13115 ข้อความ
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม เกาหลีขึ้นบัญชีดำนักท่องเที่ยวไทย 4 จังหวัดภาคอีสาน เป็นพื้นที่สีแดงกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เผย เกาหลีขึ้นบัญชีดำนักท่องเที่ยวไทย 4 จังหวัดภาคอีสาน ให้เป็นพื้นที่สีแดง เป็นข้อมูลเท็จ เตือนอย่าแชร์ วันที่ 15 มีนาคม 2566 มีรายงานว่า แฟนเพจ Anti-Fake News Center Thailand โพสต์ข้อความว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อออนไลน์เกี่ยวกับประเด็นเรื่องเกาหลีขึ้นบัญชีดำนักท่องเที่ยวไทย 4 จังหวัดภาคอีสาน ขอนแก่น ศรีสะเกษ อุดรธานี และยโสธร ให้เป็นพื้นที่สีแดง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้นเป็นข้อมูลเท็จ จากกรณีที่มีผู้บอกต่อข้อมูลที่ระบุว่า เกาหลีขึ้นบัญชีดำนักท่องเที่ยวไทย 4 จังหวัดภาคอีสาน ขอนแก่น ศรีสะเกษ อุดรธานี และยโสธร ให้เป็นพื้นที่สีแดง ทางกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ตรวจสอบข้อมูล และชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวนั้นเป็นข้อมูลปลอม ซึ่งทางรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ไม่ได้มีการออกมาตรการดังกล่าวแต่อย่างใด ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากทางกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://www.mfa.go.th/th หรือโทร 0-2203-5000.หนูเล็ก ผู้มากด้วยปัญญา• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ คนละ 100 บาท ให้ไปรายงานตัวที่เขตเตือนข่าวปลอม อย่าหลงเชื่อ เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ คนละ 100 บาท ให้ทุกคนไปรายงานตัวที่เขต ตรวจสอบแล้วเป็นข้อมูลเท็จ ปัจจุบันยังคงจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันไดช่วงอายุตามเดิม วันที่ 24 มิถุนายน 2565 แฟนเพจ Anti-Fake News Center Thailand โพสต์ข้อความว่า ตามที่มีข้อความแจ้งในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับประเด็นเรื่องเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ คนละ 100 บาท ให้ทุกคนไปรายงานตัวที่เขต ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีข้อความที่ระบุว่ามีการปรับเบี้ยผู้สูงอายุ เพิ่มขึ้นคนละ 100 บาท โดยให้ผู้มีสิทธิ์ทุกคนไปรายงานตัวที่เขตด่วนนั้น ทางกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง เนื่องจากยังคงจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเท่าเดิม ตามแนวทางปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2552 และในปัจจุบันจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันไดตามช่วงอายุ คือ – อายุ 60 - 69 ปี ได้รับเบี้ยยังชีพเดือนละ 600 บาท – อายุ 70 - 79 ปี ได้รับเบี้ยยังชีพเดือนละ 700 บาท – อายุ 80 - 89 ปี ได้รับเบี้ยยังชีพเดือนละ 800 บาท – และอายุ 90 ปี ขึ้นไป ได้รับเบี้ยยังชีพเดือนละ 1,000 บาท แต่สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับการจ่ายเงินช่วยเหลือเพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุ ที่มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ประจำปีงบประมาณ 2565 ดังนี้ 1. ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี ได้รับเงินสงเคราะห์ฯ 100 บาทต่อเดือน 2. ผู้สูงอายุที่มีรายได้มากกว่า 30,000 - 100,000 บาทต่อปี ได้รับเงินสงเคราะห์ฯ 50 บาท ต่อเดือน ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารกรมกิจการผู้สูงอายุ สามารถติดตามได้ที่โทร. 02-642-4336.ข่าวการเมืองหนูเล็ก ผู้มากด้วยปัญญา• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยนักฟิสิกส์ฝรั่งเศสขอโทษ ใช้ไส้กรอกแทนภาพดาวจากกล้องเจมส์เว็บบ์นักฟิสิกส์ฝรั่งเศสขอโทษ ใช้ไส้กรอกแทนภาพดาวจากกล้องเจมส์เว็บบ์มีมstd47986• 1 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วันตามที่มีการโฆษณาทางสื่อโซเชียลเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วัน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มที่ระบุสรรพคุณว่า หากทาสามารถช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าไม่มีครีมหรือเซรั่มใดที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน ได้จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นเพียงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายนอกเพื่อทำความสะอาด สวยงามแต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ โดยเภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ได้ให้ข้อมูลว่า โครงสร้างของจมูกประกอบด้วย 2 ส่วน คือ โครงสร้างส่วนด้านบนเป็นกระดูกแข็ง ด้านล่างเป็นกระดูกอ่อน โดยห่อหุ้มด้วยผิวหนังและไขมัน ดังนั้นครีมที่ทำให้ดั้งโด่งจึงไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระดูก ส่งผลให้จมูกโด่งอย่างแน่นอน ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับภายนอกร่างกายของมนุษย์ รวมถึงฟันและเยื่อบุในช่องปาก เพื่อความสะอาด ความสวยงาม แต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ การโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเครื่องสำอางที่ทำให้ดั้งโด่งได้อย่างรวดเร็วภายใน 7 วัน ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณที่โกหก เพราะครีมหรือเซรั่มเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ภายนอกเท่านั้นความสวยความงามstd48007• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเคสลวงโลกสื่อโซเชียลมีทั้งมุมดีๆและด้านที่แย่ๆ ปะปนกันไป...อยู่ที่ใครจะเลือกเสพให้เป็นประโยชน์แก่ตัวเอง ทั้งในแง่สาระความรู้ความบันเทิง หรือแม้แต่จิตอาสายังประโยชน์ ส่วนรวม!!โลกโซเชียลสามารถร้อยรัดความเป็นหนึ่งในด้านดี กระทั่งสร้างความแตกแยกให้เกิดในสังคม สุดแล้วแต่สำนึกความรับผิดชอบของแต่ละคนจะเลือกทางใด? สัก 3-4 วันก่อน มีเรื่องน่าคิดที่เกิดจากการสร้างกระแสในโลกโซเชียล นำพาไปสู่สิ่งที่คาดไม่ถึง ถึงขนาดหลอกลวงสังคมให้เกิดความไม่สบายใจแก่หลายฝ่ายมีมstd47990• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยโควิด-19 : ทฤษฎีสมคบคิดและข้อมูลเท็จที่ทำให้คนยุโรปต่อต้านมาตรการโควิดช่วงไม่นานมานี้ มีผู้คนออกมาประท้วงในหลายประเทศในยุโรปจนเกิดการปะทะรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ เนื่องจากพวกเขาไม่พอใจที่ทางการกลับมาบังคับใช้มาตรการรับมือโควิด-19 อย่างเข้มงวดอีกครั้ง การประท้วงทั้งบนท้องถนนและในโลกโซเชียลมีเดีย มีการตั้งคำถามถึงความชอบธรรมของทางการในการตัดสินใจดำเนินมาตรการดังกล่าว แต่ขณะเดียวกันก็มีการเผยแพร่ข้อมูลเท็จโดยคนที่ออกไปร่วมการประท้วงด้วย อาทิ การกล่าวหาอย่างเลื่อนลอย ตั้งแต่ การฉีดวัคซีนคือแผนการวางยาพิษต่อประชากร ไปจนถึงการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลราวกับว่า "เผด็จการในการปราบปรามการประท้วง" เป็นต้น "จำเป็นต้องมีความรุนแรงเนื่องจากจำเป็นต้องทำให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น" ริคาร์โด ผู้จัดการประท้วงบอกกับรายการ BBC Newsnight หลังจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงกับตำรวจปราบจลาจลในเนเธอร์แลนด์ ส่วนที่ออสเตรีย กลุ่มต่อต้านวัคซีนที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ที่ชื่อ "People, Freedom, Fundamental Rights" (MFG - หรืออาจแปลได้ว่า กลุ่มประชาชน เสรีภาพ และสิทธิพื้นฐาน) ได้มีบทบาทสำคัญในการวางแผนการประท้วงบนถนนหลายครั้ง ในช่วงเวลาที่ผ่านมา กลุ่ม MFG เปรียบเทียบมาตรการล็อกดาวน์กับการปกครองสมัยนาซีเยอรมนี โดยมีการใช้คำแรง ๆ อาทิ เผด็จการและนโยบายการแบ่งแยกสีผิวstd47978• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยชาวบ้านงง ช่างก็งง ถนนงบ 6.9 ล้าน สร้างไม่ตรงกัน อบต.แจงแล้ว ทำไมเป็นแบบนี้โดยจุดที่เป็นประเด็น อยู่ห่างจากปากซอยบ้านหนองแฝกเข้าไปประมาณ 500 เมตร มีการเทคอนกรีตแบ่งออกเป็น 2 เลน โดยเลนที่กำลังเทไปแล้วคือเลนซ้าย ส่วนฝั่งที่เทมาบรรจบกันได้มีการเริ่มเทมาจาก บ้านโนนดู่ มีส่วนที่เหลื่อมกันอยู่ประมาณ 1.5 เมตร และส่วนที่เกินออกไปประมาณ 1 เมตร จากการสอบถาม คนงาน (ไม่เปิดเผยชื่อ) ทราบว่า ที่เทแบบนี้เนื่องจากชาวบ้านชี้แนวเขตไม่ตรงกัน ทำให้ช่างเข้าใจผิดคิดว่าที่ถนนเดิมซึ่งความจริงเป็นที่นาชาวบ้าน จึงทำให้เทคอนกรีตเลื่อมเข้าไปในที่นาชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านมาร้องว่าล้ำเข้าไปในที่นา จึงหยุดการเทเอาไว้ จากนั้นจึงไปเทจากอีกหมู่บ้านถึงมาบรรจบกัน และจะแก้ไขส่วนที่ผิดทีหลัง ด้าน นายวินัย อายุ 48 ปี ชาวบ้านหนองแฝก ที่ใช้เส้นทางนี้สัญจรไปมาเป็นประจำ เผยว่า จุดดังกล่าวที่ไม่ตรงกันนั้น ได้สร้างมาแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ ตอนแรกก็งงอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนี้ แต่มาดูการสร้างแล้วพบว่า ไม่มีแนวเขตที่ชัดเจน ไม่มีการวางผังให้ตรงกับเจ้าของที่ ทำให้เจ้าของที่ไม่ยอมจึงได้หยุดเอาไว้ก่อน เช่นเดียวกันกับ นายสมบัติ อายุ 48 ปี ชาวบ้านหนองแฝก เผยว่า ถ้าแบบนี้ตนเองคิดว่าไม่ผ่าน ต้องแก้ไขโดยเร็วเพราะถึงจะเทแค่เลนเดียวแต่ชาวบ้านมีความจำเป็นต้องใช้ จึงควรทำให้สามารถสัญจรได้ ทั้งนี้ พบว่า ถนนเส้นดังกล่าวได้มีการขยายแนวเขตจากเดิม มีการนำดินมาถมใหม่ พบว่าดินบางจุดมีการทรุดตัวเนื่องจากถูกน้ำกัดเซาะ ซึ่งเรื่องนี้คงต้องฝากผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิดให้มากกว่านี้ข่าวการเมืองล้อเลียนstd47988• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยรัสเซีย ยูเครน : กลุ่มเฟซบุ๊กลึกลับที่คอยสนับสนุนประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแจ็ค กูดแมน และโอลกา โรบินสัน บีบีซีนิวส์ ขณะที่ทั่วโลกต่างพากันประณามที่รัสเซียตัดสินใจรุกรานยูเครน มีเครือข่ายกลุ่มเฟซบุ๊กที่ดำเนินการโดยกลุ่มคนลึกลับที่พยายามจะเปลี่ยนทัศนคติที่คนทั่วไปมีต่อผู้นำรัสเซีย คนหลายล้านคนได้เห็นโพสต์ที่พยายามจะวาดภาพให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ดูยิ้มแย้มและรักสันติภาพ พวกเขาเหล่านี้เป็น "ซูเปอร์แฟน" ของปูติน บีบีซีลองไปสืบค้นดูว่าพวกเขามาจากที่ไหนและกำลังพยายามทำอะไรบีบีซีร่วมสืบค้นเรื่องนี้กับสถาบันเพื่อการเจรจาเชิงยุทธศาสตร์ (Institute for Strategic Dialogue - ISD) ซึ่งพบว่า มีกลุ่มเฟซบุ๊กสนับสนุนปูตินที่เปิดให้เข้าถึงแบบสาธารณะอยู่ 10 กลุ่ม โดยกลุ่มหนึ่งมีชื่อว่า "Vladimir Putin - Leader of the Free World" หรือ "วลาดิเมียร์ ปูติน - ผู้นำแห่งโลกเสรี" เนื้อหาในกลุ่มเหล่านี้พยายามจะสรรเสริญผู้นำรัสเซียโดยโพสต์เนื้อหาหลายภาษาด้วยกัน อาทิ อังกฤษ รัสเซีย เปอร์เซีย อารบิก และเขมรstd47978• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยตร.เร่งสืบ เหตุพัสดุระเบิดเจ้าหน้าที่ ม.ดังบอสตันเจ็บ 1 ส่อเป็นการจัดฉากตำรวจเมืองบอสตันกำลังสืบสวนข้อเท็จจริงของ เหตุพัสดุระเบิดที่วิทยาเขตของมหาวิทยาลัยนอร์ทอีสเทิร์น ซึ่งทำให้มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย โดยพวกเขาสงสัยว่าเหตุการณ์นี้อาจเป็นการจัดฉาก สำนักข่าว WCVB รายงานว่า ตำรวจหลายนายบอกกับทีมข่าวสืบสวนของพวกเขา เหตุการณ์พัสดุระเบิด ซึ่งทำให้ลูกจ้างวัย 45 ปี ของมหาวิทยาลัยนอร์ทอีสเทิร์น วิทยาเขตบอสตัน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 1 รายเมื่อวันอังคารที่ 13 ก.ย. 2565 ที่ผ่านมา กำลังได้รับการสืบสวนว่าอาจเป็นการจัดฉากstd47990• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยแผ่นดินไหวในตุรกีและซีเรีย HAARP : ศูนย์วิจัยฮาร์ปของสหรัฐฯ ทำหน้าที่อะไร ทำไมถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุหายนะตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ถล่มตุรกีและซีเรียเมื่อ 6 ก.พ. ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 44,000 คน มีการส่งต่อข้อมูล ภาพถ่าย และคลิปวิดีโอของภัยพิบัตินี้ทางทวิตเตอร์แล้วหลายล้านโพสต์ แต่บีบีซีพบว่า มีโพสต์บางส่วนที่มีการกล่าวหา HAARP หรือ ฮาร์ป ตัวแปลงสัญญาณอันทรงพลังที่ตั้งอยู่ในรัฐอะแลสกาของสหรัฐฯ ว่า เป็นตัวทำให้เกิดแผ่นดินไหวขึ้น ฮาร์ป มีชื่อเต็มว่า โครงการวิจัยพลังงานลำแสงออโรราจากความถี่สูง (High-frequency Active Auroral Research Program—HAARP) ก่อตั้งขึ้นโดยกองทัพสหรัฐฯ ในปี 1990 และมหาวิทยาลัยอะแลสกา (University of Alaska) ในเมืองแฟร์แบงก์ส เป็นผู้ดูแลตั้งแต่ปี 2014 มีการใช้ตัวแปลงสัญญาณนี้ในการศึกษาชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ ซึ่งเป็นบริเวณที่ชั้นบรรยากาศของโลกเชื่อมต่อกับอวกาศ ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับ ฮาร์ป หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว มีบัญชีผู้ใช้งานจำนวนมากโพสต์เกี่ยวกับฮาร์ปทางทวิตเตอร์ การตรวจสอบข้อมูลของบีบีซีพบว่า มีการพูดถึงฮาร์ปมากกว่า 550,000 ครั้งstd47978• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยรัสเซีย ยูเครน : พิสูจน์ทฤษฎีสมคบคิดที่อ้างว่าสงครามยูเครนไม่ใช่เรื่องจริงวาระครบรอบ 1 ปีที่รัสเซียยกทัพเข้ารุกรานยูเครนทำให้ทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับสงครามนี้พุ่งสูงขึ้นในโซเชียลมีเดีย โดยที่บางโพสต์มียอดการเข้าไปมีส่วนร่วมจำนวนหลายล้าน บัญชีโซเชียลมีเดียของฝ่ายนิยมขวาในสหรัฐฯ ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากได้โพสต์ข้อความไร้หลักฐานอ้างอิงต่าง ๆ ที่มีเนื้อหาว่าสงครามในยูเครนอาจเป็นเรื่องหลอกลวงที่สื่อมวลชนและรัฐบาลชาติตะวันตกอยู่เบื้องหลัง ผู้โพสต์ข้อความลักษณะนี้และได้รับความสนใจเป็นวงกว้าง รวมถึงบรรดาเจ้าของบัญชีที่เคยถูกทวิตเตอร์ระงับการใช้งาน แต่ได้รับอนุญาตให้กลับมาใช้งานอีกครั้งหลังจากอีลอน มัสต์ เข้าซื้อกิจการstd47978• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยปู่ฤาษีอุดร วิดีโอคอลขอโทษสาว ยอมรับผิดทุกอย่าง จากนี้ขอเดินสายขาว7 เมษายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี น.ส.นิ (นามสมมติ) ชาว จ.อุดรธานี แจ้งความดำเนินคดีกับ ปู่ฤาษีอุดร มหามุณีชัยภักดี หรือ นายวีระยุทธ ชัยภักดี อายุ 36 ปี ชาว จ.อุดรธานี ที่อ้างตัวเป็นพ่อปู่ฤาษีอุดร หลังจากก่อนหน้านี้ ปู่ฤาษีอุดร ได้ชวนไปทำพิธีมุดถ้ำเปิดขุมทรัพย์รับโชค พร้อมกับพูดคุยผ่านแชตไลน์ ลักษณะคุกคามทางเพศ แต่หญิงสาวไม่หลงกล พยายามชวนคุยเพื่อเก็บหลักฐานนำมาแจ้งความเอาผิด ซึ่งเมื่อวานนี้ พ่อปู่ฤาษีอุดร ไปออกรายการทีวีรายการดังขอโทษผู้เสียหาย และผู้ที่ตัวเองพาดพิงว่าเป็นลูกศิษย์ดารา ล่าสุดเวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านพักของ พ่อปู่ฤาษีอุดรอีกครั้ง พบแม่และพ่อปู่ฤาษีอุดรนั่งอยู่ในอาศรม โดยบอกว่า มาถึงบ้านตั้งแต่เมื่อคืน โดยพ่อปู่ดูท่าทางเหนื่อยจากการเดินทาง โดยพ่อปู่ฤาษีบอกว่า ตนเองยอมรับผิดทั้งหมดแล้ว วันนี้จะเดินทางไป สภ.โนนสูง ถอนแจ้งความน้องนิ จะไม่เอาเรื่องเอาราว และไม่อยากให้น้องนิเอาเรื่องด้วย จากนั้น พ่อปู่ฤาษี ได้วิดีโอคอลขอโทษน้องนิว่า "ขอขมาลาโทษที่ทำผิด ต้องขอน้องนิ ยอมรับว่ากระทำผิดไปจริง การทำผิดนั้นยอมรับว่าไม่มีสติ ต่อไปเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก จากนี้สัญญาจะไม่มีการกระทำแบบนี้อีกแล้ว ขอให้อโหสิ หากน้องนิจะไม่อโหสิ หรืออโหสิ ในฐานะตนขอขมาลาโทษในการกระทำที่ล่วงเกินไปในครั้งนี้" ขณะที่น้องนิได้แต่มองหน้าและไม่พูดอะไรstd47990• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอย.ยัน ไม่มีครีม-เซรั่มใด ทาแล้วดั้งพุ่งใน 7 วัน เป็นแค่การอ้างสรรพคุณเกินจริงอย. ชี้แจงไม่มีครีมหรือเซรั่มใด ที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน ได้จริง เป็นเพียงการ กล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ภญ.สุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากกรณีมีผู้แชร์ข้อมูลบนโลกออนไลน์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ครีม หรือเซรั่ม ที่สามารถทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกดั้งโด่ง ภายใน 7 วันนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอเรียนว่า โครงสร้างของจมูกประกอบด้วย 2 ส่วน คือ โครงสร้างส่วนด้านบนเป็นกระดูกแข็ง ด้านล่างเป็นกระดูกอ่อน โดยห่อหุ้มด้วยผิวหนังและไขมัน ดังนั้น ครีมที่ทำให้ดั้งโด่งจึงไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระดูก ส่งผลให้จมูกโด่งอย่างแน่นอน ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับภายนอกร่างกายของมนุษย์ รวมถึงฟันและเยื่อบุในช่องปาก เพื่อความสะอาด ความสวยงาม แต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ การโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเครื่องสำอางที่ทำให้ดั้งโด่งได้อย่างรวดเร็วภายใน 7 วัน ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณที่โกหกทั้งเพ เพราะครีมหรือเซรั่มเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ภายนอกเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ผลิตหรือขายผลิตภัณฑ์ที่หลอกลวงสรรพคุณให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด ถือเป็นการโฆษณาที่แสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือเกินความจริง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รองเลขาธิการ อย.กล่าวว่า อย. เคยออกข่าวเตือนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในลักษณะนี้เมื่อปี 2561 และกลับมาวนซ้ำอีกครั้ง ดังนั้นเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการโฆษณา ขอให้ผู้บริโภคหยุดคิดก่อนตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีการโฆษณาสรรพคุณต่างๆ ว่า ไม่มีผลิตภัณฑ์ใดสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของร่างกายได้ หากพบเห็นการโฆษณาโอ้อวดเกินจริงขอให้แจ้งร้องเรียนที่สายด่วน อย. 1556std47993• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยวงเสวนาชี้ปัญหาข่าวปลอมเรื่องของทุกฝ่าย แหล่งข่าว-ผู้รับสารต้องร่วมมือกัน2 เม.ย. 2565 โคแฟค (ประเทศไทย) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ สำนักข่าว ThaiPBS FNF Thailand และภาคีเครือข่าย จัดเสวนา “บทบาทสื่อไทยในการสกัดข่าวปลอม: อดีต ปัจจุบัน และอนาคต” ที่ รร.เดอะ สุโกศล กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานสัปดาห์ค้นหาข้อเท็จจริง ในวาระวันตรวจสอบข่าวลวงโลก 2565 ระหว่างวันที่ 28 มี.ค.-2 เม.ย. 2565std47990• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยจับผิดโฆษณาเกินจริง!! อกฟู รูฟิต ขาวไวติดสปีด ผอมขั้นเทพ ‘คำสวยหรู’ อาบยาพิษโฆษณาชวนเชื่อ “สบู่ผิวขาวยี่ห้อหนึ่ง” ที่ถูก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ออกมาฟันว่าเป็น “โฆษณาอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง” ผิดกฎหมาย พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค ว่าด้วยเรื่องการโฆษณา ฐานหลอกลวงทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด ซึ่งนี่เป็นส่วนหนึ่งของ “คำโอ้อวด” ที่ใช้โฆษณาขายสินค้าความสวยความงามที่จริงๆ ตอนนี้มี “เกลื่อนตลาด” และกำลังเป็นที่จับตาของสังคม หลังจากกรณีโป๊ะแตก!! “เมจิก สกิน” จากที่ได้สแกนๆ ดูคำโฆษณาขายเกลื่อนในอินเตอร์เน็ต ก็พบว่า ผลิตภัณฑ์ความสวยความงามที่มักมีคำอวดอ้างเกินจริง โดยส่วนใหญ่จะ “จับจุดอ่อน” ด้านบุคลิกภาพที่คนให้ความสำคัญมาเป็นกลยุทธ์ในการจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็น -ลดสิวฝ้า หน้าขาว -ยับยั้งกระบวนการสร้างสีผิวที่ผิดปกติ เปลี่ยนสีผิวดำเป็นขาว ลบริ้วรอย เสริมสร้างคอลลาเจนใหม่เพิ่มการไหลเวียนเลือด -ซ่อมแซมเซลล์ผิวหน้า และกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิว ช่วยสร้างคอลลาเจนให้ผิวหน้าเต่งตึง -ปกป้องผิวจากโรคผิวหนัง ผด ผื่นคัน ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา กลาก เกลื้อน -ช่วยแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง ชะลอการเกิดผมขาว -บำบัดอาการของโรคข้อเข่าเสื่อม ไม่ต้องเสี่ยงผ่าเข่า -ฟื้นฟูความแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย -ครีมขยายเสน่ห์ อกสวย ช่วยกระชับทรวงอก และขยายหน้าอกให้ดูอวอิ่มแต่งตึงได้รูป -ช่วยกำจัดเซลลูไลท์ ไขมันส่วนเกิน ลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน ซึ่งแต่ละคำอวดอ้างนั้น…ล้วน “สวยหรู” แต่หารู้ไม่ว่า “ซ่อนยาพิษ” ไว้ข้างหลัง -ผอมขั้นเทพ!! , ดื้อยาก็ลดได้ , ลดอ้วนเร่งด่วน , ผอมจริงไม่โย่โย่ , ลดจริงพิสูจน์ได้ , มหัศจรรย์ 7 วัน 5 กิโล -ขาวไวติดสปีด, บอกลาผิวดำ ผิวขาวถาวร บำรุงผิวแบบครบสูตร, สูตรผิวขาวไวเหมือนฉีดผิว (ไม่ต้องเจ็บตัว) , ขาวออร่าใน 7 วัน, ขาวขั้นเทพ , ขาวใสใน 1 นาที -แคลเซียมสูงแท้100% สูง 2-7/เดือน -เพิ่มสรรมถภาพทางเพศได้ -หน้าเรียว สวยเป๊ะ -ท้าพิสูจน์ หุ่นเฟิร์ม รูฟิต , อึ๋มจริง อกตู้ม , หน้าอกเต่งตึง ช่องคลอดกระชัด กระตุ้นอารมณ์ -หายขาด, หายแน่, วิเศษยิ่ง, ยอดเยี่ยม, รักษาโรคได้, พิชิตโรคร้าย, ปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียง -ปาฎิหาริย์, สุดยอด!! , ฮีโร่, ชนะเลิศ, ดีเลิศ, ดีเด็ด, เลิศที่สุด , สุดเหวี่ยง , มหัศจรรย์ ข้อความเหล่านี้ เราในฐานะผู้บริโภคต้อง “รู้เท่าทันเหลี่ยม” ไม่หลงเชื่อง่ายๆ เพราะอาจส่งผลเสีย ทั้งทรัพย์สินและสุขภาพ อาจถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้น ก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์สักชิ้น ต้องดูผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากเป็นภาษาไทยชัดเจน มีเลขที่จดแจ้งระบุ มีชื่อผลิตภัณฑ์ วิธีใช้ แหล่งผลิต และส่วนประกอบ จึงจะถือเป็นฉลากที่ถูกต้อง และหากสงสัยว่ามีเลขที่จดแจ้งจริงหรือไม่ก็สามารถตรวจสอบได้ที่ สมาร์ท แอปพลิเคชั่น หรือโทรสายด่วน อย. 1556 เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรกินแล้วผอม อาหารเสริมไม่ใช่ยารักษาโรคได้ และอะไรที่ใช้แล้ว-กินแล้ว เห็นผลใน 3 วัน 7 วัน ฝันไปเถอะ!!!!std47993• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยโฆษกตร.เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวลวงปิดถนนสุขุมวิทโฆษกตร.เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวลวงปิดถนนสุขุมวิท ขาเข้ากรุงเทพฯ 2 ช่องทาง ตั้งแต่โรงเรียนนายเรือสมุทรปราการ-ทางด่วนบางนาดินแดง และปิดการจราจรบนทางด่วนบางนา-ดินแดง 2 ช่องทางstd48072• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยเตือนอย่าหลงเชื่อ เพจ Caixas e mimos ตัดต่อภาพแถลงข่าวของ สปสช.-ใส่ข้อความหลอกลวงประชาชนหน้าแรก Main navigation หน้าแรก ข่าว เฟคนิวส์ สุขภาพปฐมภูมิ โรคอุบัติใหม่ รายงาน Infographic ชุมชนสุขภาพ Search Friday, 10 June 2022 เตือนอย่าหลงเชื่อ เพจ Caixas e mimos ตัดต่อภาพแถลงข่าวของ สปสช.-ใส่ข้อความหลอกลวงประชาชน สปสช. เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ “เพจ Caixas e mimos” หลังนำภาพวันแถลงข่าว “โครงการแว่นตาสำหรับเด็กสายตาผิดปกติฯ” ตัดต่อใส่ข้อความ แอบอ้างหลอกลวงประชาชนหลงเชื่อ เตรียมดำเนินการทางกฎหมาย พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบโดยเร็ว วันที่ 10 มิถุนายน 2565 ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในฐานะโฆษก สปสช. กล่าวว่า ตามที่มีเพจ Facebook ใช้ชื่อ Caixas e mimos ซึ่งอวดอ้างขายสมุนไพรให้กับผู้ป่วยโรคตา โดยได้มีการนำภาพงานแถลงข่าว "แว่นตาสำหรับเด็กสายตาผิดปกติ สิทธิประโยชน์บัตรทอง ของขวัญเพื่อเด็กไทยสายตาดี" ที่จัดโดย สปสช. เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2565 ซึ่งมี นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย นพ.ไชยสิทธิ์ เทพชาตรี รองประธานกรรมการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (service plan) สาขาตาstd48072• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเผย Fake News กระทบสุขภาพคนไทยหนัก ทำคนเข้าใจผิด ตกเป็นเหยื่อข้อมูลเท็จสสส.ร่วมกับองค์กรวิชาชีพสื่อ-วิชาการ-ภาคประชาสังคม จัดเวทีสัญจรรับมือข่าวลวง เพื่อหนุนเสริมการสร้างระบบนิเวศสื่อเพื่อสุขภาวะของไทย Fake News กำลังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนในสังคม กว่า 1 ใน 3 ของข่าวปลอมส่งผลต่อสุขภาพทั้งกายและใจ สสส.ร่วมกับ คณะทำงานคุ้มครองผู้บริโภค สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ กองทุนสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ Change Fusion และเครือข่ายสื่อสร้างสุขภาคใต้ จัดเวทีเสวนาสัญจร เรื่อง “สื่อท้องถิ่นกับการรับมือข่าวลวงและด้านมืดยุคดิจิทัล” นำร่องภูเก็ตเป็นจังหวัดแรก ด้านสื่อท้องถิ่นภาคใต้ผู้บริโภคเฝ้าระวังstd48072• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยแนะแนวทางสกัด “infodemic” ข่าวปลอม-ข้อมูลเท็จ ซ้ำเติมสถานการณ์ “โควิด-19” ระบาดหนักเชื่อมต่อโลกออนไลน์ ระดมความคิดเห็นและแนวทางรับมือ “โรคระบาดข้อมูลข่าวสาร - infodemic” ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 อย่างไร ไม่ให้ตื่นตระหนก และตกเป็นเหยื่อข่าวลวงข้อมูลเท็จ เมื่อเร็วๆ นี้ ในการเสวนาออนไลน์เรื่อง เราควรรับมือโรคระบาดข้อมูลข่าวสาร (Infodemic) อย่างไรให้สมดุล จัดโดย ภาคประชาสังคม และกลุ่ม CoFact หรือ Collaborative Fact Checking แพลตฟอร์มใหม่ของภาคพลเมืองในการตรวจสอบข่าวลวงสุขภาพโควิด 2019ศุภาพิชญ์ จันทร์ภูญา• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยหลอกกันอีกแล้ว ! รู้ทันข่าวลวงก่อนแชร์ในโลกโซเชียลเคยสงสัยไหมว่า เว็บไซต์หรือแอคเคาท์บนโซเชียลถึงชอบสร้างข่าวลวง คำตอบง่าย ๆ นั่นก็คือ อยากได้ “ทราฟฟิค” ที่หมายถึงยอดผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือจำนวนผู้ติดตามนั่นเอง เพราะทราฟฟิคสามารถแปรเปลี่ยนเป็น “ต้นทุน” ในการหาสปอนเซอร์มากมาย ที่เดี๋ยวนี้การโปรโมทแบรนด์หรือข่าวสารต่าง ๆ บนโลกออนไลน์มีมูลค่าไม่แพ้สื่อสิ่งพิมพ์หรือทางโทรทัศน์เลย แล้วยังมีทีท่าว่าจะเพิ่มขึ้นทุกวัน เพราะโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มด้วย ผู้คนต่างมีอีกชีวิตหนึ่งบนโลกโซเชียล การซื้อขายหรือการเนียน ๆ ประชาสัมพันธ์ก็เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ เว็บไซต์หลอกลวงเหล่านี้มักนำเสนอด้วยหัวข้อ ภาพประกอบstd48100• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสธ.จับมือ ดีอี ตำรวจ เอาผิดผู้โพสต์-แชร์ข่าวลวง ‘ไวรัสโคโรนา’กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) กล่าวโทษดำเนินคดีผู้โพสต์ แชร์ข่าวลวง ข้อมูลอันเป็นเท็จเกี่ยวกับโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนา ให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากเว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุขศุภาพิชญ์ จันทร์ภูญา• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผลการศึกษาพบ ‘เฟซบุ๊ค’ ขาดประสิทธิภาพตรวจจับ ‘ข่าวลวงโควิด-19’ผลการศึกษาจากสหรัฐฯ พบว่า เฟซบุ๊คนั้นเต็มไปด้วยข่าวปลอมและทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งคงอยู่บนแพลตฟอร์มนานพอที่จะทำให้ผู้คนนับล้านตกอยู่ในความเสี่ยงศุภาพิชญ์ จันทร์ภูญา• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอย.ขยายเครือข่ายภาคประชาชน “รู้ให้เท่า ก้าวให้ทัน กับข่าวลวง”อย. ผนึกกำลังคณะทำงานภาคประชาชน สร้างเครือข่าย “ รู้ให้เท่า ก้าวให้ทัน กับข่าวลวง (Fake News) บนโลกออนไลน์ หลังพบข่าวลวงบนโซเชียลฯ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องผลิตภัณฑ์สุขภาพศุภาพิชญ์ จันทร์ภูญา• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! อาหารเสริมมณฑาและอัคคี ทานคู่กันสามารถป้องกันเส้นเลือดตีบ แขนขาอ่อนแรง เป็นยาอายุวัฒนะกรณีที่มีการโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับประเด็นเรื่องอาหารเสริมมณฑาและอัคคี ทานคู่กันสามารถป้องกันเส้นเลือดตีบ แขนขาอ่อนแรง เป็นยาอายุวัฒนะ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จstd48102• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเรื่องกัญชารักษามะเร็งในอเมริกาShi S และคณะได้ตีพิมพ์งานวิจัยเพื่อประเมินแนวโน้มการแพร่กระจายข่าวลวงเรื่องกัญชารักษามะเร็ง ในวารสารวิชาการทางการแพทย์ Cureus เดือนมกราคม 2019 เค้าวิเคราะห์โดยอาศัยข้อมูลเกี่ยวกับการค้นหาข้อมูลโดยใช้ Google trends ตั้งแต่ปี 2011-2018 ในประเทศสหรัฐอเมริกา พบสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่างทีเดียวศุภาพิชญ์ จันทร์ภูญา• 1 ปีที่แล้ว