1 คนสงสัย
“น้ำส้มสายชูหมัก” ลดลิ่มเลือดอุดตันจากวัคซีนโควิด-19
ไม่ระบุชื่อ
 •  1 เดือนที่แล้ว
meter: false
1 ความเห็น

วัคซีนโควิด

thanathun เลือกให้ข้อความนี้❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง

เหตุผล

การเกิดลิ่มเลือดอุดตันจากวัคซีนโควิด-19 ชนิดอะดีโนไวรัส เช่นวัคซีน Astrazeneca ยังแตกต่างจากการเกิดลิ่มเลือดอุดตันประเภทอื่น ๆ โดยประเภทของล

ที่มา

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    หมอชี้ทานยาคุมทำเสี่ยงเกิด “ลิ่มเลือดอุดตัน” สูง อาจอันตรายถ้าฉีดวัคซีนโควิด ซีโนแวค จริงหรือ
    สาวแชร์เพื่อนฉีดวัคซีนโควิด “ซิโนแวค” ไร้อาการข้างเคียง ผ่านมา 5 วัน รู้สึกใจสั่น วูบเป็นลม สุดท้ายเข้า รพ. เจอ “ลิ่มเลือดในปอด” ก่อนเสียชีวิต หมอชี้ทานยาคุมทำเสี่ยงเกิด “ลิ่มเลือดอุดตัน” สูง จริงหรือ
    anonymous
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    แอสตร้าเซนเนก้ายันผลทดสอบว่าไม่เพิ่มความเสี่ยงลิ่มเลือดอุดตัน จริงหรือ
    มีข่าวกันว่าวัคซีน แอสตราเซเนก้า ทำให้เกิดภาวะอุดตันลิ่มเลือด แต่บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ได้ระบุในถ้อยแถลงถึงการทบทวนอย่างระมัดระวังในข้อมูลความปลอดภัยที่มีอยู่ทั้งหมดของประชาชนมากกว่า 17 ล้านคน ที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ในสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร ไม่พบหลักฐานเพิ่มความเสี่ยงของลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด ลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำรุนแรง หรือ ภาวะเกล็ดเลือดตํ่า ในทุกกลุ่มอายุที่กำหนด ทุกเพศ ทุกล็อต หรือไม่ว่าจะในประเทศไหนๆ จริงหรือ
    anonymous
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ท่านที่คิดจะฉีดวัคซีน mRNA โปรดสละเวลาฟังคลิปนี้หน่อย หมอคนนี้รักษาคนไข้ในอเมริกา บอกว่าเริ่มพบคนไข้มีปัญหาโรคภูมิแพ้ตนเอง (Auto-immune Disease), มะเร็งผิวหนัง (Melanoma) เพิ่มขึ้น 20 เท่าเมื่อเทียบกับก่อนการฉีดวัคซีน และยังกล่าวอีกว่า โรคโควิด19 สามารถรักษาให้หายได้หากคนไข้ได้รับยา Ivermectin ในระยะเริ่มต้น นั่นหมายถึงไม่ปล่อยให้ โรคล่วงเลยไปสู่เฟสที่ 2 คือการลงไปทำลายปอด ซึ่งการอักเสบที่ปอดนี้เองเป็นสาเหตุให้เนื้อปอดที่สามารถแลกเปลี่ยนอ๊อกซิเจนให้เม็ดเลือดลดลง ทำให้อวัยวะเริ่มล้มเหลวเริ่มจากไตวาย และตามด้วยตับวาย คนไข้จึงมีอัตราการเสียชีวิตได้รวดเร็ว อันเนื่องมาจากการอักเสบและการเกิดลิ่มเลือดที่ปอด คนไข้ในเฟสที่ 2 นี้จะไม่พบการแบ่งตัวของไวรัสแล้ว แต่สามารถพบเศษทรากไวรัสและเศษหนามไวรัส (Spike Proteins) ได้เป็นจำนวนมาก จากการศึกษาทาง Microbiology พบว่าแค่เพียงหนามไวรัส หรือ Spike Protein ก็ทำให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อและทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันในเสันเลือดได้ดังนั้น Spike Protein จึงเป็นอาวุธสำคัญของโคโรนาไวรัสนี้ แต่เขากลับนำอาวุธของ SARs-CoV2 มาทำวัคซีน นั่นเท่ากับฉีดอาวุธของไวรัสให้คนโดยตรง ท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อย่อมเป็นสิทธิ์ของท่าน แต่อย่าบอกว่า เราไม่เตือนท่าน หากท่านจำเป็นต้องฉีดวัคซีน ขอให้เป็นวัคซีนเชื้อตายปลอดภัยที่สุด รองลงไปคือ ไวรัสเวคเตอร์และที่อันตรายที่สุด คือ mRNA. ด้วยความปรารถนาดีจาก ทพญ.อุบลรัตน์ วรรณวิสูตร DDS, MPH, MS, Diplomate American Board of Periodontology https://youtu.be/tUE5EBPt-lU
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 2 คนสงสัย
    ของจริง....มาแล้วนะครับ โควิด - 19 สายพันธุ์อังกฤษ British variant ( B.1.1.7 ) ที่ตอนนี้กำลังระบาดหนักไปทั้งโลกนะครับ ไม่ใช่แค่ที่ไทย ประเทศไทยน่ะหรือ ... ยังแค่เริ่มต้น แค่เริ่มต้นจริงๆนะ ที่อังกฤษ ต้นทางของเจ้าสายพันธุ์ดุนี้ มีคนเสียชีวิตกับไวรัสตัวนี้ไปแล้วประมาณ "หนึ่งแสนสองหมื่นคน" ช่วงที่พีคมากๆ มีคนตาย"ต่อวัน" คือ พันกว่าคน (ตายวันละพันกว่านะครับ พันหก เกือบๆพันเจ็ด เห็นตัวเลขแล้ว ขนลุกเลย) ช่วงผ่อนปรนล็อคดาวน์ที่อังกฤษตอนคริสมาสต์ มีการติดเชื้อแบบที่ติดกันทั้งครอบครัว เข้าโรงพยาบาลกันทั้งครอบครัว และ ตายกันทั้งครอบครัวเกิดขึ้นแล้วที่นั่น ช่วงที่เชื้อนี้กระจายกันแบบพีคๆ มีรายงานว่า ติดกันที่ตัวเลขต่อวันคือ หกหมื่นกว่าราย ย้ำ... วันละ หกหมื่นราย มีหลักฐานสนับสนุนทางการแพทย์ชัดเจน ว่าสายพันธุ๋นี้ติดง่ายกว่าสายพันธุ์อู่ฮั่น และ สายพันธุ์อินเดีย ที่เราเจอมาก่อนหน้านี้ และถ้าเราคิดว่า ที่ผ่านมา เรายังรอด ตอนนี้ก็สบายๆเหมือนเดิมก็ได้ ก็น่าจะประเมินเชื้อนี้ต่ำไปแล้ว... และถ้ายังเชื่อว่า สายพันธุ์นี้ อาการไม่รุนแรง ก็คิดใหม่นะครับ มีรายงานในประเทศไทยของเราพบว่า พบอาการรุนแรงในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง อาการเจ็บคอมาก เหมือนมีดบาด เสมหะมีเลือด หายใจได้ไม่ปกติ จนกระทั่งพัฒนาไปสู่อาการปอดบวม ( pneumonia ) เกิดขึ้นได้เยอะมากนะครับ ลงปอดกันเป็นว่าเล่นเลย ซึ่ง ณ จุดนั้น ต้องรักษาแบบซีเรียสแล้วนะครับ โอกาสไปถึงโคม่า นอนไอซียู ใกล้เข้ามาแล้ว และแพทย์หลายๆท่านให้ความเห็นว่า การจัดการตอนอยู่ในไอซียูของโรคนี้ มีความซับซ้อนมาก ถ้าได้หมอเก่งๆระดับเทพ ว่าไปอย่าง แต่เอาเข้าจริงๆ บ้านเราไม่ได้มีหมอในระดับนั้น มากอย่างที่เราคิด คนสูงวัย น้ำหนักตัวเยอะ ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ คนที่มีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดัน หัวใจ หอบหืด ไม่จำกัดวัย ถ้าเราเข้าข่าย ก็ระวังให้มากกว่าคนอื่นๆเถอะครับ โอกาสรุนแรงไปถึงปอด สูงมากกก และที่เรายังไม่ได้ยินข่าวคนเสียชีวิตในครั้งนี้ จนทำให้หลายๆคนคิดแค่ว่า เป็นแค่หวัดกระจอกๆธรรมดาๆนั้น เพราะมันยังเป็นแค่การเริ่มต้น สงสัยว่าติด ไปตรวจ เข้าโรงพยาบาลได้เลย มีที่นอน มีหมอดูแล โคม่าขึ้นมา ยังมีหมอดูแล มีเครื่องช่วยหายใจอยู่ในตอนนี้ ก็เลยพอจะช่วยเหลือกันทัน แต่ว่า... ดูสถิติของวันนี้ 15 เมษายน ตามรูปสิครับ ไม่ต้องดูที่จำนวนคนติดเชื้อ 1,543 นะ ... มองผ่านไปได้เลย พันห้า บางคนจะคิดในใจว่า แล้วไง ไปดูที่จำนวนคนที่กำลังรักษาตัว นอนโรงพยาบาลอยู่ตอนนี้สิครับ ช่องสีเขียวๆน่ะ " 8,973 ราย " นี่คือคนที่กำลังนอนโรงพยาบาลตอนนี้อยู่ ซึ่งจะถึงหมื่นเตียง ในอีกวันสองวันนี้แน่นอน และคนพวกนี้จะยังต้องนอนยึดเตียงไปอีกเรื่อยๆ ไม่ต่ำกว่า 10 วัน นั่นหมายความว่า ถ้าเราเกิดติดโควิดขึ้นมา ในวันถัดๆไปหลังจากนี้ จะเหลือเตียงให้เรานอนรักษา .... น้อยลงไปทุกที และเตียงจะเริ่มทยอยกันเต็มไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเหมือนต่างประเทศ คือ ไม่มีเตียงให้ใครอีก คราวนี้ ต่อให้มีเงิน ก็หาเตียงนอนไม่ได้หรอกครับ จะโทรร้องเรียนที่เบอร์ไหน ใครก็คงช่วยไม่ได้ มีประกันกี่ฉบับ ก็ไม่มีผล ไม่ต้องพูดถึงโรงพยาบาลเอกชนหรอกนะครับ โรงพยาบาลสนาม .... ก็จะเต็มไปด้วย แย่ไปกว่านั้นก็คือ ... เรามีเครื่องช่วยหายใจไม่มากพอ เราหาซื้อตอนนี้ ไม่ทันหรอกนะครับ ทั้งโลก ใครก็อยากได้ แล้วในวันที่เกิดซวย ปอดบวม อาการโคม่า เราต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเพื่อยื้อชีวิตนะครับ ถ้าในเวลานั้น ไม่มีเครื่องช่วยหายใจเหลือเลย เพราะคนก่อนหน้านี้ก็เอาไปใส่กันหมดแล้ว มันก็จะเหมือนกับที่ต่างประเทศ คือ เครื่องช่วยหายใจที่เหลืออยู่ 1 เครื่อง จะเลือกใส่ให้ใคร และที่เหลือ ก็ต้องปล่อยให้ตาย.... วันนั้นแหละ เราจะเข้าใจความหมายว่า ทำไม เราจึงควรช่วยกัน ในวันที่ยังทำได้ในวันนี้... ........................................ ....................................... พรุ่งนี้ จะมีคนติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ เพราะตอนนี้ ทุกคนดูชินชากับโควิด รอดมาแล้วหลายครั้ง ยังไม่เห็นมีอะไร เดี๋ยวก็ลดลงไปเอง ตั้งแต่ระดับผู้นำ จนถึงคนธรรมดาๆข้างถนน ที่ผมยังเห็นนั่งดื่มกันสนุกสนานกันอยู่เลย ประเทศไทยเราโชคร้าย ตรงที่ได้เจอกับสายพันธุ์ที่ติดง่ายที่สุด ในวันที่เราประมาทที่สุด เพราะถ้ามาตั้งแต่รอบแรก ที่เรายังตื่นตัวกันอยู่ ก็คงไม่น่ากลัวอะไรมากนัก อ่านจบแล้ว ไม่ต้องประสาทกินหรอกนะครับ แต่ต้องกลับมายอมรับ และตระหนักจริงๆจังๆได้แล้ว ว่าเรากำลังเจอกับอะไรที่หนักหนาและรุนแรงกว่าเดิม ออกบ้านเท่าที่จำเป็นเถอะครับ หลีกเลี่ยงการไปในที่ซึ่งคนเยอะๆ งดไปเลย อย่าใส่หน้ากาก ล้างมือ รักษาระยะห่าง แบบที่ทำไปอย่างงั้นๆเอง แต่จงทำมัน เหมือนเป็นสิ่งเดียวที่กำลังรักษาชีวิตเราไว้ เพราะมันช่วยได้จริงๆ... อย่าเบื่อการอยู่บ้าน เพราะเชื่อเถอะว่า สบายกว่าโรงพยาบาลสนาม สบายกว่าแอร์ในห้องไอซียู และไม่ต้องต่อคิวเครื่องช่วยหายใจจากใครนะครับ แล้วมันก็จะผ่านไป ไม่มีอะไรอยู่กับเราไปได้ตลอดหรอก แต่ต้องช่วยกัน และให้มันผ่านไปให้เร็วที่สุด อย่าให้มีสถิติการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ แล้วค่อยมาเสียใจ ไม่ต้องไปหวังพึ่งวัคซีนตอนนี้ ยี่ห้อแอสตร้า ---> เดนมาร์คสั่งหยุดใช้ถาวรแล้ว ส่วนยี่ห้อจอห์นสัน ---> อเมริกา สั่งหยุดใช้ไปแล้ว ซินโนแวคของจีน ประสิทธิภาพต่ำ แถมไม่ยอมเปิดเผยผลการทดลองเฟส 3 และตอนนี้จีนยังเร่งศึกษาทำวัคซีนตัวใหม่ แสดงว่า อีที่ออกมาขายนี้ ไม่ดีอย่างที่คิด ดีจริง จะปิดไว้ทำไม แล้วจะไปทำอันใหม่ทำไมอีก... คิดง่ายๆแค่นี้พอ ที่สำคัญ ประเทศไทย ยังฉีดได้ไม่ถึง 1% ของประชากรทั้งประเทศ ฉีดไป ก็เสี่ยงเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งถ้ามันไปตันในที่สำคัญๆ คือ ตายได้เลยนะครับ พึ่งตัวเอง ดูแลตัวเอง คือทางออกที่ดีที่สุด ที่ต้องทำในตอนนี้แล้ว... ช่วงนี้ครูโยคะทั้งหลาย งานอาจจะน้อยลงหน่อย ลำบากหน่อย แต่ยังหายใจได้ ยังแข็งแรง คือดีที่สุดแล้ว... งาน กับ เงิน ไม่ได้หายไปไหน มันแค่เลื่อนออกไปรอเราข้างหน้า คำว่า "เงินทอง ถ้าไม่ตาย หาใหม่ได้" น่าจะประโลมใจได้ดีที่สุดจริงๆในตอนนี้ ถ้าเราบอกว่า โควิดไม่กลัว กลัวอดตาย มากกว่า ..ก็ไม่ผิดหรอกครับ คนเรามีชีวิตที่ต่างกัน เพียงแต่เรากลัวอดตายได้ และก็กลัวโควิดไปด้วยพร้อมๆกันได้ โดยใช้สติคอยกำกับ ออกไปทำงาน ออกไปหาเงิน ถ้ามันจำเป็น แต่ก็ไปด้วยสติ ไปด้วยความระวังตัวที่สุด ไม่ได้เขียนเพื่อให้กลัวและอดตายอยู่ที่บ้านครับ แต่เขียนเพื่อให้ ออกไปทำงาน ด้วยความไม่ประมาท และระวังตัวให้มากที่สุด เท่านั้นเอง สำหรับใครที่พอจะเลือกได้... ก็ถึงเวลาที่เราจะได้เห็นตัวตนของเราจริงๆแล้วนะครับว่า "สุขภาพ กับ เงิน" เราเป็นคนที่จะเลือกอะไร...
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    จริงหรือ ผู้ติดเชื้อโควิด เมื่อหายจากโรคแล้ว ก็ยังคงจะมีอาการแทรกซ้อนระยะยาวได้อีก
    ผู้เชี่ยวชาญระบุ 30-35% ของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่รักษาหายแล้ว มีอาการแทรกซ้อน โดยพบมากที่สุดและอาจทำให้เสียชีวิตได้ คือ การเกิดลิ่มเลือดอุดตันในเส้นเลือด
    naydoitall
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    สหรัฐระงับการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จริงหรือ
    หน่วยงานด้านสุขภาพในสหรัฐฯ 2 แห่ง เรียกร้องให้ระงับการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เนื่องจากพบกรณีผู้ที่ได้รับวัคซีนที่เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน จริงหรือ
    anonymous
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    คำแนะนำการแก้ไขเส้นเลือดแข็งตัว หลีงฉีดวัคซีนแอสตร้า จริงหรือไม่
    แพทย์ รพ.บำรุงราษฎร์แจ้งว่าตามปกติหลังจากฉีดวัคซีนแอสตร้าแล้ว เรื่องลิ่มเลือดแข็งตัว แก้ได้ง่ายมากแต่ส่วนใหญ่คนสูงอายุมักไม่รู้คือ ก่อนฉีดให้ทานน้ำมากๆ เพื่อให้เลือดโฟลว์ หลังจากฉีดเสร็จ ให้นั่งรอ ช่วงนี้สำคัญคือ ต้องยืด/ขยุ้มมือ ยืดแขนขา ขยับนิ้วเท้า เพื่อให้เส้นยืดตัว แต่ไม่ให้หัวใจหักโหมจนเหนื่อย พอกลับบ้านห้ามนั่งนิ่งๆ หรือนอนทันที ต้องเดินช้าๆ แกว่งแขนขาตลอดเบาๆ ทานน้ำเป็นระยะ หยุดพัก แล้วเคลื่อนไหวทำโน่นนี่แบบไม่ต้องออกแรง ย้ำเลยอย่าเร่งหัวใจ เลือดจะโฟลว์ปกติได้ดี พอพ้นวันแรกได้ วัคซีนจะกระจายทั่วตัวตามเส้นไม่ตกค้างอุดตันที่จุดใดจุดหนึ่ง ก็จะปลอดภัย ออกกำลังกาย ท่านอน + นั่ง + ยืน ง่ายๆ ป้องกันลิ่มเลือดอุดตัน Covid-19 Blood CLOT PREVENTION EXERCISES I 3 PHYSIO Guided Home Exercises for Bed and Chair https://www.youtube.com/watch?v=OmDpde37OQg
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ส่งกลับตามคำแนะนำครับ ¤¤¤¤¤¤¤ ♥โภชนาการบำบัด♥ ~~~~~~~~~~~~~~~ ■ใครที่มีเพื่อนรัก! ก็ช่วยส่งกันต่อๆไปนะ ความรู้ใหม่..โภชนาการบำบัดโรค ♥1.ดื่มน้ำร้อนปลอด ทุกโรค ♥2.กินไข่ลวกวันละ สองฟอง ใส่พริกไทยดำตำเองหนึ่งช้อนชาจะห่างไกลจากอัลไซเมอร์ไม่ต้องไปหาหมอ ♥3.หยุดกินน้ำตาล ทราย เพราะเป็นสาเหตุก่อให้ เกิดโรคต่างๆ ♥4.กินทุเรียน ช่วยรักษาโรคมะเร็ง และแก่ช้า ♥5.กินแตงโม ช่วยแก้เลือดอุดตัน ลิ่มเลือด และช่วยบำรุงเลือด ถ้าเป็นผู้ชาย จะทำให้สมถรรพภาพทางเพศแข็งแรง ♥6.สตรีกินสับปะรด ช่วยกระช้บช่องคลอด ♥7.กินกล้วยไข่ ช่วยบำรุง ตับ ไต ผิว ตา กระดูก (เหมาะสำหรับคนทำงานหน้าคอมส์) ทำให้หน้าอกโตด้วย ♥8.กล้วยน้ำว้านำไป เผาทั้งเปลือก ช่วยรักษา ปวดหัว ตัวร้อน และเบาหวาน ♥9.กล้วยหอม เด็กถ้ากินช่วยให้ความ จำดีและสตรีวัยทองช่วยปรับฮอร์โมนให้กินกับ น้ำมะพร้าวอ่อนจะดีมาก ช่วยรักษาโรคฮันจิสัน (สตรีถ้ากินมากจะเซ็กส์จัดนะ) ♥10.น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น ใช้กินและนวดหน้า นวดร่างกายทำให้ดูอ่อนกว่าวัย รักษา ฝ้า กระ ดีมาก เพราะน้ำมันมะพร้าวเป็นสารตั้งต้นของเครื่องสำอางค์ทุกชนิด ♥11.กินน้ำมันหมูดีที่ สุดเพราะซ่อมสร้างเนื้อ เยื่อได้ ที่เหลือขับทิ้งได้ ไม่เหมือนน้ำมันพืชที่ ผ่านกรรมวิธีมีสารเคมี ตกค้างมากมายมีอัน ตรายต่อสุขภาพระยะ ยาวแน่นอน ♥12.กินหอมแดง,หอมใหญ่,กระเทียมและ ตามด้วยมะนาวฝานบางๆทั้งเปลือก2-3ชิ้นเพื่อ ดับกลิ่นเพื่อลดไขมันตัวร้ายในหลอดเลือดดีกว่ากินยาลดไขมันซึ่งมีผล ข้างเคียงที่อันตรายมาก ▪▪▪▪▪▪▪▪▪ ★ส่งต่อเป็นวิทยาทาน นะครับ ■ใครคือเพื่อน18คน ที่คุณจะไม่สามารถลืม ได้เลยในชีวิต ส่งให้แค่18 คนนั้น แล้วคอยดูว่าคุณเองได้กลับมาเท่าไหร่. เริ่มส่งได้แค่18คนนะ! อย่าลืมส่งให้เพื่อนคน พิเศษของคุณ (รวมถึงส่งกลับมาให้ข้าพเจ้าด้วยถ้าข้าพเจ้าเป็นคนพิเศษ) กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่ารัก มากๆ เลยนะ ถ้าคุณหรือกลุ่มได้รับ กลับมาอย่างน้อย 5คน ลองดูเลย
    ไม่ระบุชื่อ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ช็อก! Bill Gates เรียกร้องให้ถอนวัคซีน Covid-19 ทั้งหมด "วัคซีนอันตรายกว่าที่คิด" โดย W. Gelles วอชิงตัน- (MaraviPost) - ในการประกาศที่น่าตกใจ Bill Gates มหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft และกำลังสำคัญที่อยู่เบื้องหลังวัคซีน COVID-19 เรียกร้องให้มีการนำวัคซีนจากพันธุกรรม COVID-19 ทั้งหมดออกจากตลาดทันที ในการกล่าวสุนทรพจน์ทางโทรทัศน์ที่เจ็บปวดรวดร้าวบ่อยครั้ง 19 นาที เกตส์กล่าวว่า “เราทำผิดพลาดอย่างมหันต์ เราต้องการปกป้องผู้คนจากไวรัสอันตราย แต่กลับกลายเป็นว่าไวรัสมีอันตรายน้อยกว่าที่เราคิดไว้มาก และวัคซีนก็อันตรายเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้” โดย W. Gelles “วัคซีนเหล่านี้—ไฟเซอร์, โมเดอร์นา, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, แอสตร้าเซเนก้า—พวกมันกำลังฆ่าคนทั้งซ้ายและขวา—และพวกเขากำลังทำร้ายคนบางคนอย่างเลวร้ายมาก” เกตส์กล่าวต่อ โดยโบกมือขึ้นไปในอากาศเป็นครั้งคราวเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง “ข้อมูลของรัฐบาลเองแสดงให้เราเห็นว่านี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ระบบการรายงานของ CDC กำลังแสดงอะไร…ประมาณ 13,000 ผู้เสียชีวิตในสหรัฐอเมริกาและเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์กว่าครึ่งล้าน เราทุกคนรู้ดีว่าระบบการรายงานเป็นเรื่องหลอกลวง “เราทราบดีว่า VAERS [ระบบการรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากวัคซีนของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค] รวบรวมได้เพียงร้อยละหนึ่งของสิ่งที่เกิดขึ้น เรากำลังพูดถึงผู้เสียชีวิตจากวัคซีนโควิดมากกว่าล้านราย และผู้คนกว่า 60 ล้านคนที่มีผลข้างเคียงที่ไม่ดี” นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ สิ่งนี้ไม่เป็นที่ยอมรับ” นายเกทส์ยืนยัน หุ้นในวอลล์สตรีทของบริษัทวัคซีนโควิดรายใหญ่ทั้งหมดร่วงลง 20% ถึง 30% เนื่องจากนายเกตส์ประกาศว่าเขาเข้าร่วมในคำร้องเร่งด่วนของพลเมืองที่ยื่นโดยองค์กรป้องกันสุขภาพเด็กของโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ที่เรียกร้องให้มีอาหารสหรัฐฯ และ สธ. ถอนวัคซีนโควิดทั้งหมดออกจากตลาดทันที Gates กล่าวต่อว่า “ผู้คนจำนวนมากที่รับวัคซีนเหล่านี้เสียชีวิต… หนึ่งวัน สองวัน ห้าวันหลังจากได้รับการฉีดวัคซีน คนอื่นๆ มีอาการอัมพาต ตาบอด ชัก หัวใจวาย ระบบภูมิคุ้มกันล้มเหลว ลิ่มเลือดอุดตัน สมองอักเสบ ปอดหรือไตถูกทำลาย การแท้งบุตร โรคภูมิต้านตนเอง ความล้มเหลวของระบบอวัยวะหลายส่วน ความเหนื่อยล้าถาวรอย่างถาวร และปัญหาร้ายแรงอื่นๆ อีกมากมาย “แน่นอน Media Mouthpieces ของเรา—ฉันหมายถึงสื่อกระแสหลัก ละเลยโศกนาฏกรรมเหล่านี้ทั้งหมดว่าเป็น 'แค่เรื่องบังเอิญ'” “เหตุผลที่พวกเขาพูดอย่างนั้น” เกทส์อธิบาย “เป็นเพราะสิ่งที่ฉันทำที่งาน 201 ซึ่งเป็นการจำลองสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าที่นิวยอร์กในเดือนตุลาคม 2019 เพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่เราจะประกาศการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นจริง ฉันได้รับหนังสือพิมพ์ ช่องทีวี และสถานีวิทยุรายใหญ่ทั้งหมดเพื่อตกลงที่จะปฏิบัติตามคำบรรยายอย่างเป็นทางการ—'วัคซีนมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ' และเพื่อเซ็นเซอร์ใครก็ตามที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับ BS นี้ “ดังนั้น สาธารณชนจึงไม่เคยได้ยินหลักฐานจากแพทย์และนักวิจัยทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียงหลายร้อยคนที่เตือนว่าวัคซีนมีอันตรายและมักเป็นอันตรายถึงชีวิต” “นั่นเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของฉัน” เกทส์กล่าว ดูเหนื่อยและบางครั้งก็มีน้ำตา “เราไม่ควรทำอย่างนั้น ประชาชนมีสิทธิทุกอย่างที่จะได้รับข้อมูลข่าวสารที่ดี เพื่อรับข้อเท็จจริงทั้งหมดเพื่อที่พวกเขาจะได้ตัดสินใจอย่างมีเหตุมีผล” เปลี่ยนหัวข้อราวกับว่าต้องการแสดงความเห็นอกเห็นใจ มิสเตอร์เกทส์วางใจว่า: “ฉันผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากและค้นหาจิตวิญญาณมากมายตั้งแต่เมลินดาทิ้งฉัน การหย่าร้างครั้งนี้ทำให้ฉันต้องมองตัวเองให้ดี ฉันไม่ต้องการที่จะถูกจดจำในฐานะสัตว์ประหลาดที่ฆ่าคนนับล้านด้วยวัคซีนที่อันตรายถึงตาย ฉันไม่ใช่สัตว์ประหลาด ฉันไม่ใช่ฆาตกร ฉันไม่ต้องการให้ครอบครัว เพื่อน และบริษัทจำได้ว่าฉันเป็นนักฆ่าหมู่ "บางคนเรียกฉันว่าเป็นนักสังคมสงเคราะห์หรือแม้แต่โรคจิตเภทเพราะแผนการณ์ของฉันในการช่วยเหลือมนุษยชาติ - เช่นการลดภาวะโลกร้อนด้วยการพ่นฝุ่นสู่บรรยากาศชั้นบนหรือปล่อยยุงดัดแปลงพันธุกรรมหลายล้านตัวเพื่อต่อสู้กับไข้เลือดออกและไวรัสซิกา"
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    นศ.หนุ่มวัย 19 เป็นลมหมดสติกะทันหัน พอผลการวินิฉัยของคุณหมอออกมา ทุกคนตกใจจนเข่าแทบทรุด เว็บไซต์ต่างประเทศ ได้รายงานว่าในช่วงเช้าของวันหนึ่ง มีนักศึกษาหนุ่มหลายคนพาเพื่อนอายุ 19 ปี ที่เป็นลมหมดสติกะทันหัน มาที่โรงพยาบาล พวกเขาตะโกนเรียกหมอว่า “คุณหมอครับ ช่วยเขาที เขาเป็นลมหมดสติกะทันหันครับ” หลังจากถามอาการของคนไข้จากเพื่อน ๆอที่พามาส่งก็พบว่า คนไข้มีอาการขาซ้ายปวดและบวมในตอนตื่นนอน เพื่อน ๆที่นอนในห้องเดียวกันต่างคิดว่า เป็นเพราะเขาเหนื่อยและนอนหลับไม่ดี จึงมีอาการดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากทุกคนแต่งตัวเสร็จ และกำลังจะไปกินอาหารเช้าก็พบว่าเขายังไม่ได้ลุกจากที่นอน และได้ยินเขาบอกว่าเขาปวดขาซ้ายมาก ๆ ให้ทุกคนช่วยส่งเขาไปโรงพยาบาลหน่อย และในระหว่างทางไปโรงพยาบาล เขาก็เป็นลมหมดสติไปทันที หมอตรวจพบว่าเขาเป็นโรคหลอดเลือดดำอุดตันอโรคหลอดเลือดดำอุดตัน เกิดจากลิ่มเลือดแข็งตัวในหลอดเลือดดำ อาการนี้พบมากในบริเวณขาซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดหรือบวมของขาข้างนั้น ๆ ตั้งแต่น่องจนมาถึงต้นขาได้ เพื่อน ๆ ของเขาฟังแล้วรู้สึกตกใจ จึงรีบถามหมอว่า เหตุใดเขาถึงได้เป็นโรคนี้ หมออธิบายว่า สาเหตุก็เพราะว่า เขานั่งนานเกินไป การนั่งนาน ๆ นั้นจะทำให้กล้ามเนื้อไม่ได้ขยับติดต่อกันเป็นเวลานานและเลือดไม่สามารถไหลเวียนออกจากขาขึ้นมาสู่หัวใจได้ ทำให้เส้นเลือดดำในขาและเท้าเกิดการอุดตัน นักศึกษาคนนี้ชื่อ เซียว เขาติดเล่นเกม นั่งเล่นแทบไม่ขยับไปไหน ทุกคืนต้องเล่นยันตีสองตีสาม ถึงจะยอมไปนอน ส่วนสาเหตุที่เขาเป็นลมหมดสติ หมออธิบายว่า การที่เขานั่งเล่นเกมนาน ๆ ทำให้เป็นโรคหลอดเลือดดำอุดตัน และมีอาการหายใจไม่ออก สุดท้ายก็เป็นลมหมดสติไป พอหมออธิบายเสร็จ เพื่อนคนหนึ่งที่พามาส่งก็ต้องตกกะใจว่า “ผมเองก็ติดเล่นเกมเช่นกัน หลังจากนี้ไปคงไม่กล้านั่งเล่นนาน ๆ แบบนี้อีกแล้วล่ะ ภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน เป็นภาวะที่เป็นอันตราย มันสามารถหลุดไปยังบริเวณปอด ทำให้เกิดภาวะ ลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด ซึ่งมีอันตรายถึงชีวิต อาการของลิ่มเลือดอุดตันในปอด คืออาการหายใจไม่สะดวกเฉียบพลัน แน่นหน้าอกและเจ็บหน้าอกเป็นต้น การนั่งอยู่ในท่าเดิมนาน ๆ เช่นการเดินทางบนเครื่องบิน หรือบนรถ สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ หมออธิบายต่อว่า ผู้ป่วยที่เป็นโรคลิ่มเลือดอุดตันในปอด มี 90% เกิดจากภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน และมีผู้ป่วย 80% เป็นโรคลิ่มเลือดอุดตันในปอด โดยจะเริ่มจากไม่มีอาการอะไรเลย โดยประมาณ 25% ของโรคลิ่มเลือดอุดตันในปอด พบว่ามีการเสียชีวิตเฉียบพลันก่อนที่จะได้รับการวินิจฉัย ลิ่มเลือดอุดตันในปอด เป็นภาวะแทรกซ้อนที่ต้องระวังให้มากที่สุด เกิดจากลิ่มเลือดกระจายไปอุดตันที่เส้นเลือดในปอดซึ่งส่วนมากมาจากเส้นเลือดดำที่ขา ภาวะนี้อันตรายถึงชีวิต ถ้าไม่ได้รับการรักษา โชคดีที่เพื่อน ๆ ส่งตัว เซียว มาโรงพยาบาลทันเวลา หลังจากได้รับการรักษาเขาก็เริ่มฟื้นตัว พอรู้อาการของตัวเองเข้า เขาถึงกับต้องตะลึงจนพูดซ้ำ ๆ ว่า “แม่เจ้า เกือบไปแล้ว หลังจากนี้ไปผมคงไม่กล้านั่งนาน ๆ อีก และก็ไม่กล้าเล่นเกมดึกอีกแล้ว” หมอแนะนำว่า ไม่ว่าจะทำงานหรือเรียน ควรหาเวลาพักผ่อน และออกกำลังกายด้วย จะได้มีสุขภาพที่แข็งแรง แต่สำหรับคนที่ต้องนั่งนาน ๆ ควรลุกขึ้นยืนและเดินทุก ๆ 2 ชั่วโมง ดื่มน้ำมาก ๆ ไม่ควรนั่งนานเกินไปและไม่ควรให้ร่างกายขาดน้ำ เพราะจะทำให้เลือดอุดตันได้ นอกจากนี้แล้วการนั่งนาน ๆ อาจจะส่งผลทำให้เกิดโรคพวกนี้ได้ : 1. การนั่งนานเกินไปจะทำให้เจ็บสะโพก โดยมีอาการตึงและขยับไม่ค่อยได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อหดและตึงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การเคลื่อนไหวสะโพกลำบากนี่เองที่เป็นสาเหตุสำคัญ ทำให้ผู้สูงอายุ ล้มได้ง่าย 2. เมื่อร่างกายอยู่นิ่งเป็นเวลานาน ๆ เลือดและออกซิเจนจะไหลเวียนผ่านสมองน้อยลง ส่งผลให้สมองทำงานช้าลง คนที่นั่งนาน ๆ จึงรู้สึกสมองตื้อ เฉื่อยชา เหนื่อยล้านอนไม่หลับ ความจำเสื่อม 3. การนั่งนานเกินไปทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง ก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่นท้องผูก จุกแน่น แสบร้อนหน้าอก ท้องอืดหรืออาจทำให้น้ำ หนักตัวเพิ่มขึ้นได้ 4. การนั่งจะสร้างแรงกดที่กระดูกสันหลัง มากกว่าการยืน และสุขภาพแผ่นหลังจะยิ่งแย่ หากคุณนั่งหลังค่อมหน้าคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ 5. การนั่งนาน ๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่ เต้านม และเยื่อบุโพรงมดลูก แม้กระบวนการเกิดยังไม่ทราบแน่ชัด ซึ่งอาจเกิดจากตับอ่อนผลิตอินซูลินมากเกินไป และไปกระตุ้นให้เซลล์เจริญเติบโต แต่ข้อเท็จจริง ก็คือ การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอ จะกระตุ้นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ให้คอยกำจัดอนุมูลอิสระที่ทำให้เกิดเซลล์มะเร็ง ขอบคุณ:‭http://www.liekr.com/post_159433.htmlา
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false