915 ข้อความ
- 1 คนสงสัยข่าวการเมืองมีมไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัวmeter: mostly-false--middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัย#ฐานทัพสหรัฐ ในไทย ฉบับอ่านง่าย คุณ @Don Plooksawasd เขียนบทความน่าสนใจมาให้อ่านกันเกี่ยวกับกระแสข่าวที่ส่งกันตามไลน์ว่าประเทศไทยกำลังจะได้อเมริกามาตั้งฐานทัพแล้ว หลังจากเอาฮากันไปแล้ว บทความนี้จะมาดูกันแบบจริงจังว่าที่ลือ ๆ กันนั้นมันมีมูลความจริงแค่ไหน ---------------- TLDR สำหรับโควต้า 7 บรรทัด: โอกาสในปัจจุบันยังต่ำมาก เพราะจากประวัติศาสตร์แล้วการที่ไทยจะเชิญสหรัฐฯมาตั้งฐานทัพมีปัจจัยหลัก 3 ประการคือ 1. ทั้งสองประเทศต้องเห็นภัยคุกคามร่วมกัน 2. ภัยคุกคามนั้นสูงจนรัฐไทยมองว่าอาจเป็นภัยต่อสถาบันหลักชาติ, ศาสนา, พระมหากษัตริย์ 3. ทางสหรัฐฯต้องมองเห็นประโยชน์ในแง่ภูมิศาสตร์และยุทธศาสตร์ของการมาตั้งฐานทัพในไทยด้วย ปัจจัยเหล่านี้เป็นจริงในยุคสงครามเวียดนาม แต่ไม่เป็นจริงในปัจจุบัน แม้รัฐบาลจะเปลี่ยนเป็นก้าวไกลหรือรัฐบาลจากพรรคประชาธิปไตยอื่นก็ตาม ---------------- แรกเริ่มฐานทัพสหรัฐฯในไทย ไทยเชิญสหรัฐฯมาตั้งฐานทัพในช่วงปี 1961 สมัยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่มองการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์และแนวคิดเศรษฐกิจคอมมิวนิสต์ว่าเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประกอบกับสหรัฐฯในยุคนั้นดำเนินนโยบายให้การสนับสนุนประเทศที่ถูกคุกคามจากภัยคอมมิวนิสต์ ฐานทัพสหรัฐฯแห่งแรกในไทยคือดอนเมือง จากนั้นเพื่อรองรับบทบาทที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯในเวียดนามก็ผุดฐานทัพใหม่ๆ ในภาคอีสานเพื่อรองรับการภารกิจต่าง ๆ เช่นการสอดแนมและทิ้งระเบิด ซึ่งเที่ยวบินกว่า 80% บินออกจากฐานในไทย ฐานทัพที่สหรัฐฯใช้ปฎิบัติการทั้ง 7 ฐานถือว่าเป็นของรัฐบาลไทย ผู้บัญชาการฐานทัพเป็นนายทหารไทย แต่สหรัฐฯให้เงินสนับสนุนด้านต่างๆ รวมถึงการเวนคืนที่ดินเพิ่มเติม นอกจากตั้งฐานทัพตามคำเชิญแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯยังวางรากฐานในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถาบันหลักของชาติในการต่อต้านคอมมิวนิสต์ เช่นการจัดตั้งตำรวจตระเวณชายแดน, การให้ความสนับสนุนสถาบันศาสนาผ่าน Asia Foundation, รวมถึงความสัมพันธุ์อันดีเยี่ยมระหว่างราชวงศ์ไทยและสหรัฐฯ ซึ่งนอกจากการมาเยือนในระดับประธานาธิบดีจากทั้ง Johnson และ Nixon ยังมีการเสด็จเยี่ยมทหารสหรัฐฯในไทยจากทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชการที่ 9 และสมเด็จพระบรมราชินินาถ ---------------- ปิดม่าน ความทรหดในสนามรบของเวียดนามเหนือบวกกับกระแสต่อต้านสงครามเวียดนามที่สูงขึ้นในสหรัฐฯ ทำให้หลังจากการลงนามสัญญาปารีสในปี 1973 แล้วรัฐบาล Nixon เริ่มลดกำลังทหารในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงในไทยลง ซึ่งสอดคล้องพอดีกับสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยที่เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516(1973) ขับไล่รัฐบาลจอมพล ถนอม พร้อมกับแสดงถึงความไม่พอใจขอสาธารณชนต่อสถานะของสหรัฐฯที่ถูกมองว่าเป็นนั่งร้านสนับสนุนรัฐบาลไทยด้วย เมื่อรัฐบาลเสนีย์ ปราโมทย์ ชนะการเลือกตั้งในปี 1975 จึงเปลี่ยนโยบายการต่างประเทศให้เป็นมิตรกับคอมมิวนิสต์จีนมากขึ้นเพื่อปักกิ่งลดการสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์ในประเทศไทยลง นับเป็นยุทธวิธีที่เห็นโอกาสที่เกิดจากการแตกหักในโลกคอมมิวนิสต์ระหว่างจีนกับสหภาพโซเวียต โดยสหรัฐฯเองก็ส่งประธานาธิบดี Nixon ไปเยือนจีนก่อนหน้าตั้งแต่ปี 1972 เพื่อเพิ่มสัมพันธ์เช่นกัน ไทยวางตัวเป็นอิสระบนเวทีโลกมากขึ้นเพื่อลดภาพการเป็นตัวแทนสหรัฐฯในภูมิภาค สหรัฐฯถูกขอให้ถอนทหารจากฐานทัพต่างๆ ภายในปี 1976 ซึ่งสหรัฐฯตกลงถอนทหารภายในเวลาที่กำหนดรวมถึงยกสิ่งปลูกสร้างและยุทโธปกรณ์ที่ขนย้ายลำบากให้กับทางการไทย แต่วิธีการบริหารภัยคุกคามคอมมิวนิสต์ของรัฐบาลเสนีย์ถูกกลุ่มอนุรักษ์นิยมในประเทศบางส่วนมองว่าอ่อนปวกเปียกและมีความชะล่าใจมากเกินไป มีความพยายามเรียกร้องให้สหรัฐฯชะลอแผนถอนทหารลงแต่ไม่เป็นผล ซึ่งความกระวนกระวายนี้เป็นหนึ่งในปัจจัยที่นำไปสู่เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 (1976) ในเวลาต่อมา ในตอนนั้นแม้สหรัฐฯจะถอนกำลังจากไทยไปหมดแล้วตั้งแต่มิถุนายน 1976 แต่ก็เป็นชาติแรกที่ไทยเข้าหาเพื่อให้สนับสนุนด้านภาพพจน์ของรัฐบาลที่เสียหายจากเหตุการณ์สังหารหมู่ในธรรมศาสตร์และรัฐประหารที่ตามมา ในทศวรรษต่อ ๆ มา สหรัฐฯ-ไทย ยังมีความร่วมมือหลายด้าน เช่น ด้านข่าวกรองแลกกับการใช้สถานที่ใทยสำหรับหน่วยงาน NSA, การฝึกทหารร่วมกัน และการขายอาวุธทันสมัยอย่าง F-16 ----------------- ถ้าเราย้อนกลับไปดูปัจจัยทั้ง 3 ประการข้างต้นจะเข้ามาและจากไปของฐานทัพสหรัฐฯในช่วงสงครามเย็น 1. ทั้งสองประเทศต้องเห็นภัยคุกคามร่วมกัน: สหรัฐฯและไทยเห็นคอมมิวนิสต์เป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศ แต่พอเข้ายุค 70s สหรัฐฯไม่ได้มองการลงมาต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ในเอเซียว่าเป็นเรื่องคุ้มตค่า 2. ภัยคุกคามนั้นสูงจนรัฐไทยมองว่าอาจเป็นภัยต่อสถาบันหลักชาติ, ศาสนา, พระมหากษัตริย์: ประเด็นนี้จริงในยุค 60 แต่ภายหลังปี 1973 ยุทธวิธีทางการทูตใหม่ ๆ ของรัฐบาลเสนีย์ที่อาศัยการแตกกันของ จีน-โซเวียต ทำให้การมีอยู่ของฐานทัพเป็นเรื่องไม่จำเป็น 3. ทางสหรัฐฯต้องมองเห็นประโยชน์ในแง่ภูมิศาสตร์และยุทธศาสตร์ของการมาตั้งฐานทัพในไทยด้วย: การทิ้งระเบิดทางยุทธวิธีในเวียดนาม ต้องอาศัยฐานบินในประเทศไทย เมื่อสงครามเวีดนามจบ จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้ฐานในไทยอีก ------------------- เข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ถ้าเราเอาปัจจัยสามข้อที่ว่ามากาง เทียบกับบริบทความขัดแย้งในเอเซียในปัจจุบัน จะพบว่าโอกาสการเชิญสหรัฐฯมาตั้งฐานทัพในไทยมีโอกาสความเป็นไปได้ต่ำ 1. ทั้งสองประเทศต้องเห็นภัยคุกคามร่วมกันหรือไม่? ปัจจัยที่จะเกิดสงครามครั้งใหม่ระหว่างจีนและสหรัฐฯคือประเด็นความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ระหว่างจีนและบางชาติใน ASEAN รวมถึงกรณีไต้หวัน ซึ่งในเรื่องนี้ไทยไม่มีส่วนได้เสีย กับพื้นที่ในทะเลจีนใต้เลย ขณะเดียวกันชาติ ASEAN เช่นเวียดนามและฟิลิปินส์ที่เพิ่มระดับความเป็นมิตรกับสหรัฐฯเป็นพิเศษในหลายปีที่ผ่านมาเพราะขัดแย้งกับจีนในเรื่องผลประโยชน์ทะเลจีนใต้ทั้งสิ้น กระทั่งประเทศเหล่านี้ก็มองความขัดแย้งของตัวกับจีนแยกกับประเด็นไต้หวัน 2. ภัยคุกคามนั้นสูงจนรัฐไทยมองว่าอาจเป็นภัยต่อสถาบันหลักชาติ, ศาสนา, พระมหากษัตริย์หรือไม่? ประเทศไทยไม่ได้มองจีนเป็นภัยคุกคามด้วยซ้ำ กระทั่งพรรคการเมืองฝั่งประชาธิปไตยอย่าง #ก้าวไกล หรือ #เพื่อไทย ก็มองผลประโยชน์ด้านการค้าและการท่องเที่ยวกับจีนเป็นหลัก ยังไม่มีคำพูดจากผู้สมัครพรรคการเมืองคนไหนเลยที่บอกว่าไทยต้องลดระดับความสัมพันธ์กับจีนหรือสหรัฐฯ การยกตัวอย่างกรณี รัสเซีย-ยูเครน ก็เป็นการเทียบที่ไม่เข้าท่า เพราะในขณะที่รัสเซียมีมายาคติเชื่อว่าประเทศตนเองจะเป็นจักรวรรดิยิ่งใหญ่ในยูเรเซียได้ต้องมียูเครนเป็นบริวาร ไทยไม่ได้ถูกมองแบบนั้นในจินตนาการของทั้งจีนหรือสหรัฐฯ ถ้าเทียบในบริบท รัสเซีย-ยูเครน ไต้หวันต่างหากที่พอจะเข้าข่าย เพราะการยึดไต้หวันคือการปิดฉากสงครามกลางเมืองจีนอย่างสมบูรณ์ 3. ทางสหรัฐฯมองเห็นประโยชน์ในแง่ภูมิศาสตร์และยุทธศาสตร์ของการมาตั้งฐานทัพในไทยไหม? ถ้าเราดูแผน Army 2030, Marine 2030 ซึ่งเป็นการออกแบบกำลังของสหรัฐฯในยุคทศวรรษหน้า จะเห็นว่าไทยไม่ได้อยู่ในแผนการวางกำลังเลยเพราะภูมิศาสตร์ประเทศอยู่ห่างจากสนามรบในทะเลจีนใต้ค่อนข้างมาก คนละเรื่องกับสมัยสงครามเวียดนามที่อยู่แทบจะติดกับพื้นที่การรบ รายงาน U.S. Ground Forces in the Indo-Pacific: Background and Issues for Congress ที่ทำโดยสภาคองเกรสเมื่อปีที่แล้ว มีพูดถึงแผน Army 2030 กับ Marine 2030 ไม่ได้พูดถึงความเป็นไปได้ในการตั้งฐานทัพในไทย แต่มีการระบุเรื่องย้ายหน่วย Marine 3rd Expeditionary Force จากโอกินาว่าไปเกาะกวม รายงาน Indo-Pacific Deterrence and the Quad in 2030 ที่จัดทำโดยเพนตากอนในปี 2021 มีการพิจารณาเรื่องการตั้งฐานทัพใหม่ ๆ ให้กระจายไปตามเกาะต่างๆ ของมหาสมุทร Pacific เพื่อลดอันตรายจากการโจมตีจากจีน รวมถึงระบุแนวทางการตั้งฐานทัพร่วมกับพันธมิตร QUAD (สหรัฐฯ-อินเดีย-ออสเตรเลีย-ญี่ปุ่น) โดยมีเกาะ Nicobar ในทะเลอันดามัน ซึ่งมีประโยชน์ในการสกัดกั้นเส้นทางขนถ่ายน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซียไปยังจีน และฐานทัพในออสเตรเลียเพราะอยู่นอกระยะทำการ 4,000 กิโลเมตรของขีปนาวุธ DF-26 อาวุธใหม่ ๆ ที่สหรัฐฯทำการวิจัยอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ Hypersonic, จรวด PrSM Inc 4 พิสัย 1,000 กิโลเมตรที่ใช้กับ HIMARS, เรือดำน้ำนิวเคลียร์ที่สร้างให้ออสเตรเลียร่วมกับกลุ่ม AUKUS รวมถึงอาวุธพิสัยไกลปล่อยเป็นฝูงได้จากเครื่องบินขนส่ง C-130 ชี้ไปยังแผนยุทธศาสตร์ที่มีศูนย์กลางเป็นมหาสมทุรแปซิฟิก, การหยุดยั้งการข้ามช่องแคบไต้หวันและการปิดเส้นทางเดินเรือทางทะเลจีนเป็นหลักโดยไม่พึ่งพาฐานทัพที่อยู่ในระยะโจมตีจากจีนมากเกินไป สหรัฐฯสามารถสกัดกั้นจีนได้มีประสิทธิภาพกว่า ด้วยความช่วยเหลือของประเทศเป็นมิตรอย่างฟิลิปินส์และเวียดนามที่มองจีนเป็นภัยคุกคามจากกรณีทะเลจีนใต้ รวมถึงมีภูมิศาสตร์ที่อยู่ใกล้กับแนวรบพอดี ------------------ ด้วยปัจจัยทั้งสามอย่างแล้วเราจึงสรุปได้ว่าความเป็นไปได้ที่ไทยจะเชิญสหรัฐฯมาตั้งฐานทัพมีต่ำมาก แต่ทุกอย่างก็เป็นไปได้ ผู้เล่นในภูมิภาคไม่ได้มีเพียงไทยหรือสหรัฐฯเท่านั้น การเคลื่อนไหวของจีนและประเทศอื่นๆ ใน ASEAN สามารถส่งผลให้ปัจจัยข้อ 1,2 เปลี่ยนไป เช่นหากจีนต้องการกดดันให้แน่ใจว่าไทยจะวางเฉยด้วยการขยายฐานทัพเรือในกัมพูชา, สนับสนุนท่าทีของกัมพูชาให้ก้าวร้าวกับไทยมากขึ้น หรือใช้พม่ากดดันไทยผ่านทะเลอันดามัน การประเมินภัยคุกคามของไทยก็อาจเปลี่ยนไปและเป็นปัจจัยให้เชิญสหรัฐฯเข้ามาตั้งฐานทัพได้เช่นกัน ในอนาคตที่ไม่แน่นอนการวางยุทธศาสตร์และการจัดซื้ออาวุธของประเทศจึงควรมีภาพที่ชัดเจนว่าจะสงครามจะเกิดอย่างไร, ที่ไหน และบทบาทของไทยเพื่อป้องกันการเกิดสงครามคืออะไร หากเกิดสงครามคืออะไร? ในฐานะประชาชน เราไม่ควรตื่นตูมกับข่าวประเภทนี้แต่ควรพยายามเข้าใจบริบทในอดีตและเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างไม่ใช้อารมณ์ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อผู้ที่มีเป้าหมายทางการเมืองได้https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0EW5mpomMTGW6KpnPN7DaixNzTukfdL3M3AZ3t5CVx7AXWveWGChjAsyCxXgvjRG6l&id=100047386231809&sfnsn=mo&mibextid=jf9HGSข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยข่าวการเมืองผู้บริโภคเฝ้าระวังมีมล้อเลียนแอคปลอมไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: false2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข่าวการเมืองผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยกรณีพ่อหลวง ร.๙ ทรงนำเงินคืนกองทุน การเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF คราววิกฤติที่ นายจอร์จโซรอสซาตาน เข้าโจมตีค่าเงินบาท ใน สมัยพล.อ.ชวลิต ยงใจ ยุทธ เป็นนายกฯ ต้องนำ เงินสู้วิกฤติจนเงินเกลี้ยง คลังแตะที่ 55บาทต่อ 1 ดอล่าร์สะเทือนทั้งแผ่น ดินคนไทยจำได้ไหม? เพื่อไม่ให้เป็นภาระ คลังของประเทศ ที่ต้อง จ่ายอัตราดอกเบี้ยรวม ทั้งเงินต้น และมิให้เกิด ความเสื่อมเสีย เสียชื่อ ขาดความเชื่อมั่น ใน นานาอารยประเทศ ด้วยพระบารมีอันหา ที่สุดมิได้ จึงทรงพระกรุ ณาโปรดเกล้าฯมอบให้ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น คือพตท.ทักษิณ ชินวัตร นำไปคืนเงินกู้ 500,000 ล้านบาทแก่ IMF เป็น อันหมดหนี้กัน แต่ ..นายกฯกลับไม่ บอกคนไทยให้รู้ว่า เป็น เงินจากน้ำพระทัยของ ในหลวง ร.๙ กลับบอก ว่า เป็นการบริหารเงิน ของรัฐบาลของตน ! ช่างน่าละอายแก่ใจ ยิ่งนัก คนไทยบางคน ท่านอาจยังไม่รู้ หรือ "ไม่รู้เลย ! " เพราะถูก ปกปิดความจริง ที่คน ทั้งแผ่นดิน สมควรรู้ อย่างยิ่ง พระองค์ ..ผู้ทรงปิด ทองหลังพระโดยแท้ .. จะสถิตในดวงใจ ของปวงข้าพระพุทธเจ้า มิเสื่อมคลาย ..ตราบ นิรันดร์ข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว2 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยhttps://youtube.com/watch?v=z_nqMh41OT8ข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวการเมืองภาคอีสานภาคเหนือไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวการเมืองยาสมุนไพรไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยผมเข้าไปอ่านตามเวปต่างๆ… หลังชัยชนะของพรรคก้าวไกล เห็น sentiment (ความรู้สึก)ของคนรุ่นเรา ที่ออกมาคร่ำครวญ … ประเด็นหลัก ๆ คือ อ้างความเป็นห่วงบ้านเมือง กลัวเด็กๆ จะล้มเจ้า กลัวพวกนี้บริหารบ้านเมืองไม่ได้ กลัวมีอเมริกา ต่างชาติ หนุนหลัง บลาๆๆ น่าสงสารคนแก่เหล่านี้มาก ความจริงที่หลายคนอาจลืมไป คือ 1 . เราอายุเกิน 65 ปี โดยคำจำกัดความของ UN เป็นคนแก่ แล้ว ทำงานมาตลอดชีวิต บัดนี้หมดหน้าที่ในการทำราชการงานเมือง หน้าที่ที่เหลือคืออย่าเป็นภาระแก่สังคม และหัดเงียบให้เป็น(ถ้าเขาไม่ถามความเห็น) 2. คนรุ่นลูกเราฉลาดกว่าที่เราคิด ฉลาดกว่าพวกคนแก่ที่ขี้โกงอย่างไม่เห็นฝุ่น เขามี ข้อมูลมาก ด้วยยุคสมัยของ IT. เขามีมันสมอง ที่สำคัญคือเขามีอนาคตของคนรุ่นเขาเป็นเดิมพัน ดูการเข้าถึงคนของเขา เหนือชั้นกว่าคนแก่มาก 3. เรื่องการทำงาน ควรต้องผ่านการพิสูจน์ก่อน ถึงจะรับรู้ความจริงได้ ว่าชั่วหรือดีเช่นไร จากนั้นก็จะค่อยคิดได้ ว่าควร ปรับ ปลด ปล่อย อย่างไร 4. เด็กรุ่นลูกในวันนี้คือผู้ที่จะหามศพเราขึ้นสู่เมรุ (ลองตรองดูตอนเราเองอายุวัยนั้น เรารุนแรงกว่าเด็กๆ ตอนนี้เยอะ) จงเข้าใจ 5.เราแก่แล้ว จงนั่งดูเขา หมดเวลาของเราแล้ว ให้คำปรึกษาบ้าง(หากเขาต้องการ) อีกไม่กี่ปีคนรุ่นเราก็จากโลกนี้ไป 6. ส่วนที่กลัวคนล้มสถาบัน ก็ขอจงใช้สติ คนไทยไม่ได้โง่งมทั้งหมด ไม่มีใึครล้มสถาบันได้ (พรรคที่โหนสถาบันโดยประกาศตัว แบบไทยภักดีไม่ได้ สส.สักคน !! )ข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว3 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยด่วนมากๆลับสุดยอด พรรคก้าวไกล”ผวาหนาวสุดขีด ! :grin::kissing_heart:#แชร์ด่วนนายกรัฐมนตรีอยู่ยาว โดยวันนี้ นายก รัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ไปปฎิบัติหน้าทีใน ตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี “รักษาการ อย่างเร่งรีบ โดยอาจจะต้องทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อีกยาวนานทีเดียว หลังฝ่ายกฎหมายระดับประเทศทุกฝ่ายให้ความเห็นต่อ”นายกฯพล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า พรรคก้าวไกลมีโอกาสถูกยุบพรรคสูงมาก ทั้งการเลือกตั้งหนนี้อาจจะเข้าข่ายเป็นโมฆะ ให้รัฐบาลรักษาการตามกฎหมายไปก่อน เนื่องจากรัฐบาลต้องรอผลวินิจฉัยของ ”คณะกรรมการเลือกตั้ง กกต. ปปช. และศาลรัฐธรรมนูญ ว่า การเลือกตั้งดังกล่าวเป็นโมฆะหรือไม่ และการกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ถือหุ้นไอทีวีอยู่นั้นผิดด้วยกฏหมายว่าด้วยการเลือกตั้งหรือไม่ ทั้งการที่พรรคก้าวไกล และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีเจตนาพฤติกรรมชัดแจ้ง ในการยกเลิกมาตรา 112 และแก้ไขมาตรา 112 อีกทั้งสนับสนุน ”ขบวนการแก๊งหมิ่นให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างชัดแจ้งและเปิดเผย ”เข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรไทย” จึงต้องรอให้คณะกรรมการ กกต. ปปช.และศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยพิพากษาการกระทำทั้งหมดของพรรคก้าวไกล ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน โดยหากคณะกรรมการ กกต.และศาลรัฐธรรมนูญ มีความเห็นว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ จะส่งผลให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล จะต้องชดใช้เงินในการเลือกตั้งใหม่ไม่ต่ำกว่า 8000 ล้านบาท และเป็นสาเหตุอย่างยิ่งที่ นายกรัฐมนตรี พลเอก.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องไล่เบี้ยเงินค่าเลือกตั้งใหม่ จากพรรคก้าวไกล ในจำนวนเงินดังกล่าว 8000 ล้านบาท อย่างเร่งรีบ เร่งด่วน เพื่อนำมาใช้ในการเลือกตั้งใหม่ให้ถูกต้องตามกฏหมายว่าด้วยการเลือกตั้งต่อไป … :grin::kissing_heart::grin: #พรรคก้าวไกลไปเรียนมาใหม่นะ #ถ้าจะคิดรบกับทหาร #พรรคก้าวไกล #พิธาลิ้มเจริญรัตน์ #ธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจ #หัวเราะที่หลังดังกว่านะนายจ๋าาา..:grin::kissing_heart: Cr.คเณศพิศณุเทพ จักรภพมหาเดชาข่าวการเมืองเลือกตั้ง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัวmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยความเห็นของทนายวรพรรณ น่าสนใจครับ ถ้าคะแนนก้าวไกลสูงลิบลิ่ว!!!! ...ไม่อยากให้นายพิธา ถูกสอย..อยากเห็นนายพิธากับ ส.ส.ก้าวไกล(หนุ่มสาววัยใส) เป็นรัฐบาล ... อยากเห็น พิธากับ ส.ส.หน้าใหม่(วัยใสทั้งนั้น)บริหารประเทศดูนะคะ... ...เราเคยสูญเงินไปหลายแสนล้านกับโครงการรับจำนำข้าวแล้ว...คนไทยก็ไม่เข็ด.... ...ไหนๆก็ไหนๆแล้ว...ก็ปล่อยให้เด็กๆที่เพิ่งเรียนจบ วัยใสๆทั้งนั้น เข้าไปเจี๊ยวจ๊าวในสภาฯดู...จะเป็นไร ...เราอาจต้องซื้อประสบการณ์ชีวิตราคาแสนแพง แต่ได้เห็นภาพจริง เสียงจริง...ที่คนส่วนมากเลือกเอง... ...บางครั้งยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ....เราก็ส่งเสริมไปซะ...บ่นไปก็เมื่อยปาก สอนมากก็เหนื่อยใจ....สู้ทำใจไปเล้ยยย ...ถึงเวลานั้น...อย่ามาบ่น...จะกระทืบซ้ำ!!! ...อ่อ...อย่าลืม สัญญาที่ให้ไว้ล่ะ...ทั้งค่าแรงขั้นต่ำทำเลยทันที 450 บาท และเบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 บาทไม่มีเงื่อนไขของพวกเรา ...และอื่นๆ... ..ป้าๆ ลุงๆจะคอยลุ้นหนูๆเดินเข้าสภาฯ อย่าดื้อกันล่ะ จะเสียงาน...แล้วอย่าลืมเข้าประขุมสภาฯด้วย อย่ามัวแต่จีบสาวจนเพลิน ส.ส.สาวๆก็อย่ามัวแต่ช้อปปิ้งจิ้มมือถือนะจ๊ะ... ...โอเคร สภาผู้แทนราษฎรหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่(จริงๆ) กรรมของประเทศ อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด ยอมรับและจับตามอง...เท่านั้นเองข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเขตเลือกตั้งที่10 สัตหีบ เจ้าหน้าที่ลบและแก้ไขจำนวนบัตรเสียบนป้ายประกาศคะแนนการเลือกตั้ง ลดลงกว่า5,000ใบข่าวการเมืองเลือกตั้งPotter• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัวmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยฉะเชิงเทราเขต 3 กกต.ไม่นับคะแนนบัตรจากนอกประเทศฉะเชิงเทราเขต 3 กกต.ไม่นับคะแนนบัตรจากนอกประเทศตีเป็นบัตรเสียทั้งหมดเพราะแจ้งว่าบัตรยังส่งมาไม่ถึงจึงไม่นับคะแนนข่าวการเมืองเลือกตั้งPotter• 2 ปีที่แล้วmeter: false3 ความเห็น
- 1 คนสงสัยยืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบเก็บตก วันสุดท้าย เริ่มใช้สิทธิ 18 พ.ค. 66ยืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบเก็บตก วันสุดท้าย เริ่มใช้สิทธิ 18 พ.ค. 66ข่าวการเมืองMrs.Doubt• 2 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข่าวการเมืองเลือกตั้งมีม เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัวmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข่าวการเมืองเลือกตั้ง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยรศ.หริรักษ์ สูตะบุตร 10 พฤษภาคม 2566 คงไม่มีข้อสงสัยอีกแล้วว่า พรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่ว่ากำลังมาแรง กับกลุ่มคนหนุ่มสาวที่พยายามกัดเซาะสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เสื่อมลง มีความเชื่อมโยงกันอย่างเป็นเนื้อเดียวกัน และยังคงพยายามอย่างแข็งขันต่อเนื่องที่จะกัดเซาะต่อไปจนน่าแปลกใจ ไม่มีใครเลยในกลุ่มนี้ที่สำนึกว่าพระมหากษัตริย์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อบรรพบุรุษและครอบครัวตัวเอง ถึงตรงนี้อยากจะเล่าเรื่องที่ผมเคยเล่ามาครั้งหนึ่งแล้ว วันนี้จะขอนำกลับมาเล่าอีกครั้ง เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อผมยังเด็กๆ คุณยายผมซื้อบ้านพักตากอากาศที่หาดชะอำ ซึ่งเป็นบ้านที่สร้างในยุคเดียวกันกับ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ชื่อ "บ้านปลุกปรีดี" เมื่อครั้งกระโน้น ผมและพี่ๆในช่วงเวลาปิดภาคเรียน จะใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหลังนี้โดยมีคุณยายเป็นผู้ดูแล หาอาหารการกินให้ทุกมื้อ พวกเราตื่นแต่เช้าก็ไปหาน้ำตาลสดกัน ไปรอซื้อจากใต้ต้นตาล น้ำตาลสดจะบรรจุอยู่ในกระบอกไม้ไผ่ เป็นน้ำตาลสดที่ยังไม่ผ่านความร้อน หวานหอมยิ่งนัก หลังอาหารเช้าก็ลงทะเล เล่นน้ำทะเล หาหอยเสียบ กลับเข้าบ้านทานอาหารกลางวัน บ่ายลงทะเล เย็นทานอาหารเย็น หลังอาหารเย็นลงทะเลไล่จับปูลม ชีวิตช่วงนั้น เป็นชีวิตที่สนุกและมีความสุขจนจำได้ไม่เคยลืมจนถึงทุกวันนี้ ที่บ้านชะอำแห่งนี้ คุณยายอนุญาตให้คนท้องถิ่นคนหนึ่งชื่อ นายอ๋วย มาปลูกกระต๊อบอยู่ฟรีๆทางด้านปลายสุดของที่ ดูเหมือนนายอ๋วยจะเป็นช่างที่มาช่วยซ่อมบ้านให้ นายอ๋วยมีลูกชายหลายคน ลูกของนายอ๋วยบางคนก็มีความสนิทสนมกับเรา หลังจากที่คุณยายจากไป คุนพ่อคุณแม่และพวกเราก็ยังมาพักตากอากาศที่บ้านหลังนี้เป็นประจำ หลังจากนายอ๋วยเสียชีวิต ลูกคนโต และคนกลาง ย้ายออกไปใช้ชีวิตอยู่ที่อื่น ลูกคนเล็กที่ยังคงอาศัยอยู่ในที่แปลงนี้ วันหนึ่ง ตัวเขาร่วมกับเพื่อนๆของเขากับทนายความคนหนึ่งถือโอกาสใช้ช่องกฎหมาย แอบไปยื่นศาลจังหวัดเพชรบุรี ขอครอบครองปรปักษ์ที่ดินครี่งหนึ่ง คือด้านหลังที่เขาปลูกกระต๊อบอยู่ ความจริงเราไม่น่าจะมีโอกาสที่จะรู้เรื่องนี้เลย แต่บังเอิญเพื่อนของเขาคนหนึ่งเกิดความขัดแย้งกับเขา จึงนำเรื่องนี้มาบอกเรา เราจึงไปยื่นฟ้องค้านได้ทันก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา ต่อสู้คดีกันกว่าจะชนะก็ใช้เวลาเป็นปี ซึ่งเหนื่อยและต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่น้อยกว่าเรื่องจะจบ สุดท้ายเรายังให้เงินผู้ที่พยายามยึดครองที่ของเราไปจำนวนไม่น้อยเป็นค่ารื้อถอน กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ก่อตั้งพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง พยายามจะเปลี่ยนประเทศ ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ อ้างตลอดเวลาว่า ประเทศไทยเป็นของประชาชน หาใช่เป็นของพระมหากษัตริย์ไม่ คนกลุ่มนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับลูกชายคนเล็กของนายอ๋วยที่บ้านชะอำของครอบครัวผม ที่ได้อาศัยอยู่อย่างสุขสบาย สุดท้ายพยายามยึดเป็นที่ของตัวเอง ปฐมกษัตริย์ตั้งแต่สมัยสุโขทัย กรุงศรีอยุทธยา กรุงธนบุรี กรุงรัตนโกสินทร์ ล้วนเป็นพระมหากษัตริย์ที่นำทัพออกรบ รวบรวมดินแดนก่อตั้งประเทศ พระองค์ต่อๆมาก็มีทั้งต้องทำสงครามเพื่อป้องกันประเทศเมื่อถูกรุกราน เมื่อประเทศชาติต้องเสียเอกราชถูกยึดครอง ก็มีพระมหากษัตริย์ทรงทำสงครามเพื่อกู้ชาติจนได้รับเอกราชอีกครั้ง หากไม่มีพระมหากษัตริย์ เราอาจไม่มีประเทศอย่างทุกวันนี้ ในราชวงศ์จักรี หากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และกรมพระราชวังบวรสุรสิงหนาท ทรงนำทัพรบกับทัพพ่ายแพ้พม่าในสงครามเก้าทัพ เราก็อาจไม่มีประเทศไทย อาจเป็นแบบเดียวกับมอญ กระเหรี่ยง หรือกระทั่งโรฮิงญา ด้วยเหตุนี้สำหรับประเทศเรา หากจะถือว่าพระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์ทรงเป็นเจ้าของประะเทศ ก็เป็นการถูกต้องแล้ว เมื่อพระมหากษัตริย์ปกครองประเทศ มีคนต่างถิ่นอพยพมาพี่งพระบรมโภธิสมภาร ได้รับพระบรมราชานุญาตให้มีที่ดินทำกินจนมีเงินมีทอง พวกเขาเหล่านั้นก็ยังคงตระหนักว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นเจ้าของประเทศ และยังสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ แต่ต่อมามีลูก ลูกๆก็ยังมีความสำนึกเช่นเดียวกับรุ่นพ่อ รุ่นแม่ และคงสืบทอดกันต่อๆมา แต่มาวันนี้ รุ่นหลาน รุ่นเหลน ของผู้ที่เคยขอเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารจำนวนหนึ่ง ละเลยเรื่องพระมหากรุณาธิคุณที่พระมหากษัติริย์มีให้รุ่นปู่ รุ่นทวด เสียสิ้น กลับตั้งหน้าตั้งตาหาเรื่องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ป้อนข้อมูลผ่านสื่อยุคใหม่ สร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เกิดขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้เติบโตมาในยุคของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 สนับสนุนให้เกิดขบวนการกล่าวหา หมิ่นแคลน ย่ำยี จาบจ้วงองค์พระมหากษัตริย์ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งเกิดแนวร่วมที่หลงเชื่อเป็นจำนวนไม่น้อย ทำเช่นนี้กันอย่างไม่กลัวบาปกลัวกรรม ลองคิดกันดูว่า องค์พระมหากษัตริย์จะทรงรู้สึกอย่างไร และพระเจ้าอยู้หัวรัชกาลที่ 9 หากยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่จะทรงรู้สึกอย่างไร จริงอยู่หากจะกล่าวว่า ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศก็คงไม่ผิด แต่การเป็นเจ้าของประเทศหมายถึงการมีสิทธิอาศัยอยู่ในประเทศ มีสิทธิเป็นเจ้าของที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ มีสิทธิทุกประการตามที่กฎหมายกำหนด หาได้มีสิทธิจะทำอะไรกับประเทศก็ได้เหมือนกับทำอะไรก็ได้กับที่ดินหรือบ้านที่ตัวเองเป็นเจ้าของไม่ ความเป็นเจ้าของประเทศต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและกฎเกณฑ์ต่างฯของบ้านเมือง ไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ ยิ่งไม่อาจขายประเทศของตัวเองได้ คนกลุ่มนี้ได้ดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ จะถึงขั้นตอนสำคัญ เป็นขั้นตอนที่พวกเขาพยายามจะยึดการปกครองของประเทศผ่านการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย หากทำสำเร็จเขาก็คงจะดำเนินการในขั้นต่อๆไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายของเขา กรณีที่คนกลุ่มนี้พยายามที่จะยกเลิกมาตาม 112 เมื่อไม่สำเร็จ เปลี่ยนเป็นมาเป็นขอแก้ไข ลดโทษ ให้มีโทษปรับได ที่สำคัญคือ เอามาตรา 112 ออกจากหมวดความมั่นคง แสดงว่าพวกเขาเห็นว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่มีความเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ และต้องการทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์อ่อนแอลง กรณีที่ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภาของไทย เชิญเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยมาชี้แจง เรื่องการที่มีคนไทยส่งหนังสือร้องเรียนไปยังวุฒิสภาว่า สถาบันพระมหากษัตริย์และทหารแทรกแซงการเลือกตั้ง และวุฒิสมาชิกสหรัฐกลุ่มหนึ่งขานรับ และกำลังจะเสนอวุฒิสภาให้มีมติ 114 กล่าวหาสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยว่าแทรกแซงการเลือกตั้ง ทั้ง 2 กรณีเป็นการบ่งชี้ว่า มีความเป็นไปได้มากที่กลุ่มการเมืองกลุ่มนี้มีการติดต่อกับต่างชาติ นี่อาจเป็นความจริงที่น่ากลัวที่สุด จากที่ได้ฟังพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ตอบคำถามของคุณ สันติสุข มะโรงศรี ทาง Top News ทำให้ทราบว่า ทั้งสองท่านตระหนักและเห็นว่าเรื่องข้างต้นเป็นเรื่องจริงและจะกระทบต่อความมั่นคงของชาติ อีกพรรคหนึ่งที่ตระหนักเรื่องนี้คือพรรคไทยภักดี พรรคอื่นๆหากไม่ได้เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเสียเองก็คงเห็นว่าเป็นเรื่องเหลวไหล จึงไม่มีพรรคใดให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้แม้แต่พรรคเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้ หากเรายังให้ความสำคัญต่อความเป็นชาติ ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ คงไม่ต้องบอกว่า เราควรเลือกเบอร์อะไร พรรคใด ให้เข้ามาบริหารประเทศ ขอย้ำอีกครั้ง พวกเขาทำกันเป็นขั้นเป็นตอน เป็นขบวนการ หากทุกท่านอยากทราบว่าขั้นตอนทั้งหมดมีขั้นตอนใดบ้าง กรุณาดูคลิปตอนที่ 2 ของพลเรือเอก ชาตร์ นาวาวิจิต อดีตเจ้ากรมยุทธการ และอดีตผู้บัญชาการสถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง ที่วิเคราะห์ไว้ ตาม link ด้านล่างได้เลย https://www.youtube.com/watch?v=w2L99EeQjPI&feature=youtu.beข่าวการเมืองเลือกตั้ง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว