314 ข้อความ
- 1 คนสงสัยกินแล้วนอนทำให้เสี่ยงเกิดโรคมะเร็งหลอดเลือดสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยน้ำดื่มผสมเบคกิ้งโซดา ช่วยรักษาอาการหวัดได้สุขภาพโควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสปสช. อนุมัติวัคซีนไอกรนชนิดไร้เซลล์อยู่ในชุดสิทธิบัตรทองสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยน้ำเกลือ Normal Saline ใช้แช่คอนแทคเลนส์ได้สุขภาพไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยปอดอักเสบในจีนเป็นโรคลึกลับสุขภาพมีมไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยต้องกักตุนยาปฏิชีวนะ รับมือโรคปอดอักเสบจากแบคทีเรียสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยฟันผุติดต่อกันได้ผ่านการหอมหรือจูบสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยอุทาหรณ์... กรณีศึกษา... ... น้ำแร่มีประโยชน์จริงหริอ พี่ชายผมเป็นหมอ รักสุขภาพมาก ดื่มน้ำแร่มาโดยตลอด โดยที่ไม่มีใครเคยอ่านข้างขวดว่าน้ำแร่ยี่ห้อนี้รุ่นนี้มีแร่อะไร ดื่มๆๆๆ เมื่อคืนวันขึ้นปีใหม่ ช๊อค ไม่มีชีพจร แต่ยังมีสติขับรถำปยัง รพ. ใกล้ๆ กลางดึกได้เอง ผลตรวจร่างกายโดยละเอียด ขาดแร่ธาตุหลายอย่างเลย เพราะ 1.แคลเซียมในน้ำแร่ทั่วไป ขัดขวางการดูดซึมแร่ชนิดอื่นที่ร่างกายก็ต้องการ 2.เลือดข้นเกินไป น้ำแร่ 1 ขวด เราได้รับ H2O จริงๆ น้อยลง ส่วนที่หายไปนั้นเป็นแร่ธาตุเข้มข้น ไตต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อกรองแร่ธาตุให้อยู่ในเกณฑ์ที่เซลล์ร่างกายมนุษย์สามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ เข้มข้นเกินไปผนังเซลล์ก็ปริแตกครับ 3.ความดันสูงปรี๊ด จนกล้ามเนื้อหัวใจตอบสนองไม่ไหว หัวใจจึงเต้นผิดจังหวะ บางช่วงถึงกัยหยุดเต้น สรุปเซลล์ของคนเราต้องการแร่ธาตุในปริมาณปกติ ไม่ใช่แบบคอนเซนเตรทครับ แม้กระทั่งโปรตีนสกัดก็เช่นกัน เกินความจำเป็นของร่างกายครับ การรักษา... ให้น้ำ H2O ทางสายน้ำเกลือ บวกแร่ธาตุที่ขาด เพื่อปรับสมดุล พ่นโอโซน O3 เพื่อเข้าไปจับกับแคลเซียมส่วนเกิน ปรับความข้นของเลือด รอดตายมาได้ ออกจากห้อง icu มาพักฟื้นที่บ้านแล้ว นำประสบการณ์ตรงมาเล่าสู่กันฟังครับสุขภาพผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยค"เสียชีวิตจากการตรวจสุขภาพ" โดย นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ ท่านใดที่อายุเริ่มเยอะขึ้น โดยเฉพาะท่าน สว.ทุกท่าน ควรเสียเวลาอ่านสักนิด จักเป็นประโยชน์ต่อตัวท่านเอง ใครที่มีพ่อแม่ ที่อายุเยอะ ก็ควรอ่านสักนิด เป็นอุทาหรณ์ที่ควรระวัง ใน เรื่อง เสียชีวิตจากการตรวจสุขภาพ ตัวอย่างผู้ป่วยรายที่ ๕๕ เป็นชายไทย อายุ ๗๒ ปี ไม่มีโรคประจำตัวใดๆ ได้ดูแลรักษาสุขภาพของตนเองเป็นอย่างดี ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา ไม่มีอาการผิดปกติ วิ่งออกกำลังกายทุกวัน จึงแข็งแรงดี ในครอบครัวไม่มีใครเป็นเบาหวาน ความดันเลือดสูง โรคหัวใจ หรือโรคร้ายแรงใดๆ บิดามารดาของชายรายนี้ ก็ยังมีชีวิตอยู่ และยังช่วยตนเองได้ตามสภาพแก่ วัยที่เกิน ๙๐ ปีแล้ว แต่แล้ว วันหนึ่ง บุตรสาวคนสุดท้องที่อยู่กับพ่อ เห็นข่าวประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่งว่า ผู้สูงวัยควรไปตรวจ (เช็ก) สุขภาพประจำปีว่า มีโรคร้ายแรงหรือเปล่า จะได้รักษาแต่เนิ่นๆ ยิ่งมีข่าวผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองล้มฟุบกลางที่ประชุม จนต้องนำส่งโรงพยาบาล และ แพทย์ต้องนำไป "บอลลูน" ขยายหลอดเลือดหัวใจโดยด่วน แล้วแพทย์ยังออกมาให้ข่าวว่า "โชคดีที่มาเร็ว ไม่งั้นอาจรักษาไม่ทัน" เป็นต้น ยิ่งทำให้เธอเป็นห่วงพ่อมากขึ้น จึงรบเร้าให้พ่อไป ตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลของรัฐ เพราะเชื่อว่าโรง-พยาบาลของรัฐ คงจะไม่มั่ว หรือตรวจรักษา เพื่อหวังผลกำไรเช่นโรงพยาบาลเอกชน เนื่องจากเธอได้ข่าวว่าโรงพยาบาลเอกชนมี "โปรแกรม" และ "แพ็กเกจ" ตรวจสุขภาพแบบต่างๆ มานานแล้ว เพื่อ หาเงิน ให้กับแพทย์ และ โรงพยาบาล เธอจึงไม่สนใจ แต่เมื่อโรงพยาบาลของรัฐโฆษณาประชาสัมพันธ์ เรื่องการตรวจสุขภาพ โดยเฉพาะ เรื่องโรคหัวใจในผู้สูงอายุ เธอจึงสนใจ และ รบเร้าพ่อให้ไปตรวจ ทั้งที่พ่อเอง ไม่อยากตรวจ เพราะเห็นว่า ตนเองสบายดี ไม่มีอาการผิดปกติอะไร และยังออกกำลังได้เป็นปกติ ทั้งตนเองก็ไม่เคยไปตรวจสุขภาพประจำปีมาก่อนเลย ก็ไม่เห็นเป็น อะไร (แต่เคยไปตรวจสุขภาพ ตอนเป็นหนุ่ม เพื่อสมัครเข้าทำงานเท่านั้น) อย่างไรก็ตาม เมื่อลูกรบเร้าอยู่เรื่อยๆ พ่อก็ยอมตามใจลูก เพราะลูกบอกว่าสามารถเบิกค่าตรวจรักษาต่างๆ ได้หมด จึงไปตรวจสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ ตามคำโฆษณาประชาสัมพันธ์นั้น แม้ว่าการตรวจสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ จะแพงกว่าสำหรับประชาชนทั่วไป ที่ไม่เจาะจงว่า จะตรวจแบบผู้สูงอายุ เนื่องจากโปรแกรม หรือ แพ็กเกจ การตรวจ สุขภาพทั้งหมดหรือ เกือบทั้งหมดจะเน้นการตรวจทางห้องปฏิบัติการ (การตรวจ "แล็บ") แบบครอบจักรวาล หรือแบบสะเปะสะปะ โดยไม่ได้ขัดเกลาให้เหมาะสม กับประวัติความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยของแต่ละคน ซึ่งไม่เหมือนกัน และ ให้เหมาะสมกับความผิดปกติที่พบจากการตรวจร่างกายในแต่ละคน เพราะในการตรวจสุขภาพส่วนใหญ่หรือ เกือบทั้งหมดแพทย์จะให้ความสนใจกับการซักประวัติและการตรวจร่างกายน้อยมากเพราะการซักประ วัติและตรวจร่างกายให้ละเอียดถี่ถ้วน ต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๒๐-๓๐ นาที ซึ่งจะทำให้แพทย์เสียเวลามาก และ ไม่คุ้มกับค่าตรวจที่ได้รับ การตรวจสุขภาพ เกือบทั้งหมด จึงเน้นการตรวจ "แล็บ" เช่น ตรวจเลือด อุจจาระ ปัสสาวะ เอกซเรย์ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ คลื่นเสียงสะท้อนหัวใจและ/หรือท้อง และอื่นๆ เมื่ออายุมากขึ้น อวัยวะและระบบต่างๆ ในร่างกาย จะย่อหย่อนและมีโรคภัยไข้เจ็บเพิ่มมากขึ้น เป็นธรรมดา การตรวจ แล็บ จึงต้องครอบจักรวาลมากขึ้น การตรวจสุขภาพ สำหรับผู้สูงอายุจึงมีราคาแพงมากกว่า สำหรับประชาชนทั่วไป และ ยิ่งตรวจมาก ก็ยิ่งพบความผิดปกติมากขึ้น เป็นธรรมดา ชายผู้นี้ ก็เช่นเดียวกัน หลังการตรวจ แพทย์บอกว่า ไขมัน (คอเลสเตอรอลและ ไตรกลีเซอไรด์) ในเลือดสูงเล็กน้อย กรดยูริกสูงเล็กน้อย คลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าเป็นโรคหัวใจขาดเลือดจากหลอดเลือดหัวใจตีบหรือไม่ ควรตรวจเพิ่มเติมด้วยการออก-กำลังบนลู่วิ่ง (treadmill exercise test) ชายผู้นี้ปฏิเสธ แต่ลูกสาวก็รบเร้าให้ตรวจ เพราะเบิกค่าตรวจได้ ในที่สุดชายผู้นี้ ก็ยอมให้ตรวจคลื่นไฟฟ้า หัวใจขณะวิ่งจนเหนื่อย แต่ไม่มีอาการอะไรอื่น เพราะเคย วิ่งออกกำลังทุกวันอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ผลการตรวจออกมายังก้ำกึ่งว่า จะเป็นโรคหัวใจขาดเลือดหรือไม่ แพทย์จึงแนะนำให้ตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (echocandiography) ซึ่งไม่เหนื่อยและไม่เจ็บตัว ผลปรากฏว่าหัวใจดูปกติดี แต่ไม่สามารถบอกว่าหลอดเลือด หัวใจตีบหรือไม่ แพทย์จึงแนะนำให้สวนหัวใจ (cardiac catheterization) และฉีด สี (สารทึบแสงเอกซเรย์) เข้าในหลอดเลือดหัวใจ (coronary angiography) ซึ่งจะเป็นการตรวจที่แน่นอนที่สุดว่า หลอดเลือดหัวใจผิดปกติหรือไม่ ชายผู้นี้ปฏิเสธ เพราะไม่อยากเจ็บตัวและ เห็นว่า ยิ่งตรวจยิ่ง "หนักข้อ" ขึ้นเรื่อยๆ แต่ลูกสาวก็ยังรบเร้าให้ตรวจ เพราะเบิกค่าตรวจรักษาทั้งหมดได้ และ หมอยังบอกด้วยว่า "ถ้าเป็นพ่อของหมอ หมอก็จะให้สวนหัวใจตรวจเช่นเดียวกัน" ลูกสาวจึงเคี่ยวเข็ญพ่อ จนพ่อยอมอดอาหาร และ เตรียมตัวเป็นอย่างดีเพื่อการสวนหัวใจ และ ในเช้าวันหนึ่ง ชายผู้นี้ ก็ได้รับการสวนหัวใจ แต่ ชายผู้นี้โชคร้าย สายสวนหัวใจเกิดแทงทะลุหลอดเลือดใหญ่ ทำให้ตกเลือด ช็อก และ เสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุการณ์เช่นนี้ แม้เกิดขึ้นน้อยมาก แต่ก็เกิดขึ้นได้ เพราะในการตรวจพิเศษต่างๆ ที่ต้องสอดใส่เครื่องมือเข้าไปในร่างกาย ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ย่อมเกิดขึ้นได้ และ บางรายก็ถึงแก่ชีวิต เช่นเดียวกับการผ่าตัด แม้แต่การผ่าฝีหรือ ผ่าตัดไส้ติ่งที่คนทั่วไป (รวมทั้งแพทย์) อาจเห็นว่า เป็นของเล็กน้อย แต่ ภาวะแทรกซ้อนถึงแก่ชีวิตก็อาจเกิดขึ้นได้ แม้จะเกิดขึ้นน้อยมากก็ตาม การฉีด "สี" (สารทึบแสงเอกซเรย์) ก็เช่นเดียวกัน คนที่แพ้ "สี" อาจจะหายใจไม่ออก ช็อก และเสียชีวิตได้ แม้จะเป็นการฉีด "สี" เข้าหลอดเลือดธรรมดา เหมือนการฉีดยาทั่วไป การตรวจ และ การรักษาต่างๆ ที่ต้องใช้ยา หรือ สารเคมี หรือ เครื่องมือกระทำต่อร่างกาย จึงเกิดผลข้างเคียง (ภาวะแทรกซ้อน) ได้เสมอ ถ้าเป็นน้อย ก็เป็นเพียง อาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ หรือผื่นคัน ถ้าเป็นมาก ก็อาจมีอาการรุนแรง หรือ ถึงแก่ชีวิตได้ ที่น่าเสียใจ สำหรับชายผู้นี้ก็คือ ท่านเป็นคนแข็งแรงดี ไม่มีอาการอะไร และ ไม่มีประวัติโรคร้ายแรงในครอบครัว แต่ต้องมาจบชีวิตลง ด้วย "การตรวจสุขภาพ" ในกรณีนี้ นอกจาก "คนดีๆ" (คนที่ไม่เป็นโรคอะไร) ต้องเสียชีวิตด้วยการตรวจสุขภาพแล้ว "คนดีๆ" อีกคนหนึ่ง ที่ไม่เคยเป็นโรคอะไร ยังต้องล้มป่วยลง ด้วยโรคจิตซึมเศร้า จากความรู้สึกผิดว่า ตนเป็นผู้รบเร้าให้พ่อไปตรวจสุขภาพ จนพ่อต้องเสียชีวิต "การตรวจสุขภาพ" ได้รับการโฆษณาชวนเชื่อมาช้านาน จนกลายเป็น "จินตนาการอันบรรเจิด" หรือ "ความฝันอันสูงสุด" ของประชาชนทั่วไป ที่เข้าใจว่า ถ้าได้ตรวจสุขภาพแบบที่เขาโฆษณากันแล้ว สุขภาพของตนจะดี ไม่มีโรค และ ถ้ามีโรค จะได้ตรวจพบแต่เนิ่นๆ และ รักษาให้หายขาดได้ ยิ่งถ้าได้ตรวจสุขภาพโดยไม่ต้องเสียเงิน หรือ เสียน้อยลง (จากการ "ลดแลกแจกแถม" เช่นเดียวกับการขายสินค้าและบริการต่างๆ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่) ยิ่งทำให้เกิดความอยากที่จะตรวจสุขภาพเพิ่มขึ้น อันที่จริง การตรวจสุขภาพ คือ การตรวจหา "โรค" ให้แก่คนที่ไม่ใช่ผู้ป่วย หรือ หาโรคเพิ่มให้แก่ผู้ป่วย จึงเป็นการ "หาเงิน" ให้แก่แพทย์และโรงพยาบาล โดยเฉพาะแพทย์และโรงพยาบาล ที่มีผู้ป่วยไปให้รักษาน้อย เพราะแพทย์และโรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยมาก จนล้นมืออยู่แล้ว ไม่มีใครที่อยาก จะให้บริการตรวจสุขภาพ กับใครอีก เพราะแค่งานตรวจรักษาผู้ป่วย ก็แสนสาหัสอยู่แล้ว ยังจะต้องมาคอยให้บริการคนดีๆ ที่ไม่มีอาการเจ็บป่วยอีก รัฐบาล และ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่ชอบโฆษณาประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนมาตรวจสุขภาพ "ฟรี" จึงเป็นการเพิ่มภาระ ให้แก่แพทย์และโรงพยาบาล ทำให้แพทย์ และ โรงพยาบาลต้องใช้ทรัพยากร (ทั้งบุคคลและวัตถุ) สำหรับคนดีๆ ทั้งที่ทรัพยากรที่รัฐบาลและ สปสช. ให้ไว้นั้น ก็ยังไม่เพียงพอ สำหรับการตรวจรักษาผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก แล้วยังสร้าง "ค่านิยม" ผิดๆ ให้แก่สังคม และ ประชาชนทั่วไป ในเรื่องสุขภาพ เพราะ สุขภาพ คือ ภาวะแห่งความสุข ทั้งทางกาย ทางใจ ทางจิต และทางสังคม ด้วย "สุขภาพ" ไม่ใช่ภาวะที่ปราศจากโรค เพราะคนทุกคน ย่อมมีโรค อยู่ในตนไม่มากก็น้อย เสมอ เช่น ปวดเวียนศีรษะ เพราะโรคเครียด ปวดฟันเพราะโรคฟันหรือเหงือก ปวดท้องเพราะโรคกระเพาะลำไส้ หรือ อาหารเป็นพิษ ตาพร่ามัว เพราะโรคสายตา เป็นต้น แต่แม้เราจะมีโรค แต่เราก็มีความสุขทั้งทางกาย ทางจิต ทางใจ และทางสังคมได้ ถ้าเราควบคุมดูแลโรค ของเราให้เราสามารถอยู่กับมันได้ อย่างมีความสุข คนที่มีโรคเบาหวาน โรคความดันเลือดสูง โรคหัวใจ/ตับ/ไต ฯลฯ ส่วนใหญ่จึงมีความสุข นั่นคือมี สุขภาพ การมีโรค จึงไม่ได้แปลว่า ไม่มีสุขภาพ หรือ สุขภาพไม่ดี การตรวจสุขภาพ แบบที่ทำกันอยู่ทั่วไป ยังไม่มีหลักฐานใดๆ ว่า จะช่วยสร้างเสริมสุขภาพ แต่มักจะทำให้เกิดโรคประสาท (ความกลัวว่า จะเป็นโรค) และ หาโรค ให้แก่คนดีๆ หรือ ทำให้คนดีๆ ต้องล้มป่วย หรือเสียชีวิต จากการตรวจและการรักษาที่ไม่จำเป็น ต่างๆ ในบางกรณี ก็มีคนดีๆ ที่ไปตรวจเช็กสุขภาพ ของกระเพาะลำไส้ ด้วยการเอกซเรย์แบเรียม แล้วเกิดแบเรียมเป็นพิษ ทำให้คนดีๆ ๔ คน (รวมเด็กในท้องด้วย ก็เป็น ๕ คน) ต้องเสียชีวิตโดยไม่จำเป็น ทำให้การตรวจสุขภาพ ซบเซาไปพักใหญ่ แต่ปัจจุบันกลับเป็นธุรกิจ ที่แพร่หลายและ หาเงินได้อย่างมหาศาล การตรวจสุขภาพ แบบครอบจักรวาลและ แบบสะเปะสะปะ จึงเป็นขยะในทางการแพทย์ และ ควรที่ประชาชน จะรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยม ของธุรกิจเช่นนั้น จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ ของความปรารถนาดีแต่ประสงค์ร้าย ของผู้ใดเป็นอันขาด จงดูแลสุขภาพของตนเองโดยหลีกเลี่ยง จากสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และ อย่าไปห่วงเรื่อง "การตรวจสุขภาพประจำปี" เลย i นพ.สันต์ หัตถีรัตน์สุขภาพผู้บริโภคเฝ้าระวัง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสปสช. อนุมัติระบบบริการ การแพทย์ทางไกลดูแลสุขภาพคนไทยสิทธิบัตรทองในต่างประเทศ เริ่ม 15 ม.ค. 67สุขภาพไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยกินเผ็ดเพิ่มระบบเผาผลาญในร่างกาย ทำให้ผอมเร็วสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยนวดศีรษะของตัวเอง วันละ 1-2 นาที ช่วยป้องกันเส้นเลือดสมองตีบได้สุขภาพไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยรับประทานไข่ทำให้แผลเป็นนูนสุขภาพความสวยความงามลดความอ้วนไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้ว3 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยผู้ที่เป็นโรคไมเกรน เสี่ยงเส้นเลือดสมองแตกมากกว่าคนปกติถึง 46%สุขภาพไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยผู้ที่กระเพาะมีปัญหา กินของเย็น ผลไม้ให้น้ำมาก อาการจะยิ่งรุนแรง ทำให้ใจสั่น และเต้นแรงสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสุขภาพผู้บริโภคเฝ้าระวังมีมไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยท่าบิดกระดูกสันหลัง ทำให้หลับสบายสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยคนเป็นโรคเบาหวานกินยาเป็นจำนวนมากเสี่ยงเป็นโรคไตจริงหรือไม่?คนเป็นโรคเบาหวานกินยาเป็นจำนวนมากเสี่ยงเป็นโรคไตจริงหรือไม่?สุขภาพasmang.3568• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยแชร์จาก FB Dittawat วันนี้ผมมีเรื่องอยากเตือน ขอช่วยแชร์ออกไปที เพราะนี่เป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทย เช่นกัน . พ่อผมเข้าไอซียูวันนี้ก็ยังอยู่ซึ่งเป็นวันที่เจ็ดแล้ว พ่อผมแข็งแรงมากออกกำลังกายตลอด ทุกวันตื่นเช้าจะว่ายน้ำ วันอังคารกับศุกร์ไปตีแบตกับก๊วนของแก ทำแบบนี้มาตลอด เรียกได้ว่าไม่เคยป่วยก็ได้ วันอังคารที่ผ่านมาอยู่ ๆ ก็มีไข้สูง เหงื่อออกมาก ความดันตก เบลอ ๆ หน้าซีดตัวซีดเหลือง น้องสาวผมเลยรีบพาส่งโรงพยาบาล พอมาถึงก็ต้องเข้าไอซียูทันที แพทย์แจ้งว่าร่างกายมีอาการช็อก ออกซิเจนในเลือดต่ำ ความดันต่ำมากลงไปถึง 70/40 หมอประเมินว่าโอกาสเสียชีวิตสูง . ลูกทุกคนสงสัยมากว่าทำไมคนที่แข็งแรงจู่ ๆ ก็ล้มป่วยรุนแรงอย่างนี้ได้ ภายในวันเดียวกันพยาบาลได้แจ้งให้ทราบว่าอาการของคุณพ่อคือการติดเชื้อในกระแสเลือด โดยเบื้องต้นพบแบคทีเรียแกรมบวกชนิดกลม (coccus) พอผมฟังแล้วถึงกับหนังศีรษะชา ใจคิดถึงเชื้อ Streptococcus Suis ขึ้นมา ซึ่งเชื้อตัวนี้มันกำลังระบาดด้วยเพราะเกี่ยวข้องกับพวกหมูเถื่อนที่มีการเอาเข้ามาขายกันเกลื่อนไปในไทยตอนนี้ หมอถามว่าคุณพ่อมีพฤติกรรมเสี่ยงอะไรที่จะรับเชื้อจากพวกเนื้อหมูดิบได้บ้าง ผมคิดออกแค่อย่างเดียวคือแหนม พ่อผมชอบกินแหนมมากเรียกได้ว่าจะต้องมีติดตู้เย็นไว้ตลอด ซึ่งปกติผมกับน้องจะเป็นคนซื้อซึ่งเราซื้อยี่ห้อใหญ่ในตลาดทุกครั้งและมันไม่เคยมีปัญหาอะไรอย่างนี้มาก่อน แต่หลายวันก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ขึ้นผมจำได้แม่นว่าพ่อผมไปประชุม ขากลับคงแวะซื้อแหนมจากที่ไหนมา มันเป็นยี่ห้อแปลก ๆ ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน อันนี้แหละที่พวกเราคิดว่าเป็นต้นตอของเชื้อ . นอกจากตัวแหนมที่แน่นอนว่าถ้าไม่ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อเช่นการฉายรังสีหรือผ่านความร้อนอะไรมาก่อนไม่ว่าจะเชื้ออะไรก็ยังอยู่ในนั้นทั้งนั้น มันเป็นแหล่งรังโรคอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ วิธีบริโภคก็น่าห่วงเพราะผมเชื่อว่าคนชอบกินแหนมมักกินดิบ ๆ ทั้งอย่างนั้น แกะห่อหั่นกินเลย นี่ก็ทำให้รับเชื้อเข้าไปเต็ม ๆ ดังนั้นอยากเตือนไว้นะครับท่านใดที่ชอบกินแหนมดิบระวังให้ดีรวมถึงลาบดิบหรือหลู้พวกนี้ด้วย ถ้าเลี่ยงได้แนะนำให้เลี่ยงเถอะครับ นอกจากนี้การบริโภคหมูกระทะหรือปิ้งย่างก็มีโอกาสติดเชื้อแบคทีเรียพวกนี้ได้เช่นกัน แนะนำให้ใช้ตะเกียบสองคู่ คู่หนึ่งไว้คีบของสดปิ้ง อีกคู่ใช้คีบอาหารกิน . คืนวันอังคารอาการของคุณพ่อแย่ลงเรื่อย ๆ ต้องใช้ยากระตุ้นความดัน ใช้ยาฆ่าเชื้อหลายตัว ดูแกเหนื่อยล้ามากลุกขึ้นนั่งแทบไม่ได้ แต่ยังมีสติอยู่ ทางแพทย์ใส่ท่อระบายปัสสาวะเอาไว้เพื่อจะคอยดูภาวะการทำงานของไตแต่แกรู้สึกอึดอัดโวยวายอยากจะถอดให้ได้ พยาบาลจนปัญญาต้องออกมาเรียกผมตอนตีสอง ผมนอนเฝ้าอยู่หน้าไอซียูนั่นแหละเอาเก้าอี้มาต่อกันแล้วนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ พอพยาบาลมาเรียกก็รีบเข้าไป พ่อผมก็โวยวายอยากกลับบ้านผมก็พยายามปลอบแกและบอกแกด้วยว่าครั้งนี้หนักมากนะป๊าต้องอดทนนะ แกค่อยสงบลง . วันต่อมาอาการยังไม่ดีขึ้น เลือดเป็นกรดอยู่ออกซิเจนต่ำเลยต้องใช้เครื่องพ่นลม (high flow) แต่ก็มีภาวะแทรกซ้อนคือลมเข้าไปในกระเพาะทำให้ยิ่งอึดอัด กระเพาะไปดันกระบังลมทำให้หายใจยากขึ้นไปอีก ทีมแพทย์เลยต้องพิจารณาใส่เครื่องช่วยหายใจเอาไว้อาการออกซิเจนในเลือดต่ำและเลือดเป็นกรดจึงค่อย ๆ ดีขึ้น . อวัยวะที่น่าห่วงที่สุดในช่วงแรกก็คือไต อาการเหงื่อออกมากและค่าไตสูงมันทำให้ร่างกายอยู่ในภาวะช็อก พ่อผมเป็นความดันสูงมีหมอประจำอยู่แล้ว ซึ่งแกก็จะตรวจร่างกายทุกสามเดือนหกเดือน อาการทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ที่ดีตลอดมา . พ่อผมอาการดีขึ้นกว่าวันแรกมาก ค่าไตยังดี ความดันดี หัวใจดี เชื้อแบคทีเรียในเลือดไม่มีแล้ว อาการช็อกไม่มีแล้วแต่ยังอยู่ในช่วงฟื้นฟู หมอยังให้หลับอยู่หวังว่าจะแกจะแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ ช่วยเป็นกำลังใจให้คุณพ่อผมด้วยนะครับ ตัวคุณพ่อทำคุณประโยชน์แก่สังคมมากมาย (ได้รางวัลเสาเสมาธรรมจักรมาครั้งหนึ่ง) แต่หากใครที่ได้อ่านเรื่องนี้แล้วช่วยแชร์ออกไปหรือเอาไปเล่าต่อ รวมถึงเอาไปใช้เป็นแนวทางดูแลผู้สูงอายุในบ้านผมว่ามันจะเป็นประโยชน์มากกว่ารางวัลทั้งหมดที่ผมกับแกได้รับรวมกันเสียอีก ขอบพระคุณครับสุขภาพผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเป็นตะคริวบ่อยจะทำให้เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้สุขภาพไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยหน้ามืดหลังตื่นนอนบ่อย เป็นสัญญาณหัวใจอ่อนแอสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 2 คนสงสัยส่งกลับตามคำแนะนำนะครับ ¤¤¤¤¤¤¤ ♥ โภชนาการบำบัด ♥ ~~~~~~~~~~~~~~~ ■ ใครที่มีเพื่อนรัก! ช่วยกันส่งกันต่อๆไป ความรู้ใหม่ โภชนาการบำบัดโรค ♥ 1. ดื่มน้ำร้อน ปลอดทุกโรค ♥ 2. กินไข่ลวกวันละ 2 ฟอง ใส่พริกไทยดำที่ตำเองหนึ่งช้อนชาจะห่างไกลจากอัลไซเมอร์ ไม่ต้องไปหาหมอ ♥ 3. หยุดกินน้ำตาลทราย เพราะเป็นสาเหตุในการก่อให้เกิดโรคต่างๆ ♥ 4. กินทุเรียน ช่วยรักษาโรคมะเร็ง และแก่ช้า ♥ 5. กินแตงโม ช่วยแก้เลือดอุดตัน ลิ่มเลือด และช่วยบำรุงเลือด ถ้าเป็นผู้ชาย จะทำให้สมรรถภาพทางเพศแข็งแรง ♥ 6. สตรีกินสับปะรด ช่วยกระช้บช่องคลอด ♥ 7. กินกล้วยไข่ ช่วยบำรุง ตับ ไต ผิว ตา กระดูก (เหมาะสำหรับคนทำงานหน้าคอมส์) ทำให้หน้าอกโตด้วย ♥ 8. กล้วยน้ำว้า นำไปเผาทั้งเปลือก ช่วยรักษา อาการปวดหัว ตัวร้อน และเบาหวาน ♥ 9. กล้วยหอม เด็กถ้ากินจะช่วยให้มีความจำดี และสตรีวัยทองช่วยปรับฮอร์โมน ให้กินกับน้ำมะพร้าวอ่อนจะดีมาก ช่วยรักษาโรคฮันจิสัน (สตรีถ้ากินมากจะเซ็กส์จัดนะ) ♥ 10. น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ใช้กิน และนวดหน้า นวดร่างกายทำให้ดูอ่อนกว่าวัย รักษาฝ้า กระ ดีมาก เพราะน้ำมันมะพร้าวเป็นสารตั้งต้นของเครื่องสำอางค์ทุกชนิด ♥ 11. กินน้ำมันหมูดีที่สุด เพราะช่วยซ่อม สร้างเนื้อเยื่อ ที่เหลือขับทิ้งได้ ไม่เหมือนน้ำมันพืช ที่ผ่านกรรมวิธีที่มีสารเคมีตกค้างมากมาย เป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวแน่นอน ♥ 12. กินหอมแดง หอมหัวใหญ่ กระเทียม และตามด้วยมะนาวฝานบางๆทั้งเปลือก 2-3 ชิ้น เพื่อดับกลิ่น เพื่อลดไขมันตัวร้ายในหลอดเลือด ดีกว่ากินยาลดไขมัน ซึ่งมีผลข้างเคียงที่อันตรายมาก ▪▪▪▪▪▪▪▪▪ ★ ส่งต่อเป็นวิทยาทานนะครับ ■ ใครคือเพื่อน 18 คน ที่คุณจะไม่สามารถลืมได้เลยในชีวิต ส่งให้แค่ 18 คน แล้วคอยดูว่า คุณเองจะได้รับกลับมาเท่าไหร่ เริ่มส่งได้เลยนะครับ! อย่าลืมส่งให้เพื่อนคนพิเศษของคุณ (รวมถึงส่งกลับมาให้ข้าพเจ้าด้วย ถ้าข้าพเจ้าเป็นคนพิเศษ) กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่ารักมากๆ เลยนะ ถ้าคุณหรือกลุ่มได้รับกลับมา อย่างน้อย 5 คน ลองดูเลยสุขภาพมะเร็งไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยลุกจากที่นอนกระทันหัน ทำให้กระดูกกะโหลกศีรษะแตก หัวใจหยุดเต้นสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: false2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยวันนี้มีคนมาที่บ้าน(กรุงเทพฯ)ประมาณ 5-6 คน บอกว่ามาจากสาธารณสุข เขต 10 แต่งตัวดีมาก โดยบอกว่าจะมาตรวจเจาะเลือด วัดความดันคนในบ้านเพื่อตรวจสุขภาพ และขอบัตรประชาชนด้วย แต่ทางบ้านไม่ได้ให้เข้าบ้านมาดำเนินการตามที่กลุ่มนี้ขอมา เพราะสงสัยว่าทำไมสาธารณสุขขยันจัง มาตรวจสุขภาพถึงบ้าน สงสัยจะว่างงานมาก แต่แม่บ้านคิดว่าทำไมมาวันจันทร์แต่เช้า เพราะส่วนมากคนไปทำงานหมดแล้ว และทำไมต้องขอบัตรประชาชนด้วย ก็เลยสงสัยว่าน่าจะเป็นมิฉาชีพมากกว่า ก็เลยไม่ให้เข้า โพสต์มาเพื่อเตือนเพื่อนๆที่เป็น FC ให้ทราบครับ ว่าเดี๋ยวนี้น่ากลัวนะครับ มาเป็นกลุ่มใหญ่ 5-6 คน แต่งตัวดีทั้งหญิงและชาย ถ้าเกิดเข้าบ้านมาได้และไม่มีผู้ใหญ่หรือแม่บ้านอยู่ อยู่แต่เด็กทำงานที่บ้าน ถ้าเข้ามาได้จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้จริงๆ บ้านอยู่สุขุมวิท กรุงเทพฯ ยังมีคนกล้าทำแบบนี้ก็น่ากลัวนะครับ ก็เตือนเพื่อนนะครับระวังด้วนะครับสุขภาพผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว