2435 ข้อความ
- 1 คนสงสัยNasaถูกเหลือเชื่อ NASA จ้างบริษัทสตาร์ทอัพ 1 ดอลลาร์ เก็บตัวอย่างหิน 500 กรัม จากดวงจันทร์Thanyaphat Arthan• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยจิตแพทย์ชี้ ลัทธิกินอึ-ฉี่ เข้าข่ายงมงาย แนะบำบัดรักษา หมอเตือนอย่ากินเสี่ยงติดเชื้อหมอเตือน "อึ-ฉี่-ขี้ไคล" มีเชื้อโรค ไม่ควรกินตามลัทธิประหลาด ย้ำเป็นของเสียไม่ควรกินจ่อ จิตแพทย์ชี้เข้าข่ายงมงาย ต้องสลายกลุ่มช่วยสลายความเชื่อ แนะนำเข้ามาบำบัดรักษามีมstd47625• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผักกระสังรักษามะเร็งเต้านมประเด็นนี้อยู่ที่มีการแชร์และเชื่อกันมากว่า ผักกระสังสามารถรักษามะเร็งเต้านม ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งเคยเปิดเผยกับ hfocus.org แล้วว่าพืชสมุนไพรต่างๆที่อ้างว่ารักษามะเร็งนั้น เป็นเพียงการทดลองในห้องปฏิบัติการ ยังไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือทางวิชาการว่าสมุนไพรชนิดใดสามารถรักษามะเร็งได้std48921• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสาวจัดพิธีบวงสรวงองค์พญานาค อ้างเห็นภาพคล้ายพญานาคโผล่ขึ้นกลางน้ำ ด้านชาวอุทัยธานีในพื้นที่ แห่ร่วมพิธีตามความเชื่อสาวพระประแดง จัดพิธีบวงสรวงองค์พญานาค อ้างเห็นภาพคล้ายพญานาคโผล่ขึ้นกลางน้ำ ด้านชาวอุทัยธานี เล่าเคยเห็นเหมือนกันสมัยสาวๆตอนมาอาบน้ำที่ท่าวัด แห่ร่วมพิธีคึกคักตามความเชื่อภาคอีสานstd46296• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสิ้นเดือน เม.ย. นี้ ผู้สูงอายุรับเบี้ยพิเศษ ท่านละ 2,500 บาทสิ้นเดือน เม.ย. นี้ 'ผู้สูงอายุ' รับเบี้ยพิเศษ ท่านละ 2,500 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ 'กรมกิจการผู้สูงอายุ' กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์std46224• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผลิตภัณฑ์ไวท์โรส พลาเซนต้าครีมพลาเซนต้าครีม ช่วยบำรุงให้หน้าขาวใส และลดจุดด่างดำstd46736• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผักกระสังรักษามะเร็งเต้านมเมื่อเร็วๆ นี้มีผู้ส่งข้อมูลให้ cofact.org ตรวจสอบ ว่าผักกระสังดีจริงหรือไม่ โดยโคแฟคชี้แจงข้อมูลว่าผักกระสังเป็นสมุนไพรที่มีประวัติการใช้เป็นยามายาวนาน หมอยาพื้นบ้านมักจะใช้ผักกระสังตำพอกฝี หรือคั้นเอาน้ำทาแผลฝีที่มีหนอง สาวๆ สมัยโบราณใช้น้ำต้มผักกระสังล้างหน้า ทำให้ผิวหน้าสดใส และยังนำมาสระผมทำให้ผมนุ่ม ป้องกันผมร่วง จากการศึกษาสมัยใหม่พบว่า ผักกระสังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านแบคทีเรียหลายชนิด ทั้งยังมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งจะช่วยกำจัดเนื้อตายทำให้ฝีแตกได้ง่าย และสิวยุบเร็วขึ้น แต่ผู้ที่แพ้พืชที่มีกลิ่นฉุนประเภท Mustard (พืชที่เป็นเครื่องเทศทั้งหลาย) ไม่ควรรับประทานstd46350• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผักกระสังรักษามะเร็งเต้านมการแอบอ้างสรรพคุณของผักกระสังว่าช่วยรักษามะเร็งเต้านม ด้วยการใช้ผักกระสัง นำมาตำให้ละเอียด แล้วนำไปแปะ หรือทาที่ใต้ราวนม จะช่วย รักษามะเร็งเต้านมได้นั้นจึงเป็น้อมูลเท็จManeewan Rotmala• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยลัทธิกินอึ-ฉี่ลัทธิประหลาดให้กินปัสสาวะ อุจจาระ ขี้ไคล เพื่อรักษาโรคstd48449• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยทนไม่ไหว ต่าย ชุติมา ออกมาฟาดเขียนข่าวมั่ว ชาวเน็ตเสียงแตกถกกันสนั่นไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไร หรือให้สัมภาษณ์ที่ไหน ก็ถูกเป็นที่จับตามองอย่างมาก สำหรับ ต่าย ชุติมา โดยเฉพาะเรื่องของความรัก เพราะมีแฟนคลับหลายคนยังคงเชียร์ให้ ต่าย และอดีตสามี ทิม พิธา กลับมาเป็นครอบครัวกันอีกครั้ง แม้ทั้งคู่จะยืนยันหนักแน่นว่า ตอนนี้สถานะเป็นเพียงแค่พ่อแม่ที่ดีของลูกสาวเท่านั้น ทนไม่ไหว ต่าย ชุติมา ออกมาฟาดเขียนข่าวมั่ว ชาวเน็ตเสียงแตกถกกันสนั่น ล่าสุด ดูเหมือนว่า ต่าย จะเดือดจัดเลยทีเดียว โดยเจ้าตัวได้แคปภาพข่าวจากสื่อหนึ่ง มาโพสต์ผ่านอินสตาแกรม และขีดเส้นใต้เน้นประโยคที่ว่า เจ้าตัวหัวใจไม่ว่าง กำลังคุยๆ อยู่กับหนุ่มที่อายุน้อยกว่าถึง 12 ปี โดยผู้ชายคนนี้อายุ 22 ปี ซึ่ง ต่าย ก็ได้เขียนแคปชั่นว่า "พูดตอนไหนคะว่าคุยอยู่ !!!???? ข่าวเดี๋ยวนี้ก็คือเขียนตามที่อยากจะเขียน หรือเขียนตามความรู้สึก ไม่ได้เขียนตามความจริง ??? อยากรู้ความจริงมาอ่าน #สำนักข่าวเพราะอากาศstd46630• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม ..ผักกระสังรักษามะเร็งเต้านมเมื่อเร็วๆ นี้มีผู้ส่งข้อมูลให้ cofact.org ตรวจสอบ ว่าผักกระสังดีจริงหรือไม่ โดยโคแฟคชี้แจงข้อมูลว่าผักกระสังเป็นสมุนไพรที่มีประวัติการใช้เป็นยามายาวนาน หมอยาพื้นบ้านมักจะใช้ผักกระสังตำพอกฝี หรือคั้นเอาน้ำทาแผลฝีที่มีหนอง สาวๆ สมัยโบราณใช้น้ำต้มผักกระสังล้างหน้า ทำให้ผิวหน้าสดใส และยังนำมาสระผมทำให้ผมนุ่ม ป้องกันผมร่วง จากการศึกษาสมัยใหม่พบว่า ผักกระสังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านแบคทีเรียหลายชนิด ทั้งยังมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งจะช่วยกำจัดเนื้อตายทำให้ฝีแตกได้ง่าย และสิวยุบเร็วขึ้น แต่ผู้ที่แพ้พืชที่มีกลิ่นฉุนประเภท Mustard (พืชที่เป็นเครื่องเทศทั้งหลาย) ไม่ควรรับประทาน นั่นเป็นสรรพคุณที่พอเชื่อถือได้จากหลักฐานทางวิชาการ ซึ่งทางโคแฟคเองไม่ยืนยันว่าผักกระสังรักษามะเร็งเต้านมได้ ดังนั้น การแอบอ้างสรรพคุณของผักกระสังว่าช่วยรักษามะเร็งเต้านม ด้วยการใช้ผักกระสัง นำมาตำให้ละเอียด แล้วนำไปแปะ หรือทาที่ใต้ราวนม จะช่วย รักษามะเร็งเต้านมได้นั้นจึงเป็น้อมูลเท็จstd46896• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยทนไม่ไหว ต่าย ชุติมา ออกมาฟาดเขียนข่าวมั่ว ชาวเน็ตเสียงแตกถกกันสนั่นไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไร หรือให้สัมภาษณ์ที่ไหน ก็ถูกเป็นที่จับตามองอย่างมาก สำหรับ ต่าย ชุติมา โดยเฉพาะเรื่องของความรัก เพราะมีแฟนคลับหลายคนยังคงเชียร์ให้ ต่าย และอดีตสามี ทิม พิธา กลับมาเป็นครอบครัวกันอีกครั้ง แม้ทั้งคู่จะยืนยันหนักแน่นว่า ตอนนี้สถานะเป็นเพียงแค่พ่อแม่ที่ดีของลูกสาวเท่านั้นแอคปลอมPhatthananya Sathiranon• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผักกระสังรักษามะเร็งเต้านมผักกระสังรักษามะเร็งเต้านมstd46620• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยโรคฝีดาษลิงติดจากสัตว์สู่คน เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคฝีดาษลิงมีลักษณะคล้ายคลึงกับไวรัสไข้ทรพิษ เเละการฉีดวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษจะสามารถป้องกันโรคนี้ได้ถึง 85%Mxtinx260148• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยวันนี้พายุโกนเซิน ยังมีอิทธิพลต่อไทยจริงหรือ หลายหน่วยงานยังสั่งให้เตรียมรับมือพายุแสดงว่า หน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย กรมอนามัย รวมถึงสื่อมวลชนกระแสหลัก ไม่ได้ติดตามพายุลูกนี้อย่างเป็นปัจจุบัน สร้างความคลาดเคลื่อนของข้อมูลข่าวสาร ไปสู่ประชาชน หากเชื่อตามก็จะเตรียมการรับพายุ ที่ไม่มีอยู่จริงแล้ว มท.เตือนทุกจังหวัดรับมือ พายุโกนเซิน สั่งท้องถิ่นช่วยปชช.รวดเร็ว ตลอด 24 ชั่วโมง จาก อัมรินทร์ทีวี ในวันที่ 14 กันยายน 2564 https://www.amarintv.com/news/detail/98505?fbclid=IwAR25sMPydiZ-voD6nIvCxt44rOVpspKL-m6o3A029J0QBQn-XRRmTBJuNyc กรมอนามัย กำชับศูนย์อนามัยทุกแห่ง เตรียมพร้อมรับมือพายุ “โกนเซิน” จาก MCOT NEWS FM 100.5 Mhz ในวันที่ 15 กันยายน 2564 https://news1005.mcot.net/view/614168f8e3f8e4072efca2df?fbclid=IwAR0iKa2Yhb-7DBmCL7iJLV4d_sUZohsjBi7cJfKEsYt4d8in_hVQVh5jupI พายุดีเปรสชั่นโกนเซิน ได้หมดสภาพพายุ เป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2564 (จากประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยาฉบับที่ 16 (140/2564)) https://www.tmd.go.th/.../announces/2021-09-13_12052.pdfสภาพอากาศภาคอีสานสุชัย เจริญมุขยนันท• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยhttps://www.bbc.com/thai/international-57752238?at_custom4=8B70BF1E-E6F2-11EB-8774-E4FE15F31EAE&at_custom2=facebook_page&at_custom3=BBC+Thai&at_medium=custom7&at_campaign=64&at_custom1=%5Bpost+type%5D&fbclid=IwAR1yh8V39HjmzI8sEDPKbYjvxSrJ7T24fwBoYaIfo59snif3lBb8DALyitEโควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: mostly-true--middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเหนือจีนคือยิว เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงของหญิงชาวจีนเชื้อสายยิวท่านหนึ่ง ในปี 1992 ตอนที่ฉันตัดสินใจย้ายจากเมืองจีนไปปักฐานใหม่ยังอิสราเอล ลูกชายคนโตอายุ 13 ลูกชายคนที่สองอายุ 12 ส่วนลูกสาวคนเล็ก 10 ขวบ ฉันให้ลูกๆอยู่เมืองจีนไปก่อน ที่ตัดสินใจย้ายไปอิสราเอลในตอนนั้น ก็เพราะทนอยู่ในสภาพเดิมๆไม่ได้แล้ว พ่อของฉันเป็นชาวยิวขนานแท้ ย้ายหนีสงครามโลกครั้งที่ 2 มาอยู่เมืองจีน แต่งงานกับแม่ฉันซึ่งเป็นหญิงจีน หลังฉันเกิดไม่นาน แม่ก็ทิ้งพวกเราสองพ่อลูกไป พ่อฉันเสียตอนฉันอายุ 12 ฉันกลายเป็นเด็กกำพร้าเต็มตัว พอโตขึ้น ฉันได้ทำงานในโรงงานถลุงเหล็ก หลังแต่งงานก็มีลูก 3 คน แต่แล้วสามีก็ทิ้งพวกเราไป มันเป็นความทรงจำที่เต็มไปด้วยความขมขื่น พอดีเป็นช่วงเวลาที่จีนกับอิสราเอลเปิดสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศขึ้นมา ด้วยจิตใจที่อยากหนีให้พ้นๆจากดินแดนแห่งความทุกข์ใจ ฉันเลยกลายเป็นพวกอพยพกลุ่มแรกที่ขอย้ายจากจีนไปอยู่อิสราเอล ตอนถึงอิสราเอลใหม่ๆ ความเป็นอยู่ยากลำบากกว่าอยู่ในเมืองจีนเสียอีก ฉันไม่เข้าใจภาษาฮีบรูยุคใหม่ของอิสราเอลเลย (ภาษาฮีบรูแบบโบราณที่พ่อเคยสอนฉันไว้บ้าง เขาเลิกใช้กันแล้ว) ท่ามกลางหมู่คนที่ฉันไม่รู้จักใครเลย แถมยังเป็นบ้านเมืองที่ฉันไม่คุ้นเคย เลยไม่ทราบว่าจะเริ่มทำมาหากินอะไร เงินที่พกติดตัวไปจากเซี่ยงไฮ้คงพอยาไส้ได้สักสามเดือน แต่ฉันมุ่งมั่นว่าต้องหาวิธีอยู่ให้รอด และจะต้องรับลูกๆมาอยู่กับฉันให้ได้ ฉันเริ่มเรียนภาษาเพื่อสื่อสารให้รู้เรื่อง แล้วฉันก็ตัดสินใจตั้งแผงริมถนนขายเปาะเปี๊ยะทอดยึดเป็นอาชีพไว้ก่อน วันๆจะมีกำไรสิบกว่าซิเกิล (หนึ่งซิเกิลเท่ากับเก้าบาทไทยโดยประมาณ) พอการค้าเล็กๆน้อยๆของฉันพอจะพึ่งพาได้ เดือนพฤษภาคมปี 1993 ฉันรับลูกทั้งสามคนมาอยู่ด้วยกันที่อิสราเอล ตอนอยู่ที่เมืองจีน แม้จะลำบากแค่ไหนก็ตาม แต่ฉันไม่เคยให้ลูกๆต้องลำบากด้วย พอมาอยู่ที่นี่ ฉันก็ยังคงเลี้ยงลูกในแบบเดิมๆ ซึ่งมันก็คงไม่ต่างจากคนจีนทั่วไป ทุกวันหลังลูกๆ ไปโรงเรียน ฉันกขายปอเปียะไป พอตกบ่ายเลิกเรียน พวกเขาก็จะมาหาฉันที่แผง ฉันก็จะเก็บร้านเลิกขาย แล้วเริ่มหุงหาอาหารมื้อเย็นให้ลูกๆได้กินกัน มีอยู่วันหนึ่ง ตอนที่กำลังเตรียมปรุงบะหมี่ให้ลูกๆ เพื่อนบ้านคนหนึ่งเดินมาหาพวกเรา แล้วก็ชี้หน้าลูกชายคนโตพร้อมตำหนิว่า "แกเป็นเด็กโตแล้ว ทำไมไม่ช่วยแม่ทำงานทำการบ้าง อย่าทำตัวเหมือนขยะไร้ค่า" แล้วเธอก็หันมาต่อว่าฉัน "อย่าเอารูปแบบผิดๆที่พกพาจากเมืองจีนมาเผยแพร่ที่นี่ อย่าคิดว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่เป็นความรักที่ถูกต้อง" คำพูดของเธอทำพวกเราตกใจมาก เป็นการทำร้ายจิตใจที่ดูโหดร้าย พวกเรารู้สึกแย่เอามากๆ เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันได้แต่ปลอบลูกชายคนโตว่า "ไม่เป็นไรนะลูก แม่ทนได้ แม่รับไหว แม่มีความสุขที่ได้ดูแลลูกๆทุกคน ขอให้ตั้งใจเรียนหนังสือให้ดีที่สุดก็พอแล้ว” "แต่ว่า...." ลูกชายคนโตพูดอย่างครุ่นคิด "คุณน้าคนนั้นอาจจะพูดถูก ผมคิดว่า ผมน่าจะช่วยแบ่งเบาภาระให้แม่ได้บ้าง" วันถัดมาเป็นวันที่ชาวบ้านไปโบสถ์กัน โรงเรียนเลิกเรียนตอนเที่ยง พอพวกเขามาถึงแผงขายของ ลูกชายคนโตมายืนข้างฉัน แล้วหยิบเอาแผ่นแป้งห่อเปาะเปี๊ยะใส่ไส้แล้วม้วนให้เรียบร้อย นำลงทอดในกระทะจนสุก แม้จะยังดูไม่คล่องแคล่วนัก แต่ความชำนาญก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นในชิ้นต่อๆไป การเปลี่ยนแปลงของลูกชายคนโตเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อน นอกจากจะช่วยงานที่แผงขายของแล้ว เขายังเสนอว่าให้พวกเขาเอาเปาะเปี๊ยะทอดไปขายให้เพื่อนๆที่โรงเรียน พวกเขาเอาไปคนละ 20 ชิ้น พอเลิกเรียนกลับมา ทุกคนเอาเงิน 10 ซิเกิลมาให้ฉัน บอกตรงๆ ฉันรู้สึกสะเทือนใจมาก ปล่อยให้ลูกๆที่อายุยังน้อยต้องมาช่วยแบกภาระเรื่องทำมาหากิน แต่ว่าการแสดงออกของพวกเขาไม่ได้บ่งบอกถึงความน้อยเนื้อต่ำใจเลย พวกเขากลับบอกว่ารู้สึกมีความสุขและความภูมิใจกับการรู้จักหาเงินหาทองได้ตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อนบ้านมักจะแวะมาคุยกับฉันบ่อยๆ บอกเล่าถึงวิธีที่ชาวยิวเลี้ยงลูกหลานกันอย่างไร ต้องให้การศึกษาแก่พวกเขาอย่างไร ชาวยิวจะคิดว่า การหาเงินไม่จำเป็นต้องรอตอนโตแล้ว มันช่างแตกต่างจากคนจีนที่มักคิดว่า "ตอนเป็นเด็กมีหน้าที่ศึกษาหาความรู้อย่างเดียว" แต่ชาวยิวคิดว่า "ตอนเป็นเด็กก็ต้องเริ่มศึกษาวิธีหาเงินหาทองกันแล้ว" เพื่อนบ้านบอกฉันว่า ในครอบครัวชาวยิว ไม่มีอาหารฟรี ไม่มีบริการฟรี ทุกอย่างต้องตีค่าเป็นเงิน เด็กทุกคนต้องศึกษาวิธีการหาเงิน เพื่อจะให้ได้มาในสิ่งที่ตนอยากได้ ฉันรู้สึกว่าวิธีการนี้ดูโหดร้ายเกินไป ยอมรับไม่ค่อยได้ แต่ว่า จากสิ่งแวดล้อมต่างๆรอบตัวพวกเรา เด็กๆถูกซึมซับให้ยอมรับความคิดแบบนี้ได้ง่ายกว่าฉันมากมาย ในที่สุด ฉันตัดสินใจเปลี่ยนแปลงรูปแบบที่ฉันเคยดูแลพวกเขา ลองให้พวกเขาปรับเปลี่ยนไปในลักษณะชาวยิวเต็มตัว เราเริ่มจากทุกอย่างในบ้านก่อน ของทุกอย่างในบ้านตีเป็นมูลค่าหมด รวมค่าอาหารและบริการต่างๆที่แม่คนนี้ทำให้ลูกๆ ทุกคนต้องจ่ายค่าอาหาร 100 อาโกรอทต่อมื้อ (100 อาโกรอทเท่ากับ ซิเกิล) ซักเสื้อผ้าครั้งละ 50 อาโกรอท แต่ฉันก็หาโอกาสให้พวกเขามีทางทำมาหากิน ฉันขายเปาะเปี๊ยะทอดให้พวกเขาในราคาขายส่ง ชิ้นละ 30 อาโกรอท แล้วให้พวกเขาไปตั้งราคาขายกันเอง กำไรเป็นของพวกเขา วันแรกที่กลับจากโรงเรียน ถึงจะรู้ว่าทั้งสามคนล้วนมีวิธีการขายที่ไม่เหมือนกันเลย ลูกสาวคนเล็กซื่อหน่อย ขายให้เพื่อนๆในราคา 50 อาโกรอทต่อชิ้น ได้กำไรมาทั้งสิ้น 400 อาโกรอท คนที่สองใช้วิธีขายส่ง เขาขายทั้งหมดให้โรงอาหารของโรงเรียน ราคา 40 อาโกรอทต่อชิ้น ได้กำไรมาแค่ 200 อาโกรอท แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ โรงอาหารสั่งให้เขาไปส่งทุกวัน วันละ 100 ชิ้น ส่วนลูกคนโตคิดนอกกรอบกว่าคนอื่น เขาจัดรายการสัมมนาในหัวข้อเรื่อง "มารู้จักประเทศจีนกันหน่อย" เขาเป็นผู้ดำเนินรายการเอง จุดดึงดูดอีกอย่างของงานก็คือ ทุกๆคนที่เข้าร่วมจะได้ลิ้มรสเปาะเปี๊ยะทอดแบบจีน โดยเขาเก็บค่าผ่านประตูคนละ 10 อาโกรอท เปาะเปี๊ยะทอดทุกชิ้นถูกหั่นเป็นสิบชิ้นเล็ก มีผู้เข้าร่วม 200 คนเต็มความจุ เก็บค่าผ่านประตูได้ 2000 อาโกรอท หลังหักค่าสถานที่ให้โรงเรียนไป 500 อาโกรอท เขายังเหลือกำไรสุทธิ 1500 อาโกรอท นอกจากวิธีการของลูกสาวที่อยู่ในความคาดคะเนของฉันแล้ว ต้องยอมรับว่าลีลาของลูกชายทั้งสองอยู่เหนือจินตนาการของฉันจริงๆ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ในช่วงเวลาสั้นๆนั้น พวกเขาเปลี่ยนแปลงจากเด็กที่ทำอะไรไม่เป็น กลับกลายเป็นเด็กที่มีความคิดในลักษณะพ่อค้าเต็มตัว รู้คุณค่าของเงิน และมุ่งมั่นจะหาเงินให้มากยิ่งขึ้นในรูปแบบที่ถูกต้อง แต่การเรียนของพวกเขาก็ไม่ได้รับการกระทบกระเทือนเลย ลูกชายคนโตได้มีโอกาสเรียนเกี่ยวกับกฏหมายของพวกผู้อพยพเข้าเมือง เขาบอกฉันว่า ครอบครัวที่อพยพเข้ามาในอิสราเอลอย่างบ้านเรา มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะเท็จหรือมันจะจริง แต่ก็ลองไปติดต่อทางการดู สุดท้ายก็ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเป็นเงิน 6000 ซิเกิล นี่เป็นเงินจำนวนไม่น้อยสำหรับครอบครัวเรา ลูกชายคนโตบอกฉันว่า เงินจำนวนนี้ได้มาเพราะคำแนะนำของเขาแท้ๆ เขาควรได้รับส่วนแบ่ง 10% ฉันตรึกตรองอยู่นาน สุดท้ายก็ตัดสินใจแบ่งให้เขาไป 600 ซิเกิล หลังได้รับเงิน เขาซื้อของขวัญชิ้นงามให้ฉันและน้องๆคนละชิ้น เงินที่เหลือ เขาบอกว่าจะเอาไปต่อทุนเพื่อหาเงินให้ได้มากยิ่งๆขึ้น เขาใช้เงินจำนวนนั้นไปสั่งซื้อเครื่องเขียนจากเมืองจีนส่งผ่านมาให้ทางไปรษณีย์ ราคาเครื่องเขียนที่จีนถูกกว่าของอิสราเอลมากมาย เขานำมาขายให้เพื่อนๆในโรงเรียน พอได้กำไร เขาก็ยังเดินหน้าค้าขายต่อไป หนึ่งปีผ่านไป ตัวเลขบัญชีในธนาคารของเขาเพิ่มเป็น 2000 ซิเกิล แม้ลูกชายคนโตจะรู้จักหาเงินได้มาก แท้จริงแล้ว ลูกชายคนที่สองมีหัวการค้าแบบชาวยิวไม่แพ้พี่เขา ชาวยิวทั้งหลายมีหลักการง่ายๆว่า " ค้าขายอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องลงทุน จะมีความเสี่ยงน้อยที่สุด ทำอะไรก็ได้ที่คนอื่นยังไม่ได้เริ่มทำ จะมีโอกาสที่ดีที่สุด" ในขณะที่ลูกคนโตกำลังทำเงินกับเครื่องเขียนจากจีน ลูกคนที่สองก็ทำเงินของเขาไปอย่างเงียบๆ เขาใช้หัวคิดจากมันสมองของเขาที่ไม่ต้องลงทุนเป็นตัวเงิน เขาเขียนบทความต่างๆเกี่ยวกับเมืองเซี่ยงไฮ้จากมุมมองของเด็กอายุ 14 คนหนึ่ง เขามีคอลัมน์ประจำในหนังสือพิมพ์ เขียนอาทิตย์ละ 2 บท บทละประมาณ 1000 ตัวอักษร รายได้ตกเดือนละ 8000 อาโกรอท ส่วนลูกสาวคนเล็กนั้น จะเก็บตัวหน่อยตามภาษาเด็กผู้หญิง ไม่ได้แสดงบทบาทเรื่องหาเงินหาทองมากมายนัก แต่จากตัวเธอ ฉันสามารถรับรู้ถึงกลิ่นไอของชาวยิวที่ชอบมองชีวิตความเป็นอยู่แบบสวยงาม เธอหัดชงชาและทำขนม ทุกๆเย็น เธอจะเตรียมชาไว้กาหนึ่ง แล้วก็มีขนมจากฝีมือเธอเองไม่ซ้ำแบบ พวกเราจะได้นั่งล้อมวง ดื่มชา ทานขนมและพูดคุยกัน ขนมของเธอก็มักจะมีกลิ่นไอจากจีนปะปนอยู่ด้วย ทุกคนที่บ้านชอบกันทั้งนั้น แน่นอน มันไม่ใช่ของฟรี พี่ๆต้องจ่ายค่าขนมให้เธอ หักค่าวัตถุดิบแล้ว น้องสาวสุดท้องก็มีรายได้ที่น่าพอใจ ตอนนี้บ้านเราไม่จนแล้ว เรามีเงินเก็บพอประมาณ เลยตกลงกันว่าจะเปิดร้านอาหารจีนขึ้นมาร้านหนึ่ง ฉันถือหุ้น 40% ลูกคนโต 30% คนรอง 20% และคนเล็ก 10% ร้านของเราประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เป็นที่นิยมของเหล่านักชิมทั้งหลาย ผู้หญิงจากประเทศจีนคนนี้ก็เลยกลายเป็นคนที่ถูกสังคมจับตามองโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งฉันได้มีโอกาสเข้าพบนายกรัฐมนตรียิตซัค ราบินของอิสราเอล ฉันกลายเป็นคนโด่งดังในชั่วข้ามคืน ตอนนี้ฉันสามารถใช้ภาษาฮีบรูของอิสราเอลได้อย่างคล่องแคล่ว บวกกับฉันมีภาษาจีนเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ทำให้ฉันถูกทาบทามโดยบริษัทค้าเพชรของรัฐบาลอิสราเอล ให้ไปเป็นตัวแทนคนแรกของบริษัทประจำประเทศจีน พอฉันย้ายกลับไปอยู่ประเทศจีนอีกครั้ง ลูกๆทั้งสามก็ตามฉันไปด้วย พอเอาลูกๆไปเปรียบเทียบกับเด็กทั่วๆไปในจีน ฉันรู้สึกว่าลูกฉันจะดูโดดเด่นกว่าพวกเขาพอสมควร ก่อนจะกลับไปที่จีนเที่ยวนี้ พวกเขาทั้งสามไปกว้านซื้อสิ่งของต่างๆจากอิสราเอลไว้มากมาย พอพวกเขาเข้าเรียนได้ไม่นาน ครูของโรงเรียนแวะมาคุยกับฉัน บอกว่าเด็กๆนำเอาของมากมายจากอิสราเอลไปขายที่โรงเรียน มีตั้งแต่เครื่องประดับ เสื้อผ้า ของเล่น หรือแม้กระทั่งปลอกกระสุนเปล่าก็ไม่เว้น ครูอยากให้ฉันช่วยดูแลเด็กๆให้อยู่ในกรอบหน่อย ฉันบอกครูว่า ฉันไม่สามารถห้ามการกระทำของพวกเขา นี่เป็นวิธีหาเงินเพื่อจ่ายค่าเล่าเรียนของพวกเขาเอง เพราะฉันไม่ได้รับผิดชอบค่าเล่าเรียนของพวกเขาอีกแล้ว ครูทั้งตกใจและแปลกใจ เขาไม่เข้าใจว่าคนมีเงินเดือนสูงในบริษัทข้ามชาติอย่างฉัน จะไม่รับผิดชอบค่าเล่าเรียนของลูกๆ ฉันเชิญครูทานขนมที่ลูกสาวคนเล็กทำไว้ขายในบ้าน ชิ้นละ 2 หยวน ฉันบอกครูด้วยรอยยิ้มว่า "นี่คือผลพลอยได้ของการได้อยู่อิสราเอลในหลายปีนี้ สอนให้เด็กๆได้เรียนรู้วิธีการดำเนินชีวิตของชาวยิว และฉันก็เชื่อว่าพวกเขาทุกคนจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพแน่นอน......." ในที่สุด ลูกคนโตตัดสินใจเข้าเรียนวิทยาลัยเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เขาต้องการจะเป็นมืออาชีพของวงการท่องเที่ยวให้ได้ เขาตั้งใจจะไปเปิดบริษัทบริการท่องเที่ยวที่อิสราเอล เพื่อเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญที่สุดเกี่ยวกับการเที่ยวประเทศจีน ลูกชายคนที่สองเข้าเรียนวิทยาลัยเกี่ยวกับภาษาต่างประเทศ เขาตั้งใจจะเป็นคอลัมน์นิสต์ เขาชอบงานขีดๆเขียนๆ ซึ่งสามารถทำเงินให้เขาได้โดยไม่ต้องควักเงินไปลงทุน ลูกสาวคนเล็กอยากไปเรียนทำครัวเกี่ยวกับอาหารจีน เพื่อเป็นเชฟระดับแนวหน้าให้ได้ โดยเฉพาะเป็นมือโปรด้านขนม ตั้งใจจะกลับไปเปิดร้านขนมที่อร่อยที่สุดในอิสราเอล กลับมาประเทศจีนเที่ยวนี้ ฉันรู้สึกว่าพ่อแม่ชาวจีนทั้งหลายมีจิตใจโลเลเกี่ยวกับการเลี้ยงดูบุตรหลานของตน พวกเขาล้วนหวังจะเห็นลูกร่ำรวยมีเงินมีทองเป็นเศรษฐี แต่กลับไม่ได้ให้โอกาสเรียนรู้และลงมือทำ The capacity to learn is a GIFT.ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม! ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วันเปิดเผยว่า ตามที่มีการโฆษณาทางสื่อโซเชียลเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วัน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มที่ระบุสรรพคุณว่า หากทาสามารถช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าไม่มีครีมหรือเซรั่มใดที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน ได้จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นเพียงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายนอกเพื่อทำความสะอาด สวยงามแต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ความสวยความงามstd46535• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเมื่อฉีดวัคซีนโควิด-19 ทำให้ DNA ของมนุษย์ เปลี่ยนเป็นกึ่ง AIเมื่อฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วจะทำให้ผู้ได้รับวัคซีน มีผลข้างเคียงทำให้สารพันธุกรรมเกิดการเปลี่ยนแปลงstd47762• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเฟซบุ๊คช่วยลดโลกร้อนศูนย์ต่อต้านความเกลียดชังดิจิทัล (Center for Countering Digital Hate) และสถาบันเพื่อการหารือเชิงยุทธศาสตร์ (Institute for Strategic Dialogue) บอกว่า เฟซบุ๊กเข้าไปจัดการกับโพสต์ที่พยายามทำให้คนเข้าใจผิดเรื่องโลกร้อนไม่ถึง 10% ของโพสต์ที่มีเนื้อหาแบบนี้ทั้งหมดstd48146• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสิท สปสช.ข่าวปลอม อย่าแชร์! ❌ ตรวจสอบสิทธิเกี่ยวกับ สปสช. ได้ทางไลน์ check-sith . ตามที่ได้มีการบอกต่อข้อมูลในสื่อออนไลน์ต่าง ๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่องตรวจสอบสิทธิเกี่ยวกับ สปสช. ได้ทางไลน์ check-sith ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ . กรณีที่มีการส่งต่อข้อมูลว่า ตอนนี้สามารถตรวจสอบสิทธิผู้ป่วยผ่านช่องทางไลน์ @check-sith ได้แล้ว เพียงแค่พิมพ์เลขบัตรประชาชน 13 หลัก และวันเดือนปีเกิด ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า สปสช. ไม่เคยมีการจัดทำการสื่อสารดังกล่าว เป็นการแอบอ้างหน่วยงานรัฐเพื่อหลอกดึงข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน โดย สปสช. ได้มีการประสานไปยัง บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อให้ระงับการใช้งาน Line @check-sith แล้ว พร้อมกันนี้ทางสำนักกฎหมาย สปสช. ยังได้เตรียมแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่แอบอ้างดังกล่าว . ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพิ่มเติมสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.nhso.go.th หรือ โทรสายด่วน 1330 หรือเพิ่มเพื่อนไลน์กับ สปสช. พิมพ์ @nhso สอบถามข้อมูล . บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ไลน์ @check-sith ไม่ใช่ไลน์ของ สปสช. เป็นการแอบอ้างหน่วยงานรัฐเพื่อหลอกดึงข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน . หน่วยงานที่ตรวจสอบ : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข . 📌 ช่องทางการติดตามและแจ้งเบาะแสข่าวปลอม . LINE : @antifakenewscenter (http://nav.cx/uyKYnsG) Website : https://www.antifakenewscenter.com/ Twitter: https://twitter.com/AFNCThailand Tiktok : @antifakenewscenter สายด่วน : ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน 1111 ต่อ 87 . #ข่าวปลอม #ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม #AntiFakeNewsCenter #AFNCThailand #ข่าวนโยบายรัฐ #สิทธิพิเศษ #สปสช #ตรวจสอบสิทธิแอคปลอมstd48130• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยนางงามMiss universe curaçao 2022 top5miss universe 2022เตรียมลงประกวดmiss supranational 2023ที่ประเทศโปแลนด์std48361• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยจบด้วยดี "หมอนงนลินี" ดีใจได้ขอโทษ "สรยุทธ" หลังโดนฟ้องหมิ่นฯ ใส่ร้ายเล่าข่าวโควิดตามที่ข้าพเจ้า นางสาวนงนลินี จัยสิน ได้ใส่ความนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ด้วยข้อความอันเป็นเท็จผ่านสื่อสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 อันเป็นการกระทำความผิดฐาน หมิ่นประมาทโดยการโฆษณานั้น ข้าพเจ้าขอป่าวประกาศต่อสาธารณชนให้ทราบโดยทั่วกันว่า ข้าพเจ้ากระทำความผิดดังกล่าวจริง โดยข้าพเจ้าปราศจากวิจารณญาณในการไตร่ตรองข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง โดยรับข้อมูลข่าวสารจากสื่อบางสำนักที่ไม่มีความเป็นกลาง และยุยงปลุกปั่นให้คนในชาติเกิดความเกลียดชังกัน เป็นเหตุให้เกิดอคติและสร้างความเสื่อมเสียต่อนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา จนกระทั่งเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จใส่ร้ายนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ดังกล่าว ข้าพเจ้าจึงขอแถลงข้อความจริงต่อสาธารณชนให้แจ้งชัดว่า .นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ไม่เคยรายงานข่าวเท็จ (Fake news)โควิด 2019std48311น้องต้น• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยเทคนิคปรับการ "นอนหลับ" ช่วยให้ไม่เป็นโรคอ้วนHighlight : - การปรับพฤติกรรมการ "นอนหลับ" ให้ถูกวิธี จะช่วยทำให้ลำไส้ย่อยอาหารได้ดีขึ้น สามารถป้องกันไม่ให้เป็นโรคอ้วนได้ เพราะลำไส้สามารถย่อยอาหารได้อย่างเต็มที่ จนไม่เหลืออาหารตกค้างในกระเพาะ ที่เป็นสาเหตุของโรคอ้วน - ไม่ควรดูโทรทัศน์ เล่นคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน เพราะแสงจากเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้จะเข้าตา มีผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะลำไส้จะทำงานได้เฉื่อยลง - เวลาทองของลำไส้ คือ 24:00 น. เป็นช่วงเวลาที่ลำไส้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นจึงควรนอนหลับให้สนิทในช่วงเวลา 24:00 น. Lady MIRROR เคยมั้ยคะที่ตื่นมาแล้วท้องป่อง เหมือนอาหารไม่ย่อย จนเอวหนาไขมันพอกพูน สุดท้ายโรคอ้วนจะตามตา นั่นเป็นเพราะระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควรในช่วงเวลากลางคืน การนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพ จะส่งผลระบบย่อยอาหารทำงานได้เต็มที่ ทำให้ไม่เกิดโรคอ้วนและยังส่งผลให้รู้สึกดีในช่วงเวลาตอนเช้าด้วย MIRROR อยากชวนสาวๆ ลองหันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนหลับ เพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นมาฝากกันค่ะ โดยหลักสำคัญของการปฏิบัติตัวก็คือการไม่ต้องทำอะไรเลย ด้วยการที่เราไปเปิดสวิตช์ "ระบบประสาทพาราซิมพาเทติก" ที่มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของลำไส้ จะทำให้ย่อยอาหารได้ดีขึ้นในระหว่างที่เรากำลังนอนหลับอยู่ แต่สิ่งที่ต้องทำคือ ทำให้นอนหลับได้อย่างมีความสุข ซึ่งมีเทคนิคนอนหลับช่วยระบบย่อยอาหารดังนี้น้องไข่จ้องคนสวยเองค่ะ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย"ดีอีเอส" เตือนอย่าคลิกลิงก์ข่าวปลอมแบงก์ใหญ่ปล่อยกู้ผ่านเอสเอ็มเอสสรุปผลการมอนิเตอร์ และรับแจ้งข่าวปลอมประจำสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 4-10 ก.พ. 65 พบข้อมูลเชิงลึก (Insight) ว่า ข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจมากสุด 10 อันดับแรก หลายข่าวเป็นประเด็นเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจในชีวิตประจำวัน ทั้งเรื่องแบงก์ใหญ่เปิดสินเชื่อประชาชนรายย่อยแบบง่ายๆ จนไม่ควรหลงเชื่อ หรือโครงการเราชนะเฟส 4 จะแจกเงินเพิ่มKiws• 2 ปีที่แล้ว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ