2435 ข้อความ
- 2 คนสงสัยด่วน: สวิตเซอร์แลนด์ห้ามทำแมมโมแกรม — และได้เปิดโปงกลุ่มมาเฟียทางการแพทย์! เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ประเทศหนึ่งประกาศสงครามกับคำโกหกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมมะเร็ง ซึ่งสวิตเซอร์แลนด์เพิ่งห้ามทำแมมโมแกรม โดยเปิดโปงปฏิบัติการทั่วโลกที่ทำให้ผู้หญิงหลายล้านคนได้รับบาดแผลทางจิตใจ ทำร้ายร่างกาย และถูกหลอกลวงให้ทำแมมโมแกรมในนามของผลกำไรของหมอและอุตสาหกรรมของบริษัทยา เพราะว่า การทำแมมโม แกรมนี่ไม่ใช่การแพทย์ นี่คือการจู่โจมที่เป็นระบบ เปิดโปงกลลวงที่ให้ข้อมูลการตรวจเป็นผลบวกปลอม สูงถึง 60% นั่นหมายความว่าผู้หญิงครึ่งหนึ่งที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านมไม่เคยเป็นมะเร็งเต้านม พวกเธอถูกฉีดเคมีบำบัดครีโม ผ่าตัดเปิดอวัยวะ หรือฉายรังสี… โดยไม่จำเป็นและไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย นอกจากความกลัว ขั้นตอนนี้รุนแรงมาก เต้านมถูกกดทับภายใต้แรงกดสูง และฉายรังสี สารก่อมะเร็งที่รู้จักกันดี แม้จะอ้างว่า "ป้องกัน" แต่กลับทำให้สิ่งที่แสร้งทำนั้นเป็นปัญหาได้ ยิ่งแย่ลงไปอีก: แมมโมแกรมอาจทำให้เนื้องอก(ถ้ามี)แพร่กระจายได้ การศึกษาวิจัยใหม่ยืนยันว่าการกดทับเนื้อเยื่อที่บอบบางอาจกระตุ้นให้เกิดการแพร่กระจาย และการทดสอบอาจเพิ่มโรคก็ได้ มีการวินิจฉัยเกินจริงถึง 690,000 กรณี ไม่ใช่โดยบังเอิญ แต่เป็นการออกแบบของระบบการตรวจ นั่นคือผู้หญิงหลายแสนคนที่กลายเป็นวัวนมที่สร้างความร่ำรวยให้กับบริษัทยาขนาดใหญ่ในขณะที่พวกผู้หญิงเหล่านั้นยังมีสุขภาพแข็งแรงดี เครื่องจักรระดับโลกของบริษัทยา แมมโมแกรมไม่ใช่ระบบดูแลสุขภาพ แต่เป็นการสร้างความกลัวที่เกิดจากอุตสาหกรรมนี้ผู้หญิงถูกหลอกล่อด้วยโฆษณาชวนเชื่อ และ ถูกบังคับให้เข้ารับการตรวจคัดกรองทุกปี และถูกรีดไถจนหมดตัวโดยกลุ่มอาชญากรหลายพันล้านดอลลาร์ของระบบนี้ สวิตเซอร์แลนด์เพิ่งทำลายภาพลวงตานี้ โดย รัฐบาลของพวกเขาได้ตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์และประกาศว่า "ไม่มีอีกแล้ว" ไม่มีการโกหกอีกต่อไป ไม่มีการสังหารที่ปกปิดไว้เพื่อความปลอดภัยอีกต่อไป ไม่มีผู้หญิงที่ต้องเสียสละเพื่อผลกำไรอีกต่อไป กลุ่มมาเฟียทางการแพทย์กำลังเสียรายได้ การห้ามนี้เป็นการโจมตีอาณาจักรของพวกเขาโดยตรง สื่อจะไม่รายงานเรื่องนี้ โรงพยาบาลจะตื่นตระหนก เจ้าของและผู้บริหารของบริษัทยาจะดิ้นรน เพราะถ้าประเทศหนึ่งสามารถเป็นอิสระได้ ประเทศ อื่นๆ ก็จะทำตาม ถึงเวลาเลือกข้างแล้วในการต่อสู้กับการหลอกลวง โดย เราเรียกร้องให้ 1) ห้ามการตรวจเต้านมทั่วโลก 2) ให้มีการสอบสวนทางอาญาเกี่ยวกับการฉ้อโกงการวินิจฉัยทางการแพทย์ที่ผิดพลาดแบบนี้ 3) ให้เงินทุนเผยแพร่สนับสนุนการแพทย์ทางเลือกที่ไม่รุกราน เช่น การเปลี่ยนอาหารที่ไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง การออกกำลังกาย เป็นต้น 4) เปิดโปงระบบอาชญากรรมของอุตสาหกรรมการแพทย์อย่างเต็มรูปแบบ เราต้องต่อสู้เพราะได้เสียเลือด และอวัยวะมามากเกิน พอแล้ว นี่ไม่ใช่แค่ข่าว แต่จะเป็นจุดเปลี่ยนของการหลอกลวงเพื่อให้ใช้การตรวจแมมโมแกรม ของระบบการแพทย์ที่ฉ้อฉล และเครือข่ายของบริษัทยา สวิตเซอร์แลนด์ได้เริ่มการต่อสู้กับระบบการใช้แมมโมแกรม มันเป็น สงครามเพื่อเรียกร้องการรักษาสุขภาพของผู้หญิงให้กลับคืนมา และการต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว 📡☀️✨ สำนักข่าว ✨☀️📡 🇹🇭 Director Thailand 🇹🇭 🕊️🕊️🕊️🕊️🕊️🕊️มะเร็ง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 2 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผู้สูงอายุต้องมีน้ำ เตรียมไว้ข้างเตียง ให้พอดื่มทั้งคืน ต้องลุกขึ้นมา เข้าห้องน้ำบ่อย ยังดีกว่าตาย จากอาการที่เกิด เพราะเลือดข้น จากร่างกายที่ขาดน้ำ เช่น หัวใจวาย หรือเส้นเลือด ในสมองตีบ เป็นต้น ทำไมผู้สูงอายุต้องการน้ำ มากกว่าคนหนุ่มสาว เพราะคุณภาพ และประสิทธิภาพ การทำงาน ของไตลดลง การดึงน้ำกลับไปหมุนเวียน ในร่างกายน้อยลง ทำให้ต้องเข้าห้องน้ำบ่อย ร่างกาย จึงขาดน้ำง่ายกว่า จึงต้องคอยเติมน้ำ ให้พอกับน้ำ ที่ขับถ่ายออกไป ********* ทำไมผู้สูงอายุ จึงนอนหลับแล้วไม่ตื่น ในช่วงเวลาใกล้รุ่ง สิ้นใจตาย แบบไม่ต้องทรมาร เหมือนกับสมบัติ เมทะนี และพี่เขยของผม รองผู้การศรศักดิ์ แก้วรักษา ที่ทุกคนยังจำกันได้ ที่ถูกหวยรางวัลที่ 1 ได้เงิน 180 ล้านบาท แล้วได้เสียชีวิตลง เมื่อ 9 ก.ย. 2564 และผู้สูงอายุคนอื่นๆ อีกมากมาย ตัวผมเองก็เกือบเสียชีวิต ในลักษณะนี้ เหมือนกันหลายครั้ง ตอนใกล้ๆรุ่งเช้าตรู่ สาเหตุมาจาก ร่างกายขาดน้ำ คือแต่ละวันๆ เราควรดื่มน้ำเปล่า ให้ได้ปริมาณ ที่เพียงพอ ต่อร่างกาย คือประมาณ 2 ลิตร หรือ 8 - 9 แก้วต่อวัน และก่อนนอน ก็ควรจะดื่มสัก 1 แก้ว เมื่อตกกลางดึก ผู้สูงอายุมักจะลุก ขึ้นมาปัสสาวะ หลายครั้ง ก็ถ่ายออกไปเรื่อยๆ จนน้ำในร่างกาย ขาดน้ำลง ทำให้เลือดเหนียว หนืดข้น ทำให้ไหลเวียนยาก ในการที่เลือด จะเข้าไปเลี้ยงหัวใจ ทำให้หัวใจ ขาดเลือด จึงบีบตัวแรงๆ ไม่สามารถนำเลือด ส่งต่อไปเลี้ยงร่างกาย เช่นสมอง และอวัยวะ ส่วนอื่นๆ ของร่างกาย หัวใจจึงต้องบีบตัวหนัก จนเกิดหัวใจวาย และมักจะเป็น ในช่วงเช้าตรู่ แล้วก็ตายไป ปลุกไม่ตื่นนั่นเอง ตัวผมเองก็เกือบๆ ไปหลายครั้ง ในช่วงเช้ามืด หลังจากเมื่อกลางดึก ที่ได้ลุกขึ้นมาฉี่ แล้วก็หลับต่อ พอรู้สึกตัวใกล้สว่าง เช้าตรู่ ผมรู้สึกมีอาการไม่ดี เวียนหัว เหมือนกับถูกจับโยน กลางอากาศ ใจสั่นหวิวๆ รู้สึกแน่นที่หน้าอก จึงได้รีบลุกขึ้น ไปดื่มน้ำแก้วหนึ่ง แล้วล้มตัว ลงนอนต่อ เวลาผ่านไป รู้สึกดีขึ้น หายเหมือนปลิดทิ้ง ผมจึงแน่ใจเลยว่า ต้องเป็นที่ระบบของ ร่างกายขาดน้ำแน่ๆ หลังจากตื่นนอนแล้ว ร่างกายก็ปกติดี ตลอดทั้งวัน นี่คือประสบการณ์จริง ของผมที่เกือยตาย ที่หลายๆคน ไม่เคยรู้มาก่อน ผมว่า สมบัติ เมทานี ก็อาจจะเป็น อย่างผมก็ได้ การศึกษาหาความรู้ จากหมอในยูทูป ก็มีประโยชน์นะครับ อย่าลืมนะครับ เพื่อนๆของผมทุกคน ถ้าตื่นนอนกลางดึก ลุกขึ้นฉี่แล้ว อย่าลืมดื่ม น้ำเปล่าอุณหภูมิห้อง นี่แหละ จะทำให้เลือด ไม่ข้นเหนียวหนืด ก็จะทำให้เลือดไหลเข้าสู่ หัวใจได้สะดวก แล้วตื่นขึ้นมาตอนเช้า ก็ดื่มน้ำอีกสักแก้ว เพื่อจะทำให้ การเริ่มต้น ของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ทำงานได้ อย่างมีประสิทธิภาพ และจะได้มีชีวิต ยืนยาวต่อไป ในงานเลี้ยงรุ่น แล้วผมจะได้ร้องเพลง เล่นดนตรีให้ฟัง ขอขอบคุณนายแพทย์ หมอทั้งหลาย ที่ได้แนะนำ อธิบายเรื่องนี้ จนทำให้ผมรอดตาย มาได้หลายครั้ง ขอบคุณอีกครั้งนะครับ (..) คัดลอกมา เพื่อบอกต่อครับ. (..) ขอบคุณผู้เขียนข้อความ อันเป็นประโยชน์ไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยอันตรายกว่าอยู่สนามรบอีกครับ ข้อควรระวัง : 20 ข้อคำเตือนจากคุณวิกรม " สำหรับผู้ใช้ชีวิตในประเทศไทยเท่านั้นครับ" 1. ข้ามทางม้าลาย ดูรถเสมอ : ห้ามเชื่อสัญญาณไฟ เพราะต่อให้ไฟเขียวคนเดิน ไฟแดงสำหรับรถ ก็อาจเจอรถชนได้ 2. ขึ้นสะพานลอย : อย่าจับราวบันได ยกเว้นคนก่อนหน้าจับไปแล้ว โดยเฉพาะวันฝนตก อาจโดนไฟดูด 3. เดินฟุตบาทระวังรถ : อย่ามัวเล่นมือถือ อาจมีจักรยานยนต์ย้อนศร 4. อย่าสัมผัสโลหะโดยไม่จำเป็น : ตู้โทรศัพท์ เสาไฟ เสาโทรศัพท์ ป้ายรถเมล์ ป้ายไฟโฆษณา หรือโลหะทุกชนิดที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นแม้แต่ใกล้ทุ่งนา ไฟอาจจะดูดตายได้ 5. ถ้าฝนตก ให้อยู่ห่างจากเสาไฟ : ไฟรั่วมีได้ทุกที่ 6. ให้จอดรถในที่แจ้ง ใกล้ยาม และเข้ารถต้องล็อคทันที : โดยเฉพาะผู้หญิง ถ้าไม่อยากโดนจี้ 7. อย่าเดินคนเดียวในที่มืดและที่เปลี่ยวเพราะคือที่อยู่ของมิจฉาชีพ และอย่าใส่ทอง / อย่าถ่ายรูปใคร : ถ้าไม่อยากโดนจี้ 8. อย่ามองหน้าใคร และอย่าหลบตาใคร : เพราะบางกรณีถือเป็นการท้าทาย และเป็นข้ออ้างของพวกปล้นทรัพย์ ซึ่งถ้าเราตาย อีกฝ่ายจะบอกว่า เราไปหาเรื่องเค้าก่อน 9. นั่งรถคาด Safety Belt เสมอ ไม่ว่าจะนั่งที่จุดไหน เพราะว่าคุณไม่รู้หรอกว่า จะมีใครเมาแล้วขับมาชน (อุบัติเหตุแบบนี้เจอมากในไทยมากกว่าประเทศอื่น) 10. แต่ต้องพร้อมถอด Safety Belt วิ่งออกนอกรถเสมอ : โดยเฉพาะ เวลามีรถคอนเทนเนอร์วิ่งข้างๆแบบไม่มีสลักนิรภัย 11. เวลาขับรถ ควรขับตามความเร็วที่กฎหมายกำหนด แม้มันจะช้า เพราะว่าคุณไม่รู้หรอกว่า เมื่อไหร่คุณจะเจอ คนขับย้อนศรมา แบบไม่เปิดไฟ คนขับปาดหน้า ลูกแมวกระโดดออกมาจากหลังต้นไม้ หรือรถเครนล้มลงมา 12. และอย่าขับช้าไป เพราะอาจจะเจอชนท้าย หรือโดนส่องไฟสูง 13. ขับรถต้องใจเย็น หนักนิดเบาหน่อยปล่อยผ่านไป เพราะเราไม่รู้ว่าใครบ้างที่มีปืน แต่คนที่จ้องจะหาเรื่องมันมีปืนแน่นอน 14. ติดกล้องหน้า (และหลังรถ) เพราะเป็นที่รู้กันดีนานมาแล้วว่า ประเทศไทยไม่มีพยานเท็จและไม่มีแพะ...(555) 15. ถ้ามีเหตุยิงกันตามท้องถนน : ให้ล็อครถ เปิดไฟฉุกเฉิน และหมอบลงต่ำๆ หรือถ้าอยู่นอกรถ ให้หาที่กำบังและหมอบลงต่ำ ส่วนมากความแม่นยำของพวกนี้ต่ำ มักยิงโดนทุกอย่างยกเว้นคนที่มันอยากยิง... 16. ทุกช่วงเทศกาล ควรอาศัยในอาคารชั้นล่าง เพราะวันดีคืนดี อาจมีกระสุนตกลงมาจากฟ้า มาหัวเรา 17. ทุกครั้งที่ยืนใกล้ถนน ให้ระวังคนผลักเสมอ มีทั้งที่ไม่ตั้งใจ และผลักให้รถชนแบบตั้งใจ เพราะหวังทรัพย์สินเรา คนอยู่ใกล้ได้ลงมือก่อน 18. ทุกครั้งที่ยืนเดินหรือนั่งกินอาหารอยู่ข้างถนน ให้ระวังรถพุ่งขึ้นมาชน ให้มองต้นไม้ขนาดใหญ่ เสาไฟฟ้า หรือตู้โทรศัพท์ที่จะลดแรงปะทะได้ มองหาร้านค้าที่จะกระโดดหลบเข้าไปได้ ทั้งนี้ที่ผ่านมา ป้ายบอกทาง ป้ายโฆษณา เสาไฟกล้องดำ... น่าจะลดแรงปะทะไม่ได้ โปรดหลีกเลี่ยง 19. ให้ทำประกัน : เพราะทุกสิ่งอาจเกิดได้จริงๆ และหลายครั้งหาคนรับผิดชอบไม่ได้... บางครั้งหาได้ แต่ฝั่งนั้นไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย 20. ให้บอกคนในครอบครัวไว้ด้วย ว่าหากตายไปกระทันหัน เอกสารประกัน/สมุดบัญชีเก็บไว้ที่ใด เพราะลูกหลานไม่รู้มากมาย เงินประกันหายฟรีไปกับประกัน Cr:คุณวิกรม กรมดิษฐ์การเงินผู้บริโภคเฝ้าระวัง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเทศกาลกินเจ 2566 เริ่มวันไหน ควรเตรียมตัวอย่างไร พร้อมประวัติความเป็นมาเทศกาลกินเจ 2566 ตรงกับวันที่ 15-23 ตุลาคม รวมเป็นเวลา 9 วัน ซึ่งบางท่านอาจจะล้างท้องในมื้อเย็นวันที่ 14 ตุลาคม รวมเป็น 10 วันก็ได้ ซึ่งเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการกินเจ ความหมายของคำว่า "เจ" และทำไมเราต้องกินเจ กินเจแล้วได้อะไร ช่วงเทศกาลกินเจ ห้ามกินอะไรบ้าง กินอะไรได้บ้าง มาหาคำตอบกันค่ะ เทศกาลกินเจ 2566 เริ่มตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ ช่วงเทศกาลกินเจของทุกปี ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน ตรงกับเดือน 11 หรือเดือนตุลาคมของไทย ตามปฏิทินสากล รวมเป็นเวลาทั้งสิ้น 9 วัน 9 คืน เทศกาลกินเจ 2566 เริ่มวันที่ 15-23 ตุลาคม 2566 รวมเป็นเวลา 9 วัน บางท่านอาจจะล้างท้องตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคมในมื้อเย็น รวมเป็น 10 วัน ก็สามารถทำได้ ทำไมต้องล้างท้อง การล้างท้องหมายถึง เริ่มกินเจก่อนถึงวันเริ่มต้นเทศกาลจริง 1-2 วันเพื่อให้ร่างกายค่อยๆ ปรับสภาพ และทำความคุ้นเคยกับการกินเจได้ดียิ่งขึ้น เตรียมตัวอย่างไรกับเทศกาลกินเจ ห้ามกินผักที่มีกลิ่นฉุนหรือผักที่มีกลิ่นแรง เพราะจะทำให้ร่างกายและพลังธาตุถูกทำลาย ร่างกายเกิดการกระตุ้นจากรสของอาหารนั้นๆ ได้แก่ หัวหอม ต้นหอม ใบหอม หลักเกียว กุ้ยช่าย กระเทียม ใบยาสูบ (บุหรี่ ยาเส้น ของเสพติดมึนเมา) หมายถึงต้องงดสูบบุหรี่และกินเหล้าในช่วงที่ถือศีลกินเจนี้ด้วย ห้ามกินเนื้อสัตว์ หรืออาหารที่มีส่วนผสมหรือส่วนประกอบ หรือเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งจากสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นไขมันสัตว์ ไข่ เลือด อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเนื้อสัตว์ ห้ามกินอาหารที่มีรสจัด ไม่ว่าจะเป็นทั้งเผ็ดจัด เค็มจัด หวานจัด หรือเปรี้ยวจัดก็ตาม เพราะอาหารที่มีรสจัดจะไปกระตุ้นต่อมต่างๆ ของร่างกายให้ทำงานมากขึ้น เชื่อว่าจะเป็นผลให้จิตใจไม่สงบในช่วงถือศีล กินเจนี้ ห้ามกินอาหารที่คนปรุงไม่ได้ถือศีลกินเจ ข้อนี้แหละที่ทำให้คนถือศีลกินเจต้องไปอยู่รวมกันในสถานที่ที่มีคนกินเจรวมตัวกันอยู่ อย่างเช่นโรงทาน ศาลเจ้าต่างๆ ที่จัดงาน เพราะคนที่ทำหน้าที่ทำอาหารนั้นจะถือศีลด้วย ถ้วยชามที่ใช้ใส่อาหารจะต้องไม่ปนกัน ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต หรือเบียดเบียนชีวิตใคร ต้องแต่งกายด้วยชุดขาว ห้ามพูดคำหยาบ โกหก ยุยง ส่อเสียด หรือพูดจาไม่เป็นสาระ ห้ามดื่มสุราและของมึนเมา ในช่วงที่ถือศีลกินเจตลอด 9 วัน ห้ามดับตะเกียงทั้ง 9 ดวง ในสถานที่อย่างศาลเจ้า โรงเจ โรงทาน หรือสถานที่ที่จัดงานถือศีลกินเจ จะมีการจุดตะเกียง 9 ดวงเอาไว้ตลอดวันตลอดคืน จึงต้องมีคนเฝ้าไม่ให้ตะเกียงนั้นดับ ทำไมเราต้องกินเจ กินเจ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น เพราะอาหารเจถือเป็นอาหารชีวจิตอย่างหนึ่ง ช่วยปรับสภาพร่างกายให้สมดุล ล้างพิษในร่างกาย รวมถึงช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะคนจีนเชื่อว่า เนื้อสัตว์เป็น “หยิน” และผักผลไม้เป็น “หยาง” โดยธรรมชาติคนเรามักทานเนื้อสัตว์เยอะกว่าผักผลไม้ การงดทานเนื้อสัตว์จึงเป็นการปรับให้หยินและหยางสมดุลมากยิ่งขึ้นด้วย กินเจ เพื่อทำบุญ เพื่อชำระล้างใจให้ใสสะอาด ไม่เบียดเบียนสัตว์โลก ทำให้จิตใจเราผ่องใสมากขึ้น เมื่อเราทราบว่าสิ่งที่เราทำเป็นเรื่องที่ดี ก็จะส่งผลต่อจิตใจที่เบิกบาน เป็นสุขขึ้น กินเจ เพื่อละเว้นกรรม ที่เกิดจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต หรือแม้กระทั่งการจ้างฆ่าเพื่อการบริโภค หากเราทราบว่าการงดบริโภคเนื้อสัตว์ เป็นการช่วยชีวิตสัตว์นับพันนับหมื่น เราก็จะช่วยลดกรรมของเราได้มากขึ้นnamnami• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย"ไข่นกกระทา" ทานแล้วมีประโยชน์ และผลกระทบอย่างไรบ้างไข่นกกระทาเป็นไข่ขนาดเล็กที่มีรสชาติอร่อยไม่แพ้ไข่ไก่หรือไข่นกอื่นๆ และมีคุณค่าทางโภชนาการ ไข่นกกระทามีเปลือกสีขาวนวลและมีจุดสีน้ำตาล ไข่นกกระทาเป็นหนึ่งในทางเลือกที่นิยมใช้แทนไข่ไก่ แม้ว่าจะมีข้อควรระวังบางประการที่ควรจำไว้ก่อนรับประทานไข่นกกระทา ประโยชน์ไข่นกกระทา ไข่นกกระทา 1 ฟองมีสารอาหารต่อไปนี้: โปรตีน วิตามิน A และ B12 ไรโบฟลาวิน ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส และไขมัน ซึ่งทำให้เป็นอาหารที่ดีอย่างยิ่งสำหรับการลดน้ำหนัก ไข่นกกระทามีขนาดเล็กมาก โดยมีน้ำหนักประมาณ 9 กรัม ดังนั้นการรับประทานไข่นกกระทา 2-3 ฟองพร้อมกันจึงเป็นความคิดที่ดีในมื้ออาหารเต็มรูปแบบ ปริมาณวิตามินที่คุณได้รับจากไข่นกกระทาเป็นข้อดีที่สำคัญที่สุด ปริมาณวิตามิน A และ B12 ในไข่นกกระทาสูงมาก ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่คุณต้องการเพิ่มเข้าไปในอาหาร ไข่นกกระทามีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก ซึ่งมีพลังในการลดความเสียหายของเซลล์จากโรคเรื้อรัง ไข่นกกระทารู้ว่ามีประโยชน์อย่างมากต่อเส้นผมและผิวหนัง ดังนั้นจึงสามารถใช้เป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกสำหรับทั้งสองอย่างได้ ข้อควรระวังเมื่อทานไข่นกกระทา บางคนอาจแพ้ไข่นกกระทา ซึ่งต้องได้รับการทดสอบอย่างแน่ชัดก่อนบริโภค การแพ้ไข่นกกระทามีแนวโน้มที่จะพบบ่อยมาก ดังนั้นจึงไม่ควรบริโภคจนกว่าจะปรุงสุกอย่างทั่วถึง ไข่นกกระทาอาจลดระดับน้ำตาลในเลือดหรือความดันโลหิต ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่มีภาวะเหล่านี้เสี่ยงได้ สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยงการรับประทานไข่นกกระทา เนื่องจากคุณค่าทางโภชนาการอาจส่งผลต่อสุขภาพของตนเอง ไข่นกกระทามีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ Salmonella มากกว่าไข่ไก่ ดังนั้นจึงควรปรุงไข่นกกระทาให้สุกก่อนรับประทาน หากคุณกำลังตั้งครรภ์หรือแพ้ไข่ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานไข่นกกระทา ไข่นกกระทามีปริมาณคอเลสเตอรอลสูง ดังนั้นจึงควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ โดยรวมแล้ว ไข่นกกระทาเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม ควรรับประทานไข่นกกระทาในปริมาณที่พอเหมาะ และปรุงไข่นกกระทาให้สุกก่อนรับประทาน เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการติดเชื้อ Salmonella และอาการแพ้namnami• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย“ทิพานัน” โชว์ผลงาน ผลงาน “บิ๊กตู่” ครึ่งปีแรก ตปท.ถ่ายหนังในไทยกว่า 222 เรื่อง“ทิพานัน”โชว์ผลงาน “พล.อ.ประยุทธ์” ดึงดูดผู้สร้างภาพยนตร์ถ่ายทำในประเทศไทย 6 เดือนแรกปี 66 กว่า 222 เรื่องแล้ว สร้างรายได้ 1.84 พันล้านบาท ดันซอฟทต์พาวเวอร์ไทย สร้างผลงานสถานที่ท่องเที่ยวไทยสู่สายตาชาวโลก บูมท่องเที่ยว-เศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผลักดันมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างชาติเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ สร้างงานสร้างรายได้และภาพรวมเศรษฐกิจไทย ล่าสุด Warner Bros. Discovery เปิดตัวคอนเทนต์ออริจินัลไทยเรื่องใหม่ ที่มี IFA Media ได้เข้ามาถ่ายทำรายการซีรีส์ทำอาหาร โดยมีคู่รักซูเปอร์สตาร์ชาวไทย “หมาก” ปริญ สุภารัตน์ และ “คิม” คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส นำแสดง มีประเทศไทยเป็นโลเกชั่นในการถ่ายทำ นอกจากอาหารไทยแล้วในหลายฉากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม ซึ่งซอฟต์พาวเวอร์ไทยจากเรื่องนี้จะถูกเผยแพร่ฉายทางช่อง HBO และ HBO GO เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฮ่องกง และไต้หวัน ทำให้ต่างชาติเห็นถึงการเล่าเรื่องในท้องถิ่นไปสู่ผู้ชมในภูมิภาคและที่อื่น น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ได้รับรายงานจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยกองกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่างประเทศว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม – วันที่ 16 มิถุนายน 2566 มีการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยจำนวน 222 เรื่อง สร้างรายได้รวม 1,844.11 ล้านบาท โดยมีแนวโน้มที่ดีขึ้นโดยเพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนจำนวน 12 เรื่องและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น 132.8 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลสำเร็จจากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้มีมาตรการส่งเสริมและผลักดันมาโดยตลอด ทำให้ตั้งแต่ปี 2559 มีสถิติเพิ่มขึ้นทุกปี เฉพาะปี 2562 ประเทศไทยมีรายได้จากการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ 4,863 ล้านบาทจาก 740 เรื่อง หรือแม้แต่ในช่วงสถานการณ์โควิดปี 2564 การถ่ายทำในไทยสร้างรายได้ 4,657 ล้านบาทจาก 121 เรื่อง และในปี 2565 หลังจากนโยบายเปิดประเทศเต็มรูปแบบของรัฐบาล ทำให้มีภาพยนตร์เข้ามาถ่ายทำถึง 346 เรื่อง สร้างรายได้สูงถึง 6,364 ล้านบาทรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความสำเร็จที่ประเทศไทยสามารถดึงดูดคณะถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำในไทย ทำให้สถิติ 7 ปี (2559 – 2565) สร้างรายได้เข้าประเทศแล้วกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังไม่นับผลประโยชน์ทางอ้อมและการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ที่ไทยได้รับ ทำให้ ครม. พล.ประยุทธ์ ได้มีมติเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 สำหรับมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยเพิ่มเติมเพื่อดึงดูดคณะถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศ ได้แก่ เพิ่มอัตราการคืนเงิน (Cash Rebate) จากเดิม ร้อยละ 15-20 เป็นร้อยละ 20-30 เป็นระยะเวลา 2 ปี และเพิ่มเพดานการคืนเงินจากเดิม 75 ล้านบาทต่อเรื่องเป็น 150 ล้านบาทต่อเรื่อง โดยเน้นย้ำให้มีการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยโดยตรง การกระจายรายได้สู่เมืองรอง การเพิ่มการจ้างงานคนไทย การเพิ่มมูลค่า ค่าใช้จ่ายในประเทศ เพื่อการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและประชาชนโดยตรง “จากมติครม. ดังกล่าว เชื่อว่าจะช่วยดึงดูดผู้สร้างภาพยนตร์ให้เข้ามาลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานของพล.อ.ประยุทธ์ ในการส่งเสริมและออกมาตรการดึงดูดผู้สร้างภาพยนตร์ต่างประเทศที่นอกจากจะได้อวดสถานที่ท่องเที่ยวและวัฒนธรรมของไทยสู่สายตาชาวโลกแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย เพิ่มศักยภาพและทักษะคนไทยในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่จะได้รับการถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนทักษะการทำงานร่วมกับชาวต่างชาติ และที่สำคัญคือการกระจายรายได้ในพื้นที่ไปสู่พี่น้องประชาชนในพื้นที่” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุsg242728.no• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย"สะเดา" หวานเป็นลมขมเป็นยา"สะเดา" หวานเป็นลมขมเป็นยา ถ้าพูดถึง”สะเดา” เราคงนึกถึงสมุนไพรรสขมที่มีประโยชน์ และคิดถึงเมนูสูตรเด็ด ”สะเดาน้ำปลาหวาน” ที่กินคู่กับปลาดุกย่างที่แสนอร่อย ข้อมูลของกรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข เผยว่า สะเดาเป็นผักสมุนไพรพื้นบ้านที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ โปรตีน แร่ธาตุและวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกาย สรรพคุณทางยาของสะเดา 1. ดีท็อกซ์สารพิษตกค้างในร่างกาย ใบสะเดาเมื่อนำมาต้มในน้ำร้อน ใช้จิบอย่างน้อยวันละครั้ง ล้างพิษในกระแสเลือด กระตุ้นให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น 2. รักษาโรคผิวหนัง สารเกดูนิน (Gedunin) และ นิมโบลิดี (Nimbolide) ในใบและเมล็ดมีประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อรา แบคทีเรียและเชื้อไวรัสสูง ไม่ว่าจะเป็นเชื้อราตามเท้า เล็บมือ เล็บเท้า กลาก-เกลื้อน หิด เริม แผลจากโรคสะเก็ดเงิน (เชื้อแบคทีเรีย) หัด ลมพิษ ผดผื่นคัน หูด และอีสุกอีใส 3. แก้ไข้มาเลเรีย สารเคมีกลุ่มลิโมนอยด์ (Limonoids) ได้แก่ สารเกดูนิน และ นิมโบลิดี ในใบและเมล็ดสะเดา สามารถยับยั้งเชื้อฟัลซิปารัม (P.Falciparum) ซึ่งเป็นเชื้อไข้มาลาเรียดื้อยาชนิดหนึ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4. รักษาโรคไขข้อ ขอบใบสะเดา เมล็ดสะเดา และเปลือกต้น เป็นส่วนที่นำมาใช้เป็นยารักษาโรคไขข้อได้ โดยช่วยลดอาการปวด บวมในข้อ ซึ่งอาจนำมาสกัดเป็นน้ำมันใช้ทาในบริเวณที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ และอาการปวดหลังช่วงล่าง หรือนำใบมาต้มเป็นน้ำดื่มเพื่อรักษาอาการของโรครูมาตอยด์ โรคเกาต์ โรคกระดูกพรุน 5. ช่วยย่อยอาหาร ใบสะเดา สามารถนำมาทำเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยได้ เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำดี ช่วยให้กระเพาะย่อยอาหารได้ดีขึ้น อีกทั้งน้ำดีที่ถูกกระตุ้นสร้างออกมานั้นจะช่วยย่อยอาหารประเภทไขมันได้ดีขึ้นด้วย 6. บำรุงสุขภาพช่องปาก บำรุงเหงือกและฟัน นิยมนำมาสกัดเป็นส่วนผสมในยาสีฟันทั่วไป ช่วยรักษาโรครำมะนาด โรคเลือดออกตามไรฟัน โรคเหงือก และลดอาการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก 7. ลดความเสี่ยงการเกิดเนื้องอก และมะเร็งมีผลวิจัยบางชิ้นเผยว่า สารพอลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharides) และสารลิโมนอยด์ (Limonoids) ที่พบในเปลือก ใบ และผลสะเดา มีคุณสมบัติช่วยลดความเสี่ยงการเกิดเนื้องอก และมะเร็ง 8. คุมกำเนิด ใช้น้ำมันสะเดาเพื่อคุมกำเนิดในผู้หญิงและผู้ชาย โดยใช้วิธีต่างกัน ผู้หญิงนั้นจะใช้น้ำมันสะเดาชุบสำลีทาบริเวณปากในช่องคลอด ส่วนผู้ชายจะใช้ฉีดน้ำมันสะเดาบริเวณท่อนำอสุจิ 9. บำรุงข้อต่อ สะเดาช่วยบำรุงกระดูกและข้อต่อต่าง ๆ ในร่างกาย 10. ช่วยรักษาโรคเบาหวาน โดยจะยับยั้งการผลิตอินซูลินได้กว่าร้อยละ 50 และยังช่วยปรับสมดุลความอยากอาหาร 11. ดีท็อกซ์สารพิษในกระแสเลือด ทำให้มีปริมาณเลือดดีหมุนเวียนในร่างกายมากขึ้น 12. ต้านมะเร็งสารพอลิแซ็กคาไรด์ และสารลิโมนอยด์ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้อร้าย 13. ลดการติดเชื้อราในช่องคลอด 14. บำรุงหัวใจ ผลของต้นสะเดา หากนำมาต้ม ใช้จิบอย่างน้อยวันละครั้ง มีคุณสมบัติช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดเป็นปกติ อย่างไรก็ตาม ควรรับประทานอาหารที่หลากหลายและครบ 5 หมู่ เพื่อสุขภาพร่างกายที่สมดุลและแข็งแรง ขอบคุณข้อมูลจาก แนวหน้า และ กรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุขยาสมุนไพรMrs.Doubt• 2 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยชัชชาติฯและทักษิณฯต้องชี้แจง ให้ได้ว่า การบินไทยประสพความฉิบหายเพราะใคร??? คุณชัชชาติต้องชี้เเจงให้กระจ่างในหลายๆหัวข้อ..เกี่ยวกับการอนุมัติใบอนุญาติการบินเเบบไม่ยั้ง..ให้บริษัท/บุคคลต่างๆถึงเกือบ40 ใบอนุญาติในช่วงเวลา2556-2557 ให้มาเเข่งบริการกับการบินไทย.. เป็นคำถามว่าคุณชัชชาติจะต้องรับผิดชอบต่อวิกฤติการบินต่างๆที่ตามมาหรือไม่..เป็นว่าที่ผู้ว่า กทมที่ต้องตอบให้คนการบินไทยรับรู้ให้กระจ่าง.. ก่อนการเลือกตั้งกทมครั้งนี้..เพราะชาวการบินไทยหลายหมื่นคนรอฟังคำตอบท่านอยู่ในหัวข้อต่างๆดังนี้ 1.มีประเทศไหนในโลกที่เคยอนุมัติใบอนุญาติการให้บริการการบินประเภทต่างๆในเวลาปีเดียวถึงเกือบ40ใบหรือไม่? 2.กระทรวงคมนาคมมีการศึกษามาก่อนเเล้วใช่ไหม..ว่าจำนวนใบอนุญาติเพิ่มเติมอีกเท่าใด..ที่เหมาะสมกับการให้บริการด้านการท่องเที่ยวเเละการขนส่งสินค้าทางอากาศ?หน่วยงานใดเป็นผู้ศึกษา? 3.ได้มีการศึกษาถึงผลกระทบต่างๆที่มีต่อการบินไทยเเละอุตสาหกรรมการบินโดยรวม..ถ้าอนุมัติใบอนุญาติถึงประมาณ40ใบอนุญาติในเวลาเเค่1ปี?เกินความจำเป็นหรือไม่? 4.การอนุญาติมีขั้นตอนการปฏิบัติเเละกรอบคุณสมบัติต่างๆของผู้ยื่นขอใบอนุญาติหรือไม่? มีปัจจัยอะไร นอกจากการเเสดงสถานภาพทางการเงิน? 5.ขอคำอธิบายจากปากของคุณชัชชาติว่าผลของการอนุมัติของกระทรวงคมนาคมชุดระดับจักรวาลนี้มีผลหรือไม่ที่ในปี2558ทำให้อุตสาหกรรมการบินของทั้งประเทศถูกปักธงเเดงจาก องค์กรควบคุมด้านการบิน(ICAO)ประเทศไทยขาดมาตรฐานการบินขาดความน่าเชื่อถือ..รวมถึงความปลอดภัยจากปัจจัยต่างๆ..รวมๆกันถึงประมาณถึง 30 ข้อ(30ข้อนะครับ!!!!!).. จนนำไปสู่วิกฤติด้านการบินของประเทศ(ซึ่งไม่เคยเกิดมาก่อนตลอดเวลา40ปีของอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย) ●ใบอนญาติจำนวนหนึ่งต้องถูกยึดคืนใช่หรือไม่?สท้อนถึงการใช้อำนาจเกินขอบเขตอันควรหรือไม่? ●ประเทศไทยถูกICAOห้ามขยายเที่ยวบินเกือบทันทีในต่างประเทศในปี2558- 2560?สร้างความเสียหายเเก่การบินไทยหรือไม่? ●ในฐานะสายการบินเเห่งชาติ.. การบินไทยได้รับการหารือร่วมกับกระทรวงฯถึงจำนวน/ประเภท/ความถี่.ฯลฯในการเพิ่มใบอนุญาติ3โหลกว่านี้หรือไม่..เเละกับหน่วยงานใดในการบินไทย?กับระดับไหน?คณะกรรมการบริษัทเเละDDในขณะนั้นเห็นชอบด้วยใช่ไหม?สอดคล้องกับธรรมเนียมปฏิบัติที่ได้รักษากันมาที่เรียกว่าการปฏิบัติต่อกันเชิง"ธรรมาภิบาลที่เหมาะสม"หรือไม่? ●การให้สิทธิการบินหลายๆประเภทนั้นคุณชัชชาติรู้ถึง"ผลกระทบต่อประเทศเเละต่อสายการบินเเห่งชาตืก่อนหน้าเเล้วใช่ไหม? ●หน่วยงานที่กระทรวงใช้ในการทำภารกิจที่ใหญ่ขนาดนี้มีองค์ความรู้เเละความสามารถได้มาตรฐานพอเพียงต่อกรรมที่ก่อนี้เเค่ไหนเพียงใด?ใครควรรับผิดชอบหรือไม่? ●ความด้อยมาตรฐานการบิน"ของทั้งประเทศ"ถึงประมาณ30ข้อที่ตัดสินโดยICAO..ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการระดมอนุมัติใบอนุญาติอย่างเมามันใน1ปีนั้น..ใช่ไหม? ●ทำไมบริษัทที่ถูกยึดใบอนุญาติกลับ..จึงไม่มีรายใดฟ้องกระทรวงหรือฟ้องกรมฯที่เกี่ยวข้องเลยเเม้เเต่รายเดียว..คาดว่าเป็นเพราะเหคุผลใด? ●ใช่หรือไม่ที่รัฐบาลต่อมา(คสช)ถึงกับต้องใช้ม.44เข้าไปเเก้วิกฤติเเละกระทรวงคมนาคมต้องถึงกับต้องจ้างฝรั่งผู้ชำนาญการเพิ่มชุดใหญ่? เเล้วมันสท้อนระดับสติปัญญา/ความสามารถเเละสมรรถนะของผู้รับผิดชอบในกระทรวงคมนาคมนี้ว่าควรอยู่ในระดับไหน? สอบผ่านหรือไม่? ●การบินไทย(ถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้น)ได้รับการดูแลหรือชดเชยอะไรบ้างจากความผิดพลาดที่ใหญ่หลวงที่สุดของอุตสาหกรรมการบินของไทยนี้? หรือช่าง...มัน? ผมก็ชอบคุณชัชชาติที่พูดบนเวทีเก่ง..เเต่คนการบินไทยทั้วที่ทำงานอยู่..และเกษียณเเล้ว..เเละต้องจำใจจากจำนวนหลายหมื่นคนต้องได้รับคำตอบโดยตรงจากอดีตรีฐมนตรีคมนาคมให้กระจ่างในความเสียหายมหาศาลนี้..มิฉะนั้นอย่าหวังว่าจะมีคนการบินไทยหน้าไหนที่มันจะลงคะเเนนให้คุณชัชชาติ..ให้สื่อเเบบคุณสุทธิขัยหยุ่นหรือคุณสนธิ(ก็ยิ่งดี)สัมภาษณ์คุณชัชชาติออกรายการก่อนการเลือกตั้งจะมีขึ้นสักครั้ง..คนการบินไทยเเละครอบครัวรักคุณเท่าฟ้า รอฟังคำตอบของคุณก่อนหย่อนบัตรเลือกตั้งอยู่..เรายินดีรับฟังเเละให้โอกาสนักการเมืองเสมอ..กล้าๆหน่อย!ข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมากฎหมายของสหรัฐอเมริกามีผลบังคับใช้: 🎯สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา อย คำเตือนที่ 99-33 ออกห้ามสิ่งต่อไปนี้ อาหารญี่ปุ่นที่นำเข้าสู่สหรัฐอเมริกา: 📎นมสด 📎เนย 📎ผงนม 📎นมผงทารกและอื่น ๆ 📎ผลิตภัณฑ์นม 📎ผัก มันเทศ เกลือ และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ 📎ข้าว 📎ข้าวสาลีทั้งหมด 📎ปลา; 📎เนื้อสัตว์และสัตว์ปีก 📎หอย; 📎หอยเม่น; 📎ส้มโอ ส้ม; 📎แอปเปิ้ล กีวีและผลไม้อื่น ๆ ❌สาเหตุคือการปนเปื้อนของ Radionuclide ในที่สุดญี่ปุ่นก็ยอมรับว่าไม่สามารถควบคุมการปล่อยน้ำเสียกัมมันตภาพรังสีวันละหลายล้านตันของฟุกุชิมะซึ่งไหลลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกอย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้หลายคนป่วยด้วยโรคมะเร็งหรือ โรคต่างๆส่งผลกระทบร้ายแรงต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมในระบบนิเวศทั่วโลกนึกไม่ถึง! ❌อย่ากินอาหารญี่ปุ่น 💢ในน่านน้ำชายฝั่งของสหรัฐอเมริกาพบว่าค่ากัมมันตภาพรังสีสูงขึ้นเรื่อย ๆ พยายามอย่าไปญี่ปุ่นให้มากที่สุดจะดีที่สุดไม่ควรไป 💢รัฐบาลออสเตรเลียหยุดการออกวีซ่าสำหรับชาวญี่ปุ่น 💢สหรัฐอเมริกายังหยุดการอพยพชาวอเมริกันของชาวญี่ปุ่น ปัจจุบันสถานการณ์ในญี่ปุ่นเลวร้ายกว่าที่เราคิดมากกว่า 70 ของดินแดนทั้งหมดของญี่ปุ่นเต็มไปด้วยมลพิษ วัสดุกัมมันตภาพรังสีของญี่ปุ่นได้ไหลลงสู่มหาสมุทรและพื้นที่ของมหาสมุทรที่ได้รับผลกระทบก็กว้างขึ้น เป็นเรื่องร้ายแรงกว่าที่คิดรัฐบาลญี่ปุ่นกลัวว่าจะเกิดความตื่นตระหนกพวกเขาจะยอมแพ้หรือโกหกเพื่อบอกคนรอบข้าง ห้ามรับประทานอาหารทะเลหรือเห็ดใด ๆ ในญี่ปุ่น หลังจากแผ่นดินไหวครั้งล่าสุดวัสดุกัมมันตภาพรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เสียหายในญี่ปุ่นเริ่มไหลลงสู่มหาสมุทรหรือบริเวณโดยรอบและเริ่มถูกค้นพบ ❌อาหารทะเลและพืชที่มีรูปร่างผิดปกติ ❌เห็ดแปรรูป ❌ปลาเผา ❌อาหารทะเลแปรรูป อาหารที่สัมผัสกับสารกัมมันตภาพรังสีจะกระตุ้นภายใน 1-2 ปีหลังรับประทานอาหาร 🅾️มะเร็งหลอดอาหาร 🅾️มะเร็งต่อมน้ำเหลือง 🅾️มะเร็งเม็ดเลือดขาว ฯลฯ โดยเฉพาะเด็กเล็กและสตรีมีครรภ์จะส่งผลกระทบมากขึ้น ประเทศเพื่อนบ้านหยุดการค้าอาหารทะเลกับญี่ปุ่น: ห้ามนำเข้า📎แฮร์ริ่งหอยเห็ดหอมจากญี่ปุ่น กัมมันตภาพรังสีของปลาที่จับได้ในน่านน้ำใกล้ญี่ปุ่นถึง 380 เท่า จากนี้ไปไม่เคยกินอาหารทะเลญี่ปุ่นหรือซาซิมิ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์สึนามิระเบิดนิวเคลียร์ในญี่ปุ่นการสำรวจนักท่องเที่ยวชาวจีนในญี่ปุ่นที่เดินทางไปญี่ปุ่นและรับประทานอาหารญี่ปุ่นมาหลายครั้งพบว่ามีโรคแปลก ๆ ที่แตกต่างกันไปและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ! และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของญี่ปุ่นที่ปนเปื้อนจากนิวเคลียสกัมมันตภาพรังสีก็ถูกส่งไปยังนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ! ญี่ปุ่นกินอาหารนำเข้าจากประเทศอื่น! เพื่อนที่รักและเพื่อนร่วมชาติ เพื่อสุขภาพของคนที่คุณรักและคนรุ่นต่อไปโปรดแบ่งปันในพื้นที่ WeChat ของคุณและต่อต้านอาหารที่ปนเปื้อนนิวเคลียร์ทั้งหมดในญี่ปุ่นทันที อย่าซื้อ. จำไว้!มะเร็งไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยhttps://youtu.be/ZvkC1mDj6mA?si=WAdbeHGxzY2RNH3iมะเร็งผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 6 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยมติ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นศาล รธน.ชี้ขาดเสนอชื่อ "พิธา" โหวตนายกฯ ได้อีกหรือไม่เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2566 ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ต.ท.กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงผลการประชุมกรณีมีการยื่นเรื่องให้พิจารณาว่า การเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ถือเป็นญัตติซ้ำ ขัดข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 41 หรือไม่ว่า เนื่องจากจะมีการประชุมเพื่อโหวตเลือกนายกฯ อีกครั้ง ในวันที่ 27 ก.ค.ข่าวการเมืองมีมkhawphimpat• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยเล่นกีฬาทางน้ำทำให้เกิด เชื้อราในหูการเล่นกีฬาทางน้ำมาก ๆ ทำให้เกิด เชื้อราในหู จริงหรือ วิธีดูแลและป้องกันเชื้อราในหู ทำได้อย่างไร อาการของโรค เชื้อราในหูstd46291• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสธ. เปิดตัวรถฟอกไตเคลื่อนที่นวัตกรรมต้นแบบคันแรกของไทย จริงหรือ?ตามที่มีข้อมูลปรากฏถึงประเด็นเรื่อง สธ. เปิดตัวรถฟอกไตเคลื่อนที่นวัตกรรมต้นแบบคันแรกของไทย ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริงstd47997• 2 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเล่นกีฬาทางน้ำทำให้เกิด เชื้อราในหู จริงหรือ วิธีป้องกันโรคเชื้อราในหูเล่นกีฬาทางน้ำทำให้เกิด เชื้อราในหู การเล่นกีฬาทางน้ำมาก ๆ ทำให้เกิด เชื้อราในหู จริงหรือ วิธีดูแลและป้องกันเชื้อราในหู ทำได้อย่างไร อาการของโรค เชื้อราในหูlacasatan1• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยยายาไม่น่าาเชื่อยาสมุนไพรstd48389• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอาหารเสริมผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.พูลลาภ ฉันทวิจิตรวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พบการโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Blue M Gold ผ่านทางเว็บไซต์และสื่อโซเชียลมีเดีย มีข้อความโฆษณาชวนเชื่อสามารถเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชาย ปลุกอารมณ์ทางเพศลดความอ้วนstd48015• 2 ปีที่แล้ว2 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยวี กับ เจนนี่ เป็นเเฟนกันจริงหรือไม่โดยมีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งออกมาเผยคลิปที่ เจนนี่ และ วี ใช้เวลาอยู่ด้วยกันขณะเดินควงคู่จับมือเดตกันหวาน ๆ ที่ริมแม่น้ำแซน กลางกรุงปารีส เหมือนเป็นการตอกย้ำข่าวลือว่าทังคู่กำลังคบหากันนั้นเป็นเรื่องจริง และดูท่าว่ารักครั้งนี้จะหวานเว่อร์ น้ำตาลเรียกพี่เลยทีเดียว ชาวเน็ตยังเผยหลักฐานเพิ่มเติมอีกว่าคลิปดังกล่าวน่าจะเป็น เจนนี่ และ วีจริง ๆ เพราะหนึ่งในทีม ผจก. ของ เจนนี่ ที่ใช้ชื่ออินสตาแกรมว่า @hhuit ได้โพสต์ภาพตนเองสวมแจ็คเก็ตตัวเดียวกับที่ปรากฏในคลิปขณะเดินตามหลังทั้งคู่อยู่ห่าง ๆ และมีภาพของ วี ที่ใส่ชุดคล้ายกันออกมาด้วยAom Paweetida• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกินน้ำใบมะละกอช่วยต้านมะเร็งกินน้ำใบมะละกอ ช่วยให้หายจากมะเร็งsanukulmallika• 2 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจิงจูฉ่าย สรรพคุณดีๆ ช่วยแก้มะเร็งได้“จิงจูฉ่าย” ผักใบเขียวลักษณะคล้ายต้นขึ้นฉ่าย เมนูยอดฮิตของคนชอบกินเกาเหลาเลือดหมู มีงานวิจัยออกมาแล้วว่า นอกจากประโยชน์ แก้ไข้ไตบำรุงปอด ฟอกเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนดี ยังช่วยรักษาโรคมะเร็งด้วย มาดูกันว่า จิงจูฉ่ายนี้มีสรรพคุณและดีอย่างไร ชื่อว่าหลายๆท่านที่ชอบกินเกาเหลาเลือดหมู หรือเมนูต้มทั้งหลายจะรู้จักกันดีกับผักลักษณะใบแฉกๆ สีเขียว คล้ายๆกับต้นขึ้นฉ่าย หรือที่เรียกกันว่า “จิงจูฉ่าย” จิงจูฉ่าย คือชื่อของผักของจีนชนิดหนึ่งส่วนมากนิยมนำไปใส่ในเกาเหลาเลือดหมูเพราะช่วยดับกลิ่นคาวเลือดได้และ มีสรรพคุณทางสมุนไพรสำหรับ จิงจูฉ่ายเป็นที่นิยมมากของชาวจีน เนื่องจากจิงจูฉ่ายเป็นยาเย็น (หยิน)กลิ่นน้ำมันหอมระเหยจากใบและลำต้นจิงจูฉ่าย ยิ่งต้มร้อนๆหรือ กินสดๆ จะมีสารไลโมนีน ซิลนีน และสารกลัยโคไซด์ที่มีชื่อว่า อะปิอิน ซึ่งสารเหล่านี้มีสรรพคุณ ช่วยปรับสมดุลความดันโลหิต จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเรื่องความดัน อีกทั้งช่วยขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ดีด้วย ส่วนลำต้นสด และเมล็ดของต้น “จิงจูฉ่าย” มีโซเดียมต่ำ จึงดีต่อผู้ป่วยโรคไตstd48329• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยการยกเลิก112ศาลรัฐธรรมนูญมีมติถามอัยการสูงสุด พร้อมให้ชี้แจงภายใน 15 วัน หลังไม่พิจารณาคำร้อง ปม “พิธา-ก้าวไกล” ยกนโยบายแก้ ม.112 หาเสียงmoopai.011• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย20 ปี คดีลวงโลก “หมวยโซ” กุเรื่องข่มขืนบนตุ๊กๆ หลักฐานสำคัญปิดคดีย้อนไป 20 ปี คดีลวงโลกที่สร้างความปั่นป่วนให้กับตำรวจไทย หนีไม่พ้นกรณี “หมวยโซ” จอมลวงโลก ที่อ้างว่าถูกชาย 4 คน ข่มขืนบนรถตุ๊กๆ แต่ตำรวจสืบสวนจนได้หลักฐานสำคัญ เป็นภาพจากกล้องวงจรปิด จนสามารถปิดคดี และล้างข้อครหาให้กับคนขับรถตุ๊กๆ ชาวไทย ที่เกือบกลายเป็นแพะรับบาป 20 ปี คดีลวงโลก “หมวยโซ” กุเรื่องข่มขืนบนตุ๊กๆ หลักฐานสำคัญปิดคดีstd47990• 2 ปีที่แล้ว
- 5 คนสงสัยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารพบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Blue M Gold โฆษณาโอ้อวดสรรพคุณทางเพศเกินจริง อย.ตรวจสอบ พบสถานที่ผลิตอยู่ในสถานะพักใช้ใบอนุญาต เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อซื้อมาบริโภค เพราะอาจได้รับอันตรายnukandap• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยโทษของบุหรี่มีรายงานจากหลายผลการศึกษาว่าการสูบบุหรี่อย่างต่อเนื่องสะสมนานหลายปี ไม่เพียงก่อให้เกิดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอด แต่ยังเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ ลำไส้ใหญ่ กระเพาะปัสสาวะ ตลอดจนโรคเรื้อรังอื่นๆ เช่น เพิ่มโอกาสเสียชีวิตจากวัณโรค เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเบาหวานสูงขึ้น 30-40% จอตาเสื่อม การตั้งครรภ์นอกมดลูก โรครูมาตอยมะเร็งsupriyachosingam• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยข่าวดี! ทางด่วนฟรี 60 ด่าน รับวันหยุดราชการ 5 และ 10 ธ.ค. 65 นี้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยประกาศยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ 3 สายทาง รวมทั้งสิ้น 60 ด่าน รับวันหยุดราชการวันที่ 5 และ 10 ธันวาคม 2565 นี้Mrs.Doubt• 3 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยการก่อการร้ายในอาเซียนมีเพจๆหนึ่งได้เสนอข่าว ว่าทางประเทศอินโดนีเซียได้จับตัวผู้ก่อการร้ายได้ และยังบอกอีกว่าทางประเทศญี่ปุ่นได้ออกมาเตือนอาจจะเกิดการก่อการร้ายใน อาเซียนNoppadon Khongporn• 4 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ