ติ้ม) ได้แนะนำ ให้ผมดื่ม น้ำมะนาวในน้ำร้อน ผมจึงทำดื่มมาตลอด โดยใช้มะนาวสด วันละประมาณ ครึ่งลูก หั่นเป็นแว่นบางๆ 4-5 แว่น ใส่แก้วรินน้ำร้อนใส่ วางไว้ให้เย็น ดื่มหมดแก้ว เติมน้ำร้อนใหม่ ดื่มซ้ำไปตลอดวัน แล้วจึงเททิ้ง ในตอนเย็น ทำอยู่ 3 เดือน ก่อนไปพบหมอ เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 61 ผมได้มาทำอันตราซาวน์ อีกครั้ง ตามกำหนด และนัดฟังผลตรวจ ในวันที่ 2 พ.ย. 61 ตามนัด หมอบอก ไม่พบเห็น ติ่งเนื้อ ในถุงน้ำดีแล้ว แต่เห็นเป็นก้อนนิ่ว เล็กๆ ขนาดใหญ่สุด 5 มม. หมอถามผมว่า มีอาการอย่างไรบ้าง ผมเล่าตามตรงว่า ไม่มีอาการอะไรผิดปกติเลย หมอจึงว่า ถ้าอย่างนั้น ไม่ต้องผ่าตัด อีก 6 เดือน (28 เม.ย.62) ค่อยมาตรวจซ้ำ เพื่อตรวจเช็ค ว่าเป็นอย่างไรบ้าง จึงบอกมายังทุกท่านว่า ‘การดื่มน้ำมะนาว ในน้ำร้อน’ ตามที่ผม ได้ทดลองด้วยตนเอง ได้ผลดังที่กล่าว ตามบทความข้างล่างนี้ ลองอ่านดูนะครับ อาจจะยาวไปสักนิด แต่มีประโยชน์มาก ขอบคุณเพื่อนณัชชา ปรีชา ที่แนะนำเคล็ดลับดีๆ ขอบคุณ คุณหมอ ที่คิดค้นวิจัย และเผยแพร่ เป็นอย่างสูง (หลังเมษายน 2562 ผลเป็นอย่างไร จะมาแจ้งความคืบหน้า ให้ทราบกัน อีกครั้งนะครับ เสถียร วัฒนาพันธุ์ 3 พ.ย. 61 ------------ **น้ำมะนาวร้อน ในโรงพยาบาลกองทัพบก แห่งกรุงปักกิ่ง (北京เป่ยจิง) มีศาสตราจารย์ท่านหนึ่ง ชื่อเฉินฮุ้ยเหยิน กล่าวหนักแน่นว่า "ถ้าท่านผู้ใด ได้รับเอกสารนี้ แล้วสามารถส่งต่อๆไป ให้ผู้อื่นอีก ร่วมๆ 10 คนแล้ว แน่นอนที่สุด เราก็จะสามารถ ช่วยเหลือ ชีวิตคนอื่นๆอีก ได้อย่างน้อยๆ ก็ 1 คน” ผมได้ทำสิ่งนี้แล้ว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านสามารถ ทำสิ่งนี้ด้วย ขอขอบคุณมากๆ น้ำมะนาวร้อนนี้ สามารถช่วยชีวิตของคุณ ได้ดีตลอดไป แม้คุณจะยุ่ง แค่ไหนก็ตาม ก็ขอให้คุณเปิดอ่าน ข้อความเหล่านี้ แล้วส่งต่อไป ให้คนที่คุณรักทุกๆคน ได้รับทราบ น้ำมะนาวร้อนนี้ ทำหน้าที่ฆ่าเซลมะเร็ง ให้ท่านนำมะนาว มาผลหนึ่ง แล้วทำการฝาน เป็นแว่นบางๆ นำมันใส่ลง ในแก้วน้ำ เทน้ำร้อนลงในแก้ว ทิ้งไว้สักครู่ น้ำมะนาว ก็จะกลายสภาพ เปลี่ยนเป็น * ด่าง * ทำดื่มมันทุกๆวัน มีผลดีต่อสุขภาพ ของทุกๆคน น้ำมะนาวร้อนนี้ มันจะปลดปล่อย สารรสขม ที่ต้านมะเร็งออกมา นี่คือความคืบหน้า ทางการแพทย์ ที่เกี่ยวข้องกับ การบำบัด รักษาโรคมะเร็ง น้ำมะนาวที่เราแช่เย็นไว้ มันมีแค่วิตามิน ซี อย่างมะเขือเทศ ที่นำมาต้มสุก ก็มีแต่สารไลโปซีน น้ำมะนาวร้อนนี้ มีผลต่อการทำลายซีส และเนื้องอกต่างๆ ได้พิสูจน์ ให้เห็นแล้วว่า น้ำมะนาวร้อน สามารถรักษา โรคมะเร็ง ได้ทุกชนิด ใช้สารสกัด จากมะนาว มารักษาโรคมะเร็ง มาทำลายล้าง เซลมะเร็งร้าย ให้หมดไป น้ำมะนาวร้อน จะไม่ไปทำลาย และกระทบกระเทือน ต่อเซลที่แข็งแรงดีอื่นๆ ในร่างกายเลย นอกจากนี้ ในน้ำมะนาวร้อน ยังมีกรดซีตริก และกรดฟีนอล สามารถไปปรับระดับ ความดันสูง และยังช่วยป้องกัน ไม่ให้เกิดเส้นเลือดตีบ ปรับการไหลเวียน ของเลือดให้ดีขึ้น ลดการจับกัน จนแข็งตัวของเลือด หากอ่านข้อความเหล่านี้จบแล้ว ขอได้โปรดบอกต่อๆ ให้คนอื่นๆ คนในครอบครัว ญาติๆเพื่อนๆ และขอให้ ดูแลสุขภาพ ของตัวท่านเอง ให้มีสุขภาพแข็งแรง อยู่อย่างสม่ำเสมอนะครับยาสมุนไพรมะเร็งMrs.Doubt• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยออกจากมือปีศาจโคบ้า(โควิด)ได้แล้ว โดย สิริอัญญา วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 โคบ้าระบาดมาสองปีเศษ ขณะนี้ประเทศต่าง ๆ ได้ถีบหัวส่งปีศาจตนนี้และคืนความปกติแก่สังคม ทำให้ประชาชนใช้ชีวิตตามปกติโดยไม่ต้องห่วงว่าใครจะติดเชื้ออีกต่อไป และถ้าใครติดเชื้อก็แนะนำให้ซื้อหายามากินก็จะหายได้ในเวลา 1-3 วัน ซึ่งไม่ต่างอะไรกับไข้หวัดใหญ่ เป็นเรื่องตรงกันข้ามกับก่อนหน้านี้ที่สร้างกระแสให้หวาดกลัวว่าโคบ้าคือปีศาจร้าย ใครสัมผัสแล้วก็จะกลายเป็นผีดิบและเสียชีวิตได้โดยง่าย ในขณะที่มีกระบวนการถ่วงเวลาการดูแลรักษาเพื่อให้ไวรัสลงปอด หายใจไม่ออก และเสียชีวิต ซึ่งเป็นแผนอุบาทว์ชาติชั่วที่ล้างผลาญชีวิตมนุษย์อย่างอำมหิต แต่ปรากฏว่าจีน รัสเซีย อิหร่าน และประเทศในเครือข่ายองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้รู้เท่าทันแผนอุบาทว์นี้มาตั้งแต่ต้นจึงไม่หลงกลเป็นเครื่องมือ และในวันนี้ก็ได้ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าที่จีน รัส เซีย อินเดีย อิหร่านและพันธมิตรจัดการกับโคบ้านั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์แก่มวลมนุษย์มากที่สุด ทั้งทำลายล้างแผนอุบาทว์จากบริษัทยานักล่าอาณานิคม ยกตัวอย่างประเทศจีน นับตั้งแต่ถูกใส่ร้ายว่าเป็นต้นตอของโคบ้ามาจนถึงวันนี้ประเทศจีนมีคนป่วยรวมทั้งสิ้นแค่แสนคน ปีที่ผ่านมาไม่มีใครเสียชีวิตเลย รัฐบาลจีนไม่ได้เน้นการฉีดวัคซีน แต่ประกาศรายการยาที่ใช้รักษาโคบ้าให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป ซึ่งใครมีอาการติดเชื้อก็สามารถซื้อหากินกันเองได้โดยง่าย 2-3 วันก็หายขาด นี่คือความสำเร็จอันเป็นที่ประจักษ์ อีกตัวอย่างซึ่งตรงกันข้ามคือสหรัฐซึ่งเป็นต้นตอของการสร้างความตกใจกลัวในเรื่องโคบ้า ซึ่งวันนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าคนอเมริกันติดโคบ้าเกือบสิบล้านคนและมีผู้เสียชีวิตหลายล้านคน ประเทศยากจน ประชาชนยากเข็ญ จนต้องพิมพ์เงินดอลลาร์ออกมาอย่างไม่บันยะบันยัง ประเทศไทยของเราทำตัวเป็นสมุนบริวารที่เอาแบบอย่างสหรัฐ ดังนั้นถึงวันนี้ประเทศไทยซึ่งมีประชากรเพียง 66 ล้านคน มีผู้ป่วยมากกว่าประเทศจีนซึ่งมีประชากร 1,400 ล้านคน กว่า 20 เท่า และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากมาย ผู้ประกอบการทั่วประเทศถูกปิดกิจการ ขาดทุนย่อยยับ คนตกงานทั่วทั้งประเทศ เศรษฐกิจยับเยิน คนไทยยากจนเพิ่มขึ้นเกือบสิบล้านคนในชั่วระยะเวลาเพียงสองปีเศษ ประเทศเป็นหนี้สินเพิ่มขึ้นร่วมกว่า 2 ล้านล้านบาทในช่วงสองปีเศษ หนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้นร่วม 4 ล้านล้านบาท ประเทศไทยตกอยู่ภายใต้การปกครองตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นประเทศเดียวของโลกที่ใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเรื่องโคบ้าที่ยาวนานที่สุดและล้มเหลวมากที่สุด มีการใช้เงินแผ่นดินเกี่ยวกับเรื่องโคบ้ามากมายมหาศาล มีข่าวคราวการทุจริตอย่างกว้างขวาง ถึงขนาดสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแถลงที่จะตรวจสอบการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณและงบกลางซึ่งมีจำนวนร่วม 2 ล้านล้านบาท แต่กลับเงียบหายไปดื้อ ๆ เพราะอำนาจผีสางตนใดก็ไม่รู้ มีการสั่งยาฟาวิพิราเวียร์ถึง 430 ล้านเม็ดเข้ามาใช้ ทั้งที่ประเทศผู้ผลิตทั้งสามประเทศคือเยอรมัน อินเดีย และญี่ปุ่นพิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถใช้รักษาโคบ้าได้ และไม่อนุญาตให้ประเทศของตนเองใช้ แต่ประเทศไทยก็ยังดันทุรังใช้กันอยู่แต่ต้องใช้คู่กับยารักษาอื่นที่ใช้รักษาโคบ้าได้ ประเทศไทยเดินตามหนทางสหรัฐ โหมและบังคับการฉีดวัคซีนอย่างไม่บันยะบันยัง เฉพาะปี 2565 ก็มีข่าวว่าสั่งซื้อเข้ามาถึง 165 ล้านโดส และกำลังบังคับให้ผู้คนฉีดวัคซีนเข็ม 3 เข็ม 4 เข็ม 5 กันต่อไป ทั้ง ๆ ที่ความจริงได้พิสูจน์ชัดเจนแล้วว่าจะฉีดวัคซีนสักกี่เข็มก็ตาม จะฉีดไขว้หรือไม่ไขว้ก็ตามไม่สามารถป้องกันการติดโคบ้าได้เลย แต่ยังดันทุรังฉีดกันอยู่ จนกระทั่งขณะนี้มีผู้ตั้งข้อสังเกตแล้วว่าคนไทยตายและพิการป่วยเจ็บ เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต เพราะการฉีดวัคซีนมากหรือเท่ากับตายเพราะโคบ้ากันแน่ บรรดาหมอทั้งหลายไม่เคยปริปากแนะนำคนไทยว่าจะใช้ยาอะไรในการรักษาโคบ้า และน่าแปลกใจว่าหมอทั้งประเทศก็ประพฤติอย่างเดียวกัน พากันเงียบปากสนิทท่ามกลางผลประโยชน์ที่ได้รับจากความเดือดร้อนทุกข์เข็ญของประชาชน ในขณะที่มีหมอจัญไรราว 10 คน ที่แต่ละวันแถลงข่าวหรือให้สัมภาษณ์ปั่นกระแสหลอกลวงให้ผู้คนตื่นตระหนกตกใจกลัวเพื่อจะได้ไปฉีดวัคซีน หมอจัญไรเหล่านี้ประชาชนต้องจดจำหน้าตาชื่อเสียงไว้ให้แม่น จะได้บอกลูกบอกหลานว่าคนไทยล้มหายตายจาก ประเทศชาติเสียหายยับเยินก็เพราะหมอจัญไรราว 10 คนนี้ที่สร้างกรรมทำเข็ญไว้กับบ้านเมืองสุดคณานับ ฟ้ามืดเมื่อมีได้ ก็ฟ้าใหม่ย่อมคงมี ขณะนี้ได้เกิดขบวนการต่อต้านบรรดาทุนยาที่ทำมาหากินกับชีวิตมนุษย์ขึ้นในขอบเขตทั่วโลกแล้ว แพทย์กว่า 20,000 คนทั่วโลกรุมกันแฉแผนอุบาทว์ที่ต้องการให้มนุษย์ตกอยู่ในอำนาจวัคซีน ซึ่งอาจนำไปสู่การกำกับบงการสุขภาพและชีวิตมวลมนุษย์ในวันข้างหน้า แพทย์ชาวเยอรมันได้สำนึกผิดเปิดเผยความจริงให้ชาวโลกทราบว่าโรคโคบ้านั้นไม่ได้ร้ายแรงอะไร แค่เอาน้ำเกลืออุ่น ๆ กลั้วคอไว้เป็นระยะ ๆ ก็สามารถป้องกันและรักษาการติดโคบ้าได้อย่างชะงัด ล่าสุดคณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ของศิริราชก็ได้ทำคลิปออกเปิดเผยปลุกให้คนไทยตื่นขึ้นแล้วหนีออกจากเงื้อมมืออสูร โดยคลิประบุว่าเพียงแค่ใช้กระเทียมสดและพริกสดเคี้ยวร่วมกันก็จะป้องกันและรักษาโคบ้าได้ ในขณะที่แพทย์จำนวนหนึ่งก็เริ่มเปิดเผยถึงกระบวนการทำมาหากินที่แสวงหาประโยชน์ทุจริตในทุกกระบวนการและขั้นตอนของการเยียวยารักษาโคบ้าในประเทศไทย ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่ประชาชนไทยจะได้ตื่นขึ้นจากความกลัวและก้าวออกมาจากเงื้อมมือปีศาจที่อำมหิตนี้ให้ทันท่วงที.โควิด 2019วัคซีนโควิดไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยไปเทยวเกาหลีอยากไปสิริกร ฯ.• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยใครเป็นใคร! แกะรอยกลุ่มทุนควัก 20 ล.ให้ รทสช.โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง 66ใครเป็นใคร! แกะรอย 9 “กลุ่มทุน” ทุ่มเงิน 20 ล้านบาท บริจาคให้พรรค รทสช. ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง 66 “P5 Group” 4 แห่ง 5 ล้านบาทข่าวการเมืองเลือกตั้งmr.toro• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัวmeter: true2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยกินแฮมแล้วทำให้อายุยืนยาว?กินแฮมแล้วทำให้กินแฮมแล้วทำให้อายุยืนยาวจริงหรือ?sanukulmallika• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยแอร์แพร่เชื้อโควิดได้ไหมผลการศึกษา พบละอองฝอยที่มีไวรัสสามารถเดินทางในอากาศได้ไกลเมื่ออยู่ในพื้นที่ปิด และละอองฝอยจะกระจายตามทิศทางของเครื่องปรับอากาศ ดังนั้น หากมีการคลายล็อคดาวน์ เช่น ร้านอาหาร ต้องเพิ่มระยะห่างระหว่างโต๊ะและหมั่นระบายอากาศในพื้นที่โควิด 2019Supinya Klangnarong• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ